เรื่องเด่น ปฏิทินพลังจิตธรรมสัญจร 55 ตอน ร่วมบุญสร้างลานปฏิบัติธรรมกับ คบ. วิจิตร มนฺญโญ P. 44

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย ญ.ผู้หญิง, 14 ธันวาคม 2011.

  1. อัสนี

    อัสนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,401
    ค่าพลัง:
    +3,566
    ขอจองทริป๖พระพุทธบาทพลวงเขาคิชฌกูฏ สองที่ครับ คุณหญิง....
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Prabath.jpg
      Prabath.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.5 KB
      เปิดดู:
      2,178
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2012
  2. จุติญาณ

    จุติญาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +91
    ผมขอจองทริปห้าวัดท่าซุงเพิ่มอีก ๒ ที่ครับผม
     
  3. vietnam

    vietnam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    337
    ค่าพลัง:
    +2,684
    พี่หญิงครับ... ๒๐๐ บาท ขอร่วมบุญกับทริป ธรรมสัญจร (๖) แทนนะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  4. sunisa005

    sunisa005 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +298
    ..โอนให้แล้วคะ ยอด 3,500บาท ดังไฟล์แนบจ้า...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ปาริสุทธิ์

    ปาริสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +817
    ธรรมสัญจร 5 มโนยิทธิเต็มกำลัง 2 ที่ค่ะ
     
  6. ปาริสุทธิ์

    ปาริสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +817
    ธรรมสัญจร 7 พุทธาภิเษกพระศรีอาริยเมตไตรย 2 ที่ค่ะ
     
  7. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    บางบทบางตอนกับ..... เขาวงพระจันทร์

    ปักกลดที่เขาชอนเดื่อ


    จากหนังสือ หลวงพ่อธุดงค์

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็น
    วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๓๓ เมื่อพักอยู่ที่พระพุทธบาทแล้ว หลวงพ่อปานก็นำย้ายกลดมาที่เขาวงพระจันทร์ ขึ้นไปปักกลดกันอยู่บนยอดเขา เวลานั้นบันไดก็ไม่มี ต้องเดินแบกกลดบุกป่าขึ้นไปบนยอดเขา ไปตามทางที่เขามีอยู่บ้าง ไม่ใช่ทางบ้าง ไต่เขาขึ้นไป พอถึงยอดเขาก็ปักกลด การปักกลดก็ทำตามปกติ หลวงพ่อปานท่านบอกว่า ที่เขาวงพระจันทร์นี้ มีพระบรมสารีริกธาตุ วันนี้ถ้าพวกเธอปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่พอใจของพระพุทธเจ้า พวกเธอจะเห็นพระบรมสารีริกธาตุ ถ้าองค์ไหนปฏิบัติไม่ดี ไม่ชอบ ไม่ควร จะมองไม่เห็น เมื่อถึงเรียบร้อยแล้ว เราไม่ได้ห่วงเรื่องการกินข้าวกินปลากับใคร เพราะถือว่าเรากินกับเทวดาได้ บนยอดเขาใครจะไปใส่ (เวลานั้นบ้านอยู่บนยอดเขาไม่มี เชิงเขาก็ไม่มี อยู่ไกล) พอขึ้นไปปักกลดเสร็จ มีบ่อน้ำอยู่ไปอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งพิงโคนต้นไม้ ซึ่งมันร่มดีและก็เย็นสบาย ๆ นั่งหลับตาเจริญภาวนา นึกถึงบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    อย่าลืมว่า การธุดงค์ จิตจะต้องวางนิวรณ์ทั้งหมด มันมีแต่ว่าจงทำเหมือนคนไม่มีนิวรณ์ นั่นคือ ไม่นึกถึงมัน ไม่สนใจในมัน และประการที่ ๒ การไล่เบี้ยฌาน เข้าฌาน ๑ ,๒ ,๓ ,๔ ,๕ ,๖ ,๗ ,๘ ,๘ ,๗ ,๖ ,๕ ไล่มา ไล่ไปไล่มา ไล่มาไล่ไป ให้มันคล่อง มันเพลินในฌานหลังจากนั้น ก็ใช้ทิพพจักขุญาณ บางจุดใช้ทิพพจักขุญาณบ้าง จุตูปปาตญาณบ้าง ญาณ ๘ ประการ ใช้ให้มันคล่อง ให้มันเพลินอยู่ในฌาน เพลินอยู่ในญาณ ไม่ใช่ไปชมต้นไม้ต้นไร่ พอถึงที่สบายใจ ลืมตาขึ้นมา เห็นใบไม้มีสภาพไม่เสมอกัน ใบไม้หล่นมา ก็คิดในใจว่าใบไม้นี่ เมื่อก่อนจะเกิด มันก็ผลิเป็นตุ่มเล็ก ๆ เหมือนกับคนเหมือนกับเด็ก ที่เราเกิดมาเป็นเด็ก ต่อมาก็ค่อย ๆ โตขึ้นมาเต็มที่ เป็นหนุ่มเป็นสาวใบก็เขียว ต่อไปใบก็เริ่มเหี่ยว และก็แห้งเหมือนกับคนแก่ในที่สุดหลุด ก็คือตาย เหมือนกับคนตาย เปรียบเทียบกับร่างกายของเราอันนี้เป็น วิปัสสนาญาณ ใช้กับต้นไม้ ใช้กับบ่อน้ำ ใช้กับอะไรทุกอย่าง มองเห็นทุกอย่างเป็นวิปัสสนาญาณ จิตก็เป็นสมาธิ สมาธิไม่ใช่ไปนั่งเข้าฌานกันอยู่ตลอดเวลา สมาธิต้องทรงตัว วิปัสสนาญาณต้องทรงตัว พรหมวิหาร ๔ ต้องทรงตัว ต้องระงับนิวรณ์ ๕ ประการทรงตัว จิตมีการคล่องในสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ประการ
    (คำว่า คล่อง คือว่ามีความเข้าใจในสังโยชน์ทั้ง 10 ประการทั้งหมด) สักกายทิฏฐิ อย่างต่ำคือ นึกว่าตาย อย่างกลางคือ นึกว่าร่างกายมันจะต้องตาย และก็สกปรก มีชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความสกปรก อย่างสุงสุดคือ ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา โดยมากก็จะใช้ข้อสุดท้าย กับข้อที่ ๒ ต่อจากนั้นไปก็ความมั่นใจในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์เล่นฌานให้คล่อง แต่ไม่ติดในฌาน ไม่มีการถือตัวว่าคนกับคน คนเหมือนคน คนเท่าคน เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกัน จิตไม่ฟุ้งซ่าน คือ จิตหวังคิดว่า เวลานี้เราตาย เราไปนิพพานกันแน่ เราไม่ต้องการ มนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เราต้องการเฉพาะ นิพพานจุดเดียว

