ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Ajintai

    Ajintai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    549
    ค่าพลัง:
    +1,638
    [อ้างอิงจากท่านพนมกุเลน]---->"ประโยชน์สูงสุดยามตาย ก็คือความเข้าใจว่าร่างที่จะตายไม่ใช่เรา เป็นเลือดเนื้ออันเกิดจากข้าวปลาที่เอามาจากโลก และต้องคืนให้กับโลก" <--- สาธุ เป็นความจริงที่ทุกฅนต้องเจอแน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2012
  2. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ธรรมดับทุกข์ โดย ว.วชิรเมธี


    [​IMG]

    [​IMG]

    ในช่วงเวลาที่คนไทยจิตตก ตระหนกไปกับทุกกระแสข่าว ตกใจไปกับข่าวสารทุกๆช่องทางที่เผยแพร่ออกมา ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสพูดคุยกับ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ผู้ก่อตั้งสถาบันวิมุตตยาลัย สถาบันที่ศึกษา วิจัย ภาวนา และเผยแพร่ภูมิปัญญาทางพุทธศาสนาสู่ประชาคมโลก เพื่อมาให้ไขรหัสเอาชนะความทุกข์จากน้ำท่วม โดยใช้ “ธรรมะ” เข้าใจ “ธรรมชาติ” !!

    Q : ตามคำภีร์ไบเบิ้ลมีกล่าวถึงวันสิ้นโลก นอสตราดามุส ชนเผ่ามายัน ต่างก็กล่าวถึงวันสิ้นโลกเช่นกัน ในพระไตรปิฎกหรือพุทธทำนายของศาสนาพุทธ มีกล่าวถึงเรื่องวันสิ้นโลกหรือเปล่า…?

    A : มี แต่ไม่ได้บอกเวลา บอกแต่ว่า “ในอนาคตกาลนานไกลโพ้น โลกจะวิบัติเพราะน้ำ เพราะลม เพราะไฟ” ฉะนั้น ถือว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาโลก สิ่งไหนก็ตามที่มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น ก็จะมีการแตกดับไปในที่สุด อย่าตื่นตกใจกับธรรมดาของโลก เราต้องพร้อมที่จะอยู่ในโลกอย่างคนที่เป็นนักเรียน พร้อมที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนเราเป็นนักกีฬาที่วิ่งลงไปในสนามแล้ว เราก็ต้องยอมรับกฎกติกาของสนามนั้น เราถึงจะเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ

    เช่นเดียวกัน เราเกิดมาในโลก เราก็เป็นนักกีฬาของโลก เราก็ต้องพร้อมที่โลกจะมอบบทเรียนต่างๆให้กับเรา มองทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นบทเรียน แล้วเราก็จะเข้มแข็ง ยิ่งโจทย์ยากๆ ถ้าหากเราแก้โจทย์ได้ เราก็จะกลายเป็นคนที่เก่งมากขึ้นๆ ยิ่งขึ้นไป

    ดังนั้น มองอีกนัยหนึ่งก็คือความทุกข์มากปลุกให้เราตื่น เมื่อเราตื่นแล้วปีต่อๆไป เมื่อน้ำไหลมา เราก็จะกลายเป็นผู้ที่รับมือกับน้ำได้อย่างเชี่ยวชาญ

    Q : ควรจะใช้ชุดความคิดแบบไหนดีที่จะจัดการความทุกข์ เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนก็มีแต่ข่าว มีแต่คนเครียดๆ เพราะน้ำท่วมบ้าน คนที่ยังไม่โดนน้ำท่วมก็กลัว กลัวจนนอนไม่หลับ ไม่เป็นอันทำอะไร?

    A : อาตมาอยากจะให้ทุกคนคิดว่า อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน ณ เวลานี้ เรามาอยู่ตรงนี้แล้ว เราก็คงต้องยอมรับว่า สิ่งเหล่านี้มีสิทธิ์ที่จะเกิด เพราะว่านี่คือธรรมชาติ เรามาอยู่ในโลก เราต้องพร้อมจะรับมือกับทุกวิกฤติ เพราะว่าโลกมาอยู่ก่อนเรา แล้วเรามาทีหลัง ฉะนั้นก็ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเกิดขึ้นในโลกนี้

    วิธีที่ดีที่สุด “ให้มองปรากฏการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ว่าเป็นครูที่มาเตือนเราให้เราตื่น” เราอาจจะพากันหลับใหลอยู่ในความประมาท พอน้ำไหลบ่ามาปลุกให้เราให้ตื่น มองวิกฤติเป็นครูแล้วอยู่ด้วยกันแบบไม่ประมาท เพราะว่าน้ำมาแต่ละปี ก็จะทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในการรับมือมากยิ่งขึ้น

    นั่นหมายความว่า ในอนาคตเมื่อเราเรียนรู้วิธีที่จะรับน้ำในแต่ละปี แต่ละปี ในอนาคตประเทศเราอาจจะเป็นประเทศที่บริหารจัดการน้ำที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

    นี่คือมองให้บวก มองวิกฤติเป็นครูอยู่ด้วยความไม่ประมาท เติบโตจากความผิดพลาดเฉลียวฉลาดขึ้นมาจากความทุกข์ ในอนาคตเมื่อเราเรียนรู้จากการรับมือน้ำอย่างดีที่สุดและอย่างต่อเนื่อง ชนไทยอาจจะเป็นชนชาติที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการน้ำมากเป็นอันดับหนึ่งก็เป็นได้

    Q : คนที่สูญเสียบ้านและทรัพย์สินจากน้ำท่วม?

    A : ตอนที่เราเกิดมา เราทุกคนนั้นเปล่าเปลือยมาทั้งหมดเลย คุณมีแต่ตัวล้วนๆ คุณยังหาบ้านหารถหาเรือกสวนไร่นาได้อย่างมากมาย วัตถุเงินทองเสียไปแล้วถ้าหากวันหนึ่งคุณยังมีชีวิต ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด

    ดังนั้น เสียวัตถุเสียไป แต่จงรักษากำลังใจและชีวิตเอาไว้ ให้กำลังใจให้ชีวิตนี้เป็นสมบัติติดตัวเราไปตลอด ถ้าชีวิตนี้ยังมีชีวิตอยู่กำลังใจก็ยังมีอยู่ คุณสามารถสร้างวัตถุขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ควรเสียใจ เมื่อถึงเวลาพักที่นาคาที่อยู่

    ที่สำคัญให้รู้จักเสียสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เพราะชีวิตสำคัญมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าคุณไม่มีทรัพย์คุณสามารถหาใหม่ได้ แต่ถ้าคุณไม่มีชีวิตทุกอย่างทุกสิ่งก็จบตรงนั้นแล้ว ให้ยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ ให้ยอมสละทรัพย์

    เช่น บ้าน รถ วัตถุข้าวของทั้งหลายอย่าไปยึดติดถือมั่น มาเวลานี้ต้องเอาชีวิตให้รอดเสียก่อน ถ้าคุณยังมีชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสูญเสียไป หามาได้ใหม่ทั้งหมดไม่ต้องกังวล

    Q : คนที่เพิ่งสูญเสียคนรักจากน้ำท่วม?

    A : ก็ให้ทำใจยอมรับ อย่าโกหกตัวเอง เพราะว่ามันเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกคน พอเราเกิดมาแล้วก็ต้องมีอันต้องพลัดพรากจากบุคคลและสิ่งของอันเป็นที่รักเป็นเรื่องธรรมดา

    “พระพุทธเจ้าใช้คำว่าเป็นธรรมดา ท่านไม่ได้มองว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อเราเกิดมาแล้วเราก็ต้องจากพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักเป็นของธรรมดา เพียงแต่ว่ามันจะเกิดช้าเกิดเร็วเท่านั้น” เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเราก็ต้องยอมรับเพราะว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

    “เมื่อสุดมือสอยก็ต้องปล่อยมันไป” คนที่เหลือก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาใช้ชีวิตกันไปโดยไม่ประมาท เติบโตจากความผิดพลาด เฉลียวฉลาดขึ้นมาจากความทุกข์ สูญเสียอะไรก็สูญเสียไป แต่ต้องรักษากำลังใจเอาไว้ให้ดีที่สุด เพราะถ้าคุณสูญกำลังใจคุณสูญทุกอย่าง แต่หากคุณยังมีกำลังใจ คุณยังสามารถหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ใหม่อย่างแน่นอน

    Q : น้ำท่วมจนธุรกิจล้มละลาย?

