พระสมเด็จฯ องค์หนึ่งเดียว

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย huyakorn, 25 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    [​IMG]

    ส่องพระ​


    ขั้นตอนที่ 3 - ดูมวลสารและร่องรอยต่าง ๆ

    ในพระสมเด็จวัดระฆังองค์เดียวกันนี้ จะปรากฏมวลสาร และร่องรอยต่าง ๆ มากบ้าง น้อยบ้าง ดังต่อไปนี้

    1. มีเกสรดอกไม้และดอกไม้มงคลแห้งนานาชนิด บดละเอียดหดตัวอยู่ในรอยแยกเนื้อพระ (ใช่)
    2. มีเม็ดผงพุทธคุณ สีขาว สีขาวขุ่น หดตัวอยู่ในรอยแยกเนื้อพระ (ใช่)
    3. มีเม็ดพระธาตุ สีขาวอมเหลือง หดตัวอยู่ในรอยแยกเนื้อพระ (ใช่)
    4. มีเม็ดแดงเศษเนื้อพระซุ้มกอป่น (ใช่)
    5. มีเม็ดดำ จากเม็ดถ่านจากการเผาเปลือกหอยทะเล (ใช่)
    6. มีเศษก้านธูปอยู่ในเนื้อพระ (ใช่)
    7. มีเศษผ้าแพรชิ้นเล็ก ๆ สีเหลือง (ไม่ใช่)
    8. มีแร่ทรายเงิน ทรายทอง (ใช่)
    9. มีรอยปริแยกหรือ รอยแตกอ้าตามขอบพระ (ใช่)
    10. มีรอยปูไต่ (ไม่ใช่)
    11. มีรอยหนอนด้น หรือบ่อน้ำตา (ใช่)
    12. มีรอยแตกลายงาละเอียด และหยาบ (พระที่ลงรักเก่า) บางองค์มีการแตกลายงาซ้อนกัน (ใช่)
    13. มีเศษรักเก่าเกาะติด จากการหลุดร่อนเองตามธรรมชาติ (ไม่ใช่)
    14. มีรอยนิ้วมือด้านหลัง (ไม่ใช่)
    15. มีรอยปริแตกเป็นรอยระแหงเหมือนรากผักชี (ใช่)
    16. มีรอยหลุมบ่อ จากการหลุดร่อนของมวลสาร (ใช่)
    17. มีคราบน้ำหมากสีแดง (ไม่ใช่)
    18. มีคราบขาวมันวาว จากคราบน้ำอ้อยขับออกจากเนื้อพระ (ใช่)
    19. มีรอยกระดานหรือกาบหมาก (ไม่ใช่)
    20. มีรอยแตกอ้าตามขอบพระด้านหน้าและหลัง (ใช่)
    21. มีรอยแตกอ้าตามเส้นซุ้มและองค์พระ (ใช่)
    22. มีรูปเจดีย์ฝังลึกอยู่เนื้อพระ (หายากมาก) ( ? )
    23. มีซากฟอสซิลของแมลงเล็กๆ อยู่ในเนื้อพระ (หายาก) (ใช่)
    24. มีเศษกิ่งไม้ชิ้นเล็กมากหรือชิ้นใบไม้แห้งเล็กมาก (หายาก) (ใช่)
    25. มีแร่หินมันวาว สีฟ้า สีแดง สีชมพู สีดำอมแดง สีเขียวอ่อน (ใช่)

    ขั้นตอนที่ 4 - ดูน้ำประสานเนื้อพระ

    1. มีคราบไคลสีส้ม สีแดง สีเหลืองเข้ม จากน้ำมันตังอิ้ว ขับออกจากเนื้อพระ
    2. มีคราบไคลสีน้ำตาลอ่อนแก่ จากน้ำผึ้งขับออกมาจากเนื้อพระ
    3. มีคราบไคลสีขาว สีขาวขุ่น จากน้ำอ้อย ขับออกมาจากเนื้อพระ

    ขอขอบคุณเว็บไซต์ "พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่"
    วิธีตรวจสอบพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ด้วยตนเอง
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2012
  2. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    "ใครมีพระสมเด็จฯ ภูมิใจอยากโชว์ ส่งรูปไปลงได้ฟรีที่ พระบ้าน ๙.คอม"
     
  3. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    310
    ค่าพลัง:
    +973
    เศษทองที่อยู่ในเนื้อพระ ถ้ามันวาวจะเป็นทองคำครับ

    นำไปตรวจที่ร้านทองได้เลย กรณีที่หลุดออกมา

    บางองค์มีเศษชิ้นทองคำถึง 5-6 ชิ้นก็เคยพบ

    ศีลและกุศลบารมีแตกต่างกัน จึงรู้ได้แตกต่างกันไปตามกำลังจิต

    แต่หลักใหญ่ "พระเครื่อง เพื่อเชื่อมพระธรรม"
     
  4. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ขอบคุณครับ คุณนักรบโบราณ สำหรับความรู้ใหม่
    ตอนแรกผมนึกว่ามีแต่ผงทอง หรือเศษทองคำเปลวเท่านั้น
     