    แล้วก็เดินไปเดินมา หลวงพ่อปานท่านก็ปล่อยตามอัธยาศัย พอเดินเข้าไปในป่ามันเป็นป่ารกชัฏ ตอนนี้ก็ไปเจอะพระองค์หนึ่ง เวลานั้นเวลาประมาณบ่ายสัก ๒ โมง ท่านกำลังนั่งฉันข้าวอยู่องค์เดียว และกับข้าวมีมากเหลือเกินมีแกงเป็ด มีแกงไก่ มีแกงหมู โอ๊ย.จิปาถะ กินสัก ๑๐ คนก็ไม่หมด ท่านนั่งฉันตุ้ย ๆ อายุมากแล้ว อายุประมาณสัก ๔๐ เศษ ๆ อ้วน ๆ ผิวดำ ๆ พอเข้าไปใกล้ท่าน ก็ยกมือไหว้ท่านถามว่า หลวงพ่อขอรับ เพิ่งฉันเช้าหรือขอรับ ท่านบอก เออ..ข้ากินแต่เช้าว่ะ มันยังไม่อิ่ม ข้าก็กินเรื่อยไป ก็ถือว่าข้ากินข้าวเช้า ก็ถามว่า หลวงพ่ออยู่วัดไหนขอรับ
    ท่านบอกว่าเดิมทีเดียวท่านอยู่ที่จังหวัดอยุธยา แต่ว่าเวลานี้ไม่ได้อยู่ที่นั่นเสียแล้วออกมาจากวัด หาวัดอยู่ไม่ได้ ข้าก็อยู่ตามป่าตามดง ถามว่า หลวงพ่อขอรับ กับข้าวประเภทนี้หลวงพ่อไปนำมาจากไหน มีหมูเห็ด เป็ดไก่ มากมาย ท่านก็บอก เอ็งก็ดูเอาสิ (คำว่า เอ็งก็ดูเอาสิ นั่นหมายความว่า ต้องใช้ทิพพจักขุญาณ) ก็เลยใช้กำลังใจเป็นทิพพจักขุญาณ พอใช้กำลังใจเป็นทิพพจักขุญาณเท่านั้นแหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท หลวงพ่อองค์นั้นกลายเป็นพรหม เป็นพรหมชั้นสูงมาก เป็นพรหมชั้นพระอรหัตมรรค เป็นพรหมชั้นที่ ๑๖ และกับข้าวทุกอย่างนี่ ไม่มีอะไรเป็นของจริง ไอ้หมูเห็ด เป็ดไก่ใบไม้ทั้งนั้น

