เกี่ยวกับการเห็นผี

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย pinitko, 2 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. pinitko

    pinitko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +291
    เมื่อวานผมได้ดูคนอวดผีแล้ว คุณ เจน ญาณทิพย์ บอกนอกผู้หญิงว่าน้องเขาจิตรแข็งเลยทำให้สัมผัสพวกนี้ยาก ดังนั้นผมเลยมีความคิดเห็นว่า ผีหรือวิญญาญ
    นั้นเป็นกลุ่มพลังงานอ่อนหรือความถี่พลังงานอ่อนๆ แล้วคนจิตรอ่อนนั้น ผมเข้าใจว่าพลังงานในร่างกายทั้งความคิดและคลื่นสมองมันอ่อนตามอ่อนจนพอที่จะสัมผัสกับผีหรือวิญญาญได้ ส่วนคนจิตรแข็ง จิตรแข็งพลังงานมีมากหรือความถี่สูงกว่าพวกผีหรือวิญญาญทำให้สัมผัสกับผีหรือวิญญาญยาก เว้นแต่เจอผีหรือวิญญาญที่เอี้ยนแล้วมีพลังงานมากหน่อย
    อันนี้ผมเดานะเดาจากประสบการณ์ของผมบางส่วน
    เพราะเคยโดนผีอำตอนนอนตอนนั้นกลัวมากจิตรอ่อนมาก แต่ตอนนั้นโดนนานๆไปจากกลัวกลายเป็นโมโห แล้วกระชากตัวเองลุกออกมามันถึงก็หลุดออกมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2012
  2. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    จิต ก็คือสติ พวกที่มีสติ พวกที่ไม่กลัว เรียกพวกจิตแข็ง ไม่ค่อยเจอวิญญาณ เพราะวิญญาณเขาสู่กำลังไม่ได้

    ต้องรอจนจิตตก ไม่ค่อยมีสติ ครึ่งหลับครึ่งตื่น เป็นช่วงที่อ่อนแอของคน วิญญาณจึงจะแสดงฤทธิ์ได้

    พวกที่พัฒนาสติให้มีความถี่คงที่ จิตระเอียดขึ้น ก็จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

    แต่ไม่มีอะไรดีเห็นแล้วยิ่งกลุ้ม ฝึกมีสติไว้ตัดกิเลสดีกว่า สุขมากกว่า ตายไป ก็ไปสุขคติภูมิ
     
  3. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    การเห็นผี กับถูกผีอำมันคนละเรื่องกันใช่ป่าวคะ (เรียนถามท่านเจ้าของกระทู้ค่ะ)
    การเห็นผีน่าจะเป็นจิตที่ละเอียดมากกว่าถึงสื่อถึงพลังงานตรงนั้นได้แล้วเราก็เห็นเป็นรูปร่างอย่างชัดเจน และเราไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่าเวลาไหนที่เราจะเห็นหรือสัมผัสได้น่ะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับจิตอ่อนจิตแข็งนะ คือมันเห็นเองโดยไม่เจตนาไง
     
  4. Akornlokudorn

    Akornlokudorn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +60
    ความเห็นส่วนตัวนะครับอาจจะถูกหรือผิด >>ความสามารถในการมองเห็นพลังงานของรูปธรรมชีวิต ต้องมองด้วยจิตครับไม่ใช่ตาเนื้อ ฉนั้นผู้ใดก็ตามที่เคยฝึกจิตและมีความสามารถติดมาตั้งแต่ชาติก่อนก็สามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องฝึก บางท่านต้องฝึกจิตให้ได้ระดับจึงมองเห็นได้ครับ
     
  5. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    ค่ะคุณ Akornlokudorn แล้วที่เรามองเห็นพลังงานหรือที่เราเรียกกันว่าผี หรือเพื่อนต่างมิติก็แล้วแต่ อย่างชัดเจนบางครั้งพูดคุยด้วยซ้ำไป ที่เราเห็นเป็นตาเนื้อหรือจิตล่ะคะ ไม่เคยฝึกเพื่อคิดจะเห็นสิ่งนี้ด้วยค่ะ เรียกว่าไรเหรอคะ
     