  5. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    แล้วก้อนสีฟ้าครามด้านหลังเป็นแร่ หรือโลหะ อะไร..ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2012
  6. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ผมเจอบทความนี้เข้า เลยขอคัดลอกเอามาให้อ่านกัน ไม่รู้ว่าสีเขียวครามนี้เป็น ตะไคร่ใบเสมาหรือเปล่า..ครับ

    ผงตะไคร่ใบเสมา ตะไคร่ เป็นพืชผงชนิดหนึ่งลอยไปกับกระแสลม ลมพัดพาไปตกที่ไหน ที่มีความชุ่มชื้นจะงอกงามเจริญเติบโตเช่น ใบเสมา ภูเขา หิน กำแพงวัด เจดีย์ พระปรางค์ปราสาทราชวัง มองดูมีสีเขียวขจี พอหน้าแล้งจะเปลี่ยนเป็นสีหม่นดำ มีคุณสมบัติในทางดูดซับน้ำ ทางตำราเภสัชศาสตร์ระบุว่าเป็นยารักษาโรค

    เจ้าประคุณสมเด็จฯ ใช้ตะไคร่ใบเสมามาบดผสมทำพระเครื่อง อาศัยประโยชน์ 2 ประการ คือ

    1) มีประโยชน์ทางดุดซับน้ำ สามารถรักษาเนื้อพระให้ทนได้นาน ไม่ผุกร่อน

    2) มี ความหมายทางพระศาสนา เพราะคนทั่วไปมีความเห็นว่าเสมาที่อยู่กำแพงวัดเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นปูชนียสถานที่มีพระพุทธรูปตัวแทนพระพุทธเจ้า ทำให้สิ่งที่เลวร้ายสิ่งอัปมงคล ภูตผีปีศาจ ไม่สามารถรุกล้ำเข้าไปในเขตเสมา ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2012
  7. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    310
    ค่าพลัง:
    +973
    ดูจากรูปพิจารณายากเหมือนกัน เพราะพระสมเด็จที่เป็นสีพระประจำวันก็มีสีคล้ายแบบนี้

    ถ้ามีบุญสัมพันธ์ รักษาศีล ปฏิบัติธรรม เดี๋ยวได้พระสมเด็จเองครับ บางทีอาจได้มาโดยไม่ต้องเสียเงินด้วยซ้ำ

    หลวงปู่โต สร้างวัตถุมงคลไว้สืบทอดพระศาสนาเยอะมากครับ จวบถึง 5000 ปี

    แต่ผู้คนที่ขาดบารมีธรรม ก็จะถูกครอบงำด้วยวัตถุ เมื่อพบเจอ...รู้...แต่รู้ไม่หมด

    ทำให้ไปไม่ถึงเหตุ "พระเครื่อง เพื่อเชื่อมพระธรรม" แถมก่อกรรมปรามาส
     
  8. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    [​IMG]

    ... ข้อพิจารณาประการหนึ่ง ปรากฏอยู่ใน หนังสือพระสมเด็จ ของ ตรียัมปวาย ความว่า ครั้งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านยังมีชีวิตอยู่ มีหญิง คนหนึ่งชื่อ ขำ เป็นบ่าวอยู่วังหลัง ยายขำผู้นี้มีหน้าที่นำอาหารไปถวายสมเด็จพระพุฒาจารย์ทุกวันเป็น ประจำ ขณะคอยให้สมเด็จฯ ฉัน ภัตตาหารเพล ยายขำก็ช่วยเหลือเขาร่อน ผง นวดผง พิมพ์พระสมเด็จเป็นการฆ่า เวลายายขำจึงรู้ส่วนผสมของผงว่ามี อะไรบ้าง ครั้นต่อมาเมื่อสมเด็จพระ พุฒาจารย์โต พรหมรังสีมรณภาพ ใน วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2415 ยายขำคนที่ว่านี้ได้ผงพุทธคุณที่เหลืออยู่ และยิ่ง ไปกว่านั้นยังได้แม่พิมพ์พระสมเด็จไป ไว้ในครอบครองอีกด้วย นำไปเป็น สมบัติของตัวแล้ว ไม่ได้นำไปเก็บไว้ เฉยๆยายขำยังแอบพิมพ์พระสมเด็จเอง และให้เช่าแก่ประชาชนผู้ต้องการเรื่อยมา

    เมื่อผงพุทธคุณของสมเด็จพระพุฒาจารย์หมดลง แต่ความต้องการของ ตลาดมากขึ้น ยายขำก็เอาดินสอพอง ธรรมดา มาบดแทนผงพุทธคุณที่ได้ ปลุกเสก มาใช้แทนและก็จำหน่ายให้แก่ ประชาชนเหมือนอย่างเคย การปลอมพระสมเด็จของยาย ขำทำให้ยายขำร่ำรวย สามารถซื้อเรือกสวนไร่นากลายเป็นคฤหปัตนี ที่คนทั้ง หลายเรียก คุณแม่ขำ ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่ายายขำปลอม พระสมเด็จออกขายเป็นจำนวนเท่าใด ได้แต่ประมาณกันว่าถ้ามาถึงขั้นมีเงินมาทองซื้อเรือกสวนไร่นาได้ก็จะต้อง ปลอมเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยๆ ก็นับ แสนองค์ทีเดียว! สำหรับพระสมเด็จแท้นั้นกล่าวกัน ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ท่านพิมพ์ 3 พิมพ์ทรงพิมพ์ละ 84,000 องค์ เมื่อเรื่องราวข้อเท็จจริงมีมาอย่าง นั้น ก็มีปัญหาล่ะทีนี้