    พอเห็นภาพอย่างนั้น ก็ถามท่านบอกว่า ขอประทานอภัยครับ หลวงพ่อเป็นพรหมใช่ไหม ท่านบอก เออ..ใช่ ถามว่า หลวงพ่อมาเพื่ออะไร ท่านก็บอกว่า ก็มาเยี่ยมพวกเอ็ง ข้าเห็นว่าพวกเอ็งยังไม่ว่าง ข้าก็เลยมานั่งกินข้าวที่นี่ ก็เลยบอกว่า กับข้าวแบบนี้ ชาวบ้านเขาไม่กินกันหรอกขอรับ เพราะว่าเป็นใบไม้บ้าง เป็นท่อนไม้บ้าง ท่านบอก เออ..มันก็ไม่เป็นอาบัติ ถามว่า พรหมยังต้องกินข้าวหรือ ท่านบอก ไม่กิน (แต่ท่านก็ยังไม่แสดงอาการกายเป็นพรหม) ถามว่า ท่านเป็นพรหมชั้นที่ ๑๖ ใช่ไหม ท่านบอกว่าใช่ ตามความรู้สึกเวลานั้นว่าท่านเป็นพระอรหัตมรรค ก็ถามว่า ท่านเป็นพระอรหันต์หรือยังครับ ท่านบอก ยังแค่มรรคอยู่ยังไม่ใช่ผล ถามว่า ท่านตายจากคนไปกี่ปี ท่านบอกว่า ประมาณ ๔๐๐ ปีเศษ ๆ และถามท่านว่าการที่มาเยี่ยม มีความประสงค์อะไร ท่านก็ตอบบอกว่า มาสงเคราะห์พวกเธอ พวกเธอมาดีมาหวังดี และเดินไปทุกทางที่ไหน ก็ใช้กำลังวิปัสสนาญาณด้วย มีสมาธิด้วย มีศีลด้วย มีพรหมวิหาร ๔ ด้วย กำลังใจตัดสังโยชน์ด้วย อย่างนี้ดีมาก

    ถามท่านว่าอย่างพวกผมนี่จะไปนิพพานชาตินี้ได้ไหม ท่านก็ตอบว่าการถามแบบนั้นเป็นการถามของคนโง่ คนฉลาดจะไม่ถามกัน เพราะว่าการจะไปนิพพานหรือไม่ไปนิพพานไม่ใช่คำพยากรณ์ของใคร มันเป็นเรื่องของการปฏิบัติถูกเท่านั้น เลยถามท่านบอกว่า เวลาที่ปฏิบัติเวลานี้ ถูกหรือยัง ท่านบอกว่า ถูกแล้ว แต่ความเข้มข้นของจิตใจน้อยไปหน่อย ถามว่าขี้เกียจเกินไปใช่ไหม ท่านบอกว่า ไม่ใช่ การขยันเกินไปเป็นของไม่ดี จิตต้องปล่อยไปตามอารมณ์มันบ้าง อย่างบังคับอย่างเดียว อย่าบังคับให้อยู่เฉพาะกำลังฌาน อย่าบังคับให้อยู่เฉพาะกำลังวิปัสสนาญาณ บางครั้งก็ดูต้นไม้ ดูใบไม้ ดูดอกไม้ ที่มันแกว่งไปแกว่งมาตามกระแสลม สร้างความเพลิดเพลินตามปกติเสียบ้าง จิตจะได้ไม่เครียด หลังจากนั้นแล้ว ก็จับสิ่งที่เราเห็น เป็นวิปัสสนาญาณ ท่านก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ดีกว่า ที่นี่มันเป็นป่า ไปเที่ยวบ้านฉันไหม ก็บอกว่า ไป พอบอกไป ท่านบอก เอ้า…ไปกันได้แล้ว ๓ องค์ ก็เลยไปกันทันที การไปก็ไม่มีอะไรมากไปด้วยอานุภาพของท่าน พอท่านบอกไปได้ละ ก็ถึงเลย ไม่เห็นอะไรข้าง ๆ เลย พอไปถึงเข้า ท่านสวยสดงดงามมาก ท่านก็บอกว่า เดิมฉันอยู่ที่จังหวัดอยุธยา ตายมา ๔๐๐ ปีเศษ ฉันชื่อ สิงห์ เวลานี้เป็น พระอนาคามี

    ท่านก็ชี้มาที่อาตมา ท่านบอกว่า ฉันเคยเป็นพ่อเธอมาหลายชาติ เมื่อเธอปฏิบัติอย่างนี้ เป็นที่ชอบใจของฉัน เธอจะไม่กลับถอยหลังอีก คำว่า ถอยหลังไปเกิดเป็นมนุษย์ จะไม่กลับไปอีก ขอให้ตั้งใจตรงเฉพาะนิพพานเข้าไว้แล้วท่านก็พาชมสหัมบดีพรหม ในเขตสหัมบดีพรหมทั้งหมด กว้างใหญ่ไพศาลมาก น่าอยู่ น่าเลื่อมใส ท่านถามว่าชอบใจไหม ก็บอกว่าดินแดนของพรหมนี่ชอบใจ แต่ว่าก็ไม่เคยคิดจะอยู่พรหม อยากจะไปนิพพาน ท่านก็ให้แหงนหน้าขึ้นไปดู เห็นนิพพานอยู่สภาพใกล้นิดเดียว ท่านก็พาไปที่นิพพาน ท่านบอก นี่วิมานของเธอ วิมานใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ เพราะการก่อสร้างของเธอทุกชาติ เธอสั่งสมบารมีมามาก เธอเคยพบพระพุทธเจ้ามาหลายองค์ จำวิมานของเธอไว้

