เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีสัมผัสที่ 6

มีอาการ แบบไหน หรือมีลักษณะพิเศษอย่างไรคับ
แล้ว คนที่มีสัมผัสที่ 6 สามารถติดต่อกับวิญญาณได้ไหมคับ

 

ก็มีหลายอย่างนะอาการ(ลักษณะพิเศษ) บางคนเค้าก็ขนลุกเวลามีพลังงาน(วิญญาณ)อยู่ใกล้ หรือเข้าไปในสถานที่ที่มีพลังงาน(อันนี้ประสพการณ์ตรงค่ะ จากคนรู้จักกัน) บางคนเค้าก็เห็น อาจจะไม่ได้เป็นตัวตนที่ชัดเจน แต่บางคนก็เห็นชัดเจน พูดคุยได้มั๊ยมีบางคนค่ะ ส่วนมากที่เห็นๆกันผีมายังไม่ทันได้สื่อสารกัน กลัวลนลานกันไปหมด บางคนวิ่งหนี บางคนกรี๊ดดดดดด บางคนสลบงี้ 55555 แล้วแต่คนค่ะ ผีคงงงอะ ว่าเอะ!ฉันยังไม่ได้ทำไรหล่อนเลยนะ อิอิ
แต่เราเองรู้สึกได้ว่าที่ไหนมี ไม่มี เห็นบาง บางเป็นร่างดำๆ ไม่ก็แบบโปร่งใส ความเห็นส่วนตัวนะเราว่าคงเป็นพลังงานที่ไม่สมดุลมากกว่า แบบไม่ใช่ของมนุษย์ประมาณนั้นอะ เมื่อสองปีก่อน เพราะเรื่องสัมผัสนี่ละทำเราไข้กินไปเลยอะ

ปล.รอเพื่อนๆท่านอื่นมาบอกเพิ่มเติมนะจ๊ะ

 

พระ หรือผู้ปฏิบัติได้ระดับญาณชั้นสูง รู้เรื่องเหล่านี้ดี
คือพระที่บรรลุวิชชา3 หรือวิชชา8 มีหูทิพย์ ตาทิพย์ เป็นต้น ท่านรู้เรื่องนี้ดี ฯ สำหรับพวกเรา ส่วนใหญ่ ก็หูทึบ ตามทึบ จึงมองอะไรไม่เห็น แม้กระทั่งตัวเองก็ยังมองไม่เห็น ที่จะมองเห็นผู้อื่นก็ยิ่งยาก

มีอาการเป็นแบบไหน ก็มีที่ท่านบอกได้ (มีอาการแบบไหน ตอบว่า เราต้องมองเห็นตัวเราเองก่อน แล้วก็ต่อย ๆ พัฒนาขึ้นสูง ไปเรื่อย ๆ)
แต่ผู้ต้องการคำตอบจะสามารถเข้าใจได้หรือเปล่าล่ะ เพราะผู้รอคำตอบ ยังไม่ถึงตรงนั้นก็ยังไม่เห็นของจริง บอกไปก็ได้แต่บอก
เหมือนกับบอกว่า เมืองนครซาน ฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาสวยน่าไปชม หรือเป็นอย่างไร ผู้เคยไปแล้วบอกได้
แต่ผู้ฟังก็รู้ได้จากการศึกษาค้นคว้าตามตำรา หรือด้วยสื่อต่าง ๆ ได้ แต่ก็ยังไม่ใช่ของจริงอยู่นั่นแหละ ฯ
ดังนั้น เราต้องรีบปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้อง คือเริ่มต้นจากรักษาศีลทั้งหมดที่มีอยู่ คือศีลระดับพื้นฐาน (จุลศีล) ศีลระดับกลาง มีข้อปฏิบัติที่ละเอียดเพิ่มขึ้น และมหาศีลคือยิ่งละเอียด ในการงดบาปทั้งปวง ด้วยมหาศีล ก่อน ด้วยการเจตนาวิรัติ คือตั้งใจงดเด็ดขาด จากการทำทุจริตทางกาย วาจา ใจ ก่อน ฯ ทำให้จิตสงบในระดับที่ใช้งานทางจิตได้ คือให้ใจอยู่กับที่ ไม่วิ่งไปวิ่งมา ไม่ฟุ้งซ่าน คือต้องทำจิตให้อ่อน ยอมรับที่จะทำงานให้เรา (เราส่วนใหญ่ทำงานตามจิตสั่ง เพราะเราบังคับตัวเองยังไม่ได้ เพราะขาดสติ หรือสติอ่อน สัมปะชัญญะไม่แข็ง คือยังไม่คมพอ หรือเปรียบเทียบกับแสงสว่างก็เป็นไฟฉายอ่อนถ่าน คือพลังงานไฟไม่มาก จึงส่องทางไม่เห็น หรือส่องไม่ทะลุม่านหมอก จึงมองไม่เห็นอะไร เพราะปัญญา ญาณไม่เกิด หรือเหมือนกระจกส่องหน้าที่มีคราบจับเกรอะอยู่ ส่องหน้าไม่เห็น หรือเห็นไม่ชัด เราก็ต้องขัดคราบนั้นออกก่อน ถ้าไม่ขัดก็มองไม่เห็นชัดจึงยังต้องมีหูทึบ ตาทึบต่อไป นั่นไม่ดี )
เราสามารถหาคำตอบได้ตามตำรา เพื่อเป็นแนวทางของการศึกษา และปฏิบัติให้ถึงของจริงได้ ถ้าอยากได้คำตอบตรงจริง ต้องปฏิบัติด้วยตนเอง
เพื่อคลาย หรือหายสงสัย มีตัวอย่าง เช่น ให้ศึกษาประวัติหลวงปู่สมชาย วัดเขาสุกิมฯ หลวงปู่จันทา ถาวโร จังหวัดพิจิตร ฯ หลวงปู่ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี ฯ นะครับ
ขอให้ได้รับคำตอบด้วยการปฏิบัติ โดยเร็วเถิด

บางท่านตอบแล้วนั้น เราก็ได้คำตอบบ้างแล้ว
ถ้าเราต้องการดูทีวีหลายช่อง อย่างแรกที่ขาดไม่ได้ต้องไปซื้อทีวีก่อน คือปฏิบัติก่อน แล้วติดตั้งทีวีโดยช่างผู้รู้จริง ก็จะได้ทีวี มีคลื่นหรือสัญญาณ ดี ๆ ก็จะได้ผลคือสามารถดูทีวีได้หลายช่อง ชัดเจนบ้าง ไม่ชัดบ้าง นั้นแหละครับ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

มารอฟังคำตอบด้วยคนค่ะ

 

เราก็ดูผลที่เกิดขึ้นครับ เช่น เราอยากสื่อสารกับพญานาค เราก็ไปที่ที่มีพญานาคนั้นอยู่ แล้วเราก็กำหนดจิตให้เป็นหนึ่งเดียว(เข้าฌาน) แล้วเราก็สัมผัสหรือสื่อสารกับเขาได้ครับ