    ปัญหาว่าเราจะรู้ได้ อย่างไรว่าพระสมเด็จองค์ไหนเป็นของ แท้และสมเด็จองค์ไหนเป็นของยาย ขำทำปลอมขึ้น เพราะแม่พิมพ์ก็อันเดียว กัน ส่วนผสมก็เหมือนกัน นอกเสียว่า ผงของยายขำไม่ใช่ผงพุทธคุณเท่านั้น! ไม่ว่าเซียนระดับไหนก็บอกไม่ได้ นอกจากจะเดาเอาเท่านั้น! ...

    (อ่านต่อวันพรุ่งนี้ครับ)
     
  9. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ... คุณลุงประโพธิ ท่านอธิบายให้ข้อ สังเกตตามวิธีการที่ท่านใช้ และเห็นผลมาแล้วดังนี้ ขอให้พึงจำไว้อย่างหนึ่งว่า เมื่อหยิบพระเครื่องชนิดใดขึ้นมาดูก็ตาม พึงสังเกตการดูครั้งแรกกว่า พระองค์นี้มีศักดิ์มีศรีหรือไม่ มันเป็นความรู้สึกชั่วแผล็บเดียวจากใจ

    ถ้ารีบเอากล้องส่องดูเนื้อหา จงระวังกล้องมันจะหลอกเอา เพราะใจเรา จะรู้สึกหรือไม่ก็ตาม อยากให้พระที่ดูนั้นเป็นพระแท้เป็นทุนอยู่แล้ว ยิ่งเอากล้องมาส่องดูก็จะเห็นความสวยงาม ของมวลสาร ยิ่งดู ยิ่งเห็นเป็นของแท้ไป การใช่แว่นขยายส่องดูนั้นควร จะทำหลังจากเกิดความรู้สึกครั้งแรกดังกล่าว แล้วค่อยๆพิจารณาอย่าผลีผลาม อย่าฟังด้วยหู แต่ดูด้วยตา พิจารณาด้วยใจ แล้วท่านจะไม่พลาด

    ตามบันทึกเกี่ยวกับพระสมเด็จวัดระฆัง นั้นกล่าวไว้ว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านใช้ปูนขาวเป็นหลัก ผสมด้วย เกสรดอกบัว เนื้อและเปลือกกล้วยน้ำว้า น้ำมันตังอิ๊ว ขี้รูปในพระอุโบสถ ขี้ไคลใบเสมา น้ำอ้อยปูน และดินกรุตามเจดีย์เก่าๆ เศษอาหารที่ท่านฉันแล้ว เศษชานหมาก ผงจากใบลานเผา น้ำมันจันทน์เสก ข้าวสุก แร่หิน ทรายเงิน ทรายทอง ว่านวิเศษ ผงดินสอพุทธคุณ ซึ่งสมเด็จฯท่านจารอักขระขอมในเวลาทำสูตรชักยันต์ ทำผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช และผงตรีนิสิงเห อีกทั้งยังมีการลงเลขยันต์ทำผงนับร้อยแปด และสมเด็จฯท่านได้ผสมผงวิเศษลงไปด้วย

    ไม่มีผู้ใดทราบได้ว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านผสมอะไร ลงไปรวมไว้เป็นมวลสารในการทำพระสมเด็จของท่าน เพราะตามบันทึกของเก่า หาข้อยุติไม่ได้ ที่ทราบกันแน่ๆ ก็แต่เพียงท่านใช้ปูนขาว เป็นหลัก และใช้ผงพุทธคุณ คือผงปถมัง ผงอิทธิเจ ผงมหาราช และผงตรีนิสิงเห ที่ท่านลบจากอักขระที่เขียนลงไปบนกระดาน ชนวน แต่อะไรล่ะคือ ผงวิเศษ ที่ตาม บันทึกของเก่าเล่มไหนก็เล่มนั้น ได้กล่าวถึง

    ในส่วนที่สังเกตพบกันว่า พระสมเด็จวัดระฆังบางองค์งอกได้นั้น ท่านได้อธิบายให้ฟังเป็นลำดับต่อมาว่า เมื่อ "ตัวอยาก" เกิดขึ้น คืออยากรู้ ทำให้ท่านเริ่มศึกษาว่าทำไมพระสมเด็จวัดระฆังจึงมี อภินิหารมากมายผงพุทธคุณที่กล่าวถึง ก็เข้มขลังอยู่แล้ว ทำไมจึงจะต้องผสม ผงวิเศษลงไปด้วย จากหนังสือ อนุสรณ์ครบ 100 ปี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ได้กล่าวไว้ว่า พระเครื่องเนื้อผงสีขาวแบบเดียวกับพระสมเด็จแต่เก่ากว่า เห็นจะมีศึกษาเรื่องพระธาตุ โดยบุกตะลุยไปถึงสามร้อยยอดที่ชาวบ้านเรียกกันว่า เมืองเทพเจ้า และมันเป็นความเคราะห์ดีอย่างยิ่ง ที่ได้รู้จักชายสูงอายุผู้หนึ่งซึ่งเรียกกันว่าพี่หงวน พี่หงวนมีพระธาตุสาวกหลายชนิด เพราะรู้แหล่งพระธาตุในโพรงภูเขาลึก ถึง 27 วา ซึ่งถือเป็นความลับไม่บอกใคร ผมได้พระธาตุจากพี่หงวนหลายอย่าง แต่ที่สนใจมากที่สุดคือ พระธาตุสิวลี หรือ ธาตุพระฉิม ก็เรียก เพราะเป็นของหาได้ยากยิ่ง ...

