ทำไมยิ่งปฏิบัติ ยิ่งรู้สึกแย่ๆ กับตัวเอง ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tunwarat_s, 22 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ว้า หล่นมาซะและ

    เอางี้

    สังเกตุดีๆนะ ตรงความอึดอัดคับแค้น ที่เป็น ความรู้สึก อันนั้น เรียก
    ตามบาลีว่า หทัยวัตถุ มันเป็น นามธรรมอย่างหนึ่ง คือ ภาวนาถูก
    ต้องก็จะเห็น ภาวนาไม่ถุกก็ไม่เห็น

    ความอึดอัดคับข้องจะเห็นว่า เราคับข้องเพราะกิเลสมันห้อมล้อม ตรง
    นี้เรียกให้ไพเราะว่า เห็น ทุกขสัจจที่ชื่อ อุปายาส ความคับแค้นใจ

    หากภาวนาดีๆนะ ตรงนี้จะค่อยๆ บางลง อึดอัดนะ แต่บางลง บางลง
    จนเหมือนไม่มี ไอ้ตอนไม่มี หากเราไม่ได้ตามพิจารณาตลอด เราจะเอา
    ปัญญาแบบปุถุชน คือ เอา อุปทานมากลบทับอวิชชา ก็จะสำคัญว่า

    ชีวิตนี้ไม่มีทุกข์ ก็จะเรียบร้อยไป ต้องภาวนากันใหม่หมด

    แต่ถ้าเห็น อุปายาส ตัวนี้บ่อยๆ แล้วเห็นมันดับไป เพราะ อุปาทานขันธ์
    มาทับ นี่จะเห็น อุปทานขันธ์ ที่เป็น ทุกขสัจจ ตัวแท้ๆ ขึ้นมาอีก ตรง
    นี้จะไม่มี น้ำหนักแล้ว มันจะเป็นเรื่องของ ขันธ์ ที่ไม่เกี่ยวกับ จิต

    เห็นตรงนี้บ่อยๆ ก็แจ้งทุกข์ รู้ถ้วนในทุกข์ แต่จะ เห็นว่า"แจ้งในทุกข์"
    นั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดดับหรือไม่ ตรงนี้ ไม่สามารถระบุได้ว่า เมื่อไหร่จะอิ่ม

    นี่จะหมด ปริยัติแล้วหน่า อย่าถามเยอะ อย่าถามเยอะ

    * * * *

    ที่ห้าม ถามเยอะ ไม่ใช่อะไร ผมก็ภาวนามาจ่อๆแถวๆนี้ แหม เราภาวนา
    มาตั้งนาน กว่าจะเห็น อุปายาส อุปทานขันธ์ ยากเย็ลแสนเข็ญ แต่ดูสิ
    จขกท มาถามคำถามเดียว เล่นเอาผมหมดภูมิจะสอน


    * * * *

    อ้อ ลืมไป ตรงที่ จิตกลับไปผลิกอานาปานสติมาอยู่ แล้วเห็น จิตไหลไปคิด
    หรือ จิตเผลอไปคิด หรือ เอา กิจของจิตในการคิดมาพิจารณาลงไตรลักษณ์
    อันนั้น คือ มันกลับไปที่ฐานการ ภาวนา ไปเก็บกำลังพิจารณาต่อ เพราะ
    มันไม่อิ่มในการเห็นทุกขสัจจ นั่นแหละ ไม่มีอะไร มันพอดีโดยตัว จิต ที่
    ไม่ใช่เรา คือ เขาเริ่มปฏิวัติตัวจิตเอง จิตเขาพัฒนาของเขาเองได้ไม่ง้อเรา
    แล้ว แต่ เรานี่ ก็แอบจะเอาผลงานมาสนองตน ไม่หมดอยาก ทำให้พลาด
    การเห็นครรลองคลองธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  2. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ต้องบอกว่า จขกท มาได้ถูกทางแล้ว ธรรมดาคนมีกิเลส มันก็ไปทางนั้นทางนี้เรื่อยไป กิเลสทำงาน ทีนี้พอธรรมเริ่มทำงานบ้าง ก็เห็นกิเลสสิ ครานี้แหละ จะเห็นโทษของกิเลสไปเรื่อยๆ ธรรมจะมีกำลังมากขึ้น แล้วจึงมีแรงที่จะออกจากกิเลส

