เล่าผู้ปราถนาพุทธภูมิทั้งหลายช่วยอ่านที จะได้มีกําลังใจในมากขึ้น

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 1 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ตะกี้ผมอ่านหมวดหลวงพี่เล็กท่านเปรียบ ดอกบัวว่า
    ดอกบัวส่วนใหญ่แล้วเขาถือว่าเป็นของสูง จริงๆ แล้ว มันคล้ายๆ กับปริศนาธรรมอยู่อย่างหนึ่งที่โบราณเขาถือกันมา อย่าลืมว่าดอกบัวต้นกำเนิดมันจริงๆ คือยู่ที่โคลน แต่ว่าสามารถที่จะชูตัวเองจนกระทั่งพ้นโคลนขึ้นมา พ้นน้ำจนกระทั่งเบิกบานขึ้นมาได้ ท่านเปรียบในปริศนา ธรรมที่ว่าคนเราทุกคนน่ะ ต่อให้มีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยหรือว่ามีการกระทำที่ย่ำแย่ขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้ามีความพยายามตั้งหน้าตั้งตาต่อสู้ฟันฝ่าทำความดีไว้สม่ำเสมอ ก็ย่อมมีโอกาสที่จะหลุดพ้นได้เหมือนกับดอกบัวที่ชูพ้นน้ำขึ้นมาเหมือนกัน

    http://palungjit.org/threads/การถวายดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระมีความหมายอย่างไร.158164/

    อ่านี่ครับ ถ้ามีความพยายาม ที่ไหน ความสําเร็จอยู่ที่นั้น นับถือเลยครับ นับถือพระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ ที่บําเพ็ญเพียร เพื่อ มรรคผลนิพพาน ประเสริฐจริงนัก
     
  2. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603



    อือ...เป็นงั้นแหละ...


    .
     
  3. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    กำลังท้อถอย ในการบำเพ็ญ ครับ ขอคำแนะนำด้วย ครับ เจอมาประมาณว่า
    ตัวเมิง ยังไม่รอดเลยจะไปช่ายใครได้ ไม่ว่าผมจะ บำเพ็ญลำบากแค่ไหน
    เค้า ก็ บอกว่า เอ็ง ก็เป็นได้แค่ ไอ้ปุถชน คนปัญญาอ่อน ทำไรเกินกำลัง ไม่เจียมตน จะเป็น โพธิเชียวหรือ มากไป โลกมัน ก็ เป็นอย่างงี้ แล้วเอ็ง จะดิ้นรนให้พ้นโลกไปทำไมวะ
    แบบนี้มันคนขวางโลกนี่หว่า เขาก็ อยู่กันอย่างงี้มา 100 ปี 1,000 ปี

    (ในใจคิดว่า จ้า พ่อคุณ พ่อคนดีคนเก่ง พ่อมหาเจริญ อยากอยู่ ก็อยู่ไปเถิด) GU มันคนบ้า นขวางโลก ชอบขัดแย้งกับโลก เดี๋ยว ทำได้สำเร็จเมื่อไร จะกลับช่วย

    หรือว่าจะจริง คนอย่างเราน่ะหรือ จะไปช่วยเขาได้ ถ้าทำบารมมี 10 ทัศ 30ทัศจนเต็มเปี่ยม
    แล้วมันจะช่วยเขาได้แน่หรือ วะเนี่ย บางครั้งท้อมาก อยากเลิกแต่ ก็ตัดใจไม่ลง สงสราเขามาก
    คนตาบอดมันมองกันไม่เห็น มันชอบเวียนว่าย ไอ้เรายังไม่เก่งแต่พอเห็นทาง ไปบอกเขา เขาก็ไม่เชื่อ แถมยังด่าสาพัด งมงายบ้าง บ้าบ้าง บั่นทอน กำลังใจกันอีก
    มนุษย์เขา ก็ทำกันอย่างนี้ รู้แค่นี้พอแล้ว จะไปแสวงหา ดิ้นรนไปทำไม
    ผมควรทำไงดี ขอคำชี้แนะด้วยครับ ท้อมาก อยากนอนพักแล้ว :'(
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    .............. เห็นความเป็นจริง ตามจริง ด้วยใจที่ตั้งมั่น สมาธิเลยเข้ามาช่วยตรงนี้...เห็นว่า อุปาทานขันธิ์5มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ รสอร่อยของมันตั้งอยู่ได้ไม่นานไม่ว่า กามสุขก็ดี แต่โทษมัน(ความไม่เที่ยง)เกิดตลอดเวลา.....ทีนี้การมั่นใจในการเห็นตรงนี้ ต่างหาก ที่จะทำให้เรามั่นใจ ในมรรค มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น.....ไม่ใช่เขว แกว่ง เพราะคำคน:cool:
     