    (อ่านต่อวันพรุ่งนี้ครับ)

    [​IMG] [​IMG]

    พระธาตุพระสีวลี สัณฐานดังเมล็ดในพุทรา หรือผลยอป่า หรือเมล็ดมะละกอ วรรณสีเขียวดังผักตบบ้าง สีแดงแบบสีหม้อใหม่บ้าง สีพิกุลแห้งบ้าง เหลืองดั่งหวายตะค้า หรือขาวดั่งสีสังข์บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2012
  10. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ... คนโบราณจะไม่ยอมแลก พระธาตุสิวลี กับพระเครื่องพระบูชาใดๆทั้งสิ้น ทั้งไม่ยอมอวดใครว่าตัวมี พระธาตุสิวลี เพราะกลัวคนขอ คนโบราณเคารพนับถือพระธาตุสิวลีเป็นที่สุดเพราะต่างได้พบเห็นความ มหัศจรรย์ในสรรพคุณ ผู้ใดมีบูชา ผู้นั้น จะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ห่างไข้ได้ ป่วย เกิดลาภสักการะต่างๆ และร่ำรวย โดยไม่รู้ตัว สรรพคุณนี้เห็นกันมานักต่อ นักแล้ว

    การเคารพพระธาตุสิวลีไม่ใช่มีแต่ใน ประเทศไทย ในประเทศพม่า ในไทยใหญ่ ก็ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง ตามตำรากล่าวว่าพระธาตุสิวลีมี ลักษณะคล้ายผลยอป่า เมล็ดใน มะละกอ เมล็ดในพุทรา มีวรรณะ เหลืองแก่ เหลืองอ่อน คล้ายหวายตะค้า และสีดอกผักตบ (ยังไม่เคยเห็น) ส่วนใหญ่พระธาตุสิวลีจะงอกให้เห็น แม้เราจะใส่ตลับคล้องคออยู่ก็ตาม! การงอกของพระธาตุสิวลี จะมีจุด ใสคล้ายหัวฝี บนผิวพระธาตุ จุดนี้ จะขยายใหญ่ขึ้น

    การงอกไม่ใช่งอกทีเดียว แต่ จะงอกที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง แต่เป็นไป อย่างช้าๆ บางองค์จะค่อยๆ งอก จนเหมือนเมล็ดในพุทราในที่สุด ส่วน พระธาตุชนิดอื่นไม่เคยเห็นงอก แต่อาจ จะขยายองค์ใหญ่ขึ้น ซึ่งก็ยังคงลักษณะ รูปร่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเอาแว่นขยายส่องดูเนื้อพระวัดระฆัง เราจะเห็นมวลสารสีเหลืองแก่ สี ดำแกมน้ำตาล มีผงทองผงเงินปนอยู่ เป็นจุดนิดๆ ซึ่งต้องพิจารณาอย่าง ละเอียดจึงจะสามารถเห็นได้! มวลสารที่กล่าวนี้มีในพระธาตุ สิวลีทั้งสิ้น! ฉะนั้นการที่เข้าใจว่าสมเด็จฯ ท่านเอาทองคำเปลวผสมลงไปด้วยเห็น จะตัดออกไปได้ เพราะทองคำเปลวซึ่งเป็นแผ่นบาง เมื่อถูกคลุกเคล้ากับมวลสารอย่างอื่น โดยมีน้ำมันตังอิ๊วเป็นตัว ประสานแล้วกดพิมพ์ย่อมจะจมหายไปในเนื้อ ไม่อาจเห็นได้บนผิวพระ แต่ผงทองในพระสิวลีเป็นผลึกทองคำ เล็กกว่าปลายเข็ม ย่อมมีโอกาสลอยตัวอยู่ บนผิวพระ สามารถมองได้ด้วยแว่นขยาย