    A : อาตมาอยากให้เขาคิดเหมือน “สตีฟ จ็อบส์” เพราะจ็อบส์เคยถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองก่อตั้ง

    แต่เขาบอกว่า “เขาแค่สูญเสียบริษัทไปเท่านั้น แต่ฉันไม่ได้สูญเสียความสามารถ ภูมิสติปัญญาที่อยู่ในหัวซะหน่อย”

    ดังนั้น เขาจึงก่อตั้งบริษัทใหม่แล้วกลายเป็นซีอีโอแห่งศตวรรษ คือในรอบ 100 ปีจะมีคนอย่างเขาคนหนึ่ง

    ฉะนั้น ก็ขอให้นักธุรกิจทั้งหลายที่ประสบกับความล้มละลายในระหว่างนี้ ให้บอกตัวเองว่าเราแค่สูญเสียข้าวของเงินทองเท่านั้น แต่เราไม่ได้สูญเสียชีวิต แล้วเราก็ไม่ได้สูญเสียความสามารถของการก่อร่างสร้างตัวของเราแต่อย่างใด

    ฉะนั้น เราสามารถเริ่มต้นกันใหม่ได้ คิดแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าเราจะไม่กลับมา “หลายคนเมื่อล้มเหลวแล้วกลับมาได้ดียิ่งกว่าเดิม เพราะว่าเขาได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญผ่านไปแล้ว”

    ถ้ามองแบบนี้ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว มันกลายเป็นว่ามันทำให้เราระมัดระวังในการใช้ชีวิต ระมัดระวังในการทำธุรกิจยิ่งขึ้น ความล้มเหลวมันจะทำให้เราได้รับบทเรียนที่ดี คุณอาจจะสูญเสียธุรกิจ เงินทุน แต่ตราบใดที่คุณยังมีความสามารถนั้นอยู่ในหัว คุณเริ่มต้นได้ใหม่ทั้งหมด

    Q : กล่าวโทษหน่วยงาน รัฐบาล ข้าราชการ คนอื่นๆ เพราะไม่มีคนมาช่วยเหลือตนเองซะที

    A : สิ่งที่เราต้องเข้าใจก็คือ เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้คราวนี้มันกินพื้นที่กว้างเหลือเกินกว่า 50 จังหวัด ไม่อยากให้กล่าวโทษใคร

    ในตอนนี้อยากจะให้เราช่วยซึ่งกันและกันไปก่อน รัฐบาลคือคนไทยเหมือนกับเรา มีความปรารถนาดีที่อยากจะช่วยเหลือเกื้อกูลเหมือนกัน แต่ต้องยอมรับว่าเราต่างเดือดร้อนด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จะให้ไปกระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นการยาก ให้มองด้วยความเข้าใจดีกว่าการกล่าวโทษ

    ดังนั้น อาตมาอยากให้คิดว่าจงพึ่งตัวเองก่อนที่จะพึ่งรัฐบาล เพราะว่าเวลาน้ำไหลมามันไม่รอรัฐบาลหรือรอใครทั้งสิ้น ธรรมชาติไม่มีการเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม

    สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ “อัตาหิ อัตตาโน นาโถ พึ่งตนก่อนพึ่งคนอื่น” ทำได้อย่างนี้แล้ว เราจะสามารถเอาตัวรอดได้ก่อนที่ความช่วยเหลือคนอื่นจะมาถึง ในส่วนของประชาชนคนไทยก็ขอโอกาสนี้เป็นการแสดงออกแห่งวัฒนธรรมแห่งน้ำใจ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทอดกฐินน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วม

    ท่ามกลางวิกฤติ เราก็จะเห็นได้ว่าความงดงามแฝงอยู่ เราจะเห็นได้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองแห่งการให้ เราอยู่กันมาด้วยการให้ และนี่คือวันเวลาที่จะทำให้เราให้ซึ่งกันและกัน ท่ามกลางความทุกข์ก็ยังมีความงดงามแห่งการให้ เป็นดั่งดวงดอกไม้ที่โดดเด่นอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาเสน่ห์น้ำใจของคนไทยตรงนี้เข้าไว้

    Q : โกรธ โมโห ด่าทอ ธรรมชาติ…?

    A : การด่าทอธรรมชาติ มันไม่ใช่อะไรหรอก เราเกิดมาเราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มองในมุมกลับกัน เช่น ต้นไม้อาจจะด่ามนุษย์ว่าเธอตัดฉัน เธอปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จนทำให้เกิดภาวะโลกร้อนในขณะที่เราด่าธรรมชาติ

    คุณรู้ไหมว่าธรรมชาติอาจจะด่าเรา มันไม่ช่วยอะไร แนะนำให้เราเรียนรู้จากธรรมชาติ เพราะว่าธรรมชาติคือมารดาบิดาของมนุษยชาติ มนุษย์ทุกคนคือลูกหลานของธรรมชาติ คุณไม่ควรไปด่ามารดาบิดาของคุณ ควรจะเรียนรู้จากมารดาบิดาของคุณว่าเขามีธรรมชาติอย่างไร

    พอเราเรียนรู้จากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เราก็จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย การด่าจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา การเรียนรู้ธรรมชาติเท่านั้นถึงจะทำให้เราอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย

    Q : ถ้าจะต้องมีคนผิดกับเหตุการณ์วิปโยคน้ำท่วมในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทั้งเศรษฐกิจ ชีวิต และสิ่งมีค่ามากมาย สุดท้ายเราควรจะกล่าวโทษโกรธใคร

    A : จงโทษตัวเองว่าทำไมไม่เรียนรู้ น้ำไม่ได้ท่วมเป็นปีแรก มันท่วมเกือบทุกปี ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนไทยว่าไม่ยอมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ประเทศที่ประชาชนที่ไม่ยอมเรียนรู้ประวัติศาสตร์นั้น ก็เป็นประเทศที่จะต้องมีชะตาร่วมกัน ในการเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นแหละ

    ฉะนั้น เราคนไทยจะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่องน้ำให้ดี แล้วมาหาวิธีจัดการเสียให้ถูกต้อง วิถีนี้เท่านั้นที่จะทำให้น้ำไม่ท่วมซ้ำซาก จงอย่าหลงลืมประวัติศาสตร์

    ลุกขึ้นมาศึกษาว่า เราถูกน้ำท่วมมาแล้วกี่ครั้ง แล้วก็หาทางรับมือให้ดีที่สุด ดังนั้นพวกเราทุกคนมีส่วนร่วมทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ การกล่าวโทษไม่ช่วยอะไร มีแต่ตั้งใจเรียนรู้เท่านั้นที่จะรับมือภัยธรรมชาติได้


    ข้อมูลจาก ไทยรัฐ 25 ตุลาคม 2554

    www.tawanth.wordpress.com/2011/10/25/%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%82%e0%b9%8c-%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a2-%e0%b8%a7-%e0%b8%a7%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b9%80/<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เตรียมใจ เตรียมจิตก่อนภัยพิบัติครั้งใหญ่

    การเตือน คือการให้สติ เป็นการยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม

    แต่การเสพข่าวสาร และการจำแนกข้อมูล จำเป็นที่ต้องใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคล

    ตอนนี้มีข่าวสารที่จะเตือนเพิ่มขึ้นมาจากหลายแหล่งมากจนกระทั่งหลายคน อาจสับสนบ้าง ตื่นกลัวบ้าง

    ขอเน้นย้ำเช่นเดิม ว่าให้เรา สาวไปหาเหตุ ว่าทำไมจึงเกิดภัยพิบัติ

    และเราจะพบทางรอดจากภัยพิบัติ

    เมื่อเขาต้องการล้างคนชั่ว คนอกุศลออกไปจากโลก
    เราก็พึงปฏิบัติจิตรักษาใจเราให้ เป็นกุศล ผ่องใส

    การเตรียมจิตสำคัญที่สุด

    จิตเมตตา จิตผ่องใส จิตมั่นคงในพระรัตนไตร จิตแนบในพระนิพพาน


    สำหรับ คนที่ยังไม่ตื่นจากภายในก้าวเข้าสู่ทางแห่งธรรม แห่งกุศล มีเวลาอีก สองเดือนเท่านั้น คือไม่เกิน มีนาคมปีนี้

    คนที่เข้ามาทีหลังแต่หากมีกุศลก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป้นประสบการณ์ที่พบเจอจริงๆจากการสอนสมาธิ ก้าวหน้าของเก่ากลับมากันเร็วมาก

    ส่วนคนที่ไม่เข้าสู่ทางบุญทางกุศล ด้วยวิบากมาขวาง ก็คงไม่อาจรอดได้ แม้จะเตรียมวัตถุข้าวของมากมายเพียงใดก็ตาม

