เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    <TABLE width=670 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เวเนซุเอล่าขนทอง15ตันกลับปท. </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668 border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>31 ม.ค. 55 ทองคำเที่ยวสุดท้ายของเวเนซุเอล่า มูลค่า 9 พันล้านดอลล่าร์ หรือราว 270,000 ล้านบาท

    ที่ถูกถอนออกจากสถาบันการเงินของต่างประเทศ ถูกนำไปเก็บไว้ที่ธนาคารกลางของเวเนซุเอล่าแล้วเมื่อวันจันทร์ โดยนายเนลสัน เมอเรนเตส ผู้ว่าการธนาคารกลางของเวเนซุเอล่า เปิดเผยว่า ทองคำจำนวน 15 ตัน เที่ยวสุดท้ายนี้ ทำให้จำนวนทองคำทั้งหมดที่ถูกส่งกลับ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน มีจำนวนทั้งสิ้น 176 ตัน


    ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ได้ประกาศแผนการถอนทองคำสำรองปะมาณ 233 ตัน

    ที่ฝากไว้ที่ธนาคารในสหรัฐและยุโรปตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งนายเมอเรนเตส ไม่ได้อธิบายเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงจำนวนทองคำที่ถอนออกจากสถาบันการเงินในต่างประเทศเพียงแต่ระบุว่า ปัจจุบัน 85 เปอร์เซ็นต์ของทองคำสำรองที่เคยฝากไว้ในต่างประเทศ ได้กลับมาอยู่ที่เวเนซุเอล่าแล้ว


    สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล ได้เผยแพร่ภาพของขบวนรถหุ้มเกราะภายใต้การคุ้มกันของทหาร ในช่วงที่ทองคำถูกขนย้ายจากสนามบินไปยังธนาคารกลาง

    แต่นายเมอเรนเตส ไม่ได้เปิดเผยว่า ทองคำเที่ยวสุดท้ายนี้เดินทางมาจากที่ใด และยังมีสถาบันการเงินในประเทศใดที่มีทองคำสำรองของเวเนซุเอล่าอยู่ และในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์พากันตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้

    ประธานาธิบดีชาเวซ ได้กล่าวว่า การเอาทองคำมาเก็บไว้ในเวเนซุเอล่า จะช่วยปกป้องประเทศจากวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเล่นงานสหรัฐและยุโรป


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1366
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    1 January 2012

    นาซ่าหวั่น ภาพถ่ายดาวเทียมชี้ให้เห็นภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเท่ากับเมืองนิวยอร์ค กว่า 18 ไมล์ กำลังจะปริแตกออกจาก
    แอนตาร์กติกา

    Last updated at 1:37 PM on 1st February 2012

    The world's biggest iceberg: 19-mile crack in the ice breaking away from Antarctica

    An astonishing photograph taken from outer-space illustrates how an iceberg the size of New York is close to breaking off from Antarctica.

    A 19-mile crack in Pine Island Glacier's ice is clearly visible, leading some scientists to speculate that the world's biggest berg could soon be on the move.
    The picture, taken by NASA's Terra spacecraft in November 2011 but only released today, shows how the crack is quickly growing. Just a month before it was only 18 miles long


    [​IMG]
    Breaking up: This astonishing photograph, taken from outer-space in November but released today,
    illustrates how an iceberg the size of New York is close to splitting from Antarctica

    [​IMG]
    Split: This photograph from October 2011 shows the crack sweeping across Pine Island Glacier

    [​IMG]
    Close-up: NASA has been monitoring the crack, which could be the first time scientists can see the birth of a huge iceberg


    [​IMG]
    Detection: Scientists discovered the crack by flying over it in a DC-8 plane

    [​IMG]
    Cracking up: The Pine Island Glacier is about to calve up its first iceberg since 2001

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Ja5SWtDclWI&feature=player_embedded]MASSIVE ICEBERG: Nasa scientists find a glacial crack - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cUOGcG0ijds&feature=player_embedded]NASA Concerned About Crack in Glacier - YouTube[/ame]
    The world's biggest iceberg: 19 mile crack continues to break away from Antarctica | Mail Online


    --:boo::boo::boo:--

    B5 - War Room Falkman

    http://palungjit.org/threads/war-ro...เพื่อรองรับสถานการณ์ปี-2012-a.288866/page-857<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    "กรณ์" โต้ "เหลิม" ชี้ ฝืนออกพ.ร.ก.แทรกแซง ธปท. เศรษฐกิจจะหายนะ
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 กุมภาพันธ์ 2555 21:25 น.</TD><TD vAlign=center align=left>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    “กรณ์” ชี้ พ.ร.ก.2 ฉบับทำเศรษฐกิจไทยหายนะ ไม่สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนตาม “ดร.เหลิม”อ้าง สะท้อนรัฐบาลนกแก้วเมินให้ความสำคัญด้านวินัยการคลัง

    วันนี้(1ก.พ.) นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า หากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันการตรา พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับของรัฐบาลจะทำให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจของประเทศทันที เพราะวิธีการที่รัฐบาลกำหนดนั้นถือว่าเป็นการแทรกแซงระบบการเงินในธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อาจทำให้กระทบต่อวินัยการเงิน การคลังของประเทศได้ ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่ได้เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ระบุ เพราะรัฐบาลกำลังใช้อำนาจในการสั่งให้ธปท.โอนทรัพย์สินที่มี ไปชำระหนี้ ทั้งที่หนี้ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นภาระที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบโดยตรง และเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางตรงและอ้อมต่อประชาชนที่เป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์

    “การออกพ.ร.ก.ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยยุคนี้ ได้สร้างความคลุมเครือ และกระทบต่อความมั่นใจทางเศรษฐกิจ เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับวินัยทางการคลัง ที่เลวร้ายกว่านั้น รัฐบาลอ้างเหตุผลความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดจากการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่ผิดพลาด ที่คุณเฉลิมอ้างว่าการออก พ.ร.ก.นี้รัฐบาลทำได้ เพราะยุคพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ทำมา ขอชี้แจงว่า ต้องพิจารณาในบริบท เงื่อนไขที่เกี่ยวข้องด้วย รวมถึงเงื่อนไขการกู้ยืมเงิน ว่ามีความพร้อมแล้วหรือไม่” นายกรณ์ กล่าว

    http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000014717
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2012
  4. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    677
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    หลังวิกฤติน้ำท่วมที่จังหวัดอยุธยาเงียบลงมากๆ

