ทำไมยิ่งปฏิบัติ ยิ่งรู้สึกแย่ๆ กับตัวเอง ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tunwarat_s, 22 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. tunwarat_s

    tunwarat_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +141
    ยิ่งปฏิบัติไป ก็เห็นแต่พฤติกรรมของจิตของตัวเองชั่วร้ายเข้าไปทุกที เดี๋ยวก็เห็นว่าจิตเราก็อิจฉาคนอื่น เดี๋ยวก็โกรธคนโน้นคนนี้ เดี๋ยวก็นึกว่าคนโน้นทำไม่ดี คนนี้ทำอย่างนี้ไม่ถูก คือ วันๆ เห็นแต่ความคิด ความคิดแต่ละความคิดนั้นก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ส่วนมากมีแต่กล่าวโทษคนอื่นๆ ไปทั่ว ......

    ทำอย่างไรดีค่ะ ขอความกรุณาผู้ช่วยให้ความรู้และความกระจ่าง เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไปด้วยค่ะ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปฏิบัติ แล้ว กิเลส หรือ มารในจิต มัน สะเทือน มันเลยต้องหาลู่ทาง หลอก ล่อ ให้รู้สึกแย่ จะได้เป็น ทาส มาร ต่อไป

    ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ มันทำอะไรไม่ได้ เดี๋ยวมันก็เลิกไปเอง แล้วมารจะไป ขัดขวางตรงอื่นต่อไป



    คนเรา เวลา เป็น ผ้าดำ อยู่

    มี สีดำ มาเปื้อน เพิ่มขึ้น ก็มองไม่เห็น มองไม่ออก


    เมื่อกลับตัวกลับใจ เป็นผ้า ขาว เวลา มีอะไร มาเลอะ จิตใจ ก็มองเห็นได้ง่าย

    ต้องรู้จัก ปล่อยวาง อะไรที่เคย ยึด เคย ถือ เอาไว้ ก็ปล่อยวาง เสีย

    ยึดแล้ว ก็ ปล่อย ยกแล้วก็วาง

    การให้ อภัย คืน ทาน อันสูงที่สุด




    ดังนั้น วิธีแก้ เค้าสอนไว้ เรื่องของคนอื่น อย่าเข้าไป ส. . .ใส่ เกือก

    ให้ดูแต่ จิต ตัวเอง ใจตัวเอง


    ให้ ทำ ทาน ศีล ภาวนา ให้มากๆ กรรมไม่ดีทั้งหลาย จะได้ ลดลงไป

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819




    ..........................
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การเห็นโทษของผู้อื่น เป็นด้วยจิตใจที่มีความเคยชิน ที่มีความโมโหโกรธเป็นนิสัย

    และ ผู้คนบนโลก ไม่ยกเว้นแม้แต่ตนเอง ไม่มีคนไหนไม่เคยทำผิด ไม่มีคนไหนไม่เคยทำถูก

    ล้วนทำมาเหมือนกันหมดแล้ว สิ่งที่คุณเป็นอยู่นี้ เป็นการนำจิตของคุณออกไปข้างนอก

    คุณควรนำความรู้สึกเข้ามาในร่างกาย จิตจะตามความรู้สึกเข้ามาเอง โดยไม่ต้องบังคับ

    เมื่อเฝ้าดูจิตอยู่ภายใน จิตจะไม่ออกไปรับรู้อารมณ์ภายนอก แต่จะรับรู้อารมณ์ภายในแทน

    ควรที่จะปฎิบัติต่อไปครับ อย่าได้หวั่นไหวกับอารมณ์ที่เข้ามากระทบครับ

    ควรเพิกเฉยต่ออารมณ์ที่เข้ามาครับ การปฎิบัติยังอีกยาวไกลครับ การเดินทางยังอีกไกล

    อย่าสนใจกับดอกไม้ข้างทางครับ สาธุครับ
     
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    เห็นเยอะ ๆ ก็ดีแล้วไง แล้วจิตเราเศร้าหมองตามความคิดไปด้วยไหมเวลาเห็นความคิดพวกนั้น จิตเราเข้าไปหลงความคิดพวกนั้นเอามาเป็นอารมณ์ได้อย่างไร เราต้องสังเกตเอา