  5. dooperty

    dooperty Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +65
    วิสัย ของ พระโพธิสัตว์ อาจจะมองไกลกว่าคนอื่นๆ เพราะ เห็นความทุกข์ยากลำบาก ในการเวียนว่าย ของ สรรพสัตว์ แม้ความลำบากใจ จะเกิดขึ้นในดวงจิต ก็ด้วยเพราะยัง ปุถุชนผู้เริ่มต้น ด้วยอาศัยศรัทธาเป็นทุนเดิมในจิตที่ปราถนา
    ปัญญาอันอบรมด้วยดีและสม่ำเสมอ จะช่วยพยุงเกื้อกูลหนุนจิต ...ปัญญา จึงสำคัญมากของพระโพธิสัตว์ เพราะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปตลอด..........
    สติเครื่องเตือนใจ ...จึงคุ้มภัยได้ แม้ในกาลไหนๆ........
    กุศโลบาย ยังจิตให้ตื่นตัว ..คือย้อนรำลึกถึงผลแห่งความดี...

    สงสารคนที่ยังไม่เห็นธรรม ไม่เห็นทาง ที่เขากำลังท่าน อยู่ .......พ่อ แม่พี่น้องคนรัก ญาติเพื่อนๆและเหล่าสรรพสัตว์ที่เขารอคอยท่านอยู่.....
    ผมรอท่าน ครับ..........อย่าให้ผมต้องทนทุกข์จาก โมหะเลย
     
  6. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    ขอบคุณมากครับ :cool: เข้าใจแล้ว เป็นมนุษย์ ทำได้ทุกสิ่ง ถ้าตั้งใจจริง เป็นเต่า ที่คลานอย่างเชื่องช้า แต่ถ้า เต่าตัวนี้(ผมเอง) ไม่หยุดเดินยังไง ก็ ถึงฝั่งใช่มั้ยครับ สิ่งที่ทำมา ลำบากมา ก็เพื่อ โพธิบารมี นี้เท่านั้น
    ขอบคุณครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. ข้าผู้น้อย

    ข้าผู้น้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +81
    ดวงจิตเหมือนกัน ถ้ามีเมตตานำหน้าเป็นได้ทั้งนั้น
    จริงอะป่าว
    :cool:
     
  8. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    ก่อนอื่นต้องแยกจากกัน เรื่องทางโลก ทางธรรม
    ทางโลกเป็นเรื่องของวัตถุ
    ทางธรรมเป็นเรื่องของจิต

    ไม่ประสพความสำเร็จทางโลก ไม่ได้หมายความถึง บารมีน้อย
    การทำบารมี เป็นการฝึกจิต จิตมีความเพียร จิตคิดเสียสละ จิตคิดจะให้
    ไม่ได้อยู่ที่วัตถุแต่อย่างใด

    ต้องภาวนาให้เก่ง ๆ
     
  9. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,031
    ค่าพลัง:
    +4,916

    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  10. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    445
    ค่าพลัง:
    +1,453
    ดูหลวงปู่จามเป็นตัวอย่าง ท่านจะบอกว่า "เป็นหน้าที่"
     
  11. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,676
    ค่าพลัง:
    +2,294
    ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ
     
