บอกบุญครับ

ในห้อง 'แจกฟรี' ตั้งกระทู้โดย น้องโอมห์, 11 มกราคม 2012.

  1. น้องโอมห์

    น้องโอมห์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +6
    เนื่องด้วยเพื่อน (รุ่นน้องที่ทำงาน) จะลาอุปสมบทประมาณกลางเดือนกุมภานี้ หากผู้ใดมีความประสงค์ร่วมส่งหนังสือ/สิ่งพิมพ์ธรรมะ ที่ท่านมีอยู่แล้วเพื่อรวบรวมส่งให้แก่ว่าที่พระใหม่เพื่อเป็นธรรมทานนำไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป ท่านที่มีความประสงค์นำส่งสามารถส่งได้ที่

    เรืองวิทย์ ร่มศรี
    196 ม.10 นิคมอุตฯ304
    ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ
    จ.ปราจีนบุรี 25140

    ภายใน วันที่ 10 ก.พ 55 ขอบคุณครับ
     
  2. phraedhammajak

    phraedhammajak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,599
    ค่าพลัง:
    +2,969
    ก็ขออนุโมทนาด้วยสำหรับความตั้งใจที่ดีในการจะบวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนา วัดหรือสำนักที่เราจะบวช หรือบวชแล้วจะไปศึกษากับท่าน นี้สำคัญมาก หากคิดจะบวชศึกษาพระธรรมวินัยจริงๆก็ขอให้เลือกครู ให้ดี

    หลวงปู่ขาวท่านเทศน์เอาไว้ ว่า ตำราดูพระว่ามีกี่จำพวก เท่าที่ลองประมวลดูก็พอที่จะได้สัก ๔ จำพวก

    ๑.พระพิธี คือบวชเข้ามามุ่งแต่รับพิธี มีการรับทำพิธีต่างๆ ให้ชาวบ้าน เช่นฉันเช้า ฉันเพล ในพิธีต่างๆ มีขึ้นบ้านใหม่ เปิดร้าน แต่งงาน งานศพ เป็นต้น ธัมธัมโมไม่กระดิกหู

    ๒.พระชี้กรรม คือ บวชเข้าไปศึกษาเล่าเรียน แล้วก็เที่ยวเทศน์สอนคนอื่นแต่ส่วนมากจะไม่ได้มุ่งสอนตน คอยชี้แนะว่าสิ่งนี้ผิดควรละ สิ่งนี้ถูกควรปฏิบัติ เป็นประเภทพระสอน

    ๓.พระนำทาง คือ พระบวชเข้าไปเพื่อมุ่งการปฏิบัติขัดเกลาจิต เป็นผู้นำในทางที่ถูกต้อง สนใจแต่ด้านการปฏิบัติอย่างเดี่ยว ไม่สนใจในการศึกษาเล่าเรียนปริยัติ ได้แก่พระสายกรรมฐาน

    ๔.พระขวางนิพพาน คือ บวชเข้ามาขวางทางบรรลุพระนิพพาน ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์แข่งกับพระพุทธเจ้า ทำตัวเป้นอันธพาลสันดาลหยาบ เป็นศัตรูต่อความดีด้วยการกระทำที่นอกรีดนอกรอยของสมณะ เช่น การประกอบดิรัจฉานวิชา การไม่ศึกษาเล่าเรียน ไม่ใส่ใจในการประพฤติปฏิบัติขัดเกลา ไม่เอื้อเฟื้อใในสิกขาวินัย เป็นต้น

    ที่นำมาเสนอนี้ก็เพื่อเป็นข้อคิดแก่ผู้คิดจะบวช ว่าพระนั้นมีหลายประเภท ก่อนจะบวชจะได้มีโอกาสเลือกวัดตามที่เราชอบ จะได้ไม่ไปคิดปรับพระในวัด เพราะเราปรับใจของเรามาก่อนแล้ว


    จากบทความของหลวงปู่ขาว ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะจับผิดพระ ว่าพระแบบไหนดีหรือไม่ดี บางทีบางรูปบางองค์ท่านอาจจะมีหลาย แบบ ศึกษา สวด สอน ปฏิบัติ ไปด้วยหรือผ่านจุดนั้นมาแล้ว แต่เพื่อให้เราเลือกให้ดีหากได้กัลยาณมิตรที่ดีแล้ว ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ


    ถ้าหากเราอยากที่จะได้ประโยชน์ในการบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ก็จะต้องเลือกครูบาอาจารย์ที่ดีเป็นกัลยาณมิตร ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2012
  3. sazaki

    sazaki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +284
    ขออนุโมทนากับผู้ที่ตั้งใจบวชด้วยครับ ผมขอแนะนำเล็กๆน้อยๆนะครับเพื่อให้การบวชนี้ได้บุญมากๆ ก่อนอื่นควรศึกษาศีล 227ข้อก่อนครับ เพราะคุณธรรมขั้นต้นของพระภิกษุคือศีล และ เสขิยวัตร75 ซึ่งเป็นสิ่งที่พระควรปฏิบัติ 2 ข้อนี้สำคัญมากๆ ต่อมาไม่ว่าจะบวชด้วยสาเหตุอะไร จะตามประเพณีหรือด้วยศรัทธาใจต้องคิดเสมอว่าเราบวชเพื่อความดับซึ่งกิเลศ จากนั้นในขณะที่บวชต้องมีการภาวนาอยู่เสมอ ...พระพุทธเจ้าตรัสในเบื้องปลายว่า“แม้จะได้อุปสมบทเป็นภิกษุ รักษาศีลครบ 227 ข้อ
    ไม่เคยขาด ไม่ด่างพร้อย 100 ปี บุญกุศลยังน้อยกว่าผู้ที่ทำสมาธิให้จิตสงบ(ฌาน)
    แม้นานเพียงไก่กระพือปีก.....
    อีกอย่างที่อยากจะแนะนำนะครับ เงินที่ญาติโยมร่วมทำบุญตั้งแต่บวชจนสึก ห้ามนำมาใช้ส่วนตัวเด็ดขาด แม้เพียงบาทเดียวก็อเวจีมหานรก การผิดศีลก็เช่นกันครับ ขอยกอานิสงส์มาให้อ่านด้วยครับ
    ...ท่านที่บรรพชาในพระพุทธศาสนาเป็นสามเณร องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ท่านผู้บรรพชาเอง คือ เณร ถ้าประพฤติปฏิบัติดีก็เป็นการลงทุนซื้อสวรรค์ ถ้าปฏิบัติเลว การบวชพระบวชเณรก็ถือว่าเป็นการซื้อนรก ท่านที่บวชป็นเณรเข้ามาในพระพุทธศาสนาแล้วประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามระบบธรรมวินัย สำหรับท่านผู้เป็นเณรนั้นไซร้ ย่อมมีอานิสงส์ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าจิตของตนมีกุศลธรรมดาไม่สามารถจะทรงจิตเป็นฌาน ท่านผู้นั้นจะเสวยความสุขบนสวรรค์ได้ถึง ๓๐ กัป

    ถ้าหากว่าทำจิตของตนเกือบเป็นฌาน ได้ฌานสมาบัติ ตายจากความเป็นคนจะเกิดเป็นพรหม มีอายุอยู่ถึง ๓๐ กัปเช่นเดียวกัน
    อายุเทวดาหรือพรหมย่อมมีกำหนดไม่ถึง ๓๐ กัป ก็หมายความว่าเมื่อหมดอายุแล้วก็จะเกิดเป็นเทวดาใหม่ เกิดเป็นพรหมใหม่อยู่บนนั้นไปจนกว่าจะถึง ๓๐ กัปหรือมิฉะนั้นก็ต้องเข้าพระนิพพานก่อน

    บิดามารดาของสามเณร ย่อมได้อานิสงส์คนละ ๑๕ กัป ครึ่งหนึ่งของเณร
    องค์สมเด็จพระมหามุนีตรัสต่อไปว่า บุคคลผู้มีวาสนาบารมี คือมีศรัทธาแก่กล้า ตั้งใจอุปสมบทในพระพุทธศาสนาเป็นพระสงฆ์ แต่ว่าเมื่อบวชแล้วก็ต้องปฏิบัติชอบ ประกอบไปด้วยคุณธรรม คือ มีพระธรรมวินัยเป็นสำคัญ ท่านที่บวชเป็นพระด้วยตนเอง จะมีอานิสงส์อยู่เป็นเทวดาหรือพรหม ๖๐ กัป บิดามารดาจะได้คนละ ๓๐ กัป นี้เป็นอานิสงส์พิเศษ

    แต่ทว่าภิกษุสามเณรท่านใดทำผิดบทบัญญัติในพระพุทธศาสนา ก็พึ่งทราบว่าเวลาตายก็มีอเวจีเป็นที่ไปเหมือนกันอานิสงส์ที่พึงได้ใหญ่เพียงใดโทษก็มีเพียงนั้น

    สำหรับผู้ที่ช่วยในการบวช การอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา คือบำเพ็ญกุศลร่วมกับเขา ด้วยจตุปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง ช่วยขวนขวายในกิจการงานในการที่จะอุปสมบทบ้าง อย่างนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้นั้นจะมีอานิสงส์เสวยความสุขอยู่บนสวรรค์ หรือในพรหมโลกคนละ ๘ กัป

    แต่ถ้าเป็นคนฉลาด อย่างที่วัดนี้เขาบวชพระกัน ๔๒ องค์ เราก็บำเพ็ญกุศลช่วยในการบวชพระ ใม่เจาะจงเฉพาะท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยทั้งหมดทั้ง ๔๒ องค์ ก็ต้อง ๔๒ องค์ ตั้งเอา ๘ คูณ

    อานิสงส์กุศลบุญราศีท่เราจะพึงได้สำหรับท่านผู้เป็นเจ้าภาพ ในฐานะคนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวนขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะได้อานิสงส์ ๑๒ กัป จะมีผลลดหลั่น ซึ่งกันและกัน ...

     

แชร์หน้านี้

Loading...