  6. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    ผมเคยสงสัยเกี่ยวกับคนรู้จักคนหนึ่งที่เห็นผีหรือวิญญาณชัดเหมือนกับเห็น
    คน แทบจะแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำทั้งที่ไม่ได้ปฏิบัติสมาธิภาวนาเลย และ
    กลัวผีมาก ได้เคยถามผู้รู้ท่านหนึ่งได้ให้ความกระจ่างว่าคนที่เป็นลักษณะนี้
    เพราะก่อนที่ตายนั้น ปกติคนจะสามารถเห็นวิญญาณได้และจิตยังยึดติดอยู่
    กับสภาวะนั้น พอมาเกิดใหม่เลยเห็นวิญญาณได้เหมือนกับคนปกติที่ใกล้
    ตายทั่วไป แต่จะไม่สามารถกำหนดได้ว่าอยากเห็นอะไร เห็นได้แค่ที่ตัว
    สามารถสื่อได้ ไม่สามารถเห็นภพที่สูงขึ้นไปได้
     
  7. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    อืมค่ะ คุณ bluebaby2 ขอบคุณค่ะ เห็นได้แค่ที่ตัวสามารถสื่อได้ ไม่สามารถเห็นภพที่สูงขึ้นไปได้ แต่บางทีเราสามารถแยกออกนะคะว่าท่านคือเจ้าที่หรือไม่ใช่วิญญาณธรรมดาล่ะคะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    คงจะอย่างที่คุณ bluebaby2 กรุณาชี้แจงนั่นแหละ เพราะที่เห็นบ่อยคือคนคนนั้นยังไม่ตาย แต่ตัวเขาไม่ได้อยู่ที่เราเห็นหรือเราคุยด้วย ในเวลานั้นเราคิดว่าเป็นเขาจริง ๆค่ะ (มีพยานหลักฐานชัดเจน) พอหลังจากนั้น ไม่เกิน 1 วันคนคนนั้นก็เสียชีวิต แล้วที่เราเห็นเราคุยคือไรล่ะคะ แต่ไม่เคยกลัวนะคะ
     
  9. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    ก็เคยถามพี่ที่อธิบายเรื่องนี้เหมือนกันว่าคนที่เห็นเพราะของเก่าหรือเปล่า
    ถึงได้เห็นวิญญาณชัดจนแยกแยะไม่ออก พี่คนนั้นก็อธิบายว่าเขาฝึกจน
    เห็นได้เอง และเขาก็บอกว่ามันมีหลายภพภูมิซ้อนๆ กันอยู่มากมาย ที่
    เรียกว่าผีหรือวิญญาณหรือชาวโลกทิพย์นั้นมีอยู่ทุกที่ ไม่มีที่ไหนจะว่าง
    เว้นเลยแม้แต่น้อย คนที่กำหนดเห็นได้จะเห็นได้ทั้งหมดอย่างชัดเจนด้วย
    ถ้าไม่มองที่เท้าก็ไม่รู้ว่าเป็นคนหรือวิญญาณ และกำหนดไม่เห็นได้ด้วย
    แต่คนที่มีลักษณะตามที่บอกไปจะกำหนดให้เห็นตามใจไม่ได้ จิตญาณ
    ซักร้อยอาจเห็นเพียงดวงเดียวก็ได้
     
  10. gaiou419

    gaiou419 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +716
    จริงด้วยค่ะ มิน่า ชอบเจอแต่ตอนกึ่งหลับกึ่งตื่น อย่างนี้นี่เอง
     
  11. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    ผมไม่เคยเจอเลย แต่เขาอยู่กับผมตลอด เป็นวิญญาณลูกที่อโหสิกรรมแล้วและวิญญาณเด็กที่เขาถูกทิ้ง มาอยู่เพื่อรับบุญที่ทำไห้ครับ ผมไม่อยากเห็นอะไรพวกนี้ ทำบุญทุกวันเพื่อไม่มาเกิดอีกเท่านั้นครับ เคยไปนอนโรงแรมที่อุดร แฟนถูกผีบีบคอ เล่าว่าถูกแทงตายที่นี้ แฟนขอย่าโม่ที่โคราชช่วยก็หลุดออกมาได้ เขาโดดมาหาผม ผมก็กอดเขานอนต่อจนเช้า ก็ไม่มีอะไร ถ้าเรามีพระรัตน์ไตร ไม่ต้องกลัวอะไรครับ ผมไม่ห้อยพระ พระมีอยู่ในใจครับ ไปหาคนมีญาณเขาก็บอกมีเด็กอยู่ด้วย 2คน ทุกที่เลย ก็เลยคุยกันเลย เขาบอกเขามีความสุข เราทำบุญให้เขาทุกวัน เขาจะคอยช่วยประมาณนี้ เห็นไปก็เท่านั้นครับ เห็นคนที่เขาเห็นผีกันเขาคุยกันแบบสนุก มันสนุกตอนนี้ แต่พอตายไป เขาก็จะต้องทุกข์ เห็นตัวอย่างเป็นพระที่เล่นทางนี้มาก สุดท้ายท่านก็มรณะด้วยเหตุนี้ พุทธคุณไม่คุ้มครองครับ
     
