ศาสตร์ แห่งจิต โลกที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเป็นศาสตร์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nai_tung, 28 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. nai_tung

    nai_tung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +9
    หลายคนคงนึกถึงเรื่องการแยกร่างกายจิต หรือถอดกายทิพย์ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือว่าชาตินี้ไม่มีบุญบารมีจริงๆก็คงไม่สามารถทำได้แต่ขอให้หยุดความคิดนี้ก่อนครับ
    มีคำยืนยันขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงพุทธศาสนา เป็นศาสตร์ของ
    การรู้การตื่น ซึ่งหมายความว่าการเป็นศาสตร์นั้น ก็ต้องสามารถที่จะศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติได้ แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่หลายคนถูกครอบงำมอมเมาโดยนำไปปนกับแนวความรู้ทางไสยศาสตร์(การหลับ,งงงวย.หลอน)ที่จัดเป็นอวิชา
    การที่พระพุทธองค์ได้ยืนยันว่าสิ่งที่พระองค์สั่งสอนสาวกนั้น เป็นศาสตร์ที่สามารถศึกษาได้ โดยเป็นอกาลิโก และต้องปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้นถึงจะสามรถบรรลุถึงได้
    ก้าวเดินก้าวแรกที่สำคัญของการไปถึงโลกแห่งจิตคือการถอดร่างจิต หรือเราคุ้นกันในชื่อกายทิพย์ ออกจากายสัมผัส หรือกายเนื้อของเรา ความยากมันอยู่ตรงนี้
     
  2. nai_tung

    nai_tung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +9
    เหมือนกับการหัดขับรถจักรยานหรือการว่ายน้ำดูเหมือนไม่ยาก แต่การทรงตัวบนที่เราไม่เคยนั้นมันแสนจะเป็นความรู้สึกที่ยากเย็นแสนเข็ญ ยิ่งหลายๆคนที่ขึ้นหัดขี่แล้วจักรยานล้มลงจนบาดเจ็บนั้น ไม่ตั้งใจหรือมีแรงบันดาลใจจริงๆ รับรองไม่กลับมาหยิบและเข็ดไปอาจจะทั้งชีวิต พาลเชื่อว่าจักรยานสำหรับเราไม่มีทางได้ขี่อีกแน่นอน ยิ่งไปได้ยินคนเล่าเรื่องการขี่จักรยานผาดโผนโจนทะยาน พาลจะกราบเอาให้ หรืคนบนดอยที่ไม่เคยเห็นแม่น้ำใหญ่มีคนว่ายข้ามได้ ก็กลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ไป พาลเป็นเรื่องของความงมงายเหลือเกินที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถกระทำได้ เลยพาลย้อนไปถึงเรื่องบุญเก่าบุญหลังหรือบารมีแต่ปางใดๆไป
     
  3. nai_tung

    nai_tung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +9
    และยังไม่พอสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ค่อยสนับสนุน เพราะจริตของคนที่มีกิเลสหลายคนพอปั่นจักรยานได้ก็เสียเวลาไปตั้งมากมายในการท่องเที่ยวติดหลงกับการที่จะไปโชว์ว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นๆ ขับจักรยานอยู่อย่างนั้น ยิ่งมีคนเชียร์ยกยอปอปั้นอีก พาลหลงไปกันใหญ่ พาลจะรู้สึกว่าแท้จริงแล้วเป็นเรื่องธรรมดาๆ ใครๆก็ปั่นกันได้ เมื่อก้าวไปในโลกแห่งจิต เหมือนกับพอปั่นจักรยานอยู่ในบ้านป่าหรือเกาะ ที่ไม่มีใครปั่นเป็นเลย ก็หลงติดว่าตัวเองเก่งที่สุดรักหวงแหนจักรยาน ยกตัวเองเป็นสุดยอดในหมู่บ้าน พอปั่นมาอวดในเมือง กลับพบว่าเด็กๆเล็กๆ คนขนขยะก็ปั่นกันเป็นทำเอาความรู้สึก ที่อยากจะอวดกลายเป็นเรื่องที่แทบจะเขกหัวตัวเองที่เสียเวลาหลงไปตั้งนานว่าไม่มีใครทำได้ พาลทะโลเสียเวลากันใหญ่ ยิ่งบางคนฝึกฝนจนเก่งยกล้ออะไรได้ ก็ไปหลงอยู่ในร้านตบแต่งจักรยาน เสียนานนม เหมือนก้าวไปโลกแห่งภูมิอื่นๆ พอกลับมาหาร่างเดิมอ้าวตายแล้ว เวลาจะหมดเสียแล้วไม่ได้สะสมบุญเพื่อซื้อตั๋วหรือที่บ้านในเมืองที่จะข้ามเกาะนี้ไปอยู่เสียที่โน่น เลยพาลต้องมาเวียนๆวนอยู่ในเกาะนี้ นานๆไปพาลลืมหรือขับไม่ไหวอีก
     