    ส่วนที่ผสมทรายเงินทรายทองนั้น เห็นจะตัดออกไปได้เช่นกัน เพราะไม่เคยเห็นว่าทรายเงินทรายทอง และถ้ามีจริงขนาดต้องใหญ่กว่าแน่ๆ และถ้าเอามาตำมาร่อนก็จะไม่ได้ขนาดเล็กเท่าที่เห็นในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง จึงเชื่อแน่ว่า ผงวิเศษที่กล่าวขวัญ กันคือ ผงพระธาตุสิวลีนั่นเอง! ทั้งพระวัดพลับและวัดระฆัง ซึ่งสร้างโดย อาจารย์กับศิษย์จะมีผงวิเศษผสมอยู่ทั้ง สองชนิด! สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) จะต้องใส่ผงพระธาตุสิวลีลงไปมาก แต่การสร้างพระจำนวนน้อยกว่าพระวัด ระฆัง ทำให้การงอกของพระวัดพลับจึง ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆ ส่วนพระสมเด็จวัดระฆังนั้น เนื่องจากสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านทำจำนวน แต่พระสมเด็จอรหันต์ ของสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน กับ พระวัดทัพเข้า ของจังหวัดสุโขทัยเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจทราบได้ว่าใครสร้าง

    พระวัดทัพเข้า รู้กันมาเพียงว่าสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน คืออาจารย์ ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตารามแน่ๆ ทำให้คิดไปได้ว่า ก็เมื่ออาจารย์ ทำพระสมเด็จอรหันต์ และสมเด็จวัดพลับ ลูกศิษย์ก็คงจะใช้สูตรเดียวกับที่ อาจารย์ทำ ใช้ผงพุทธคุณต่างๆ เช่นเดียวกับของอาจารย์ แต่คงจะเพิ่มสิ่งอื่นๆ ผสมลงไปในผงมวลสารที่พิมพ์พระด้วย ได้ศึกษาพระวัดพลับของสมเด็จ สังฆราช สุก ไก่เถื่อนและได้เห็นพระหลายองค์ งอก! คำว่า งอก นี้หมายถึง การขยายตัว ของมวลสารในองค์พระ ซึ่งมิได้เกิด จากการพิมพ์พระเครื่องเป็นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยเห็นพระสมเด็จวัดระฆังบางองค์ งอกได้อีกด้วย

    ถ้าจะพิจารณาว่าปูนขาว และผงดินสอพุทธคุณแต่เพียงอย่างเดียว จะขยายตัว หรืองอกได้หรือ มันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่อะไรล่ะที่ผสมอยู่ในมวลสารที่ สามารถงอกได้งอกเสียจนกระทั่งล้น องค์พระออกไปข้างๆ ก็มีคิดปัญหานี้อยู่หลายปี จนกระทั่งได้มาก ผงพระธาตุสิวลีจะกระจายไปในองค์พระสมเด็จส่วนใหญ่ จึงมีมวลสารผงวิเศษผสมอยู่ไม่มากเท่าพระวัดพลับ นอกจากบางองค์ที่มีผงพระธาตุสิวลีมาก ก็จะงอกให้เห็นเป็นที่สังเกตได้ แม้จะได้บทสรุปจนแน่ใจแล้วว่า ผงวิเศษ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ที่ท่านใส่ผสมไว้ในมวลสารสร้างพระของท่านนั้นคือ ผงพระธาตุสิวลี ...

    (อ่านต่อวันพรุ่งนี้ครับ)

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2012
  11. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ... แต่ด้วยความเป็นนักค้นคว้าศึกษาตัวยง ทำให้คุณลุงประโพธิเกิดสงสัยต่อไปอีกว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหม รังสี ท่านได้ผงพระธาตุสิวลีมาจากไหน? เพราะการที่จะหาพระธาตุสิวลี เป็นองค์ๆมาตำมาบดย่อมไม่สามารถทำได้ เนื่องจากพระธาตุสิวลีเป็นของหายาก ไม่ใช่มีอยู่เกลื่อนกลาด ในอาณาจักรทุ่งลอที่มีคนขุดตามเจดีย์ร้างจะหาพระธาตุสิวลีสักองค์ก็แสนยาก หรือถ้าหาได้สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านจะไม่ตำไม่บดเด็ดขาด เพราะเป็นการทำลายพระธาตุที่ไม่บังควรทำเป็นอย่างยิ่ง ทำแล้วจะก่อโทษทัณฑ์ แก่ตัวอย่างคาดคิดไม่ถึง!

    เคยเห็นพระอาจารย์องค์หนึ่งที่ประจวบคีรีขันธ์ ท่านมีพระธาตุมากมายหลายชนิด ท่านเกิดมีความคิดจะทำผงพระธาตุสีต่างๆ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเอาพระธาตุมาตำด้วยตัวของท่านเอง พอเห็นท่านทำอย่างนั้นก็ใจหายวาบเกิดความกลัวว่าสิ่งไม่ดีจะเกิดกับท่าน แล้วความกลัวก็เกิดเป็นจริงขึ้นมาจริงๆ หลังจากตำพระธาตุด้วยครกหินแล้ว แขนท่านก็บวมยกไม่ขึ้น เกิดโรคแทรกซ้อน และมรณภาพต่อมาอีก 60 กว่าวัน! ตีปัญหาเรื่องผงพระธาตุสิวลีไม่ออก