  12. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    ขอบคุณค่ะคุณ bluebaby2 จิตญาณซักร้อยอาจเห็นเพียงดวงเดียวก็ได้ แต่เท่าที่เจอมาไม่มีอะไรน่ากลัวเลยนะคะ บางครั้งสวยงามมากเพียงแต่แต่งกายต่างจากภพมนุษย์เราค่ะ ทำได้คืออุทิศบุญ บางรายแต่งตัวเหมือนเรา ๆๆ ตามไปค้นประวัติเขาก็มีตัวตนจริง ๆๆ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเพื่อจะได้ระบุชื่ออุทิศบุญให้ถูกตัว ใช้ได้ป่าวคะ ประทานโทษที่รบกวนถามมากนิดนึงค่ะ


    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,287
    ครับ มันไม่มีอะไรเสียหายเลยการที่จะอุทิศบุญให้กับใคร บุญคือความสุข ยิ่งให้
    ก็ยิ่งได้
     
  14. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    สาธุ สาธุ สาธุค่ะ คุณbluebaby2 โอกาสหน้ามีเรื่องมาเล่า มารบกวนถามอีกมากมายค่ะ
     
  15. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    ก่อนอื่นผมก็ต้องขออนุโมทนาบุญ สาธุ...กับผู้ที่มีพระรัตนตรัยอยู่ภายในจิตเสมอ... ผมเองก็มีพระรัตนตรัยและพระพุทธเจ้าอยู่ในจิตเสมอเช่นกัน ซึ่งในความเชื่อส่วนตัวของผมนั้น ก็คือ การที่เรามีวัตถุมงคลหรือพระเครื่องหรือธาตุกายสิทธิ์พกติดตัวนั้นย่อมดีกว่าเสมอ เพราะอาจจะมีเหตุปัจจัยบางอย่างที่พระรัตนตรัยหรือพระพุทธเจ้าท่านไม่สามารถช่วยเราได้ เพราะท่านอุเบกขาปล่อยวาง เช่น เรื่องกฏแห่งกรรม เป็นต้น หรือ อีกหลายเรื่องมากมายเลยทีเดียว ที่ท่านปล่อยวาง เพราะท่านก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของธรรมชาติของโลกธาตุเป็นสัจธรรม เช่น เรื่องการพบเจอได้รู้ได้เห็นวิญญาณหรือโดนพญามารเล่นงานก็ตาม เป็นต้น ซึ่งเหล่าจิตญาณของพระหรือของเทพเทวดาหรือของพญานาคหรือของธาตุกายสิทธิ์หรือของครูบาอาจารย์หรือของญาติ(เพื่อน)สนิทผู้ที่เคยมีบุญสัมพันธ์กันมาในอดีตชาติหรือของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จะสามารถเกื้อกูลชี้แนะช่วยเหลือผู้ที่บูชาด้วยความศรัทธาและพกติดตัวได้มากเลยทีเดียว ทำให้เรารอดจากอุบัติเหตุหรือทำให้การเงินเราดีได้ และอื่นๆ อีกมากมาย เท่าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะช่วยได้โดยไม่เกินกำลังของท่านและไม่เข้าไปยุ่งกับกฏแห่งกรรมของผู้ที่ศรัทธาจนเกินไป(ซึ่งไม่ได้หมายความว่า จะยุ่งไม่ได้ แต่เมื่อยุ่งแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจะได้รับกรรมเช่นกัน เพราะอาจมีบางเหตุผลที่ครูบาอาจารย์ท่านหรือญาติ(เพื่อน)สนิทหรือผู้ที่เคยมีบุญสัมพันธ์ร่วมกันมาในอดีตชาติหรือพ่อแม่ในอดีต(ปัจจุบัน)มาช่วยเหลือเราจนท่านต้องติดกรรมกับเราไปด้วย ทำให้กรรมที่เราพบเจอนั้นหนักเป็นเบาได้ เมื่อเราผ่านกรรมเหล่านั้นมาได้แล้ว สิ่งที่ไม่ควรจะืลืม ก็คือ เราจะต้องหมั่นทำบุญอุทิศให้ท่านเหล่านั้นด้วย ถ้าเป็นการสวดมนต์นั่งสมาธิแล้วอุทิศบุญแผ่เมตตาให้ได้ยิ่งดี เพราะบุญจะแรง สรุปคือ หลายๆ เรื่องที่พระรัตนตรัยและพระพุทธเจ้าท่านอุเบกขาปล่อยวางนั้น แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ท่านสามารถช่วยเหลือเราได้ไม่มากก็น้อย แล้วแต่กำลังของบุญบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอง...

