ปิดรับบริจาค ใหญ่ที่สุดในโลก1เดียวในสยามสมเด็จองค์ปฐมเนื้อโลหะทองเหลือง 22X32 เมตร จ.เพชรบุรี

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท, 1 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ 1


    [​IMG]



    1 เดียวในสยาม ใหญ่ที่สุดในโลก สมเด็จองค์ปฐมเนื้อโลหะทองเหลืองขนาดหน้าตัก 22 เมตร สูง 32 เมตร



    [​IMG] [​IMG][​IMG]


    " ผู้ที่มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น...คือ ...ชีวิตที่มีค่ามากที่สุด....."

    [​IMG]
    http://thailand.kapook.com/map/

    <TABLE style="PADDING-BOTTOM: 8px; PADDING-LEFT: 8px; PADDING-RIGHT: 8px; PADDING-TOP: 8px" border=0 width="100%" bgColor=#ffffff><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%">จังหวัดเพชรบุรี

    <!---->ประเทศไทย > ภาคตะวันตก</TD><TD vAlign=top noWrap><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="41%" align=middle>Share <SCRIPT type=text/javascript src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share"></SCRIPT> </TD><TD width="35%" align=middle><IFRAME style="WIDTH: 116px; HEIGHT: 20px" class="twitter-share-button twitter-count-horizontal" title="Twitter Tweet Button" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1336551279.html#_=1337161367906&count=horizontal&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fphetchaburi.kapook.com%2F&size=m&text=%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%20-%20%E0%B8%A8%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%20-%20Thailand%20Information%20Center&url=http%3A%2F%2Fphetchaburi.kapook.com%2F" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT></TD><TD width="24%" align=middle><SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"></SCRIPT><IFRAME style="POSITION: static; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 106px; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 24px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=I1_1337161369921 title=+1 tabIndex=0 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?bsv=p&url=http%3A%2F%2Fphetchaburi.kapook.com%2F&size=standard&count=true&hl=en-US&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fgapi%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3DPVwp8FFWqrc.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!m0CwlI_oWP6Izkh5SA%2Fd%3D1%2Frs%3DAItRSTOhhyDMV0usjIvYcLJEarJE-x6r4g#id=I1_1337161369921&parent=http%3A%2F%2Fphetchaburi.kapook.com&rpctoken=65289496&_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I1_1337161369921 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><HR></TD></TR><TR><TD>แบ่งเขตการปกครอง เป็น 8 อำเภอ , 92 ตำบล , 664 หมู่บ้าน</TD></TR><TR><TD>ประกอบด้วยอำเภอ เมืองเพชรบุรี , เขาย้อย , หนองหญ้าปล้อง , ชะอำ , ท่ายาง , บ้านลาด , บ้านแหลม , แก่งกระจาน </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ณ.วัดลำตะเคียน ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

    [​IMG] ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) TMB


    TMB BANK PUBLIC COMPANY LIMITED

    สาขาเซ็นทรัลผลาซา แจ้งวัฒนะ


    [​IMG] [​IMG]

    บัญชีเงินฝากออมทรัพย์

    บัญชีเลขที่ 235-2-13351-2

    [​IMG] ชื่อบัญชี นาย พระณัฐนนท์ สิรินันโท


    MONK NUTANON SIRINUNTO
    [​IMG]


    ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท (พสุธา)


    080-617-3648 / 085-312-6855

    e:mail :pranatnon19@windowslive.com<!-- google_ad_section_end -->


    [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]


    สนใจติดต่องาน ปั้น งานหล่อ สร้างวัตถุมงคลต่าง ทุกขนาด ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่..


    [​IMG]


    ติดตอสอบถามรายละเอียด...
    ดูงานได้ที่โรงงานช่างโอม...

    คุณคมกฤษ เวณุพุกกะณะ (ช่างโอม)
    ohm_5939@hotmail.com

    โทร 089-035-0428
    suvare vanupuk
    suvare0099@hotmail.co.th

    ประวัติวัดลำตะเคียนโดยสังเขป
    [​IMG][​IMG]

    วัดลำตะเคียนตั้งอยู่เขที่ 4 บ้านลำตะเคียน หมู่ 4 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
    ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 15 ไร่ อณาเขต ทิศเหนือ และ ทิศตะวันออกจดป่าสงวนแห่งชาติ ทิศใต้จดโรงเรียนบ้านลำตะเคียน ทิศตะวันตกจดทางสาธารณประโยชน์ อาคารเสนาสนะประกอรปด้วย ศาลาการเปรียญ กว้าง 6 เมตร ยาว 25 เมตร สร้างเมื้อ พ.ศ 2527 เป็นอาคาร 2 ชัน ห่อสวดมนต์กว้าง 5 เมตร ยาว 27 เมตร สร้างเมื่อ 2530 เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น กุฏิสงฆ์ 2 หลัง เป็นอาศารไม้ 1 หลัง ครึ่งตึก คึ่งไม้ 1 หลัง นอกจากนี้มี ห้องน้ำ ห้องสุขา ที่กักเก็บ น้ำ <O:p
    วัดตะเคียน ตั้งเมื้อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ 2543 โดยพระเตี้ยม ได้มาก่อตั้งเป็นที่พักสงฆ์ในระยะแรก ต่อมาผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน ได้ดำเนินการก่อตั้งจนเป็นวัด และใช้ชื่อวัดตามสภาพแวดล้อมที่ตั้งวัด เพราะมีลำห้วยต้นตะเคียน อยู่เป็นจำนวนมาก การบริหาร และ การปกครอง มีพระปลัดฉลอง สุจิตโต เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ 2544 การศึกษา มีโรงเรียนพระปรยัติธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ 2543 ปัจจุบัน หลวงพ่อ ณัฐพงษ์ (หลวงพ่อสลัด) เป็นเจ้าอาวาส.....
    [​IMG][​IMG]
    ***********************************************************

    <O:p
    และนี้คือสถานที่ ๆ ทางโครงการได้แสวงหาจนพบ....</O:p>
    <O:p>สงบอากาศเย็นสบาย อยู่กลางหุบเขา ห่างจากถนนเส้นหลักไม่ไกล และถนนลาดยาง 2 เลน หน้าวัด อยูหางจาก อุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันมือ ประมาณ 30-40 กม. ทางด้านทิศเหนือของวัด บริเวณที่จะสร้างพระนั้น เป็นเนินหินสูงลาดกว้างสูงเด่นสง้า...ลายล้อมด้วยขุนเขาและแมกไม้นา ๆ พันธ์ ขุนเขารายล้อมรอบ วัด ประดุจเป็นกำแพงเมืองป้องกันภัยให้แก่องค์พระ และ วัดลำตะเคียน ดูแล้วร้มรื่น บรรยากาศเย็นสบาย....ถ้าได้ไปเห็นเองแล้วจะบอกว่า นี้แหละคือ สวรรค์บนดินแดนมนุษย์ ที่ถูกรังสรรค์โดยธรรมชาติ อุจเทพเทวามาเนรมิตร เพื่อที่จะมารองรับการเส็ดจมาประทับของสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ 1 พระองค์ผู้ทรงเป็นราชาแห่งธรรม ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงสร้างพระบารมีมายาวนานแสนนาน ถึง 40 ขสงไข 1 แสนมหากัปป์ ยื่งกว่าพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ .....เราขอเชิญท่านทั้งหลายมาร่วมชม ร่วมสร้างดินแดนสุวรรณภูมิ แห่งนี้ให้ปรากฏ เป็นแดนดินแดนแห่งพุทธธรรม เป็นดินแดนแห่งพุทธภูมิ เป็นที่ปฏิษฐานสมเด็จองค์ปฐมเนื้อโลหะทองเหลืองขนาดหน้าตัก 22 เมตร สูง 32 เมตร ไม่ร่วมฐาน ชึ่งถ้าสร้างแล้วเสร็จจะเป็นสมเด็จองค์ปฐมเนื้อโลหะทองเหลืองที่มีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก 1 เดียวในสยาม เพื่อเป็นการประกาศเกีรติคุณ ในพระมหาการุณา มหาเมตตา ที่พระพุทธองค์ทรงสู้เสียสละเลือดเนื้อ อุทิศชีวิต ให้เป็นมหาทานแก่สัตว์ทั้งหลาย เพื่อหมายมุ่งแก่การตรัสรู้ธรรม ...สร้างนาวาอันยิ่งใหญ่เพื่อนำเวไนยสัตว์ผู้มีดวงตาแห่งธรรมให้ได้ข้ามพ้นวัฏฏะสงสารอันหาที่สุดประมาณไม่ได้นี้ให้ห้นจากการเวียนวายตายเกิด พ้นจากทุกข์ใหญ่ คือ การเกิด ...เพื่อที่จะเป็นการตอนแทนความวิริยะอุสาหะความเสียสละของพระพุทธองค์ ข้าพเจ้าและคณะศรัทธาทั้งหลาย จึงใคร่ที่ขอเชิญญาติธรรมทั้งหลายที่ได้ทราบข่าวการกุศลในครั้งนี้..ได้ร่วมกันสละทุนทรัพย์ คนละเล็ก คนละน้อย ตามกำลังทรัพย์และศรัทธา ใมกก็ทำตามศรัทธา..มีน้อยก็ทำตามศรัทธา...บุญจะมาก จะน้อยก็อยู่ที่กำลังศรัทธา มิใช้กำลังทรัพย์....แต่ขอให้ทำให้เหมาะสมแก่ฐานะของตน ๆ ตามกำลังศรัทธา....เพื่อความสุข ความเจริญแก่เราท่านทั้งหลาย ทั้งชาตินี้ และ ชาติหน้า เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา แด่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย อีกทั้ง พระบรมมหาโพธิสัตว์ ผู้แสวงหาธรรมใหญ่ เพื่อหมู่สัตว์ และน้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลเดชมหาราช ขอให้พระองค์ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนาน และ ถือเป็นการสร้างหมากุศลครั้งยิ่งใหญ่...อุทิศมหาบุญ มหากุศลนี้ ให้แก่บรรพบรุษของเราทั้งหลายให้มีความสุข พ้นจากทุกข์เวรภัยน้อยใหญ่ทั้งหลาย ให้ถึงชึ้งแดนบรมสุข กล่าวคือ พระนิพพานเป็นที่สุด .....ในนามของคณะศรัทธาผู้ที่ร่ามสร้างพระใหญ่ สมเด็จองค์ปฐม ขอเชิญท่านทั้งหลายได้มาร่วมกัน สร้างมหาบารมีร่วมกัน โดยทั่วหน้ากัน....</O:p>

    (สมเด็จพระพิชิตมารพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ ๑ )
    catt13ให้เป็นพระประจำตระกูล

    E-mail : (f) pranatnon19@windowslive.com

    ขอเชิญรับชมประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม ( สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ 1 )

    ผู้ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ และ หลักธรรมคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม...ฯลฯ จากวัดท่าซุง

    สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลที่ 1





    (รวบรวมโดยคุณ นัฏฐ์กานต์ขัตติโยทัยวงศ์)