    จนกระทั่งหนึ่งปีผ่านไป ได้ไปหาพี่หงวน โดยนำสิ่งของไปฝากจากกรุงเทพฯ พี่หงวนดีใจมากบอกว่า ได้ของแปลกมาจากถ้ำพระธาตุ บอกว่าไปพบในหลืบหินยาวๆที่ผนังถ้ำ ของที่พบนี้มีสองชนิด คือผงสีขาวละเอียดคล้ายแป้ง กับผงสีเหลืองนวลเป็นเกล็ดเล็กๆ พี่หงวนได้ตักเอามาหมดทั้งสอง ชนิดและได้แบ่งให้มาอย่างละกระป๋อง เมื่อใช้แว่นขยายส่องดูถึงกับขนลุกเพราะผงสีเหลืองนวลคือผงพระสิวลี นั้นเอง! ส่วนผงสีขาวไม่ทราบว่าเป็นผงอะไร แต่ก็ได้ผงทั้งสองชนิดมาใส่ขวดแก้วไว้ หน้าที่บูชา หลายเดือนต่อมา สังเกตพบว่าผงพระสิวลีรวมตัวหรือจะงอกเองก็เหลือเดา เป็นองค์พระธาตุสิวลีเล็กๆ ส่วนผงสีขาวคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จากได้ศึกษาค้นคว้าพบเห็นมาอย่างนั้น จึงยืนยันด้วยความมั่นใจว่า ผงวิเศษ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ใส่ลงไปในพระสมเด็จของ ท่านคือ ผงพระธาตุสิวลี นั่นเอง

    ไหนๆ ก็ได้เล่าให้ฟังกันเป็นข้อพิจารณาถึงเรื่องราวของพระสมเด็จวัดระฆัง มาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าจะไม่เล่าให้ฟัง ถึงอิทธานุภาพสรรพคุณของพระสมเด็จวัดระฆังบ้างก็ดูกระไรอยู่ และในเมื่อข้อมูลความรู้ดังกล่าวส่วนใหญ่ ประมวลมาจากคุณลุงประโพธิท่านเล่าให้ฟังเป็นหลายต่อหลายครั้ง ประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์ ในสรรพคุณพระสมเด็จวัดระฆัง ก็ขออิงสิ่งที่ท่านเคยเล่าให้ฟัง ต่ออีกสักเล็กน้อย ท่านว่าอานุภาพของพระสมเด็จวัด ระฆังนั้นเป็นยอดในทางแคล้วคลาด เมตตามาหานิยมเป็นเยี่ยม ป้องกันศัตรูหมู่พาล ห่างไข้ ไกลทุกข์ อุบาทว์ลี้หนีหาย และเกิดโชคลาภต่างๆ เป็นอัศจรรย์! ถ้าท่านห้อยพระสมเด็จแท้ จะพิมพ์ไหนก็ได้ ท่านจะไม่พบกับสิ่งหวาด สนใจจึงคุยกันเรื่องพระนาง พญาพิษณุโลกไปสักพัก ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกใจเต้น ปากก็โพล่งออกไปว่า พี่พัดลมจะตก! คุณหมอบุญจริงหัวเราะหึๆ ไม่ตอบว่ากระไร จึงพูดซ้ำไปอีก พัดลมจะตก

    คุณหมอบุญจริงจึงมองหน้าผมอย่างขันๆ แล้วก็ชี้ให้ดูพัดลมเพดาน ว่ามีเหล็กประกับกับคร่าวซีเมนต์จะตกได้อย่างไร แล้วก็ดูพระนางพญาต่อ ไม่สนใจในคำพูดเตือนบอกอันตรายที่จะเกิดขึ้น จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ผมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปที่มุมห้อง พร้อมกับพูดเสียงดังว่า พัดลมตก! แต่ก่อนที่คุณหมอบุญจริงจะเงยหน้าขึ้นมอง พัดลมโบราณเหล็กทั้งแท่ง ก็หลุดออกจากคร่าว ทั้งๆที่ใบพัดกำลังหมุนจี๋ ตกลงบนโต๊ะรับแขกเบื้องหน้าคุณหมอบุญจริง ทำให้โต๊ะรับแขกตัวนั้นแตกเป็นสองเสี่ยง ส่วนใบที่เป็นไม้แตกกระจัดกระจาย ส่วนที่เป็นเหล็กก็กระเด็นตกลงไปข้างๆเก้าอี้ที่คุณหมอบุญจริงนั่ง เศษไม้จากใบพัดกระเด็นไปติดตัวคุณหมอบุญจริงเต็มไปหมด อันที่จริงแล้วใบพัดที่กำลังหมุนอยู่อย่างแรง น่าจะฟันศีรษะหรือลำตัวคุณหมอบุญจริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณหมอบุญจริงก็ไม่มีบาดแผลแม้เท่าแมวข่วน จึงสรุปได้ว่า สมเด็จวัดระฆังนั้นเป็นพระแคล้วคลาด โดยไม่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์! ส่วน พระนางพญานั้นก็เป็นพระแคล้วคลาด แต่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์! ...

