5 ข้อที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำกับลูก

5 ข้อที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรทำกับลูก



เนื้อหา »

คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมีลูกเล็ก ๆ อาจจะเริ่มหงุดหงิดทำไมลูกเป็นอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ไม่ได้ดังใจเอาซะเลย แทนที่จะมานั่งคิดถึงแต่ใจเรา ลองคิดถึงใจเขาดูบ้างค่ะ ย้อนนึกไปสมัยเราเด็ก ๆ มีบ้างไหมที่เราเคยน้อยอกน้อยใจ คุรพ่อคุณแม่ แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว และเมื่อคิดได้ดังนั้นก็อย่างนำเอาประวัติศาสตร์ที่เคยได้รับมาซ้ำรอยเอากับ ลูกก้แล้วกัน

คำแนะนำต่อไปนี้ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ในการที่จะสร้างความรู้สึกดี ๆ ให้กับลูกค่ะ เป็นคำแนะนำถึงสิ่งที่คุณไม่ควรทำ 5 อย่าง

1. พูดคำว่า “อย่าทำ…” ลองนึกดูสิคะว่าคนเราเนี่ย มักจะพูดถึงสิ่งที่เราไม่ต้องการ แทนที่จะบอกในสิ่งที่เราต้องการออกไปดดยที่เราไม่รู้ตัวเสมอ เรามักจะห้ามลูก ๆ ด้วยคำว่า “อย่า” แทนที่จะบอกกับเขาว่า เราอยากให้เขาทำอะไร ซึ่งผลมันจะลงเอยด้วยว่า ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ คุณพ่อคุณแม่ที่ชอบพูดคำนี้ เปลี่ยนวิธีใหม่ดีกว่านะคะ ยกตัวอย่างเช่น เราจะบอกเขาว่า “อย่าเอามือไปแหย่พัดลม” ก็ให้เปลี่ยนเป็น “ถ้าลูกเอามือไปแหย่พัดลม ใบพัดมันจะตัดนิ้วลูกขาด” แบบนี้ดีกว่าค่ะ

2. ใช้คำถามว่า “ทำไมไม่…” เช่นว่า “ทำไมถึงไม่อ่านหนังสือนะ มัวแต่นั่งดูทีวีอยู่ได้” หรือ “ใครสั่งให้ทำอย่างนี้เนี่ย” คุณพ่อคุณแม่ จะไม่ได้อะไรจากคำถามที่คุณถามนี้เลยค่ะ แทนที่คุณจะพูดแบบนี้ คุณควรจะสงบสติอารมณ์เสียก่อน แล้วค่อยพูดกับลูกดี ๆ ในเชิงบวกว่า “แม่คิดว่าลูกน่าจะอ่านหนังสือมากกว่านะ” และพยายามพูดให้สั้น กระชับและจบตรงนั้น การตีโพยตีพาย นอกจากจะน่ารำคาญแล้ว ยังเป็นการท้าทายให้ลูกเถียงกลับ หรือคิดโกหกให้คุณหยุดซะที ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายค่ะ

3. เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น ไม่มีใครอยากให้เอาตัวเขาไปเทียบกับใครหรอกค่ะ นึกว่าเป็นเราสิ เราก็คงไม่ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคที่ว่า “ดูลูกบ้านโน้นสิ เขาขยันเรียนมากกว่าลูกอีก” หรือ “ทำไมลูกบ้านโน้นเขาฉลาดนะไม่เห็นเหมือนเราเลย” คุณพ่อคุณแม่ควรจะนึกว่า แต่ละคนก็มีบุคคลิกเฉพาะตัวของตัวเอง การถูกเปรียบเทียบจะทำให้ลูกเสียความนับถือตัวเอง แทนที่จะกระตุ้นให้เขาคิด เขากลับจะขุ่นเคืองและต่อต้านที่คุรแม่คุณพ่อไม่นับถือความคิดของเขาเสีย ด้วยซ้ำค่ะ

4. อธิยายเยิ่นเย้อยาวนาน นักจิตวิทยาบอกว่า เวาลาเราจะแนะนำใคร ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ เขาจะยิ่งคิดน้อยลงเท่านั้น แต่ถ้าเปิดโอกาสให้เขาพูด เขาจะคิดมากขึ้น สำหรับลุกก็เหมือนกัน ถ้าเรายิ่งอธิบายรายละเอียดมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งไปยับยั้งความเข้าใจของเขาเองดังนั้นจงแนะนำแต่ใจความสำคัญเท่านั้น ค่ะ แล้วปล่อยให้เขาคิดและอธิบายตาความเข้าใจของตนเอง

5. ละเลยปัญหาเมื่อเขามาปรึกษา เวลาลูกมาขอคำปรึกษาอย่างจริงจัง คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรสนใจในสิ่งที่เขาทำลงไปแล้วให้มากนัก และไปคอยแต่ตำหนิอดีตที่เอากลับคืนมาไม่ได้ แต่ควรจะคุยในสิ่งที่คุณรู้สึกต่อปัญหา และพยายามทำความเข้าใจให้มาก แล้วช่วยกันแก้ไขเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น หากพ่อแม่รับฟังปัญหาลูกได้ดี เราจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลปัญหายาเสพติด หรือปัญหาวัยรุ่นที่เกิดขึ้นต่าง ๆ มากมายหรอกค่ะ

-------------
http://www.samunpai.com/

 

ขอบคุณพ่อ ขอบคุณแม่ ที่ไม่ทำนิสัยแบบนี้กับผม

ขอบคุณครับ

 

เห็นด้วยเลยครับ