    หมายเหตุ ทั้งหลายทั้งมวลที่ผมกล่าวมาในข้างต้นนี้เกิดจาก ภูมิธรรมและความเมตตาของแต่ละสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านแตกต่างกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  16. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    สาธุค่ะ ท่านมหาเมตตา กราบท่านด้วยความเคารพค่ะ กราบขอบคุณที่ท่านให้คำชี้แนะและชี้ทางในการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่พึงควรปฏิบัติ ขอน้อมถวายบุญถึงท่านด้วยนะคะ
     
  17. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    ก่อนอื่นผมก็ต้องขออนุโมทนาบุญ สาธุ...กับผู้ที่มีพระรัตนตรัยอยู่ภายในจิตเสมอ... ผมเองก็มีพระรัตนตรัยและพระพุทธเจ้าอยู่ในจิตเสมอเช่นกัน ซึ่งในความเชื่อส่วนตัวของผมนั้น ก็คือ การที่เรามีวัตถุมงคลหรือพระเครื่องหรือธาตุกายสิทธิ์พกติดตัวนั้นย่อมดีกว่าเสมอ เพราะอาจจะมีเหตุปัจจัยบางอย่างที่พระรัตนตรัยหรือพระพุทธเจ้าท่านไม่สามารถช่วยเราได้ เพราะท่านอุเบกขาปล่อยวาง เช่น เรื่องกฏแห่งกรรม เป็นต้น หรือ อีกหลายเรื่องมากมายเลยทีเดียว ที่ท่านปล่อยวาง เพราะท่านก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของธรรมชาติของโลกธาตุเป็นสัจธรรม เช่น เรื่องการพบเจอได้รู้ได้เห็นวิญญาณหรือโดนพญามารเล่นงานก็ตาม เป็นต้น ซึ่งเหล่าจิตญาณของพระหรือของเทพเทวดาหรือของพญานาคหรือของธาตุกายสิทธิ์หรือของครูบาอาจารย์หรือของญาติ(เพื่อน)สนิทผู้ที่เคยมีบุญสัมพันธ์กันมาในอดีตชาติหรือของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จะสามารถเกื้อกูลชี้แนะช่วยเหลือผู้ที่บูชาด้วยความศรัทธาและพกติดตัวได้มากเลยทีเดียว ทำให้เรารอดจากอุบัติเหตุหรือทำให้การเงินเราดีได้ และอื่นๆ อีกมากมาย เท่าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะช่วยได้โดยไม่เกินกำลังของท่านและไม่เข้าไปยุ่งกับกฏแห่งกรรมของผู้ที่ศรัทธาจนเกินไป(ซึ่งไม่ได้หมายความว่า จะยุ่งไม่ได้ แต่เมื่อยุ่งแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจะได้รับกรรมเช่นกัน เพราะอาจมีบางเหตุผลที่ครูบาอาจารย์ท่านหรือญาติ(เพื่อน)สนิทหรือผู้ที่เคยมีบุญสัมพันธ์ร่วมกันมาในอดีตชาติหรือพ่อแม่ในอดีต(ปัจจุบัน)มาช่วยเหลือเราจนท่านต้องติดกรรมกับเราไปด้วย ทำให้กรรมที่เราพบเจอนั้นหนักเป็นเบาได้ เมื่อเราผ่านกรรมเหล่านั้นมาได้แล้ว สิ่งที่ไม่ควรจะืลืม ก็คือ เราจะต้องหมั่นทำบุญอุทิศให้ท่านเหล่านั้นด้วย ถ้าเป็นการสวดมนต์นั่งสมาธิแล้วอุทิศบุญแผ่เมตตาให้ได้ยิ่งดี เพราะบุญจะแรง สรุปคือ หลายๆ เรื่องที่พระรัตนตรัยและพระพุทธเจ้าท่านอุเบกขาปล่อยวางนั้น แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ท่านสามารถช่วยเหลือเราได้ไม่มากก็น้อย แล้วแต่กำลังของบุญบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอง...

    หมายเหตุ ทั้งหลายทั้งมวลที่ผมกล่าวมาในข้างต้นนี้เกิดจาก ภูมิธรรมและความเมตตาของแต่ละสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านแตกต่างกัน...