    หอพักมากมายมีแต่ห้องว่างไม่มีคนเช่า

    น้ำแห้งแล้วก็จริงแต่โรงงานยังเปิดทำกรผลิตน้อยมาก

    บ้างก็คัดคนออก , บ้างก็เอาคนไปทำงานที่อื่น , บ้างก็ย้ายฐานไปจังหวัดอื่นเลย

    ท่านใดที่ฝากชีวิตไว้กับโรงงานต่อไปต้องคิดให้หนัก
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 08:58
    'กรณ์'จัดหนักพ.ร.ก.โอนหนี้ส่อขัดรัฐธรรมนูญ


    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]
    "กรณ์"โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คย้ำพ.ร.ก.โอนหนี้ส่อขัดรัฐธรรมนูญ เหตุผลฟังไม่ขึ้น-ไม่จำเป็นเร่งด่วน-ทำลายความมั่นคงเศรษฐกิจ หนีระบบการตรวจสอบ

    นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Korn Chatikavanij โดยระบุว่า
    สำหรับทุกๆคนที่สนใจในรายละเอียด ผมขอนำสรุปเหตุผลว่า...ทำไมพ.ร.ก.โอนหนี้ถึงขัดหลักการตรากฎหมายโดยรัฐธรรมนูญครับเป็นสรุปที่ยาวเพียงเพราะเหตุมันเยอะครับ
    สรุป "พรก.โอนหนี้ ฯ" ส่อขัดรัฐธรรมนูญ 1. ข้อเท็จจริงของ พรก.โอนหนี้ฯ 1.1 เหตุผลในการออกพรก.โอนหนี้ฯ ตามหมายเหตุแนบพรก.บอกว่า
    - อยากโอนหนี้ เพราะ จะได้ลดภาระงบประมาณเพื่อชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่กู้มาเพื่อช่วยเหลือการดำเนินการของกองทุน
    - อยากโอนหนี้ เพราะ จะปรับปรุงการจัดหาแหล่งเงินในการนำไปชำระต้น และดอกของหนี้กองทุนฟื้น...ฟูฯ
    - อยากโอนหนี้ เพราะ หากปรับปรุงจะทำให้มีเงินไปสมทบฟื้นฟูน้ำท่วม เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่ทำจะทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 1.2 ลำดับความเป็นมาของการออกพรก.โอนหนี้ฯ
    - ดร.โกร่ง พูดแนวทางเดียวกับ รองนายกฯ กิตติรัตน์ อยากลดหนี้ ต่อ GDP โดยโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ให้ธปท.ให้ลงไปอีก 10% จากปัจจุบัน 40% เพื่อจะได้กู้เพิ่มได้อีกซึ่งด่วนมาก
    - โดนค้านมากมายจากหลายฝ่าย รวมทั้งจากแบงก์ชาติ สุดท้าย ครม.ก่อนออกพรก.ตัดส่วนที่ให้ ธปท.รับผิดชอบออกเป็นให้ กองทุนฟื้นฟูฯ รับผิดชอบจ่ายต้น-ดอกแทน
    - เพิ่มส่วนที่เป็นแหล่งรายได้ใหม่ ให้กองทุนฯ มีรายได้เพิ่มจาก สมาคมคุ้มครองเงินฝาก 1.3 กรอบความยั่งยืนทางการคลัง คือหลักที่กำหนดสำหรับเกณฑ์จำกัดในการกู้ยืมของประเทศ
    - กรอบฯ หลักที่ 1 อัตราหนี้สาธารณะต่อGDP เหมาะสมที่ 60% ณ ธันวาคม อยู่ประมาณ 40% เท่านั้นเอง
    - กรอบฯ หลักที่ 2 ภาระหนี้ต่องบประมาณ คือ ภาระจ่ายต้นดอกต่องบรายจ่ายรวมปีนั้นๆ เหมาะสมที่ 15% ณ ธันวาคม เลขเอกสารงงบปี 55 อยู่ที่ 9.33% เท่านั้นเอง 1.4 ความเห็นของอดีต รมว.คลังใน ครม.ชุดที่ออกพรก.แฉเองว่า "ใช้เลขผิด"
    - เลขที่ใช้ผิดคือ ภาระหนี้ต่องบประมาณ อดีตรมว.คลัง บอกว่าในครม.บอกใช้เลข 12% แต่ความจริงคือ 9.33% และรองนายกฯได้ให้เหตุผลว่า 12% ใกล้ 15% เต็มที จึงจำเป็นต้องโอนหนี้ฯออกไป ให้ภาระจ่ายดอกเบี้ยนี้ลดลง จะได้กู้เพิ่มได้ และให้ข้อมูลว่า ในสัดส่วน 12% ที่ตัวเองพูด คือหลักจากตัดภาระดอกเบี้ยของหนี้กองทุนฟื้นฟูออกแล้ว ซึ่งหากคำนวณ ถ้าตัดภาระดอกเบี้ยนั้นออกแล้ว 9.33 ต้องถูกลบต่อไปอีก เหลือที่แค่ 6.46% สรุป รองนายกฯให้เหตุผลถึง สมการกลับด้าน ควรลบ แต่เอาไปบวก 1.5 สภาวะเศรษฐกิจตอนนี้อยู่ในเกณฑ์ดี จึงไม่ได้แร้นแค้นที่จะต้องรีบร้อนโอนหนี้ฯ แต่อย่างใด
    - เอกสารงบของรัฐบาลบอกเองว่า ขยายตัวได้ 4.5-4.5%
    - Moody's ปรับความน่าเชื่อถือไทย จาก เชิงลบ เป็น เสถียรภาพ 2. ข้อกฏหมายที่ใช้ในการยื่นส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ
    2.1 หลักแบ่งแยกอำนาจตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เน้นประเด็นว่า ฝ่ายนิติบัญญัติควรได้ใช้อำนาจในการตรากฏหมายเป็น พรบ.ที่ผ่านการกลั่นครอง ตรวจสอบอย่างรอบคอบผ่านสภาฯ แต่ ฝ่ายบริหาร กลับใช้อำนาจโดยอ้างว่า ด่วน และอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แล้วชิงไปออกเป็น พรก.เองทำให้ส่อผิดหลักข้อนี้
    2.2 เงื่อนไขในการตราพระราชกำหนดตามรัฐธรรมนูญ ข้อแรกคือ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ (ยื่นคัดค้านเพราะชี้ให้เห็นได้ว่า นอกจากจะไม่ได้รักษาสิ่งนี้ แต่กลับทำให้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจแย่ลง) ข้อสองคือ กระทำได้เฉพาะกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วน อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ (ยื่นคัดค้านเพราะชี้ให้เห็นได้ว่า ไม่ได้เร่งด่วน และมีช่องทางอื่นอีกมากมายให้รัฐบาลออกเป็น พรบ.)
    2.3 กรอบวินัยการเงิน การคลัง และงบประมาณ ตามรัฐธรรมนูญ
    - โดยปกติระบบงบประมาณ จะต้องผ่านกระบวนการของสภาฯ ในการออกพรบ.งบประมาณ ที่ต้องเคร่งครัดตามหลักวินัยการเงินการคลัง แต่ การชิงออกเป็น พรก.โดยของงบไปใช้ ด้วยการอ้างว่าเร่งด่วน และจะส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจซึ่งหากไม่จริงแล้ว จะขัดสามหลักนี้ชัดเจน
    3. พรก.โอนหนี้ฯ ขัดรัฐธรรมนูญอย่างไร