    ขอย้ำว่าการเตรียมจิตสำคัญที่สุด

    และสำหรับท่านที่ปฏิบัติธรรมอยู่แล้วก็ขอให้ เร่งทำจิตให้ผ่องใส ละ เลิก สนใจจริยาผู้อื่น การเพ่งโทษ ตำหนิ ติเตียนผู้ใด ให้ใจตนเองมีตำหนิ เศร้าหมองอกุศล

    สิ่งใดที่นอกจากแนวทางแห่งสัมมาทิฐิก็ขอจง ระมัดระวังให้มาก อย่าได้เขวไป

    ชาวธรรมที่จะรอดได้ ก็เหตุแห่งกุศล พอเหมาะพอเจาะที่เราไปทำบุญ ไปปฏิบัติธรรมพอดี จึงรอดไปด้วยธรรมจัดสรร

    ช่วงเดือนนี้ไปจนถึง เมษายน หากมีโอกาสไปทำบุญ จงเดินทางไป กับกัลยาณมิตร

    ถึงเวลาคนดีจะมารวมกลุ่ม แยกไปจากคนชั่ว
    คนชั่วใจบาปอกุศลก็จะมารวมกัน ภัยพิบัติก็จะมาล้างอย่างไม่ทันรู้ตัว


    วาระนี้ท่านให้เจริญอุเบกขา กำหนดปลงพิจารณาในกรรมของโลก ช่วยตามวาระแห่งกุศล

    ท่านผู้ได้อภิญญา เด็กอภิญญาที่เชียงใหม่ ได้เล่าให้ฟังว่า พระท่านยังไม่ให้ใช้อภิญญา เพราะ เราไม่อาจไปช่วย ผู้ที่มีกรรมจะถูกล้างไปได้ เพราะเป็นการละเมิดกฏของกรรม ทำให้กระแสกรรมเปลี่ยนแปลงไป ต้องเคารพกฏของกรรม

    พระเถระผู้ทรงอภิญญาท่านก็เมตตา สอนให้ รักษาจิตใจเราให้ผ่องใสเอาไว้หน้าที่เราทุกคนขณะนี้คือ รักษาจิตให้ผ่องใสในทุกลมหายใจ ให้กุศลเป็นเครื่องคุ้มครอง สวดมนต์ก็จงกำหนดว่าเราเข้าเฝ้าเคารพในพระพุทธเจ้า ก่อนนอนก็จงรำลึกในอารมณ์พระนิพพาน


    เวลามีค่า เวลามีน้อย อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงไปด้วยอกุศล จงรักษาใจเราให้เป็นกุศลผ่องใส ให้บุญหล่อเลี้ยงใจ

    มีนาคม ต่อ เมษายน ให้ทำบุญกันให้มากๆเอาไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010541.JPG
      P1010541.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.1 MB
      เปิดดู:
      100
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2012
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ใต้ตอนล่างจ.นครศรีธรรมราชลงไปฝนตกหนักบางแห่ง 10-14 ม.ค. - เหนืออากาศหนาว </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 10 มกราคม 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

    บริเวณความกดอากาศสูงยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนประกอบมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านบริเวณภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ และจะมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างในช่วงวันที่ 10-14 ม.ค. นี้ บริเวณภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะนี้

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
    ภาคเหนือ ทางตอนบนของภาค อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางตอนบนของภาค อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศา สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ภาคกลาง อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และ สตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ศาลสั่งจำคุก "พ่อดช.ปลาบู่" 15 วัน-กล่าวเท็จเขื่อนภูมิพลแตก </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    วันที่ 9 ม.ค. ที่ สภ.เมืองตาก จ.ตาก นายทองใบ คำศรี อายุ 73 ปี บิดาของ ด.ช.ปลาบู่ พร้อมด้วย ดร.ปชา ภาณุบุญ ผู้ติดตาม

    เข้าพบ ร.ต.ท.ชัยวัฒน์ พริ้งสกุล พนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำตามหมายเรียกหลังนายสงคราม มนัสสา สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดี ในข้อหากล่าวเท็จอ้าง
    "คำทำนายเด็กชายปลาบู่" บุตรชายของ
    นายทองใบที่เสียชีวิตไปแล้ว จนทำให้ประชาชนตื่นตกใจว่าเขื่อนภูมิพลจะแตกในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปไม่เป็นไปตามกล่าวอ้าง จึงถูกดำเนินคดีดังกล่าว

    การเดินทางเข้าให้ปากคำครั้งนี้ นายสงครามพร้อมชาวบ้านกว่า 100 คน มาคอยพบนายทองใบแต่ไม่ได้พบจึงเดินทางกลับ

    พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายสงครามที่ทำหน้าที่แทนประชาชน กระทั่งเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ต่อมาในเวลาประมาณ 15.00 น. พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและนำตัวนายทองใบส่งฟ้องศาลจังหวัดตาก ขณะที่ศาลได้สั่งลงโทษจำคุกนายทองใบเป็นเวลา 15 วัน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี และสั่งนายทองใบห้ามพูดจาเลื่อนลอยแบบเดิม หลังศาลตัดสินนายทองใบยังได้ยกมือขอโทษชาวเมืองตากที่ทำให้ตื่นตกใจพร้อม บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ

    นายสงคราม กล่าวว่า การแจ้งความดำเนินคดีกับนายทองใบครั้งนี้เพื่อจะทำให้หลาบจำไม่นำความเท็จไป

    สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอีก เพราะที่ผ่านมาก็เกิดความวุ่นวายให้กับชาวเมืองตากโดยทั่วหน้าซึ่งเหตุการณ์ ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างคำกล่าวอ้าง ก็ขอให้นายทองใบจดจำไว้เป็นบทเรียนต่อไปก็อย่าพูดอะไรที่จะทำให้ผู้คนแตก ตื่นตกใจอีก

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    MThai News : เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ม.ค.) สองสามีภรรยาคู่หนึ่งได้เข็นรถเข็นพาลูกชาย หนูน้อยคีริลล์ ดีเดนโค วัย 18 เดือน เดินเล่นบริเวณย่านช็อปปิ้งกลางเมืองเบรียนสค์ เมืองเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงมอสโก ก่อนที่พื้นบริเวณนั้นจะเกิดหลุมยุบลึก 2-3 ม. จนแม่ของเด็กเกือบจะร่วงลงไป โชคดีที่สามีคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน แต่โชคร้ายที่หนูน้อยหล่นจากรถเข็นลงสู่กระแสน้ำเชี่ยวที่ไหลอยู่ข้างล่าง
    ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจและพ่อของหนูน้อยพบร่างไร้วิญญาณของเขา ห่างออกไปจากที่เกิดเหตุราว 6 กม.
    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กู้ภัยกล่าวว่าแม่ของหนูน้อยโชคดีมากที่รอดชีวิตมาได้ ขณะที่เธอยังคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังไม่ยอมพูดจากับใคร ด้านทางการตรียมหาผู้รับผิดชอบ และเริ่มซ่อมท่อระบายน้ำกลางเมืองแล้ว
    Mthai News
    [​IMG]
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    [​IMG]
    แท็ก : ทารก, หลุมยุบ
     
  6. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    9.กลุ่มชาวฟ้าที่ลงมาทำงานช่วยปกป้องคนดีในยามภัยจะมา

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำกาแทน
     
  7. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    10 ม.ค. 55

    น้ำไป วางใจ ละเลย
    เฉยเมย ไม่ยอม เตรียมการ
    สินค้า ทีดิน ขึ้นพล่าน
    ชอกช้ำ ซ้ำเติม เรื่อยมา

    ชีวิต ครอบครัว กลัวว่า
    ไม่ช้า จะไม่ ปลอดภัย
    เสียดาย กอดเงิน ทำไม?
    มาใช้ มาจ่าย เพื่อตน

    ต่อไป ค่าเงิน ไร้ค่า
    ไม่ช้า กลับกลาย เป็นเศษ
    หาซื้อ ไม่ได้ ปวดเฮด
    ขอเซด มีไว้ ใช้เป็น

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
  8. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    10 ม.ค. 55

    เป็นเพราะท่านไม่เห็น จึงคิดเป็นว่าเขาผิด
    เทพพรหมลงตามติด ช่วยกันคิดแบ่งกันทำ
    ขอได้โปรดวางเฉย มองให้เห็นคิดให้ทัน
    เวรกรรมไม่รอนราน ครอบครัวตัวไม่ต้องผิด