    ทีนี้ ที่เราควรจะพิจารณาต่อไปคือ หาทาง ลด ละ เลิก

    ตัวไหนยังเลิกไม่ได้ให้มาถาม ว่ามีอุบายอย่างไร

    นี่รอมาตั้งนานยัง ไม่เห็นมีใครมาถามเลยว่า ดับกิเลสแต่ละตัวทำอย่างไร
    แสดงว่า หลายๆคนยังไม่เห็นตัวทุกข์ ยังไม่ดับกิเลสกัน ยังนอนแช่ลอยคอกันอยู่
     
  4. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    ยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ที่เป็นแบบนี้ เพราะท่านปฏิบัติถูกทาง ไม่หลงทาง จึงได้เป็นเช่นนี้ อันนี้เป็นทางสายเอก เป็นทางตรงที่สุด เพื่อไปบรรลุธรรมของพระพุทธองค์เชียวนะครับ ไม่อ้อมค้อมเลย

    คำแนะนำ ก็ ตามที่ท่านอื่นๆ ผู้มีภูมิธรรมสูงกว่าผมทั้งนั้นเลย แนะนำไปหมดแล้วครับ

    สำหรับส่วนตัวผมเอง ถ้าเป็นจริตผมเอง ผมพิจารณาต่อเลยครับ
    ว่าโครงสร้างความคิด-จิต-อารมณ์-กิเลส ของตัวเราเอง เป็นอย่างไร

    เมื่อก่อนเราไม่เห็นว่าความคิดตัวเองน่าเกลียด เพราะเราหลงไปกับมันตลอด ไม่เคยรู้ทันมัน เดี๋ยวนี้ เรารู้ทันมันแล้ว เกิดความคิดอีกอันนึงขึ้นมา คือ เกลียดตัวเอง เก็บมันมาเป็นอารมณ์ ให้กระทบตัวเองอีกทีนึงอีก เอ๊ะ อันนี้ เราหลงไปกับมันอีกแล้วใช่หรือเปล่า? แต่เป็นการหลงที่ละเอียด ที่กิเลสมันแยบคายขึ้นใช่หรือไม่?
    แล้วเช่นนี้ พิจารณาต่อไป ไอ้ความเกลียดตัวเองที่เกิดขึ้นนี่ มันให้ประโยชน์อะไรเราไหม? มันเกิดขึ้น มันตั้งอยู่ตลอดกาลได้ไหม? มันจะต้องเปลี่ยนแปลง เมื่อมีอารมณ์อื่นมากระทบไหม สุดท้ายมันจะต้องดับไปไหม?

    อนุโมทนา สาธุ ที่ท่านเจ้าของกระทู้ ได้มีดวงตาเห็นธรรม ครับ
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    การจะลด ละ เลิก ก็ต้องรู้ก่อนว่า การที่เรามีอาการแบบนั้น เพราะ ตาของเราไปสัมผัส หูของเราไปได้ยิน เมื่อได้ยินแล้ว ดูแล้ว เราไม่ชอบใจ เราก็หงุดหงิด
    เพราะว่า เรามีตะกอนความหงุดหงิดดองอยู่ อาจจะเกิดจากการที่เรามีงานเยอะ หรือ เจอ เรื่องร้ายๆไม่พอใจดองเอาไว้

    เมื่อเรารู้แบบนี้ เราก็เตือนตนเองให้วางอุเบกขา ในเรื่องที่เราไปพบไปเจอ ไปฟังมาให้บ่อยๆอันดับแรก

    จากนั้น หมั่นทำใจให้เบิกบาน อาจจะทำความสงบเป็นเบื้องต้น สงบนี่ก็สงบกาย สงบใจ อาจจะหาเวลาพักผ่อน แล้วก็ทำบุญ แล้วจึงทำสมาธิ

    นี่ต้องทวนกระแสโลกแบบนี้ ทำให้เป็นกิจวัตร จะต้านทาน สังขารความคิดปรุง อารมณ์ปรุงแต่งต่างๆได้เป็นอย่างดี
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    คุณพูดเนี่ยถูก แต่ภาคปฏิบัติผิด

    ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งรู้สึกแย่ๆ กับตัวเอง
     
  7. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    มาถามแล้วครับ ทางจะไปทางที่ละกิเลสมันไปทางไหน

    ทุกตัวเลยแหระช่วยบอกให้ละหน่อย ลด ละ ยังไม่ได้เลย

    ถามแล้วนะ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    กำหนดรู้ทุกข์ ของตนก่อนอันดับแรก มีเยอะแยะ

    ที่นี้ ตัวไหนที่เราคิดว่าพอมีกำลังสู้กับมัน ก็ใช้ ศีล สมาธิ ปัญญา เลือกเอา
    ว่าสะดวกอย่างไรก่อน

    เอาเท่านี้ก่อนนะ ถ้าเข้าใจแล้วลองถามคำถามต่อไปมา จะตอบให้
     
  9. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ถามต่อๆ
    แล้วอะไรบ้างที่เป็นทุกข์ แล้วจะสู้กับตัวไหนก่อน ศีลประหานอะไร สมาธิประหานอะไร ปัญญาประหานอะไร
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,927
    ค่าพลัง:
    +9,209
    ถามเป็นนักท่องตำราแบบนี้ไม่ตอบ
    จะคุยอะไรกับเรา ต้องผ่านปฏิบัติมาก่อน
    เวลาเรามีค่านะ แปะแปะ ไม่ได้จะให้มาคุยด้วยส่งๆเดชๆ เป็นการฆ่าเวลา แบบนั้นไม่เอานะแปะแปะ
     
  11. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    อ้าวทำไมงั้นล่ะ ถ้าเราผ่านปฏิบัติมาได้แล้วจะไปถามทำไมล่ะ ถามการปฏิบัติดีๆปฏิเสธซะงั้น
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    ดีแล้วครับ

    เคยมีเพื่อนผมถามว่า การภาวนาคืออะไร

    ผมตอบสั้น ๆ ครับ " การภาวนา คือ การละความชั่ว "
     
  13. tunwarat_s

    tunwarat_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +141
    ต้องขอขอบพระคุณอย่างสูงในธรรมทานที่ท่านผู้รู้ทุกๆ ท่าน ช่วยแนะนำแก่ทางชีวิตด้วยค่ะ ทางชีวิตจะนำไปเป็นแนวทางในปฏิบัติต่อไปค่ะ
     
  14. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    "ให้อภัยคนที่ทำให้เราเจ็บได้ไหม ถ้าได้มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเยียวยา" นิค วูจิซิค
    "ไม่มีความรักถ้าไม่มีเสียสละ" เจ้าหญิงพระจันทร์ในแอร์เบนเดอร์

    เวลามีคนมาร้ายใส่เรา มีความคิดเกิด วนเวียนอยู่ ระลึกได้คราวใดก็ทุกข์ ทุกข์ที่คิดและคิดได้ก็ปรุง ทำไมมันร้ายอย่างนี้ คาดหวังว่าเราดีไปเค้าต้องดีกลับซึ่งตรรกะนี้ที่จริงมันไม่เป็นตามนี้ก็ได้เพราะคนเราก็อาจจะไม่ดีก็ได้ อาจจะเลวมากๆก็ได้ เห็นแก่ตัว มุ่งหวังเอาตัวรอดเป็นที่ตั้งคนอื่นเป็นไงไม่สน ตามสัญชาติญาณตามธรรมชาติสิ่งมีชีวิต

    เหมือนชาวนากับงูเห่า ชาวนาดีด้วย แต่งูเห่าก็ไม่รับประกันว่าจะรู้คุณดีตอบ เป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติและเป็นอย่างนั้นเองครับ

    ผมเห็นว่าคนเราทุกข์ที่คิด และก็เรื่องที่คิดที่ทำให้ทุกข์ใจนั้นหากไม่ได้ปฎิบัติธรรม มีความยึดมั่นถือมั่นมากก็จะทุกข์ได้ไม่จำกัดและบางคนก็อาจจะรักษาธาตุขันธ์(ไว้ทำความดี ปฎิบัติธรรม ก่อกุศล สร้างบารมีเพิ่ม ตลอดจนที่สุดแห่งทุกข์ทำพระนิพพานให้แจ้ง) ด้วยหลงจมไปในความคิด ติดไปในอารมณ์ หลุดไปทำความชั่ว