  12. phasusorn

    phasusorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +133
    ไม่ต้องคิดอารายมากครับ ผึกจิตของตนให้มีความสงบไปเรื่อยๆ ฝึกจิตให้มีความอุกเบกขา มีสติตื่นอยู่ตลอดทุกลมหายใจ บำเพ็ญไปเรื่อยๆ สักวัน สักชาติ บารมีก็จะเต็มเองครับ
     
  13. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ก็พักสิครับ ใน ๑ วันมนุษย์ก็ต้องนอนพักอย่างน้อย ๖ ชั่วโมง พระโพธิสัตว์ก็ย่อมต้องมีเวลาพัก มีเวลาอยู่กับตัวเอง มีเวลาขัดเกลาตัวเอง มีเวลาเตรียมความพร้อมทางจิตใจและอื่นๆ บารมี ๑๐ เขาทำที่ตัวเองก่อน สำเร็จที่ใจของตัวเองก่อนมิใช่หรือครับ

    เมื่อกำลังใจสำคัญทั้ง ๑๐ เต็มบริบูรณ์แล้วจึงใช้กำลังใจนั้นเป็นบาทฐานในการโปรดโลกตามกำลังของตนเองและสัตว์โลก เพราะเราคงมิอาจโปรดบัวได้ครบทั้ง ๔ เหล่าใช่ไหม แม้นแต่พระผู้ทรงพิชิตมารยังไม่กระทำเลย....ใช่ไหมครับ.....

    สู้ๆ อย่างมีปัญญานะครับ การพัก การถอยนี่ไม่ใช่เรื่องน่าเย้ยหยันนะครับ ถ้าเรื่องขืนดันทุรังทำสิ่งใดแล้วไม่มีประโยชน์ แถมเกิดโทษนี่น่าเย้ยหยันกว่านะครับ

    ธรรมมสวัสดี....

    จาก....ศรัทธาธิกะภูมิ
     
  14. AVATAAR

    AVATAAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +603



    ความเบื่อหรือเซ็งเป็นของธรรมดาครับ
    เช่นพอพูดอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ เค้าบอกสูตรเยอะไม่เข้าใจ (แต่พวกคิดสูตรมาให้เค้าบอก..พวกคุณไม่มีสมองพอจะรู้เข้าใจได้บ้างเลยหรือ..?)


    พอพูดอธิบายทางพุทธศาสตร์ ก็ไม่เข้าใจ..บอกลึกซึ้งซับซ้อนไป (แต่พระบรมศาสดาก็เข้าใจ บัวมี4เหล่า)


    อย่าไปเยาะเย้ยถากถางกันเลยครับ...ทุกท่านล้วนมีวิถีแห่งตน


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2012
  15. wayokasin

    wayokasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +277
    ทุกอย่างเริ่มจากความธรรมดา เป็นคนธรรมดา แต่ เป็นปุถุชน ที่พยายาม ดิ้นรน ขยับขับเคลื่อนจิต ให้พ้นจากปุถุชนวิสัย และ เมื่อเห็นทาง ก็ไม่ไปโดยลำพัง ช่วยให้ คนนับ หมื่อน นับพัน ได้ถึงความพ้นทุกข์ สมความปรารถนา
    ทุกอย่างมีระยะเวลา ผลไม้กว่าจะได้กินได้เก็บเกี่ยว ใช้เวลาเป็นแรมเดือน น้ำก็ไม่ได้เต็มโอ่งภายในวันเดียว ต้องไปตักน้ำ ขันแล้ว ขันเล่า จนเต็มโอ่ง
    แล้วประสาอะไร กับการปลูกต้นโพธิ์ ที่จะเป็นที่พึ่งให้หมู่สัตว์ ก็ต้องมีอุปสรรค บ้าง
    วันนั้นฟังธรรมเรื่อง โลกธรรม 8 พิจารณาจนเข้าใจ รู้ว่าไม่เทียง มีเกิดดับเป็นปกติเหมือนอารมณ์มนุษย์ เดี๋ยวด่า เดี๋ยวชม เดี๋ยวพอใจ ไม่พอใจ เปลี่ยนผันไป คำด่า คำชม มันก็ดับไปของมันเอง มาเอง ไปเอง ไปยึดแล้วไปปรุงแต่งตามมันเข้า ผมเลยทุกข์เอง
    เรามีหน้าที่ทำ ก็ ทำไปค่อย ๆ สร้างไป ใครจะว่าจะด่า ก็ เรื่องของเขา ไม่ควรใส่ใจ
    มันเป็นปกติของโลก ช่างมัน ให้สักแต่ว่า เข้าไว้
    ขอบพระคุณ โพธิ ทุก ๆ ท่านมากครับ ผมจะตั้ง ใจไปให้ถึงจุดหมาย ไม่เลี้ยวกลับกลางทาง
    :'( (y)(y)(y)
     
