การดูดวง แต่ละ ชาติทำไมมันต่างกัน ตะวันตก กับ ตะวันออก

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย Kamen rider, 20 กุมภาพันธ์ 2005.

  1. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    เช่น ราศรี ครับ ผม บางตำราบอก เมถุน บางตำราบอก ปู และ การคิดราศรี ปีเกิด ระหว่าง ตะวันตก กับ ตะวันออก ทำไมมันถึงต่างกัน เขานับดาว และ เวลา กันอย่างไร

    ทาง ตะวันออก เอเชีย มีราก มาจาก อินเดีย(พราหมณ์) จีน(เต๋า) กับ เปอเชีย
    ทาง ตะวันตก ราก มาจาก กรีก อียิปต์


    ของใครจะแม่นกว่ากัน หรือ คนเอเชีย ก็ใช้ ของเอเชีย คำนวน ลัคณา จะแม่น
    คนทาง ยุโรบ ก็ใช้ ระบบ ทางยุโรป

    หรือ เพราะ ตำแหน่ง ภูมิประเทศ เวลา ฤดูกาล มันต่างกัน เมืองหนาว กับ เมืองร้อน
     
  2. khunsri1972

    khunsri1972 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +924
    ยุโรปใช้การขึ้นราศีใหม่ประมาณวันที่ 20-22 ของทุกเดือน

    โหรไทยตัดขึ้นราศีใหม่ประมาณวันที่ 14-16 ของทุกเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองศาของดวงอาทิตย์ในเดือนนั้นๆ

    ของตะวันตกเราไม่ค่อยรู้นะ แต่โหรไทยพอบอกให้ได้

    ก่อนวันที่ 15 มกราคม ถือเป็นราศีธนู แต่ถ้าหลัง 15 มาราคม ถือเป็นราศี มังกร ( นี้ว่ากันเฉพาะวันเกิด ยังไม่รวมเรื่องของเวลาเท่าไหร่ในแต่ละวันนะ )
    หรือ ก่อนวันที่ 15 ธันวาคม เป็นราศี พิจิก หลัง 15 ธันวาเป็นราศี ธนู

    ดังนั้น ราศีที่แท้จริงของแต่ละบุคคลในแต่ละศาสตร์อาจจะคลาดเคลื่อนกันบ้าง

    โหราศาสตร์ก็เป็นการเก็บสถิติ ความน่าจะเป็นในแต่ละเชื้อชาติ ซึ่งอาศัยการเรียนรู้และวัฒนธรรมของผู้เก็บด้วย และผู้ถูกเก็บด้วย เช่น ฝรั่งมาดูดวง หมอบอกว่าจะมีหลายผัวและทำท่าไม่ชอบใจ แต่ตัวฝรั่งอาจชอบใจก็ได้ เพราะตัวเขาเองไม่ได้ยึดมั่นใจการมีผัวเดียวเมียเดียว หรือว่าคนไทยไปดูดวงหมอฝรั่ง หมอบอกว่า คุณนี้โชคดีมาก มีความรักเข้ามาได้ตลอดชีวิต คนที่ดูกลับบ้านนอนไม่หลับ เราจะเป็นเอดส์ตายไม๊เนี่ย

    ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ก็มีส่วนเพราะนั้นก็หมายความถึง เวลาที่แตกต่างกัน เพราะการคำนวนจุดเริ่มต้นในการอ่านค่าของดวงดาว ต้องอาศัยเวลาเกิดด้วย ดังคำที่ว่า ทำไมคนเกิดวันเดียวกัน จึงมีดวงไม่เหมือนกัน

    ดังนั้น ดวงจะแม่นไม่แม่น ต้องประกอบด้วย (เท่าที่คิดนะ)
    1. ความรู้ความสามารถของหมอ
    2. มีเวลาเกิดที่แน่นอนไม๊
    3. เชื้อชาติ หรือสัญชาติอะไร ระหว่างหมอและคนดู
     