    -----------------------------

    รู้สึกว่าถ้าเรายังต้องห้อย วัตถุยังยึดวัตถุ จะต้องมาเกิดอีก ถ้าทุกอย่างเป็นทิพย์ วัตถุจึงเป็นเครื่องล่อให้เกิดกำลังใจในบุญเพียงเท่านั้นครับ หากท่านไม่ช่วยเรา ก็ให้เราตาย หากเราดีพอก็ให้รอดคิดแบบสั้นๆครับในทุกเรื่อง เพราะตายเรามีพระรัตน์ไตรก็ไปสุขคติ เวลาป่วยก็คิดแบบนี้ เวลาเห็นไครทุกข์ ก็คิดแบบนี้ จึงไม่ทุกข์มากครับ มันสุขจากในใจ มองดูคนเขาร้องให้กับการจากกัน แล้วงง เพราะอีกแป้บเดียวคนร้องก็ต้องตาย มองเห็นตรงนี้แล้ว ความทุกข์เหลือน้อยลงมากเลย ทุกวันก็ทำบุญไม่ต้องการมาเกิด ทางโลกก็ทำงานสุจริตครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  18. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    ขอโมทนา สาธุ...

    สำหรับการจุติหรือการเกิดมาเป็นมนุษย์ของบางคนนั้น เพราะมีสัญญากิจหน้าที่ที่จะต้องกระทำในกาลนั้นๆ หรือ เป็นปกติวิสัยของผู้บำเพ็ญเพียรบารมีที่บรรลุธรรมแล้ว แต่จะต้องลงมาสั่งสมบารมีอย่างต่อเนื่องในโลกธาตุต่างๆ การจะสั่งสมบุญบารมีได้นั้นจะต้องชี้แนะช่วยเหลือเหล่าสรรพสัตว์สรรพชีวิตทุกจิตทุกวิญญาณที่เราพอจะกระทำได้ตามกำลังในกาลนั้นๆ ฉะนั้น การจุติหรือการเกิดใหม่สำหรับบางคนนั้นไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม รวมถึงการเกิดเป็นมนุษย์ มันก็เป็นแค่สภาวะหนึ่งภพภูมิหนึ่งเท่านั้น เพราะเมื่อจิตหลักเป็นนิพพานเป็นอิสระอยู่แล้ว การจุติหรือการเกิดใหม่ของอีกดวงจิตย่อย(แ่่บ่งภาค)นั้นก็เป็นไปด้วยเหตุปัจจัยแห่งการบำเพ็ญเพียรบารมีและการปรารถนาที่จะช่วยเหลือทุกจิตวิญญาณของท่านเอง... แต่การจะช่วยเหลือคนอื่นให้เข้าถึงธรรมได้นั้น ในชาตินั้นๆ เราเองจะต้องเข้าถึงธรรมเสียก่อน เพื่อการระลึกรู้ถึงสัญญาบางอย่างในอดีตชาติหรือสัญญาของจิตหลัก ไม่ว่าคุณจะรู้ัตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เพราะมันจะเป็นไปตามธรรมชาติของจิตและแสดงออกมาเองอย่างเป็นธรรมชาติของจิตเช่นกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  19. สุดขอบฟ้า

    สุดขอบฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    149
    ค่าพลัง:
    +127
    โมทนาสาธุด้วยความเคารพค่ะ ท่านเมตตา แต่การจะช่วยเหลือคนอื่นให้เข้าถึงธรรมได้นั้น ในชาตินั้นๆ เราเองจะต้องเข้าถึงธรรมเสียก่อน นั่นหมายความถึงการปฏิบัติแบบต่อเนื่องในภพนี้ด้วยใช่หรือเปล่าคะท่าน กราบเรียนรบกวนถามค่ะ
     
  20. มหาเมตตา

    มหาเมตตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +283
    ใช่ครับ เพราะเราเองต้องเห็นธรรมรู้จักธรรมเข้าใจธรรมเห็นตามความเป็นจริงเสียก่อน จึงจะสอนคนอื่นได้ครับ และผมเองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่เพิ่งปฏิบัติธรรมไม่นาน ฉะนั้น การรู้และการเข้าใจธรรมอาจยังอ่อนด้อย แต่สิ่งที่เขียนโพสมาทั้งหมดนี้ก็ออกมาจากความรู้สึกภายในจิต มันอาจจะเป็นสัมมาทิฐิหรือมิจฉาทิฐิ หรือ จะเป็นวิชชาหรืออวิชชา ก็ขึ้นอยู่กับปัญญาของผู้อ่านจะพิจารณาตามครับ เพราะผมต้องเพียรอีกเยอะครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...