  16. johappy

    johappy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +1
    ทำตามหน้าที่ในปัจจุบันคับ

    อยู่กับสติธรรมชาติคับ ทางไกลหรือทางใกล้ก็เหมือนกัน จะไปคนเดียว หรือหลายคนก็เหมือนกัน เราทำหน้าที่ในปัจจุบันก้คือการบำเพ็ญบารมีแล้วครับ ปล่อยวางว่าเราคือใคร จิตจะทำทุกสิ่งได้โดยไม่ทุกข์
     
  17. viriyathika

    viriyathika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +109
    หวังว่าบทความต่อไปนี้จะทำให้มีกำลังใจมากขึ้นนะครับ

    กาลครั้งหนึ่งพุทธภูมิท่านถามเกี่ยวกับพระโพธิญานกับพระอรหันต์

    ดังได้สดับมาว่า

    ศิษย์น้อย : หลวงตาครับถ้าปรารถนาโพธิญาณต้องทำยังไงครับ
    หลวงตา : คำว่าพระโพธิญาณ เป็นผู้มีเมตตาอยากให้ผู้อื่นมีความสุข ทำไปเรื่อยๆ ศึกษาหลักแห่งพุทธภูมิ ปรารถนาให้เขามีความสุข ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ คน เป็นอะไรทั้งนั้น เด็กน้อย ผู้หญิง ผู้ชาย ก็แล้วแต่ จิตโดยส่วนรวมแล้วเราจะมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นทั้งหมด ไม่ว่าจะด่ายังไง จะว่าเรายังไง ทุกข์แค่ไหน แต่ใจและความปรารถนานั้นก็ไม่มีเปลี่ยนแปลง ยังคงมุ่งมั่นอยู่ มั่นคงอยู่
    ศิษย์น้อย : ยังมั่นคงอยู่
    หลวงตา : ใช่ มั่นคงอยู่ในพุทธภูมินั้น
    ศิษย์น้อย : ทำไมยังเหลวไหล ไม่เป็นท่าเลยครับ
    หลวงตา : แต่ตอนนี้อารมณ์ใจมันมักจะแส่ส่าย ไม่มั่นคง มันก็เป็นธรรมดา ปกติแล้วฌานโลกีย์ บางทีมันก็เข้มแข็ง อะไรมากระทบมันก็เฉย แต่บางทีมันก็อ่อนปวกเปียก ของของธรรมดานะลูก
    ศิษย์น้อย : ครับผม
    หลวงตา : พุทธภูมิถ้ามองอีกแบบก็เหมือนชาวบ้านระดับหนึ่งนี่แหละ แต่ความปรารถนาส่วนลึก ในภายในนั้นหวังอยากให้ผู้อื่นมีความสุข ถ้าเรารักษากำลังใจมาตลอด ทำความดีบางทีก็ไปได้สวย บางทีก็โดนด่า โดนว่าบ้างทำนองนั้น แต่เราก็ไม่ย่อท้อเพื่อให้สำเร็จบรรลุตามวัตถุประสงค์ จิตใจตรงนี้จะเข้มแข็งมาก บางทีมีท้อนะ แต่ไม่ยอมถอย ยังไงก็ต้องสู้ ถ้าเราทำไปอย่างนี้แล้ว ก็ถือว่าเป็นพุทธภูมิโดยสมบูรณ์ จิตใจเราจะเข้มแข็งขึ้นไปทุกชาติ ๆ ไปเรื่อย ๆ ที่เธอทำอยู่มันก็สมบูรณ์อยู่แล้ว แต่เป็นฌานโลกีย์มันก็มีขึ้นมีลง เป็นของธรรมดา ไม่ต้องไปยึดติดตรงนั้น
    ศิษย์น้อย : ให้มีเมตตาให้มากใช่ไหมครับ
    หลวงตา : นั่นแหละ ให้มาดูว่าเรามีเมตตาธรรมจริงไหม เขาจะทำอะไรกับเราก็ช่างเถอะ สักวันเขาก็คงเข้าใจ มันจะคิดไปแบบนี้ จะไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหมด ทุกวันนี้เธอรู้สึกเป็นไงบ้างละ
    ศิษย์น้อย : ก็มีกระทบนะครับ แต่จิตใจจะพยายามข่มอารมณ์นั้นไว้ แล้วแผ่เมตตาให้แทน
    หลวงตา :
    ก็นั่นแหละ เดินหน้าต่อไป คือคำว่า พุทธภูมินิต้องใช้เวลายาวนานมาก อย่างน้อย ๆ ก็ ๔ อสงไขย์ อย่างกลางก็ ๘ อสงไขย์ อย่างหลวงพ่อเรานิ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ๑๖ อสงไขย์แบบว่านั่นแหละ ก็พยายามทำต่อไปจนกว่าจะถึงปรมัตรบารมี ถ้าถึงตรงนั้นแล้วก็จักได้รู้เอง ถามว่านานไหม ขอให้ทำไปเรื่อยๆ นั่นแหละ ทรงอารมณ์ได้บ้าง ไม่ได้บ้างไม่เป็นไร จงตั้งใจไว้เฉพาะจริง ๆ ว่าเราจะช่วยเหลือบุคคลอื่นให้มีความสุข มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พร้อมตลอดเวลา นั่นก็คือ พุทธภูมิโดยแท้