  3. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    ราศีไทย กับ ราศีฝรั่ง

    เนื่องจากมีความสับสนระหว่างการกำหนดว่า ราศีที่มีความเหลื่อมล้ำ กันระหว่างราศีไทย และราศีฝรั่ง เลยขอมองจากด้านดาราศาสตร์เป็นเกณฑ์ เพราะแท้จริงแล้ว ที่มาของสองระบบนี้ ก็คือตำแหน่งดาวบนท้องฟ้า อันเป็นที่มาของวิชาดาราศาสตร์นั่นเอง ขออภัยที่ต้องเขียนคำสันสกฤตด้วยภาษาอังกฤษ ที่ใส่สันสกฤตลงไปด้วยก็มั่วเอาเป็นหลักค่ะ ขออภัยถ้าหากผิดไปนะคะ

    ราศีไทย ได้มาจากตำราพระเวทย์(Veda)ของฮินดู ซึ่งนับอายุย้อนหลังไปได้ 5-6000 ปี โดยชาว ภารตะ ได้รู้จักเอาตำแหน่งของดวงจันทร์มากำหนดวันเวลา จากตำแหน่งของดวงจันทร์ที่เคลื่อนผ่าน กลุ่มดาว ในแต่ละคืน เป็นแต่ละนักษัตร จากการที่ ดวงจันทร์ โคจรรอบโลก(และรอบตัวเอง) ไปตามเส้นรอบวงโคจรครบ 1 รอบ(sidereal month) ในเวลา 27.32144 วัน(solar day) เดือนทางนักษัตรที่กำหนดให้มี 27 วันเต็มๆ จึงขาดไป 1/3 วัน ทำให้ต้องมีการชดเชยในภายหลัง

    จากภาพจะเห็นว่า หากเอาวันพระจันทร์เต็มดวง ที่เรามองเห็นจากโลกเป็นหลัก (ภาพ a) เมื่อดวงจันทร์เดินทางไปครบเส้นรอบวงรอบโลกได้ 1 รอบ (ภาพ b) ที่เรียกว่า sidereal month นั้น จะใช้เวลา 27.32144 วัน แต่ถึงตอนนั้นแล้ว โลกก็เดินทางเคลื่อนออกไปจากจุดที่เรานับเริ่มแรก เพราะโลกเองก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ คนบนโลกก็จะเห็นว่า พระจันทร์ยังไม่เต็มดวง คือตำแหน่งของดวงจันทร์ โลก และ ดวงอาทิตย์ ไม่ได้เรียงอยู่บนเส้นตรงแล้ว ดวงจันทร์ต้องเดินทางต่อไปอีกหน่อย ให้มากกว่าเส้นรอบวงรอบโลก 1 รอบ จึงจะตามโลกได้ทันให้คนบนโลกเห็นว่า ดวงจันทร์เต็มดวงอีกที จึงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น เดือนๆหนึ่งทางจันทรคติ ตามสายตาชาวโลก จึงใช้เวลา 29.53059 วัน (ภาพ c) เรียกว่า synodic month

    (ภาพจาก Universe: Origins & Evolutions โดย Ted Snow and Kenneth Brownsberger)
    [​IMG]
     
  4. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    และมีการกำหนดให้แต่ละเดือนนักษัตร มี 30 วัน ด้วยการแบ่งดวงจันทร์เป็นเสี้ยวส่วน เวลา 1วันทางนักษัตร ที่เรียกว่า Thiti จะมีเวลาสั้นกว่า เวลาที่นับด้วยดวงอาทิตย์เป็นหลัก(solar day) และกำหoด 15 thiti ก่อนวันเพ็ญเป็น Shukla paksha(ศุขลปักษ์?) และ 15 วันหลังเป็น Krishna paksha(กฤษณปักษ์?)