    <O:p></O:p>

    คาถาบูชาสมเด็จองค์ปฐม

    นะโม กาเยนะ วาจายะเจตะสา วา วะชิรัง นามะ ปะฏิมังอิทธิธรรมะปาฏิหาริยะกะรัง

    สมเด็จพ่อองค์ปฐมต้นพุทธะรูปัง สัมมาสัมพุทโธภะคะวา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สะทา โสตถี ภะวันตุ เม

    คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมสวดอย่างน้อย 9 จบอย่างมากตลอดเวลา

    นะโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้าขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง

    ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใสหลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญสัมปะจิตฉามิ

    คัดคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ปฐมมาให้ท่านอ่านค่ะ
    คำสอนของสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐมโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ<O:p></O:p>

    "ดูก่อนท่านทั้งหลาย ท่านที่มาประชุมทั้งหมด จะเป็น เทวดาก็ดีนางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี ขอทุกท่าน จงอย่าลืมความตาย นั่นหมายถึงว่า การจุติลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลัง จงดูภาพมนุษย์

    ว่า มนุษย์เมืองไหนบ้างที่น่าเกิดดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ ต้องประกอบกิจการงานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์มีความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวัง

    ทุกอย่าง ต้องใช้แรงงาน แต่ว่ามาเป็นเทวดามาเป็นนางฟ้า ทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความ ไม่ต้องทำอะไรทั้งหมดร่างกายอิ่มเป็นปกติ ร่างกายเยือกเย็นอบอุ่นไม่ต้องห่มผ้าและมีความปรารถนาสมหวังก็หมายความถ้าจะไปทางไหน

    ก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใดความป่วยไม่มี ความแก่ไม่มี ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลงความเป็นทิพย์อย่างนี้ท่านทั้ง หลายจงอย่ามัวเมา จงอย่ามีความเข้าใจผิดว่าเราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาล ตลอดสมัย <O:p></O:p>


    ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะอายุเทวดาก็ดีนางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี มีอายุจำกัดตามบุญวาสนาบารมี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องจุติคือตายแต่ว่าท่านทั้งหลาย จงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดีพรหมทั้งหมด ที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด

    แม้แต่จะเป็นพระอริยเจ้าที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มากจงอย่าลืมว่าทุกท่านยังมีบาปติดตัวอยู่ และการสะสมบาปมาเป็นชาติๆ ยังมีมากมาย "

    (พอพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ บรรดาท่านทั้งหลาย อาตมาก็ใช้กำลังใจดูร่างกายเทวดา นางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ในหนามาก เป็นอันว่า ทุกองค์ ต่างองค์ต่างมีบาป แต่ก็มา เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แล้วก็ดูตัวเอง เวลานั้นร่างกายของตัวเอง ก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกันต่อไปองค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า)

    " ภิกขุเว..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย (เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์) และท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมดจงอย่าลืมว่า ทุกท่าน มีบาป ติดตัวมามากมาย อาศัยบุญเล็กน้อย ก่อนจะตายจิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มาเกิด บนสวรรค์บ้าง มาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่าท่านจุติเมื่อไร โน่น.. นรก

    (ท่านชี้มือลงเห็นนรกไฟสว่างจ้า แดงฉานไปหมด)ท่านทั้งหลาย จะต้องพุ่งหลาว ลงนรก เพราะใช้กฎของกรรมคือบาป ชำระหนี้บาปกว่าจะมาเกิดเป็นคนก็นานหนักหนา และมาเป็นคนแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะ ได้กลับมาเป็นเทวดานางฟ้า หรือพรหมใหม่ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่า เป็นคนอาจจะทำบาปใหม่อาจลงนรกไปใหม่ก็ ได้ฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดีพรหมก็ดีเป็นทางครึ่งหนึ่งของนิพพาน ระหว่างมนุษย์กับนิพพานเป็น อันว่าท่านทั้งหลายได้ครึ่งทาง การมาได้ครึ่งทางของท่าน ท่านทั้งหลายจงดูนั่น นิพพาน "

    (ท่านยกมือชี้ขึ้น ให้ดูพระนิพพาน เวลานั้นเทวดา นางฟ้า กับพรหมทั้งหมดอาตมาก็เหมือนกันเห็นพระนิพพาน ไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกันคือ สีแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่อยู่ที่นั่น มีความสุขขนาดไหนมีความเข้าใจหมด รู้หมดเห็นหมดแล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดากับนางฟ้าใหม่ว่า)<O:p></O:p>
    "ท่านทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่าถ้าการจุติมีคราวนี้ถ้าบุญวาสนาบารมี ของเรานี้สิ้นสุดลงเราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์เรา จะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้าเราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหม เราต้องการไปพระนิพพานจุดเดียว และ การไป นิพพานนี่ท่านทั้งหลายต้องยึดอารมณ์พระนิพพานเป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดีเทวดานางฟ้าเก่าๆ ก็ดี อาตมาไม่หนักใจ ทั้งนี้เพราะมีความเข้าใจแล้ว ก็แสดงว่า พรหมเทวดา นางฟ้าเก่าๆ เป็นพระอริยเจ้ามาก ที่มีความเป็นห่วง ก็เป็นห่วง เทวดานางฟ้าใหม่ๆ ที่มาเกิดใหม่ๆ จะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความจะมีความเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ ยังมี ความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป

    จะไม่มีการจุติ จะไม่มีการเคลื่อนอันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้เพื่อพระนิพพาน นั่นคือ จงมีความรู้สึกว่า เราจะต้องจุติวันนี้ ไว้เสมอและอาการของชีวิตนี่ เป็นของที่ไม่แน่นอน เราจะ ตายเมื่อไหร่ก็ ได้ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่ เป็นของไม่เที่ยง <O:p></O:p>
    เมื่อคิดอย่างนี้แล้วทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่าท่าน ทั้งหลายควรจะเคารพไหม ถ้าจิตใจของท่านมีความศรัทธา มีความเคารพ ในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ ก็เป็นอาการขั้นที่สอง ที่ท่านจะไปนิพพานได้ หลังจากนั้น ขอท่านทั้งหลาย จงทรงศีลให้บริสุทธิ์จะเป็น ศีล 5 ก็ตาม ศีล 8 ก็ตาม กรรมบถ ศีล 10 ก็ตาม ศีล 227 ก็ตาม

    (พอท่านพูดถึงศีล 227 ก็คิดในใจว่า เทวดาจะไปบวชที่ไหนองค์สมเด็จพระจอมไตรก็หันหน้ามาตรัสว่า)

    " ฤาษี.. เทวดา เขาไม่ต้องบวชอย่างเทวดา ชั้นยามาก็ดี ชั้นดุสิตก็ดี อย่างนี้ เขามีศีลครบถ้วน บริบูรณ์ทั้ง 227 เหมือนกับ ความเป็นพระ พรหมก็ตามก็เช่นเดียวกัน ทุกท่านอยู่ด้วย ธรรมปีติทุกท่านอยู่ด้วยความสุขเขาไม่อาบัติ สิ่งที่จะเป็นอาบัติไม่มีสิ่งที่จะเป็นบาปไม่มี "

    (แล้วท่านก็กลับ หันหน้าไปหาเทวดา นางฟ้ากับพรหมว่า)
    " ขอทุกท่านจงอย่าลืมคิดว่า เราจะเป็นผู้มีศีล ให้ตั้งเฉพาะศีล 5 ก็ดี ศีล 8 ก็ได้ ศีล 10 ก็ได้ กรรมบถ 10 ก็ได้ ศีล 227 ก็ ได้ตั้งใจไว้ว่าเราจะไม่ละเมิดศีล หลังจากนั้นจึงมีจิตใช้ปัญญาคิดว่าการเกิดเป็นเทวดาก็ดีเป็นนางฟ้าก็ดีมีสภาพไม่เที่ยงจะต้องมีการจุติเป็นวาระสุดท้ายในเมื่อการจุติเกิดขึ้น อารมณ์จะทุกข์จงคิดไว้เสมอว่า เราจะต้องจุติ ในเมื่อเราจะต้องจุติ เราจะไม่ยอมลงอบายภูมิเราจะไม่เกิดเป็นมนุษย์

    ท่านทั้งหลายจงดูภาพของมนุษย์ (แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์)มนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวายมนุษย์เต็มไปด้วยความ โสโครก มนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์มนุษย์เต็มไปด้วย การงานต่างๆ มนุษย์ มีความหิว มีความกระหาย มีความอยากมีความต้องการไม่สิ้นสุดสิ่งทั้งหลายที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้วจะเป็นทรัพย์สินยังไงก็ตามในเมื่อเราตายจากความเป็นมนุษย์เราก็หมดสิทธิ์ อย่างบางท่านเป็น พระมหากษัตริย์ อยู่ในพระราชฐานดีๆสร้างไว้เป็นเป็นที่หวงแหนคนภายนอกเข้าไม่ได้เข้า ได้แต่คนภายใน แต่ว่าท่านทั้งหลายเมื่อตายมาแล้ว กลับไปเกิดเป็นคน หากว่า ท่านไม่ได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ ตามเดิมท่านเป็นประชาชนคนภายนอก ท่านจะไม่มีสิทธิ์ เข้าเขตนั้นเลย ทั้งๆ ที่เป็นของที่ท่านสร้างเอาไว้ ท่านทำเอาไว้ทุกอย่าง แล้วท่านจะไม่มีสิทธินี่ความไม่แน่นอนของความเป็นมนุษย์ มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องหยุดต้องเดินไปเดินมาทำกิจการงานทั้งวัน เพื่อผลประโยชน์หน่อยเดียว คือ เงินถ้าไม่มีเงินก็ไม่สามารถจะมีชีวิตทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีความจำเป็นต้องหาเงิน (ในเมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้วก็บอกว่า)

    จงอย่าคิดเป็นมนุษย์ต่อไปตัดความเป็นมนุษย์เสียเลิกความหมาย ความเป็นมนุษย์ เห็นว่าโลกมนุษย์ เป็นทุกข์มนุษย์มี สภาพไม่เที่ยง ไม่มีการทรงตัว มีความเกิดขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลงมีความแก่ มีความป่วย ในการพลัดพรากจากของ รักของชอบใจ มีความตายในที่สุดและจงอย่าอยากเป็นเทวดาอยาก เป็นนางฟ้า เป็นพรหมต่อไป เพราะเทวดา นางฟ้ากับ พรหมก็มีสภาพไม่เที่ยงเหมือนกัน

    เมื่อมีความเกิดขึ้นไนเบื้องต้นก็มีความเปลี่ยนแปลงไปธรรมดา ก็มีความจุติไปในที่สุดทุกคนหวังนิพพานเป็นที่ไปตั้งใจ ไว้เสมอว่า
    เราจะเป็นผู้มีศีล เราจะนับถือพระไตรสรณคมน์คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์แล้วก็เราจะต้องจุติในวัน ข้างหน้า ตถาคตมีความรู้สึกว่าท่านทั้งหลายที่เป็นเทวดานางฟ้าพรหมเก่าๆ มีความเข้าใจดีแล้วคำว่าเข้าใจบรรดาท่านพุทธ บริษัทหมายถึงว่าเขาปฏิบัติได้นี่คือ อารมณ์พระโสดาบันกับ อารมณ์พระอรหันต์ สำหรับเทวดานางฟ้าและพรหมใหม่ๆ จงตั้งใจไว้เสมอว่าจงลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไปและมันจะทุกข์ทีหลัง ตั้งใจคิดว่า ความสุขที่ได้มานี่เราได้มาจากบุญเล็กน้อยเท่านั้น และบาปใหญ่ที่ขังอยู่ที่ตัวเรายังมีอยู่ถ้าเราเผลอไม่สร้างความดีใน เมื่อจุติความเป็นเทวดา หรือพรหมในภพนี้แล้วทุกคนจะต้องลงอบายภูมิ จงดูภาพนรกว่า ขุมไหนบ้างที่น่าอยู่น่ารักมันไม่น่าอยู่ไม่น่าเกิดดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงานเราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์และก็ดูเทวดานางฟ้ากับพรหม มนุษย์ที่เดินเกลื่อนกล่นทุกคน อยู่ในเมืองมนุษย์เคยเป็นเทวดาเคย เป็นนางฟ้า เคยเป็นพรหมมาแล้ว แต่ว่าท่านทั้งหลายจงตั้งใจไว้เฉพาะนิพพาน

    จงดูภาพพระนิพพาน ให้ชัดเจนแจ่มใสว่าดินแดนพระนิพพาน ไม่มีที่สิ้นสุด...