    ศิษย์น้อย : พยายามทรงอารมณ์ให้ได้ตลอดเวลา
    หลวงตา : นั่นแหละ ถ้าบารมีเราพร้อมก็ทรงอารมณ์ได้ตลอดเวลา ถ้ากำลังใจยังไม่เข้มก็ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มันก็ของธรรมดา ไม่มีอะไรเสียหายดอก เดินต่อไปเถอะ ที่ทำมาหลวงตาก็ปรารภนาพุทธภูมินี่แหละ ทำไปทำมาเลยเบื่อไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เลยลาพุทธภูมิตามหลวงพ่อเข้าพระนิพพาน คำว่าสงสารของหลวงตานี่เป็นแบบนี้นะคือเมื่อเราลาพุทธภูมิแล้วและสำเร็จกิจแล้วนิมันจะช่วยเหลือผู้อื่นได้มาก ถ้ายังไม่สำเร็จนิช่วยเหลือได้น้อย จึงได้ตัดสินใจเอาว๊ะ เอาสำเร็จชาตินี้ เข้าพระนิพพานตามหลวงพ่อดีกว่า อย่างที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำบอกว่า " ข้ามีขันธ์ ๕ อยู่นิ ช่วยเหลืออะไรพวกแกได้ไม่มากหรอก พอข้าเข้านิพพานได้เมื่อไหร่เต็มร้อยเลย มีล้านคนขอคำๆเดียวกันก็ได้ทั้งหมดเลย" คือบารมีท่านมากถ้าได้ถึงตรงนั้นแล้วช่วยได้ทุกอย่าง บารมีมีพร้อมแล้ว ถ้ายังทรงขันธ์ ๕ อยู่ช่วยได้น้อยเพราะยังไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ดูๆ แล้วความรู้สึกจะเป็นจริงตามท่านนะ
    ศิษย์น้อย : ครับผม
    หลวงตา : นั่นแหละ ขอให้ทำต่อไปเถอะ มาถูกทางแล้วไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่บางเรื่องเราจะอ่อนไปบ้าง เพราะโลกธรรมเป็นของยากกว่าเราจะเอาชนะมันได้
    ศิษย์น้อย : จนกว่าจะถึงปรมัตรใช่ไหมครับ
    หลวงตา : นั่นแหละ แต่ช่วงต้นๆ ของปรมัตรเองก็ต้องสู้รบปรบมือกับมันอยู่ แต่เราดีใจที่ว่าเราไม่ท้อถอย ทำไปเรื่อยๆนะ คนอื่นเขามองไม่เห็นก็ช่างเขา อย่างเขาจะคิดว่า เป็นไปได้หรอ ตัวเล็กกระจิดริด จิตใจจะขนาดนั้น ทำไมมันคิดเกินตัวเหลือเกิน เขาก็มอง แต่เรานี่แหละทำเข้าจริงๆ เอาจริงก็ได้ขึ้นมาจริง ๆ
    ศิษย์น้อย : ผมเองก็ไม่ค่อยบอกใคร เดี๋ยวเขาหาว่าเราบ้า
    หลวงตา : มันก็ใช่สิ ก็เราไม่เหมือนชาวบ้านเขานิ ไปบอกดูสิ โดนว่าบ้าเอาง่ายๆ เพราะถ้าไม่เหมือนชาวบ้านเขา เป็นบ้าทันที
    ศิษย์น้อย : ขนาดได้ยินว่าเราไปฝึกกรรมฐาน มโนมยิทธิ ไปเที่ยวสวรรค์ นิพพาน เขาก็หาว่าเราเพ้อเจ้อ บ้าๆ บวมๆ ธรรมแตก อะไรแบบนี้แล้ว
    หลวงตา : ก็นั่นดี ช่างหัวประไร เราบ้าดีนิ บ้าไปสวรรค์ นิพพาน ก็อยู่ที่เรา เพราะเราชอบของเราเขาจะว่าไปก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเขาทำไม่ดีเขาก็ไปเองนั่นแหละ ไปในที่ที่คนดีอย่างพวกเขาอยู่นั่นแหละ เราได้แต่มอง ก็ช่างเขาเถอะเรื่องของเขา เราทำของเราไป ทุกวันนี้เธอก็ทำไปตามหน้าที่พุทะภูมินั่นแหละ แต่หลวงตาลาแล้วเบื่อ.
    ศิษย์น้อย : น้อมบูชาพระคุณหลวงตาครับ และจะเดินตามปฏิปทาแนวทางปฏิบัติจนกว่าจักได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณนำมหาชนเข้าสู่พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้น สาธุ สาธุ สาธุ