    ปฤิทินนักษัตรใช้กันในอินเดียโบราณ เดือนทางจันทรคติ เรียกตามกลุ่มดาวที่ดวงจันทร์วันเพ็ญโคจรไปพบ คือ Chitra, Vishakha, Jyeshta, Ashaada, Sharavna, Bhadrapda, Ashwija, Kaartika, Margashira, Pushya, Maagha, Phalguna. (จิตรา วิสาขา เชษฐา อัษฎา ศรวณา พัตราภา อัศวิชา การติกา มฤคศิรา ปุษยา มาฆะ พลคุณา ?) ดังนี้ นับเป็นระบบ ภารติยนักษัตร แต่เดิม นักษัตรเหล่านี้ อาจเป็นดาวเดี่ยวๆดวงเดียว
    จากการเอาคนบนโลกเป็นจุดอ้างอิง ก็ดูเหมือนดาวเคลื่อนไปบนท้องฟ้า หาใช่โลกหมุนไปไม่
    คนโบราณเชื่อว่ามีโดมลูกกลมๆครอบเหนือหัวเรา และดาวทั้งหลายก็ติดอยู่บนโดมที่เคลื่อนไปรอบๆ เรียกว่า Celestial Sphere เป็นดังภาพข้างล่าง โดยระนาบศูนย์สูตรของ celestial sphere นี้คือ ระนาบศูนย์สูตรของโลก และ จุดเหนือหัว (zenith) ของโดมสมมตินี้ ก็คือขั้วโลกเหนือนั่นเอง
    [​IMG]
     
  5. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    แต่เรารู้กันแล้วว่า โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่แกนหมุนของโลก เอียงทำมุม 23.5 องศา กับ ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ที่เรียกว่า Ecliptic Plane


    ดังนั้น ระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ก็ทำมุม 23.5 องศากับระนาบศูนย์สูตรของโลก หรือ celestial plane ไปด้วย ตามสายตาของคนที่ยืนบนโลก จะดูเหมือนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์(รวมทั้งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ) โคจรข้ามท้องฟ้า ในแถบทางเดินเดียวกัน เรียกว่า Ecliptic

    ในภาพ พื้นสีฟ้าคือระนาบศุนย์สูตร ที่เป็น celestial equator ด้วย ทำมุม 23.5 องศากับ ecliptic plane คือพื้นสีเหลือง
    [​IMG]
     
  6. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    เมื่อมองจากโลก ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ จะโคจรบนฟ้าไปตามแนว Ecliptic แต่ละคืนที่ผ่านไป เนื่องจากตำแหน่งของโลก(และดวงจันทร์ที่ตามโลกไปด้วย) จะหันออกสู่จักรวาลในทิศที่ต่างๆกันไป ทำให้ดูเหมือนว่า ดวงจันทร์ไปพ้องกับดาวที่ต่างกันไปทุกคืน คนอินเดียโบราณ จึงผูกเป็นตำนานว่า พระจันทร์ไปเยี่ยมชายาคืนละองค์ ณ ตำหนักต่างๆกันทุกคืน คือกลุ่มดาว นักษัตร เหล่านี้ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปคืนละคน จนครบรอบ 27 องค์นักษัตร กลุ่มดาวที่มีตำแหน่งพ้องกับระนาบ ecliptic จึงกลายมาเป็นนักษัตรทางจันทรคติไป
    [​IMG]
     
  7. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    แต่อารยธรรมตะวันตก ที่ถือกำเนิดมาในดินแดน เมโสโปเตเมีย ได้ใช้ดวงอาทิตย์เป็นตัวกำหนดวันเวลา โดยเริ่มจากชาว Chaldean และ Akkadian (ในอิรัค และอียิปต์ปัจจุบัน) มีหลักฐานปรากฏ ว่าในครั้งแรกที่ได้ได้เริ่มใช้จักรราศีตามตำแหน่งของกลุ่มดาวที่พ้องกับ ตำแหน่งของ ดวงอาทิตย์ เป็นหลักนั้น เป็นเวลาที่นับย้อนไปในปี 1800 ก่อนคริสตกาล การใช้ปฏิทินที่มีดวงอาทิตย์เป็นตัวชี้ จึงมีความแม่นยำกว่า ปฏิทินทางจันทรคติมาก เพราะปีทางสุริยคติ ใกล้เคียงกับ เวลาที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์มากกว่า จึงทำให้ทำนายฤดูกาลได้แม่นยำกว่า อันส่งผลให้ ปลูกพืชผลได้ผลดีกว่า
    [​IMG]
     