    (เมื่อพระองค์ตรัสเพียงเท่านี้พระองค์ก็จบ)

    คัดย่อจาก หนังสือธัมมวิโมกข์ฉบับที่ 139 เดือนกันยายน 2535

    ประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม

    คัดลอกจากหนังสือประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ท่านสาธุชนทั้งหลายตอนนี้ก็มาพูดกันถึงเรื่อง สมเด็จองค์ปฐม สำหรับคำว่า สมเด็จองค์ปฐมก็คือพระพุทธเจ้าองค์แรก องค์แรก หรือองค์ที่หนึ่ง เรียกว่า องค์ปฐมการที่จะหล่อรูปสมเด็จองค์ปฐมก็มีอยู่ว่า.. นายแพทย์จรูญ ปิรยะวราภรณ์ เคยปรารภว่าหลวงพ่อเคยปรารภเรื่องสมเด็จองค์ปฐมเสมอ ทำไมจึงไม่หล่อรูปจึงคิดตั้งใจจะหล่อรูปท่านขึ้นมา

    ขอเล่าย้อนตอนหลังสักนิดหนึ่งคือเมื่อประมาณ พ.ศ.2511 ตอนนั้นอาตมามาอยู่วัดท่าซุงแล้ว และ พล.อ.อ.อาทรโรจนวิภาต เวลานั้นเป็นนาวาอากาศเอก เป็นผู้บังคับกองฝึกโรงเรียนการบินที่นครราชสีมา ทราบว่าอาตมาป่วย จึงนิมนต์ไปพักที่นั่น

    ตอนกลางคืน สามีภรรยาก็นั่งเจริญพระกรรมฐาน อาตมาเป็นคนแนะนำ ขณะที่แนะนำเขาอยู่เมื่อเสร็จแล้วก็ทำสมาธิ

    ขณะที่ทำสมาธิ บรรดาท่านพุทธบริษัทสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้นนั่นคือเห็นเป็นพระพุทธเจ้าในปางนิพพานยืนสองแถวยาวเหยียดไปข้างหน้า แล้วก็พนมมือ

    จึงมีความรู้สึกในใจว่าบ่างทีอาจจะเป็นอุปาทานของเรา เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยก้มศีรษะให้ใครแม้แต่บ้านเรือนเล็ก ๆ ที่หลังคาต่ำ ๆ ที่พระพุทธเจ้าเข้าไป หลังคาก็สูงขึ้นแต่เวลานี้เราเห็นพระพุทธเจ้า ยืนพนมมือ อุปาทาน คือกิเลสคงกินใจมาก

    เมื่อนึกเพียงเท่านี้ ก็เห็นภาพ หลวงพ่อปาน ปรากฏขึ้นข้าง ๆ ท่านบอกว่าคุณ.. ไม่ใช่อุปาทาน ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมา

    อีกประมาณสัก 5 นาที ปรากฏว่ามีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งรูปร่างใหญ่โตมาก สูงมาก มาในรูปของปางนิพพานเดินมาระหว่างช่องกลาง พระพุทธเจ้าทุก ๆองค์ก้มศีรษะแสดงความเคารพเพราะพนมมืออยู่แล้ว พอท่านเดินมาถึงอาตมาท่านก็พูดว่า..ข้าจะไปนั่งที่ไหนหว่าในเมื่อไม่มีที่นั่ง ข้าก็เอาหัวแกเป็นแท่นก็แล้วกันก็เลยนั่งบนหัว แล้วท่านก็บอกว่า..

    นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปก่อนที่แกจะสอนกรรมฐานก็ดี จะพูดธรรมะก็ดี จะเทศน์ก็ดี บอกฉันก่อน ฉันให้พูดตอนไหนจะให้เทศน์ตอนไหน ให้ว่าตามนั้น

    ก็เป็นความจริง บรรดาท่านพุทธบริษัทเวลาสอนกรรมฐานก็ดี เทศน์ก็ดี บางทีคิดว่า วันนี้จะพูดเรื่องอย่างนี้แต่พอพูดเข้าจริง ๆ เรื่องนั้นไม่ได้พูด ไปพูดอีกจุดหนึ่งอันนี้เป็นลีลาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์การเทศน์ของพระพุทธเจ้ามุ่งเฉพาะบุคคลสำคัญคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้หวังคนทั่วไปคนจะนั่งสักหนึ่งพัน สองพัน ห้าพันก็ตาม ท่านจะดูจิตใจว่าบุคคลใดจะรับคำเทศนาของท่านได้ จะสามารถบรรลุมรรคผลได้ ท่านจะจี้จุดเฉพาะคนนั้นเอาจุดเด่น แต่ว่าคนที่มีความดีใกล้เคียงกันก็พลอยบรรลุมรรคผลไปตาม ๆกัน

    อันนี้ก็เช่นเดียวกัน อาตมาเวลาเทศน์ หรือสอนกรรมฐานก็ไม่เคยได้พูดตามที่คิดไว้สักที อาจจะเป็นเพราะท่านดลใจ ถ้าจะถามว่าเป็นที่ชอบใจของคนทุกคนไหม ก็ขอตอบว่า ไม่แน่นัก ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะว่าท่านอาจจะจี้จุดเฉพาะคนใดคนหนึ่ง แต่คนบางคนอาจจะไม่ถูกใจก็ได้นี่เป็นเรื่องธรรมดา ก็จึงมาคิดว่าในเมื่อท่านมีพระคุณอย่างนี้ และก็เห็นเป็นปกติจึงคิดจะหล่อรูปท่านขึ้นมา

    ทรงแสดงพระพุทธลักษณะ
    วันหนึ่งจึงอาราธนาเมื่อเจริญพระกรรมฐานเสร็จแล้ว ท่องเที่ยวไปที่ต่าง ๆ ตามความพอใจเมื่อกลับมาถึงที่ก็คิดว่าสมเด็จองค์ปฐมจริง ๆ รูปร่างสมัยที่เป็นมนุษย์ท่านเป็นอย่างไร ก็ขออาราธนา ขอต้องการพบท่าน ท่านก็มาปรากฏพระองค์ให้เห็นทรวดทรงสวยมาก หน้าของท่านอิ่มเหมือนรูปไข่ แก้มอิ่ม ยิ้มน้อย ๆ ริมผีฝากไม่บุ๋มไม่เหมือนพระพุทธรูปที่เขาปั้นกัน พระพุทธรูปที่เขาปั้นกัน แก้มตอนปากบุ๋มลงไปท่านบอกว่า..

    รูปร่างของฉันจริง ๆ เป็นอย่างนี้ ในสมัยที่เป็นมนุษย์และต่อมาก็เปลี่ยนรูป รูปร่างของฉันสมัยนิพพานแล้ว เป็นอย่างนี้ท่านก็เปลี่ยนให้ดู

    ก็ถามว่า ถ้าจะปั้นรูปของท่านจะให้ปั่นแบบไหนจะให้ปั้นแบบปางนิพพาน หรือแบบมนุษย์

    ท่านบอกว่า.. ปั้นอย่างนี้ก็แล้วกันแล้วท่านก็นั่งทำภาพให้ดู เป็นเหมือนพระพุทธรูปปั้นแล้วก็มีเรือนแก้วเป็นพระพุทธชินราช รูปจริง ๆ ที่ให้ปั้นไม่เหมือนกับรูปจริงคือไม่เหมือนกับรูปที่เป็นมนุษย์ และก็ไม่เหมือนกับรูปที่นิพพานแต่ว่าเป็นรูปที่ท่านต้องการ ท่านมาแสดงแบบนั้นอยู่ถึง 3 วันติด ๆ กันมานั่งให้เห็น วันหนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมงก็ดูจนละเอียด

    ก็คิดในใจว่าเราเป็นคนเห็น แต่ช่างเขาไม่ได้เห็นเขาอาจจะปั้นได้ไม่เหมือนก็ได้

    จึงขอบารมีของท่านบอกว่าเวลาที่ช่างเขาปั้นขอได้โปรดดลใจให้เป็นไปตามพระพุทธประสงค์ ท่านก็ยอมรับ

    จึงได้สั่งให้ นายประเสริฐ แก้วมณี ปั้นรูปขี้ผึ้งขึ้นบอกลักษณะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ในที่สุดเมื่อเขาปั้นเสร็จเขาเอามาให้ดูเหมือนกับรูปที่ท่านแสดงจริง ๆนี่ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์

    และนายประเสริฐคนนี้ ก็เจริญกรรมฐานมโนมยิทธิได้แกก็ทำอะไรตามกำลังใจที่แกได้มา อาตมาก็บอกว่า ก่อนจะปั้นให้จุดธูป จุดเทียน ก่อนอาราธนาบารมีของท่านก่อน ขอให้ท่านดลใจให้มือทำตามไปที่ท่านต้องการความจริงก็เป็นเช่นนั้น

    พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม
    ทีนี้ก็มานั่งนึกอีกทีว่าเรามีพระพุทธรูปทุกองค์ในสถานที่สำคัญ เราก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแต่พระบรมสารีริกธาตุโดยมากเป็นขององค์ปัจจุบัน สำหรับพระบรมสารีริกธาตุขององค์ปฐมจะหาได้ที่ไหน กำลังใจก็นั่งนึกคิดว่าเราจะทำอย่างไรจึงจะได้พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม

    ก็คิดว่าเวลากาลนานมาแล้ว พระบรมสารีริกธาตุย่อมหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรถ้าหาไม่ได้ก็เอาขององค์ปัจจุบันบรรจุ เพราะถือว่าเป็นคนละขั้นตอนเป็นคนละองค์