    ที่มาจาก เว็บคนเมืองบัว โดย คุณ สุภมงคล

    เพื่อพระโพธิญาณ นำมาฝากผู้ปรารถนาพุทธภูมิ
     
  18. ohm_chiangmai

    ohm_chiangmai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +2,920
    ผ่านมาสดับตรับฟัง...หลากหลายที่ผู้ปราถนาโพธิญาณ...ขออนุโมทนาสาธุการ ในความปราถนาของท่านทั้งหลายเหล่านั้น...

    เท่าที่เคยพบ เคยผ่านมา...ผู้ที่ปราถนาในด้านนี้ มักจะพบเจออุปสรรค...มักจะเจอปัญหา...ในชีวิต ที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ

    แต่ก็แปลก...ที่พอจะท้อ พอจะแพ้...มันก็จะมีทางออกให้ได้เดินไปเสมอ....

    มันจะมีทั้งอุปสรรคและทางออก...เหมือนเล่นเกมส์ตอบปัญหาอะไรประมาณนี้โดยตลอด...

    ที่สำคัญ...คนที่ปราถนาพุทธภูมิมาแต่เดิมทั้งหลาย...เมื่อเติบโตขึ้นมาจากความเป็นเด็กน้อย จนได้รู้จักกับคำนี้ครั้งแรกในชีวิตเมื่อไหร่...จะรู้สึกตื่นเต้น ยินดี กระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาทันที... มีความยินดีอย่างยิ่ง...ในโพธิญาณ...และมักจะกล่าวคำอธิษฐานขอดำรงคงอยู่ในความเป็นพุทธภูมิอย่างนี้ต่อๆไป ...ไม่ว่าจะด้วยการกล่าวในใจ...จนการเปล่งวาจาออกมา...

