ช่วยแก้อารมณ์ที่น่ากลัวอันนี้หน่อยครับกับอารมณ์หัวเราะคือไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 23 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ตะกี้ผมจะไปห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องนั่งเล่นแล้วมันมืด เพราะตีหนึ่งมึด ผมก็เลยกลัว แล้วจิตมันก็ปรุงแต่ง ว่ามีคนเดินตามอยู่ข้างหลังเพราะตอนนั้นผมแผ่เมตตาใกล้จะนอนหละ

    อารมณ์นี้อารมณ์ไรครับ

    ผมสงสัยมานานแล้ว ที่เราหัวเราะกันเนี่ย คืออารมณ์อะไร พระอรหันต์ท่านยังหัวเราะเลย คืออารมณ์ไรเหรอครับ พระพุทธเจ้าท่านไม่หัวเราะแต่ยิ้ม คืออารมณ์ไรเหรอครับ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    หัวเราะแบบไหนละ ก็ดูจิตใจตัวเองครับ

    บางคนหัวเราะ สะใจ ความทุกข์คนอื่น

    บางคนหัวเราะ ดีใจ ความสุข

    อยากรู้อารมณ์ แบบไหนก็ต้องถามตัวเองครับ

    ว่า อารมณ์ ดี กุศล หรือ อารมณ์ ชั่ว อกุศล
     
  3. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    958
    ค่าพลัง:
    +3,168
    ใครจะเดินก็เดิน ใครจะนั่งก็นั่ง เห็นหรือไม่เห็น รู้หรือไม่รู้ เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น เราก็เป็นของเราอย่างนั้น
    หัวเราะเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน
    หัวเราะเป็นการแสดงออก ปรุงแต่งบอกว่าข้ามีความสุข
     
  4. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    คุยสิ่งกุศลอยู่แล้วก็ หัวเราะอ่าครับผมดู วีดีโอของหลวงพ่อฤาษีลิงดําท่านยังหัวเราะเลย

    หลวงพ่อฤาษีลิงดําท่านก็หัวเราะ พระพุทธเจ้ายังยิ้มเลย (แย้มพระโอษฐ์ ผมไม่รู้ว่าจะเรียกยิ้มได้ไหม) แปลว่ายังปรุงแต่งเหรอครับ
     
  5. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    958
    ค่าพลัง:
    +3,168
    หัวเราะเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน -อริยะและปุถุชน
    ปรุงแต่ง คำเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน-บางท่านปรุงแต่งด้วยเศษวิบากที่ยังเหลืออยู่ก่อนหมดภพหมดชาติ แต่บางคนปรุงแต่งเพื่อเพิ่มวิบากให้ภพชาติต่อไป
    หัวเราะเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน- เวลาท่าหัวเราะ หรือแสดงความสุขอย่างท่าน เราเข้าใจจริงหรือว่าท่านสุขท่านยิ้มอย่างที่เราปรุงแต่ง
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อันนี้ มัน!! หัวเราะตัวเองไง มัน เหยียดขี้หน้าตัวเอง

    คือ เวลาคนเรา ปรารภการมี อัตตา ชื่นชมตัวเอง ยกหางตัวเองบ่อยๆ
    ว่า ฉันดี ฉันเยี่ยม ฉันยอด ฉันโพธิสัตว์ ฉันกล้ากระโดดลงกองไฟเพียง
    เพื่อช่วยลูกเจี๊ยบสักตัวออกมา แล้วหากตัวเองจะไม่รอด ก็ถือว่า ได้ช่วย
    ลูกเจีณยบตัวน้อยแล้ว พอตรึกเอาไว้แบบนี้บ่อยๆ

    ความมั่นใจ มันจะย้อมจิต จิตจะเริ่มเสีย เริ่มโดนตัวเองหลอก ย่อมหลอก
    ตัวเอง ตัวเองก็เห็นแล้ว แต่ ก็เอออวยไปกับการหลอก เพราะไปสำคัญ
    ว่า นั่นคือ การอธิษฐานจิต หรือ เป็น ปณิธาน

    พอมันย้อมมากๆเข้า ก็ถึง คราว กิเลส โพลออกมาเหยียดน้ำหน้า

    กล่าวคือ

    สถานะการณ์ง่ายๆ แค่ ลุกไปฉี่ ลุกไปขี้ ซึ่งต้องหาที่รโหฐาน ห่าง
    ไกลผู้คน เลี่ยงไม่ได้ ต้องเจอ ต้องไปทุกวัน เอาแค่นี้ ก็เกิดอาการ

    ขี้หด ตดหาย อาวุธจุ๊ดๆ

    แล้ว ที่หัวเราะ

    สังเกตไหมว่า ตัวเราเองไม่ได้ตั้งใจหัวเราะ แต่ จิตมันกลับหัวเราะ

    นั่น นั่น นั่น ขณะ นั้น ตอนที่ พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ครอบ
    งำจิตผู้ทำธุระหนักเบาเสร็จ จิตมันส่งออก ขันธ์5ภายนอก ธรรมภายนอก
    เขาเลย "หัวเราะ" โดยอาศัย จิตเราเป็นสื่อแสดงเสียงหัวเราะ หรือ ทำ
    ให้เกิดการได้ยินเสียงหัวเราะ มันจะมาจากใครได้หละ ไม่ใช่ จากคุณ
    หลอก

    คงเป็น เทวดา สัมพเวสี อีกทั้ง หมา และ แมว ที่มันเห็นกระแสจิต
    ของคนมาขี้ มาฉี่ แค่นี้ก็กลัวหัวหด ขี้ขลาดตาขาวเสียแล้ว มันก็ จับ
    กลุ่มหัวเราะกันไง