    เวลาที่ใช้กำลังฌานสมาบัติ ก่อนจะใช้กำลังฌานสมาบัติ ใช้พรหมวิหาร ๔ ก่อน และใช้กำลังวิปัสสนาญาณให้ถึงที่สุด คือไม่ต้องการภพทั้ง ๓ มนุษยโลก เทวโลก และพรหมโลก ต้องการนิพพาน ให้ใจมันแน่วแน่ และตรงดิ่งมาที่นี่ทันที มานั่ง มานอนเล่นให้มันสบายเสียก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยไปเที่ยวที่อื่น จะไปที่ไหนก็ได้ ก่อนจะหลับมาหลับที่นิพพาน อธิษฐานเวลาตื่นเข้าไว้ว่า เวลาเท่านั้นเท่านี้ เราจะลงมา จงทำอย่างนี้ทุกวัน อารมณ์จะชิน เมื่ออารมณ์ชินแบบนี้ สังขารุเปกขาญาณมันจะเกิดขึ้น เป็นวิธีง่าย ๆ และเวลาตายจริง ๆ มันก็จะตรงมาที่นี่

    ก็เลยบอกท่านบอกว่า เวลานี้ผมปรารถนาพุทธภูมิ ท่านบอกว่าไม่มีความหมายเวลานี้เธอจงทำตามแบบพุทธภูมิไปเถอะ แต่เมื่ออายุ ๔๐ ปีเศษ ต้องลาพุทธภูมิ เพราะเวลานั้นจะเกิดมีการผันผวนในด้านพระศาสนาเกิดขึ้นมามาก แต่ก็ไม่ใช่มีใครเขาทำผิดทุกสำนักทำถูกหมด แต่ถูกเล็ก หรือถูกใหญ่ ถูกหมดหรือไม่หมดเท่านั้น ถูกครบหรือไม่ครบทุกสำนักเขาก็ทำถูก อย่าไปว่าเขาทำผิด เพียงแค่ใจเขานึกถึงพระพุทธเจ้า ก็ถือว่า ทำถูกแล้ว แต่กำลังยังอ่อนเกินไป เขาต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ และคนของเธอ เมื่อสมัยที่เธอเกิดในสมัยก่อน ๆ เธอเคยเป็นกษัตริย์บ้าง เป็นแม่ทัพบ้าง เป็นรองแม่ทัพบ้าง เป็นพ่อเมืองบ้างอย่างนี้ คนที่เขาช่วยเธอมีมาก เพราะเธอปรารถนาพุทธภูมิ พุทธภูมินี่เธอปรารถนามานานแล้ว แต่ว่าชาตินี้ต้องลาพุทธภูมิ ช่วยพระศาสนา ช่วยเฉพาะในกลุ่มของเรา ไม่ใช่คนอื่น คนอื่นจะสอนเขาไม่ได้ เขาจะไม่จำ ในเมื่อเขาไม่จำ ก็ไม่เกิดประโยชน์ คนอื่นช่างเขา เขาจำหรือไม่จำก็ช่าง เอาแต่คนของเรา และเธอก็จะสามารถขนคนพวกนั้นมานิพพานได้ไม่น้อยกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เหลือจากนั้นอีกเล็กน้อย เขาจะอยู่บนสวรรค์บ้าง ไปพรหมโลกบ้าง และต่อไปเขาก็จะไปนิพพาน เมื่อคุยกับท่านเสร็จ ท่านก็พาเที่ยวบริเวณของนิพพาน ท่านก็ชี้วิมานของแต่ละบุคคล องค์นั้นวิมานอยู่ตรงนี้ องค์นี้วิมานอยู่ตรงนี้ วิมานมีแล้วทั้งหมด