  4. nai_tung

    nai_tung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +9
    เรามาเริ่มเรื่องการก้าวไปสู่โลกแห่งจิตกันดีกว่าครับ
    เงื่อนไขที่สำคัญของการก้าวข้ามโลกของกายเนื้อคือการแยกร่างจิตออกจากร่างเนื้อ
    เรามาศึกษาเรื่องของการเตรียมความพร้อมกันก่อนนะครับ
    1.การเตรียมเรื่องความเชื่อศรัทธาพื้นฐานก่อนครับ หรือความรู้พื้นฐานก่อนเข้าห้องเรียนกัน ว่าด้วย
    1.1. การถอดกายจิตออกจากกายเนื้อเป็นเรื่องจริง ยืนยันได้จากการที่มีคนที่สามารถทำได้และบอกเล่ามากมาย ทั้งที่ทำได้โดยตั้งใจหรือโดยบังเอิญ หรือถ้าไม่เชื่อใครนั้นก็ดูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้และมีการจดจานไว้พระไตรปิฎก รวมทั้งจากศาสนาอื่นๆมากมาย
    1.2. การถอดดายจิตนั้นไม่ได้ทำให้ตาย ถ้าปฏิบัติอย่างถูกต้อง กายจิตสามารถกลับเข้ากายเนื้อได้อย่างไม่มีปัญหา
    1.3.การตายนั้นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดกับเราแน่นอน อาจจะตายในขณะปัจจุบันหรือขณะที่แยกร่างจิต ก็ไม่ควรกังวล เพราะกลัวไม่กลัวกังวลไม่กังวลอย่างไร สุดท้ายการสิ้นสุดของกายเนื้อหรือตายก็เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
    1.4.ในโลกแห่งจิตนั้นสิ่งที่ต้องเผชิญนั้นแตกต่างจากที่เราสามารถสัมผัสด้วยกายเนื้ออย่างแน่นอน สิ่งที่ต้องเตรียมคือสติ และพร้อมเผชิญกับสิ่งต่างๆที่เรากลัวและไม่กลัว
    1.5. ในโลกแห่งจิตนั้นมีสิ่งที่แตกต่างจากโลกในมิติที่เราปฏิบัติในโลกแห่งกายเนื้อ มากมาย
     
  5. nai_tung

    nai_tung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +9
    2.การเตรียมความพร้อมของกายเนื้อกายทิพย์ของเรา
    2.1. เหมือนกับการศึกษาจักรยานจากเคตตาล๊อก ก่อนจะขึ้นปั่นว่าแต่ละส่วนในจักรยานนี้อย่างใช้อย่างไร
    2.2 .ค้นหาความพร้อมของเรา เช่นถามตัวเองว่าต้องการไปโลกแห่งจิตเพื่ออะไร หรือเหมือนคนต้องการปั่นจักรยานเป็น เพื่อก้าวไปสู่มอเตอร์ไซย์ เพื่อขับรอบโลก นั้นก็จะมีแรงบันดาลใจหรือพลังที่จะก้าวไปย่อท้อยาก
    3.การเตรียมสถานที่ฝึก
    เราคงไม่ฝึกจักรยานบนท้องถนนเลยทีเดียว เพราะอาจจะเจอกับสิบล้อได้ หลายๆคนเลยตัดสินใจไปฝึกที่โรงเรียนสอนขับรถเสียเลยแต่ปัญหาก็มีอีกครูบาอาจารย์ท่านที่ปั่นเป็นแล้วพาลทะโลไปเสียเวลาไปเที่ยวเสียตั้งนานก็ไม่อยากให้ศิษย์เสียเวลา ปั่นเสียน่องโป่ง ก็มักจะพาขึ้นเครื่องไปเสียอย่างนั้น เพราะกลัวศิษย์เสียเวลา แล้วยังมาบ่นอีกว่าเป็นไปทำไมเสียเวลา แล้วมาว่าการปั่นจักรยานเป็นจะพาลให้เกิดกิเลสมัวแต่ปั่นจักรยาน สู้สะสมทุนไปซื้อที่ในเมืองเพราะเดียวก็ได้ไป มัวแต่ปั่นจักรยานพอจะไปจริงไม่มีทุนไปอยู่ที่โน่นต้องมาวนๆเวียนๆแถวๆนี้อีก หรือการที่คนเจอแม่น้ำใหญ่แล้วพยายามฝึกว่ายน้ำเพื่อจะฝ่าไปให้ได้ แต่อาจารย์หรือคนที่เคยไปมาแล้วขากลับเดินผ่านสะพานมาก็ไม่อยากให้ตนอื่นๆต้องมาเหนื่อยเหมือนตัวเอง ชวนไปข้ามสะพานดีกว่า คนก็เลยพาลว่าอาจารย์ไม่เคยว่ายน้ำ อาจารย์คนที่เคยข้ามมาก็ได้แต่ปลงปล่อยให้คนที่พยายามฝึกว่ายน้ำนั้นฝึกต่อไป แต่ก็ได้แต่ไปนั่งที่สะพานหรือเรือรอ เผื่อจะเปลี่ยนใจ เอาเวลาฝึกว่ายน้ำมาสะสมทุนไปซื้อที่อยู่ฝั่งโน้นไม่ต้องมาติดนี้อีก
     
