เบื่อทางโลกเหลือเกินแล้วครับ อยากบวช

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มรรคโกวิโท, 4 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. มรรคโกวิโท

    มรรคโกวิโท สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +8
    ตอนนี้อยากบวชมากครับ เบื่อทางโลกเหลือเกินแล้ว มีลูกกับภรรยาต้องดูแลครับ แล้วก็มีบริษัทมีลูกน้อง อีรุงตุงนังไปหมด แบบนี้ควรจะวางอาการอยากบวชไหมครับ เป็นมา 3 ปีแล้วครับ ช่วยให้คำปรึกษาหน่อยครับ
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ลองอ่านดูครับ
    มีคำแนะนำจากพระ




    เกร็ดธรรม ​


    หลวงปู่พุธ ฐานิโย ​


    วัดป่าสาละวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา​



    นอกเหนือไปจากกรรมฐาน ๕ ประการดังที่กล่าวแล้ว
    ท่านผู้ใดจะวิตกถึงเรื่องใดเอามาเป็นเครื่องพิจารณา
    เป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติ ก็ย่อมทำได้
    แม้แต่เรื่องราวที่ไม่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์ ธรรมมะ
    เอายกมาเป็นหัวข้อแล้วพิจารณาไป​


    แม้แต่วิชาทางโลกที่เราเรียนมาจะเป็นศาสตร์ไหนก็ได้
    เอามาตั้งเป็นหัวข้อขึ้น แล้วพิจารณาแทนกรรมฐาน ๕
    ก็สามารถที่จะทำจิต ให้มีสติ สัมปชัญญะ
    แล้วก็จะทำให้เกิด
    มี สมาธิ มี ปีติ มี ความสุขได้เหมือนอย่างการภาวนาอย่างอื่น​


    เพราะฉนั้น ​


    อารมณ์ของการพิจารณานี่
    เราจะเอาอะไรก็ได้
    หลักฐานยังมีปรากฎในคัมภีร์ พระธรรม ​


    คนผู้ผ่าไม้เอาการผ่าไม้เป็นอารมณ์กรรมฐาน
    พิจารณาแล้วได้สำเร็จพระอรหันต์ก็มี ​


    ช่างปั้นหม้อเอาการปั้นหม้อเป็นอารมณ์กรรมฐาน
    ปั้นไปพิจารณาไปตกแต่งไปจนหม้อสำเร็จเป็นรูปทรงที่ต้องการ
    แล้วก็ปลงปัญญาลงสู่พระไตรลักษณ์ได้สำเร็จอรหันต์ก็มี​


    ผู้ที่เอาอารมณ์อื่นๆเป็นเครื่องรู้ของจิตเป็นเครื่องระลึกของสติ
    ก็สามารถที่จะทำจิตให้สงบเป็นสมาธิ
    รู้แจ้ง เห็นจริง ประจักษ์ในธรรมมะตามความเป็นจริง​


    โดยเห็นว่า ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    สำเร็จพระอรหันต์ได้ก็มีถมไป​


    ตัวอย่างอีกอันหนึ่ง
    ท่านจูฬปันถกเป็นบุคคลที่มีสติปัญญาความทรงจำไม่ค่อยดี
    ใครจะสอนให้ท่านท่องบ่นสาธยายอะไร
    ท่านไม่สามารถที่จะจำได้
    เรียนคาถาบทเดียวเท่านั้น ๔ เดือนก็จำไม่ได้ ​


    อยู่มาวันหนึ่ง
    พระพุทธเจ้าทรงประทานผ้าขาวให้ผืนหนึ่ง
    แล้วก็แนะนำให้บริกรรมภาวนาว่า ระโชหะระนัง ระชังหะระติ ​


    ท่านก็บริกรรมภาวนาตามพุทธดำรัส
    บริกรรมภาวนาไปมือก็ลูบผ้าขาวไป
    ลูบไปลูบมา ผ้าขาวเปลี่ยนเป็นสีดำ มัว มอ ​


    ท่านก็ปลงปัญญาลงสู่พระไตรลักษณ์
    ว่า
    ผ้าขาวอันบริสุทธิ์ สะอาดมาแต่กำเนิด
    ในเมื่อมาสู่สิ่งปฏิกูล น่าเกลียด โสโครกภายในกายของเรา
    ก็ทำให้ผ้าที่สะอาดนี้กลายเป็นผ้าที่สกปรก
    ในที่สุดก็ปลงปัญญาลงสู่พระไตรลักษณ์ ​


    รู้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้แจ่มชัด แล้วก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ​