  8. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    กลุ่มดาวที่พ้องกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์ 12 กลุ่ม จึงเรียกว่าเป็น จักราศี(Zodiacs) ส่วนกลุ่มดาวอื่นๆ ที่อยู่เหนือและใต้ ecliptic plane ออกไป ก็ไม่ได้นักเป็น จักรราศี เพียงเรียกเป็นกลุ่มดาว(Constellations)เท่านั้น (ซึ่งขอเว้นไว้ไม่กล่าวในที่นี้นะคะ)

    เมื่ออินเดียได้รับอิทธิพลอารยธรรมตะวันตกที่เข้ามาภายหลังจากที่ พระเวทย์ ได้ถูกกำหนดลงไปอย่างแน่นอนแล้ว นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า พราห์มอินเดียได้ผสมผสาน ตำราทางจักราศีทางตะวันตก เข้ากับ ระบบนักษัตรของพระเวทย์เก่า มาเป็น Jyotishya Shaastra (ชโยทิศยศาสตรา ?) ในราว 400 ปีก่อนคริสตกาล และรับเอา จักรราศี มาใช้ แต่ความที่ เดือนทางจันทรคติ เหลื่อมกันกับ เดือนทางสุริยคติ การนับราศี โดยเอาปฏิทินจันทรคติเป็นเกณฑ์ จึงทำให้เกิดความเหลื่อมลำ้กันไปด้วย เพราะต้องเอา 27 นักษัตร มาแปลงลงให้เข้ากับ 12 จักรราศี ด้วยการแบ่งนักษัตรเป็น 1/4 โดยให้ 9/4 นักษัตร เท่ากับ 1 ราศี

    ตำแหน่งของกลุ่มดาวที่เห็นได้บนท้องฟ้า ก็ยังมีความสูงตำ่จากขอบฟ้าต่างไป ตามแต่ว่า ผู้สังเกตการณ์จะอยู่ที่ไหนบนโลก
    [​IMG]
     
  9. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    แต่ต้องใช้เวลานานเป็นพันๆปี จึงจะสังเกตการเปลี่ยนแปลงนี้ออก เนื่องจากระบบนักษัตรนี้มีอายุห้าหกพันปีแล้ว ตำแหน่งของดาวนักษัตรจึงเปลี่ยนไปบ้าง คนรุ่นหลังที่พยายามควานหาว่าดาวดวงไหน อยู่นักษัตรอะไรเมื่อเทียบกับตำแหน่งดาวสมัยใหม่ จึงได้แต่อาศัยตำราพระเวทย์มาเทียบให้ใกล้เคียงที่สุดกับตำแหน่งดาวปัจจุบันที่เปลี่ยนไปแล้ว จึงจำต้องอนุโลมว่า ตำแหน่งนักษัตรเหล่านี้ มีเฉออกไปบ้างจากแนว ecliptic ไป 5 องศา จากตัวอย่างภาพข้างล่าง โดย S. Balakrishna, Ph.D. แสดง 3 นักษัตร คือ กฤติกา โรหินี และ มฤคศิร ซึ่งพ้องกับกลุ่มดาววัว Taurus ซึ่งมีเขาสองข้างที่ El Nath และ Zeta Tauri พ้องกับ มฤคศิรนักษัตร และ หน้าวัวคือกลุ่ม Hades ไปพ้องกับ โรหินี และ กระจุกไพลอาดีส(หรือ ดาวลูกไก่) บนไหล่วัว ไปพ้องกับ นักษัตร กฤติกา เป็นต้น
    [​IMG]
     
  10. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    เรื่องตั้งจักราศีคนแรกนั้น หาที่มาไม่ได้หรอกครับ ไม่ต้องไปคิดให้เสียเวลา เพราะมันเป็นภูมิปัญญาที่ใช้เวลาสั่งสมกันมาเป็นร้อยๆ พันๆ ปีครับ

