"พันธสัญญา" คืออะไร พันธสัญญาเดิม-พันธสัญญาใหม่ คุณมีหรือไม่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 19 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    หลายท่านที่ศึกษา "ศาสนาที่มีพระเจ้า"
    จะมีคำว่า "พันธสัญญา" หรือสัญญาที่
    ท่านได้กระทำไว้ต่อพระเจ้านั่นเอง


    มันคืออะไรละ และส่งผลอย่างไรต่อคุณ?
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "พันธสัญญา" ทำให้ท่านไม่นิพพาน จนกว่าจะทำให้สำเร็จ


    เมื่อท่านต้องการนิพพาน ท่านจะต้องทำหน้าที่ตาม "กิจที่คั่งค้าง"
    ให้หมดก่อนนอกจากจะบรรลุธรรมและรับกรรม ชำระวิบากจนหมด
    แล้วก็ตาม อนึ่ง การทำกิจตามหน้าที่นั้น มาจาก "พันธสัญญา" ที่
    ท่านได้ให้ไว้ต่อพระเจ้า หรือ "สิ่งศักดิสิทธิ์ที่อยู่ในฐานะผู้ปกครอง
    ของท่าน" นั่นเอง ซึ่งท่านอาจมีพันธสัญญาเยอะมาก เพราะหลาย
    ชาติที่ท่านเวียนว่ายตายเกิดมานั้นท่านอาจได้กระทำไว้มากนั่นเอง


    อย่างไรก็ตาม "พันธสัญญา" ไม่ใช่สิ่งดีหรือเลว, ถูกหรือผิด แต่เป็น
    "เป้าประสงค์ที่ช่วยนำทางให้ท่านทำกิจขณะ เวียนว่ายในสังสารวัฏ"
    ก็เท่านั้น เมื่อท่านยัง "ไม่รีบนิพพาน และยังไม่ถึงวาระ" ท่านได้ทำ
    ไว้เพื่อให้เป็นเป้าหมายในการเวียนว่ายตายเกิดของท่านเอง ไม่ได้มี
    ใครบังคับให้ท่านทำหรือหลอกลวงท่านแต่อย่างใดแต่ท่านเลือกเอง
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ศาสนาใดมีพระเจ้า ก็จะมี "พันธสัญญา" แม้ศาสนาพุทธ ก็มี


    พุทธศาสนาในยุคก่อนๆ มา พระพุทธเจ้ามีพระชนม์ยืนยาวมาก เป็น
    แปดพันปี, แปดหมื่นปี ก็มี ทว่า พระพุทธศาสนาในยุคนี้ พระพุทธเจ้า
    มีอายุเพียง 80 ปี จึงโปรดสัตว์ใน "วงบุญหรือพุทธบริษัท" ยังไม่หมด
    จึงต้องทำการ "ต่ออายุพระพุทธศาสนา" ให้ยืดไปอีกจนถึง 5,000 ปี
    และเพราะเหตุนี้ "พันธสัญญา" จึงเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา และในที่
    สุด "พระเจ้า" ของพระพุทธศาสนาจึงเกิดขึ้นเพื่อ "รองรับพันธสัญญา
    นั้นๆ" เช่น พันธสัญญาของพระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่กระทำไว้เพื่อ
    ลงมาต่ออายุพระพุทธศาสนาร่วมกัน หากพระพุทธศาสนาไม่มีอายุถึง
    ห้าพันปีแล้ว ก็จะไม่สำเร็จตามพันธสัญญาที่ทำไว้ร่วมกันนั้น ทั้งหมดก็
    จะไม่อาจได้รับการ "ปลดบ่วงพันธนาการแห่งพันธสัญญา" นั้นได้ จึง
    ต้องมี "พระเจ้า" ที่เหลือจากการดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้ามี
    เหลือเพียง "มโนธาตุ" หรือ "พระจิต" ที่ตั้งอธิษฐานไว้ว่าจะให้ศาสนา
    มีอายุครบ 5,000 ปี เหนี่ยวรั้งไว้ให้ยังไม่นิพพาน รอจนกว่าจะครบห้า
    พันปีตามจิตอธิษฐานแล้วนั้นจึงกระทำ "พระธาตุนิพพาน" ในท้ายที่สุด
     
