ข่าวด่วน...ชาวบ้านบุรีรัมย์พบเปลวไฟเชื่อลาวาภูเขาไฟปะทุกลางละหานทราย

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>ชาวบ้านบุรีรัมย์พบเปลวไฟเชื่อลาวาภูเขาไฟปะทุกลางละหานทราย </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>21:00 น. พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภอ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งจากนายวิทยา บุญเต็ม อายุ 20 ปี ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนำก้อนหินคล้ายลาวามอบให้และเล่าว่า เมื่อคืนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณป่าข้างทาง กม.1-2 ถ.ละหานทราย - เฉลิมพระเกียรติ บ.โนนสง่า ม.2 ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พบว่าข้างทางมีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นสีเขียวแดง รุ่งเช้าขี่กลับมาและได้แวะดูพบเป็นก้อนหินไหลเป็นทางลงแอ่งน้ำข้างทาง จึงเรียกเพื่อนบ้านมาดูและพากันเชื่อว่าน่าจะเป็นหินลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดินและอาจจะนำโชคมาให้ก่อนมาแจ้งตำรวจ ด้าน ดต.สมเกียรติ ปาประโคน ผบ.หมู่งานสืบสวน สภอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่เห็นเล่าว่า ตนขี่จักรยานยนต์มาเข้าเวรฯ พบเห็นเปลวไฟพุ่งขึ้นมาเกรงจะเป็นพวกรังสีที่เป็นอันตรายจึงได้เตือนชาวบ้านอย่าเข้าใกล้จนรุ่งเช้าได้แจ้งให้ผู้กำกับทราบ ด้าน พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ นำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากพากันลงขุดเอาดินและหินลาวา จึงให้เจ้าหน้าที่นำเชือกมาล้อมรอบเพราะเกรงจะเป็นอันตรายและห้ามชาวบ้านไม่ให้ขุดโดยเด็ดขาด ได้รายงานให้ พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ทราบ และได้แจ้งไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 2 จ.นครราชสีมา และกองธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้กันฝูงชนไว้เชื่อว่าน่าจะเป็นลาวาใต้พื้นโลกที่เริ่มระอุและอาจจะปะทุขึ้นมาเมื่อใดก็ได้เพราะเขตอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ อยู่ห่างจากอุทยานปราสาทเขาพนมรุ้งเพียง 20 กิโลเมตร และเขาอังคารซึ่งเป็นปล่องภูเขาไฟในอดีต เพียง 10 กิโลเมตร พื้นที่โดยทั่วไปในจ.บุรีรัมย์จะมีภูเขาไฟอยู่จำนวนมาก แต่ชาวบ้านต่างพากันแอบนำหินลาวาไปเชื่อว่าจะให้โชคลาภ ทางเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์ฯจะได้เร่งเข้ามาตรวจสอบทั้งขอร้องชาวบ้านอย่าเข้าไปใกล้และอย่านำหินที่พบกลับไปเพราะเกรงจะเกิดอันตราย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เริ่มปรากฏแล้วสินะครับ

 

ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ดี กรรมพาไป

 

(f)

ดิน .... แผ่นดินไหว

น้ำ ....... น้ำท่วม

ลม.........พายุ

ไฟ...........ภูเขาไฟ


มันจะมากันครบ มหกรรม กำลังเริ่มขึ้น


๗ ปี แห่งความสบสน ระทมทุกข์ สูญเสีย พลัดพราก

 

(f) การแก้ไข

ไม่ทันแล้ว

รีบ.......

สะสม

ทรัพย์ภายใน

 

ไม่ทันแล้วครับสำหรับท่านที่ไม่เคยได้สะสมมาก่อน
สำหรับท่านที่มีสะสมไว้แล้วก็ถึงช่วงที่ต้องเริ่มให้ทรัพย์เดิมรักษาตนแล้ว
ระวังและรักษาสุขภาพให้ดี
และอย่าลืมมองทุกข์ให้เห็นธรรม

 

*** โลก เตือนแล้วนะ ****

พึ่ง "โลกุตตระ และ สัจจะธรรม"
คือ...ปฏิบัติ สัจจะ ให้เป็นประจำทุกวัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