    3.1 ไม่ได้ทำในกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วน อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ (แปลว่าจริงๆ แล้วไม่ด่วนเลย และมีวิธีอื่นทำได้อีกมากมาย) 3.1.1 หนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ระดับประมาณ 40% เท่านั้น หากเทียบกับเกณฑ์เหมาะสมคือ 60% - ไม่จำเป็นเร่งด่วน เพราะถึงไม่โอนหนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ต่อการจะกู้เพิ่ม หรือถึงโอนหนี้ฯ ไปหนี้สาธารณะก็จะถูกนับเป็น 40% เท่าเดิมอยู่ดี ไม่ได้เป็น 30% ได้แต่อย่างใด
    3.1.2 ภาระหนี้ต่องบประมาณ อยู่ที่ 9.33% (ตามเลขที่ถูกต้อง) หรือ 12% (ตามเลขผิดที่อ้าง) เท่านั้น หากเทียบเกณฑ์เหมาะสมคือ 15% - ไม่จำเป็นเร่งด่วน เพราะ "รัฐบาลใช้ตัวเลขภาระหนี้ต่องบประมาณผิดในการพิจารณากฎหมายที่มีผลต่อประเทศมูลค่า 1.14 ล้านล้านบาท"
    - ไม่จำเป็นเร่งด่วน เพราะ "ถึงแม้รัฐบาลโอนหนี้ เพราะดอกเบี้ยของหนี้กองทุนฟื้นฟูฯปัจจุบันอยู่ที่ 6-7หมื่นล้านบาทต่อปี คิดเป็นแค่ 2.5% ของงบรายจ่ายเท่านั้น
    - ไม่จำเป็นเร่งด่วน เพราะ "ถึงแม้รัฐบาลโอนหนี้ แล้วกู้เพิ่มอีก 350,000 ล้านลาท จะมีดอกเบี้ยเพิ่มที่อัตราเฉลี่ย 4.5% คือ 15,750 ล้านลาทคิดเป็น 0.66% เท่านั้น ซึ่งหากเอา 0.66% รวมกับ ภาระหนี้ต่อสาธารณะ ทั้งอันที่ถูก และอันที่ผิดจะอยู่ที่แค่ 9.99% และ 12.66% เท่านั้น ไม่เกิน 15% เลยจากทั้งสองตัวเลข
    3.1.3 การตีมูลค่าหนี้สาธารณะของประเทศไทย ไม่ว่าโอนไปอยู่ที่ใด หรือให้ใครรับผิดชอบ ก็ยังเป็นหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ดี - ไม่จำเป็นเร่งด่วน เพราะ ไม่มีผลต่อการประเมินในการคำนวณจากตัวเลขยอดหนี้สาธารณะ ไม่ว่าจะโดยหน่วยงานทางเศรษฐกิจของไทย หรือต่างชาติ
    3.2 ไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจจริง ตามที่อ้าง ซ้ำร้าย ยัง ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก
    3.2.1 ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะ ไม่ชัดเจนในส่วนของผู้รับผิดชอบจ่ายหนี้เงินต้น และดอกเบี้ยของกองทุนฟื้นฟูฯหลังโอนหนี้ไปแล้ว บอกให้กองทุนฯรับผิดชอบ แต่หากกองทุนมีรายได้ไม่พอไม่ได้บอกว่า ให้กองทุนฯ ต้องทำยังไง ใครช่วยรับผิดชอบกองทุนฯ แล้วหลักในการบริหารหนี้สาธารณะส่วนนี้จะถูกตีความสับสน จนไม่สร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
    3.2.2 ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะ รัฐบาลอ้างเท็จว่า การโอนหนี้ฯ จะช่วยให้รัฐบาลประหยัดงบการจ่ายดอกเบี้ย ทั้งที่งบปี 2555 ผ่านสภาแล้วไม่สามารถแก้ไขไปใช้ส่วนอื่นได้เลย และ งบในการนำไปจ่ายดอกเบี้ยนั้นมีมูลค่าเพียง 6-7 หมื่นล้าน ซึ่งน้อยมากหากเทียบกับงบรายจ่ายทั้งหมดของประเทศที่ 2.38 ล้านล้านบาท โดยคิดเป็นแค่ 2.5% เท่านั้น ซึ่งหากจำนวนภาระไม่ได้มากขนาดนั้นเหตุใดจึงต้องดันทุรัง ออกเป็นพรก.ขัดหลักการต่างๆ ให้เสียความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพียงแค่เพราะภาระดอกเบี้ยที่ไม่ได้ส่งผลเดือดร้อนมากเกินความสามารถแต่อย่างใด
    3.2.3 ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะ จะส่งผลกระทบต่อการเรียกเก็บเงินจากสถาบันการเงินในการนำส่งเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
    - สถาบันการเงินสับสนในอัตราส่วนที่เก็บจากเงินฝากที่ต้องเปลี่ยนแปลงไป โดยที่ยังไม่รู้ชัดเจนว่า จะต้องถูกเก็บเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่ กำไรต่อปี และความสามารถในการแข่งขันจะหายไปแค่ไหน - สถาบันคุ้มครองเงินฝาก อาจถูกล้วงเงินที่มีอยู่ หรือถูกปรับลดจำนวนอัตราที่นำส่งเข้ามาในการคุ้มครองเงินฝากของประชาชนที่มีเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาทกว่า 60ล้านบัญชีทั่วประเทศ
    3.2.4 ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะ ขณะนี้การออกพระราชกำหนดไม่ได้อยู่ในช่วงภาวะวิกฤติที่แท้จริง แต่กลับใช้เพียงเหตุผลอ้างว่าเร่งด่วน
    3.2.5 ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะ พรก.นี้ที่จะส่งผลโดยตรงต่อการใช้อิสระทางอำนาจของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติในการลงทุนในประเทศที่คาดหวังความเป็นอิสระของหน่วยงานอิสระอย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งหากธปท.เริ่มถูกฝ่ายบริหารล้วงคอในการบริหารแล้วความดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเงิน และระบบสถาบันการเงิน และระบบการชำระเงินของประเทศ จะมีภาพถูกแทรกแซงจนเป็นเหตุต่อมาให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนเช่น กรีซ หรืออาร์เจนตินาในอดีต
    3.2.6 ไม่ได้เป็นผลดีต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มากขึ้นแต่อย่างใด เพราะ หนี้กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นหนี้ที่มีการแบ่งความรับผิดชอบชำระเงินต้น และดอกเบี้ยได้อย่างลงตัวมาตั้งแต่ปี 2541 ซึ่งรัฐบาลใน 14 ปีที่ผ่านมา สามารถบริหารประเทศได้อย่างเป็นปกติ ถึงแม้ในบางปีก็ต้องเผชิญวิกฤติต่างๆ รัฐบาลที่ผ่านมาก็ยังสามารถบริหารจัดการหนี้ที่มีสัดส่วนต่องบประมาณไม่ได้เยอะถึงขั้นเป็นภาระหนักได้มาโดยตลอด
    http://www.bangkokbiznews.com/home/...กรณ์จัดหนักพ.ร.ก.โอนหนี้ส่อขัดรัฐธรรมนูญ.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2012
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 14:23
    อิตาลีลดเงินเดือนส.ส.-สว.ตามแผนรัดเข็มขัด