  4. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ถ้าพระพุทธศาสนาไม่มีพระเจ้า จะไม่มีเอกภาพ ตัวใครตัวมัน ต่างทำไป


    ปัญหาที่สำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนาในปัจจุบันคือ "ต่างคนต่างทำ ตัวใครตัว
    มัน ต่างทำกันไป ตามใจ ตามความคิด ความเชื่อของตน" ทำให้ขาดเอกภาพ ไม่
    มีความสามัคคี และก่อเกิดเป็น "ลัทธินิกายน้อยใหญ่มากมาย ไม่สิ้นสุด" ถามว่า
    "อย่างนั้น จะทำอย่างไรละ?" คำตอบคือ เราไม่อาจยกตัวขึ้นเป็นใหญ่ เป็นศูนย์
    กลางของพระพุทธศาสนาได้ เพราะจะ "ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ที่สองในศาสนานี้"
    ตั้งแต่เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงประสูติ ก็ทรงชี้นิ้ว 1 นิ้วทันที เพื่อแสดงว่าจะไม่มี
    พระพุทธเจ้าองค์ที่สองเกิดขึ้นในยุคของพระองค์ แต่ถ้าเราใช้พระพุทธเจ้าเป็นสิ่ง
    รวมใจ เสี่ยงากที่เราจะถูก "พญามาราธิราช" หลอกเอา ดังที่เราทราบดีแม้แต่พระ
    อุปคุตที่มีฤทธิ์มีปัญญา เป็นพระอรหันต์ ยังถูกหลอกเอาได้ อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้า
    นั้นทรงกระทำ "ขันธปรินิพาน" ไปแล้ว ย่อมไม่มีขันธ์ใดๆ วิญญาณ, กายทิพย์ ให้
    เราเห็นได้อีกแม้ด้วยตาทิพย์ฯ ก็ตาม แต่เพื่อให้มี "ศูนย์กลางรวมใจที่แท้จริง" การ
    ค้นหาและค้นพบ "พระเจ้าในพระพุทธศาสนา" และ "พันธสัญญา" จึงได้เริ่มต้นขึ้น


    ภายใต้ระบบใหม่นี้ ทุกท่านมิได้คิดเองทำเอง ต่างคนต่างทำ แต่มีศูนย์รวมตรงกลาง
    คือ "พระจิต" หรือ "มโนธาตุที่เหลืออยู่ของพระพุทธเจ้าหลังปรินิพพาน ที่จะกระทำ
    พระธาตุนิพพาน ก็ต่อเมื่อ พระพุทธศาสนามีอายุครบ 5,000 ปีแล้ว" นั่นเอง โดยที่
    พระองค์มิได้ทรงสั่งเราแต่ใช้ "พันธสัญญา" ที่เราได้กระทำไว้ต่อพระองค์ขับเคลื่อน
    ให้เรากระทำเอง ตามพันธสัญญาของเราเองนั้น เช่น พระอชิตะที่เคยรับบาตรจากพระ
    พุทธองค์ได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ อันหมายรวมถึงการมาดูแลอาหารการกินและความเป็น
    อยู่ของ "หมู่สงฆ์" ในภายภาคข้างหน้าอีกด้วย (ซึ่ง ท่านทั้งหลายย่อมจะระลึกได้เอง)
     
  5. น้ำใหลนิ่ง

    น้ำใหลนิ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +79
    มาอีกแล้วเอามามั่วกันอีกแล้ว