    อันนี้เป็นตัวอย่าง
    ผ้าขาว มีคำว่าธรรมมะมั๊ย
    ระโชหะระนัง ระชังหะระติ มีคำว่าธรรมมะมั๊ย
    เป็นคำพูดธรรมดา ธรรมดาของเรานี่แหล่ะ ​


    แต่พระพุทธเจ้า สอนให้ท่านจูฬปันถกบริกรรมภาวนา
    แล้วก็ได้สำเร็จพระอรหันต์​


    เพราะฉนั้น
    อารมณ์ที่เราจะเอามาพิจารณานี่ จะเอาอะไรก็ได้
    ปัญหาสำคัญอยู่ตรงที่ว่า
    เราทำสติในพิจารณาให้มันชัดเจน
    นี่คือหลักการของการปฏิบัติในขั้นนี้ ​


    ทีนี้ ประการที่สาม ถ้าหากว่าท่านผู้ใด มีปกติเป็นคนคิดมาก
    เช่น
    อย่างนัก วิชาการ นักธุรกิจ
    แล้วจิตใจของท่านย่อมคิดมาก
    เพราะ
    ท่านมีความรู้มาก และมีธุระกิจมาก ​


    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น
    ท่านอย่าไปห้ามความคิด
    ถ้าท่านจะเป็นนักปฏิบัติ
    ให้ตั้งสติกำหนดลงที่จิต เอาสติรู้ไว้ที่จิต
    แล้วคอยจดจ้องดูว่า ความคิดอะไรจะเกิดขึ้น
    เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น
    ทำสติรู้ตาม​


    ความคิดอะไรเกิดขึ้น ก็ทำสติรู้ตามไปเรื่อยๆ
    ความคิดอันนั้นจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ ​


    เรื่องบุญ เรื่องกุศล อกุศล ​


    เรื่องสวย เรื่องงาม เรื่องขี้ริ้ว ขี้เหร่ ​


    หรือเรื่องการเรื่องงานเรื่องครอบครัวเรื่องสารพัดที่จิตมันจะคิดขึ้นมา
    อย่าไปห้ามความคิด ​


    หน้าที่ของผู้ปฏิบัติ เพียงแต่ทำสติตามกำหนดรู้ความคิดไปเรื่อยๆ
    จนกระทั่ง จิตกับสติ วิ่งตามทันความคิด ​


    ในเมื่อสติตามทันความคิดเมื่อไร ความคิดมันจะหยุด
    หยุดแล้วก็จะเกิดมีสมาธิ มีปีติ มีความสุขได้เช่นเดียวกับการภาวนาอย่างอื่น ​



    หลักการภาวนาทั้ง สามหลักนี้ เราจะต้องใช้ปฏิบัติ สลับกันไป
    ในบางครั้งจิตของเรามันอยู่เฉยๆ ไม่ชอบคิดชอบอ่าน
    และไม่ชอบบริกรรมภาวนา แล้วไม่สนใจในสิ่งใด ​


    ให้วิตกเป็นหัวข้อเรื่องขึ้นมา ค้นคิด พิจารณา
    ถ้าในช่วงใดเราเกิดมีความคิดมาก
    ทำสติตามรู้ความคิด ตามรู้ความคิด ไปเรื่อย ​


    ถ้าช่วงใดจิตมันเกิดขี้เกียจ ขี้คร้าน ก็บริกรรมภาวนา มันง่ายดี
    ให้ปฏิบัติสลับกันอยู่อย่างนี้ ในหลักสามแบบนี้
    ในเมื่อท่านพากเพียร พยายามที่จะปฏิบัติตาม แบบตามที่ให้คำแนะนำนี้ ​


    จิตของท่านจะต้องเกิดมีความสงบ มีพลังแห่งสมาธิ
    มีสติปัญญารอบรู้ในสภาวะธรรม ​


    สมาธิที่เราฝึกหัดด้วยประการที่หนึ่ง อ่าประการที่สองและที่สามนี้
    ในเมื่อเราฝึกหัดสามารถทำจิตให้เป็นสมาธิได้เพราะการพิจารณา
    และการกำหนดตามรู้ความรู้สึกนึกคิดของตน ​


    เมื่อสมาธิเกิดขึ้นแล้ว
    สมาธิจะสามารถมีพลังไปสนับสนุนงานการที่เราทำอยู่ได้ ​


    เพราะการทำสมาธิแบบนี้
    มันเป็นเรื่องการทำสมาธิโดยกำหนดเอาอารมณ์ปัจจุบัน
    เป็นเครื่องรู้ของจิตเครื่องระลึกของสติ
    ในเมื่อสมาธิมันเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ในปัจจุบัน ​