    ต่อมาเมื่อขณะที่ท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ จบก่อนจะนอนก็ไป……ไอ้การไปนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท การทัศนาจรไปเมืองสวรรค์ก็ดีเมืองนรกก็ดี พรหมก็ดี มันเบื่อเต็มทีแล้วจืด! เวลานี้ ไม่ไปไหน ที่ไปจุดแรกคือเทวสภา ไปที่ตรงนั้น ก็ไปไหว้ท่านผู้มีคุณตั้งแต่ชาติก่อนโน้นมาถึงชาติปัจจุบันที่ท่านเป็นครูบาอาจารย์บ้าง เป็นผู้มีคุณบ้าง เป็นบิดามารดาบ้าง เป็นต้นไหว้ท่านแล้ว ท่านก็แนะนำบางอย่างที่ทำถูกบ้างผิดบ้าง ที่ไหนถูกท่านก็บอกว่าถูกที่ผิดท่านก็บอกให้แก้ไข

    ก็เป็นอันว่า ไปอย่างนี้ทุกคืน หลังจากนั้นก็เข้าพระจุฬามณีเจดียสถาน ไปนมัสการพระพุทธเจ้าที่นั่น พระอรหันต์มีเยอะก็ไหว้ท่านออกจากระจุฬามณีเจดียสถานแล้วก็ไปนิพพาน ไปวิมานของสมเด็จองค์ปัจจุบันก่อนพระสมณโคดม ไปนมัสการท่านเสร็จ ถ้ามีอะไรที่ท่านจะบอก ท่านก็บอกถ้าไม่มีอะไรที่ท่านจะบอก ท่านก็เฉย ก็นั่งสบาย ๆด้วยความชื่นใจ

    หลังจากนั้น ท่านก็สั่งให้ไปวิมานของเธอในเมื่อไปวิมานของอาตมาเอง ในที่นั้นจะพบพระอรหันต์มาก จะมีพระพุทธเจ้าหลาย ๆพระองค์ มีองค์ปฐมเป็นประธาน ทรงให้โอวาทอยู่ทุกวัน เตือนทุกวัน มีอะไรผิดมีอะไรถูก มีอะไรควรทำ มีอะไรควรพูด ท่านจะแนะนำ

    เมื่อกลับมาแล้วก็นอนคิดว่าเราจะนอนให้หลับ พอกำลังจิตจะเริ่มเคลิ้มก็ได้ยินเสียงว่า..
    พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐม เอามาให้แล้วนะว่างไว้ที่ตลับบนเตียงข้าง ๆ หัวนอนได้ยินเสียงชัดเจนแจ่มใสมากเหมือนเสียงขององค์ปัจจุบัน

    จึงลุกขึ้นมาเปิดไฟฟ้าปรากฏว่าที่ตรงนั้นไม่เคยวางตลับ มีแต่วางหนังสือสำหรับดูก่อนหลับ ก็มีตลับพลาสติกแบบปัจจุบันอยู่ลูกหนึ่ง ไปเปิดดูเห็น พระบรมสารีริกธาตุองค์โต 2 องค์ก็ดีใจว่าเป็นขององค์ปฐม แน่ เพราะเราไม่เคยวางไว้ก็เก็บไว้ในที่สักการบูชาเอาไว้บรรจุท่านต้นเหตุเป็นอย่างนี้นะ

    เกิดอัศจรรย์ตรงสถานที่สร้างมณฑป
    ต่อมาท่านก็บอกว่าจะทำมณฑปฉันที่ไหน ก็ถามท่านว่าสถานที่ไม่มีแล้ว ด้านหน้าวัดเต็มไปหมดที่มองเห็นได้ไม่มี มีแต่หลังวัด หลังวัดก็ไม่สมควร ท่านก็บอกว่า..มีที่สำคัญอยู่ที่หนึ่ง เวลานั้นกำลังป่วยมาก ก็พยายามให้พระขับรถไป ไปดูสถานที่ค่อย ๆ ลงจากรถ เดินมันก็จะล้ม

    แต่ญาติโยมพุทธบริษัทไม่มีใครเข้าใจเพราะเวลารับแขกเห็นท่าทางพูด ท่าทางแข็งแรง ความจริงไม่ใช่ เป็นกำลังพระท่านช่วยหลังจากรับแขกแล้วก็ป่วย อาเจียน ลุกไม่ขึ้น เดินไม่ไหว นี่เป็นอำนาจพุทธานุภาพ

    และสถานที่ตรงนั้น ท่านบอกว่าเอาตรงนี้ สถานที่ตรงนั้นมีความสำคัญท่านบอกว่ามีพระบรมสารีริกธาตุสำคัญมาก แต่ความจริงก็เป็นความจริงมีคนเห็นอยู่เสมอว่า มีดาวดวงใหญ่ขึ้นจากที่ตรงนั้น มีแสงสว่างมากลอยไปเหนือยอดไม้น้อย ๆ วนไปวนมาในวัด แล้วก็กลับที่เดิม

    มีคราวหนึ่ง มีพ.ต.พงษ์เทพฯ เธอมาอยู่เป็นเพื่อน เธอเห็นเข้า เธอก็นั่งรถกวดว่าดาวดวงนี้จะลอยไปไหน เธอก็วิ่งตามไป วนไปวนมาอยู่พักก็กลับที่เดิม เธอก็มาบอกว่าเมื่อคืนนี้แปลกเห็นดวงดาวขึ้นจากแผ่นดิน ก็เลยบอกเธอว่า นั้นไม่ใช่ดวงดาวเป็นพระบรมสารีริกธาตุ ท่านให้สร้างมณฑปตรงนั้น จึงสั่ง ลุงชิด แก้วแดงเป็นนายช่างทำการก่อสร้าง

    วัสดุที่จะใช้สร้าง
    โดยเฉพาะเรือนแก้วบรรดาทานพุทธบริษัท องค์ปฐมสร้างหน้าตัก 4 ศอก เป็นพระหล่อด้วยโลหะ แล้วก็ผสมทองคำเฉพาะ เพชรที่ประดับเรือนแก้ว หรือว่าผ้าทิพย์ เท่าที่เราเห็นมีราคา 770,000 บาทเศษ แต่ความจริงไม่ใช่เพชรจริง ๆ อย่าขโมยไปนะ ถ้าแกะมาหนึ่งเม็ดราคาเต็มของเขาจะประมาณ 12-13 บาทเท่านั้นเอง

    ทีนี้ซื้อมากเพื่อประดับเรือนแก้วให้สวย เพราะว่าคนใกล้จะตาย คืออาตมาเองใกล้จะตายอายุครบอายุขัยแล้ว ครบอายุขัยก็เป็นอายุที่ควรตาย ก็ทำทิ้งทวน และก็มีคนช่วยมากมีใครบ้างจะไปขอบัญชีเขามาดู ถ้าเขาคัดไว้ก็จะมาพิมพ์ท้ายหนังสือ มีพล.ต.ท.นายแพทย์สมศักดิ์ฯ กับคณะ ช่วยมา 1 ล้านบาท เท่าที่จำได้นะนอกนั้นมีใครบ้างก็ไม่ทราบ องค์ปฐมนี้ช่วยกันมามาก

    สำหรับพื้นทีแรกคิดว่าจะใช้แกรนิต หรืออะไรไม่ทราบมันสวย ๆ แต่ว่าพระท่านบอกว่า มันแข็งมากต้องสั่งให้เขาตัดให้พอดี ก็เลยล้มความตั้งใจ ก็พอพี พ.ท.นายแพทย์นพพร กลั่นสุภาพร้อมด้วย คณะชาวจังหวัดกาญจนบุรี

    พ.ท.นายแพทย์นพพรฯนี่เป็นผู้บังคับกองพันเสนารักษ์ กองพลที่ 9 สนใจเรื่องบุญกุศลมากได้ทำตาดำตาขาวของพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอกมาถวาย ประมาณ 600 คู่เศษและนำนิลก้อนเล็ก ๆ นำมาให้ทำพื้น ก็เลยตัดสิตใจว่าในเมื่อมีผู้ศรัทธานำนิลมาให้ตั้ง 1 ตันกว่า เราก็ไม่ควรใช้อย่างอื่นใช้ตัดพื้นด้วยนิล แทนที่จะเป็นหินขัด หรือว่าจะเป็นหินอ่อน จะเป็นแกรนิตไม่เป็นแล้ว ใช้นิลเป็นพื้นขัด ถ้านิลไม่พอจริง ๆก็เอาอย่างอื่นผสม

    ก็รวมความว่า ความสำคัญเนื่องในการสร้างองค์ปฐมคือว่าคนไม่เคยคิด หรือว่าอาจจะคิดบ้างก็ไม่ทราบว่า พระพุทธเจ้าจริง ๆที่มีความลำบากมาก คือ องค์ต้นเพราะไม่เคยมีพระพุทธเจ้าเป็นครูมาก่อนต้องลำบากบุกมาทั้ง ๆ ที่ไม่มีแบบ เป็นเหตุดลใจให้ตั้งใจคิดจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องใช้เวลาถึง 40 อสงไขยกัปเศษจึงจะได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ

    ถ้าถามว่า รู้ได้อย่างไรก็ต้องขอตอบว่า ถามท่านซิ คนฟังหรือคนอ่านจะคิดไหมว่า พูดอย่างนี้เป็นคนบ้าหรือคนดีบางท่านจะบอกว่า พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว มีสภาพสูญ จะไปคุยกันได้อย่างไรก็ขอตอบว่า ก็ต้องเป็นคนสูญเหมือนกัน ก็ท่านสูญไปแล้ว เราก็สูญบ้าง ถ้าสูญกับสูญพบกัน ก็ต้องสองสูญ สองสูญ ก็มีสภาพกลมเหมือนกัน แต่โตเล็กกว่ากันเท่านั้นเมื่อสูญต่อสูญคุยกัน ก็รู้เรื่องกัน ถ้าท่านสูญ เรายังไม่สูญเราก็คุยกับท่านไม่ได้

    ก็รวมความว่า อาตมาก็เป็นคนสูญ เพราะ
    1. สูญจากความเป็นหนุ่ม
    2. สูญจากความเป็นคนปกติ มีอาการป่วยไข้ไม่สบายเป็นปกติ
    3. สูญจากความเป็นคนที่คิดว่าไม่สูญ นั่นคือความหวังมีอย่างเดียวคิดว่าเราจะต้องตาย

    เวลานี้อายุ 75 ปีตามใบสุทธิเป็นอายุขัย ควรตายแล้ว ไหนๆ จะตายก็ทำทิ้งทวนเฉพาะสมเด็จองค์ปฐม ราคาเท่าไรไม่ทราบ เฉพาะเพชรที่ประดับราคา 770,000 บาทเศษ แล้วก็มณฑปทั้งหมดก็จะบุแก้ว ปิดแก้วทั้งข้างนอกและข้างใน ให้คล้ายๆ กับวิมานของท่าน ทำแบบคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนเพราะวิมานของท่านสวยมาก