จะช้า...หรือ จะเร็ว....ขึ้นกับ "จิตใจคนเรา"
จะรอด ...หรือ ไม่รอด....ขึ้นกับ "การกระทำในอดีต" และ "สัจจะ ที่ทำได้"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

รบกวนแจ้งที่มาของข่าวด้วยครับ เพื่อความถูกต้อง และสามารถตรวจสอบได้
ของข้อมูลครับ

 

ลาวา...นำทองคำมาให้
ผู้ที่ได้ใช้ ...คือ ผู้ที่รอดพ้น สรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

แหม....อยากเห็นรูปถ่ายจริงๆ สงสัยอาจารย์ ปริญญา คงจะแม่นคราวนี้แหละ

ถ้าเป็นจริงตามนี้ ก็นับว่าคนชั่วหมดเวลากลับใจแล้ว เตรียมไปรับโทษทัณฑ์ในนรกได้

 

มาจากเนชั่นทันข่าวครับ

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=258543&lang=T

ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2550
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>ชาวบ้านบุรีรัมย์พบเปลวไฟเชื่อลาวาภูเขาไฟปะทุกลางละหานทราย </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>21:00 น. พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภอ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งจากนายวิทยา บุญเต็ม อายุ 20 ปี ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนำก้อนหินคล้ายลาวามอบให้และเล่าว่า เมื่อคืนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณป่าข้างทาง กม.1-2 ถ.ละหานทราย - เฉลิมพระเกียรติ บ.โนนสง่า ม.2 ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พบว่าข้างทางมีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นสีเขียวแดง รุ่งเช้าขี่กลับมาและได้แวะดูพบเป็นก้อนหินไหลเป็นทางลงแอ่งน้ำข้างทาง จึงเรียกเพื่อนบ้านมาดูและพากันเชื่อว่าน่าจะเป็นหินลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดินและอาจจะนำโชคมาให้ก่อนมาแจ้งตำรวจ ด้าน ดต.สมเกียรติ ปาประโคน ผบ.หมู่งานสืบสวน สภอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่เห็นเล่าว่า ตนขี่จักรยานยนต์มาเข้าเวรฯ พบเห็นเปลวไฟพุ่งขึ้นมาเกรงจะเป็นพวกรังสีที่เป็นอันตรายจึงได้เตือนชาวบ้านอย่าเข้าใกล้จนรุ่งเช้าได้แจ้งให้ผู้กำกับทราบ ด้าน พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ นำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากพากันลงขุดเอาดินและหินลาวา จึงให้เจ้าหน้าที่นำเชือกมาล้อมรอบเพราะเกรงจะเป็นอันตรายและห้ามชาวบ้านไม่ให้ขุดโดยเด็ดขาด ได้รายงานให้ พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ทราบ และได้แจ้งไปที่สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 2 จ.นครราชสีมา และกองธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้กันฝูงชนไว้เชื่อว่าน่าจะเป็นลาวาใต้พื้นโลกที่เริ่มระอุและอาจจะปะทุขึ้นมาเมื่อใดก็ได้เพราะเขตอ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ อยู่ห่างจากอุทยานปราสาทเขาพนมรุ้งเพียง 20 กิโลเมตร และเขาอังคารซึ่งเป็นปล่องภูเขาไฟในอดีต เพียง 10 กิโลเมตร พื้นที่โดยทั่วไปในจ.บุรีรัมย์จะมีภูเขาไฟอยู่จำนวนมาก แต่ชาวบ้านต่างพากันแอบนำหินลาวาไปเชื่อว่าจะให้โชคลาภ ทางเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์ฯจะได้เร่งเข้ามาตรวจสอบทั้งขอร้องชาวบ้านอย่าเข้าไปใกล้และอย่านำหินที่พบกลับไปเพราะเกรงจะเกิดอันตราย

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=right width="65%" bgColor=#ededed></TD><TD align=right width="35%"> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เนชั่นทันข่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

อ.ปริญญา เคยเตือนไว้ว่าในประเทศไทย จะเกิดภูเขาไฟลูกใหม่ให้เห็นอย่างน้อยๆ 3 แห่ง จากรอยปริแตกของเปลือกโลก

