ชวนญาติสวดมนต์ แล้วเขาคิดว่าเรา.. บ้า ..

สวัสดีค่ะ เราเป็นสมาชิกใหม่พึ่งเข้ามาเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ คือว่ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง เราพึ่งเริ่มสวดมนต์จริงๆจังๆ มาได้ ปี ,2ปี เราก็สวดมนต์ ก่อนนอนตามปกติ ตามหนังสือหลวงพ่อจรัล ประมาณวันละครึ่ง ชั่วโมง เราก็รู้สึกสบายใจ แต่ก่อนเราเป็นคนใจร้อนมากๆ เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ามีสติมากขึ้น เวลามีปัญหาอะไร เราก็ค่อยๆคิด จนแก้ปัญหาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ทีนี้ ญาติเราเขามีปัญหาครอบครัว คือสามีไม่ค่อยดี ชอบเล่นการพนัน ไม่ค่อยขยันทำงาน เจ้าอารมณ์ เรื่องอะไรที่ไม่ดีเขาก็โทษแต่เมีย ญาติเราก็พูดอะไรไม่ได้เลย ต้องทนมากๆ ใจนึงก็อยากให้เขาเลิกกัน แต่ก็กลัวบาป เราเลยบอกเขาว่า ให้เขาทำบุญเยอะๆ และชวนเขาสวดมนต์ จะได้สบายใจ เอาหนังสือพระที่มีบทสวดให้เขา แต่เขากลับบอกเราว่า สวดมนต์มากๆ เดี๋ยวก็บ้า หรอก เขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องการทำบุญ สวดมนต์ เขามองดูเราเหมือนเรางมงาย หมกหมุ่น แต่ครอบครัวของเราชอบทำบุญ สวดมนต์กันทั้งบ้าน (แม่เรา น้อง และลูกสาวเรา อายุ 13 ปี ) พ่อเราและสามีเราก็ชอบทำบุญ แต่ครอบครัวของญาติเราเขาไม่ชอบทางนี้ เขาชอบทางการพนัน เขาเลยมองครอบครัวเราเพี้ยนๆ จะใช้วิธีไหนดี ที่จะชวนเขาสวดมนต์ได้ เวลาชวนเขาทีไร เขาจะบอกเราว่า อย่างมงายมาก เดี๋ยวจะ บ้า เอานะ

 

ผมคิดว่า ถ้าคนไม่เอาซะอย่าง คุณจะทำดีแค่ไหน จะสอนยังไง ให้จ้างมานั่งฟังคุณ ก็คงอยู่ได้ไม่นาน บางทีอาจเป็นเพราะ กรรมมาบดบัง
สิ่งที่ควรก็คือ ทำดีให้เขาเห็นก็เป็นพอครับ แบบที่คุณสวดมนต์ นั่งภาวนา ถือซะว่าคุณไปบอกแล้ว ทำให้ดูแล้ว เขาไม่สนใจก็เรื่องของเขาครับ
การที่ไปสนใจคนอื่นมากเกินไป ก็อาจสร้างทุกข์ใจให้กับตัวคุณเองเปล่าๆ บางทีก็ต้องปล่อยวางครับ พยายามอย่าเก็บไปคิดเป็นเรื่อง เพราะผมก็เคยแบบคุณแต่คนละกรณี โดนตอกกลับมาหน้าหงายเลย 555+ ถ้าเกิดคุมสติไม่อยู่ ทีนี้แหละ พังกันไปข้าง ไม่คุณก็ญาติ กลายเป็ยบาปไปเปล่าๆ
ก่อนสิ้นปีนี้ จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ได้ หมั่นทำบุญสร้างกุศล สวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิ จะดีกว่าครับ
เปรียบได้ว่าเห็นคนกำลังจะตกเหว แต่ถ้าเราไม่แข็งแรงพอแล้วดันทุรังไปฉุดเขาขึ้นมา ก็คงไม่รอดทั้งคู่ สรุปแล้วผมว่า เอาตัวเองให้รอดเป็นพอ

 

จะช่วยคนตกเหว ถึงเราแข็งแรงยังไง เรายื่นมือไปช่วย แต่เขาไม่ยื่นมือมา ก็ป่วยการ...

