พราหมณ์ในสมัยพุทธกาล กับพราหมณ์ในอินเดียมีอะไรที่เหมือนกัน?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เอกอิสโร, 9 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    มีหลายท่าน มักถามถึง "ศาสนาพราหมณ์" ในประเทศไทย ทำไมไม่มีในเมืองไทย ถ้า "พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นใน "แผ่นดินไทย" ปัจจุบัน

    ผมจึงขอระดม ความคิด จากเพื่อนๆ สมาชิก ลองมาฝึกเชาวน์ปัญญา เพื่อพัฒนาความคิด ความเชื่อ ตามหลัก "กาลามสูตร" ว่า พราหมณ์ในสมัยพุทธกาล กับพราหมณ์ในอินเดียมีอะไรที่เหมือนกัน?


     
  2. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ผมเองเป็นคนอีสาน ตั้งแต่วัยเด็ก คุ้นเคยกับการไปทำบุญ ทอดกฐิน ผ้าป่า กับคุณย่า และที่ขาดไม่ได้คือ การ "บายศรีสู่ขวัญ" ซึ่งผู้ที่หน้าที่นี้ ก็คือ "พราหมณ์" และก็ค้นกับ "พราหมณ์" แบบนี้มาตั้งแต่นั้น เคยแต่งงาน ก็มีการบายศรีสู่ขวัญ
    ก็ดำเนินการโดย พราหมณ์ แต่ไม่รู้ว่า จะเป็นพราหมณ์ ที่สืบต่อมาแต่ครั้งสมัยพุทธกาลหรือเปล่า?

    [​IMG]



    "บายศรีสู่ขวัญ"