    นิพพานไม่มีในศาสนาที่นับถือพระเจ้า
    หรือเทพเจ้า





    ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ได้บอกสุภัททปริพาชกว่า ไปเถิดสุภัททะ พระผู้มีพระภาคทรงทำโอกาสแก่ท่าน สุภัททปริพาชกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง ที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัย พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่ พระโคดมผู้เจริญ สมณพราหมณ์เหล่านี้ใด เป็นเจ้าหมู่ เจ้าคณะ เป็นคณาจารย์ มีชื่อเสียง มียศ เป็นเจ้าลัทธิ ชนเป็นอันมาก สมมติว่าเป็นคนดี คือบูรณกัสสป มักขลิโคสาล อชิตเกสกัมพล ปกุธกัจจายนะ สัญชัยเวลัฏฐบุตร นิครณฐนาฏบุตร สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ได้ตรัสรู้ตามปฏิญญาของตนๆ หรือว่าทั้งหมด ไม่ได้ตรัสรู้ หรือว่าบางพวกไม่ได้ตรัสรู้ ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า อย่าเลย สุภัททะ ที่ข้อถามนั้นงดเสียเถิด ดูกรสุภัททะ เราจักแสดงธรรมแก่ท่าน ท่านจงตั้งใจฟังธรรมนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว สุภัททปริพาชกทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มี- *พระภาคได้ตรัสว่า ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยใด ไม่มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น ไม่มีสมณะที่ ๑ สมณะที่ ๒ สมณะที่ ๓ หรือสมณะที่ ๔ ในธรรมวินัยใด มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยนี้ มีอริยมรรคประกอบด้วย องค์ ๘ ในธรรมวินัยนี้เท่านั้น มีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ หรือที่ ๔ ลัทธิอื่นๆ ว่างจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง ก็ภิกษุเหล่านี้พึงอยู่โดยชอบ โลกจะไม่พึงว่างจากพระ- *อรหันต์ทั้งหลาย ฯ

    อย่าเลยอย่าเอามากล่าวรวมกันอีกแลย พระพุทธองค์เองท่านยังไม่ไปกล่าวถึงศาสนาอื่นเลย ท่านยังบอกสุภัททะเลยให้งดเสียเถิด

    </pre>
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "พันธสัญญา" และ "ปณิธาน" นั้นคล้าย แต่แตกต่างกันอย่างไร?


    คำว่า "ปณิธาน" คือ "ความตั้งใจส่วนตัว" ไม่เกี่ยวว่าจะกระทำต่อหน้าใคร
    เป็นกิจส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับใครก็ได้, คำว่า "สัจสัญญา" นั้น คือสัญญา
    ที่ท่านทำต่อผู้อื่น แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะ "สิ่งศักดิสิทธิ์ที่เป็นผู้ปกครองท่าน"
    เช่น ท่านอาจได้ให้สัจสัญญาไว้กับใครบางคนในอดีตชาติว่าจะแต่งงานกัน
    แต่ทำไม่สำเร็จ สิ่งนั้นผูกมัดให้ท่านเวียนว่ายตายเกิดร่วมกันเพื่อมากระทำ
    กิจนั้นร่วมกันให้ "สำเร็จ" ไม่เช่นนั้น ก็จะตามกันไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดได้
    ส่วนคำว่า "พันธสัญญา" ในที่นี้จะใช้หมายถึงสัญญาที่ให้ไว้ต่อสิ่งศักดิสิทธิ์
    ผู้อยู่ในฐานะผู้ปกครองของท่านบนสวรรค์ ก่อนที่ท่านจะจุติลงมายังโลกใบนี้
    อนึ่ง ผู้สำเร็จบารมีเป็นโพธิสัตว์ใหม่ๆ นั้นจะกระทำกิจตาม "ปณิธานส่วนตัว"
    ของตน จนเมื่อถึงที่สุดตื่นแจ้งสว่างแล้ว "หยุดแล้ว" วางมือแล้ว ได้อรหันต์
    แล้ว ก็จะหยุดกระทำตามปณิธานตามอำเภอใจ (แม้ว่าจะเป็นความดี ก็ตาม)
    แล้วเปลี่ยนมา "รับคำสั่งจากสิ่งศักดิสิทธิ์บนสวรรค์" เพื่อ "ชำระหนี้กรรมเก่า"
    ที่มีต่อสิ่งศักดิสิทธิ์ก่อน เป็นเบื้องต้น จากนั้นเมื่อหมดแล้ว จะนิพพานเลย ก็
    ได้ แต่ถ้าไม่ได้นิพพาน มีอะไรติดขัดขวางไว้ ท่านจะใช้ญาณตรวจสำรวจดูก็
    อาจจะพบว่า ยังเหลือ "พันธสัญญา" อยู่อีก ที่ท่านได้เคยกระทำไว้ต่อพระเจ้า
    หรือสิ่งศักดิสิทธิ์ผู้อยู่ในฐานะผู้ปกครองท่านบนสวรรค์ก่อนลงมาเกิด (ใช้คำนี้
    ยาวจริงๆ) ถึงจุดนี้ ท่านจะต้องกระทำกิจเพื่อสนองพันสัญญานั้น ให้สำเร็จไป
     
  7. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    การที่ท่านจะระลึกถึงพันธสัญญาได้ชัด
    อย่างหนึ่งคือ "พระเจ้า" จะทำให้ท่าน
    สว่างแต่เมื่อท่านไม่ได้สื่อตรงถึงพระเจ้า
    ท่านจะพบแต่ "ปณิธานส่วนตัว" และทำ
    กิจตามใจ ต่างคนต่างทำกันไป แตกแยก
    ขาดความสามัคคี ในขณะที่พันธสัญญา
    นั้น จะไม่ทำให้เป็นเช่นนั้น เพราะมีศูนย์
    รวมเดียวกัน คือ "พระเจ้า" นั่นเอง


    ...
     
  8. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +259
    สุดท้ายก็ออกลาย ทะลึ่ง ลามปาม จาบจ้วง

    โยงศาสนาไปหาพระเจ้าของมันจนได้

    บอกแล้วตั้งแต่มันมาโผล่ใหม่ๆ ไอ้เรื่อง "ซาตานข่มขืน" นี่มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
    ว่ามันต๊อง มันมั่ว
    ไม่เชื่อกันเอง ถูกไอ้พวกบ้าชอบเรียกร้องความสนใจ เผยแพร่ศาสนาด้วยวิธีหน้าด้านมันหลอกประจำ 555555


    คนละเรื่อง คนละแบบ ศาสนามันต่างกันทั้งถิ่นกำเนิด วัฒนธรรม การศึกษาค้นคว้า รูปแบบการสอนการปฏิบัติ ความเชื่อ
    ยังเสือกพยายามมั่วซั่วตีความเข้าข้างตัวเอง จูงไปขึ้นสวรรค์ไปกราบตีนพระเจ้ามันจนได้ สันดานไม่ยอมเปลี่ยน

    จะเผยแพร่ศาสนาก็มาอ้อมๆ ตีโค้งข้ามเขาไปร้อยโยชน์ เล่นพระพุทธเจ้าไม่ได้ก็ลากเอาพระโพธิสัตว์มั่ง พระศรีอารย์มั่ง นิพพานมั่ง มาตีเฉียด

    ของมันดีจริง ต้องกล้ายืดอกประกาศไปเลยว่าคำสอนศาสนามันดีกว่าตรงไหน ไม่ใช่มั่วซั่ว ลามปาม อ้อมค้อม เอาเรื่องศาสนาอื่นที่ไม่มีในศาสนามันมาตีความสะเปะสะปะไปเข้าคัมภีร์มันแบบนี้

    ทำตัวกากๆแบบนี้ แล้วศาสนามันจะดูน่าเชื่อถือเป็นสัจธรรมน่าค้นคว้าตรงไหนเนี่ย

    สรุปแล้ว ไอ้พวกนี้มันตั้งใจมาเผยแพร่ศาสนา หรือโง่ทำให้ศาสนาตัวเองเสื่อมเสียกันแน่เนี่ย
    ฮิ๊วววว


    (||)(||)(||)(||)(||)
     
  9. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    มีคนถามว่า "แล้วกิจของฉันคืออะไร? ฉันเกิดมาเพื่อทำสิ่งใด?"


    ไม่มีใครตอบให้เธอได้ นอกจาก "พันธสัญญา" ที่เธอค้นพบมันด้วย
    ตัวเอง และไม่ใช่ "การบงการสั่งใช้" จากมนุษย์คนหนึ่งคนใดในโลก
    นี้ แต่มันคือ "สิ่งที่เธอตั้งใจไว้ว่าจะกระทำ" และได้หลงลืมไปเพราะ
    การเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้ ก็เท่านั้น เมื่อใดที่เธอพบพระเจ้า เธอ
    จะระลึกนึกถึง "พันธสัญญา" ที่มีต่อพระเจ้าองค์นั้นได้ด้วยตัวเธอเอง


    พระเจ้าองค์นั้น "พระเจ้าแสงแห่งธรรม" ...
     
  10. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +259
    เป็น "พันธกรรม" "พันธกาก" ของมันเอง

    ที่ต้องดิ้นรน ทุรนทุราย หลายชื่อหลายแซ่ คอยเรียกร้องความสนใจ

    ตามหาพระเจ้า หวังพึ่งสวรรค์วิมานแบบนี้

    555555


    (||)(||)(||)(||)(||)
     
  11. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    "พันธสัญญาเดิม" และ "พันธสัญญาใหม่"


    "พันธสัญญาเดิม" คือ พันธสัญญาเก่าที่ท่านทำไว้
    แล้วยังไม่สำเร็จ ทำให้ต้องลงมาเวียนว่ายตายเกิด
    เพื่อกระทำตามสัญญานั้นให้ลุล่วงไปเช่น คนที่เกิด
    ในศาสนายูดายและอิสลามยังอยู่ในข่ายต้องทำกิจ
    ตาม "พันธสัญญาเดิม" ซึ่งแต่ละคนจะระลึกได้เอง


    ส่วน "พันธสัญญาใหม่" นั้น สามารถเกิดขึ้นได้เพื่อ
    "ตั้งเป้าประสงค์ของการเวียนว่ายตายเกิดของท่าน
    ต่อสิ่งศักดิสิทธิ์สูงสุดของท่านนั้นๆ" เมื่อท่านได้ทำ
    กิจตามพันธสัญญาเดิม (เก่า) เสร็จสิ้นแล้ว (ชำระ
    ล้างพลังงานเก่าหมดแล้วด้วย) หากท่านยังไม่รีบ
    ที่จะนิพพาน ท่านก็สามารถทำ "พันธสัญญาใหม่"
    เพื่อวางเป้าหมายในการเวียนว่ายตายเกิดของท่าน
    ต่อสิ่งศักดิสิทธิ์ เพื่อร้องขอให้สิ่งศักดิสิทธิ์รับรองสิ่ง
    ที่ท่านตั้งเป้าหมายไว้นั้น และเมื่อท่านรองรับให้แล้ว
    ท่านก็ "สบายใจได้ว่าจะเวียนว่ายตายเกิดโดยไม่หลง
    และมีสิ่งศักดิสิทธิ์คอยคุ้มครองดูแลอยู่เบื้องบน" นั่นเอง
     
  12. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    ขอบคุณค่ะ ^ --- ^ ;aa41
     
  13. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    คนที่ทำกิจตามพันธสัญญา สิ้นแล้ว จะได้รับการจัดสรรให้อยู่ในพุทธศาสนา


    และไม่ต้องทำกิจตามพันธสัญญาใดๆ อีก ยกเว้นท่านที่ได้ให้พันธสัญญาไว้กับพระเจ้า
    ในพุทธศาสนา ก็จะลงมาทำกิจตามพันธสัญญาของตนๆ นั้น เช่น พระมหากัจจายนะ,
    พระมหากัสสปะ ฯลฯ เป็นต้น ท่านทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อกระทำกิจโดย "คิดเอาเอง" จึง
    เกิด "ความขัดแย้งและแตกแยก" จนเป็นเหตุให้เกิดการสร้าง "ลัทธินิกาย" ในแบบของ
    ตนๆ ต่างกันออกไป เช่น มาธยมิก สร้างโดยพระอชิตะ (ผู้มาเกิดใหม่), ตันตระฯ สร้าง
    โดยพระมหากัจจายนะ, เซน สร้างโดยพระฉันนะ เป็นต้น ความแตกแยกเหล่านี้ อุปมา
    ดั่ง "แก้วร้าว" ไม่อาจประสานรวมเป็นหนึ่งเดียวได้อีก ฉันใดก็ฉันนั้นจึงเกิดมีการทำลาย
    ล้างพระพุทธศาสนา ลัทธินิกายต่างๆ เพื่อ "จบกระบวนการทดลองที่ผิดพลาด" ไปเสีย
    เพื่อ "สร้างใหม่" ให้ถูกต้องอีกครั้ง เมื่อถึง "กึ่งกลางพุทธกาล" ไม่มี "ผู้หนึ่งผู้ใด" ที่จะ
    "ขึ้นเป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์แทนองค์พระศาสดา" และจะไม่มี "พระพุทธเจ้าองค์ที่สองของ
    ยุคนี้" อีกต่อไป ดังนั้น ท่านจึงเห็นได้ชัดว่า "ธิเบต" ซึ่งนับถือองค์ทาไลลามะบางองค์
    ดั่งพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง จึงถูกทำลายล้างด้วย อย่าลืมว่าทีมทำลายล้างนี้ จะไม่สร้าง
    ใหม่ให้แทนที่ เพราะทำหน้าที่ทำลายล้างเท่านั้นเอง (ต้องรอจนกว่าทีมสร้างใหม่จะมา)
     
  14. เราวันนี้

    เราวันนี้ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +2
  15. โปรเซดอน

    โปรเซดอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2011
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +171
    โหกล้าพูดถ้าใครเอาการกระทำของแกไปเป็นฐานอนาคตคงจะแย่ ช่างพูดช่างเจรจา
    อย่าให้ใครตกเป็นเหยื่อของแกอีกเลย
    แล้วที่บอกว่าทำปัจจุบันให้ดีเนี๊ย ต้องระบุด้วยนะว่า
    อย่าเบียดเบียนคนอื่นเพื่อปากท้องตัวเอง
    ส่วนอนาคตไม่ต้องห่วงเค้าจองตัวแกเอาไว้แล้ว
     
  16. liqht working

    liqht working สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +3
    อั่วดูเลี่ยวน่า อาตี๋เล็ก อั่วว่า ลื่อกำลังโดงคนต่อปาย ที่จะได้อยู่กะพะเจ้าของลื่อ ในเร็ว นี้ ว๊ากๆ ๆ ๆ ลื่อมังบ้าชิบหายเยียสเปียด
     
  17. everlastinglovesong

    everlastinglovesong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +158
    พันธสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้า .. ก็คือการรับบัติสมาใช่มั้ยคะ การรับเอาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ ปฏิบัติตัวในการเดินในทางตรงและแคบ รักษาพระบัญญัติเพื่อที่จะเป็นแบบพระคริสต์น่ะคะ ... /// ตามความเข้าใจนะคะ
     
  18. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828

    แผนการของเขาคืออย่างนี้
    "ตัดพันธสัญญา" ที่คนทำไว้กับเบื้องบน
    แล้วก็ให้คนยอม หลง แต่สัญญาที่ทำกับเบื้องล่าง


    แผนการเนียนดี ผมก็ดูไป ว่าพวกนี้เขามาเนียนแค่ไหน
     
  19. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828

    ผมไม่เคยรับบัติสมานะ
    แต่พอปฏิบัติธรรมไป
    เริ่มใสขึ้น รับอะไรๆ ได้
    ก็จะได้รับข้อมูลจนถึง
    เรื่องพันธสัญญาครับ


    ปฏิบัติไปถึงจุดหนึ่งอาจทราบเองนะครับ
    (ปฏิบัติในแนวศาสนาใดก็ได้นะครับ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...