    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]
    อิตาลีลดเงินเดือนส.ส.-สว.ตามมาตรการรัดเข็มขัดเพื่อบรรเทาวิกฤติหนี้ท่ามกลางกระแสต่อต้านจากประชาชน

    สภาผู้แทนราษฎรของอิตาลี ลงมติตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ที่ให้ปรับลดเงินเดือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว โดยให้มีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งปัจจุบัน สมาชิกรัฐสภาอิตาลี ถือเป็นนักการเมืองที่ได้รับเงินเดือนสูงที่สุดชาติหนึ่งในยุโรป และมาตรการลดเงินเดือนถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนรัดเข็มขัดที่ใช้ชื่อว่า "เซฟ อิตาลี" ที่ผ่านความเห็นชอบเมื่อเดือนธันวาคมที่มุ่งตัดลดเงินเดือนข้าราชการ
    สื่อท้องถิ่นระบุว่า ทั้งส.ส.และส.ว. จะถูกลดเงินเดือนลงเดือนละ 1,300 ยูโรหรือราว 52,000 บาท แต่หากคนใดมีตำแหน่งอื่นควบด้วย เช่น ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็จะถูกตัดเงินเดือนอีก 10%
    ส่วนนายกรัฐมนตรีมอนติ ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ขอรับเงินเดือนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ขณะที่ ชาวอิตาลีบางส่วนแสดงความยินดีต่อข่าวการปรับลดเงินเดือนส.ส.และส.ว.แต่บางคนมองว่า การปรับลดยังน้อยเกินไป เพราะพวกเขายังได้เงินเดือนในอัตราที่สูงมาก
    http://www.bangkokbiznews.com/home/...ิตาลีลดเงินเดือนส.ส.-สว.ตามแผนรัดเข็มขัด.html
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 13:35
    รมว.คลังกรีซเจ้าหนี้กรีซอาจต้องแบกขาดทุน


    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของกรีซ เผย เจ้าหนี้ภาคเอกชนของกรีซอาจต้องแบกการขาดทุนโดยจำยอมมากกว่า 70 %

    นายอีวานเจลอส เวนิเซลอส รมว.คลังกรีซ เปิดเผยว่า เจ้าหนี้ภาคเอกชนของกรีซอาจต้องยอมรับการขาดทุนมากกว่า 70% ในการแลกพันธบัตรที่ถือครองอยู่เป็นพันธบัตรใหม่
    นอกจากนี้ นายอีวานเจลอส กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังเร่งเจรจาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน (พีเอสไอ)ที่มากกว่าเดิม และกระบวนการขั้นตอนทุกอย่างได้รับการหารืออย่างจริงจังตามข้อเท็จจริงใหม่ โดยยึดหลักถึงการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้
    อย่างไรก็ตาม "เรากำลังเจรจาเกี่ยวกับการลดมูลค่าสุทธิในปัจจุบันของพันธบัตรลงมากกว่า 70%" รมว.คลังกรีซกล่าว
    http://www.bangkokbiznews.com/home/...รมว.คลังกรีซเจ้าหนี้กรีซอาจต้องแบกขาดทุน.html
     
  8. จีทีเอ็ม

    จีทีเอ็ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +168
    คุณขวัญ มีแต่ข่าวเศรษฐกิจโหดๆๆ ซีเครียดจัง อ่านแล้วจิตตกอ้าๆๆ มิน่าซิมิซิมิคนไทยถึงชอบ ไร้สาระดีมั่ง
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 14:38
    นักกม.ชำแหละ'พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ'ผิดกรอบวินัยการคลัง-ขัดรธน.