    พิธีสู่ขวัญ บางทีเรียกว่า "พิธีบายศรี" หรือ "บายศรีสู่ขวัญ" เป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของชาว
    อีสาน ประเพณีสู่ขวัญทำกันแทบทุกโอกาส ทั้งในมูลเหตุแห่งความดีและไม่ดี ชาวอีสานถือว่าเป็นประเพณี
    เรียกขวัญ ให้มาอยู่กับตัว พิธีสู่ขวัญนี้ เป็นได้ทั้งการแสดงความชืนชมยินดี และเป็นการปลอบใจให้เจ้าของขวัญ
    จากคณะ ญาติมิตรและบุคคลทัวไป
    ผู้ได้ดีมีโชคหรือผู้หลักผู้ใหญ่ทีเราเคารพนับถือมาเยี่ยมเราก็ยินดีจัดพิธีสู่ขวัญให้ ประเพณีสู่ขวัญจึงเป็น
    ประเพณีทำกันอย่างกว้างขวาง คำว่า"ขวัญ"นันเชื่อว่าเป็นสิ่งไม่มีตัวตนคล้ายกับจิตหรือวิญญาณแฝง อยู่ในตัว
    คนและสัตว์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนมีขวัญกันทั้งนั้นและในบางแห่งเรามักแปลว่า "กำลังใจ" ก็มีคำว่า "ขวัญ" ยังมี
    ความหมายอีกว่าเป็นที่รักที่บูชา เช่นเรียกเมียที่รักว่า "เมียขวัญ" หรือ "จอมขวัญ" เรียกลูกรักหรือลูกแก้วว่า "ลูก
    ขวัญ" สิงของที่ผู้เคารพรักใคร่นับถือกันนำมาฝาก นำมาให้เพื่อเป็นการทะนุ ถนอมน้ำใจกันเราก็เรียกว่า
    "ของขวัญ"
    "ขวัญ" อีกความหมายหนึ่ง หมายถึง ขน หรือผม ที่ขึ้นเวียนเป็นก้นหอย พิธีสู่ขวัญเป็นพิธีเก่า แก่ของ
    ชาวไทยเราแทบทุกภาค การทำพิธีก็ผิดเพี้ยนกันไปบ้างแต่ก็ยังยึดหลักใหญ่อยู่เหมือนกัน พิธีสุ่ขวัญในบทความ
    นี' จะกล่าวถึงพิธีของชาวอีสานเป็นส่วนใหญ่ การทำพิธีสู่ขวัญเราอาจทำได้ถึง ๒ วิธีพร้อม ๆ กัน คือวิธีทางพุทธ
    ศาสนาและวิธีทางพราหมณ์ศาสนา
    วิธีทางพุทธศาสนา โดยการนิมนต์พระสงฆ์อย่างน้อย ๕ รูป มาเจริญพระพุทธมนต์ ตั้งบาตรน้ำมนต์
    เสร็จแล้วประพรมน้ำมนต์ พระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถาถ้ามีศรัทธาพอจะถวายภัตตาหารเช้า หรือเพลพระสงฆ์
    ด้วยก็ได้ ส่วนพิธีทางพราหมณ์ ก็คือการสู่ขวัญซึ่งจะได้อธิบายให้ละเอียดต่อไป
    การทำพิธีสู่ขวัญต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ หลายอย่างดังนี'...
    พานขวัญหรือพานบายศรี
    คำว่า "บายศรี" นี้น่าจะมาจากภาษาเขมร คือคำว่า บาย + ศรีข้าว (สุก) ทีเป็นมงคลข้าวนี้จะ เป็น
    ส่วนประกอบของการจัดพานบายศรี จะขาดไม่ได้ การจัดพานขวัญนี้ปกติต้องจัดด้วยพาน ทองเหลืองและมี
    สัมฤทธิ์ (ขันลงหิน) หลาย ๆใบ ซ้อนกัน มีใบตอง ดอกไม้สด ด้ายสำหรับผูกข้อมือ (ผูกแขน) ปัจจุบันเริ่มมีการ
    นำเอากระดาษสีต่างๆ แต่ก็ผิดธรรมเนียมของท้องถิ่นไป
    พาขวัญอาจจัดเป็นชั้นๆ จะเป็น ๓ ชั้น ๕ ชั้น ๗ ชั้น แล้วแต่ความสามารถ แต่คนเก่าคนแก่ของเมืองอุบล
    ฯ กล่าวว่าพาขวัญ ๓ ชั้น ๕ ชั้น เป็นของบุคคลธรรมดา ส่วน ๗ ชั้น และ ๙ ชั้นนิยมจัดเฉพาะสำหรับเชื้อพระวงศ์
    และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ชั้นล่างของพาขวัญจะเป็นพานมีบายศรี (ทำด้วยใบตอง) ดอกไม้ ข้างต้ม ไข่ต้ม ขนม กล้วย อ้อย ปั่นข้าว
    เงินฮาง มีดด้ามแก้ว ชั้น ๒ , ๓, ๔ จะได้รับการตกแต่งด้วยใบศรี และ ดอกไม้ซึ่ง มักจะเป็นดอกฝาง ดอก
    ดาวเรือง ดอกรัก ใบเงิน ใบคำ ใบคูณ ใบยอป่า อย่างสวยงาม ส่วนชั้นที ๕ จะมีใบศรี และด้ายผูกข้อมือ เทียน
    เวียนหัว (ทำด้วยขี้ผึ้ง) ของเจ้าของขวัญ นอกจากพาขวัญแล้วจะมีเครื่องบูชาและอื่นๆ เช่น ขันบูชา มีพานขนาด
    กลางสำหรับวางผ้า ๑ ผืน แพร ๑ วา หวี กระจกเงา น้ำอบ น้ำหอม สร้อย แหวน ของผู้เป็นเจ้าของขวัญ
    ด้ายสำหรับผูกข้อมือ (ด้ายผูกแขน) นั'นต้องเป็นด้ายดิบนำมาจับเป็นวงยาวพอทีจะพันรอบข้อมือได้
    โบราณถือว่า คนธรรมดา วงละ ๓ เส้นผู้ดีมีศักดิ์ตระกูล ๕ เส้น (อาชญา ๕ ขี้ข้า ๓)เมือวงแล้วให้เด็ดหรือดึงให้
    ขาด เป็นเส้นๆห้ามใช้มีดตัดจะใช้มีดตัดได้เฉพาะด้ายที่มัดศพเท่านั้น ถ้าเป็นพาขวัญงานแต่ง คนจะเริ่มจัดพา