  6. nai_tung

    nai_tung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +9
    แต่อย่างไรก็ตาม การฝึกว่ายน้ำให้เป็นแล้วมีสติ ติดตัวนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องว่ายข้ามไปเอง กลับมานั่งเรือหรือข้ามสะพานที่อาจารย์ผ่านเดินย้อนกลับมาก็ได้ นั่นเอง
    ขั้นต่อไปเตรียมตัวเดินทาง
    เราคงไม่ตัดสินใจกระโดดจากเกาะลงน้ำทะเลเพื่อออกจากเกาะนี้ไป โดยไม่เคยลงน้ำเลยซักหน ก็เตรียมตัวสำลักน้ำจนเข็ดไม่กล้าเหยียบน้ำอีกเลยตราบใดที่ยังครองกายเนื้อนี้อยู่และจะไปตื่นกลัวกับประสพการณ์ที่เขาบังคับเราให้ลงอีกครั้ง(ตอนตาย)
    ผมเสนอให้ฝึกว่ายน้ำแบบมีอาจารย์ครับ แต่ต้องบอกเจตจำนงของเราให้ชัดเจนนะครับว่าต้องการอะไร
    เอาไว้แล้วจะมาเล่าต่อครับ
     
  7. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    ประโชน์ที่แท้จริงของการถอดกายทิพย์ คืออะไรครับ

    เป็นเครื่องมือ เพื่อให้รู้เพื่อให้ตื่น ได้ง่ายขึ้นได้เร็วขึ้นอย่างนั้นหรือครับ ??
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2012
  8. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    เพื่อจะได้พิจารณาว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เมื่อไม่มีของเรา ก็แสดงว่าเราไม่มี
    นั่นแสดงว่า เราคือจิต จิตมีหน้าที่รู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง แต่การรู้ของจิตเป็นแต่เพียงรู้เท้านั้น ไม่มีการพิจารณาว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด จิตจึงต้องมีสติสัมปชัญญะมาช่วยพิจารณาความรู้นั้นว่าเป็นอะไร คือผิดหรือถูก
    เหมือนกับเด็กที่กำลังซนเขาไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูก ขอให้เขาได้เล่นให้สนุกก็พอ จึงต้องมีพี่เลี้ยงช่วยดูแล เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย จิตก็เช่นเดียวกัน จิตต้องมีสติสัมปชัญญะตามติดตามเสมอ จึงจะปลอดภัย ฯ

    จิตที่ติดในสุขทุกระดับ ความสุขเป็นกิเลสที่ละเอียด ลบล้างออกได้ยาก ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ ดังนั้นต้องใช้สติ-สัมปชัญญะ กำกับ เมื่อมีสติสัมปชัญญะมากเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้น จนถึงที่สุดฯ

    เพื่อทำให้จิตตื่นหรือรู้ตัวเองว่ากำลังเป็นอิสระจากสิ่งอื่นครอบคลุมอยู่ หรือจิตนั้นรู้ตัวเองและสดใส ปลอดโปร่ง ผ่องใส เรืองรอง เพราะไม่มีอะไรปิดบังให้งัวเงีย ซึมเซา ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กุมภาพันธ์ 2012
  9. ถาวโร(ถา-วะ-โร)

    ถาวโร(ถา-วะ-โร) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +672
    อนุโมทนาครับ ได้ฟังเสียงอ่านหนังสือเรื่องแว่วเสียงสวรรค์ของอาจารย์พร รัตนสุวรรณ
    เกี่ยวกับโลกทิพย์ , การที่กายละเอียดออกจากกายหยาบและชีวิตในโลกหน้า
    ได้รู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้ เรื่องราวน่าจะทำนองเดียวกัน
    รออ่านต่อนะครับ
     
