พื้นที่ปลอดภัยยามเกิดอภิมหันตภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย

พืชสมุนไพรจำพวกไหนบ้างครับ

 

แหม ใจเย็น ๆ สิค่ะ ที่นี่อินเตอร์เน็ตช้ามาก บางทีข้อความหนึ่ง
จะโพสได้ก็เป็นชั่วโมง หลุดก็บ่อย แถมไฟดับเป็นประจำ
จะลงข้อมูลสมุนไพรที่สำคัญ ๆ จำเป็นต้องใช้ในยามเกิดภัยต่าง ๆ
นอกนั้นสามารถ ศึกษาได้ตามหนังสือต่าง ๆ ถ้านำมาลงเสียหมด
จะกลายเป็นกระทู้ตำรายาสมุนไพรไปนะค่ะ อยากให้ทุกคนศึกษา
ตำราสมุนไพรพื้นบ้านไว้บ้าง รวมทั้งมีที่ทางก็แบ่ง ๆ กันไปปลูก
พืชผักสมุนไพรทิ้ง ๆ ไว้ จะได้เป็นทั้งอาหารและตัวยาในการรักษาโรค

 

เมื่อยามเกิดสงครามนิวเคลียร์ ท่านบอกว่าให้จัดเตรียม
คาลาไมน์ไว้สำหรับทาผิวหนัง จะได้ปลอดภัยจาก
สารกัมตภาพรังสี สำหรับคาลาไมน์ ในเมืองไทยได้นำ
สมุนไพรของต้นพญายอ (เสลดพังพอนตัวเมีย) โดย
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ มาทำเป็นคาลาไมน์
ได้เช่นเดียวกัน หรือจะเอาแบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน ก็นำ
ใบของต้นพญายอ ตำ ๆ ในครกยา และผสมกับเหล้าขาว
ทำแบบสด ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะ

 

วิธีใช้ตามภูมิปัญญาไทย สมุนไพรพญายอ

- การใช้พญายอรักษาอาการเนื่องจากแมลงกัดต่อย, เริม
ใช้ใบขยี้ทาบริเวณที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อยหรือเป็นเริม

- ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด บวม
แดง ร้อน แต่ไม่มีไข้) จากแมลงมีพิษกัดต่อย เช่น
ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน เป็นต้น โดยเอาใบสด
10-15 ใบ (มาก น้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด
ใส่ลงในครกยาตำให้ละเอียดเติมเหล้าขาวพอชุ่มยา
ใช้น้ำและกากพอกบริเวณที่บวมหรือถูกแมลงกัดต่อย
ใช้ทาซ้ำบ่อยๆจนกว่าจะหาย

 

- รักษาโรคเริมและงูสวัด โดยเอาใบสด 10-15 ใบ
(มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาดใส่ ลงใน
ครกยาตำให้ละเอียดตักใส่ภาชนะที่สะอาดและเติม
เหล้าขาวหรือแอลกอฮอล์พอท่วมยา ปิดฝาให้มิดชิด
ตั้งทิ้งไว้หนึ่งสัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวันกรองน้ำยาและ
เก็บไว้ ในภาชนะที่สะอาด นำน้ำยาทาบริเวณที่ปวดบวม
หากเป็นมากใช้กากพอกบริเวณที่เป็นได้

- ใช้รากฝนทาแก้พิษงูตะขาบและแมงป่อง

<Ohttp://herbal.muasua.com

 

ช่วงนี้อยู่ระหว่างการเดินทาง ตอนนี้อยู่ขอนแก่น
กำลังจะเข้าเชียงใหม่คืนนี้ ระหว่างรอรถเลยแว๊บมา
โพสข้อมูลก่อนค่ะ เดินทางมาทางอีสานหลายครั้งแล้ว
ทางด้านอีสานเป็นที่ปลอดภัยก็จริง แต่ค่อนข้างแห้งแล้ง
ถ้าคิดจะหลบภัยพิบัติจริง ๆ ควรเตรียมตัวศึกษาเรื่อง
การทำน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืดด้วยนะค่ะ เพราะต่อไปที่นี่จะ
ขาดแคลนเรื่องน้ำ และจะเกิดโรคระบาดมากกว่าภาคอื่น ๆ
ถ้าคิดจะมาหลบภัยจริง ๆ ควรจะเป็นในระยะแรก ๆ และ
หาที่หลบภัยหรือบ้านที่สอง ที่หลังจากภัยพิบัติพ้นไปแล้ว
จะได้มาอยู่อาศัยและเป็นที่ทำมาหากินไว้บ้าง จะเป็นการดี

 

รังสิต ปทุมธานี ควรไปที่ไหนจึงปลอดภัยคะ

 

เมื่อไรจะล่องใต้อีกครับ

 

ถึงเวลาเข้าจริง ๆ ก็คงจะเตรียมเป้เหมือนอย่างคุณไอย ว่าจริง ๆ ล่ะ ดูแล้วเหนื่อยหลายอย่างกับการโยกย้าย

 