    ขวัญต้อง เป็นคนบริสุทธิ์ (ปลอด) คือเป็นคนดีผัวเดียวเมียเดียว ถ้าจัดไม่เป็นเพียงมาจับพอเป็นพิธีแล้วให้คน
    อืนๆจัดต่อ ไปจนเสร็จต้องจัดทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง พาขวัญฝ่ายชายจะให้หญิงบริสุทธิ์ (เด็กหญิงยังไม่มี
    ประจำเดือน) หาบด้วยไม้ม้วนผ้าทอหูกเพราะถือเคล็ดเอาความสามัคคีรักใคร่ของผ้าและไม้ และการสูตรขวัญ
    ต้องสูตรเวลา คํ่าประมาณ ๓ - ๔ ทุ่มหลังรับประทานอาหารคํ่าเสร็จถือว่าเป็นเวลาหนูเข้ารู (ยามหนูเข้าฮู) พา
    ขวัญงานแต่ง จะต้องมีอาหารคาวหวานเป็นส่วน ประกอบอีกด้วย
    พาขวัญแต่งเสร็จแล้วจะตั'งวางไว้ในที่อันเหมาะสมก่อนพอได้เวลาสูตรขวัญ คือจะทำพิธีจึงให้ยกไป ตั้ง
    ท่ามกลางญาติมิตรบนผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวของเจ้าของขวัญ ข้างๆพาขวัญนอกจากจะมีอุปกรณ์ต่างๆ ดังกล่าว
    แล้ว ยังต้องมีแก้วน้ำเย็น แก้วใส่น้ำส้มป่อย (กระถินป่า) และแก้วเหล้าสำหรับหมอสูตรขวัญจะได้ดื่ม หรือพ่น
    หรือจุ่ด้วยดอกไม้สลัดใส่พาขวัญซึ่งเรียกว่า "ฮดฟาย"
    การสวดหรือการสูตรขวัญ
    เจ้าภาพผู้จัดพิธีสู่ขวัญจะต้องจัดหาหมอนวดหรือสูตรขวัญซึงมักเรียกว่า "พราหมณ์" หรือ"พ่อ
    พราหมณ์" ไว้ล่วงหน้า ปกตินีพ่อพราหมณ์มักจะเป็นผู้ทีทราบประเพณีสู่ขวัญเป็นทีนับถือของ ชาวบ้านใน
    หมู่บ้านนั้น หมอสูตรขวัญสมัยก่อนๆ นุ่งห่มธรรมดาเพียงให้มีผ้าขาวหรือให้มีผ้าขาวม้าพาดบ่า ก็พอปัจจุบัน
    นิยมนุ่งขาวห่มขาว นับว่าเป็นการพัฒนาให้เหมาะ สมกับสังคมสมัยใหม่
    ก่อนลงมือสวด เจ้าภาพต้องเตรียม "ด้ายผูกแขนพราหมณ์" ไว้เป็นด้ายผูกข้อมือธรรมดาเป็นแต่เพียง มัด
    ธนบัตรเป็นค่าบูชาพราหมณ์จำนวนมากหรือน้อยแล้วแต่เจ้าภาพจะเห็นสมควร และเจ้าภาพจะเป็นคนผูกข้อ มือ
    พราหมณ์ด้วยด้ายผูกแขนพิเศษนี้
    พราหมณ์จะจัดให้เจ้าของขวัญนั่ง ให้หันหน้าไปในทิศทางต่างๆ ตามตำรา เจ้าของขวัญนั่ง ลงแล้วยกมือ
    ไหว้ พราหมณ์เสร็จแล้วใช้มือขวาจับพาขวัญตั้งจิตอธิฐานขอให้เทวดาบันดาลให้เป็นไปดั่งหมอขวัญหรือ
    พราหมณ์สูตร ญาติพีน้องจะนั่ง ล้อมเป็นวงด้านหลังตั้งจิตรอธิฐานให้เจ้าของขวัญมีความสุขความเจริญ จงเกิด
    แก่เจ้าของขวัญแล้ว อ้อนวอนเทวดาเป็นภาษาบาลีว่า "สัค เค กา เม จ รูเป" … จบแล้วว่านโม ๓ จบแล้วกล่าวคำ
    บูชาพระรัตนตรัย ครั้นจบแล้วจะสู่ขวัญอะไรก็เลือกว่าเอาตามต้องการให้เหมาะกับงาน การสวดต้องให้เสียง
    ชัดเจน สละสลวย ไพเราะฟังแล้วเกิดความดีใจ ศรัทธาอุตสาหะ ในการทำความดียิ่งขึ้นจึงจะเป็นสิริมงคลแก่เจ้า
    ตัวถ้าป่วยไข้ ไข้จะหาย ถ้าได้ดีได้เลือนยศ เลื่อนตำแหน่งก็จะรักษาความดีไว้ให้คงทนไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมจนลืม
    ตัวเมื่อสวดเสร็จ จะว่า " สัพพพุทธานุภาเวน สัพพธัมมานุภาเวน สัพพสังฆานุภาเวนสัพพโสตถี ภวันตุ เต ยถา
    สัพพี ภวตุ สัพ " ฯลฯ การเข้านั่งล้อมพาขวัญถ้าเป็นการแต่งงานคู่บ่าวสาวพร้อมด้วยเพือนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเข้า
    ร่วมพิธีด้วย จะจัดให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวนังชิดกันเวลาจับพาขวัญให้แขนเจ้าบ่าวทับแขนเจ้าสาวเพือนๆ เจ้าบ่าวจะ
    พยายามเบียดให้เจ้าสาวนั่งชิดกับเจ้าบ่าวให้มากๆ จะมีการแกล้งเจ้าบ่าวต่างๆ นานาเป็นทีสนุกสนาน
    การมาร่วมพิธีสู่ขวัญนีคนโบราณได้เล่าว่าเมือครั้ง ๗๐ ปีก่อนบ้านเมืองอุบลฯ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยการ
    เลียงไหมของขวัญผู้มาร่วมพิธีขวัญจึงเป็นไหมเส้นเป็นไจๆนับว่าเป็นของขวัญที่พอ เหมาะพอควรและไม่เคยมี
    การนำเอาเงินมาเป็นของขวัญไหมที่เจ้าของขวัญรับไว้ก็จะนำไปทอเป็นผ้าได้ภายหลัง
    การเชิญขวัญ ก่อนสูตรขวัญถ้ามีเวลาพอก็ให้ว่าคำเชิญขวัญเสียก่อนทุกครังการเชิญขวัญเป็นพิธีทีดีอย่าง