  10. nuyaho

    nuyaho สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +6
    รออ่านต่อตอนต่อไป ได้ข้อคิดและเป็นประโยชน์มากครับ
     
  11. changnoy

    changnoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2012
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +3
    ถอดทำไม ทุกวันนี้จิตก็ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกบ่อยๆอยู่แล้ว
     
  12. Ga_t

    Ga_t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +867
    มารออ่านครับ อยากทราบประสบการณ์จริง ของท่านที่มีประสบการณ์ครับ
     
  13. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    ขอบคุณ ท่าน ที่ให้ความรู้

    เพื่อจะได้พิจารณาว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เมื่อไม่มีของเรา ก็แสดงว่าเราไม่มี


    แต่ในความเป็นจริงแล้ว ร่างกายสังขาร ก็เป็นเพียงที่อยู่ชัวคราวของ จิต
    เท่านั้นเองไม่ใช่หรือ อยู่กับร่างเท่าอายุไข ไม่ค่อยจะเกิน 100 ปีกันหรอก

    แล้วทำไมต้องให้ความสำคัญกับมันด้วยว่า เป็นของเรา หรือไม่เป็นของเรา

    จิตมันอยู่กับร่างก็ให้มันอยู่ของมันไป เมื่อร่างตาย จิตก็ออกจากร่างไป
    ตามวิถีของมัน


    เมื่อ มีจิต มีร่าง จึงมีตัวเรา

    หากร่างกายสังขารไม่ใช่ของเรา แล้วจิตล่ะ เป็นของเราหรือเปล่า ?


    ถ้าตอบว่า ทั้งร่างกายสังขารไม่ใช่ของเรา จิตก็ไม่ใช่ของเรา แล้วจะกินข้าวไปเพื่ออะไร

    เพราะ เราไม่มี......... ก็ไม่ต้องกิน .............ความว่างเปล่าไม่รู้สึกหิว


    แล้วถ้าทุกอย่าง ว่างเปล่า งั้น พระธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ไร้ประโยชน์ สำหรับท่าน น่ะซีครับ เพราะ ไม่มีท่าน ท่านไม่มี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2012
  14. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    ต้องรุ้จักแบ่งแยกให้ถูกครับ ที่กินข้าวนั่น เนื่องจากรูปที่ยังดำรงค์ขันธ์อยุ่ ต้องอาศัยสิ่งนี้เพื่อประทังชีวิต

    ส่วนที่บอกว่า เพราะเราไม่มี...ก็ไม่ต้องกิน...ความว่างเปล่าไม่รู้จักหิว มันเป็นเรื่องของนามธรรม เป็นเรื่องของจิต

    ถ้าพูดให้ถูก หมายถึงชีวิตหลังความตายต่างหากครับ
     
  15. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    เรื่องนี้ผมเห็นด้วยครับ ไม่ใช่จุดประสงค์ของพระพุทธองค์ และไม่ใช่เส้นทางที่หลุดพ้นครับ

    เป็นแต่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่่ง ที่จิตสามารถกระทำได้เท่านั้น
     
  16. ต้นที่สาม

    ต้นที่สาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2011
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +1,074
    ขอย้อนกลับมาเกลิ่นเรื่องที่มาที่ไปก่อนก็แล้วกันครับ ทำไมมีคนจำนวนมากในจำนวนนั้นรวมทั้งผมด้วยมักจะศรัทธาในคนที่ทำได้ เหมือนนักกีฬาฝึกหัดหรือแข่งกีฬามักจะเชื่อมั่นศรัทธาในโค้ชที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติหรือประสพผลสำเร็จมาก่อนอย่างน้อยก็ไปถึงในจุดที่ราอยากไป ประมาณนั้น การประกอบกรรมด้านอื่นๆที่ประกอบเป็นศาสนาที่ผมนับถืออย่างสวดมนตร์ภาวนา ถือศิล นั้น บางทีรู้สึกมันไม่ตอบโจทย์ เหมือนมีคนมาเล่าเรื่องหนังที่ไปดูมาให้เราฟังอย่างสนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ แต่สุดท้ายก็มาสรุปเอาดื้อๆว่า อย่าไปดูเลย เพราะเป็นเรื่องสมมุติที่เขาสร้างมา แล้วก็ร้องเพลงโลกนี้คือละครให้ฟังว่าสิ่งที่หนังสร้าง ขึ้นมาหนะ ก็เกิดจากเรื่องจริงบ้างผสมกับจินตนาการบ้าง มาดูย้อนตัวเองก็เหมือนกันแหละ อ้าว แล้วอาจารย์คนเล่าหละก็กระเสือกกระสนไปดูมาแล้วนี้ถึงได้หมดความอยาก ไอ้คนฟังตาละห้อยอย่างนี้ มันก็เกิดความอยากไปดูมั่ง
     