 

อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ สิ่งไหนที่เราทำหรือหยิบยื่นให้แล้วเขาไม่รับก็วางเฉยเถอะครับ เรื่องการสวดมนต์นั่งสมาธิภาวนานั่นเป็นสิ่งที่ดีคุณทำแล้วก็สังเกตุเห็นครอบครัวคุณไม่ใช่รึครับว่าส่งผลยังไง ก็ขอให้ทำต่อไปเถอะครับผมอนุโมทนาด้วยคน พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสไว้แล้วว่าบัวมี 4 เหล่า ก็ขอให้ปล่อยวางเถอะ กรรมใครกรรมมัน

 

all suggestion are very good...pick one or do it all...good for you.

 

กรรมใครกรรมมันค่ะ..คนไม่มีศรัทธาต่อให้ชักจูงยังไงก้อไร้ประโยชน์ เคยเจอเหมือนกันมาหาว่าเราบ้า และหมกมุ่น จนเราเริ่มโกรธ แต่อย่าไปสนใจดีกว่า เราปฏิบัติของเราต่อไปใครจะว่ายังไงก้อช่างรู้ว่าทำแล้วสบายใจก้อพอค่ะ

 

เมือไม่ได้ทำตามที่คนในโลกส่วนใหญ่เขาทำ เลือกไปทำอะไรที่เขาไม่ทำกัน
เราก็แปลกแยก แตกต่าง.. เขามองว่าเราเป็นคนบ้า เพราะเราไม่เหมือนเขา....
คนส่วนใหญ่ในโลก มีชั่วมากกว่าดี มีโง่มากกว่าฉลาด มีคนบาปมากกว่าบุญ
ดังนั้นที่ไปของชาวโลกส่วนมาก คืออบายภูมิ
เราอยากไปเป็นคนปรกติในสายตาเขาแล้วมีที่ไปเหมือนเขา
หรือเราควรเลือกที่จะเป็นคนบ้าดี?

...บ้าต่อไปเถอะค่ะ... ที่ไปสวรรค์ไปนิพพานกันส่วนใหญ่ก็เคยโดนชาวโลกให้ฉายา
นี้มาก่อนทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อจรัญดูซิคะ ท่านก็โดนคน
หาว่าบ้ามาก่อน

 

ปล่อยไปตามกรรมเถอะครับ กรรมใครกรรมมัน เมื่อถึงเวลาต่างคนก็ต่างไปตามกรรมที่กระทำ...ทำกิจของเราให้ดีที่สุดก็ดีแล้วล่ะครับ !!!

 

ลองชวนดูใหม่ ทีละนิดๆ ครับ อันนี้ความคิดผมนะ

 

ขออนุโมทนา ทุกความเห็นค่ะ จะตั้งใจปฏิบัติ ของเราต่อไป :VO

 

บารมีทำมาไม่เท่ากัน หรือยังไม่ถึงเวลาของเขา ใช้หลักพรหมวิหาร4ครับ 1.เมตตา ความรัก 2.กรุณา ความสงสาร 3.มุฑิตา ความปราถนาดี 3ข้อนี้คุณใช้ไปแล้ว เหลือข้อสุดท้ายครับ 4.อุเบกขา การวางเฉย วางเฉยในกฎแห่งกรรมครับ ถือเป็นกรรมของเขา ส่วนใครเขาจะหาว่าบ้าถ้าบ้าในการทำดีก็จงบ้าต่อไปครับ

 