    โดย : ปรีชา สุวรรณทัต

    [​IMG]

    ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการเงินการคลังฟันธง"พ.ร.ก.โอนหนีิ้" ขัดรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลที่นอกเหนือจากเรื่องความจำเป็นเร่งด่วน

    ยังคงมีกระแสวิจารณ์เกี่ยวกับการตราพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 4 ฉบับเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังอุทกภัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นประเด็นที่ว่า พ.ร.ก.บางฉบับขัดรัฐธรรมูญมาตรา 184 ในประเด็นความฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ โดยล่าสุดสมาชิกรัฐสภา คือ ส.ส.ฝ่ายค้านและ ส.ว.บางส่วนได้เข้าชื่อกันเพื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐะรรมนูญวินิจฉัยแล้ว
    ทว่ายังมีประเด็นในเนื้อหาสาระบางมาตราของ พ.ร.ก.ว่าอาจมีบทบัญญัติขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญจนมีผลให้ใช้บังคับมิได้อยู่ด้วย ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน
    นายปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายการเงินการคลัง เขียนบทความวิเคราะห์ประเด็นนี้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยได้หยิบยก“พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ.2555” หรือ "พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ" ขึ้นมาพิจารณาในเบื้องต้นว่ามีบทบัญญัติบางมาตราขัดหรือแย้งต่อกรอบวินัยวินัยการเงินการคลังตามหมวด 8 ของรัฐธรรมนูญปี 2550
    1.หมวด 8 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้กำหนดกรอบวินัยว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยเริ่มตั้งแต่มาตรา 166 ถึง 170 แต่ใน 5 มาตรานี้มีทั้งบทบัญญัติที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเดิมที่เป็นฉบับถาวร และมีบางมาตราที่ได้บัญญัติเพิ่มเติมขึ้นใหม่ เช่น มาตรา 168 การพิจารณากฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายในชั้นรัฐสภา และมาตรา 169 ว่าด้วย "หลักเฉพาะ" ในการจ่ายเงินแผ่นดินอันจะเป็นมาตราสำคัญที่เกี่ยวกับ "พ.ร.ก.โอนหนี้"
    ประเด็นที่ต้องพิจารณาก็คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำเป็นต้องจัดการสั่งจ่ายเงินตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้หรือไม่ โดยจะต้องวิเคราะห์จากมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่า“เงินรายได้ของหน่วยงานของรัฐใดที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ให้หน่วยงานของรัฐนั้นทำรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อสิ้นปีงบประมาณทุกปี และให้คณะรัฐมนตรีทำรายงานเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
    การใช้จ่ายเงินรายได้ตามวรรคหนึ่งต้องอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังตามหมวดนี้ด้วย”
    นี่คือกรอบวินัยการเงินการคลังตามรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด บังคับทุกหน่วยงานของรัฐจะต้องปฏิบัติตามเกี่ยวกับเงินรายได้ที่ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินที่ถือว่าเป็นเงินนอกงบประมาณลักษณะหนึ่งที่มิได้เป็นเงินคงคลัง แต่เป็น "เงินแผ่นดิน" ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 โดยทุกหน่วยงานของรัฐต้องการรายงานการรับและการใช้จ่ายตามวรรคหนึ่งของมาตรา 170
    ส่วนการใช้จ่ายเงินรายได้ที่เป็น "เงินแผ่นดิน" จะต้องอยู่ภายใต้กรอบวินัยในหมวด 8 นี้เท่านั้น คือภายใต้บังคับ 5 มาตราตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
    2.ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2485 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 มาตรา 5 ระบุว่า “ให้ ธปท.เป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น”
    ฉะนั้น ธปท.จึงเป็น "หน่วยงานของรัฐ" ตามมาตรา 170 ผูกพันตามรัฐธรรมนูญที่จะต้องปฏิบัติตามทั้งวรรคหนึ่งและวรรคสอง คือ การรายงานเงินรายได้ตามวรรคหนึ่ง เมื่อ ธปท.เป็นหน่วยงานของรัฐ ก็จะมีผลบังคับตามมาในส่วนการใช้จ่ายเงินรายได้ของ ธปท.ตาม "พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ" ด้วย โดยจะต้องอยู่ในข่ายต้องปฏิบัติตามกรอบวินัยตามหมวด 8 ของรัฐธรรมนูญ
    มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า การสั่งจ่ายเงินตามมาตรา 4 ,5 และ 6 ของ พ.ร.ก.ฉบับนี้อยู่ในกรอบวินัยการเงินตามมาตรา 170 วรรคสองหรือไม่ ในประเด็นนี้อาจพิจารณาและวิเคราะห์ได้จากมาตรา 6 ของ พ.ร.ก.ที่สัมพันธ์ไปถึงมาตรา 4 และ 5 ดังความในมาตรา 6 ดังนี้
    “รายได้ของธนาคารแห่งประเทศไทยอันเป็นเงินหรือสินทรัพย์ในบัญชีตามมาตรา 5 มิให้นำไปจัดสรรเป็นเงินสำรองหรือเป็นเงินนำส่งรัฐตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยหรือกฎหมายอื่นใด และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่ดูแลรักษา ตลอดจนจัดการเงินหรือสินทรัพย์ดังกล่าวและแปลงเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ รวมทั้งให้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีดังกล่าวให้แก่กองทุนเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
    (1) ชำระดอกเบี้ยเงินกู้ตามมาตรา 4
    (2) ชำระคืนต้นเงินกู้ตามมาตรา 4
    (3) จ่ายเป็นค่าบริหารจัดการเกี่ยวกับการดำเนินการตาม (1) และ (2) ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีกำหนด"
    จะเห็นได้ว่าความในมาตรา 6 วรรคแรกของ พ.ร.ก.อาจแยกออกได้เป็น 2 ส่วน คือ
    ส่วนที่หนึ่ง เป็นเรื่องรายได้ของ ธปท.ไม่ต้องส่งรัฐ ส่วนนี้จึงต้องปฏิบัติตามมาตรา 170 วรรคแรกดังที่ได้วินิจฉัยไว้แล้ว
    ส่วนที่สอง อำนาจสั่งจ่ายเงินตามมาตรา 6 วรรคแรกตอนท้ายที่บัญญัติว่า “....ให้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีดังกล่าวให้แก่กองทุนเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใด...."
    ประเด็นสำคัญจึงมีว่า มาตรา 6 ของ พ.ร.ก.ในส่วนที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังตามหมวด 8 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่
    ในหมวด 8 มีบทบัญญัติที่เป็นกรอบวินัยเพียง 5 มาตราตามที่กล่าวมาแล้ว โดยมาตรา 169 ว่าด้วย "หลักเฉพาะ" ในการจ่ายเงินแผ่นดิน ตามวรรคแรกได้กำหนดกรอบวินัยไว้ ดังนี้ “การจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้ก็เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง....”
    เงินรายได้ของ ธปท.ตามมาตรา 6 ของ พ.ร.ก.ดังกล่าวเป็น "เงินแผ่นดิน" เพราะเป็นเงินที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ธปท.ที่เป็น "หน่วยงานของรัฐ" ตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว จึงอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะจ่ายได้ตามหลักเฉพาะตามมาตรา 169 เท่านั้น
    แต่ พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ ไม่ได้เป็นกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ (ปัจจุบันคือพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502) และก็ไม่ใช่กฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง คือ พระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ.2491
    ฉะนั้น มาตรา 6 ของ พ.ร.ก.ฉบับนี้ที่กำหนดให้ ธปท.มีอำนาจสั่งจ่ายเงิน จึงไม่ต้องด้วยกรอบวินัยการเงินการคลังตามหมวด 8 และขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นอันใช้บังคับมิได้ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 6
    ขณะที่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 168 บัญญัติเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายของสองสภา และในวรรค 5 ได้บัญญัติเกี่ยวกับ “รายจ่ายตามข้อผูกพัน หรือหนี้สาธารณะ คือ 1.เงินส่งใช้ต้นเงินกู้ 2.ดอกเบี้ยเงินกู้ 3.เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมายที่สภาจะตัดลดวงเงินนี้ในงบประมาณรายจ่ายไม่ได้"
    การจ่ายเงินแผ่นดินชำระหนี้สาธารณะที่ตั้งไว้ในงบประมาณของกระทรวงการคลังถือเป็นตัวอย่างที่เป็นไปตามกรอบวินัยการคลังที่ดี ต่างกับการโอนหนี้สาธารณะในส่วนนี้บางส่วนไปให้ ธปท.ตาม พ.ร.ก.โอนหนี้ฯ ซึ่งอยู่นอกกรอบวินัยอย่างชัดเจน
    http://www.bangkokbiznews.com/home/....ร.ก.โอนหนี้ฯผิดกรอบวินัยการคลัง-ขัดรธน..html
     
