::::หวานอันตราย::::

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย น า ทู รี, 5 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. น า ทู รี

    น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    [​IMG]

    รายงานที่ปรากฎในวารสาร Nature นักวิจัยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานฟรานซิสโกระบุว่า

    น้ำตาลโดยเฉพาะน้ำตาลปรุงแต่งซึ่งใช้ผสมในน้ำอัดลมและอาหารอีกหลายประเภทนั้น คือสาเหตุสำคัญของโรคอ้วนที่กำลังแพร่ระบาดในหมู่ประชากรอเมริกันและประชากรทั่วโลก

    รายงานอีกชิ้นระบุว่าปัจจุบันมีประชากรอเมริกันน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมากกว่า 2 ใน 3 ในจำนวนนี้ราวครึ่งหนึ่งเป็นโรคอ้วน และประมาณ 80% ของคนที่เป็นโรคอ้วนจะป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือมีปัญหาด้านการเผาผลาญอาหารซึ่งมีผลให้อายุสั้นลง

    [​IMG]

    นอกจากนี้รายงานชิ้นหนึ่งของธนาคารโลกบอกด้วยว่าปัจจุบันปัญหาโรคอ้วนเป็นปัญหาใหญ่ในหลายประเทศและเป็นสาเหตุของโรคที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุด เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคมะเร็งบางประเภท

    เวลานี้นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันถึงผลกระทบของน้ำตาลและสารให้ความหวานที่มีต่อปัญหาโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิจัยค่อนข้างมั่นใจคือน้ำตาลที่ปรุงแต่งขึ้นซึ่งมีสารฟรุคโทสในระดับสูง มีผลร้ายต่อสุขภาพมากกว่าน้ำตาลที่สกัดจากธรรมชาติ โดยเฉพาะผลเสียต่อตับ

    นักวิจัยหลายคนมองว่าน้ำตาลเป็นสารอันตราย และแนะนำให้เก็บภาษีน้ำตาลเช่นเดียวกับภาษีบุหรี่และภาษีเหล้า รวมทั้งเสนอให้ใช้มาตรการห้ามขายเครื่องดื่มผสมน้ำตาลให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี และให้ใช้กฎหมายจำกัดพื้นที่ที่สามารถขายเครื่องดื่มผสมน้ำตาลและขนมขบเคี้ยวอื่นๆ

    โดยไม่ให้อยู่ใกล้เคียงหรือภายในเขตโรงเรียน ส่วนผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำให้เก็บภาษีน้ำตาลและสารให้ความหวานตั้งแต่ระดับโรงงานผลิต เพื่อให้บริษัทต่างๆจำกัดการใช้สารให้ความหวานในสินค้าของตนให้น้อยลง

    [​IMG]


    อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางคนบอกว่าน้ำตาลนั้นไม่ใช่ตัวการที่แท้จริงของปัญหาโรคอ้วน แต่เป็นเพราะปัจจัยอื่นๆมากกว่า เช่นไขมันอิ่มตัว แป้ง หรือแม้แต่การขาดการออกกำลังกายอย่างเพียงพอ

    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

    [​IMG]

    หมอ แฉ น้ำอัดลมชนิดน้ำตาล 0% ดื่มแล้วเตี้ย

    หมอแฉ “น้ำอัดลม” ทุกชนิดสุดอันตราย ทำให้ “อ้วน-ผอม ฟันผุ จนเตี้ย กระดูกสึก” ส่วนชนิดน้ำตาล 0% เสี่ยงโรคไม่แพ้กัน เพราะอัดแก๊สทำท้องอืด ดื่มแล้วเตี้ย ไม่ช่วยลดความอ้วนแต่ทำให้ขาดสารอาหาร พร้อมเผยผลสำรวจโรงเรียนที่มีน้ำอัดลมขาย เด็กดื่มมากกว่าโรงเรียนปลอด น้ำอัดลม 7.3 แนะเด็กควรดื่มน้ำหวานที่มีส่วนผสมน้ำตาล ไม่เกิน 5% แถมเตือนระวังขนมเยลลี่ นมเปรี้ยว นมรสหวานน้ำตาลสูงปรี๊ด

    [​IMG]

    นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ในฐานะโฆษกเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า น้ำอัดลมคือบ่อเกิดของโรคหลายชนิด

    อาทิ โรคอ้วน โรคผอม โรคฟันผุ กระดูกกร่อน โดยในน้ำอัดลม 1 กระป๋อง มีน้ำตาล 10-14 ช้อนชา ทำให้ทุกกระป๋องเพิ่มโอกาสเป็นโรคอ้วนได้ 1-2% ประกอบกับเด็กในปัจจุบันมักไม่ค่อยออกกำลังกายแต่ติดเกม โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ยิ่งทำให้มีไขมันสะสมและเป็นโรคอ้วนได้ง่าย

    นพ.สุริย เดว กล่าวต่อว่า ส่วนน้ำอัดลมที่โฆษณาว่ามีน้ำตาล 0% ยิ่งเป็นโทษต่อร่างกาย ทำให้เป็นโรคผอม เพราะขาดสารอาหาร เนื่องจากเครื่องดื่มที่ไม่มีสารอาหารใดๆ มีแต่แก๊ส เมื่อดื่มเข้าไปจะลดความหิว ท้องอืด ไม่อยากอาหาร ส่วนคนอ้วนที่คิดว่าดื่มน้ำอัดลมประเภทนี้ จะลดความอ้วนได้ เป็นความคิดที่ผิด

    เนื่องจากหากดื่มน้ำอัดลมชนิดนี้คนอ้วนจะกลายเป็นคนอ้วนเตี้ยขาดสารอาหาร เพราะกรดคาบอนิคในน้ำอัดลม ทำให้ร่างกายขับ แคลเซียม ออกจากร่างกาย โดยเฉพาะวัยรุ่น 9-14 ปี ต้องการ แคลเซียม เพื่อสร้างความเติบโตมากที่สุด ถ้าดื่มน้ำอัดลมมาก จะขับ แคลเซียม ออกจากร่างกายจนหมด จึงสูงไม่เต็มที่ และเกิดภาวะพร่อง แคลเซียม เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ จะเป็นโรคกระดูกคดงอ สึกกร่อนเร็ว

    [​IMG]

    “น้ำอัดลมที่โฆษณาว่า มีน้ำตาล 0% ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด เครื่องดื่มเหล่านี้อาจไม่เห็นผลในระยะสั้นแต่จะมีผลในระยะยาว โดยเด็กที่มีปัญหาด้วยโรคอ้วนส่วนมาก เมื่อสอบประวัติ พฤติกรรมการกิน ก็พบว่า ชอบดื่มน้ำอัดลมปริมาณมาก และไม่ดื่มนม หรือเครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์

    โทษของการกินน้ำอัดลม ทำให้อ้วนผอม ฝันผุ จนเตี้ย กระดูกสึก การดื่มน้ำอัดลมเป็นเพียงการตอบสนองความสุขในการบริโภคเท่านั้น แม้แต่ความเชื่อที่ว่าน้ำอัดลมช่วยชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียจากการออกกำลังกาย

    แท้จริงแล้วกลับไม่ได้เกลือแร่ใดๆ เลย เพราะในน้ำอัดลมมีเกลือแร่น้อยมาก ดังนั้น หากต้องการความสดชื่น นอกจากน้ำเปล่าที่ถือว่ามีประโยชน์ที่สุดแล้ว น้ำผลไม้ที่ทุกๆ 100 ซีซี มีน้ำตาลไม่เกิน 5% ก็สามารถเลือกดื่มได้” นพ.สุริยเดว กล่าว

    [​IMG]

    นพ.สุริยเดว กล่าวอีกว่า ขณะนี้เด็กที่เข้ารักษาเพราะน้ำหนักตัวเกิน หายใจไม่ออก นอนไม่ได้ ไปโรงเรียนไม่ได้ มากกว่าเดิม 2-3 เท่า

    จากพฤติกรรมชอบกินหวาน อาหารมัน เค็ม ไม่ออกกำลังกาย ซึ่งการรักษาต้องใช้เวลานาน เพราะต้องปรับพฤติกรรม และใช้หมอเฉพาะทาง 4-5 คน ช่วยกันดูแล สิ้นเปลืองค่ารักษาพยาบาลมาก ดังนั้น เครือข่าย เด็กไทยไม่กินหวานจึงเห็นว่า โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ควรพิจารณาขยายนโยบายโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม เพื่อคุ้มครองสุขภาพของเด็กๆ