    หนึ่งคือเราขอความสำเร็จความศักดิ์สิทธิ์จากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทวดา อินทร์ พรหม ผู้มีอิทธิฤทธิ์มา
    ประสิทธิประสาทพรให้จะได้มีวาจาศักดิสิทธิเพราะผู้สวดและผู้ฟังไม่ใช่คนมีอิทธิฤทธิเมื่อ เราขอท่านท่านก็คง
    เมตตาประทานให้ตามคำขอ
    คำเชิญขวัญ คำเชิญขวัญนั้นมีหลายสำนวนไม่มีแบบตายตัว ต่างหมอต่างสรรหาสำนวนทีเห็นว่า เหมาะ
    กับเหตุการณ์เช่น คำเชิญขวัญสำหรับบุคคลธรรมดา ก็อีกสำนวนหนึง สำหรับเชื้อพระวงศ์ก็อีกสำนวน
    หนึ่งเป็นต้น
    การผูกแขนหรือข้อมือ
    เมื่อพราหมณ์สูตรขวัญจบแล้วญาติพี่น้องจะเอาข้าว ไข่ กล้วย ใส่มือเจ้าของขวัญมือซ้ายหรือมือขวา ก็ได้
    ให้พราหมณ์ผูกข้อมือให้ก่อนปกติจะผูกข้อมือซ้ายเพราะแขนซ้ายถือเป็นแขนขวัญ เป็นแขนที่อ่อนแอใช้งาน
    หนักไม่ได้ เป็นแขนที่น่ารักทะนุถนอม ในเวลาผูกข้อมือนันทุกคนยื่นมือขวาออกไปพยุง (โจม) แขนของ
    เจ้าของขวัญที่พราหมณ์กำลังทำพิธีผูกข้อมือให้ถ้าอยู่ห่างก็ยื่นมือจับแขนหรือแตะตัวกันต่อๆ มาเป็นเส้นสาย
    เหมือน เชือกส่อแสดงถึงความสัมพันธ์ทางกายและใจเป็นอย่างยิ่งแล้วตั้งจิตอธิฐานขอให้เจ้าของขวัญมี
    ความสุขความเจริญเมื่อผูกข้อมือเสร็จแล้วให้ผู้เป็นเจ้าของขวัญมีความ สุขความเจริญเมื่อผูกข้อมือเสร็จแล้วให้ผู้
    เป็นเจ้าของขวัญประนมมือไหว้ผู้ให้พร เป็นการรับเอาพร เมื่อพราหมณ์ผูก เสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นโอกาสของ
    ญาติมิตรทั่วๆไปจะเข้ามาผูกข้อมือให้กับเจ้าของขวัญ
    ด้ายผูกแขน (ด้ายผูกข้อมือ) ถือเป็นของดี ของศักดิ์สิทธิ์ควร รักษาไว้อย่าพึ่งดึงทิ้ง ให้ล่วง ๓ วัน
    เสียก่อนจึงดึงออกเวลาทิ้งอย่าทิ้งลงที่สกปรก เพราะด้ายผูกแขนเป็นของขาวของบริสุทธิ์ เป็นจุดรวมแห่งจิตใจ
    บริสุทธิ์หลาย ดวงจึงควรรักษาไว้ให้ดี ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเล่าให้ฟังว่าด้ายผูกแขนทีเก็บรักษา ไว้เป็นของศักดิสิทธิ
    ป้องกันอันตรายได้เช่น มีโจรมาปล้น อธิฐานขอให้จิต ทุกดวงช่วยก็ปลอดภัยจากอันตรายได้และเป็นเสน่ห์
    ดึงดูดจิต ใจให้คนรักใคร่ชอบ พอได้
    การผูกแขน (ผูกข้อมือ) การผูกแขนที"จะอำนวยประโยชน์สุขให้แก่เจ้าของ ขวัญควรประกอบ
    ด้วยองค์ ๔ คือ :-
    - ผู้ผูก หรือพราหมณ์
    - ผู้รับผูก หรือเจ้าของขวัญ
    - ผู้เกียวข้อง คือญาติมิตร
    - คำกล่าวขณะที่ผูก
    คำกล่าวขณะทีผูกเป็นคำเรียกร้องเชิญขวัญซึงเป็นคำที่ไพเราะ อ่อนหวาน สุภาพ เรียบร้อยมีความหมาย
    ไปในทางที่ดีงาม
    โอกาสจัดพิธีสู่ขวัญ มีหลายโอกาสเช่น คารวะพระพุทธรูป บายศรีพระสงฆ์ สู่ขวัญแม่ออกกรรม (คลอด
    บุตรออกไฟ) สู่ขวัญเด็กน้อย สู่ขวัญเฮือน สู่ขวัญคนธรรมดา สู่ขวัญแต่งงาน สู่ขวัญหลวง สู่ขวัญเกวียน สู่ขวัญ
    ขึ้นเล้า (ยุ้ง) สู่ขวัญน้อยก่อนแต่งงาน สู่ขวัญคนป่วย สู่ขวัญขึ้นบ้านใหม่ สู่ขวัญวัวขวัญควาย
    จะเห็นได้ว่าพิธีสู่ขวัญนี้เป็นประเภท "ขนบประเพณี" คือประเพณีชาวอีสานได้เคยตั้งหรือร่างเป็น
    ระเบียบแบบ แผนขึนไว้เป็นธรรมดาของประเพณีที่อาจมีส่วนปลีกย่อย แปลก แตกต่างกันออกไปบ้างใน
    ลักษณะของการพัฒนาเป็นลักษณะของความเจริญให้เหมาะสมกับกาลสมัยแต่ส่วนสำคัญ อันเป็นมูลฐานของ
    ประเพณีนี'ก็ยังคงอยู่และเป็นหน้าที่ของพวกรุ่นต่อไปจะเป็นผู้รับช่วงระวังรักษาไว้ให้มรดก อันสำคัญนี้ยั่งยืน
    สืบไป เพื่อแสดงความเก่าแก่ของชาติบ้านเมืองเรา...ฯ
    หนังสืออ้างอิง : ปริญญาณ ภิกขุ ประเพณีโบราณไทยอีสาน อุบลราชธานี โรงพิมพ์ศิริธรรม. ๒๕๑๖
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2012
  3. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    พราหมณ์ในแคว้นมคธที่ทำนาข้าวเหนียวในสมัยพุทธกาล ทุกวันนี้ ยังมีทำข้าวเหนียวอยู่หรือเปล่า?