ไม่ปลอดภัยทั้งหมดค่ะ เนื่องจากกรุงเทพฯ เดิม
คือทะเลมาก่อน ดังนั้นสูงสุดกลับสู่สามัญค่ะ
ถ้าจะให้ดี ควรดูพื้นที่ที่จะอพยพไว้ตั้งแต่
เนิ่น ๆ เลย จะดีกว่านะค่ะ แต่ถ้าปัจจุบันจำ
เป็นต้องอยู่ด้วยภาระหน้าที่การงาน ควรปลูก
บ้านหรือถมพื้นที่ให้สูงไว้กว่าเยอะ ๆ หรือสร้าง
บ้านลอยน้ำไว้ ยามน้ำท่วมก็ปลอดภัย ยามน้ำลด
ก็อยู่อาศัยได้ตามปกติ

 

มาถึงเมื่อวานแล้วค่ะ กลับจากเชียงใหม่ ก็ตีรถลงตรัง
ก็เลยขอพักสักวัน นั่งรถจนเมื่อยไปหมด ขาไปเชียงใหม่
นั่้งอยู่บนรถสองแถว กะจะไปลงประตูเชีัยงใหม่ต่อรถกลับบ้าน
เผอิญเจอพระสงฆ์ 2 รูป กำลังจะไปเชียงดาว แว่ว ๆ ว่าจะไป
วัดถ้ำเมืองนะ แต่ไม่รู้จะไปต่อรถอย่างไร ก็เลยสอบถาม
ท่านบอกว่าจะไปหาหลวงตาม้าใช่หรือไม่ ผู้เขียนก็เลยไปส่งที่
ท่ารถประตูช้างเผือก เพื่อที่จะไปต่อรถไปเมืองนะ และก็ทำบุญ
กับท่าน เสร็จแล้วก็จะกลับ ท่านก็เรียกไว้ว่ามารับศีลรับพรก่อน
และท่านก็ยื่นเหล็กไหลกับพระองค์เล็ก ๆ ให้หนึ่งองค์
ท่านก็บอกว่ารู้มั้ยที่ให้นะเป็นเหล็กไหลนะ ผู้เขียนก็หัวเราะ
บอกว่าตนเองก็มีอยู่ 4-5 องค์ แต่ยกให้คนอื่นไปหมดแล้ว
ไม่นึกว่าจะได้กลับมาอีก พอกลับถึุงบ้านทั้งน้องทั้งแม่พากันขอ
แต่เผอิญตอนที่รับจากท่านนั้น จิตบอกว่าของของเรานะ
ก็เลยต้องบอกว่าเหล็กไหลอยากอยู่กับผู้เขียน ถ้าให้ไปแล้ว
เดี๋ยวจะเป็นโทษกับคนรับ เพราะเหล็กไหลเปรียบเสมือน
ดาบสองคม ถ้าทำดีก็จะให้คุณกับตนเอง แต่ถ้าผู้ครอบครอง
ผิดศีล ประพฤติไม่ดี ก็จะเกิดโทษกับตนเองเช่นกัน

 

ผู้เขียนทำแบบนั้นได้จริง ๆ แต่ตนเองก็เตรียมการมาก่อนหน้า
ไว้หลายปี บังเอิญงานที่ทำอยู่เกี่ยวข้องกับผู้คนเยอะ รู้จักคนมาก
และประกอบกับลักษณะนิสัยของตนเอง ทำให้ไปอยู่ที่ไหน
ก็สามารถปรับตัวอยู่กับเขาได้ เดี๋ยวตอนท้าย ๆ จะแนะนำให้
นะค่ะว่า จะทำอย่างไร จริง ๆ แล้วง่ายนิดเดียว เปรีัยบดังเส้นผม
บังภูเขา ถ้าผู้เขียนแนะ ทุกคนจะร้องว่า รู้อย่างนี้ทำมาตั้งนานแล้ว
ไม่น่าไปเสียเงินเสียทองซื้อที่ซื้อทางไว้ทำไมให้มากมาย สู้เอา
เงินมาทำประโยชน์แบบนี้จะดีกว่า ผู้เขียนขออุ๊บไว้ท้าย ๆ เด้อ
ว่าจะทำแบบนั้นได้อย่างไร

 

ยินดีครับที่ล่องใต้อีกครั้ง ว่าแต่จะขอเข้าไปรับทราบแบบโทรเลขด่วนที่สุด(^_^)ได้ป่ะ คุณไ_

 

อยู่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ไกล้เบาพนมรุ้งและเขาอังคารปลอดภัยมั้ยคะ่................
ภูเขาไฟที่บุรีรัมย์ลูกใหนเสี่ยงต่อการปะทุ ....ช่วยให้ข้อมูลหน่อยคะ..ขอบคุณมากคะ่..