    แต่ใหม่ ๆ กำลังสติยังไม่มี มันไม่เห็นตั้งแต่้ต้น ไปเห็นเอาตอนปลาย ๆ จิตเกิดไปใหญ่แล้ว อินใหญ่แล้ว ยิ่งคิดใหญ่เลยคิดไม่หยุด บางทีก็น้อยอกน้อยใจซ้ำลงไปอีก แบบนั้นต้องฝึกสติมาก ๆ ก่อน แล้วก็ต้องรู้จักทวนกระแส ด้วยการสร้างสมาธิขึ้นมา จิตมันจะได้มีกำลังตั้งมั่นขึ้น เราฝึกเมื่อเผลอแล้วให้รู้ตัวให้เร็วขึ้น เมื่อรู้ตัวแล้วให้ปรับสภาพกายจิตสมองใหม่ให้สดชื่นด้วยการ กระตุ้นความรู้สึกให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันบ่อย ๆ ด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ให้เต็มปอดทั่วท้องแล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ มีสติรับรู้ความเคลื่อนไหวของลมหายใจที่ปลายจมูกเข้าไว้ ทำสักสองสามรอบจนมันรู้สึกดีขึ้น ปลอดโปร่งขึ้น ต่อไปพอเป็นอีก เผลออีกก็เอาอีก นั่งสูดลมหายใจเข้ากระตุ้นสมองกระตุ้นความรู้สึกอย่างนั้นแหละบ่อย ๆ อีกหน่อยมันก็จะค่อย ๆ มีสติมากขึ้น ให้รู้ตัวบ่อย ๆ เข้าไว้ แต่อย่าเคร่งเครียดเอาเป็นเอาตาย อย่าอยาก แล้วมันก็จะค่อย ๆ นิ่งขึ้นได้เอง
     
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ..................คุณลองคิดดู นะครับ คนที่รู้ตัวอย่างคุณ กับคนที่ไม่รู้ตัวเลย อะไรดีกว่ากัน....คราวนี้รู้อย่างนี้แล้ว...ผมไม่เชื่อว่าอกุศลคุณจะไม่ลดลง...ยิ่งสติระลึกรู้เท่าทันเยอะแค่ใหน...มันจะยิ่ง เข้าไปหาความไม่ยินดียินร้าย จากความรู้เท่าทันนั้น.....ความสุข ทุกข์ อุเบกขา(เวทนา)ที่เป็นอยู่ณปัจจุบันขณะ ก็เป็นสิ่งที่ ระลึกรู้ด้วย ตามสติปัฎฐาน กาย เวทนา จิต ธรรม...ภาวนาต่อไปนะครับ:cool:
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    คุณต้องทำความเข้าใจให้แม่นๆ มั่นคง ตรงต่อ พระนิพพานว่า

    การศึกษาธรรมะ คือ การเข้ามาเห็นความเป็นจริง ทุกๆอย่าง ของสิ่งที่
    เรียกว่า "เรา"และ สิ่งที่เรียกว่า "ของเรา"

    พอทำความเข้าใจให้แม่นๆ ก็ให้ขยายพิจารณาต่อว่า จริงๆ แล้วมนุษย์นั้น
    เวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ยาก เสียส่วนมากนั้นเพราะอะไร

    เพราะ เรารักภาพลักษณ์ดี แต่เกลียดความเป็นจริงที่แฝงเร้น

    เหมือนกับ เราทำความสะอาดบ้าน ด้วยการซ่อนเร้น เอาง่าย เอาเร็ว
    เพียงแค่ให้ดูดีเข้าว่า เราก็เปิด พรม แล้ว กวาดขยะซุกเอาไว้ นาน
    วันเข้าก็ยิ่งไม่อยากเปิดพรมขึ้นดู จนกระทั่งพรมมันโป่งปูด เราเดินสะดุด
    ให้รู้สึกทุกข์ พอวันนั้น จะภาวนาดูตามความเป็นจริง มันก็ ทนไม่ได้ที่จะเห็น

    * * * *

    สรุปคือ ตอนนี้ คุณภาวนามาถูกทางแล้ว จึงทำให้หยุดสร้างภาพ แล้วหันมา
    ดูความเป็นจริง ที่ถูกซ่อนไว้ภายใตชื่อ พรมลายอนุสัย พรมลายกิเลส พรม
    ลายขันธ์สันดาน(ตรงนี้หนักหน่อย มันจะโป่งจนสะดุดหัวขะมำ การภาวนาล้ม
    หรือ ม้วนเสื่อกลับกันทีเดียว)

    แต่.....