    ในโลกโบราณ อารยธรรมที่เจริญล้วนมีรากฐานมาจากการศึกษาจักรวาลวิทยากันทั้งนั้น

    อิยิปต์ เมโสโปเตเมีย กรีก โรมัน อินเดีย จีน มายา อินคา ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีตำราโหราศาสตร์ของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ว่าใครจะให้อิทธิพลใครนั้น นี่สิเป็นเรื่องที่น่าศึกษาครับ

    ส่วนของไทยเรา เชื่อได้ว่ารับแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องจักรวาลวิทยามาจากเขมรครับ ซึ่งเขมรเองก็รับมาจากอินเดียอีกต่อหนึ่ง (คนไทดั้งเดิมนั้น รับอิทธิพลการวันเดือนปีมาจากจีนครับ หลักฐานคือ สิบสองนักษัตร แต่ว่าชื่อของสิบสองนักษัตรน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากเขมร แล้วหลักอีกอย่างคือ พวกใบลานของล้านนาครับ ซึ่งในนั้นยังคงใช้ระบบนับวันเดือนปีที่ดัดแปลงมาจากจีนอยู่)

    เห็นว่าคุณครูตี๋ต้องการทราบกลุ่มดาวทั้ง ๒๗ กลุ่ม ผมเลยขอนำเสนอดังนี้ครับ

    "นักษัตร" ที่หมายถึง ดาว หรือ ดาวฤกษ์ มี ๒๗ หมู่ คือ
    ๑. อัศวินี, อัสสนี (ดาวม้า ดาวคู่ม้า หรือ ดาวอัศวยุช) มี ๗ ดวง
    ๒. ภรณี (ดาวก้อนเส้า หรือ ดาวแม่ไก่) มี ๓ ดวง
    ๓. กฤติกา, กฤตติกา, กัตติกา (ดาวธงสามเหลี่ยม หรือ ดาวลูกไก่) มี ๘ ดวง
    ๔. โรหิณี (ดาวพราหมี ดาวปลาตะเพียน หรือ ดาวคางหมู) มี ๗ ดวง
    ๕. มฤคศิร, มฤคเศียร, มิคสิระ (ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคศิรัส หรือ ดาวอาครหายณี) มี ๓ ดวง
    ๖. อารทรา, อทระ (ดาวอัททา ดาวตัวโค หรือ ดาวตาสำเภา) มี ๑ ดวง
    ๗. ปุนัพสุ, ปุนัพพสู (ดาวหัวสำเภา ดาวสำเภาทอง ดาวสะเภา ดาวยามเกา หรือ ดาวตาเรือชัย) มี ๓ ดวง
    ๘. บุษยะ, บุษย์, ปุษยะ, ปุสสะ (ดาวปุยฝ้าย ดาวพวงดอกไม้ ดาวดอกบัว ดาวโลง ดาวปู ดาวสมอสำเภา หรือ ดาวสิธยะ) มี ๕ ดวง
    ๙. อาศเลษา, อสิเลสะ (ดาวเรือน หรือ ดาวนกอยู่ในปล่อง) มี ๕ ดวง
    ๑๐. มฆ, มฆา, มาฆะ (ดาวโคมูตร ดาววานร ดาวงอนไถ หรือ ดาวงูผู้) มี ๕ ดวง