    เดี๋ยวจะถามว่า รู้ได้ยังไง ก็ตอบตามเดิมว่า คนสูญก็รู้อย่างคนสูญ ที่เขาบอกว่า นิพพานมีสภาพสูญ อาตมาขอย้อนว่า นิพพานมีสภาพไม่สูญนิพพานจะสูญไปจากความชั่ว จะทรงไว้แต่ความดี ถ้าหากจะมีคนคัดค้านว่าตายแล้วมีสภาพสูญ ก็ต้องตอบว่า เป็นเรื่องของท่าน ต่างคนต่างรู้ต่างคนค่างมีความเห็นจะให้เหมือนกันไม่ได้

    ถ้าหากว่านิพพานมีสภาพสูญจริง ๆ
    ทำไมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงกล่าวอ้างอิงถึงพระพุทธเจ้าองค์นั้นพระพุทธเจ้าองค์นี้อย่างคำว่า สัพพะปาปัสสะ อะกะระณังท่านทั้งหลายจงอย่าทำความชั่วทุกอย่าง
    กุสะลัสสูปะสัมปะทาจงทำแต่ความดี
    สะจิตตะปริโยทะปะนัง จงทำใจให้ผ่องใสจากกิเลส
    เอตังพุทธานะสาสะนังพระพุทธเจ้าทุกองค์ตรัสอย่างนี้เหมือนกันหมด

    พระพุทธเจ้าท่านรู้ได้ยังไงถ้านิพพานมีสภาพสูญ ทำไมจึงจะรู้ว่า พระพุทธเจ้าทุกองค์ตรัสอย่างนี้เหมือนกันหมดก็แสดงว่า นิพพานมีสภาพไม่สูญ เฉพาะของคนไม่สูญนิพพานมีสภาพสูญเฉพาะของคนที่สูญจากนิพพาน

    รวมความว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การหล่อรูปองค์ปฐมนี้ บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทนำทองมาถวายกันมากเป็นกรณีพิเศษ และการหล่อรูปนี้จะหล่อ วันที่ 15 มีนาคม 2535 มีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยาเป็นประธานจับสายสิญจน์ในการหล่อ

    ความจริงหลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นี่บางท่านอาจจะไม่รู้
    ท่านเป็นพระสูญเหมือนกันคือสูญจากการยึดตัวยึดยศฐาบรรดาศักดิ์
    ท่านเป็นสมเด็จฯ ท่านไม่เคยแสดงองค์เป็นสมเด็จฯ เลย
    ไม่เคยถือเนื้อถือตัว ถือเป็นกันเองทุกอย่างกับทุกคนที่ไปหา ไม่มีมานะทิฐิและมีความเข้าใจเรื่องของคน มีความเข้าใจในเรื่องของใจคน

    อย่างพล.ต.ท.สมศักดิ์ สืบสงวน เคยไปกับ หมอลัดดาฯ ไปหาท่าน ท่านจำวัดอยู่บนกุฏิทั้งสองคนก็ไปคอย พอถึงเวลาท่านยังไม่ลงมา ทั้งสองคนก็บอกว่าในเมื่อท่านจำวัดเราก็กลับเถอะ พูดเบา ๆ เท่านั้นแหละ เสียงกระแอมเปิดประตูหน้าต่างแล้วท่านก็ลงมา
    อาตมาเคยปรึกษากับ มหาวิจิตร เรื่องที่จะทำบุญวันเกิดของท่านปรึกษากันที่ซอยสายลมว่า เราคิดจะทำอย่างนี้ และไปกราบเรียนให้ท่านทราบถ้าหากว่าอันไหนท่านตัด เราก็ตัดตามท่าน อันไหนท่านให้เติม เราก็เติมตามท่านเสร็จแล้วก็ไปหาท่าน ท่านนั่งรอรับอยู่ ท่านยังไม่ขึ้นกุฏิเมื่อกราบพอเงยหน้าขึ้นมา ท่านก็บอกว่า ปีหน้าจะให้ทำอะไรก็บอกนะ ทำตามทุกอย่างแหละนั่งคุยกันที่ซอยสายลม ท่านอยู่ที่วัดสามพระยา ทำไมท่านจึงรู้

    ก็เป็นอันว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์องค์นี้ มีความสำคัญมาก เป็นประธานการหล่อพระคราวไรไม่เคยเสีย คราวหนึ่งลมแรงจัด ช่างบอกว่า ถ้าลมแรงแบบนี้ การเททองลำบาก ยังไง ๆพระต้องเสียแน่ ต้องมีเว้า มีโหว่ มีแหว่ง แต่เธอก็พยายามทำไปด้วยความลำบากจนเสร็จนี่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จับสายสิญจน์นะ ช่างรีบไปทุบหุ่นไม่อยากให้คนอื่นเห็นคิดว่าถ้าเสียจะรีบเก็บ แต่ที่ไหนได้บรรดาท่านพุทธบริษัทพระทุกองค์เรียบร้อยเกือบไม่ต้องแต่ง ช่างดีใจจนน้ำตาไหล

    นี่ขอให้ท่านทั้งหลายจงมีความเข้าใจว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจาย์ วัดสามพระยาเป็นพระที่มีสภาพสูญเช่นเดียวกัน

    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านก็เล่าสู่กันฟังก็แค่นี้ ขอจบเพราะเวลาหมด เหลือเวลาประมาณครึ่งนาทีขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแด่ท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังก็ตามผู้อ่านก็ตาม จงมีแต่ความสุข ปรารถนาสมหวัง รวยตลอดชาติ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า

    ถ้าใครต้องการหวังนิพพาน ขอให้ได้นิพพานสมความปรารถนา

    ใครไม่อยากไปนิพพานก็ขอให้รวยตลอดทุกชาติสวัสดี



    (kiss):z16

    ;aa55catt9อานิสงส์การสร้างสมเด็จองค์ปฐมrabbit_cry;aa55<O:p</O:p
    ************
    <O:p</O:p
    rabbit_eatingหลวงพ่อ.. “ ช่างมาถามเกี่ยวกับลักษณะองค์ปฐม อาตมาบอกสร้างแบบพระพุทธรูปธรรมดา แต่ต้องอ้วนหน่อยนะ คือมีเนื้อมากหน่อย ไม่ใช้อ้วนพุงพลุ้ยนะ และก็เวลาลงไปสอนกรรมฐาน เมื่อเสร็จแล้วเขาก็คุยกันเขาก็ถามปัญหาถามไปถามมา เขาถามถึงพระพุทธเจ้าองค์ปฐมว่า ถ้าจะสร้างจะมีอานิสงส์ยังไง wel lcome_pink ลุงสองลุง นายบัญชี กับ ลุงพุฒ ท่านมายืนอยู่นานแล้วท่านไม่มีโอกาสคุย เพราะอาตมาขึ้นไปคุยกับพระซะ <O:p></O:p>
    ท่านบอกว่า ;aa27 การสร้างองค์ปฐมนี่ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ เอาบัญชีมาให้ดู บอก นี้...บัญชีเล่มนี้ ( คือว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่ ที่จดธรรมดา ) “ บัญชีสีทอง “ เป็นทองคำล้วนทั้งเล่มเลย ฉันอยากได้บัญชีเอามาขาย ;aa51 ท่านบอก ถ้าสร้างองค์ปฐมลงบัญชีเล่มนี้โดยเฉพาะ ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมนี่ได้ ต้องเป็นคนที่มีบุญมาก....หรือไง.?<O:p</O:p
    แต่ก็dannce_ไม่ได้หมายความว่าต้องเงินมากน คือว่าโดยมากเราจะนึกไม่ถึงกันใช้ไหม เรานึกกันถึง พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระพุทธกัสสป แต่ยังไม่เคยนึกถึงองค์ปฐม ส่วนใหญ่ไปนึกถึง พระศรีอาริย์ ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าใช่ไหม นี่องค์นี้เป็นองค์แรกก็คุยกันแล้ว catt1<O:p</O:p
    catt9ท่านบอกว่า การสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่าเป็นพระพุทธเจ้าต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด ใช่ไหม และการทำบุญเนื่องในการสร้างวิหารก็ดี สถานที่ก็ดี เอาของไปประดับก็ตาม ที่นี้อย่างคนมีเงินน้อยๆ ใช้ไหม ก็มีสตางค์ไม่มาก เอาสตางค์ ๙ สตางค์ สตางค์ ๑๐ สตางค์ไปใส่แท่น อย่างนี้ลงบัญชีทองหมดcatt13<O:p</O:p
    -cool day- คือ ไม่หมายความต้องมีเงินมากเสมอไปนะ ที่เข้ามีน้อยๆ บาทสองบาท ๑๐ สตางค์ ๒๐ สตางค์ พวกนี่เอาไปไส่แท่น อย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด ก็ถามว่า บัญชีสีทองหมายถึงอะไร :z8 ท่านบอก มันหมายถึงกลับไม่ได้เพราะว่าพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องโมทนาหมด “<O:p></O:p>
    ;aa43 ผู้ถาม.. : “หลวงพ่อครับ การหล่อองค์ปฐมด้วยทองคำ<O:p></O:p>
    นี่อานิสงส์จะเหมือนกับหล่อพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน หรือว่าจะแตกต่างกันอย่างไรครับ ถ้าเป็นทองคำเหมือนกัน.?<O:p></O:p>
    :z6หลวงพ่อ... : ก็มีอานิสงส์เหมือนกันแต่ว่าต่างกันอยู่นิดหนึ่งที่ไปนิพพานได้เร็ว ไปนิพพานเร็วมาก เพราะเขาเข้าบัญชีสีทอง บัญชีทั้งเล่มเป็นทอง ลงบัญชีเล่มนั้น “<O:p></O:p>
    ;k06ผู้ถาม...“ หมายถึงเป็นเจ้าภาพหล่อองค์ปฐมนี่หรือครับ.?<O:p></O:p>
    _heart+love_หลวงพ่อ.... “ใช่ ๆ ๆ จะทองคำก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม...<O:p></O:p>
    เหมือนกันลงเล่มเดียวกัน “ <O:p></O:p>
    ;aa53 คำสนทนา พระราชพรหมยาน ( หล่วงพ่อฤาษีลิงดำ ) hello4