    สังเกตุไหม จิต ที่ไม่ใช่เรา เขาพาเราไป ดู สิ่งที่เรียกว่า กิเลส ที่มีอยู่

    สังเกตุไหม กิเลส ที่มีอยู่ ก็เป็นของเก่าๆ ที่เราหมักเอาไว้ จริงๆแล้วมัน
    ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ ผู้รู้ผู้ดู ผู้ภาวนา

    แต่ ความที่เรา สำคัญว่า จิตคือเรา กิเลสก็คือเรา ทำให้ เราไม่เห็น
    ว่า กิเลสที่กำลังเห็นนั้นไม่ใช่เรา เป็นเพียงสิ่งถูกรู้ถูกดู โดยผู้ดู ผู้ตื่น
    ( ยังขาดเบิกบานะเนี่ยะ )

    และอีกทั้ง จิตที่พาเราไปดู เราก็ไม่เห็นว่า มันก็ไม่ใช่เรา มันเป็นเพียง
    ธาตุที่แล่นไป พาเราไปดู พาผู้รู้ ผู้ตื่น ไปดู จะเบิกบานก็ต่อเมื่อเล็ง
    เห็นได้เช่นเดียวกันว่า ไอ้ที่พาเราไปเห็นกิเลสซุกไว้ใต้พรมเนี่ยะ มันคือ
    จิตที่ไม่ใช่เรา ด้วย

    พอเห็นได้แบบนี้ คราวนี้ ผู้รู้ ผู้ดู จะเหมือน คนที่ยืนบนอรรถจรรย์
    ดูการละเล่นของนักฟุตบอล(กิเลส) ดูการตัดสินของกรรมการที่ไม่เป็น
    ธรรม(อภิสังขาร,ปุญญาภิสังขาร,ความรักดีเกลียดชั่วทั้งหลาย)

    ดูอยู่ห่างๆ เมื่อเราไม่ส่งจิตไปเอ้อว!! ไปลุ้นจนเหมือนเป็นคนเล่น หรือ ไปเป่า
    นกหวีดหรอทแตกแบบกรรมการ เราก็จะระลึกได้ อ้าว!! เราอยู่บนอรรถจรรย์

    ไม่เกี่ยวอะไรกับ สิ่งถูกรู้ถูกดู ที่เราส่ายสายตา แล หู (อยาตนะ) เลยแม้แต่
    น้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มี ไม่เห็น ดังนั้น จะเอาทุกข์ออกอย่างไร

    ตรงนี้ต้องหมั่นสดับธรรมะ หาอุบายนำออกต่อไป

    ถ้าคุณ!! ไม่ทอดทิ้งธรรม ธรรมก็ไม่ทอดทิ้งคุณrabbit_run_away
     
  8. รัศมีสีทอง

    รัศมีสีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +391
    ยิ่งปฏิบัติจิตจะละเอียดมากขึ้น จึงไหวต่ออารมร์ที่มากระทบมากขึ้นเหมือนผ้าขาวที่มองเห็นสีดำได้ง่าย ให้มองอารมณ์ที่มากระทบโดยการวางเฉยซะ คุณก็จะผ่านจุดนี้ไปได้ ความเย็นกายเย็นใจก็จะตามมา เกิดความสุขอันเกิดจากการวางเฉย มองดูทุกสิ่งด้วยความเป็นกลาง พยายามรักษาอารมณ์ใจให้อยู่ด้วยสติ คนอื่นจะทำดีทำชั่วอย่าเอาใจเราไปยุ่งกับเขา ให้รู้ไว้แค่นั้นก็พอ
     