- บริเวณเทือกเขา ระหว่างพิจิตรกับเพชรบูรณ์
- เทือกเขา ระหว่าง กาญจนบุรีกับราชบุรี
- เขตรอยต่อระหว่างเชียงใหม่ - เชียงราย (เชียงของ)
- แถบทางภาคอีสานตอนใต้

ถ้าจะสั่นสะเทือนต่อเนืองกันรอบโลก (ครั้งแรก) แผ่นดินไหวต่อเนืองกันทุกประเทศทั่วโลก ภูเขาไฟทุกลูกจะถูกปลุกให้ตื่น..ไม่เว้นแม้แต่ในมหาสมุทร
ให้สังเกตจะมีกลิ่นควันกำมะถันลอยขึ้นมา ควรระวังและออกห่างให้มากที่สุด

 

*** ภัยหนักทางน้ำ ****

คือ ภัยจากแม่น้ำโขง
จุดเริ่ม...คือ เชียงแสน เชียงของ
น้ำพัดจาก...เหนือสุดไทย ถึง กรุงเทพ

จะเกิดขึ้นได้...จะต้องมีเหตุ !!!!!!!
น้ำจะท่วม...จากริมโขงไปทั่ว อีสาน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พอทราบเรื่องก็แจ้งให้เพื่อนๆทราบ แต่ดูเหมือนว่าทุกคนไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งบอกเหตุนี้เลย ผมเลยต้องเงียบและจะไม่พูดเป็นการสาธารณะอีก เพราะถือว่าได้บอกแล้ว

เพื่อทราบข้อเท็จจริงที่ชัดขึ้นผมได้ติดต่อไปยังกรมทรัพยากรธรณี เจอเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งซึ่งไม่ยอมตอบคำถามและไม่ยอมบอกรายละเอียดใดๆ ตอบแต่เพียงว่าทราบข่าวดังกล่าวมาก่อนแล้ว
ผมเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกรงว่าจะเกิดความแตกตื่นหรืออยู่ในระหว่างตรวจสอบจึงไม่สามารถชี้ชัดได้ (ในทางกลับกันหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจะแก้ไม่ทัน และอพยพคนไม่ทัน)

หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ชาวบ้านให้ไว้(ตามหัวข้อข่าว)ที่เห็นเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นสีเขียวแดงนั้น ผมค้นข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้องว่า ธาตุใดบ้างก่อให้เกิดเปลวไฟสีเขียวและสีแดง บ้างเจอบางส่วนครับ
Red = Lithium chloride , strontium chloride
Green = Copper sulfate , Borax (Sodium borate)
อ้างอิงจาก http://www.sciencecompany.com/sci-exper/flamecolors.htm

ซึ่งหากเราทราบว่าธาตุที่ปนออกมากับลาวาส่วนใหญ่เป็นธาตุอะไร ตรงกับธาตุที่ผมค้นมาหรือไม่ ก็น่าจะเช็คได้ว่าเปลวไฟสีเขียวและแดงที่ชาวบ้านและดาบตำรวจท่านนั้นเห็นเป็นไฟจากลาวาหรือไม่ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์สีของเปลวไฟออก ก็น่าจะนำไปสู่คำตอบบางอย่างได้

 

ของผมเลือกบอกคนที่เชื่อก่อนครับ สงเคราะห์ผู้ที่เราสามารถสงเคราะห์ได้ก่อน
ส่วนคนอื่น ๆ เราก็ค่อย ๆ หาวิธีบอกทางอ้อม ๆ ครับ
เช่นเรื่องเขื่อนที่กาญจนบุรี บางทีบอกกันดี ๆ ไม่เชื่อกัน ก็ต้องหาข้อมูล
ที่น่าเชื่อถือทางด้านอื่น ๆ มาให้อ่าน (เอาข้อมูลของคุณ ZZ) ไปให้เค้าอ่าน
เค้าค่อยเชื่อ แล้วก็ตื่นตัวกันครับ

 