    ดังนั้น เสียงหัวเราะ ไม่ใช่ สิ่งที่เป็นตัวคุณ เป็นผู้หัวเราะ

    เสียงหัวเราะนั้น ไม่ใช่คุณ แต่เป็นอะไรภายนอก ที่กดทับเข้ามา

    ความที่มันเป็นธรรมภายนอก ไม่ใช่คุณ ไม่ใช่จิตคุณ และ อีกทั้ง จิต
    คุณก็ไม่ใช่ของคุณ เพราะ ธรรมภายนอกขอยืมใช้เพื่อแสดงอาการ
    หัวเราะให้ปรากฏในโลก ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง จิตอรหันต์

    แต่เป็น จิตที่พร้อมจะเล่ร่อน หาก ตอนนั้นขี้เสร็จ เยี่ยวเสร็จ แล้ว
    เกิดความกลัว แล้วธรรมภายนอกกดเข้ามา สะกดจิตคุณให้แสดงอาการ
    หัวเราะ เสร็จแล้ว เกิดมีลูกปืนตกมาจากฟ้า เจาะกะโหลกตายในบัดดล
    ก็เรียบร้อย เกิดเป็นเปรตนั่งหัวเราะอยู่ข้าวส้วมนั่นแหละ ไม่ใช่เป็น
    โพธิสัตว์อะไรเลย ไม่ใช่อรหันต์ด้วย

    ทำไมเป็นอย่างนั้น

    ก็เพราะ ขาด "สติ" รักษา "จิต" ที่เป็นของกลางไม่ใช่ของเราของใคร

    * * *

    แล้วจะรักษาสติ เจริญสติอย่างไร ก็ อานาปานสติ ไง ลองพิจารณา
    ดูไปพลางๆระหว่างไปฉี่ ไปขี้ คนที่เขาปฏิบัติจริงๆเนี่ยะ เขาไม่ปล่อย
    ให้หายไปแม้แต่ลมหายใจเดียว จะขี้ จะเยี่ยว เราไม่ปล่อยให้จิตว่างจาก
    ฌาณ (การทำอานาปานสติ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2012
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    กรณี ผู้ฝึกตนดีแล้ว เกิดอาการหัวเราะ

    อันนี้ คุณต้องลองนึกสภาพบรรยากาศเวลาคุณอยู่กับ ฝูงเพื่อน

    เวลาเพื่อน เขาพูดตลก เขาพูดเล่นหัวกัน แต่ มุขนั้นเฝื่อน จืดฉืด
    สังเกตไหมว่า เพื่อนกันแท้ๆเนี่ยะ ยังไงก็ต้อง หัวเราะ

    หรือบางที่ เราไม่ได้หัวเราะ ไม่ได้ฟังเรื่องที่เขาคุยกันด้วย แต่พอ
    ฝูงเพื่อนเขาหัวเราะ กายเราก็หัวเราะโซโล่ตามไปนิ่งๆ

    หัวเราะแบบ เพื่อนแท้ๆ ย่อมยอมหัวเราะให้เพื่อนได้เสมอ แม้จะเฝื่อน
    อันนี้คือ หัวเราะเพราะเห็นแก่หน้า อันนี้เป็นการหัวเราะเพราะ การปรุง

    ส่วน

    การหัวเราะ ที่โซโล่ตามไปนิ่งๆ เขาหัว เราหัว เขาหยุด เราหยุด
    สรุปแล้ว เขาหัวเราะเรื่องอะไรกัน เราก็ไม่ได้สนใจ ไม่ได้รู้เห็นด้วย
    แบบนี้ เขาเรียกว่า หัวเพราะไปตามกระแสธรรม(ภายนอก) เป็นการ
    หัวเราะ เพื่อ อนุเคราะห์โลก ให้โลกมันมีบรรยากาศของโลก แต่
    คนหัวเราะ จะเอาความสุขจากกริยาการได้หัวเราะ นั้นไม่มี

    อะไรแบบนี้ เฉียด ญาณการหัวเราะแบบพระ แค่ เฉียดนะ มันพอ
    เหมือนๆ ทั้งนี้เพราะ หาก คนหัวเราะแบบนี้มานั่งย้อนดูว่า ตะกี้ตน
    ทำอะไร มันจะรู้สึกว่า บ้า คือ เกิดสงสัยในตนขึ้นมา
     
  8. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    อย่างงี้นี้เองขอบคุณครับ
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    นี่ๆ ถ้าวันไหน หัวเราะนะ แล้ว ขนลุกขนชัน

    ก็ พึงระลึกไว้ว่า เคสไหนหว่า

    เสร็จแล้ว ก็อย่าไปสนใจอะไรภายนอก อย่าส่งจิตออกนอก

    กลับมา รู้ลมหายใจไปเรื่อยๆให้ปรกติสุข มีอานาปานสติเพื่อยู่สุข
    จนกว่า จะหมดเหตุ หรือ พ้นเขต ก็จะหายขนลุก แล้วก็เป็นปรกติ

    แล้วสังเกตไว้ว่า อาการขนลุก ขนชัน น้ำเตาเล็ด น้ำตาไหล ระหว่าง

    จิตเราเป็นสมาธิ กับ สิ่งอื่นมากดเรา เนี่ยะ มันต่างกันยังไง

    วิธีนำออก นั้นต่างกันอย่างไร

    แล้วจะแปลกใจว่า อุบายนำออก ใช้วิธีเดียวกัน มรรค มีหนึ่งเดียว!!!
     
  10. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    อารมณ์ที่กลัว คือโทสมูลจิตครับ
    ที่หัวเราะ คือ โสมนัสเวทนาครับ
    พระพุทธเจ้าได้แต่ยิ้ม หสิตุปาทจิตครับ เป็นโสมนัสเวทนากิริยาจิตครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...