    (อ่านต่อวันพรุ่งนี้ครับ)

    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2012
  12. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ใครมีประสบการณ์พระธาตุงอกในพระสมเด็จวัดระฆัง
    ขอเชิญมาร่วมแชร์กันในกระทู้นี้..ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2012
  13. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ... อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เล่าให้ฟังถึงเพื่อนของท่านคนหนึ่ง ซึ่งเคยนำพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่มาให้ท่านดู เพื่อเสนอให้เช่าในราคา 3 หมื่นบาท ซึ่งเงินจำนวนนั้นสมัย 30 ปี ก่อนไม่ใช่เงินน้อยๆ จึงไม่ได้เช่าเอาไว้เพราะมีเงินไม่พอ พระสมเด็จที่เขาเอามาให้ดูนั้น เนื้อหาพิมพ์ทรงถูกต้องทุกอย่าง ใครเห็นใครก็อยากได้ บรรดาเซียนพระสมเด็จต่างยกนิ้วให้ว่าแจ่มแจ๋วจริงๆ วันหนึ่งเจ้าเพื่อนคนนั้น ห้อยพระสมเด็จองค์ที่ว่านั้นไปนั่งคอยภรรยาในรถที่เขาขับไป ทันใดนั้น ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูรถแล้วก็ยิงเขาทันที ถูกเข้าที่ท้อง พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ได้ช่วยกันนำส่งไปโรงพยาบาลด่วนจึงรอด ชีวิตมาได้หลังจากอยู่รักษาตัวเป็นแรมเดือน

    จากเหตุการณ์นั้น สามารถสรุปได้ทันทีโดยไม่มีข้อสงสัยว่าพระสมเด็จวัดระฆังที่แจ่มแจ๋วองค์นี้เป็นพระที่ยายขำสร้าง ไม่ใช่ของแท้ที่สมเด็จโตท่านสร้าง พระองค์นี้ถูกขายต่อไปเป็นทอดๆ ครั้งสุดท้ายได้ข่าวว่ามีมหาเศรษฐีซื้อไป เสียวที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เช่น รถชนคนลงไปดิ้นตายบนถนน หรือเห็นคนเขายิงกันตาย! เหตุหวาดเสียวอย่างนั้นจะเกิดขึ้นก่อน หรือเกิดหลังจากที่ท่านไปถึงในที่นั้นทุกครั้งไป! นี่เป็นประสบการณ์เล็กๆ ในสรรพคุณของพระสมเด็จวัดระฆัง ที่คุณลุงประโพธิท่านเล่าให้ฟังโดยทิ้งท้ายให้คิดในเรื่องนี้ว่า ถ้าใครมีเงินเหลือเฟือขี้เกียจเก็บไว้ให้หนักกระเป๋า ก็จงไปเล่นการพนัน การพนันอะไรก็ได้ แต่อย่าลืมห้อยพระสมเด็จวัดระฆังไปด้วย ท่านจะเสียหมดตัวกระเป๋าเบา พวกเราเจอกันมานักต่อ นักแล้ว!

    ท่านผู้รู้วิสัชนาให้ฟังเมื่อนานมาพอสมควรว่าที่บรรดาเซียนพระทั้งหลายไม่อาจปลอมแปลงพระสมเด็จวัดระฆังที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โตสร้างไว้ได้ เพราะท่านเจ้าประคุณสมเด็จท่าน ใส่ผงวิเศษ เป็นมวลสารสร้างพระของท่านโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นมวลสารผงวิเศษที่ไม่อยู่ในสาระบบการสร้างพระเครื่อง พระผงจากตำราคัมภีร์ใดๆ ทั้งสิ้น! ก็ใคร่ขอนำความดังกล่าวมาบอก เล่าแก่กันฟังในที่นี้ต่อท่านผู้อ่านได้พิจารณาตามเหตุผลที่ได้รับรู้มาว่า เป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร? ทั้งนี้ถือเป็นการลับสมองให้เกิดปัญญาในสิ่งที่ต่างศรัทธา และสนใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย! การณ์นี้อาจจะเขียนบอกเล่าแก่กันฟังไปด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาซึ่งอาจจะทำให้ท่านผู้อ่านหลงไปด้วย ผู้เขียนก็พร้อมที่จะรับการวิพากษ์วิจารณ์ ตราบเท่าที่การวิพากษ์วิจารณ์นั้นชอบด้วยเหตุผล ไม่ใช่แบบถูลู่กัง เช่น ฉันไม่เชื่อ มันจึงเป็นไปไม่ได้เถียงค้านอย่างหัวชนฝาโดยไม่คิดพิจารณาในเหตุในผล ด้วยยึดถือว่า ข้าก็เป็นผู้รู้ เป็นหนึ่งในตองอูเรื่อง นี้เหมือนกัน!

    จากที่นำมาเสนอให้ได้พิจารณา สรุปได้ว่า "ผงวิเศษ" ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผสมไว้ในมวลสารสร้างพระสมเด็จของท่าน คือ "ผงพระธาตุสิวลี" และเมื่อพระสมเด็จวัดระฆังมีพระธาตุสิวลีผสมอยู่ด้วย พึงสังวรไว้ว่าพระธาตุสิวลีเสด็จมาได้ก็เสด็จจากไปได้ พระสมเด็จวัดระฆังมาอยู่กับท่านได้ ก็จากไปได้เช่นกัน! ฉะนั้นพึงประพฤติตนเป็นคนดี ถ้าประพฤติสำมะเลเทเมา พระสมเด็จวัดระฆังก็จะจากท่านไปจนได้ จะทิ้งไว้ ก็แต่เพียงความทรงจำด้วยความอาลัย ว่าครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นเจ้าของพระสมเด็จ ที่ท่านรักและหวงแหน.