    ก็รวมความว่า เวลานั้นก็เลยรู้สึกตัวว่า เอ๊ะ..เรามีวิมานที่นิพพาน การเป็นพระพุทธเจ้าก็มานิพพาน ปรารถนาพุทธภูมิก็มานิพพาน ปรารถนาสาวกภูมิก็มานิพพาน ในฐานะที่หลวงพ่อปานท่านแนะนำ ท่านชวนให้ปรารถนาพุทธภูมิ ก็ขอปฏิบัติตามสายพุทธภูมิก่อน แต่ว่าที่หลวงพ่อเนียมสั่งว่า สังโยชน์ ๑๐ ประการ ต้องคล่องตัว ก็ต้องทำด้วยเหมือนกันก็เป็นอันว่า หลวงพ่อเนียมก็ดี หลวงพ่อโหน่งก็ดี หลวงพ่อปานก็ดี ท่านรู้ดีว่า มีความจำเป็นเรื่องการกำจัดสังโยชน์ ๑๐ ประการ และการกำจัด ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะตัดได้ขาด มีความจำเป็นต้องยับยั้งอารมณ์ของสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ประการ คือ สักกายทิฏฐิ ที่มีความรู้สึกว่า ร่างกายเป็นเราเป็นของเรา ต้องยับยั้ง ทิ้งไว้เสีย คิดว่า มันเป็นแต่เพียงธาตุ ๔ เข้ามาผสมกัน มีอาการ ๓๒ ไม่ช้ามันก็ตาย เราไม่เป็นอรหันต์ก็ช่าง เรายอมเคารพนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ยับยั้งในกามารมณ์ ยังยั้งในความโกรธ ไม่หลงในรูปฌาน และอรูปฌาน ไม่ถือตัวตัวตนแม้แต่กับหมาเราก็เล่นได้ หมาเล่นกับเรา เราก็เล่นกับหมา หมาตะกายหลังตะกายหน้า ก็ปล่อยตามใจหมา เราไม่ถือตัว ไม่ถือตน และอารมณ์เราก็ไม่ฟุ้งซ่านหวังนิพพานไปที่เดียว และเราก็ไม่เห็นว่าพรหมโลก เทวโลกมนุษยโลกดี เราเห็นนิพพานดี เอากันแค่เป็นประเพณีนิยมหรือประจำใจ จะเป็นอรหันต์หรือไม่ ไม่สำคัญ

    หลังจากนั้น เมื่อท่านพาเสร็จจบ ท่านก็บอกว่าเวลานี้มันสว่างแล้ว (ขึ้นไปตั้งแต่บ่าย ๓ โมงเย็น ไปพักเดียว ท่านบอกว่า สว่างแล้ว) เดี๋ยวหลวงพ่อปานจะคอย แต่ว่าหลวงพ่อปานท่านรู้นะว่ามากับฉันไม่ใช่ท่านไม่รู้ ก็กลับลงมาที่เดิมพอเข้ากลด ก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อปานเคาะกระดิ่งเล็ก ๆ เป็นสัญญาณบอกให้ออกมาบิณฑบาต ก็นุ่งสบงทรงจีวรตามปกติออกบิณฑบาต พอถือบาตรออกจากกลด ก็ปรากฏว่ามีคน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คนแก่มาก นั่งเป็น ๒ แถวเรียงรายกัน ก็เดินบิณฑบาตตรงกลาง แต่ข้าวที่เอามาเหมือนกันหมด คือ ข้าวสีเหลืองน้อย ๆ มีดอกไม้คนละดอกใส่บาตร ก็เป็นอันว่า วันนั้นกินข้าวเทวดา กับนางฟ้า พอท่านใส่บาตรกันเสร็จ หลวงพ่อปานก็ให้พรว่า เอวัง โหตุ (เป็นพรของพระสมัยโบราณที่ท่านให้กัน) ทุกท่านก็กราบ ท่านหัวหน้าท่านบอกว่า ผมดีใจมากที่พวกท่านมาโปรด เพราะกำลังต่อนี้ไป แสงสว่างร่างกายผมจะมีมากขึ้น และอีกองค์หนึ่งที่รองจากหัวหน้า ท่านบอกว่า ทั้ง ๓ องค์นี่เพิ่งกลับจากนิพพานใช่ไหมก็ตอบว่า ใช่ ท่านบอก ก็ดีแล้ว เพราะที่เป็นอย่างนี้ดี ผมจึงมาใส่บาตร ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ผมก็ไม่มาใส่บาตร ท่านต้องเอาบาตรไปแขวนกับต้นไม้ จะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม จะมีเทวดากับนางฟ้ามาใส่บาตรเสมอ ถามท่านว่า ทั้งหมดท่านเป็นเทวดาบ้าง เป็นนางฟ้าบ้าง เป็นพรหมบ้าง ทำไมถึงไม่มาในรูปของเทวดา นางฟ้า หรือพรหม

    ท่านบอกมาในรูปเดิมนี้ดีกว่า เมื่อก่อนผมจะตายจากความเป็นคน ผมรูปร่างขนาดไหน อายุเท่าไร แก่ขนาดไหน หนุ่มขนาดไหน ผมมาตามนั้นดีกว่า มีความสบายใจกว่าดีกว่าที่ให้ท่านเห็นว่าศักดิ์ศรีของผมมันสูง และการแสดงตนเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ศักดิ์ศรีสูงมาก รูปร่างก็สวยเกินไป ไม่ดี หลังจากนั้น ท่านก็ลากลับ