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
  9. จันทร์ณฟ้า

    จันทร์ณฟ้า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างค่ะ

    1.วันที่ 20 กว่าตุลาคม 54
    เพื่อนสนิทไปกราบหลวงปู่รูปหนึ่ง ท่านอายุประมาณ 80 พรรษา 60
    เป็นครูบาอาจารย์สายพระป่าธรรมยุติ ที่หลายๆคนก็คงรู้จัก
    (เท่าที่อ่านมาเรายังไม่เห็นมีใครเอ่ยชื่อท่านว่าเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเว็บพลังจิต)
    เพื่อนบอกหลวงปู่ว่าเครียดเรื่องน้ำท่วม หลวงปู่บอกว่า เดี๋ยวจากกทม.ก็ต่อที่ภาคใต้
    และท่านบอกว่าปีหน้า(หมายถึงปี2555) จะหนักกว่าปีนี้
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเมืองไทยมีมากมาย อยากช่วยก็ช่วยไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปตามกรรม
    (ประมาณนี้ค่ะ)

    2.วันที่ 5 พ.ย. 54 เราไปทอดกฐินที่วัดป่าแห่งหนึ่งจ.อุดรธานี
    ท่านเจ้าอาวาสพูดต่อหน้าญาติโยม และพระเจ้าอาวาสวัดป่าอีกแห่งนึงว่า
    ไม่เกินปี 2560 กทม.จะหายไปจากแผนที่ประเทศไทย ปากน้ำทะเลจะย้ายไปอยู่นครสวรรค์

    ส่วนตัวเราเชื่อว่าท่านผู้มีญาณ หรือนิมิต หรือความฝัน(ซึ่งมีปกติแม่นยำ)
    เห็นนั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นก็ตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์ จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามเหตุปัจจัยในอนาคต
    ดังนั้น หากสิ่งต่างๆที่ถูกกล่าวเตือนไว้ไม่เกิด หรือเลื่อน หรือคลาดเคลื่อน
    ก็ไม่อยากให้เกิดการปรามาส เพราะท่านเหล่านั้นเตือนด้วยความเมตตาปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมทุกข์ โดยจะพูดคล้ายกันว่าอย่าตื่นตระหนก แต่ก็มีสติและไม่ประมาทค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2012
  10. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    สาธุครับ

    เรื่องน้ำท่วมกทม.ผมก็เคยได้ยินพี่คนที่เป็นลูกศิษย์สายพระป่าเล่าให้ผมฟังตั้งแต่ปี 2539 นู้นแน่ะครับ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อาหารและสงคราม-เล่าเรื่องการกินของคนในยามสงคราม

    [​IMG]

    กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เงินทองคือมายา-ข้าวปลาคือของจริง

    ยังคงเป็นวาทะที่ยังใช้ได้ดีเสมอทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามที่มักเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ข้าวยากหมากแพง บางครั้งมีเงินแต่ไม่สามารถหาอาหารมาประทังชีวิต ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงภัยธรรมชาติที่มักถาโถมมาพร้อม ๆ กับสงคราม วิกฤติและการต่อสู้ดิ้นรนของผู้คนจึงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

    สำหรับประเทศไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่สองน่าจะเป็นช่วงเวลาเดือดร้อนแสนสาหัส เพราะนอกจากภัยสงครามแล้ว ผู้คนในที่ต่างๆ ยังประสบกับภัยน้ำท่วม นาล่ม อาหารไม่พอกิน และภาวะอดอยากหิวโหย อีกด้วย นายชีวสิทธิ์ บุญยเกียรติ์ นักวิชาการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เล่าว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้จัดนิทรรศการ “ย้อนยุค ข้าวยากหมากแพง” โดยนิทรรศการดังกล่าวได้เล่าถึงสาเหตุความอดอยากของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการช่วยเหลือจากทางการและการปรับตัวของผู้คนให้มีชีวิตรอดอย่างมีความหวัง

    ยามสงครามชาวบ้านต้องประทังชีวิตด้วยการขุดเผือก มัน หน่อไม้ ขุยไผ่ มากินแทนข้าว หรือหุงกับรวมกับข้าว นอกจากนี้ความขาดแคลนทำให้ต้องประดิษฐ์และค้นหาสิ่งใหม่ทดแทน เช่น การใช้ใยสำปะรดแทนด้าย ใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันก๊าด หรือในยามน้ำท่วมซึ่งทำให้การประกอบอาหารเป็นไปได้อย่างลำบากจึงได้คิดค้นวิธีปรุงอาหารง่าย ๆ เช่น แกงจืดนอกหม้อที่ปรุงได้ในชาม หรือทำอาหารที่เก็บไว้กินได้นาน เช่น ปลาทูต้มเค็ม เป็นต้น

    แนวคิดการจัดนิทรรศการในข้างต้นจะถูกนำมาเสนอใหม่อีกครั้งในรูปแบบของเสวนาโต๊ะกลมภายใต้ชื่อ “อาหารและสงคราม-เล่าเรื่องการกินของผู้คนในยามสงคราม” ซึ่งได้รับเกียรติร่วมสนทนาจากคุณ Wong Hong Suen ผู้เขียนหนังสือ wartime kitchen ที่อธิบายถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารในระหว่างและหลังสงครามโลกครั้งที่สองในสิงคโปร์ และผศ.ดร.มณธิรา ราโท ซึ่งศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสงครามและความหิวในสังคมเวียดนาม ผ่านงานวรรณกรรมของ “นามกาว” ซึ่งระบุว่าสิ่งที่เคียงคู่ไปกับภาวะสงครามก็คือ ภาพของความอดอยาก แร้นแค้น และหิวโหยของผู้คน

    ในประเทศเวียดนาม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามมหาเอเชียบูรพาได้ส่งผลให้ประชากรต้องเสียชีวิตจากความอดอยากหิวโหยประมาณสองล้านคน ชาวบ้านที่นั่นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอด กินทุกอย่างที่ไม่เคยกิน ไม่ว่าจะเป็นรากไม้ เปลือกไม้ หญ้า วัชพืช ดิน หรือแม้แต่กินเนื้อมนุษย์ ขณะที่ความหิวโหยได้เข้ามาสั่นคลอนความคิดเรื่องจริยธรรมและคุณธรรมของผู้คน ทำให้เกิดปัญหาลักขโมย บางคนต้องขายลูกหรือทิ้งลูกตามเมืองใหญ่ ตามถนนในเมืองใหญ่ๆ เช่น ฮานอย ไฮฟอง ปรากฏพบโครงกระดูกหรือภาพของผู้คนที่มีร่างกายซูบผอมยืนเปลือยกายตามกำแพงเพื่อรอความตาย ซึ่งในแต่ละวันจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บซากศพตามถนนไปทิ้งย่านชานเมือง

    อย่างไรก็ตามหากมองอีกด้านหนึ่ง การเผชิญกับภัยสงครามไม่ว่าจะในประเทศไทย เวียดนาม หรือสิงคโปร์ เรายังคงพบว่าท่ามกลางการดิ้นรนเอาตัวรอดตามสัญชาติญาณของมนุษย์ ยังคงมีการรวมพลังต่อสู้ ฝ่าฝันกับวิกฤติที่นับเป็น “ชะตากรรมร่วม” ปรากฏอยู่

    ในกรณีประเทศเวียดนาม ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่นำไปสู่ชัยชนะของขบวนการคอมมิวนิสต์นั้น เป็นเพราะพรรคคอมมิวนิสต์เป็นกลุ่มการเมืองเดียวในขณะนั้นที่ตอบสนองต่อปัญหาความอดอยากของประชาชน เช่น การนำกองกำลังเวียดมินห์เข้าบุกยึดโกดังเก็บข้าวของญี่ปุ่น มีกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ เพื่อต่อสู้กับความหิวโหย อาทิ การแบ่งปันข้าวและเสื้อผ้า การรณรงค์เพื่อให้ประชาชนอดข้าวบางมื้อเพื่อนำข้าวที่ได้ไปช่วยเหลือคนยากจน พร้อมกับปลุกใจให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้กับความอดอยากหิวโหย ดังที่โฮจิมินห์เคยกล่าวไว้ว่า “ความอดอยากไม่ได้อันตรายน้อยกว่าสงคราม... ...การต่อสู้กับความอดอยากก็เหมือนกับการต่อสู้กับศัตรูต่างชาติที่เราจะชนะได้อย่างแน่นอน...”

    แน่นอน สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงแล้ว แต่ในปัจจุบันเรายังต้องผจญกับสงครามการค้าและการเมืองอย่างไม่หยุดยั้ง การเกิดขึ้นของวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์ และการผันผวนของราคาน้ำมัน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เราเข้าสู่สภาวะข้าวยากหมากแพง “ล่องหน” ซึ่งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงและบีบคั้นมากขึ้นทุกขณะ การเรียนรู้และทำความเข้าใจในวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างหนทางรับมือและแก้ไขวิกฤติการณ์ในปัจจุบันอย่างน้อย เราคงได้เรียนรู้ว่า แม้ในยามที่เลวร้ายที่สุด มนุษย์มิเคยสิ้นหวัง...

    ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวงเสวนาโต๊ะกลมเรื่องอาหารยามสงครามฯ อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลากหลายของการประชุมประจำปีทางมานุษยวิทยา ซึ่งจัดโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คุณ ศิวัช นนทะวงษ์ 0-28809429 ต่อ 3811

    เขียนโดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

    ที่มา http://www.food4change.in.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2012
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สงครามใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว มีเวลาอีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น !!!

    [​IMG]

    สำหรับ คนที่ยังไม่ตื่นจากภายในก้าวเข้าสู่ทางแห่งธรรม แห่งกุศล มีเวลาอีก สองเดือนเท่านั้น คือไม่เกิน มีนาคมปีนี้ - kananun-

    อันตรายที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้

    สำหรับ "อันตรายที่จะมาถึงในเร็ว ๆ นี้" นั้น ให้สังเกตเหตุการณ์ต่าง ๆ ต่อไปนี้ว่าจะมีเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีเหตุการณ์ต่อไปนี้เกิดขึ้น ก็ขอให้มนุษยชาติได้เตรียมตัวเผชิญชะตากรรมร่วมกันที่จะพบกับมหันตภัยสาธารณะ ทุพภิกขภัย และความเดือดร้อน ที่จะติดตามมาหลังเหตุการณ์เหล่านี้ไม่นาน

    1. ทารกแรกเกิด คนหนุ่มสาว และคนแก่เฒ่าชรา จะเป็นโรคที่รักษาไม่มีหาย มีการติดโรคร้ายได้ทุกวัยของมนุษย์ ใครเป็นโรคนี้แล้วจะต้องตายทุกคน จะนับจำนวนได้มากกว่า 60 ล้านคน ซึ่งโรคนี้ติดต่อได้ยาก เพราะจะติดต่อได้โดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือโดยโลหิตของมนุษย์เท่านั้น (องค์การอนามัยโลก ได้แถลงข่าวทางสื่อมวลชนเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2547 ว่าขณะนี้ ประชากรโลก ได้ติดเชื้อเอดส์แล้ว ประมาณ 60 ล้านคน)

    2. จะไม่พบว่า มีวันใดที่จะว่างเว้นจากการฆ่ากัน เพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองดินแดน ไม่เกิดในประเทศนี้ ก็เกิดในประเทศโน้น มีการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองดินแดนทุกวัน (ให้สังเกตข่าวต่างประเทศในโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ดูกันเอาเอง)

    3. สภาพดิน ฟ้า อากาศ จะมีความแปรปรวนสูง ไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่เคยเป็นมา แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด จะเกิดขึ้นในช่วงนี้มากขึ้น แม้บางแห่งไม่เคยเกิดแผ่นดินไหว ก็จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น บางแห่งภูเขาไฟได้ดับไปหลายร้อยปีมาแล้ว ก็จะระเบิดอีกครั้ง (เช่น เหตุการณ์ภูเขาไฟพินาตูโบ้ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งดับมาเกือบ 600 ปีแล้ว ได้ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นต้น)

    4. ความต้านทานโรคของมนุษย์จะมีน้อยลง จะมีโรคแปลก ๆ เกิดใหม่มากขึ้น

    5. หลายประเทศจะมีการสร้าง ที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากินกันอยู่ในใต้ดิน (ใครที่เคยไปโตเกียวมาแล้ว หากได้มีโอกาสเดินลงไปในสถานีรถไฟใต้ดิน จะพบความยิ่งใหญ่ของเมืองใต้ดินที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่นับเป็นหมื่นคน อยู่ในใต้ดินถึง 3 ชั้นมหึมา มีทั้งร้านอาหาร ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่าง ๆ น้ำพุ น้ำตก ฯลฯ อยู่ในใต้ดินนั่นเอง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยือนเมื่อปลายปี 2534 แล้วพูดได้อย่างเดียวว่า มีเหตุการณ์เช่นว่าแล้วจริง)

    6. พลังแห่งความชั่วร้าย หรือซาตาน จะครอบงำโลก จะยุแหย่ให้ผู้คนแย่งชิงอำนาจฆ่าฟันกันเอง คนจะขาดสติมากขึ้น คนจะมีทิฐิมากขึ้น คนจะเห็นผิดเป็นชอบมากขึ้น ใครพูดผิดจากฝ่ายที่ตนคิด จะถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายผิด ในขณะที่ฝ่ายตนตะโกนเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ใครที่มีความคิดต่างจากฝ่ายตน จะถูกประฌาม และสาปแช่งในรูปแบบต่าง ๆ แม้แต่พี่น้องพ่อแม่ก็อาจแตกแยกอันเนื่องมาจากแนวคิดในทางการเมืองต่างกัน และรุนแรงถึงขนาดทำร้ายและฆ่ากันได้ เพียงเพราะมีความเห็นที่ไม่ตรงกันในทางการเมืองเท่านั้น การกระทำเพื่อยุติปัญหาการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ก็กระทำควบคู่กับการฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง วิถีทางการทูตก็ทำกันไป แต่ไม่สามารถยุติการฆ่ากันเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ได้

    7. อารมณ์ของคนโดยทั่วไป จะมีความพลุ่งพล่าน หงุดหงิดงุ่นง่าน อย่างไม่ค่อยมีสาเหตุมากขึ้น คนที่รักสงบ จะถูกกดขี่ย่ำยี ผู้ที่มีอำนาจ ก็จะบ้าอำนาจมากขึ้น

    หากสังเกตได้ว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ได้เกิดขึ้นแล้ว หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแน่ อันตรายโดยส่วนรวมของมนุษยชาติก็จะเกิดขึ้นติดตามมาในปี 2551 แต่ถ้าผู้คนส่วนใหญ่หันมามีการกระทำความดีมาก ๆ โดยมีคุณสมบัติ 5 มี (มีสติสัมปชัญญะ มีความกตัญญููกตเวที มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา มีน้ำใจ และมีศีล 5 มีคุณสมบัติ 5 ให้ (ให้อภัย ให้ความรัก ให้ความจริงใจ ให้เกียรติผู้อื่น ให้การเสียสละ) และทำ 1 ทำ คือ ทำความดีมาก ๆ เหตุการณ์ที่เป็นมหันตภัยร้ายครั้งร้ายแรง จะเคลื่อนย้ายไปเกิดในปี 2560 (ค.ศ.2017)
    ขออนุญาตเรียนเพิ่มเติมว่า เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย ผู้เขียนขอให้ท่านดำเนินการดังนี้

    1. นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ท่านต้องเตือนตัวเองทุกวันว่า "ต้องไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปในแต่ละวัน โดยมิได้ทำประโยชน์อันใดให้เกิดขึ้น" อะไรก็ได้ สิ่งใดก็ได้ ที่เป็นประโยชน์ จะเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ประโยชน์ต่อคนในครอบครัว ประโยชน์ต่อที่ทำงาน ประโยชน์ต่อผู้บังคับบัญชา ประโยชน์ต่อลูกน้อง ประโยชน์ต่อชุมชน ประโยชน์ต่อสังคม ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ฯลฯ

    โปรดอย่าปล่อยชีวิตให้หมดเปลืองไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และอย่าอ้างว่า "การนอนมาก การกินมาก การไม่ทำอะไร" เป็นประโยชน์ตน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่หลงผิดอย่างมหันต์ หรือกล่าวโดยสรุป คำว่า "ประโยชน์ตน" จะต้องเป็นสิ่งที่ปราชญ์สรรเสริญว่า "สิ่งนั้นต้องเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์โดยแท้" สิ่งนั้น จะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้แก่ผู้ใด สิ่งนั้นจะต้องทำให้บุคคลผู้นั้นเอง มีความเข้มแข็งทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สิ่งนั้น จะต้องทำให้บุคคลนั้นเอง ไร้ทุกข์-มีสุข อย่างถาวร สิ่งนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ครอบครัว ที่ทำงานชุมชน และสังคม ได้ประโยชน์ร่วมกันด้วย ฯลฯ

