ไม่รู้แต่ไม่หลง ยังนิพพานได้ ส่วน "รู้แต่หลงรู้" ยังนิพพานไม่ได้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 22 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    ใครยกเรื่อง จิตประภัสสรละ
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    รู้แต่ว่า ยังไม่ได้ไปนิพพาน
    ยังมีสุคติหรือทุคติ เป็นที่ไปได้อยู่

    ถ้าหลวมตัวกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็ไปนรกอบายภูมิได้
    ถ้ามีสติดี มีปัญญารู้ดีรู้ชั่วยังละอายต่อบาปได้อยู่ รักษาศีลได้ปกติอยู่ ก็ไปสุคติ

    ถ้าเดินมรรค8สำเร็จ ฝึกสมถะวิปัสสนาได้ปฐมฌาณ ก็ได้บรรลุธรรมได้มรรคได้ผลได้นิพพาน

    ป้าไปได้ทุกทาง เพราะไม่ได้ทำกรรมที่ปิดกั้นมรรคผลตัวเอง

    แต่พวกที่ทำกรรมเที่ยงไปแล้ว เช่นอนัตริยกรรม นิตยมิจฉาทิฏฐิ ไปแล้วมันปิดกั้นมรรคผลไปแล้ว นี่ก็ช่วยไม่ได้

    ป้าไม่อยากเห็นใครต้องตกนรกซ้ำซาก หรือมาพาคนอื่นไปนรกด้วย เพราะทำกรรมบิดเบือนพระธรรมคำสอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ทวีชอบเอาจิตปรุงแต่ง มายึดเป็นสรณะ มีแต่หลง ขาดสติ ไม่มีปัญญาเกิด

    มีแต่ โดนคนอื่นเขาจับปั่นหัวเล่นเป็นจิ้งหรีดในเกมส์กัดกัน นะแหล่ะ

    ถ้าไม่หลงตัวเอง ก็ไปหลงคนอื่น ไม่มีสติอยู่ที่ตัวเอง มีจิตส่งออกนอกตลอด

    ไม่เคยมีปัญญาได้เห็นความจริงของคนที่มาปั่นหัวจิ้งหรีดของตัวเอง

    ได้ฌาณก็หลงฌาณ ได้เพื่อนก็หลงเพื่อน ได้นิมิตก็หลงนิมิต โดนคนอื่นหลอกเอาง่ายๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  4. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    ก็เหมือนกับอะไร โศลก หรือโครงกลอน ของเซน ที่ว่า "จิตเปรียบดังกระจกเงา ใส่ ต้องปัด เช็ด และถู อย่าให้ ฝุ่นจับได้" และอีกองค์หนึ่งมาต่อว่าอย่างไรแล้วนะ จำไม่ได้แล้ว แต่ใจความว่า "เมื่อไม่มีกระจก ฝุ่นที่ไหนจะมาจับได้" ถามว่า การที่จะทำให้ไม่มีกระจกนั้น ทำอย่างไร ต้องไปตามขั้น ตามตอน ตามขั้น ตามตอนของผมคือ ศีล สมาธิ ปัญญา
    ศีล ไพเราะในเบื้องต้น สมาธิ ไพเราะในท่ามกลาง ปัญญา ไพเราะในที่สุด
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    คนที่ไม่เคยมีสภาวะจิตเป็นสุขสงบจากการรักษาศีล ก็ย่อมไม่เห็นคุณของศีล
    ปุถุชนคนที่กล้าทำผิดศีลได้โดยไม่รู้สึกละอายต่อบาป นั้นเรียกว่านิตยมิจฉาทิฏฐิ
    ถ้าทำผิดศีลแล้วรู้ละอายต่อบาปเรียกว่าคนมีสติมีปัญญา รู้ดีรู้ชั่วรู้คุณรู้โทษ เป็นสัมมาทิฏฐิ
    คนปกติที่รู้คุณรู้โทษในเรื่องใด ย่อมงดเว้นในเรื่องที่ทำร้ายตนเองได้โดยสมัครใจ
    ไม่ต้องบังคับถือศีล หรือบังคับรักษาศีล จิตใจมันรักที่รักษาศีลไปเองเพราะรู้คุณรู้โทษตามจริง

    ไม่ได้มาโต้วาทีกับใคร มาแสดงความคิดเห็นอีกด้านหนึ่งให้คนผ่านไปผ่านมา ได้พิจารณาบ้างเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ :cool:
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ข้อสำคัญ อย่าไปพูดจาทำนองหมิ่นคุณของศีล5