ดวงตาเขายังไม่เห็นธรรม เห็นด้วยกับความคิดเห็นของทุกๆ กระทู้ตัวเองก็น้องใหม่เหมือนกันพึ่งสมัครแต่ก็เข้ามาศึกษาธรรมะจากเวปพลังจิตมานานแล้วเหมือนกัน โดยส่วนตัวเองก็เหมือนกันค่ะ ภายในครอบครัวสามีและลูกสาวอายุ 3 ขวบ เราปฏิบัติธรรมกันทั้งบ้าน ก็เป็นธรรมดาค่ะ ก่อนหน้านี้ที่เราก็เคยทำผิดพลาดในชีวิตมาเหมือนกัน แต่ทุกคนก็ยังไม่สายที่รู้ว่าไม่ดี ก็หยุดและอย่าทำมันอีก ส่วนตัวเองก็พยายามชักนำลูกน้องเพื่อนฝูงมาปฏิบัติธรรม เริ่มคุยธรรมะให้เขาได้รับฟัง เริ่มสอนเขา บางคนก็ว่าเราเพ้อเจ้อ งมงายมากไปจริงๆ ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหนเลยค่ะ แต่เป็นพ่อของตัวเองนี้ละค่ะ เมื่อก่อนที่แก่จะไม่สบายแก่ก็ชอบกินเหล้า เล่นตีไก่ บ้างการพนัน แตกต่างกับแม่ที่จะ ชอบเข้าวัดหรือช่วยเหลืองานวัด จึงทำให้ตัวเองสนใจธรรมะมาตั้งแต่เด็ก ถ้าว่างก็ไปบวชพราหณ์บ้าง แต่พ่อเริ่มมาไหว้พระและรู้ซึ้งถึงความรักและปรารถนาดี และแรงแผ่เมตตาให้พ่อ ก็ในวันที่พ่อผ่าตัดใหญ่ หมอเรียกลูกๆ ทุกคนไปคุยว่าโอกาสผ่าตัดแล้วเสียชีวิตระหว่างผ่าตัดเป็นไปได้สูง โอกาสรอดมีเพียง 30% ถ้าพอเรารอดได้ก็คงปฏิหาริย์ จากคำพูดของคุณหมอ เราทุกคนเศร้าโศกเสียใจ แต่ดีที่ดิฉันมีสติบอกพี่ และน้องชายตลอดจนถึงแม่ที่กำลังร้องไห้อยากหนักว่า บุญเท่านั้นที่จะช่วยพ่อได้ขอให้ทุกๆ คนช่วยกันสวดมนต์แผ่เมตตา อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของพ่อ ไปทำบุญ 9 วัด ไปปล่อยปลาเกินอายุ สะเดาะห์เคราะห์ ครองผ้าเจดีย์ ทำทุกอย่าง แต่จะเน้นหนักก็ตรงแผ่เมตา สวดมนต์ค่ะ และแล้ววันผ่าตัดใหญ่มาถึง ญาติคนอื่นร้องไห้บ้าง เดินวนไปมาอย่างไม่มีสติ แต่ครอบครัวเรานั่งสวดมนต์นิ่งภาวนาอยู่ในใจ และพ่อก็รอดชีวิตหมอบอกปฏิหาริย์จริง ทั้งๆ ที่พ่อมีโรคประจำอยู่ 9 โรค ล้วนอันตรายทั้งสิ้น และการผ่าตัดช่วยชีวิตพ่อครั้งนี้ใช้ทีมแพทย์และพยาบาลถึง 16 คน ในการรักษาเพราะพ่อป่วยหลายโรคมากๆ เป็น case study ของโรงพยาบาลรามธิบดีเลยก็ว่าได้ ต้องขอบคุณคุณหมอที่มีเมตตาช่วยพ่อในครั้งนั้น และที่สุดที่ตัวเองและครอบครัวได้สัมผัสคือโอกาสที่ได้รับ เพราะบารมีแห่งพระพุทธองค์นั้นเอง และองค์เทพเทวาทุกๆ พระองค์เราก็ขอให้ช่วยด้วย ที่สำคัญความรักอันบริสุทธิ์ที่เราให้พ่อ พ่อถึงมีกำลังใจสู้กับโรคร้าย และทุกวันนี้พ่อจากเดิมคนที่ไหว้พระไม่เป็น ก็มีธรรมะอยู่ในหัวใจค่ะ

 

เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องจัดการยากมากครับ เพราะส่วนหนึ่งก็มาจากความเชื่อส่วนบุคคล อีกส่วนก็มากจากกรรมที่บดบังจิตใจเค้าเอาไว้