  10. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    ยุคนี้มันต้องทำใจรับของจริง ผมรับได้ ขอบคุณป้าขวัญครับ
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    <TABLE style="WORD-SPACING: 0px; TEXT-TRANSFORM: none; TEXT-INDENT: 0px; FONT-FAMILY: 'Times New Roman'; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 กุมภาพันธ์ 2555 15:43 น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    “กรณ์” อัดรัฐบาลปิดปากฝ่ายค้านตั้งกระทู้ ปตท. ตอกย้ำเป้าหมายขุมทรัพย์รายใหม่ “แม้ว” อยู่ที่พลังงาน

    นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.คลัง แถลงว่า จากที่ตนไม่สามารถตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ เรื่องการให้กองทุนวายุภักษ์เข้าไปซื้อหุ้นบริษัท ปตท. ถือเป็นการทำให้ประชาชนเสียโอกาสได้รับคำชี้แจงจากรัฐบาลในการตั้งใจขายหุ้น ปตท.ให้กับกองทุนวายุภักษ์ เพื่อแปรรูปเป็นบริษัทเอกชน ทั้งที่ประเด็นสำคัญประชาชนกำลังเดือดร้อนจากค่าครองชีพ สินค้าราคาแพง ซึ่งราคาพลังงงานถือเป็นตัวที่จะทำให้สินค้าราคาแพงถึง 10% จึงอยากถามว่าทำไมรัฐบาลถึงมีนโยบายเช่นนี้ ทำไมจึงไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันและก๊าซแอลพีจีได้เหมือนรัฐบาลก่อน

    นายกรณ์กล่าวว่า จากข่าวที่รัฐบาลต้องกาแปรรูปบริษัท ปตท.ถือเป็นการทำตามคำขอของ ปตท.ในการปลดล็อกเงื่อนไขให้ ปตท.ทำกำไรได้เต็มที่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน และเมื่อผลสำรวจ ประชาชน 80% ไม่เห็นด้วย รัฐบาลจึงเงียบไป จากสภาพปัจจุบันรัฐบาลยังแทรกแซง ปตท.ให้ดูแลประชาชนได้ต่อไปแต่ทำไมรัฐบาลจึงเลี่ยงที่จะตอบกระทู้นี้