    ***********************************************************************************
    ;aa43เหตุแห่งการสร้างพระ jaah<O></O>
    ;aa24 เกสฺมึ สมเย ในครั้งหนึ่ง เอโก เถโร มีพระมหาเถรองค์หนึ่ง มีนามว่าพระปุสสเทวเถระ อยุ่ในกาลันทวาลวิหาร กวาดซึ่งลานพระเจดีย์เป็นจินวัตร วันหนึ่งก็ได้เห็นรูปพระพุทธเจ้าซึ่งมารนิรมิต มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธคุณ ได้พุทธารัมมปิติแล้ว เจริญซึ้งวิปัสสนา ในไม่ช้าได้บรรลุพระอรหัตตผล อันเป็นปฐมเหตุเบื้องต้น
    ;k04ที่ได้มีการสร้างพระพุทธรูปสืบต่อกันมา โดยหวังเอาไว้เป็นที่เครารพบูชา ต่อพระองค์สมเด็จพระมหัตสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยหน่วงน้าวน้อมจิตคิดถึงพระคุณ จริงอยู่ การเจริญพระพุทธคุณย่อมกระทำได้เพียงการน้อมจิต แต่ถึงเช่นนั้น
    ;aa56 เมื่อไม่มีอะไรเป็นเครื่องเตือนใจในเบื้องต้นแล้วก็ย่อมเป็นการเหินห่างอยู่เป็นธรรมดา ;aa51เมื่อได้เห็นรูปพระพุทธปฎิมากรอยู่เนื่องๆแล้ว อย่างน้อยดวงจิตก็จะผ่องแผ้ว ปราศมลทินอย่างหยาบๆได้
    นับว่าเป็นอนุสสตานุตริยาคุณมนุญผลของพุทธศาสนิกชนบริษัท จัดว่าเป็นการกระทำที่ชอบตามพระพุทธานุมัติทุกประการ ฯ จึงทรงแนะนำไว้ในธชัคคสูตรว่า อรญฺเญ รุกฺขมูเล วา เป็นอาทิ ความว่า
    catt9ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเมื่อพวกเธออยู่ป่าหรือโคนต้นไม้ หรือในเรือนแห่งใดแห่งหนึ่งก็ตาม ภัยคือความกลัว ความหวาดเสียวความชูชันแห่งขนพึงบังเกิดขึ้น เธอพึงระลึกถึงพระพุทธเจ้า คือ ตัวเราผู้ตถาคตความกลัวเป็นต้น ก็ย่อมจะหมดสิ้นไปด้วยประการดังนี้ ฯ ในเบื่องต้นที่จะสมทานสิกขาบทก็ให้ประกาศว่า
    catt9พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ แปลว่า ข้าพเจ้าถึงพระพุทธเจ้าป็นที่พึ่ง ดังนี้ การที่บุคลถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่ง
    catt13นี้เหตุไรจึงว่ามีผลานิลงส์มากหลายประการ เพราะเหตุว่าเมื่อบุคคลน้อมเลื่อมใสต่อพระองค์ ผู้เป็นเจ้าของพระพุทธศาสนาในเบื่องต้นนั้นแล้ว ต่อแต่นั้นไปใจก็ย่อมเชื่อต่อศาสนธรรม คำสั่งสอนของพระองค์สามรถนำสัตว์ออกจากสังสารวัฏได้ เมื่อบุคคลประพฤติบัติไปโดยลำดับดังนี้แล้ว ก็ย่อมจะได้รับผลแห่งการปฏิบัติตามสมควร เช่น อย่างบุคคลเหล่านั้นจักไม่ต้องไปสู่อบายภูมิเลย ปหาย มานฺสํ เทหํ ครั้นแตกกายทำลายชีวิตจากมนุษย์โลกไปแล้ว
    :z2เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติก็จะได้เสวยซึ่งทิพย์สมบัติอันโอฬาร มีวิมานเป็นที่อยู่ มีหมู่นางเทพอัปสรเป็นบริวาร ด้วยประการฉะนี้ ฯ<O></O>
    <O></O>

    :z6การสร้างบารมีของสมเด็จองค์ปฐม<O></O>
    หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า สมเด็จองปฐมค์ทรงพระนามว่า<O></O>
    " สมเด็จพระพุทธสิกขี "แต่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ผ่านไปแล้วอาจมีชื่อซ้ำกันก็ได้ โดยเฉพาะชื่อนี้มีด้วยกันถึง ๕ พระองค์ จึงเรียกขานกันว่าเป็นrabbit_sleepy" พระพุทธสิกขีที่ ๑ " พระองค์จึงเป็นต้นวงค์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พรองค์ จึงสมควรยกย่องพระพุทธองค์ว่าทรงเป็น" สมเด็จองค์ปฐมบรมครู " อย่างแท้จริง<O></O>
    ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์เสด็จมาเล่าให้หลวงพ่อฟังที่บ้านสายลมว่าสมัยที่พระองค์ทรงอุบัติใน
    sleeping_rbโลกมนุษย์ในเวลานั้นคนมีอายุขัยประมาณ หมื่นปี ;aa27พระองค์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์เมื่อพระชนมายุได้ หมืนปี<O></O>
    หลังจากทรงผนวชแล้วเป็นเวลาอีก
    หมื่นปี จึงได้ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลกพระองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์อีกประมาณ หมื่นปี
    ;k06จึงเสด็จดับขันธปรินิพพานหลังจากทรงใช้เวลาอันยาวนานถึง ๔๐ อสงไขกัป ในการบำเพ็ญพระบารมีเพื่อแสวงหาพระโพธิญาณด้วยพระองค์เองดังนี้
    <O></O>

    catt11มหาโมทนามโนปณิธาน_heart+love_<O></O>
    ข้าพเจ้าพระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท ขออนุโทนาพระมหาปัญญาบารมีทั้ง ๓๐ ทัศอันประเสร็ฐ ด้วยความเพียรอันแรงกล้าหาผู้เสมอมิได้
    ;aa19ถึง ๔๐ อสงไขกัป แห่งองค์สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ ๑ สมเด็จองค์ปฐมพร้อมทั้งสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ -cool day-พระบรมมหาโพธิสัตว์เจ้าผู้แสวงหาพระโพธิญาณปรารถนาที่จะเปลื้องสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏให้ล่วงแก่ทุกข์ทั้งปวง และพระอริยะสงฆ์เจ้าทั้งหลายด้วยเศียรเกล้า


    catt9ขอเดชเดชะด้วยกุศลบารมีธรรมที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐาน
    [​IMG]
    ด้วยอานิสงส์ที่ข้าพเจ้าได้นำพาศรัทธาทั้งหลาย
    ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 22 เมตร สูง 32 เมตร

    hello4ณ.วัดลำตะเคียน ต.แกงกระจาน อ.แกงกระจาน จ.เพชรบุรี ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้สำเร็จพระโพธิญาณได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลเบื้องหน้าด้วยเทอญ ฯ สาธุ ๆ ๆ ๆ

    [​IMG] catt7;aa55<O></O><!-- google_ad_section_end --> <O:p</O:p



    _heart+love_เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
    และ อุทิศมหาบุญครั้งนี้ให้แก่บรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย;aa17 ขอมหาบุญมหากุศลในครั้งนี้จงเป็นปัจจัยให้ทุกๆท่านตลอดถึงครอบครัวจงประสบแต่ความสุขความเจริญๆด้วยพร ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุข พละ ปฎิภาณ ธนสารสมบัติ จงทุกภพ ทุกชาติตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญฯ
    <O:p></O:p>
    <O:p>หมายเหตุ....</O:p>
    <O:pผู้ที่มีความประสงส์ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อโลหะทองเหลือง ขนาดหน้าตักกว้าง 22 เมตร สูง 32 เมตร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก 1 เดียวในสยาม ในกาลครั้งนี้ .....หากมีความสงสัยในลายละเอียดกรุณา.......</O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:pติดต่อสอบถามรายละเอียดไดที่ </O:p>
    <O:pพระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท (พสุธา) </O:p
    <O:pประธานดำเนินการ 080-617-3648 / 285-312-6855
    Pattamarporn Srigullayaniwat | Facebook

    e-mail : pranatnon19@windowslive.com </O:p<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2329.JPG
      DSCN2329.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      239
    • DSCN2621.JPG
      DSCN2621.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      268
    • P21-09-11_23-51.jpg
      P21-09-11_23-51.jpg
      ขนาดไฟล์:
      497.7 KB
      เปิดดู:
      407
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2012
  2. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    กราบอนุโมทนา สาธุ ๆ
    กับทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำบุญ
    สร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อทองเหลือง
    ใหญ่ที่สุดและสร้างบุญกุศลทุกอย่าง
    ไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วยครับ
    กระผมจะส่งปัจจัยไปร่วมทำบุญด้วยครับ
    อนุโมทนาบุญและร่วมทำบุญด้วยกันครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
     
  3. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    สาธุ ๆ ๆ อนุโมทามิ....ข้าพเจ้าขอโมทนาในบุญกุศลทั้งหลายที่ท่านผ้เจริญได้บำเพ็ญให้เป็นไปแล้วด้วยศรัทธา...ขอให้ผลแห่งบุญนี้จงตามรักษาท่านตลอดกาลทุกเมื้อตราบเทาเข้าสู่พระนิพพานเถิด...
     
  4. powergen

    powergen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    862
    ค่าพลัง:
    +5,007
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ....และจะโอนเงินร่วมทำบุญไปให้ภายในสัปดาห์นี้ครับ
     
  5. Archanai

    Archanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    21,431
    ค่าพลัง:
    +12,362
    ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยค่ะ

    ได้รับบริจาคแผ่นทองเหลือง เพื่อนำไปร่วมหล่อพระในครั้งนี้ด้วยมั้ยคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • บัว2.jpg
      บัว2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.3 KB
      เปิดดู:
      1,780
  6. kongwat

    kongwat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอหมายเลขบัญชีด้วยครับ
     
  7. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    สาธุ ๆ โมทนาทุก ๆ บุญจ้า...ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านเถิด..
     
  8. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    สาธุ ๆ โมทนากับทุก ๆ บุญจ้า.....รับทุกๆ ศร้ทธาจ้า จะเป็นร่วมเป็นปัจจัย หรือ แผ่นทองเหลือง,ทองแดง,เงิน,ทอง, นาค ทางโครงการยินดีรับทุกทุก ๆ บุญจ้า ขอโมทนากับทุกศรัทธาที่มีจิตยินดีในบุญสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม เนื้อโลหะทองเหลืององค์ใหญ่ที่สุดในโลก 1 เดียวในสยาม บูชาพระพุทธเจ่าทุก ๆ พระองค์ และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชมหาราช พร้อมด้วยพระบรมศานุวงค์ทุก ๆ พระองค์ .....

    ถ้าไม่สดวกเดินทางไปเองจะส่งเป็นพัสดุก็ได้ ....


    ติดต่อสอบถามรายละเอียด...


    ประธานสงฆ์ วัดลำตะเคียน


    * หลวงพ่อณัฐพงษ์ ฐานวโร ( ล.พ สลัด ) 089-256-7731


    ประธานดำเนินโครงการ


    * พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท (พสุธา) 080-617-3648 / 085-312-6855


    * กรุณานำส่ง วัดลำตะเคียน ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี


    .....ความปรารถนาได้อันท่านปรารถนาแล้วขอความปรารถนานั้น จงพลันสำเร็จ ๆ ทุก ๆ ประการเถิด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2012
  9. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    สาธุ ๆ เจริญพร....อดใจรอนิดหนึ่งนะจ๊ะ....ต้อนนี้ทางโครงการกำลังเปิดหมายเลขบัญชีใหม่...เป็นการเฉพาะกิจ แยกออกจากบัญชี อื่น ๆ ....เปิดบัญชีแล้วจะรีบแจ้งให้ทราบโดยด่วนจ้า...