  9. tunwarat_s

    tunwarat_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +141
    แล้วทำอย่างไรจึงจะเกิดความเบิกบานขึ้นค่ะ ทุกวันนี้เวลาเห็นกิเลสขึ้นมา ก็จะเกิดอาการเกลียดตัวเอง ว่าตั้งใจที่จะทำดี แต่ใจมันคอยแต่จะคิดแต่เรื่องไม่ดีค่ะ ทำให้รู้สึกว่าพอเห็นกิเลส หรือความไม่ดีของตัวเองเยอะๆ จิตใจก็จะเศร้าหมองค่ะ
     
  10. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    การดิ้นรนปฏิบัติธรรมทำให้เป็นทุกข์ การปฏิบัติไม่ใช่การแบก คือการวาง ไม่ได้ไม่เสียในกิจกรรมทั้งปวง ศีลไม่ใช่การถือเพราะคือการไม่คิดไม่ทำความชั่วต่างหาก เป็นนัยยะแห่งการวางอยู่แล้ว
     
  11. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ตอนนี้ จะอยู่ในระยะที่ไม่ยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น
    พอเราเริ่มเห็นกิเลส ความคับข้องขุ่นเคืองในใจของเราแล้ว
    มันจะออกอาการ ไม่ยอมรับ อึดอัด และอยากสลัดมันทิ้งๆไปซะ
    ยิ่งคิดจะทิ้ง ยิ่งรู้สึกแย่ลงครับ จะถูกกดลงด้วยความไม่ยอมรับตนเองไปเรื่อยๆ
    ทีนี้ ทางที่จะปรับ หรือ เลือกที่จะปฏิบัติ ประสบการณ์ส่วนตัวผมครับ ควรใช้วิจารณญาณครับ
    คือ เราต้องยอมรับความจริงในสิ่งที่เราเป็นเราเจอ เรารู้สึก อย่างพอเห็นความคิดไม่ดี ก็ให้ยอมรับก่อนเลยว่านี่เป็นเรา เราเองที่คิดอย่างนั้น ดูตัวเอง ให้เห็นในโทษ คือความรู้สึกที่ตามมา การกระทำอารมณ์ จากความคิด ที่เห็น
    ยอมรับตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะคิด ทำพูด การกระทำทุกอย่าง เกิดจากเรา ก็ต้องยอมรับตามจริง ให้จิตได้เห็น คุณ เห็นโทษ
    ทีนี้เขาก็จะเริ่มเลือกได้ว่า จะปฏิบัติเช่นไรครับ
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    สังเกตไหมครับว่า

    ธรรมะนั้น เป้าหมายเราคือ ละสักกายทิฏฐิ การสำคัญตนว่า มีเรา มีตน

    หากสังเกตุให้ดี นี้ ธรรมะเขากำลังแสดงตัวนะ เขากำลังพาคุณมาเจอ
    ตัวพ่อ คือ สังโยชน์เลยเชียวนะ แต่คุณมัวแต่ มองคนเล่นในสนามฟุต
    บอล

    ลืมไปว่า จริงๆ ก็อยู่ในสนามฟุตบอลนั่นแหละ

    พอสังเกตได้ชัดๆ ก็ ปัดโถ่ กิเลสที่เราเห็นนั่นหนะ มันเป็น อุบายในการ
    ฝึกจิตให้เข้ามาเห็น สังโยชน์ !! ทีเรียกว่า "ตน"

    อัตตวาทุปาทาน การปรารภว่า มีตน

    พอปรารภว่ามีตน เราก็ พยายามเอาดีใส่ตน เอาชั่วพ้นจากตน มันก็คือ
    เรื่อง ดิ้นรนเพื่อสนอง "ตน"

    นี่ พิจารณาตรงนี้ ดูเข้าไปให้ถึงยอด เมื่อมีโอกาสได้เล็งเห็น

    กุศลา ก็ ธรรมา

    อกุศลา ก็ ธรรมา

    แม้แต่ อัพพยากตา เฉยแล้ว ดีแล้ว สุขแล้ว ไม่รบกวนใครแล้ว ไม่กระ
    เพื่อมตัวตนก็แล้ว แต่ มันก็เป็นการ สนอง "ตน" อยู่ละก้อ มันก็ไม่เบิกบาน
    สิ จริงไหม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    อย่าถาม มากเลย นะ