ผมเองก็เคยโดนมากับตัวเอง
ตอนนั้นชวนคนมาทำบุญถวายตู้พระไตรปิฎก ก็มีบางคนหาว่าเราทำบุญเอาหน้า ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเลย แค่เรี่ยไรเงินจากคนที่เขาศรัทธามาซื้อตู้พระไตรฯ+หนังสือพระไตรฯ ครบชุดแล้วถวายวัดใกล้บ้าน ตอนเช้าก็ทำบุญเลี้ยงพระ 10 กว่ารูป ไม่มีมโหรีย์ หรืองานรื่นเริงใดๆ ก็โดนว่า แล้วคนที่ว่าเราเค้าก็มาในงานด้วย พอกลับบ้านไป ก็มาบ่นเราอีกว่า เค้ากลับไปแล้วเจ็บหลังเลย ต้องเป็นเพราะมาทำบุญกับเราแน่ๆ คราวหลังไม่เอาอีกแล้ว

เราก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะคนนั้นเป็นแม่ยายเราเอง...เฮ้อ!

เคสที่ 2 ต้องบอกก่อนนะครับ ว่าผมไม่ใช่หมอดง หมอดูอะไร แค่พอจะอ่านรังสีที่ออกมาจากกายคนได้นิดหน่อย ว่าคนๆ นี้เคยทำอะไรเด่นๆ มาบ้างประมาณนี้ ซึ่งปกติผมก็ไม่ค่อยจะดูให้ใครอยู่แล้ว ยกเว้นคนที่เดือดร้อนมาจริงๆ เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็จับมาสวดมนตร์ไหว้พระ ปฏิบัติธรรมหนีกรรมกันหมดแหละ

คราวนี้มีน้องคนนึง ที่เค้าดูถูกเรื่องพวกนี้ ถึงขนาดที่ว่า ท้าทายให้เวรกรรมมาเล่นงานเขาเลยเชียว (น้องคนนี้เขาทำกรรมไว้กับพ่อเขาครับ)

มีโอกาสผมก็เลยดูน้องคนนี้ ผมพูดถึงขนาดเรื่องที่น้องเขาปกปิด ไม่เคยบอกใครให้เขาตกใจเล่น ซึ่งเขาก็สงสัยว่ารู้ได้อย่างไร ผมก็บอก ถ้าอยากรู้ ต้องมาปฏิบัติธรรม แล้วจะเชื่อในเรื่องกฏแห่งกรรมด้วย

ผมพิสูจน์ขนาดนี้แล้ว เชื่อไหมครับว่าน้องเขาก็ยังคงทำกรรมกับพ่อของเขาต่อไป

จนสุดท้าย ผมก็ปล่อยครับ เพราะมันคงเป็นกรรมของเขา ที่ทำให้นอกจากจะไม่ระลึกถึงเรื่องเวรกรรมแล้ว ยังทำให้ไม่เชื่อเรื่องกรรม เรื่องปฏิบัติธรรมอีก (โชคดีอยู่บ้างที่เขายังชอบทำสังฆทาน)

ที่เล่ามาเนี่ยะ เพื่อจะบอกว่า ถ้าคนมันไม่เชื่อ มันก็ไม่เชื่อ ยกเว้นเขาจะเจอเหตุการณ์ที่ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้ว ถึงตอนนั้นต่อให้จับมานั่งสวดมนตร์ 108 จบ เขาก็ยอมทำครับ

ดังนั้นจงทำใจ แล้วอธิษฐานให้จิตใจเขาเปิดรับ ถ้าเขาเป็นพ่อแม่ของเรา หรือเป็นลูกเรา จะอธิษฐานขึ้นแน่นอนครับ

 

กรรมของแต่ละคนน่ะเจ๊เห็นกันมาตั้งแต่เด็กปล่อยให้เขามีความสุขในแบบของเขาเถอะเราจะได้ไม่มีทุกข์เพิ่มเพราะนั่นคือทุกข์ที่เราสร้างจากการเป็นห่วงคนอื่นเจ๊ทำดีแล้วอนุโมทนาบุญด้วยแล้วเรื่องพิมพ์หนังสือรีบหน่อยนะจะรีบทำให้ทันก่อนสงกรานต์

 