    แต่เหตุผลหลักที่รัฐบาลหลีกเลี่ยงตอบกระทู้นี้เพราะรัฐบาลมีความตั้งใจจริงในการขายหุ้น ปตท.ซึ่งไม่ใช่การปลดล็อกหนี้สาธารณะตามที่อ้างแต่อย่างไร เพราะ ปตท.สามารถชำระหนี้ด้วยตัวเองไม่เป็นภาระของงบประมาณประเทศ แต่สาเหตุที่แท้จริง คือ ขณะนี้พรรคเพื่อไทย และตระกูลชินวัตรกลับเข้ามามีอำนาจ มีอะไรเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมพลังงงาน อันดับแรก คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายฯ หันมาสนใจลงทุนอุตสาหกรรมเช่น แร่ถ่านหินในแอฟริกาใต้ซึ่งกำลังมีคดีฟ้องร้องกันอยู่ หรือการเจรจากับประเทศต่างๆ โดยใช้สถานประเทศอะไรก็ไม่ทราบ ไม่ว่าจะเป็นเขมร หรือพม่า ล่าสุดที่ออกมาโอ้อวดเองว่ามีการประสานกับประเทศเลบานอนในเรื่องการลงทุนพลังงาน

    “เป็นสัญญาณชัดเจนว่าเป้าหมายในการสร้างขุมทรัพย์ขุมใหม่ของทักษิณอยู่ในอุตสาหกรรมพลังงานนี้เอง ซึ่งสอดคล้องกับการแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดให้เข้ามามีอำนาจหน้าที่ในการดูแลด้านพลังงาน ในส่วนที่เป็นของรัฐ เช่นการแต่งตั้งอดีตผู้บริหารสูงสุดในเครือไทยคม เครือกลุ่มชินฯ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือก่อนหน้านั้นในเดือน ต.ค. 2554 มีการแต่งตั้งอดีผู้บริหารของบริษัทเอไอเอส ซึ่งอยู่ในกลุ่มชินฯ เช่นเดียวกัน ที่เป็นลูกน้องเก่าคนสำคัญของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้มาเป็นกรรมการของบริษัท ปตท. ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีบริษัทของคนในกลุ่มชินฯ เข้ามาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในกระทรวงพลังงาน จึงสามารถสรุปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณกุมอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในส่วนฝ่ายรัฐและกลไกของรัฐ คือ ปตท.” นายกรณ์กล่าว

    นายกรณ์กล่าวอีกว่า นี่จึงเป็นคำตอบว่าทำไมเขาจึงปลดล็อกแปรสภาพ ปตท.จากวิสาหกิจเป็น เพราะเมื่อรัฐบาลถือหุ้น ปตท.49% หลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป อันดับแรก ปตท.ในอนาคตจะลงทุนอะไรก็ไม่จำเป็นต้องเสนอแผนลงทุนต่อสภาพัฒน์ และ ครม.เหมือนเช่นปัจจุบัน 2. อนาคต ปตท.จะขายหุ้นล็อตใหญ่ให้กับใครก็ไม่ต้องขอมติจาก ครม. 3. เมื่อหลุดพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารและกรรมการบริษัท ปตท. ก็หลุดพ้นจากข่ายการดูแลของศาลปกครอง หลุดพ้นจาก ป.ป.ช. และคดีต่างๆ ก็จะหลุดพ้นจากการเป็นคดีอาญา

    4. บัญชีและงบการเงินของ ปตท.ก็จะหลุดพ้นจากการตรวจสอบของ ปตท.ทั้งหมดจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่รัฐบาลด้ขายหุ้น ปตท.ไให้กับกองทุนวายุภักษ์ และแปรสภาพ ปตท.จากรัฐวิสาหกิจมาเป็นเอกชน ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเกิดขึ้นแล้ว อำนาจก็จะอยู่ในมือของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้วผ่านกระทรวงพลังงาน ปตท. และ พ.ต.ท.ทักษิณก็สามารถซื้อรวบรวมหุ้นที่มีอยู่ในตลาดมาเป็นของตัวเองได้ โดยจะไม่มีกลไกของรัฐใดๆ จะฉุดรั้ง นโยบายในการตัดสินใจใดๆ ของ ปตท.ในเรื่องต่างๆ ในอนาคตก็จะส่งผลให้ผู้ที่มาครอบงำ ปตท.สามารถใช้อำนาจผูกขาดที่ ปตท.มีอยู่ โดยอำนาจผูกขาดนั้นก็จะตอบโจทย์ผู้ถือหุ้น หรือเจ้าของบริษัท โดยรัฐบาลไม่สามารถ หรือไม่มีสิทธิเข้าไปแทรกแซงใดๆ อย่างที่ทำได้ในปัจจุบันได้ ในที่สุดคนที่รับเคราะห์จากการแปรรูปครั้งนี้คือประชาชนคนทั้งประเทศ

    นายกรณ์กล่าวว่า ทั้งนี้ เริ่มสัมผัสได้แล้วจากการเริ่มลอยตัวราคาแก๊ส การจัดเก็บค่าธรรมเนียมกองทุนน้ำมัน สัญญาว่าจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน หรือจากนโยบายช่วย ปตท.โดยการปรับลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% ซึ่ง ปตท.เป็นบริษัทที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด จากนโยบายนี้ สามารถประหยัดเงินภาษีที่รัฐควรจะได้กว่า 6 พันล้านบาทต่อปี หรือจากนโยบายการยกเลิกการใช้ไฟฟ้าฟรี ที่ช่วยประชาชนผู้มีรายได้น้อย 4 ล้านครัวเรือน ก็เอื้อประโยชน์ต่อ ปตท. ทุกๆ อย่างที่รัฐบาลทำจึงมองได้ว่า เป็นการเอื้อประโยชน์เพื่อรองรับการแปรรูป ปตท. และการครอบงำ ปตท.อย่างสมบูรณ์แบบ ตนจึงจำเป็นต้องมาแถลงข่าวเตือนต่อสังคม เพราะถูกปิดปากจากสภา โดยประธานสภา ทั้งที่ควรจะปกป้องผลประโยชน์สิทธิของประชาชน แต่ประธานและ ส.ส.เพื่อไทยกลับเลือกที่จะปกป้องการกระทำที่ขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยการปิดปากฝ่ายค้านที่จะตั้งคำถามในกระทู้ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องให้คำตอบที่ชัดเจนต่อไป