 

จังหวัดเชียงราย

จังหวัดเชียงรายมีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงในทวีปตอนเหนือ
(North Continental Highland) มีพื้นที่ราบสูงเป็นหย่อม ๆ
ในเขตอำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า และอำเภอเชียงของ
บริเวณเทือกเขาจะมีความสูงประมาณ 1,500-2,000 เมตร
จากระดับน้ำทะเล บริเวณส่วนที่ราบตามลุ่มแม่น้ำ ในตอนกลาง
ของพื้นที่ ได้แก่ อำเภอพาน อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่จัน
อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ มีความสูง
ประมาณ 410-580 เมตร จากระดับน้ำทะเล

 

ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศไทย อาณาเขตของจังหวัด
ทางทิศเหนือติดกับแคว้นเมืองสาด และ แคว้นท่าขี้เหล็ก
ของ รัฐฉาน ประเทศพม่า และ แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว
ทิศตะวันออกติดกับแขวงอุดมไซ ประเทศลาว ทิศใต้ติดกับ
อำเภอแม่ใจ อำเภอภูกามยาว อำเภอดอกคำใต้ อำเภอจุน
อำเภอเชียงคำ และ อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา อำเภอ
เมืองปาน และ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ทิศตะวันตก
ติดกับ อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอพร้าว อำเภอไชยปราการ
อำเภอฝาง และ อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และ
แคว้นเมืองสาด ของ รัฐฉาน ประเทศพม่า มีชายแดนติดกับ
ประเทศพม่ายาว ประมาณ 130 กิโลเมตร และมีชายแดน
ติดต่อกับลาวประมาณ 180 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ
11,680 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7,290,000 ไร่

 

ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง มีป่าไม้ปกคลุม บริเวณ
เทือกเขามีชั้นความสูง 1,500-2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล
มีที่ราบเป็นหย่อม ๆ ในระหว่างหุบเขา และตามลุ่มน้ำ
จังหวัดเชียงรายมีภูเขาล้อมรอบโดยเฉพาะทางทิศตะวันตกเป็น
แนวเทือกเขาผีปันน้ำ ติดต่อกันไปเป็นพืดตลอดเขตจังหวัด
การปกครองแบ่งออกเป็น 18 อำเภอ 124 ตำบล 1,751 หมู่บ้าน

 

พระธาตุดอยทอง วัดพระธาตุดอยจอมทอง ถ.จอมทอง ตำบลเวียง
อำเภอเมือง (พระเกศาธาตุ, พระบรมธาตุส่วนหน้าผาก ๕ องค์)

วัดพระธาตุดอยจอมทอง หรือวัดพระธาตุดอยทอง
(หรือวัดพระธาตุดอยตอง ตามสำเนียงคนเชียงราย)
เป็นหนึ่งในพระธาตุ 9 จอม ตั้งอยู่ใน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
เป็นวัดเก่าแก่ และถือเป็นปูชนียสถานแห่งหนึ่งใน “เก้าจอม”
ของสถานที่อันเป็นมงคลนามของจังหวัดเชียงราย โดยวัดพระธาตุ
ดอยจอมทองนี้ สันนิษฐานว่าสร้างก่อนที่พญามังรายมหาราชจะ
เสด็จมาพบพื้นที่บริเวณนี้ และโปรดให้สร้างเมืองเชียงรายใน
ปี พ.ศ. 1805 โดยตามประวัติที่มีการกล่าวถึงวัดพระธาตุ
ดอยจอมทองระบุว่าสร้างขึ้นในรัช สมัยพญาเรือนแก้ว
เจ้าผู้ครองเมืองไชยนารายณ์ (บริเวณอำเภอเวียงชัยปัจจุบัน) นี้

 

พ.ศ. 1483 โดยในการสร้างวัดครั้งนั้น ได้มีการสร้างองค์พระเจดีย์
ประธานของวัดขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรม สารีริกธาตุของ
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระมหาเถระชาวลังกาได้นำมา
ถวายแด่พญาพังคราชแห่งเมืองโยนกนาคพันธุ์ ซึ่งพญาพังคราช
ได้โปรดให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 3 ส่วน และนำไป
ประดิษฐาน ณ พระบรมธาตุเจดีย์ที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย
ในปัจจุบัน ได้แก่ พระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง พระธาตุจอมกิตติ
และพระธาตุดอยจอมทองแห่งนี้

 

นอกจากนั้นตรงข้ามพระธาตุดอยทอง เป็นที่ตั้งของเสาสะดือเมือง
108 หลัก ซึ่งสร้างตามคติโบราณล้านนา คือจะใหญ่เท่าห้ากำมือ
และสูงเท่าความสูงของพระเจ้าแผ่นดิน เสาสะดือเมืองเรียงเป็น
วงกลมซ้อนกันหลายวง แทนสมมติจักรวาล อันมีเขาพระสุเมรุ
เป็นแกนกลาง ล้อมรอบด้วยน้ำห้าร่องแทนปัญจมหานที ขั้นบนสุด
เปรียบได้กับนิพพาน เสาสะดือเมืองชาวเชียงรายได้ร่วมใจสร้างขึ้น
เมื่อปี พ.ศ 1531 เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพญาเม็งราย
และได้มีการบูรณะในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบห้ารอบ
ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว