ฉันทะ กับ โลภะ แตกต่างกันอย่างไงครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ต้นปลาย, 20 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +3,165
    ฉันทะ คือ พอใจ
    โลภะ คือ อยากที่จะ พอใจ
     
  2. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เพราะเราขาดการจินตนาการ ไม่มีเท่าฝั่งตะวันออก
    แต่เรา จะคิดแต่เรื่องความเป็นไปได้ และการพิสูจ ไม่ได้หมายถึงเราเก่งกว่านะ
    แต่หมายถึง การดำเนินชีวิต ที่แตกต่างออกไป โลกถึงดูสวยงามยังไงครับ

    ความเป็นโลภะ ของเราก็มีเหมือนกัน แต่ว่า การแสดงออกต่างกัน

    แต่เรา หากมีฉันทะเหมือน กัน นั้นคือ การรักษาศาสนา ให้ยาวนาน
    ด้วยการเข้าถึงตัวเอง ไม่ใช่มาแยกว่า ของเธอ ของฉัน

    ทุกศาสนา สอนให้มีความรัก ความเมตตา ต่อเพื่อนมนุษย์

    อันนี้เป็นสิ่งที่เราปลูกฝังมา มาปฏิบัติใน พุทธนะ (ทางออกโดยธรรมชาติ)

    วันนี้ ป๋าอยากจะบอกว่า ป๋ารักตัวเอง มากที่สุดครับ
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    วันนี้ ป๋าอยากจะบอกว่า ป๋ารักตัวเอง มากที่สุดครับ<!-- google_ad_section_end --> :cool:
    ดีใจด้วยค่ะป๋า คนรักตัวเองจริงๆ น่ะหายาก ที่เห็นๆมีแต่คนทำร้ายตัวเองด้วยความไม่รู้
    ปล่อยให้โทสะ โมหะ โลภะ กิเลสตัณหาและบาปทั้งเจ็ด ทำร้ายตัวเองทั้งที่รู้และไม่รู้


    เค เป็นคนชอบศึกษาคำสอนของศาสนาต่างๆ
    แต่ไม่ยึดถือเอาความคิดของนักบวชในศาสนานั้นมาเป็นอารมณ์
    เพราะศาสดาสอนอย่างหนึ่งแต่นักบวชหรือคนเผยแพร่เอาไปบิดเบือนทำเพื่อตนเองก็มาก
    คนมีสติมีปัญญา ก็แยกแยะเอาได้ ถ้าคนขาดสติปัญญาก็เอาคำสอนมาโจมตีทำสงครามกันไป

    คนฉลาดก็เลือกเอาสิ่งที่ดีจากคำสอนบริสุทธิ์ ไปปฏิบัติเพื่อทำให้ตนเองพ้นทุกข์หรือเข้าถึง
    ปัญญาของศาสดาแห่งคำสอนนั้นๆ เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเอง
    ไม่ยึดติดในเรื่องศาสนา แต่ใช้ประโยชน์จากคำสอนในศาสนาให้เป็น ไม่ติดเป็นงมงาย
    ทุกคำสอนต้องปฏิบัติได้จริง พิสูจน์ได้จริง มีผลเกิดจริง แล้วเราเชื่อในผลของตนเอง
    ก็ไม่เข้าข่ายเชื่อแบบงมงาย หรือเชื่อแบบคนตาบอดมองไม่เห็นความจริง

    แต่ก็นะป๋า คนขาดสติขาดปัญญา ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง คำสอนของศาสนาไหนก็ช่วยไม่ได้
    นอกจากว่าถึงเวลาของเขาเกิดสติเกิดปัญญาขึ้นมา เขาก็เข้าใจเอง
    คนไม่รู้ก็ทำสงครามศาสนากันไป คนรู้ก็ปล่อยวางกันไป คนตระหนี่ก็หวงก้างคำสอนไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  4. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    ผมมองศาสนาพุทธแบบนี้พุทธ.คือทางออกของธรรมชาติตัวเราประกอบด้วยขันธ์ต่างในคือของกลาง<O:p</O:p
    นั้นก็แสดงว่าของพวกนี้เป็นธรรมชาติหากเราไปปรุงแต่งมันก็กลายเป็นมายานั้นคือผิดธรรมชาติ<O:p</O:p
    มาดูเรื่องศีลศีลคืออะไรก็คือความปกตินั้นก็คือธรรมชาติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แล้วธรรมชาติมีลักษณะอย่างไรนั้นก็คือการเกิดขึ้นแล้วคงอยู่และสลายไป<O:p</O:p
    การเห็นแบบนี้จะเห็นอย่างไรก็ต้องถึงเข้าถึงธรรมโดยอาศัยความปกติดูและชัดว่านั้นคือปกติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เราจะเห็นและเห็นไปโดยผ่านเราไม่มีตัวเรามองนะมีแต่เราสุดท้ายมันวางเอง<O:p</O:p
    นี้นะคือคุณของพระรัตนไตยที่ผมไม่ได้มองคำว่าพุทธแต่ว่าผมมองเข้าไปในพุทธะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หนู K ว่าไง <O:p></O:p>
     
  5. สูญเปล่า

    สูญเปล่า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องธรรมเข้าสู่ใจแล้วจะอ่อนนิ่มไปหมด
    พี่น้องลูกหลานทั้งหลายจำให้ดี
    ถ้าธรรมเข้าสู่ใจ จิตใจจะอ่อนนิ่มไปหมด
    เฉลี่ยอะไรถึงกัน เพราะจิตใจอ่อน เต็มไปด้วยความเมตตา
    ประสานถึงกันหมดเลย (หลวงตามหาบัว)
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,903
    ค่าพลัง:
    +7,316
    เค มองว่า
    ศีลคือ สิ่งที่ทำให้ธรรมชาตินั้นกลับมาเป็นปกติ
    ไม่มีศีลคือ สาเหตุ คือปัจจัยที่ทำให้ธรรมชาติไม่ปกติแปรปรวน
    พอธรรมชาติกลับมาเป็นปกติ ก็เหมือนน้ำไหลที่นิ่ง เห็นทุกอย่างเคลื่อนที่ เกิด ดับ ชัดเจน เพราะน้ำมันใส
    พอเห็นธรรมชาติหนึ่งเกิดดับชัดเจน ก็เข้าใจความเป็นพุทธะ เห็นไตรลักษณ์
    เข้าใจไตรลักษณ์ เข้าใจลึกซึ้งถึง ความไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นอนิจจัง ของธรรมชาติหนึ่ง(พุทธะ)

    จึงตื่นขึ้นมา ผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน คือสภาวะ แห่งพุทธะ (ยังไม่ข้ามโคตรก็มีคือเห็นพุทธะแต่ยังไม่เข้าถึงพุทธะ)

    มรรค8 คือทางปฏิบัติเข้าถึงพุทธะ บทสุดท้ายพระอรหันต์ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นพุทธะ

    เป็นความเข้าใจส่วนตัวนะคะ ไม่ได้บอกว่าเข้าใจถูกต้องเพราะยังขาดประสบการณ์จริง
    แต่ด้วยประสบการณ์เบื้องต้นก็จินตนาการความเข้าใจประมาณนี้เป็นเข็มทิศที่ใช้พิสูจน์ความจริงของตัวเอง
     
  7. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    ความปกติ & ความเคยชิน

    มันไม่เหมือนกัน บางคนคิดว่ามันเป็นสิ่งเดียวกัน
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ..................อนุสัยนอนเนื่อง(ราคานุสัยจากยินดี อวิชชานุสัย จากเฉยเฉย ปฎิฆานุสัยจากยินร้าย)นั่นแหละ ความเคยชิน เป็นบ่อเกิดของสังโยชน์ทั้งหลาย:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  9. สูญเปล่า

    สูญเปล่า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +0
    ทำให้ผมคิดถึง ตอนบวชครับ
    ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเคยชินกับอะไร
    ตื่นเนื้อตื่นตัวตลอดครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...