    ขอโมทนาเป็นอย่างยิ่งในกุศลเจตนาอันประเสร็ฐ...ขอให้กุศลผลบุญนี้จงยังประโยชน์คือ ความสุขอันอันพึ่งปรารถนาจงทุก ๆ ประการ....สาธ ๆ ๆ
     
  10. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    สาธุ ๆ โมทนา บุญด้วยจ้า...ขอให้บุญรักษาทุก ๆ ท่าน ให้ได้รับความสุขทุก ๆ ประการเถิด...สาธุ ๆ โมทนาจ้า
     
  11. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    " รู้จากการเรียนกับรู้จากการปฎิบัติ "

    ศีล สมาธิ ปัญญา สวิมุติ ที่กระผมจำจากตำรา และ ฟังครูสอนนั้น จะตรงกับเนื้อหาตามที่หลวงปู่เข้าใจหรือ ฯ

    หลวงปู่อธิบายว่า

    ศีล " คือ ปรกติจิตที่อยู่อย่างปราศจากโทษ เป็นจิตที่มีเกราะ

    กำบังป้องกันการกระทำชั่วทุกอย่าง สมาธิ ผลสืบเนื่องมา

    จากการรักษาศีล คือ จิตที่มีความมั่นคง มีความสงบเป็นพลัง

    ที่จะส่งต่อไปอีก ปัญญา ผู้รู้ คือ จิตที่ว่าง บาสบาย รู้แจ้ง

    แทงตลอดตามความเป็นจริงอย่างไร ฯ วิมุติ คือ จิตที่เข้าถึง

    ความว่าง จากความว่าง คือ ละความสบาย เหลือแต่ความ

    ไม่มี ไมเป็น ไม่มีความคิดเหลืออยู่เลย "

    สาธุ..สะเก็ดธรรม...... หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ( พระราชวุฒาจารย์ )<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
  12. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    [​IMG]

    และนี้ คือ อณาบริเวณ ของวัดลำตะเคียน อ.แกงกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ข้าพเจ้าได้ออกเดินสำรวจ ในบริเวณที่จะทำการปรับพื้นที่ ชึ่งเป็นพื้นที่ชานเขา มองดูแล้วคล้าย เป็นขั้นบันได...สูงขึ้นไปโดยลำดับ...ที่จะใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จองค์ปฐม เป็นชั้นที่ 3 สูงพอประมานมองดูแล้วหน้าจะพอดี...พอเหมาะ ประมาณปลายเดือน กุมภาพันธ์นี้ ปี 55 นี้ ข้าพเจ้าจะพาวิศวกร ที่ จะต้องทำหน้าที่ในการเขียนโครงสร้างขององค์พระ ไปดูพื้นที่จริง เพื่อที่จได้ ออกแบบ โครงสร้าง และรูปทรง ของฐานพระ ให้เหมาะสมกลมกลืน กับธรรมชาติเดิมที่มีอยู่ ..และ จะได้ปลูกไม้เพิ่มเติม ใหเกิดความร้มเย็น ร้มรื่น สมกับเป็นแดนแห่งพุทธธรรม ที่ประทับขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า....กิจกรรมภายในอาวาส หรือ วัด เกียวกับการพัฒนาถวารวัตถุ สิ่งต่าง ๆ ภายในวัดลำตะเคียน เพชรบุรี ส่วนมาก จะเป็นฝีมือของพระเณร ภานในวัด ช่วยกันทำโดยส่วนมาก ทุก รูป ช้วนกันทำทุก อย่างไม่มี เหน็ดมีเหนือย...แม้แต่เจ้าอาวาส เองก็ ช่วยด้วย ขยันทุกรูป เลย....หากมีความคืบหน้าในการสร้างพระเมื้อไหร ...ข้าพเจ้าจะมาแจ้งให้ทราบเป็นระยะ ๆ จ้า.....

    [​IMG]

    แผนที่วัดลำตะเคียน จ้า..

    http://maps.google.com/maps?q=%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%20%E0%B8%88.%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5

    http://maps.google.com/maps/place?c...ig2=w5O_YpP0SNqqY3S8qJKhHw&dtab=2&action=open


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2372.JPG
      DSCN2372.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      161
    • DSCN2368.JPG
      DSCN2368.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      151
    • DSCN2367.JPG
      DSCN2367.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      184
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2012
  13. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    ดี หรือ ชั่ว ถือที่.......เจตนาเป็นสำคัญ<O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าทรงวางกฎไว้ว่า คนที่จะเข้าถึงความดีได้ต้อง....”<O:p></O:p>
    1.ไม่เอาจิตไปกังวลกับเรื่องของชาวบ้านชาวเมืองคนอื่น คนอื่นเขาจะยังไงก็ช่าง เราควบคุ้มของเราเท่านั้นเป็นพอ อย่างนี้เชื่อว่าเข้าถึงสะเก็ดความดีของพระพุทธศาสนา<O:p></O:p>
    2.ทรงศีลห้า เอาศีลห้าก็แล้วกัน สามสี่ไม่ต้องพูดกัน สามสี่ก็คือศีลห้า เราจะไม่ละเมิดศีลห้าด้วยตัวเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นละเมิดศีลห้าและไม่ยินดีที่เขาละเมิดแล้ว<O:p></O:p>
    3.ระงับนิวรณ์ห้าประการ<O:p></O:p>
    4.ทรงพรหมวิหารสี่ มีจิตเยือกเย็น อารมณ์จิตของญาติโยมพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าที่เครรพจะทรงฌาณอยู่เสมอ”<O:p></O:p>
    จงอย่าลืมว่า เราฝึกฝนกกันที่ใจ เรื่องกายนี้ไม่มีความหมาย กายมันเป็นที่อาศัยของใจ ความบริสุทธิ์ผุดผ่องจะมีขึ้นมาได้ หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ใจเป็นสำคัญ ถ้าใจดีเสียอย่างเดียว ปากก็พูดดี กายก็ทำดี ถ้าใจเลว ปากก็พูดเลว กายก็ทำเลว ฉะนั้น เวลาที่ฝึกจะต้องใช้ มัชฌิมาปฏิปทา คือ ทำปานกลาง หมายถึงว่าทำแบบสบาย ๆ อารมณ์ฝืนทางกายอย่าให้มี ปล่อยกายไปตามปกติ มันอยากจะนอนก็ให้มันนอน มันอยากจะนั้งก็ให้มันนั้ง มันอยากจะเดินก็ให้มันเดิน มันอยากจะยืนก็ให้มันยืน <O:p></O:p>
    ฉะนั้น เราจะทำลายทุกข์ให้พ้นไป และก็จะไม่มีกายขึ้นมาได้ก็ต้องทำลายตัวเหตุที่สร้างกายมารับความทุกข์ ตัวเหตุที่สร้างกายมารับความทุกข์นั้นก็คือ สมุทัย คำว่าสมุทัยตัวทำให้เกิดทุกข์ ก็ไดแก่ตัณหา ๓ ประการ คือ <O:p></O:p>
    ๑ . อารมณ์ความอยากได้ในสิ่งที่ไม่มี อยากจะให้มีขึ้น<O:p></O:p>
    ๒. สิ่งที่มันมีขึ้นมาแล้ว ก็ตะเกียกตะกายป้องกันไม่ให้มันทรุดโทรม<O:p></O:p>
    ๓. พอทรุดโทรม จะพัง ก็ป้องกันไม่ให้พัง ในที่สุดก็ป้องกกันไม่ได้ มันก็เป็นทุกข์<O:p></O:p>
    ฉะนั้นเราต้องตัดจุดนี้ การตัดก็ตัดด้วยอริยะมรรค คือ สัมมาทิฎฐิ ตัวปัญญาความเห็นชอบ และ ก็สัมมาสมาธิ เป็นตัวสุดท้าย ตั้งใจไว้ชอบ การตั้งใจทรงอารมณ์เป็นของสำคัญ ถ้าอารมณมีความมั่นคงของจิต การทรงอารมณ์จะดีหรือไม่ดีอยู่ที่ร่างกายสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ กำลังร่างกายดี ประสาทดี จิตก็มีกำลังดี กำลังกายไม่ดี จิตก็มีกำลังไม่ดี ฉะนั้นก็ควรจะใช้ทั้งสองอย่าง คือ กำลังของจิต ในเมื่อร่างกายสมบูรณ์ ได้แก่สมาธิเป็นตัวสนับสนุนสร้างกำลังให้มีอำนาจเหนือกว่าความต้องการที่เรียกกันว่า ฌาณโลกีย์ นอกจากองค์สมเด็จพระชินสีห์ ตรัสว่าต้องใช้ปัญญษพิจารณาด้วย ให้เห็นตามความเป็นจริงว่าร่างกายทั้งชายทั้งหญิงมันเป็นอนิจจัง เป็นของไม่เทียง มันเป็นทุกข์ มันเป็นทุกข์ มนเป็นอนัตตา พังไปในท่สุด เมื่อร่างกายเป็นโรคนิทัง มันเป็นรังของโรค ปภังคุณัง เน่าเปลื่อยไปในที่สุด ขณะเมื่อทรงตัวอยู่ ร่างกายก็มีแต่ความสกปรกโสมม หาอะไรดีไม่ได้ เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเทศน์จบ ทรงชี้เหตุว่า เหตุอันนี้แหละบรรดาเธอทั้งหลาย ถ้าเธอสามารถปฏิบัติตามนี้ กิจที่จะต้องทำของเธอก็ไม่มีอีกแล้ว”<O:p></O:p>
    คนที่มีความวุ่นวาย ติโน้น ตินี้ ไอ้โน้นไม่ดี ไอ้นี้เสีย คนประเภทนี้คือคนที่ไม่รู้จักธรรมดา พูดภาษาไทย ๆ เขาเรียกว่า กิเลสมันยังเลยหัวอยู่ ปลดอารมณ์นั้นเสีย ถ้าจิตของเราย่อมรับนับถือกฏของธรรมดา อะไรมันจะมาก็ถือว่ามันเป็นเรื่องของมันอย่างนั้น ไม่ต้องไปติ สิ่งใดที่แก้ไม่ได้อย่าไปแก้มัน อย่าไปแก้ที่วัตถุ อย่าไปแก้ที่บุคคล มาแก้ที่ใจเรา ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นธรรมดา ทำไมเราจึงต้องเดือดร้อน ทำไมเราจึงต้องดิ้นรน อย่าเป็นคนช่างติ ถ้าจะติก็ติตัวเรา<O:p></O:p>
    ตามที่พระพุทธเจ้ากล่าวว่า อัตตานา โจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทก์ความชั่วของตัวเองไว้ให้เป็นปกติ”<O:p></O:p>
    จงอย่าสนใจจริยาของบุคคลอื่น และการเจริญสมาธิ จงอย่าทำเพื่อโอ้อ้วด การเจริญสมาธิที่จะทำให้ได้ดี ให้ถือใจความพระพุทธเจ้าว่า ใครเขาจะมีมาก ใครเขาจะมีน้อย ใครเขาจะอ้วนมาก ใครเขาจะอ้วนน้อย ใครจะมีสาวกมาก ใครจะมีสาวกน้อย คนนั้นมีสมบัติมาก คนนั้นมีสมบัติน้อย คนนั้นเจริญสมาธิจิตวิปัสสนาญาณยังแต่งตัวสวย ยังผัดหน้า ยังทาแป้ง ใครเขาจะดีจะชั่ว อย่างไรเป็นเรื่องของเขา จงอย่าไปสนใจ เราจะนั้งสมาธิ ก็จงอย่านั้งให้บุคคลอื่นเห็น ถ้าหากไปทำอย่างนั้นพระพรุทธเจ้าตรัสว่า ยังมีอุปกิเลสอยู่มาก<O:p></O:p>
    คนที่ติดในรสอาหาร ก็เป็นคนโง้นั้นเอง ไม่ใช้เป็นคนฉลาด อาหารประเถทไหนจะมีรสประเภทใดก็ตาม กินเข้าไปแล้วมันก็ป่วย มันก็แก่ มันก็เต็มไปด้วยความสกปรก เราไม่ควรติดในรสอาหาร ถือว่ากินเพื่อยังชีพ ยังอัตภาพให้เป็นไป<O:p></O:p>
    จงอย่าสนใจในกายของเรา จงอย่าสนใจในกายของบุคคลอื่น จงอย่าสนใจในวัตถุใด ๆ ทั้งหมด ถ้าเราไม่สนใจ อารมณ์ติดมันก็ไม่มี เมื่อไม่สนใจในกายเรา ไม่สนใจในกายเขา ไม่สนใจในวัตถุธาตุ จิตมันก็โปร่งจากกิเลส ความโกรธ ความโลภ ความหลง มันจะมาจากไหน คำว่าไม่สนใจ ไม่ใช้โยนทิ้ง มีก็เก็บรักษาไว้ให้มันเป็นประโยชน์ เท่านั้นพอ ตายแล้วเลิกกัน....<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2012
  14. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    นี้คือที่สุดแห่งประเทศไทย คือ เขื่อนดินที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย ได้ก่อเกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั้งหลายเป็นอย่างมาก หล่อเลี้ยงชีวิตของคนและสัตว์ เป็นอเนกประการ...แต่นั้นก็เป็นแต่เพียงความดีทางด้านของโลกิยะสมบัติ...แต่เพียงในโลกนี้เท่านั้นหาได้ กินได้ใช้ไปตลอดภพตลอดชาติก็หาไม่....
    แต่นี้ไปอีกไม่นานนักเราทั้งหลายก็จะได้ทัศนาการ สิ่งอันเป็นของอัฉจรรย์ในโลกนี้ บนดินแดนแห่งเมืองเพชรบุรี ที่เขาล้ำลือกันว่า เป็นเมืองแห่งคนใจเพชร ....คือมีความเด็ดเดียวในด้านของจิตใจ คือพูดจริงทำจริงและเป็นเมืองคนใจพระ...อาตมาเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ ด้วยคำ ล้ำลือ ...จึงมาขอพิสูตรความจริงของคนเมืองเพชรว่าจะมีแต่คำล้ำลือเท่านั้นหรือไม่....ด้วยการพิสูตรกำลังใจของคนเมืองเพชรว่าจะมีใจแก่พระศาสนา อันเป็น1 ในสถาบันหลัก ของชาติ ซึ่งทั่วโลกให้การยกย่องว่าเป็นศาสนาสากลของโลก ( ศาสนาเอกแห่งโลก ) อันเป็นศูนย์ ร่วมแห่งคุณธรรมอันประเสร็ฐ ทั้งโลกนี้ และ โลกหน้า นี้คือ โลกุตตรสมบัติ...อันพระอริยะเจ้าทั้งหลายยินดีแล้ว...นี้คือการสร้างหหากุศลอันยิ่งใหญ่ในโลกนี้ อันมนุษย์ชาติทั้งหลายสามารถจับต้องได้ด้วย กาย มองเห็นได้ด้วยตา รับรู้ได้ด้วยใจ....ที่คนเมืองเพชร และ ข้าพเจ้า จะได้ร่วมกัน บำเพ็ญให้ปรากฏแกสายตา ของโลกด้วยการก่อสร้าง พระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมศาสดาสมเด็จองค์ปฐมบรมครูแห่งโลก ผู้ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ผู้ควรแก่การสักการะ ของเทวดา และมนุย์ทั้งหลาย มีผู้ดวงตาแห่งธรรมจะพึ่งเห็นได้....เชิญเถิดท่านทั้งหลายผู้นิระทุกข์ ผู้เกิด แก่ เจ็บ ตาย ในโลกสันนิวาสอันอันผู้ไม่รู้ย่อมข้องอยู่ แต่ ท่านผู้รู้หาข้องอยู่ไม่...ขอเชิญทานทั้งหลาย มาร่วมสร้างสิ่งมหัสจรรย์ ให้บังเกิดขึ้นแก่โลกนี้ เพื่อถวายป็นพุทธบูชาแด่พระสมเด็จพระบรมครู ผู้เป็นต้นวงค์แห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายให้ ปรากฏเป็นรูปพระโฉม องค์แท่นสมเด็จองค์ปฐม เนื้อโลหะทองเหลืองขนาดหน้าตัก 22 เมตร สูง 32 เมตร บนดินแดนกลางหุบเขาแห่งเมืองเพชรบุรี เพื่อเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้คงถ้วน 5,000 ปี และเป็นบ่อเกิดแห่งบุญแห่งเราทั้งหลายเพื่อประโยชน์แกพระนิพพาน ด้วยถ้วนหน้ากันเถิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2622.JPG
      DSCN2622.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      243
    • DSCN2671.JPG
      DSCN2671.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      158
    • DSCN2683.JPG
      DSCN2683.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      182
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2012
  15. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    ศรัทธา คือ สายน้ำแห่งบุญ เริ่มหลั่งไหลมาแล้วจ้า...ขออนุโมทนาทุก ๆ บุญที่ได้ร่วมปัจจัย และ แผ่นทอง มาร่วมกันเป็นเจ้าภาพร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมบรมครู เนื่อโลหะทองเหลืองขนาดหน้าตัก 22 เมตร สูง 32 เมตร เพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา น้อมถวายป็นพุทธบูชา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และ พระบรมวงค์ ทุก ๆพรองค์ ....ขออำนาจแห่งบุญนี้ จงเป็นปัจจัยแก่พระนิพพาน แก่ท่านทั้งหลายจงทุก ๆ ประการ ขอความปรารถนาของท่านจงสำเร็จ ๆ ดังปรารถนาทุกประการเถิด...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2578.JPG
      DSCN2578.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      161
    • DSCN2574.JPG
      DSCN2574.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      194
    • DSCN2580.JPG
      DSCN2580.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      143
  16. >น้องนาง<