    ผมคิดว่า...คุณเอง ก็คงจะมีความรู้สึกลึกๆ...ว่ายังไง...ก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก...เพียงแต่เหนื่อยและท้อกับกระแสที่ต้าน...ปัญหามีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น...เมื่อเป็นปัญหา ก็ต้องมีทางออก... ถ้าไม่มีทางออก แสดงว่ามันไม่ใช่ปัญหา
    การต่อต้าน ดูถูก ดูแคลน ..เป็นเรื่องธรรมดา เจอทุกคน...และจะเจอมากเป็นพิเศษสำหรับคนในสายโพธิญาณ

    อย่าลืมครับ....มาร กับ บารมี มาคู่กัน กระบี่อันแหลมคมแข็งแกร่ง..ยังต้องผ่านการหล่อ การหลอม การทุบ การตี จนได้กระบี่ที่ยอดเยี่ยม...คุณจะต้องเป็นกระบี่มังกรฟ้านะ ไม่ใช่มีดอีโต้ ที่ไว้ใช้ผ่าฟืน...อิอิ

    สู้ๆครับ....อะหัง โพธิสัตโต โหมิ อนาคะเต
    .....อะหัง พุทโธ โหมิ อนาคะเต
     
  19. เตหิณรัตน์

    เตหิณรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +476
    กำลังใจ

    คนที่ประนาม เค้ารู้ดีแค่ไหนหรือ กิเลสก็เต็มดวงใจพอกัน วิสัยที่จะบอกว่าใครเป็นหรือไม่เป็นพระพุทธเจ้าได้นั้น มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่รู้
    คุณปราถนาพุทธภูมิ สำเร็จหรือไม่ขึ้นกับตัวคุณเองไม่ใช่ใครอื่น คำดูถูก คำประนาม คำปรามาส ว่าอย่างเอ็ง มันจะทำได้หรือ? จะสนใจไปทำไมใครด่าใครนินทา!(จะลาพุทธภูมิเพียงเพราะเค้าประนามหรือ?) ก็กู(จริงจังเลยขอใช้ภาษาพ่อขุน)อยากจะเป็นพระพุทธเจ้า กูชอบ กูรัก สัพพัญญูญาณกูยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในสามโลก รักมากแม้ชีวิตกูก็สละได้ ใครจะมาบอกกูว่า "ถ้ามึงยังปราถนาโพธิญาณอยู่กูจะตัดหัวมึง กูจะโยนมึงลงนรก(สมมุตินะ)" เชิญเลย! อยากตัดหัว ตัดได้ตัดไปเลย อยากจับโยนในนรก โยนได้โยนลงไปเลย ถึงตัวกูจะตายกูก็ไม่ลา ไม่ละ ไม่เลิก ใครจะทำไมกูละ!
    เพื่อนเอ๋ย สังสารวัฏนี้ช้านานนัก เพื่อนต้องการพระสัพพัญญูเป็นเบื้องหน้า เพื่อนจะสนใจอะไรละ ใครจะประนามจะดูถูก ก็ช่างหัวมัน หน้าที่ของเพื่อน คือทรงกำลังใจให้เต็มนะ(บารมี30ทัศ) เพื่อนจึงจะสำเร็จได้ดั่งที่หวัง
    ถ้าแค่คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคทำให้ใจเพื่อนต้องสะเทือน ขอให้เพื่อนจงทรงกำลังใจใหม่นะ เรื่องคำพูดดูถูกหรือประนามแค่นี้มันไก่กา จงอย่าสาระ!
    เพื่อนหวังพระโพธิญาณในเบื้องหน้า อยากให้เพื่อนทรงกำลังใจแบบนี้ว่า