    กสิสูตรที่ ๑
    [๖๗๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จประทับอยู่ ณ พราหมณคามชื่อว่าเอกนาลา ในทักขิณาคีรีชนบท แคว้นมคธ ก็ในสมัยนั้น กสิภารทวาชพราหมณ์เทียมไถมีจำนวน ๕๐๐ ในกาล (ฤดู) หว่านข้าว ฯ
    [๖๗๒] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าไปยังที่ทำการงานของกสิภารทวาชพราหมณ์ในเวลาเช้า ฯ
    สมัยนั้นแล กสิภารทวาชพราหมณ์กำลังเลี้ยงอาหาร (มื้อเช้า) ฯ
    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปยังที่เลี้ยงอาหาร (ของเขา) ครั้นแล้วประทับยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
    กสิภารทวาชพราหมณ์ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับยืนบิณฑบาตอยู่ ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระสมณะ ข้าพเจ้าไถและหว่านครั้นไถและหว่านแล้ว
    ย่อมบริโภค ข้าแต่พระสมณะ แม้พระองค์ก็จงไถและหว่าน ครั้นไถและหว่านแล้ว จงบริโภคเถิด ฯ
     
  4. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,218
    ค่าพลัง:
    +293
    แยกออกรึยังหล่ะ พราห์ม กับฮินดู ... เจ้าเอก เอย
     