    ๑๑. บุรพผลคุนี, ปุรพผลคุนี, ปุพพผลคุนี (ดาววัวตัวผู้ หรือ ดาวงูเมีย) มี ๒ ดวง
    ๑๒. อุตรผลคุนี, อุตตรผลคุนี (ดาวเพดาน หรือ ดาววัวตัวเมีย) มี ๒ ดวง
    ๑๓. หัสต, หัสตะ, หัฏฐะ (ดาวศอกคู้ หรือ ดาวศีรษะช้าง) มี ๕ ดวง
    ๑๔. จิตระ, จิตรา (ดาวต่อมน้ำ ดาวไต้ไฟ หรือ ดาวตาจระเข้) มี ๑ ดวง
    ๑๕. สวาดิ, สวาตี, สวัสติ (ดาวช้างพัง หรือ ดาวงูเหลือม) มี ๕ ดวง
    ๑๖. วิศาขา, วิสาขะ (ดาวคันฉัตร หรือ ดาวศีรษะกระบือ) มี ๕ ดวง
    ๑๗. อนุราธ, อนุราธะ, อนุราธา (ดาวประจำฉัตร หรือ ดาวนกยูง) มี ๔ ดวง
    ๑๘. เชฏฐะ, เชษฐา (ดาวงาช้าง ดาวช้างใหญ่ ดาวคอนาค หรือ ดาวแพะ) มี ๑๔ ดวง
    ๑๙. มูล, มูละ, มูลา (ดาวช้างน้อย หรือ ดาวแมว) มี ๙ ดวง
    ๒๐. ปุรพษาฒ, บุรพอาษาฒ, บุพพาสาฬหะ (ดาวสัปคับช้าง หรือ ดาวราชสีห์ตัวผู้) มี ๓ ดวง
    ๒๑. อุตราษาฒ, อุตตรอาษาฒ, อุตตราสาฬหะ (ดาวแตรงอน หรือ ดาวราชสีห์ตัวเมีย) มี ๕ ดวง
    ๒๒. ศรวณะ, ศระวณ, สาวนะ (ดาวหลักชัย หรือ ดาวพระฤๅษี) มี ๓ ดวง
    ๒๓. ธนิษฐะ, ธนิษฐา (ดาวศรวิษฐา ดาวเศรษฐี หรือ ดาวไซ) มี ๔ ดวง
    ๒๔. ศตภิษัช, สตภิสชะ (ดาวพิมพ์ทอง หรือ ดาวยักษ์) มี ๔ ดวง
    ๒๕. บุรพภัทรบท, ปุพพภัททะ (ดาวโปฐบท ดาวแรดตัวผู้ หรือ ดาวหัวเนื้อทราย) มี ๒ ดวง
    ๒๖. อุตรภัทรบท, อุตตรภัทรบท, อุตตรภัททะ (ดาวแรดตัวเมีย หรือ ดาวไม้เท้า) มี ๒ ดวง
    ๒๗. เรวดี (ดาวปลาตะเพียน หรือ ดาวนาง) มี ๑๖ ดวง.
    คำว่า "นักษัตร" เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤตว่า "นกฺษตฺร" (อ่านว่า นัก-สัด-ตฺระ)
    ตรงกับคำที่มาจากภาษาบาลีว่า "นกฺขตฺต" (อ่านว่า นัก-ขัด-ตะ) หรือที่ไทยใช้ว่า "นักขัต"

    ส่วนกลุ่มดาวเหล่านี้เทียบกับฝรั่งแล้วตรงกับกลุ่มใดนั้น ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ คาดว่าคงจะเทียบกันตรงๆ ไม่ได้ คงมีการคาบเกี่ยวกับอยู่ของหมู่ดาว อันเนื่องมาจาก คนกรีก กับคนอินเดียมองการเรียงตัวของกลุ่มดาวต่างกัน จีนเองก็เช่นกันครับ ก็มองการเรียงตัวของกลุ่มดาวต่างไปจากกรีก และอินเดีย