    2. ขอให้ท่านตระหนักว่า ในยามที่มหันตพิบัติภัยของโลก และของชาติมาถึง โรคภัยไข้เจ็บมีมาก ภัยธรรมชาติ และภัยสงครามระหว่างชาติแผ่ขยาย ข้าวปลาอาหารและยารักษาโรคขาดแคลน มีเงินและทรัพย์สินก็อาจหาอาหารมาประทังชีวิตมิได้ อาจเข้าสู่ยุคของการ "นำอาหารแลกเปลี่ยนอาหาร" หรือ "นำอาหารไปแลกเปลี่ยนเป็นยารักษาโรค" เพราะการป่วยเจ็บในยามมีภยันตราย ย่อมมีมากกว่าเกณฑ์ปกติ เป็น 10 เท่าทวีคูณได้

    3. ฝึกฝนตนให้เป็นคน "กินน้อยลง ใช้น้อยลง และนอนน้อยลง" ให้เริ่มต้นโดยพยายามลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ เมื่อลดได้มากพอ ให้ลดมื้ออาหารลงเหลือเพียงวันละ 2 มื้อ เพราะจะเดือดร้อนน้อยเมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ที่ขาดแคลนอาหารอย่างที่ท่านไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งนี้ ข้าวราดแกง ที่เคยมีราคาจานละ 20 บาท อาจจะมีราคาถึงจานละ 600 บาท ทุกอย่างที่มีราคาในปัจจุบัน ถ้าราคากระโดดสูงขึ้น 30 เท่าตัว จะเป็นอย่างไร กรุณาลองวาดภาพดู เราจะไม่มีทางฟุ่มเฟือยได้เลยในภาวะวิกฤติภายหน้า ถ้าเราไม่ฝึกฝนตนเองในปัจจุบันให้เกิดความเคยชิน เราต้องลำบากยากเข็ญมากแน่

    4. ฝึกอบรมพัฒนาจิตใจให้มากขึ้น ฝึกจนใจร้อยเข้าสู่แกนสงบนิ่ง แล้วพิจารณาพระไตรลักษณ์ อันประกอบด้วย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้ประจักษ์แจ้ง เห็นจริง ลงไปในส่วนลึกของจิต และให้เห็นจริงตามธรรมชาติว่า ทุกสิ่งมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป วนเวียนเปลี่ยนไปเสมอ ให้เห็นเรื่องการตายเป็นเรื่องธรรมดา ฝึก "ตายก่อนตายจริง" แล้วทุกสิ่งจะเห็นเป็นธรรมดา

    5. ฝึกกินอาหารพืชผักให้มากขึ้น ค่อย ๆ ลดเนื้อสัตว์ลง หากงดกินได้ในที่สุด ก็จะอยู่รอดได้ยาวนาน เพราะในสภาวะที่แร้นแค้น ทุกชีวิตล้วนแต่ตกระกำ ยากแค้น มีเงินทองก็อาจซื้อเนื้อสัตว์มิได้ แต่เราสามารถที่จะปลูกผักสวนครัว ไว้รับประทาน ประทังให้มีชีวิตอยู่รอดได้ ถ้าไม่ฝึกเสียแต่วันนี้ ความเคยชินก็จะไม่มี บางท่านอาจบอกว่า หากกินแต่พืชก็ขาดโปรตีน จะทำอย่างไรดี ก็ขอเรียนว่า โปรตีนจากพืชก็มี ความจริงในโรงพยาบาลบางแห่ง เช่น โรงพยาบาลมิชชั่น ทั้งหมอและพยาบาล ตลอดจนผู้ป่วยทุกราย รับประทานอาหารมังสวิรัติตลอดชีวิต เขาอยู่อย่างปกติสุข มีสุขภาพที่ดี ก็มีมากให้เราพบเห็นในปัจจุบัน "โปรดอย่าอ้างว่า กินแต่ผัก จะทำให้อ่อนแอ" แท้จริงนักโภชนาการ กลับบอกว่า "ผู้ที่กินเนื้อสัตว์ต่างหาก จะมีความอ่อนแอ ภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ที่รับประทานพืชผัก"

    พวกเราจำเป็นจะต้องใช้ชีวิตที่หวนคืนกลับเข้าหาธรรมชาติให้มากขึ้น ผู้ใดเข้ากับธรรมชาติของมนุษย์ในสมัยโบราณได้ จะมีความเป็นอยู่ปกติสุขได้มาก ในยามโลกวิกฤติ ท่านจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปาใช้ ไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเติมรถยนต์ขาย...

    โปรดไตร่ตรองให้ดี พิจารณาให้รอบคอบ ผู้เขียนไม่ปรารถนาให้เกิดมีขึ้น ไม่ว่าจะเกิดใน 3 ปี ข้างหน้า (ปี 2551) หรืออีก 12 ปี ข้างหน้า นับจากมกราคม 2548 (ปี 2560) แต่เราก็คงจะหลีกหนีเหตุการณ์ณ์ดังกล่าวมิได้ อย่างมาก ก็คงช่วยให้เหตุมหันตภัยดังกล่าวขยายเวลาออกไปให้ยาวไกลที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้เท่านั้น

    แต่ถ้าไม่มีเหตุวิกฤติหรือมหันตภัยใด ๆ เกิดขึ้นในโลกใบนี้ได้ โดยแลกกับการที่ผู้เขียนต้องถูกประฌามด่าว่า "ไอ้บ้า ทำให้คนตกใจกลัวทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดในโลกใบนี้" ผู้เขียนยินดีให้ประฌามด่าว่า ผู้เขียนอยากให้เรื่องเลวร้ายและมหันตภัยไม่เกิดขึ้น ผู้เขียนอยากให้เรื่องของมหันตภัยเป็นเรื่องเหลวไหล หลอกลวง เลอะเทอะ ผู้เขียนยอมให้เวลาที่ผู้เขียนค้นคว้าในวันหยุดและตอนกลางคืนวันละหลายชั่วโมง สูญเสียไปโดยไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีเรื่องเลวร้ายใด ๆ เกิดขึ้น กับมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง

    ความจริงนั้น ผู้เขียนไม่ต้องการเห็นมนุษย์และสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน จากภัยพิบัติที่ร้ายแรง ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มนุษย์ทั้งหลายตกอยู่ในความประมาท ในที่สุด ก็ต้องสูญสิ้นความเป็นมนุษย์ในยามโลกเข้าสู่วิกฤติอีกทั้งไปเพิ่มความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น เป็นการเพิ่มความรุนแรง ด้วยการฉกชิง วิ่งราว จี้ปล้น และฆ่าผู้มีทรัพย์สิน หรืออาหาร หรือยารักษาโรค ผู้เขียนขอวิงวอนท่านที่มีโอกาสได้อ่านบทความนี้ ได้โปรดไตร่ตรองและอ่านทบทวนโดยรอบคอบ แม้จะเป็นชีวิตของท่าน ที่ท่านจะเลือกทางเดินอย่างไร ได้ตามใจชอบ แต่ผู้เขียนก็ไม่อยากให้ท่านทุกข์ยากเข็ญใจหนักหนาสาหัสกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น สิ่งใดที่ผู้เขียนจะชี้แนะให้พ้นภยันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ก็ขอทำหน้าที่ดังกล่าวสักนิด

    6. ถิ่นที่อยู่อาศัยในยามโลกเข้าสู่แดนมิคสัญญี เกิดโรคร้ายแรงระบาด สารพิษแพร่กระจายเต็มไปในอากาศและน้ำดื่มน้ำใช้ เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด การสื่อสารทุกชนิดงดให้บริการหมด "อยู่ในภาวะสิ้นสุดของโลกยุคโลกาภิวัตน์" เป็น "การสิ้นสุดของโลกไร้พรมแดนในการติดต่อสื่อสาร" สภาพดังกล่าว พวกเราอาจจะได้พบได้ใน 3 ปี ข้างหน้า มิฉะนั้นก็ภายใน 12 ปี ข้างหน้า (เวลาผ่อนปรนสุดท้าย) ไม่อาจหลีกหนีพ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสอนในพุทธศาสนา คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม ขงจื๊อหรือเต๋า และนิกายศาสนาอื่นใด มีคำเตือนมาแต่โบราณกาล กล่าวถึง "วันพิพากษาโลก / วันชำระล้างคนบาป / วันที่ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก" เพียงแต่อาจจะมาเกิดให้เห็นในยุคของเราเท่านั้น

    สถานที่ต้องระวังและต้องขยับขยายถิ่นฐานคือ จังหวัดชายทะเลทุกจังหวัดบริเวณที่ลุ่ม บริเวณใต้เขื่อนต่าง ๆ และสถานที่ควรเข้าใกล้ คือ สถานที่ใกล้พุทธสถาน สถานที่ใกล้วัดป่า สถานที่ใกล้บริเวณที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง


    </PRE>สถานที่อยู่อาศัย จะต้องหาบริเวณไว้ปลูกผักสวนครัว พืชไร่ พืชสวน และพื้นที่เลี้ยงสัตว์สำหรับประกอบอาหาร (สำหรับผู้ที่ยังติดในรสชาติเนื้อสัตว์ที่เลิกรับประทานมิได้ ก็เตรียมไว้ จะเป็นไก่ เป็ด หมู ปลา กุ้ง หอย ท่านก็จะต้องวางแผนไว้) หรือเลี้ยงสัตว์ที่จะใช้แทนยานพาหนะ เพื่อการติดต่อหรือเดินทางในยามจำเป็น และถ้าเป็นไปได้ ขอให้สร้างห้องใต้ดินไว้ทุกบ้าน ห้องใต้ดินควรปูด้วยแผ่นหินที่จะช่วยให้เกิดความเย็น หรือใช้วัสดุใดก็ได้ที่มีความเย็นเป็นหลัก มีระบบระบายอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองอากาศเสีย เพื่อมิให้ควันพิษจากข้างนอกเข้าไปภายในห้องใต้ดินได้


    7. ต้องจัดเตรียมเสบียงอาหาร โดยเฉพาะเครื่องกระป๋องให้มาก (ต้องดูวันหมดอายุให้ดีด้วยครับ) ปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่าง ๆ อุปกรณ์เครื่องใช้และเครื่องช่วยดำรงชีพในป่า เพราะทุกแห่งหน จะมีสภาพเหมือนป่า โดยให้จัดเตรียมสิ่งของต่าง ๆ เช่น

    - เชือกชนิดดี มีความเหนียวทน ความยาวประมาณ 10 เมตรต่อคน
    - ยารักษาโรคที่จำเป็นต่าง ๆ อาทิ ยาแก้ปวดศรีษะ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้หวัดและยาประจำตัวต่าง ๆ ก่อนวิกฤติดังกล่าว
    - อุปกรณ์ให้แสงสว่างต่าง ๆ เช่น ไฟฉาย ไฟแช็ค ไม้ขีดไฟ น้ำมันก๊าด เป็นต้น
    - ถังใส่น้ำดื่มขนาดใหญ่ หรือภาชนะสำรองน้ำดื่ม (น้ำใช้มีความจำเป็นน้อยกว่ามาก ช่วงเวลานั้นไม่มีการซักเสื้อผ้า ไม่มีการอาบน้ำกันแล้ว)

    บทความนี้ ขอให้ท่านเก็บไว้อ้างอิง และเป็นแนวทาง เมื่อโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤติ ซึ่งท่านทั้งหลายจะได้เห็นในปี 2548 เป็นต้นไปว่า จะมีความรุนแรงอันเกิดจากภัยธรรมชาติมากขึ้นถี่ขึ้น ดินฟ้าอากาศจะปรวนแปรมากขึ้น พายุใต้ฝุ่นและน้ำท่วมมีมากขึ้น แผ่นดินไหวมีเพิ่มขึ้น การฆ่าทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามในประเทศต่าง ๆ มีมากขึ้น การแย่งชิงอำนาจในการเข้าบริหารประเทศชาติมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งก็ได้เกิดให้เห็นแล้วในปัจจุบันหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอัลบาเนีย ซาอีร์ ปาปัวนิวกินี เป็นต้น และจะมีระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่เป็นจริง ก็สบายใจไปได้ 50% แสดงว่าเงื่อนเวลาขยายออกไปอีกช่วงหนึ่ง ประมาณ 9 ปี

    นั่นคือ ความพยายามในการสงบระงับเหตุร้ายแรงนั้น ทำได้สูงสุดไม่เกิน พ.ศ.2560 หรือภายใน 12 ปีข้างหน้า ถ้าเหตุร้ายจะเกิดขึ้นจริง เกิดใน 12 ปีข้างหน้า นับจากมกราคม 2548 ย่อมดีกว่าเกิดภายใน 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2551) แต่ถ้ารอไปอีก 12 ปีข้างหน้า ผู้คนทั้งหลายยังตกอยู่ในความประมาท ตกอยู่ในความมัวเมา ก่อกรรมทำเข็ญมากขึ้น หลีกหนีจากความดีงาม ไม่สนใจที่จะงดกระทำสิ่งที่เป็นบาปกรรม ไม่สนใจที่จะฝึกจิตให้ผ่องใส หากจะเกิดเหตุร้ายใน 3 ปีข้างหน้า ก็คงจะหนีชะตากรรมไปมิได้

    เมื่อนั้น ต่างก็คงจะต้องหาทางช่วยตัวเองและรับการตัดสินจากเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่ติดค้างมานานถึง 60,000 ปี จะได้ขุดรากถอนโคนให้หมดหนี้กรรมไปวาระหนึ่ง โดยผู้โชคดี หรือมีหนี้กรรมน้อย จะได้ตายในทันที ไม่ทรมาน แต่ผู้ที่มีกรรมชั่วมากจะตายก็ไม่ตาย แต่ได้รับความทรมานแสนสาหัส อยู่อย่างแร้นแค้น ยากเข็ญร้อนก็ร้อน สุดโหด หนาวก็หนาวสุดขีด ซึ่งก็คงจะได้พบเห็นกันในเร็ว ๆ นี้ โดยจะได้เห็นหิมะตกในประเทศไทยด้วย

    ด้วยความปรารถนาดี
    จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2012
  13. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ที่เน้นสีฟ้า ตรงกันที่ได้ฟังเทศน์มาได้ฟังตอนนี้จึงเบิกบาน อ่านข่าวก็ให้รู้เป็นข้อมูลไว้ ขณะที่มีหน้าที่ก็ฟังเทศน์ cd สวดมนต์นั่งสมาธิ มีสติรู้กายและใจ เพราะจะหนีไปไหนก็ไม่ได้มีภาระอยู่
     
  14. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    ขอขอบพระคุณ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ช่วยกันบอก ช่วยกันเตือน ทุก ๆ ท่านค่ะ เพราะ หลาย ๆ อย่างเราไม่สามารถรู้ได้ด้วยตนเอง
    จึงต้องติดตามข่าวสาร คำแนะนำ คำสั่งสอน จากครูบาอาจารย์ หากละเลยการให้ความสนใจในเรื่องที่เรามิอาจคาดคิดถึงได้
    ก็เหมือนตั้งตนอยู่ใน ความประมาท และ ยังหลงระเริง มัวเมาไปกับกระแสแห่ง ความโลภ โกรธ หลง อย่างไม่รู้ตัว หมดเวลาไป
    อย่างสูญเปล่า โดยมิรู้เท่าทันว่าเกิดเหตุใด ขึ้นบนโลกนี้บ้าง หากได้รับการตักเตือน ด้วยความห่วงใยจากกัลยณมิตร ก็สามารถ
    ทำให้ผู้ที่ยัง หลุ่มหลง มัวเมา กลับตัว กลับใจ มองเห็นคุณค่าของ " เวลา " ที่เรายังมีอยู่เพิ่มขึ้น และ พึงตระหนัก เนือง ๆ ว่า
    ในยุคแห่ง ภัยพิบัติ นี้ เราไม่รู้ว่าจะเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ เพื่อได้มีโอกาส สร้างความดี และ พบเจอหนทาง ที่จะพาให้เราไป
    สู่ ความ สงบ สุข สันติ ได้อย่างแท้จริง

    ก่อนที่ จะสายเกินไป ............... คำเตีอนจากพี่ ๆ น้อง ๆ ณ ที่นี้
    ก็เป็นแรงผลักดันหนึ่ง ที่ช่วยให้เราพึงตระหนักตน ให้ตั้งอยู่ใน " ความไม่ประมาท " เป็นสำคัญค่ะ

    ขอขอบพระคุณพี่ ๆ น้อง ๆ ทุก ท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ สำหรับทุกความปรารถนาดีค่ะ ไม่ว่าใครจะมอง
    การเตือนภัยพิบัติ ในแง่ใด ก็ตาม ผู้มีปัญญาในการพิจารณาข่าวสาร ย่อมมองหาผลประโยชน์ที่พึงคุณค่า
    ให้แก่ตนมากกว่า มองหาข้อเสียมาเพิ่มความขุ่นข้องใจอย่างไร้การพิจารณาให้เข้าใจก่อนสรุปความไปเอง

    [​IMG]
    ( ภาพสมเด็จองค์ปฐม ณ วัดท่าซุง จ.อุทัยทานี ค่ะ )

    ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย คุณพระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์ คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์
    และ คุณเทพพรหมเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์สัมมาทิฐิ ทั่วสากลภิภพ โปรดเมตตา คุ้มครองดูแลรักษา พี่ ๆ น้อง ๆ
    ทุกท่าน ให้ตั้งตนอยู่ ใน สัมมาทิฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ แคล้วคลาดจาก ภัยอันตราย ทั้งปวง

    มีโอกาส ได้ บำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรม สร้างสมคุณงามความดี ให้เกิดคุณประโยชน์ เกิดคุณค่า ต่อตนเอง ผู้อื้น
    สืบต่อไปด้วยเทอญ ____________________________________________ สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC05929.jpg
      DSC05929.jpg
      ขนาดไฟล์:
      474.6 KB
      เปิดดู:
      2,756
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2012
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    บริษัท ซ่านซี เหยียนฉางปิโตรเลี่ยม 1905 (กรุ๊ป) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลี่ยม ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจมาตั้งแต่ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา และคาดว่าพื้นที่ในเขตเทศบาลชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ จะมีน้ำมันแน่นอนแล้ว
    ทั้งนี้รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนในพื้นที่ได้มีการเตรียมทำประชาพิจารณ์ รับฟังความเห็นของประชาชนทุกฝ่ายเกี่ยวกับการตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมัน เพราะมีบางฝ่ายที่สนับสนุน เนื่องจากจะทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้น แต่อีกกลุ่มก็คัดค้านเพราะเป็นห่วงผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้นตามมาหากมีการตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันดังกล่าว
    โดยกลุ่มที่คัดค้านกังวลเรื่องมลภาวะสิ่งแวดล้อมที่จะตามมา และผลกระทบโดยเฉพาะพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ อ.ชุมพลบุรี ที่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิที่มีชื่อเสียงของโลก สร้างรายได้ให้ประชาชนผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ ในแต่ละปีเป็นอย่างมาก หากมีการขุดเจาะน้ำมัน หวั่นว่า นาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ชุมพลบุรี จะหายไป
    Mthai News


    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาได้เกิดแผ่นดินขนาด7.3 ริกเตอร์ นอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย ห่างจากชายฝั่ง จ.ภูเก็ต ราว 836 กม.
    โดยทางการอินโดนีเซีย ประกาศเตือนภัยสึนามิ บริเวณจังหวัดตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะสุมาตราแล้ว ซึ่งคาดว่าอาจจะเกิดสึนามิ ขนาดเล็กเข้าซัดชายฝั่ง ทั้งทางการของอินโดนีเชียสั่งเฝ้าติดตามสถานการณ์หลังจากนี้อย่างใกล้ชิด
    ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติของไทย แจ้งข่าวด่วนเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเช่นกัน แต่คาดว่าไม่ส่งผลกระทบมาถึงแนวชายฝั่งทางภาคใต้ของไทย แม้จะอยู่ห่างเพียงไม่ถึง 1,000 กม. ก็ตาม ทั้งนี้ทางศูนย์เตือนภัยฯ เตรียมพร้อมเฝ้าระวังสึนามิแล้ว และกำลังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
    อย่างไรก็ดี เมื่อเช้าวันนี้ (11ม.ค.) ทางศูนย์เตือนภัย ฯ ได้ประกาศยกเลิกเตือนสึนามิเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบการเกิดคลื่นยักษ์แต่อย่างใดจึงขอประกาศยกเลิกการแจ้งเตือนภัยดังกล่าว

    Mthai News


    [​IMG]
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุเหยียบกันตายขึ้นในนครโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ หลังนักเรียนแย่งกันเข้าไปลงทะเบียนเพื่อเข้าสอบเรียนต่อ ทำให้เกิดชุลมุนเหยียบกันขึ้น มีผู้เสียชีวิต 1 คนบาดเจ็บ 20 คน อาการสาหัส 2 คน
    โดยรายงานข่าวระบุว่า นักเรียนกว่า 5,000 คน ต่างมาเข้าแถวรอสมัครเรียนบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยโยฮันเนสเบิร์ก ตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด เมื่อมีผู้มายืนรอมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เริ่มชุลมุนวุ่นวาย จนบางคนถูกเบียดติดกับประตู
    และเมื่อทันทีที่ประตูมหาวิทยาลัยเปิด บรรดานักเรียนต่างเบียดเสียดกันเข้าประตูมหาวิทยาลัยที่เปิดช่องเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดชุลมุนเหยียบกันขึ้น โดยเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เนื่องจากยืนเกาะรั้วอยู่และถูกผู้คนนับพันเบียดอัดเข้าประตูรั้วเหล็ก และถูกเหยียบจนเสียชีวิตคาที่
    ทั้งนี้ทางมหาวิทยาลัย ได้เปิดให้ลงทะเบียนมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว แต่เด็กนักเรียนยากจนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต จึงไม่สามารถลงทะเบียนแบบออนไลน์ได้
    Mthai News
     
  16. ตาที่สาม

    ตาที่สาม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +50
    อีกแล้วเหรอครับ ความปรารถนาดีแบบนี้ มาอีกแล้วเหรอครับ
     
  17. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,375
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,652
    ผมค่อนข้างแน่ใจว่า...สงครามเต็มรูปแบบ...ยังไม่เกิดขึ้นในช่วงนี้ครับ

    แต่...สัญญาณของสงครามเริ่มชัดเจนขึ้น...ดังนี้

    - ราคาน้ำมันและทองคำ...จะทะยานขึ้นไปอีกมาก

    - เศรษฐกิจสหรัฐ และ EU...ใกล้ล่มสลาย...ซึ่งตอนนี้เขากำลังต่อสู้อย่างเต็มที่

    - มีความพยายาม...เข้ายึดประเทศอื่น...ทั้งทางเศรษฐกิจและทางทรัพยากร...เพื่อเอาไปอุดเศรษฐกิจของตน...ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆไม่พอใจประเทศมหาอำนาจ

    - มหาำอำนาจอย่างจีน...ทราบเรื่องนี้...และเข้าคุมเศรษฐกิจโลก...พร้อมกับถ่วงดุลอำนาจทางทหาร

    - ไทยส่งออกอาหารมากผิดปกติ...ซึ่งอาจเป็นการกักตุนอาหารเพื่อการทำสงคราม...เช่นเดียวกับที่เราเคยส่งออกอาหารอย่างมากมาย...ช่วงก่อนสงครามอ่าวเปอร์เซีย

    - เกาหลีเหนือกำลังจะทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งเพื่อแสดงแสนยานุภาพผู้นำคนใหม่...ซึ่งจะก่อให้เกิดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี...เหมือนครั้งที่เคยปล่อยขีปนาวุธข้ามเกาะญี่ปุ่น

    - จีนพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่...ที่สามารถยิงได้ไกลที่สุด...ซึ่งจีนยังมีเทคโนโลยีขีปนาวุธทำลายดาวเทียมในวงโคจร...ได้อย่างแม่นยำ

    - อิหร่าน...ซึ่งพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์...ในระดับใช้งานได้...ก็เป็นหัวหอกต่อต้านตะวันตก...และรวมรวบสมัครพรรคพวกในเขตตะวันออกกลาง

    ด้วยเหตุนี้...นาฬิกา...ที่แสดงถึงความตรึงเครียดในโลก...ได้เข้าใกล้เที่ยงคืนมากกว่าเดิม...จาก 7 นาทีมาเป็น 5 นาที

    จุดที่จะก่อให้เกิดสงครามย่อยๆนั้น...มีอยู่ทั่วโลก...รอวันที่จะประทุขึ้นมาเป็นสงครามใหญ่...เท่านั้น


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2012
  18. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    จำได้ว่าใกล้ภัยพิบัติจะมาจะพบทรัพยากรมีค่า ตอนนี้พบที่ทุ่งกุลาร้องไห้เจอบ่อน้ำมัน จะมีใครมาทำสงครามกับเราเอาน้ำมันไหมนี่
     
  19. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,292
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,115
    เคยอ่านโพสเก่าๆในเวปพลังจิต
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอกว่าถ้าประเทศฝรั่งเศสถูกโจมตีให้ลูกหลานกลับเมืองไทยให้หมด
    ใกล้แล้วสินะ !
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    จริงๆ ตรงนั้นมีน้ำมันอยู่มาก เท่าที่รู้คนบ้านเรา(และเขมร) ก็รู้กันดีว่ามันคือ บ่อน้ำมัน ที่มาแย่งๆ เขาพระวิหารหรืออะไรเนี่ยะ ก็ต้องการครอบครอง หรือ แบ่งผลประโยชน์กันทั้งนั้น :boo:

    อ่าวไทยอีกที่ระวังให้ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...