    เดี๋ยวจะเผลอ หลุดคำชม

    การภาวนาที่ดีอยู่แล้ว จะเสีย

    ไปภาวนาดูให้เยอะๆ เดี๋ยว อารมณ์ "ดำริออก" มันชัด หากศรัทธาไม่ง่อน
    แง่น หรือ ไม่เสวนาธรรมมากเกินไปจนเกิดอัปมงคลเสียก่อน ก็ไม่แน่นะ

    ไม่ต้องเสียเวลามากอะไรเลย

    ธรรมะของพระพุทธองค์แท้จริงแล้ว มีผลเร็ว ไม่จำกัดกาล ไม่จำกัดอินทรีย์ !
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708

    นั่นแหละมาถูกทางแล้ว สติมันตามทันสังขารขันธ์แล้ว หรือที่เค้าเรียกว่า วิตก วิจาร นั่นเอง พิจารณาเข้าไปอีก พิจารณาว่าอะไรมันเกิดขึ้น อะไรมันตั้งอยู่ และอะไรที่มันดับไป เมื่อเห็นชัดเจนแล้ว ก็พิจารณาน้อมไปที่ไตรลักษณ์นะ น้อมเข้าไปให้เห็นทุกข์ เห็นความไม่เที่ยงของทุกข์ ทุกข์กับสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ ล้วนแต่ไม่มีตัวตนให้เข้าไปยึดมั่นถือมั่นได้เลย ธรรมะทั้งนั้น ดูให้ดีๆ ซิ เปิดตาแห่งธรรมขึ้นมาซิ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  15. tunwarat_s

    tunwarat_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +141
    ขอบพระคุณในความกรุณาของทุกๆ ท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ ที่ได้ให้ความกระจ่างและแนวทางในการปฏิบัติต่อไป

    ทางชีวิตจะขอน้อมนำไปเป็นแนวปฏิบัติต่อไปค่ะ
     
  16. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    953
    ค่าพลัง:
    +3,165
    โทษคนอื่นแบบไม่รู้ตัว กับรู้ตัวเองว่าโทษคนอื่น

    ทำอย่างไรต่อไป ทำให้ต่อไปไม่โทษทั้งคนอื่น ไม่โทษทั้งตัวเอง
    รู้รู้ไป
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เป็นไงๆ ตอนนี้ เบิกบาน ไหม

    ถ้าเบิกบานนะ อย่ามัวแต่ ขอบคุณคนอื่นที่เป็น พาหะนำธรรม

    เราอย่า ง่อนแง่นในศรัทธา

    หากมีจิต เบิกบาน ปิติ ปั๊ป ถวายสิ่งเหล่านั้นให้กับ พระพุทธองค์ เพียงผู้เดียว

    ถวายไปเยอะๆ ยิ่งถวายยิ่ง ปิติ ยิ่งเบิกบาน ก็ให้ถวายต่อเนื่อง

    แล้วอย่าลืม ละความยึดมั่นถือมั่นในกริยาปิตินั้น แล้ว โน้มไปสู่การสิ้นอาสวะทั้งปวง
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    หากเข้าใจ น้อมไปได้มากน้อยแค่ไหน

    อย่าลืม พิจารณา รส ความ สงบ รำงับ สันติลักษณะ

    ที่กำลังเกิดขึ้น แล้วอย่ายึดมั่นถือมั่นเช่นเดียวกัน
     
  19. tunwarat_s

    tunwarat_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +141
    คิดว่าที่เป็นอยู่คือ จิตมันหลงไปยึดเอากิเลสที่เกิดขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนใช่หรือเปล่าค่ะ แต่จะวางก็วางไม่ลง เวลาพยายามจะวางมันรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ (เวลาเกิดความคิดขึ้นมา พยายามที่จะอยู่กับลมหายใจค่ะ) แต่จะอยู่กับลมหายใจได้สักพัก จิตมันก็จะกลับคิดต่อค่ะ
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นั่นแหละก็จิตมันบอกว่าสมาธิเพียงพอแล้ว ตอนนี้มันจะเอาปัญญาแล้ว ก็ตามใจหน่อยซิ เจริญปัญญาได้แล้ว ชอบเดินวนเวียน แล้วอย่ามาบ่นว่าปฏิบัติมาตั้งนานยังไปไม่ถึงไหนซะทีนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...