    ถ้าผู้ใดทราบก็ช่วยอธิบายเพิ่มเติมจะเป็นประโยชน์มากเลยครับ

    อันนี้แถมครับ

    ชื่อเดือนทางจันทรคติ(ซึ่งอาศัยวิถีโคจรของดวงจันทร์เป็นเกณฑ์)ทั้ง ๑๒ ชื่อก็เช่นกัน คือ
    เดือนอ้าย - มฤคศิรมาส
    เดือนยี่ - ปุษยมาส
    เดือน ๓ - มาฆมาส
    เดือน ๔ - ผคุณมาส
    เดือน ๕ - จิตรมาส
    เดือน ๖ - วิสาขมาส
    เดือน ๗ - เชษฐมาส
    เดือน ๘ - อาสาฬหมาส (อา-สาน-หะ-มาด)
    เดือน ๙ - สวนมาส (สะ-วะ-นะ-มาด)
    เดือน ๑๐ - ภัทรบทมาส (พัด-ทะ-ระ-บด-ทะ-มาด)
    เดือน ๑๑ - อัศวยุชมาส (อัด-สะ-วะ-ยุด-ชะ-มาด)
    เดือน ๑๒ - กัตติกมาส (กัด-ติ-กะ-มาด)

    เป็นชื่อเดือนที่สมัยโบราณใช้เรียกกันครับ ในสมัยอยุธยาก็เรียกกันแบบนี้ (ดูได้ในกฎหมายตราสามดวงครับ) ในศิลาจารึกโบราณก็เรียกกันแบบนี้เช่นกัน จะเห็นได้ว่าเป็นการนำชื่อของกลุ่มดาวดังกล่าวมาเรียก ผมคิดว่าคงเป็นเพราะในเดือนนั้น มีตำแหน่งที่ตรงสัมพันธ์กับกลุ่มดาวนั้นๆ นั่นเองครับ อันนี้ผมสันนิษฐานนะครับ ผู้รู้ ถ้าจะช่วยให้ความกระจ่ายเพิ่มเติมก็จะดีมากครับ



    จาก
    http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=9446
     
  11. คุณนาย

    คุณนาย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +1
    โห


    ข้อมูลแน่นมากๆ

    ได้ความรู้มาอีกเพียบเลยคะ
     
  12. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,936
    วิชาโหราศาสตร์เป็นเรื่องของสถิติ
    เก็บข้อมูลมากจากการสังเกตุ
    ดูดาวก็สังเกตุดาว
    ดูโหงวเฮ้ง ก็สังเกตุรุปร่าง หน้าตา คำพูด
    ดูวัน เดือน ปี ก็เก็บข้อมูลมาจาก วัน เดือน ปี

    ต่างวิธี ก็ต่างผลลัพธ์
    และอาจะมีบ้างที่ผลลัพธ์มาตรงกัน

    คนจะดีจะชั่ว หรือจะประสพความสำเร็จ ไมไช่อยุ่ที่ดวงหรอกครับ
    แท้จริงแล้ว อยุ่ที่การกระทำในปัจจุบัน
    ถ้าเราเชื่อเรื่องดวง เราก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของมัน
    คล้ายกับการที่เราเชื่อพระพุทธเจ้า เราก็ทำตามคำสั่งสอนของท่าน

    ถ้าคุณเชื่อเรื่องดวง เช่นต้องมีฤกษ์ในการทำการใดๆ
    เวลาคุณจะทำอะไร ก็ต้องรอฤกษ์

    ถ้าคุณไม่เชื่อเรื่องดวงเรื่องฤกษ์ยาม
    เวลาทำอะไร คุณก็ไม่ต้องรอฤกษ์
    ศาสนาพุทธสอนบอกว่าฤกษ์สะดวกน่ะดีที่สุด
    ถ้าคุณทำตามคำกล่าวด้านบนได้
    สังเกตุดูได้เลย ว่าความติดยึดในใจตัวเองจะลดลงทันที

    ถ้าคุณชอบที่จะดูเรื่องพวกนี้
    ก็เตรียมใจไว้กับผลลัพธ์ร้ายๆ ที่อาจเกิดขึ้น
    ถ้าคุณไปยึดติดก็อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณในปัจจุบันทันที
    ถ้าคุณดูดวงมาแล้ว น้อมใจมาเป็นธรรม ไม่ประมาท
    และไม่วิตกกังวล ทำปัจจุบันให้ดีทีสุด
    ถ้าคิดได้แบบนี้ค่อยน่าไปดูหน่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2005
  13. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    หลวงพี่เล็ก บอกว่า ฤกษ์ก็เหมือนการเดินข้ามถนนครับ ผิดเวลาก็โดนชนโครมเลย
     