    อย่าไปพาคนเข้าทางมิจฉาทิฏฐิ

    มิจฉาทิฐิ หรือ มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นผิด การเห็นกงจักรเป็นใบบัว พระพุทธองค์ทรงตรัส<SUP class=reference id=cite_ref-0>[1]</SUP>ไว้ว่า

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์บางพวกมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า
    • ทานที่ให้แล้วไม่มีผล
    • การบูชาไม่มีผล
    • การบวงสรวงไม่มีผล
    • ผลของกรรมดีกรรมชั่วไม่มี
    • โลกนี้ไม่มี
    • โลกอื่นไม่มี
    • มารดาไม่มีบุญคุณ
    • บิดาไม่มีบุญคุณ
    • สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะไม่มี
    • สมณพราหมณ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทราบถึงโลกนี้และโลกอื่นด้วยปัญญาอันยิ่งเอง และสามารถทำให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย ไม่มี"
    ซึ่งจากการประพฤติผิดมิชอบนี้เอง จะส่งผลให้บุคคลนั้น ๆ ต้องไปเกิดยังนรกอเวจีเพื่อใช้กรรมที่ตนเองก่อไว้หลายร้อยชาติ

    ปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ


    ปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ มี 2 อย่าง<SUP class=reference id=cite_ref-1>[2]</SUP> ได้แก่
    • ปรโตโฆสะ คือ การโฆษณาแต่บุคคลอื่น เสียงจากผู้อื่น ฟังคำบอกเล่าชักจูงของผู้อื่น
    • อโยนิโสมนสิการ คือ การทำในใจโดยไม่แยบคาย การไม่ใช้ปัญญาพิจารณา ความไม่รู้จักคิด การปล่อยให้อวิชาครอบงำ ตรงกันข้ามกับคำว่า โยนิโสมนสิการ
    ที่มา วิกิพีเดีย

    และอย่าบิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์ เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค8 อริยสัจ4
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถาม ทวี หน่อย

    ยังรักษาศีลอยู่หรือเปล่า
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    แล้วถ้าเกิดมีเหตุการณ์ให้ต้องทำผิดศีล รู้สึกอย่างไร
    มีความละอายต่อบาปไหม
     
  10. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    สาธุครับ ว่าแต่ ก่อนที่ไม่รักษานั้น รักษามาก่อนหรือไม่
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถ้ามีสติ ก็ไม่ทำผิดศีล5 หรอก
    แต่เวลาลืมตัวขาดสติโดยสัญชาติญาณมันทำนั่นอีกเรื่องนึง ก็มีบ้าง
    แต่ก็รู้สึกตัวรู้ดีรู้ชั่วอยู่นะ มีละอายต่อบาปอยู่ รู้ว่าที่ทำไปนั้นมันไม่ดีมันผิดศีล
    และมีละอายต่อลูกด้วย ที่สอนเขาแต่ทำไม่ได้ มันจะมีการปรับตัวเอง
    ให้รู้จักทำอย่างที่พูดให้ได้ ไม่งั้นก็เลิกพูดไปเสีย ไม่งั้น จะโดนลูกมันถอนหงอกเอา
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    แสดงว่า แต่ก่อน ยังดีอยู่ ยังรู้ละอายต่อบาปไม่อยากฆ่าสัตว์
    แต่ชีวิตสมัยนี้ คนดีอยู่ยาก ก็แบบนั้น แต่ถ้าดีมั่นคง มันก็รอดได้
    แล้วตกลง ทุกวันนี้ สอนลูกให้มีศีล5 ไหม
    หรือว่าทำอย่างที่แม่ทวีทำ
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    มันมีเบื้องลึกกว่านั้น ถ้าไม่ใช่พระโสดาบันขึ้นไป แล้วไม่มีศีลก็ไม่รอดอบายภูมิ
    ถ้ารู้คุณรู้โทษจริงๆ นะ มันก็ไม่ต้องรักษาเพราะจิตมันรักษาศีลเอง

    ต้องถามตัวเองว่า อยู่ในแบบไหน
    ถ้ายังเป็นปุถุชนอยู่ แล้วไม่สมาทานศีลเป็นวัตร เรียกว่าคนประมาท
    ถ้าเป็นโสดาบันไปแล้ว ไม่ต้องรักษาศีล คนอื่นเขาก็รับความรู้สึกของคนมีศีลแบบไม่ต้องรักษาได้
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    นิพพาน เขาได้ตั้งแต่ 7 ขวบขึ้นไป