    ยกตัวอย่างเช่น แค้นคนนี้มากโกงเรา ถ้าเราคิดละขับรถชนมัน มันตายเราสะใจแล้วเราจะเป็นอย่างไรต่อ วันต่อมามันเลิกโกงเราใช้หนี้ให้เรา อ้าวซะอย่างนั้น ดีนะวันก่อนไม่ขับรถชนมัน ไม่ได้เงินคืน ติดคุก เสียภพ

    จะเห็นได้ว่าความคิดอันมีเกิดแล้วก็มีดับสิ้นไม่เหลือ ต่างไม่แน่นอนด้วยเหตุและไม่ควรยึดมั่น
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    [MUSIC]attachment.php?attachmentid=1915637&stc=1&d=1329907851[/MUSIC]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +1,117
    ยิ่งปฏิบัติยิ่งเกิดทุกข์คะ คุณต้องมีจิตตั้งมั่น อะไรเกิดขึ้นหรือรู้เห็นอะไร ทุกข์อย่างไรคุณต้องอดทนคะ สู้กิเลส และ อุเบกขา ต้องชนะมันให้ได้อย่าท้อแท้ปฏิบัติไปคะ ถ้าคุณผ่านสิ่งต่างๆผ่านมารได้ มารไม่มีบารมีไม่เกิดพยายามอุเบกขาอดทนนะคะโดนทดสอบคะบุญรักษานะคะ
     
  17. overmage

    overmage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +128
    ก็ดีแล้วนี่ครับ ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งเห็นกิเลสตน เห็นตนเองเลว

    ดีกว่า ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งเห็นว่า คนอื่นต่ำ คนอื่นเลวกว่าตน อันนั้นคงแย่แน่ๆครับ

    เอาเป็นว่า เห็นว่าเลวตรงไหน ก็แก้มันตรงนั้นละกัน

    ผมขอตัวไปแก้ เลว ของตนเองต่อก่อนครับ

    โมทนา สาธุครับ

    อยู่กับลม แต่ไม่รู้ลม คือคนที่ตายจากความดี
     
  18. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    ท่านนี้เห็นความคิดของตนเองที่ไม่ดี พยายามหาทางปฏิบัติเพื่อจะละในสิ่งเหล่านี้ ท่านนี้ คือตัวอย่างของ สัมมาทิฐิ เป็นผู้ง่ายต่อการเข้าถึงธรรม

    ท่านที่เห็นโทษคนอื่น ไม่เห็นโทษตนเอง ไม่รู้ตนเอง เป็นผู้มีมิจฉาทิฐิ ในใจ ไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆก็ตาม

    สัมมาทิฐิ กับ มิจฉาทิฐิ ต่างกันเท่านี้เอง
     
  19. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    อ่านข้อความคุณแปะแปะแล้วเห็นใจ ขออนุญาตตอบคำถามให้คุณแปะแปะ ดังนี้นะครับ

    ทางที่จะละกิเลสได้ในโลกนี้ มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือ ทางของพุทธะ

    ทางของพุทธะ ละกิเลสได้ทุกตัวในโลกนี้ ละไม่ได้ทุกตัวเข้าถึงความเป็นพุทธะไม่ได้เช่นกัน
     
  20. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    ขออนุญาตตอบคำถามคุณแปะแปะต่อดังนี้

    ศีลประหารอะไร - ประหารความชั่วทางกาย

    สมาธิประหารอะไร - ประหารความคิดทางใจ


    ปัญญาประหารอะไร - ประหารอวิชชาในใจ

    ปัญญานั้น คือ จิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ก็คือ พุทธะในใจ นั้นล่ะ

    ปกติผมไม้ได้วุ่นวายกับปุถุชนทั่วไป คำถามที่จะถามผมผมอาจเข้ามาตอบหรือไม่ก็ได้นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...