    หลังจากนั้น หลวงพ่อปานก็บอกว่า เรายังจะไม่ไปกัน เราจะค้างที่นี่อีก ๑ คืน พอตกเวลากลางคืน หลวงพ่อปานก็เรียกเข้าประชุม เวลาประชุมก็ไม่มีการอธิบายอะไร บอกทุกคนเริ่มเจริญภาวนา จับพุทธานุสสติเป็นอารมณ์โดยเฉพาะ ไม่เอาอย่างอื่น พอเริ่มทำเท่านั้นแหละ ปรากฏว่าพระบรมสารีริกธาตุองค์โตกว่าบาตรตั้งเยอะ เป็นดาวสว่างจัดขึ้นมาจากเขาวงพระจันทร์ ขึ้นมาจริง ๆ เวลานั้น ๗ ดวง แสงสว่างมาก ท่านก็ลอยนิ่งสูงขึ้นไปประมาณสัก ๒-๓ เท่ายอดไม้ แสงสว่างจัด ในที่สุดก็กลสับลงมา กลับลงมาก็หายเข้าที่เดิม หลวงพ่อปานก็ลืมตา ท่านถามว่า ทุกองค์เห็นพระบรมสารีริกธาตุไหม ก็ตอบท่านว่า เห็น ท่านถามว่า กี่องค์ บอกว่า ๗ องค์ หลวงพ่อปานบอก ใช่ ใช้ได้ ๆ ครบ สมาธิดีวิปัสสนาญาณดี

    หลังจากนั้น ตอนเช้าหลวงพ่อปานก็ชวนกันถอนกลด เดินทางต่อไปมันเป็นในป่า ท่านก็ไม่ได้บอกว่าในป่ามันป่าอะไร ไม่ได้ถามท่านไม่มีความจำเป็น มันจะเป็นป่าอะไรก็ช่างเราก็เดินกันเรื่อย ๆ มา เวลาเดินมา เทวดาชั้นจาตุมหาราชท่านก็เดินมาด้วย พวกดาวดึงส์ก็มากันมาก ท่านก็ชี้ชมสถานที่ต่างๆ ในอดีต ชมบ้านชมเมืองในอดีต ชมสนามรบในอดีต ชมภาพของคนตายในอดีต (ชมคนอื่นไม่ สำคัญเท่าชมตัวเอง เวลานั้นท่านเป็นไอ้นั่น เวลานี้ท่านเป็นไอ้นี่ ท่านมารบกับเขาตรงนี้ มาฆ่าตรงนี้ มาถูกห่าตายตรงนี้บ้าง มาฆ่าเขาตายตรงนี้บ้าง) ว่ากันเรื่อยไป ว่าอดีตเป็นชั้น ๆ เป็นสมัย ๆ หลายสมัย

    พอไปถึงใกล้เขาใหญ่ มาทราบตอนหลังนี้เขาเรียกว่า เขาชอนเดื่อ ถ้าเดินธรรมดา ๆ จากพระพุทธบาทมาชอนเดื่อ ถ้าจะใช้เวลา ๑ วัน น่ากลัวจะแย่เหมือนกัน ท่านเดินแบบสบาย ๆ รู้สึกว่าไม่เหนื่อย เป็นกำลังของหลวงพ่อปานบ้าง เทวดาท่านช่วยบ้าง พอถึงเขาชอนเดื่อ ท่าก็ปักกลดหน้าเขาชอนเดื่อ เวลานั้นก็ปรากฏว่า มีพระองค์หนึ่งอยู่ที่เขาชอนเดื่อ พระองค์นั้นท่านก็ออกมารับรอง ท่านรู้จักกับหลวงพ่อปานดีมาก เมื่อปักกลดเสร็จ พวกเราจะพัก เห็นท่านเข้า ก็เข้าไปกราบท่าน ท่านเป็นพระมีอาวุโสแล้ว อายุประมาณ ๓๐ เศษ เกือบจะ ๔๐ พวกเราเพิ่ง ๒๐ กว่า ๆ นิดเดียว ท่านเห็นเข้า ท่านก็ชมว่าพระ ๓ องค์นี้ดี เก่งมากแต่ว่าก็ยังเก่งแค่หากินกับเทวดา (นี่ท่านรู้ด้วย) หลวงพ่อปานก็ถามว่าท่านหากินกับเทวดา หรือท่านหุงข้าวกิน ท่านบอก ผมไม่หุงข้าวกินด้วย ไม่หากินกับเทวดาด้วย ผมอยู่ด้วยกำลังของปีติ (คำว่า ปีติ คือ ความอิ่มใจ) หลวงพ่อปานถามว่า น้ำต้องฉันไหมท่านบอก น้ำต้องฉัน แต่ข้าวไม่ต้องฉัน ร่างกายท่านสมบูรณ์ ผิวเหลืองสวย หน้าตาดี
    หลวงพ่อปานถามว่า ท่านนิยมอะไร ศัพท์อย่างนี้พวกเราไม่เข้าใจกัน ท่านบอกว่าเวลานี้ท่านกำลังอยู่ในขั้นฌานโลกีย์ แต่ว่าทรงอภิญญา ๕ สามารถจะทำอะไรก็ได้ตามชอบใจ แต่ว่าสิ่งที่ไม่ทำอย่างเดียว ก็คืออาหาร ไม่ทำอาหารมาเพื่อกิน อยู่ด้วยธรรมปีติพวกเราฟังแล้ว ก็ชื่นอกชื่นใจมาก ก็คิดในใจว่า คนที่อยู่ในธรรมปีตินี่ อย่างน้อยต้องเป็นพระอรหันต์ แต่ความจริงไม่ใช่ แค่ฌานโลกีย์ แค่อภิญญาโลกีย์ก็สามารถทำได้