ขอย้อนไปสมัยแอตแลนติสหน่อยครับ

อาณาจักรแอตแลนตีส ซึ่งตั้งอยู่บนทวีปแอตแลนตีส ที่เคยเป็นศูนย์กลางของคาวามเจริญในแทบทุกด้าน ได้ถึงกาลอวสานล่มสลาย พื้นทวีปทรุดตัวลงไปอย่างรวดเร็วกลายสภาพเป็นพื้นน้ำในชั่วพริบตา ประชาชนที่กำลังสนุกสนานร่าเริง หรือขลุกอยู่กับภารกิจประจำวันต้องจบชีวิตลงอย่างเอน็จอนาจโดยที่ไม่ทันจะรู้ตัว หมดโอกาสที่จะช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากอันตรายได้ มนุษย์ สัตว์ อาคารบ้านเรือ พีระมิดคริสตัลและเค้าโครงของอารยธรรมทั้งหลาย ยังคงฝังซากของอดีตอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร เพื่อรอจังหวะเวลาของการวนรอบของเหตุการณ์ที่จะเวียนมาบรรจบอีกครั้ง และถ้าหากคู่อริทั้ง 2 กลุ่มในอดีต ไม่สามารถก้าวพ้นไปจากวิบากหรือเหตุที่ได้สร้างไว้ได้การย้อนรอยของกรรมหรือพลังงานคงจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อถึงเวลา<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O> </O>
<O></O>
<O>ตอนนี้ก็เหมือนสมัยแอตแลนติสครับ ไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์แกนโลกพลิกขึ้น</O>
<O>คนส่วนใหญ่ ก็สนุกสนานร่าเริงอยู่ในโลกแห่งทเทคโนโลยี คลุกอยู่กับชีวิตประจำวันแสวงหาแต่เงินทอง จนลืมไปว่าเหตุการณ์นี้จะกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า </O>
<O>เมื่อตุลาที่ผ่านมาพระอาจารย์รัตน บอกว่าไม่เกินสองปีครึ่ง ตอนนี้ก็คงไม่ถึงสองปีแล้วครับ ดังนั้น ขอให้ทุกคนตระหนักเรื่องนี้ไว้ อย่าเปนแบบคนส่วนใหญ่ในแอตแลนติสเลย</O>
<O></O>
<O>http://www.geocities.com/healthmeditation/desire/ds03.htm</O>
<O></O>

 

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>คิดว่า &acute;ลาวา&acute; ภูเขาไฟ ที่จริงหินบะซอลต์ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#b4c1d6><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=center> </TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 พ.ค. พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์ ผกก.สภ.อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์

รับแจ้งจากนายวิทยา บุญเต็ม อายุ 20 ปี

อยู่ บ้านเลขที่ 91 หมู่ 17 ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พร้อมนำก้อนหินคล้ายลาวามอบให้เป็นหลักฐาน พร้อมให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ขี่รถ จยย.ผ่านบริเวณป่าริมถนนสายละหานทราย-เฉลิมพระเกียรติ

ระหว่าง กม.1-2 บ้านโนนสง่า ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย

พบข้างทางมีเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดินเป็นสีเขียวแดง แต่ไม่กล้าหยุดรถดู เร่งขี่รถกลับบ้านไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง

กระทั่งรุ่งเช้าขี่กลับมาที่เดิมและแวะดู

พบก้อนหินแข็งไหลเป็นทางลงแอ่งน้ำข้างทาง เลยเรียกเพื่อนบ้านมาดูโดยเชื่อว่าน่าจะเป็นหินลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดินจึงนำตัวอย่างหินมาแจ้งความให้ช่วยตรวจสอบ ขณะเดียวกัน ด.ต.สมเกียรติ ปาประโคน ผบ.หมู่งานสืบสวน

สภ.อ.ละหานทราย ซึ่งเป็นอีกผู้หนึ่งที่เห็นเหตุการณ์

เปิดเผยว่า ขณะขี่รถ จยย.มาเข้าเวร เห็นเปลวไฟพุ่งขึ้นมาเกรงจะเป็นพวกรังสีที่เป็นอันตราย รีบเตือนชาวบ้านที่จอดรถดูอย่าเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.เปรื่อง นาคะพงษ์