    >น้องนาง< เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    787
    ค่าพลัง:
    +3,330
    โมทนาบุญด้วยนะค่ะ

    พรุ่งนี้จะจัดส่งแผ่นทองเหลืองร่วมทำบุญค่ะ ^^
     
  17. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    สาธุ ๆ โมทนาบุญจ้า...ขอให้บุญรักษาจ้า...ช้วยเป็นกระบอกเสียงบอกบุญสร้างพระให้ด้วยจ้า....เป็นบุญ 1ในกิริยาวัตถุ 10 คือเป็นผู้ขวนขวายในกิจอันเป็นบุญ...ย่อมได้บุญเสมอด้วยการกระทำบุญนั้นเอง...สาธุ ๆ
     
  18. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    สาธุ ๆ โมทนาบุญด้วยจ้า...ขอให้คุณโยม(น้องนาง) จงได้ประสบแต่ความสุขความเจริญในสิ่งอันพึ่งปรารถนาจงทุก ๆ ประการจ้า..
     
  19. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    จะได้บุญมาก...หรือบุญน้อย....ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่จำนวนทรัพย์...หรือปริมาณข้าวของ....แต่ขึ้นอยู่ที่กำลังศรัทธาที่มีอยู่ในสิ่งที่เราเลื่อมใส...และสิ่งนั้นได้ก่อเกิดประโยชน์แก่หมู่สัตว์และปวงชนทั้งหลาย และสิ่งนัน ๆ ควรแก่การสักการะ เป็นบ่อเกิดแห่งบุญด้วยแล้ว ยิ่งเป็นสิ่งที่ควรร่วมมือร่วมใจกัน..บำเพ็ญให้เป็นไปโดยเร็ว เพื่อประโยชน์และความสุขของเราท่านทั้งหลาย พุทธบูชามหาเตชวัณโต....ผู้ยังจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ย่อมเป็นผู้มีความสุขความเจริญทั้งในโลกนี้และโลกหน้าและย่อมมีอานุภาพมากโลกหน้า...ขอเชิญท่านทั้งลายผู้เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายได้ร่วมกันแสดงออกซึ่งความเคารพและศรัทธาแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลาย... ด้วยการร่วมกันสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อโลหะทองเหลือง ขนาด 22 เมตร สง 32 เมตร ไว้บนดินแดนแห่งเมืองเพชรบุรี ให้เป็นที่ประจักรแก่สายตาชาวโลก และเทวโลก ในความรักและศรัทธา ในพระศาสนา เพื่อถวายพระเกีรยติแด่พระพุทธองค์ ให้ปรากฏเป็นรูปพระโฉม แห่งองค์พระศาสดา ผู้มีพระเมตตาแก่สัตว์โลก เป็นต้นพระวงค์ของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ที่ตรัสรูแล้ว และ จักมาตรัสรู้อีกในภายหน้า....<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ( ผู้ทรงพระนามปรากฏในโลกสมมุตินี้ว่า สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณที่1 สมเด็จองค์ปฐม )<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  20. พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท

    พระอาจารย์ณัฐนนท์ สิรินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,323
    และนี้ก็คืออีส่วนหนึ่งในอีกหลาย ๆ ส่วนของวัดลำตะเคียน ที่มีความสำคัญของวัด พญาช้างในนิมิตของหลวงพ่อสลัด...ที่ท่านนิมิตเห็นอันเป็นมงคลเหตุแห่งความเจริญที่จะได้บังเกิดมีแกวัดลำตะเคียนแห่งนี้...ได้ถูกถ่ายทอดมาเป็นรูปปูนปั้นด้วยฝีมือช่างพื้นบ้าน....อีกทั้งยังมีรูปปั้นของพระสีวลี มหาสาวกผู้ที่ได้รับยกย่องให้เป็นเลิศในด้านที่มีลาภมาก...หากท่านใดได้ผ่านไปเยี่ยมเยียน..และร่วมบุญที่วัดลำตะเคียนก็อย่าลืมไปสักการะขอพร พระสีวลีก่อนกลับด้วยหละ...ท่านจะได้มีลาภมากเหมือนพระสีวลี...ขอบอก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2662.jpg
      DSCN2662.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      153
    • DSCN2660.jpg
      DSCN2660.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      186
    • DSCN2663.JPG
      DSCN2663.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.4 MB
      เปิดดู:
      194
    • DSCN2659.JPG
      DSCN2659.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      135
    • DSCN2640.JPG
      DSCN2640.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      105
    • DSCN2522.JPG
      DSCN2522.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      153
    • DSCN2534.JPG
      DSCN2534.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      144
    • DSCN2538.jpg
      DSCN2538.jpg
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      152
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...