  14. 26895645

    26895645 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่ใช่แค่เรื่องราศีครับ แม้แต่สูตรต่างๆในการทำนายในไทยเองก็ต่างกัน บางที่ก็ต่างกันชนิดตรงกันข้าม แล้วยังทายถูกเหมือนๆกันอีก โหราศาสอยู่ได้ด้วยอุปาทานนั้นแหละครับ
    แต่โหราศาสตร์ที่ดีคือดูแล้วมันแม่น ไม่ใช่ถูกหลักวิทยาศาสตร์ ถ้าหลักมันมั่วแล้วแม่นขึ้นมาก็ถือว่าป็นหมอคนนึงหละ ผมชอบคำพูดหนึ่งที่ว่า
    หาคนที่ฉลาดที่สุดในโลก10คนหาสิ่งที่โง่ที่สุด พวกเขาไม่สามารถหาอะไรได้นอกจากโหราศาสตร์
    ผมในฐานะคนพยากรณ์คนหนึ่งรู้ซึ้งดีครับ
    เขาว่าเต๋าสูงสุดไม่อาจกล่าวเป็นคำพูดได้ สุดยอดการทำนายก็เช่นกัน
    ดังนั้นหมอดูที่ทำนายเป็นเงินเป็นทองทุกวันนี้ เขาอาศัยอุปทานเป็นเครื่องหากินตรับ
     
  15. ปถมํ54

    ปถมํ54 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2005
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    เห็นดวลกับ Magic99 ไว้ไม่ใช่เหรอ ผมอ่านในกระทู้ช่างมันเหลือเกิน สนทนากันสุดยอด ทำไมหายไปเลย ผมรอดูผลการดวลอยู่ พนัน กับเพื่อนไว้ด้วย
     
  16. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,148
    การดูดวง ทำนายดวง การเสื่องทาย ในแบบต่างๆๆ
    มีที่มาที่จุดเดียวกัน

    เป็นต้นกำเนิดแล้ว แยกสายออกไป
     
  17. หนูมาลี

    หนูมาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,148
    ดาวบนท้องฟ้าไงคะ

    ยิปซี มีสัญลักษณ์ เทพ ซึ่งเป็นตัวแทนของ ดาว ดาราบนท้องฟ้า

    จักรวาล มีอยู่แล้ว ดับไปคะ

    การ เรียนรู้ โหราศาสตร์ ทำให้เข้าใจ ถึง พลังงานธรรมชาติแล้ว ความคงอยู่แล้วดับไปของ
    จักรวาลคะ
     
  18. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    ชอบแบบกรรมพยากรณ์อ่ะ ครับ..... หรือไม่ ก็ ผู้ที่มีญานหยั่งรู้อนาคตของเราไปเลย...
    แต่อย่างนี้หายากมากๆ...

    อืม แล้วที่อ.ลักษณ์ ฟันธง อะไรน่ะ ถ้าเป็นจริงตามที่สื่อออกมา... ก็แสดงว่าตรง อันนี้ก็น่าเชื่อถือ....

    แต่ถ้าหมอไม่แม่น แบบนี้น่ากลัว ...ๆ..

    อยากดูดวงเหมือนกัน... จะได้รู้จังหวะ ของชีวิต จะได้เตรียมการต่างๆ ล่วงหน้า...

    ถ้าแม่นจริงมันมีประโยชน์มาก เหมือนพยากรณ์อากาศนั่นล่ะ ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าพายุจะมา เราก็ต้องซ่อมแซมบ้าน สะสมอาหารไว้ยามฉุกเฉิน ...

    รู้อนาคตเพื่อเตรียมรับมือ รู้จังหวะ ชีวิต... มีประโยชน์มากๆ แต่ขอให้แม่นจริง..ครับ
     
  19. poprock

    poprock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +812
    เยี่ยม
     

แชร์หน้านี้

Loading...