    เราก็สามารถที่จะเอาพลังสมาธิไปสนับสนุนงานการที่เราทำอยู่ได้เป็นอย่างดี ​


    และอนึ่ง การปฏิบัติโดยวิธีนี้
    เราจะไม่ประสบกับอุปสรรคในการปฏิบัติ ​


    งานและวิชาความรู้เรื่องราวต่างๆ
    จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติสมาธิ
    สมาธิก็จะไม่ขัดขวางต่อการทำงาน​


    ในเมื่อเราฝึกฝนอบรมดีแล้ว
    เราทำอะไรอยู่ พลังของสมาธิจะไปช่วยสนับสนุนงานการที่เราทำอยู่ ​


    ท่านผู้ทำสำเร็จเป็นอย่างดีแล้ว ​


    ท่านสามารถที่จะแก้ไขปัญหาจิตใจของตัวเองได้ ​


    แก้ไขปัญหาชีวิตประจำวันได้​


    และแก้ไขปัญหางานการได้ ​


    บางทีบางท่านเป็นหมอ ก็คิดว่าจะตรวจโรคเท่านั้น ​


    จิตวูบไปปะทะร่างของคนไข้​


    ก็รายงานออกมาว่าเขาเป็นโรคอย่างนั้นควรจะให้ยาอย่างนี้ ​


    และอีกนัยหนึ่ง เพื่อเป็นประโยชน์พิเศษในการบำเพ็ญสมาธินี้ ​


    การบำเพ็ญสมาธิโดยจุดใหญ่ จุดมุ่ง
    ก็เพื่อสร้างสติของเราเอง ให้เป็นสติพละ
    ให้เป็นสตินทรี เป็นสติวินะโย
    สามารถที่จะนำจิตให้ดำเนินไปสู่ภูมิจิตภูมิธรรมได้
    อันนี้เป็นสายตรงของการทำสมาธิ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. มรรคโกวิโท

    มรรคโกวิโท สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +8
    ทราบซึ้งมาก อนุโมทนาสาธุครับ หยิบยกมาได้โดนใจมากครับ ขอบคุณมากครับ ขออนุโมทนาบุญให้เจ้าของกระทู้นะครับ ซึ้งงงงงงงง
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ไฟล์นี้ ลองโหลดไว้เป็นแนวทางได้ครับ

    http://palungjit.org/threads/รู้-เห...ามความเป็นจริง-โดย-หลวงปู่-พุธ-ฐานิโย.289310/
     
  5. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +705
    ถ้ามัวขืนห่วงเรื่องโลก ๆ ก็จบกันครับ ถึงบวชได้ก็ไม่นานหรอกครับเพราะยังมีห่วง ถ้าตัดได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป ได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นทางก็เปิดครับ
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ครอบครับ เมื่อแยกออกมาก็เป็นทั้ง ครอบ และ ครัว นั่นหละครับ....
     
  7. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ขยายอีกนิดได้มั๊ยครับ

    ยังไม่เข้าใจที่สื่อ
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อย่างนี้แนะนำให้อ่านหนังสือ "อุปลมณี" หนังสือชีวประวัติของหลวงปู่ชา สุภัทโธ เลยครับ...
     
  9. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    โอ้...ทำให้วนไปซะสามโลก

    ครอบครัว เมื่อแยกออกมาก็เป็นทั้ง ครอบ และ ครับ นั่นหละครัว....
     
  10. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    งงกันใหญ่แล้ว ครับ และ ครัว นั่นแหละ ครอบ
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ดีแล้วครับ...รู้มากนะครับนี่....

    ขอบคุณที่ช่วยอธิบายนะครับ....คือผมคิดว่าถ้าผมอธิบายก็คงไม่ซึ้งเท่าที่เจ้าตัวไปหาศึกษาเอง และก็คงไม่ซึ้งเท่าที่หลวงปู่ท่านอธิบายด้วยตัวท่านเองเท่านั้นหละครับ...ขอบคุณมากครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2012
  12. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    รู้มากก็จริง แต่รู้น้อยกว่าพี่พานุเดช

    ผู้จะให้คำปรึกษากับ จขกท. ได้ ก็คงต้อง เป็นพี่พานุเดช ผู้มีประสบการณ์ในการถูกครัวครอบ นั่นแหละ

    เพราะพี่ต้องยึดหลัก แนะนำว่า "การเลี้ยงดูบุตร และการสงเคราะห์ภรรยาหรือสามี" นั้นเป็นมงคลหนึ่งในมงคล38