  17. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    ผมไม่ได้ ขัดแย้ง หรือไม่เห็นด้วยกับ จขกท เลยนะครับ

    แต่ผมสงสัยว่า ถ้าทำได้ จะช่วยให้เรา เข้าถึงพระธรรมของพระพุทธเจ้า ได้ดีขึ้นหรือเปล่า จะสามารถ มุ่งไปนิพพาน ได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า



    เพราะ เคยอ่านประวัติ พระเกจิอาจารย์ หลายๆท่าน ก็สามารถ ถอดกายทิพย์ได้


    และเชื่อว่า คนธรรมดา ที่ไม่ได้บวชพระ ถ้าฝึกแล้ว ก็สามารถทำได้



    แต่ที่ผ่านมา เห็นเล่าว่า ถอดกายทิพย์ ไปดู นรก ไปดู สวรรค์

    คือผมเอง ถ้าสามารถถอดกายทิพย์ได้ แล้วทำให้เขาถึงพระธรรม ได้ง่ายขึ้น
    กว่า ร่างกายหยาบๆของมนุษย์นี้ ศาสตร์ด้านนี้ ก็น่าฝึกน่าเรียนรู้นะครับ

    แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ใครจะทำก็ได้ อย่างที่ ท่าน จขกท บอกไว้นั่นแหละครับ ต้องมีอาจารย์สอน

    คือ คำว่า ศาสตร์ ย่อมต้องเรียนรู้ ถ่ายทอดกันได้ แต่ ศาสตร์มีหลายแบบ

    ร้องเพลง ก็เป็นศาสตร์ เพื่อความบรรเทิง
    นินจา กังฟู ก็เป็นศาสตร์ เพื่อ เป็นอาวุธ ป้องกันตัว หรือ สังหาร
    โยคะ เป็นศาสตร์ เพื่อ รักษาสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง

    ล้วนต้องมีอาจารย์สอนทั้งนั้น อยู่ๆมาทำเอง คงไม่ได้

    ถอดกายทิพย์ ก็ เป็นศาสตร์ แต่ เพื่อประโยชน์อะไรที่แท้จริง

    เพราะ ศาสตร์ด้านนี้ น้อยคนที่จะรู้และเข้าถึงได้ ( ไม่เห็นได้ง่ายๆทั่วๆไป) ผมจึงถาม เพราะ ท่าน จขกท มีความรู้ด้านนี้ ท่านจะได้ช่วยอธิบาย คุณประโยชน์ของ ศาสตร์ด้านนี้

    เห็นพระเกจิ ท่านถอดกายทิพย๋ได้ จึงถามว่า ศาสตร์ ด้านนี้ เพื่อรู้เพื่อตื่น เข้าถึงพระธรรมได้ ง่ายขึ้น หรือเปล่า ถ้าใช้ ก็น่าจะฝึก นะครับ

    ฝึกแล้วทำได้หรือทำไม่ได้ มันอีกเรื่องหนึ่ง
     
  18. ตามมาฮา 555

    ตามมาฮา 555 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +6

    ป่าววว คิดว่าเอาไปใช้แอบฟังคนอื่นเค้าคุยกันน่ะ แล้วก็เอาไปใช้สำหรับแอบเข้าไปในห้องนอนของคนอื่นน่ะ (สำหรับคนอื่นที่เคยมาหาอยู่บ่อยๆ คริ คริ คริ) (มาเกือบทุ้กกก คืนน เซงงง 5555555)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2012
  19. Inwpower

    Inwpower เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +105

    ผมว่าถ้ามันมีจริง หรือทำได้จริงนี่จะมีประโยชน์มากเลยนะ
    เรียกว่าพลิกวงการแพทย์ และชีววิทยาเลย
    แต่ที่ผ่านมาหลักฐานที่พิสูจน์ได้มันน้อยมาก
     
  20. รวมใจ

    รวมใจ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่ทราบว่าท่านใดทราบว่าจะติดต่อกับคุณวิกรม หลานคุณลุงเชียงใหม่ไดบางค่ะถ้าท่านใดทราบขอความกรุณาช่วยติดต่อให้ดิฉันทราบด้วยนะค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...