    ยังไม่ถึง7ขวบ สักกายะทิฏฐิยังไม่ทำงาน ไม่มีทางรู้นิพพานได้ เพราะละสักกายทิฏฐิไม่เป็น

    ไม่มีอะไรจะให้ละ ก็เหมือนสัตว์ทั่วไปที่เขาไม่รู้จักดีไม่รู้จักชั่ว ไม่ได้ทำดี ไม่ได้ทำชั่ว

    พอ 7 ขวบไปแล้ว ถึงจะฝึกสมถะวิปัสสนา ฝึกสติ สมาธิ ปัญญา รู้จักกุศลจิต อกุศลจิตได้

    คนไม่รู้นิพพาน จะไปสอนนิพพานให้ใครได้

    ระวังจะเข้าข่าย นิตยมิจฉาทิฏฐิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ระวังกรรมให้ดีก็แล้วกัน จะประมาท ก็เรื่องของทวีนะ

    ป้ามาพูดให้คนผ่านไปผ่านมา เขาฟังเฉยๆ จะได้มีข้อมูลหลายๆด้านไว้พิจารณา

    คำสอนพระพุทธเจ้า น่ะ ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค8 อริยสัจจ์4
     
  16. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    ว่าจะรบกวนหน่อย ไม่กล้าเลย ตรงดีนะฝันเรา แหะๆ
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    สัมผัสอารมณ์ชาวบ้านได้นี่ เขาเรียกว่าส่งจิตออกนอก
    ไปสอดรู้เรื่องชาวบ้าน
    วิชาพระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้ตัวเอง พิจารณาตัวเอง รู้กิเลสตัณหาในตัวเอง
    คนที่เคยได้ฌาณน่ะ ฝึกสมถะมาได้ฌาณจิตมันก็รู้ไปทั่วนะแหละ
    แต่ว่ายังไม่มีปัญญา ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร
    คิดว่าตนเองรู้เหมือนพระพุทธเจ้าแล้ว
    แต่จริงๆแล้วที่ได้มาน่ะคืออวิชชาล้วนๆ ทำให้หลงรู้ หลงตัวเอง หลงว่านิพพานแล้ว
    หลงว่าอยู่เหนือบุญเหนือบาป ไม่มีความละอายต่อบาป มันหนาไร้ความรู้สึก
    ไม่กระเทือนต่ออะไรๆ ชีวิตมันไม่มีอะไรให้รู้สึก ไม่กลัวอะไร ตัน บ้องตื้น
    ไม่เห็นความสำคัญของคำสอนในพระพุทธเจ้าเพราะไม่เคยรู้ว่าศีลให้อะไรเรา
    มากกว่านั้น คิดว่าเป็นแค่ที่เห็น ไม่เคยเจอของจริง เจอแต่ของปลอม
    และต่อไปมันจะอาการหนักขึ้นไปเรื่อยๆ เพ้อเจ้อสติแตก วิปลาส เลอะเลือน
    เพราะไม่มีอะไรให้ยึด ไม่เคยมีจุดยึดเหนี่ยว คนที่ได้นิพพานจริงเขาไม่ต้องมีอะไรยึดแล้ว
    แต่ปุถุชนที่ทำตัวเลียนแบบคนนิพพาน น่ะ มันลอยออกอย่างเดียว พอหมดวาสนา
    ก็เป็นหมาตัวหนึ่ง เสื่อมหมดก็ไม่เหลืออะไร ตอนยังไม่เสื่อมหมดก็ยังมีค่าให้
    กิเลสมันหลอกใช้อยู่

    ป้าพูดจากใจเลยนะ แต่ก็แล้วแต่ทวีก็แล้วกัน ดูขจรเป็นตัวอย่าง
     
  18. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    ไม่ใช่ป้าหรอก
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    คนที่ฝึกแต่สมถะมา แล้วคิดว่าตนเองได้นิพพาน มีเยอะ
    ใครก็สอนเขาไม่ได้ ถ้าตอนเสื่อมแล้วยังไม่รู้ตัว ยิ่งไม่ต้องโผล่หัวเลย
    ถ้าฝึกสมถะแล้วมีศีลมีสัจจะกำกับ ยังไงก็ยังเอาตัวรอดได้บ้าง ยังมีสุคติเป็นที่ไปบ้าง
    ถ้าไม่มีศีล ไม่มีสัจจะ ก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ไปทุคติอย่างเดียว

    ก็แล้วแต่คน น่ะแหละ บอกแล้วเตือนแล้ว ก็ทางใครทางมัน
     
  20. jake009

    jake009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +285
    ค่อยรับคำแนะนำอยู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...