    ด้าน ผศ.ทพญ.ปิยะนารถ จาติเกตุ นักวิชาการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า จากการสำรวจการบริโภคเครื่องดื่มของนักเรียน จากกลุ่มตัวอย่าง 9,300 คน ในโรงเรียน 14 จังหวัด แบ่งเป็นนักเรียน 8,400 คน ผู้ปกครอง 700 คน ครู 273 คน

    น่าตกใจที่พบนักเรียนในโรงเรียนที่ขายน้ำอัดลม ดื่มน้ำอัดลมบ่อยกว่านักเรียนโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมถึง 7.3 เท่า ซึ่งนักเรียนมัธยมจะดื่มน้ำอัดลมมากกว่าประถม 3.9 เท่า หญิงดื่มบ่อยกว่าชาย 1.4 เท่า นอกจากน้ำเปล่าแล้วหากเป็นโรงเรียนในกรุงเทพฯ ที่มีน้ำอัดลม เด็กจะดื่มน้ำอัดลมมากกว่าเครื่องดื่มอื่น 37.3% ส่วนโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมไม่มีเด็กคนไหนตอบว่าดื่มน้ำอัดลมเลย

    [ame]http://www.flickr.com/photos/ricepot/4693467236/"]http://farm5.static.flickr.com/4052/4693467236_817b1ac965.jpg[/IM[/ame]

    [B]“หนึ่ง ในปัจจัยสำคัญของการดื่มน้ำอัดลมของนักเรียน ส่วนหนึ่งเกิดจากการขายน้ำอัดลมในโรงเรียน ซึ่งผู้ขายเครื่องดื่มในโรงเรียนปลอดน้ำอัดลมส่วนใหญ่ คือ สหกรณ์หรือร้านค้าของโรงเรียน 44% ส่วนโรงเรียนที่มีน้ำอัดลม มีทั้งแม่ค้าและสหกรณ์หรือร้านค้าของโรงเรียน 47.2% [/B]

    [B]โดยโรงเรียนปลอดและไม่ปลอดน้ำอัดลมได้รับเงินสนับสนุนจากผู้จำหน่ายเครื่อง ดื่ม โรงเรียนไม่ปลอดน้ำอัดลมได้ถึง 81.3% โรงเรียนปลอดน้ำอัดลมได้เพียง 59.3% แต่หากโรงเรียนจะเลิกขายน้ำอัดลม มีโรงเรียนเพียง 26.8% ที่บอกว่าจะส่งผลกระทบต่อโรงเรียน”[/B] ผศ.ทพ.ปิยะนารถ กล่าว

    [IMG]http://www.thenutritionpost.com/wp-content/uploads/2011/06/No-To-Soda.jpg

    ขณะ ที่ นางเสาวนีย์ เสือพันธ์ ผอ.โรงเรียนวิชูทิศ กล่าวว่า นโยบายของโรงเรียนวิชูทิศนอกจากจะไม่จำหน่าย น้ำอัดลม ในโรงเรียน ยังไม่อนุญาตให้เด็กนำน้ำอัดลมเข้ามาดื่มในโรงเรียนด้วย ทำให้นักเรียนประมาณ 1,900 คน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงม.6 ไม่ติดน้ำอัดลม

    สอดคล้องกับนโยบายของ กทม.ที่รณรงค์ให้โรงเรียนในสังกัดปลอดน้ำอัดลม และโรงเรียนยังมีน้ำทางเลือกเป็นน้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร ที่ควบคุมความหวานจำหน่ายแทน และรณรงค์ให้ดื่มน้ำเปล่าจากตู้น้ำดื่มฟรีด้วย

    [​IMG]


    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 กรกฎาคม 2550 17:02 น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  2. jchai4

    jchai4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +1,075
    ขอบคุณจ้า มีประโยชน์มากๆเลย
     
  3. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
    ขนมเค้กของชอบเลยค่ะ แต่อ่านบทความนี้
    คงจะทานไม่บ่อยละค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...