  5. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ประเพณี ก็คือประเพณี ความเชื่อก็คือความเชื่อ อาจจะเลียงลำดับใหม่ของที่มาของประเพณี

    ความกลัวและความเชื่อ ร่วมใจกันเชื่อ >พิธีกรรม > วัฒนธรรม > ประเพณี

    ประเพณีบางอย่างก็มีส่วนทำให้สังคมมีความเป็นปึกแผ่น มีกฏระเบียบในสังคมเพื่อความผาสุข อันนี้ในแง่ดีนะ ส่วนในแง่ร้ายก็มีเหมือนกันอย่างพิธีกรรมไล่ผีปอปดูแล้วมีความอยุติธรรมอยู่เนืองๆแบบแคบๆคับๆ

    พุทธศาสนาก็คือพุทธศาสนาต่างหาก แม้บางกรณีพิธีกรรมทางพราห์มจะมีพระสงฆ์ร่วมอยู่ในวงกิจกรรมก็ตาม แต่อย่าลืมว่าบทสวดของพระก็อันเดิมความหมายเดิม ไม่ได้แบ่งว่าบทสวดนี้เฉพาะงานแต่งงานนะ เฉพาะงานขึ้นบ้านใหม่นะ ฯล

    ประวัติศาสตร์ทางศาสนาศึกษามากๆเข้า โดยเฉพาะความเป็นมาอย่างละเอียดโดยมีความเป็นกลางจะเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

    ปล. พราห์ม สะกดแบบไหน ?
     
  6. เอกอิสโร

    เอกอิสโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,051
    ค่าพลัง:
    +3,809
    ผมแยกออกนานแล้วครับว่า พราหมณ์ กับ ฮินดู ที่ศังกราจารย์ เพิ่งตั้งขึ้นมา หลัง พ.ศ. 1300 มาแล้ว

    แต่จะทำอย่างไร? ถึงจะทำให้คนอื่น แยกออกนี่สิปัญหาครับ
     
  7. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    เมื่อวานออกเรื่องจริงผ่านจอด้วยนิคุณเอก ใช่คุณเอกไหมครับตาแว่นคนนั้นนะ
     
  8. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    โอ้.....รู้จักศังกราจารย์ด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆๆๆ
    [​IMG]
     
  9. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    เหมือนกันตรงที่ยังโง่เหมือนเดิมไม่แตกต่างกัน
    (||)(||)(||)
     
  10. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    คุณพี่ HLC ของผมมาแบบใหม่แล้ว55555555555555 ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้คุณพี่เลยนะขอรับ
     
  11. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    โอ้คุณเอก นี่เองที่ออกเรื่องจริงผ่านจอ อ่า ขนาดรายการยังเชิญไปออกเลยนะเนี่ย o_O
     

แชร์หน้านี้

Loading...