    จนเมื่อเคลียร์ภาระต่างๆ จนหมดนั่นแหละ หรือไม่งั้นก็ตกลงปลงใจกันได้
    การสละเรือนจึงได้ตามความปรารถนา ไม่ทิ้งภาระให้เป็นที่คั่งค้าง เป็นเครื่องกังวล

    ส่วนพี่ซัวเจ๋ง นั้น ถูกเหล็กครอบหัวอยู่ ได้แต่รู้ทุกข์ จึงไม่สามารถให้การแนะนำได้ดีไปกว่าพี่พานุเดช

    http://www1.freehostingguru.com/thaigenx/mongkhol/mk13.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2012
  13. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    กำลังซาบซึ้งกับคำแนะนำจากพระ รวมถึงชอบวิธีการจัดบรรทัด วรรค ตอน ของคำสอนให้อ่านง่ายไม่น่าเบื่อ โมทนากับท่าน วิษณุ12 นะคะ แล้วก็มานั่งหัวเราะน้ำตาเล็ดกับ ครอบๆ ครับๆ ครัวๆ น่ะ ขำค่ะ โมทนาด้วยค่ะ
     
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    นี่ขนาดไม่แนะนำนะครับนี่...

    จะให้ผมแนะนำแต่กำกับบอกให้ผมแนะนำไว้อีก ผมว่าคุณจะแนะนำเองก็ไม่เสียหายอะไรนะครับท่านผู้รู้...ตามสบายเลยครับ....ตามสบาย....
     
  15. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    บวชอยู่กับบ้านสิครับ

    ผมเองก็มีครอบครัวเหมือนกัน

    มีกิจการเล็กที่ต้องดูแล

    แต่ยังละทิ้งงานทางโลกไม่ได้ เลยปฏิบัติอยู่กับบ้านครับ

    ช่วยได้เยอะเลยครับ
     
  16. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ใช้เป็นอารมณ์กรรมฐานดีนะเนี่ย จิตมันเกิดก็ให้ดับเสียก่อน ไม่งั้นมันจะวน ย้ำคิดย้ำทำอยู่ที่เดิมนั่นเอง หาใจตัวเองให้เจอ หาความปกติของใจให้เจอก่อน แล้วอยู่กับความปกตินั้นให้ได้ และบ่อย ๆ ต่อไปเวลาจะคิดจะพิจารณาอะไรก็ให้คิดตอนใจยังปกติ ตอนที่ใจมันปกติ มันจะมีอาการสบาย ๆ ผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่คิดมาก ถึงตอนนั้นค่อยคิดค่อยพิจารณาเอา ไม่งั้นยิ่งคิดยิ่งวุ่น ยิ่งคิดยิ่งพันกันไปใหญ่ ทีนี้ลองดู คิดตอนเครียด ๆ กับคิดตอนผ่อนคลาย ผลที่ได้มันต่างกันยังไงบ้าง ต่อไปจะทำอะไรก็เอาสติไปจับ เครียดหรือเปล่า เครียดไม่เครียด ถ้าเครียดก็ระวัง อย่าเชื่อที่มันคิดมาก ก็ค่อย ๆ ว่ากันไป...เนอะ
     
  17. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072

    <IMG src='http://www.greatvendor.co.th/shop/img/p/339-434-large.jpg' width=80>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2012
  18. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    การมีครอบครัวนี่น่าห่วงมากนะครับ หากคนในครอบครัวไม่เข้าใจ
    และเราก็ยิ่งไม่เข้าใจตนเองอีก มันจะกลายเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหรือเปล่า
    หากเราอยากบวช คงต้องรู้เจตนาจริงๆ ไม่ใช่เป็นการะทิ้งหน้าที่ เพราะความเบื่อ
    แต่เป็นการบวช เพราะมาโปรดคนในครอบครัว อันนี้น่าสนับสนุน

    คนมีครอบครัวแล้ว ต้องรักษาสัจจะ อย่างยิ่งครับ หัวหน้าครอบครัวทุกคน
     
  19. แพรแพร

    แพรแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +638

    ชอบประโยคนี้จังคะ ^_^ "แต่เป็นการบวช เพราะมาโปรดคนในครอบครัว อันนี้น่าสนับสนุน" :cool: :cool: :cool:
     
  20. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +356
    ฮั่นเเน่ คิดหนี ซิท่า

    ได้เขาเเล้ว กะจะชิ่ง ใช้มะ

    การหนี ไม่ใช้วิธี ในการเเก้ปัญหานะจ๊ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...