    ผู้สื่อข่าวถามว่าจะยื่นถามกระทู้ถามนี้ในสัปดาห์หน้าต่อไปหรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเลือกลงมาแถลงข่าวผ่านพี่น้องประชาชน เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะค่าครองชีพ ซึ่งตนจะพิจารณาอีกครั้ง แต่ถ้ารัฐบาลติดตามข่าวสารผ่านสื่อและเห็นว่าคำถามของตนสมควรที่รัฐต้องการจะให้คำตอบ รัฐบาลก็สามารถแถลงข่าวชี้แจงคำตอบ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงสัปดาห์หน้า ไม่จำเป็นต้องตั้งกระทู้ถาม มาเล่นลีลา ในสภา คำถามตรงไปตรงมา คือ 1. รัฐบาลยังมีความคิดที่จะแปรรูป ปตท.มาเป็นบริษัทเอกชนหรือไม่ 2. รัฐบาลมีนโยบายที่จะกำกับดูแลควบคุมไม่ให้มีการครอบงำ ปตท. ให้ประชาชนเสียประโยชน์เรื่องค่าใช้จ่ายในพลังงานอย่างไร 3. รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาการผูกขาดทางตลาดในสินค้าจำเป็นอย่างไรหรือไม่

    http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000015078
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 16:03
    'ยิ่งลักษณ์'ให้ไปถามส.ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ทำไมคนฟังโหรงเหรง


    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    "ยิ่งลักษณ์"ย้อนนักข่าว!ให้กลับไปถามสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ทำไมคนฟังโหรงเหรงในงานสัมมนา บอกตัวเองตั้งใจทำงานเชื่อไม่กระทบความมั่นใจ

    น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาในกรณีที่ข่าวว่านักธุรกิจมาร่วมรับฟังการปาฐกถาเป็นจำนวนน้อยในงานปาฐกถาพิเศษเรื่อง "มุมมองเศรษฐกิจ ปี 55" ในการสัมมนาถอดรหัส GDP ปี 55 ที่จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่โรงแรมดุสิตธานี จนเกิดภาพว่านักธุรกิจไม่เชื่อต่อตัวนายกรัฐมนตรีว่า ต้องขอบคุณในคำถามนี้ อันนี้ตนเรียนว่าต้องถามผู้จัดและมีการถ่ายทอดสดด้วย และเราไปในฐานะแขกรับเชิญ ดังนั้นจำนวนคนนั้นเป็นเรื่องของผู้จัดที่ต้องมีการคอนเฟิร์มนัดหมายกัน
    และเท่าที่ทราบการจัดงานครั้งนี้มีการเปลี่ยนเวลาหลายครั้งก็อาจจะเกิดความสับสนบ้าง แต่ก็เชื่อว่าตนมีเจตนาและความตั้งใจและเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อความมั่นใจ
    http://www.bangkokbiznews.com/home/...มส.ผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ-ทำไมคนฟังโหรงเหรง.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2012
  13. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1w7OgIMMRc4&ob=av2e]Guns N' Roses - Sweet Child O' Mine - YouTube[/ame]

    ไม่รู้จะแปะห้องไหนดี

    เอาซะหน่อย แก้เคลียส
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    [​IMG][​IMG]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=DLF97oNoz3E&feature=related"]Sweet Child O mine - Vitamin String Quartet - YouTube[/ame]
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=PI2KhrnM1ng&feature=related]Shakira - Nothing Else Matters - YouTube[/ame]
     
  16. Poohrich Assawanuwat

    Poohrich Assawanuwat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +341
    เรียนคุณ Kwan

    ขอบคุณที่กรุณาให้ข้อมูลนะครับ

    ขอส่งแรงใจช่วยเชียร์ให้แชร์ข้อมูลสำหรับผู้ที่อยากรู้ต่อไป

    สู้ ๆ :cool:
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    สู้ตายค่ะ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=EXEpP21soXY&feature=related]Apocalyptica - Nothing else matters [live] - YouTube[/ame]
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=8JjQGt7WjK0&feature=related]One - Apocalyptica - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=RjVaAl_pfSU&feature=related]Apocalyptica - The Unforgiven video original - YouTube[/ame]
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=K6bhiR3m5DQ&list=UUpwvZwUam-URkxB7g4USKpg&index=1&feature=plcp]Cameras vs Fists: Can technology save Palestinians? - YouTube[/ame]

    อัปโหลดโดย RussiaToday เมื่อ 2 ก.พ. 2012
    The Israeli government has vowed to end systematic attacks by Israeli settlers against Palestinians in the Occupied Territories, but has done little to curb the violence. Now an Israeli human rights group is using technology to tackle the problem.
    Israel is continuing construction of new homes for its settlers in occupied Palestinian territory, despite numerous calls from the UN and many national governments to stop the practice, which contravenes international law. The issue is one of the major stumbling blocks to peace negotiations between the two sides.
    Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu has promised to crack down on Jewish extremism in the West Bank, but with his government supporting settlement expansion, his promise means precious little to those on the receiving end of the violence.
    The reality on the ground is that Palestinians living close to those settlements are facing daily aggression on the part of their Israeli neighbors, while the Israeli security forces turn a blind eye to the attacks.
    Some Israelis are critical of the policy which allows this to continue.The Israeli human rights organization B'Tselem is doing its part in trying to curb the violence. It has distributed cameras to dozens of Palestinians to capture glimpses of everyday reality in the occupied zone. The goal is to gather evidence and hold Israeli settlers and soldiers attacking Palestinians accountable, reports RT's Paula Slier.
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1EU9AZ7l5yo&feature=autoplay&list=UUpwvZwUam-URkxB7g4USKpg&lf=plcp&playnext=2]'US Intel scapegoats Iran retaliation' - YouTube[/ame]

    อัปโหลดโดย RussiaToday เมื่อ 2 ก.พ. 2012
    Iran could launch terror attacks on America if threatened, but has yet to develop a nuclear bomb, US spy agencies have announced. However, experts believe the report's allegations are baseless and jeopardize the 5+1 talks on Iran's nuclear program.

    Robert Parry, investigative journalist with the Consortium News web site talks to RT suggesting the warning that Iran could attack the US is "overplayed". He adds Iran can in fact retaliate if it comes to believe that the "US really engages in attacks inside Iran."
     

แชร์หน้านี้

Loading...