ขออนุโมทนา กับ จขกท. ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ปราถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข และอยากช่วยให้เขาพ้นจากทุกข์ แต่เขาเหล่านั้นยังไม่อยากจะพ้นไปจากสิ่งที่เขาว่าเป็นสุข มันมีเวลาและเป็นการจัดสรรของกรรมที่กำหนดไว้แล้ว ขอให้บำเพ็ญของเราต่อไปช่วยผู้อื่นเท่าที่เราช่วยได้เต็มที่เราอาจยังไม่รู้ตัวเองก็ได้ ว่าขณะนี้อาจบำเพ็ญทางสายโพธิญาณมาก่อนถึงได้ห่วงคนอื่น ต้วเราเป็นอย่างไงไม่ได้ใส่ใจ แต่เป็นทุกข์แทนเขานะอีกยาวนะกว่าจะสำเร็จ ขอเป็นกำลังใจ

 

เฮียเจอยิ่งกว่าอีก หาว่าต้องหันหน้ามาทางพระเพราะครอบครัวมีปัญหา ร้อนวิชาบ้าง สารพัดที่คนจะพูด เราก็ใช้วิธีพูดตอนเขาทุกข์จะง่ายกว่าตอนที่สุข บางคนชวนมันทำบุญ 5 บาท 10 บาท ยังไม่ทำเลย แต่ตอนมันใช้วัดหากิน มันหน้าด้านมาตื้อขายบัตรรำวงย้อนยุคให้เราเป็นฉบับๆ ไม่รู้คิดได้ไง ปีหนึ่งหลายครั้ง หลบได้ก็หลบ ปฏิเสธตรงๆก็เคย การที่เราจะโน้มน้าวใครมาทางศาสนา ถ้าเขาไม่มีบารมีมาทางนี้แต่อดีต จะไม่สำเร้จเลย ยกเว้นกำลังทุกข์สุดขีด จะฟังนิดหน่อย แต่ถ้ามีบารมีมาทางนี้คำเดียวก็รู้เรื่อง ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ แต่ตัวเราเองจะไม่ทิ้งการปฎิบัติแน่ เพราะได้ดีมีสุขได้ก็เพราะการปฎิบัติ ท่านจขกทให้ทำต่อไป โมทนาด้วยครับผม

 

เราแนะนำเค้าได้อย่างเดียวคะ.....วันหนึ่งเค้าอับจนสิ้นหนทางจริงๆ เค้าจะหันมาหาเราเอง โดยส่วนตัวมีเพื่อนสนิทกันมากคนหนึ่งชวนสวดมนต์ก็ไม่สวดบอกว่าร้อน ไปวัดก็ไม่ไปเราก็ไปวัดบวชพราหมณ์มั่ง นั่งสมาธิบ้างแล้วก็มาเล่าปันกันฟัง ไปบวชทุกครั้งก็ชวนแต่ไม่คะยั้นคะยอ ของแบบนี้ต้องสมัครใจเท่านั้น จนตอนหลังเริ่มสวดมนต์บ้างเค้าก็ใจเย็นขึ้นปล่อยอะไรมากขึ้น 3 ปีผ่านไปเค้าเป็นคนชวนเราไปวัดเองเลย เรายินดีอยู่แล้วบอกเค้าแต่เพียงว่า ถึงเวลาแล้วซิเนอะ ของบางอย่างขึ้นอยู่กับเวลาของเค้าด้วยคะ ตัวเราโชคดีไปตั้งแต่เด็กอยากไปก็บอกแม่ แม่ก็พาไปส่งวัดไป

 

เคยเหมือนกัน พอไปถามพระ ท่านตอบว่า แสดงว่า โยมปฎิบัติจริง (คนถึงว่าเอา)ท่านบอก วัดกันที่คำด่าของคนเนี่ยล่ะ 55555555

ท่านบอกเพราะฉะนั้นไม่แปลกที่จะน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยพิบัติ เพราะคนด่า มีมากว่า คนปฎิบัติ

 

เขาคงเป็น ดอกบัวเหล่า ที่ 4 ปล่อยเขาไปเถอะ

 

ให้คิดเสียว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เราโปรดสัตว์โลกได้แค่นี้ พูดในใจนะอย่าพูดออกมา เดี๋ยวปากแตก