ผกก.สภ.อ.ละหานทราย นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากพากันลงขุดเอาวัตถุที่เข้าใจว่าเป็นลาวาเพื่อนำไปบูชาหวังโชคลาภ รีบสั่งให้ชาวบ้านหยุดขุดอย่างเด็ดขาด

เนื่องจากยังไม่ทราบว่าเป็นวัตถุที่เกิดจากอะไร

อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้นล้อมรอบ จากนั้นได้รายงานให้ พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข ผบก.ภ.จ. บุรีรัมย์ รับทราบพร้อมแจ้งไปยังสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 2 จ.นครราชสีมา และกองธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี กรุงเทพฯ ทราบเพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

พ.ต.อ.เปรื่องกล่าวว่า หลังประสานไปยัง 2 หน่วยงาน

และบอกลักษณะของดินที่พบ ทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นลาวาใต้พื้นโลกที่เริ่มระอุและอาจจะปะทุขึ้นมา เพราะเขตพื้นที่ อ.ละหานทราย อยู่ห่างจากภูเขาอังคารซึ่งเป็นปล่องภูเขาไฟในอดีต เพียง 10 กม.

โดยทางเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณีรับปาก

จะรีบมาตรวจสอบโดยเร็ว พร้อมฝากขอร้องชาวบ้านอย่าเข้าไปใกล้และอย่านำหินที่พบกลับบ้านอย่างเด็ดขาดเพราะเกรงจะเกิดอันตราย

ด้านนายอดิชาติ สุรินทร์คำ ผอ.กองธรณีเทคนิค

กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หินลาวาที่ชาวบ้านเห็นนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะภูเขาไฟในประเทศไทย เป็นภูเขาไฟที่ตายแล้ว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=left bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
เหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดเคยเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย

แต่เมื่อประมาณ 6 แสนล้านปีมาแล้ว สำหรับพื้นที่ที่เป็นแนวภูเขาไฟ คือ ลพบุรี เพชรบูรณ์ และเลย ส่วน จ.บุรีรัมย์ ในอดีตเคยมีภูเขาไฟจริงแต่มีเป็นจุดๆเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด

ผอ.กองธรณีเทคนิค กรมทรัพยากรธรณี

กล่าวอีกว่า ดังนั้นคนที่เจอหินดังกล่าวน่าจะเป็นการนำจินตนาการมาผูกโยงกับสารคดีการเกิดภูเขาไฟแล้วอุปโลกน์ ขึ้นมาและหลอกลวงขายหินกันมากกว่า ส่วนหินลาวาที่ถูกนำมาอ้างนั้นน่าจะเป็นหินบะซอลต์ซึ่งมีลักษณะสีดำ

ซึ่งเป็นลาวาที่ปะทุและไหลขึ้นมาจากใต้พื้นดิน

แล้วเย็นตัวลงมากกว่า ไม่ใช่หินลาวาที่อ้างว่าเพิ่งปะทุขึ้นมาจากใต้ดินแล้วมีแสงสีแดงสีเขียว เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงชาวบ้านแถวนั้นคงอยู่ไม่ได้ เพราะจะมีความร้อนมาก

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#dee6ef><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://tnews.teenee.com/weird/11415.html

 

ด้านนายอดิชาติ สุรินทร์คำ ผอ.กองธรณีเทคนิค
กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หินลาวาที่ชาวบ้านเห็นนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะภูเขาไฟในประเทศไทย เป็นภูเขาไฟที่ตายแล้ว

ผอ.กองธรณีเทคนิค กรมทรัพยากรธรณี

กล่าวอีกว่า ดังนั้นคนที่เจอหินดังกล่าวน่าจะเป็นการนำจินตนาการมาผูกโยงกับสารคดีการเกิดภูเขาไฟแล้วอุปโลกน์ ขึ้นมาและหลอกลวงขายหินกันมากกว่า ส่วนหินลาวาที่ถูกนำมาอ้างนั้นน่าจะเป็นหินบะซอลต์ซึ่งมีลักษณะสีดำ




สรุปว่า อันนี้เป็นเพียงความเห็น โดยยังไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่หรือเปล่าครับ