    แล้วต่อมาท่านก็คุยกับหลวงพ่อปาน ตามเรื่องตามราวของคนแก่อายุไล่เลี่ยกันหลวงพ่อปาน ๖๐ ปีเศษ ท่านก็ ๕๐ เกือบจะ ๖๐ อยู่แล้ว อายุใกล้กันมาก พวกเราก็มีหน้าที่นั่งฟัง แต่ที่ท่านคุยกันพวกเราไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ท่านคุยเรื่อง ไอ้นั่นมีที่นั่น ไอ้นี่มีที่นี่ โอ้โฮ..ท่านชี้ไปในหุบในเขา มีเหว มีทองคำ มีอะไรต่ออะไร มีผีมีสาง ท่านชี้ไปที่ไหน เราก็พลอยเห็นด้วย ท่านเก่งจริง ๆ

     
  8. akp07

    akp07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +1,548
    แจ้งการโอนเงินครับ 2กพ.55 เวลา 11.56 น. ได้โอนเงิน 500.09 บาท เรียบร้อยแล้วครับ รายละเอียดส่งให้ทางsms แล้วครับ
     
  9. cmhadtong

    cmhadtong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    429
    ค่าพลัง:
    +2,040
    โอนเงินแล้วนะครับ
    รายละเอียดแจ้งทางPM
     
  10. ~๐TheRedDragon~

    ~๐TheRedDragon~ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +80
    ขอจองทริปสัญจรที่ ๕ ณัฐกับชะเอม ครับ พี่หญิง
     
  11. ปาริสุทธิ์

    ปาริสุทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +817
    ธรรมสัญจร 5 อีก 1 ที่ ค่ะ
     
  12. อนัตตา99

    อนัตตา99 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +51
    จองทริป 6 1 ที่ครับ
     
  13. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    บางบทบางตอนจาก... นมัสการสักการะพระพุทธบาทพลวง (คิชฌกูฎ) ปี ๕๔

    อ่านต่อบันทึกการเดินทางฉบับเต็มได้ที่ คลิก

     
  14. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    บางบทบางตอนจาก... นมัสการสักการะพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์ ปี ๕๔

    อ่านต่อบันทึกการเดินทางฉบับเต็มได้ที่ คลิก



     
  15. nara124

    nara124 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +7
    ขอจองทริปสัญจรที่ 5 จำนวน 2 ที่ครับ

    ขอจองทริปสัญจรที่ 5 มโนมยิทธิวัดท่าซุง จำนวน 2 ที่ครับ

    นเรศ-สุสาคร อังศุวารี

    e-mail. benja_fa@hotmail.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2012
  16. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ได้รับแจ้งจากคุณ Namolove (๒) ขอถอนตัวจากการเดินทางในธรรมสัญจร (๕) มโนมยิทธิเต็มกำลังวัดท่าซุงเนื่องจากงานเข้า ไม่ประสงค์รับเงินคืนและขอมอบเงินทำบุญในส่วนของค่าพาหนะให้กับสมาชิกที่มีรายได้น้อย ว่างงานหรือขาดแคลนกำลังทรัพย์ สามารถใช้สิทธิ์เดินทางได้ฟรี จำนวน ๑ ที่ สมาชิกท่านใดประสงค์จะใช้สิทธิ์ตรงนี้ขอให้โพสต์แจ้งความต้องการเข้ามาด่วน และขออนุโมทนากับคุณ Nemolove (๒) ด้วยค่ะ
     
  17. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ตอบคำถามกับงานบุญที่ยังมาไม่ถึงกับประเพณี "เตียวขึ้นดอย" พระบาทสี่รอย

    .....มีหลังไมค์สอบถามเข้ามาเยอะกับประเพณี "เตียวขึ้นดอย" นมัสการสักการะพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ว่าจัดไปหรือเปล่า ได้ตอบไปว่า จัดไปเหมือนทุกปี แต่เนื่องจากปีนี้ไม่ตรงกับช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เหมือนทุกครั้ง แต่กลับมาตรงกับวันอังคารและพุธที่ ๖-๗ มี.ค. เพราะฉะนั้นสมาชิกท่านใดที่ต้องการเดินทางไปร่วมสืบสานประเพณีนี้ ต้องลางาน ๑ วัน คือวันที่ ๖ มี.ค.

    กำหนดการเดินทางคร่าว ๆ คือ ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าของวันที่ ๖ เดินทางไปถึงวัดหนองก๋ายในช่วงเย็น อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงพิธีการของทางวัด และตั้งขบวนเดินเท้าขึ้นสู่วัดพระพุทธบาทสี่รอย ปีนี้พระครูบาพรชัย ท่านได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าขบวนรถบุษบกจะมีทั้งหมด ๓ ขบวน คือ


    [​IMG]
    ชบวนรถบุษบก อัญเชิญน้ำสรงพระราชทาน


    ๑. ขบวนรถบุษบกอัญเชิญน้ำสรงพระราชทานจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลเดชมหาราช ซึงได้พระราชทานเพื่อสรงน้ำพระพุทธบาทสี่รอยทุกปี
    ๒. ขบวนรถฆ้องกลองสะบัดชัย
    และที่เพิ่มมา คือ ๓. ขบวนรถบุษบกอัญเชิญพระเจ้าอินทร์สาน

    ระยะทางจากวัดหนองก๋ายถึงวัดพระพุทธบาทสี่รอย รวม ๑๘ กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินทางขึ้นเขาทั้งหมด ใช้ระยะัเวลาเดินทางจากตีนเขาถึงยอดดอยประมาณ ๑๐ ชั่วโมง ช่วงที่ชันที่สุดคือระยะทางในช่วงที่ ๓ และตลอดการเดินคณะผู้แสวงบุญทั้งหมดจะช่วยกันชักลากขบวนรถขึ้นสู่ยอดเขา ตลอดแนวเส้นทางจะมีจุดพักเป็นระยะ ๆ และมีรถคอยเก็บตกผู้ที่เดินต่อไม่ไหว

    และมีผู้สอบถามต่อว่า เสร็จจาก "เตียวขึ้นดอย" แล้วไม่พาไปแวะไหว้พระหรือสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนอีกหรือ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ขอตอบว่า เพื่อเป็นการถนอมขันธ์ ๕ ของทุกคนให้สามารถอยู่ทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาได้อีกนาน ๆ ทริป "เตียวขึ้นดอย" จะมุ่งเจาะจงไปเพียงเท่านี้ เพราะลำพังแค่การเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขาก็นับว่าต้องวางกำลังใจ ใช้กำลังกายมากแล้ว ประกอบกับเมื่อต้องมาชักลากขบวนรถขึ้นไปอีก กำลังกายยิ่งต้องใช้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อขึ้นสู่ยอดเขาพระพุทธบาทสี่รอยในช่วงเช้า และทำพิธีทางพระพุทธศาสนาเสร็จ ........ เพียงขึ้นรถเดินทางกลับ ก็เหมือนปิดสวิทช์กันทั่วทุกคน

    ค่าใช้จ่ายที่ประมาณการไว้จากจำนวนสมาชิก ๑๐ คน ๆ ละ ๑,๕๐๐ บาท ซึ่งขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์่ร่วมเดินทางตามรายชื่อ ดังนี้
    ๑. คุณ ญ.ผู้หญิง
    ๒. คุณเหมียว
    ๓. คุณ reckhaed
    ๔. คุณ JINTAWADEE (๑)
    ๕. คุณ JINTAWADEE (๒)
    ๖. คุณบารมี

    สมาชิกท่านใดประสงค์จะร่วมเดินทางสืบสานประเพณีของกิจกรรมบุญนี้ ขอให้เตรียมความพร้อมของร่างกายไว้แต่เนิ่น ๆ เพราะถึงแม้จะทราบดีว่า กำลังใจของทุกคนล้นเหลือ แต่ถ้าสภาพร่างกายไม่พร้อมก็อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเดินเท้าได้....

    โมทนาค่ะ
     
  18. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    บางบทบางตอนจาก... "เตียวขึ้นดอย" พระพุทธบาทสี่รอย ปี ๕๔

    อ่านต่อบันทึกการเดินทางฉบับเต็มได้ที่ คลิก

     
  19. kungfuloma

    kungfuloma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,011
    ทริป ๕ มโนมยิทธิ
    หากมีผู้ยกเลิกการเดินทาง
    ขอเสียบ ๑ ที่ครับ
     
  20. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ธรรมสัญจร (๕)

    อ้างอิงมาจากหน้าที่ ๖ คคห.ที่ ๑๐๒
     

แชร์หน้านี้

Loading...