    เรายังต้องเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน ต้องเกิดเป็นสัตว์ให้เค้าฆ่า ทุบหัว โดนยิง โดนแทง ฯลฯ ทรมานสุดๆ หรือแม้ต้องสละร่างกายตายแทนคนอื่นนับชาติไม่ถ้วนก็ต้องเต็มใจทำ และต้องผิดหวังเป็นทุกข์ทั้งกายทั้งใจ ต้องเจอกับทุกข์อย่างอื่นอีกมากแสนสาหัสเหลือประมาณ แน่นอนเวลาที่ต้องเกิดกันอีกยาวนานแสนนาน เพื่อนและเราต้องตกนรกกันอีกนับชาติไม่ถ้วนเลยนะเพราะหนทางมันไกลมาก อย่าท้อ! ปัญหามันยังมีอีกเยอะ เยอะโขเลยละนับภพนับชาติกันไม่ได้เลยนะ สิ่งที่เจ็ปปวดมากกว่าคำประนามด่าว่า ร้อยเท่าพันทวียังมีอีกในชาติต่อๆไป เหลือที่จะประมาณ ทรงกำลังใจไว้ให้เข้มแข็งอย่างที่สุดนะเพื่อน เหนื่อยได้ ท้อได้แต่ห้ามถอย! ถ้าอยากจะเป็นพระพุทธเจ้า!
    กำลังใจสำคัญนะเพื่อน พ่อตาย แม่ตาย ลูกเมียตาย หรือแม้แต่นางแก้วคนที่รักที่สุดต้องทำให้เสียใจที่สุด(ก็มีบ้างในบางชาติ) อย่าท้อ อย่าสนใจ
    เข้มแข็งไว้ ถ้าจะร้องก็อย่าร้องนานอย่าให้ทุกข์มันกินใจอยู่นาน เอาปัญญามาตัดอารมณ์โศกนั้นทิ้งซะ
    ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะด่า คนที่รักจะตาย มันไม่เลือกเวลาหรอก
    มันเกิดได้ทุกนาที ทำใจของเราให้เข้มแข็งที่สุด ทุกอย่างมัน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นะ ดีเลิศยิ่งใหญ่แสนดีหรือชั่วช้ามาจากไหนก็หนีไม่พ้นไตรลักษณ์อันนี้ไปได้หรอก โลกธรรม8 ก็ท่องไว้ในใจเลยเพื่อน มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสุขมีทุกข์ สรรเสริญนินทา ทรงกำลังเมตตาไว้ให้มากงานยังอีกเยอะอีกนานอีกนับชาติไม่ถ้วน ต้องเข้มแข็งนะๆ อย่าท้อๆ(kiss)
     
  20. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +2,161
    แรกๆ กำลังใจมุ่งมั่น แต่แข็งกระด้าง ก็จะบำเพ็ญแบบใครว่าไม่ได้ ใครเข้าใจผิดจะต้องรีบชี้แจงหรือแก้ต่างแทนตัว แต่พอถึงระยะนึง มันสู้ไม่ไหว มันก็ถอยกำลังใจเอง จนมันฝืนไม่ไหว ก็จะกลายเป็นยอมรับ พอเริ่มยอมรับก็จะวนกลับมาเห็นความจริงแล้วก็มุ่งมั่นต่อ แต่จะเป็นแบบทรงพรหมวิหารสี่ คือเมตตาแต่ถ้าเกินวิสัยก็อุเบกขาชั่งเขา ภายนอกดูเหมือนยอมคน แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับแก้ปัญหาต่างๆ ช่วยคนได้เยอะมากขึ้น จนสุดท้ายก็สามารถจะรักษาอารมณ์ปรารถนาพุทธภูมิได้เป็นปกติทุกลมหายใจ โดยไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย ยิ่งเจอทุกข์กลับยิ่งเห็นความจริงและมีจิตที่มุ่งมั่นจะสงเคราะห์เหล่าสัตว์ด้วยความเพียรมากยิ่งขึ้นไปอีก เหมือนยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเรายิ่งท้อถอยไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
     

แชร์หน้านี้

Loading...