    [​IMG]

    เก็บตกป้ายในตลาดพระมาฝาก..ครับ (จากเว็บ udon108.com)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2012
  14. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ผมได้รวบรวมวิธีดูพระสมเด็จฯ ที่ค้นเจอบนอินเตอร์เน็ตเอาไว้ จะทยอยนำมาลงให้ได้ศึกษากัน
    ขอขอบคุณ เจ้าของข้อมูลทุกๆท่าน..ครับ

    image003.jpg

    พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่อกวีชะลูด
    ตำหนิเอกลักษณ์
    1.พระเกศเป็นท้องช้างแอ่นโค้งเบาๆ
    2.พระพักตร์รี
    3.พระกรรณขวาองค์พระยื่นออกเห็นค่อนข้างชัด ส่วนพระกรรณซ้ายองค์พระจะแนบชิดพระพักตร์
    4.วงแขนงดงามมากๆ โย้นิดๆ ตรงกลางแขนโผล่ออก น้อยๆถ้าจำได้แม่นก็จะ ช่วยอ่านพระพิมพ์ใหญ่ได้ขาด
    5.พระพิมพ์นี้ส่วนใหญ่ ข้างซอกอกด้านซ้ายองค์พระจะเป็นมุมคมคล้ายเป็นรอยขอบสังฆาฏิ
    6.ตรงข้อศอกด้านซ้ายองค์พระจะมีเส้นชายจีวรพาดลงมาที่ตัก
    7.ดูดีๆตรงนี้เป็นทีเด็ดที่มีในของแท้เท่านั้น พระบาทซ้ายองค์พระจะช้อนอยู่เหนือพระบาทขวา โดยจะเห็นยื่นออกมาน้อยๆ
    8.ฐานชั้นบนสุด ซีกปลายด้านซ้ายมือเราจะมน แต่ปลายด้านขวาจะแหลม
    9.ฐานชั้นกลาง เป็นฐานขาสิงห์ชัดเจน ขอบขาสิงห์จะคม แล้วม้วนตัวขึ้นเป็นสโลป ตรงนี้จำให้แม่น เพราะพบในของแท้เท่านั้น
    10. ทีเด็ดอีกจุด พบในพระส่วนใหญ่ ตรงกลางฐานชั้นล่างสุด จะเป็นร่องเบาๆตามแนวยาว
    11. ทีเด็ดแถมอีกจุด พระพิมพ์ใหญ่วัดระฆังแปลกอยู่อย่าง ส่วนใหญ่ก็ว่าได้ ตรงกลางเส้นซุ้มหวายด้านซ้ายมือเราไม่ตรงเสียเลยทีเดียว แต่จะโปนออกเล็กน้อย
     
  15. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    image002.jpg

    " ทีเด็ด " พิมพ์ทรง สมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่
    ตำหนิเอกลักษณ์
    1.พระเกศจะเป็นสโลปลาดลงแล้วชอนขึ้นที่ปลาย
    2.พระกว่าครึ่งคางจะแหลม นั่นคือส่วนพระศอที่ติดเลือนๆ
    3.พระพิมพ์ติดเต็มๆ มักเห็นเส้นจีวรจะพาดผ่านข้อศอก
    4.พระราว 60-70% เส้นซุ้มครอบแก้วซีกซ้ายมือเรา มักโปนออกน้อยๆ
    5.สังเกตดีๆ พระบาทซ้ายจะซ้อนพระบาทขวา ยังผลให้เห็นปลายเข่าขวาองค์พระเฉียงขึ้น
    6.ฐานชั้นกลางเป็นฐานขาสิงห์
    7.พระราว 10-20% จะตัดขอบไม่ชิด บางองค์เห็นเป็นขอบกระจก

    " ทีเด็ด " ผิวพระ สมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่
    ตำหนิเอกลักษณ์
    1ข. พระสมเด็จวัดระฆังโดยมากเป็นพระล้างผิว คราบรักจึงยังคงหลงเหลือไม่จุดใดก็จุดหนึ่ง
    2ข. พระผิวเดิมๆบางองค์ลงรักอย่างเดียว แต่บางองค์ลงรักและปิดทอง รักทอง เป็นอย่างพระบูชารัตนฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2012
  16. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    image001.jpg

    พระองค์นี้ไม่ธรรมดา สมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่อกวี
    ตำหนิเอกลักษณ์
    1.พระเกศค่อนข้างเขื่อง
    2.พระพักตร์เกือบกลม พระกรรณขวามักติดรำไรเห็นเป็นลำโค้ง จรดบ่า
    3.มีลำพระศอ
    4.พระอุระเป็นแบบอกวี
    5.ยอดซอกแขนซ้ายองค์พระจะสูงกว่ายอดซอกแขนขวา
    6.รอยจีวรที่พาดจากแขนลงมาที่เข่า
    7.เข่าแม้จะสึกเลือน แต่ยังเห็นร่องรอยการทับซ้อน ของเข่าซ้ายเหนือเข่าขวา
    8.โปรดสังเกตเส้นแซมใต้หน้าตัก
    9.ฐานชั้นกลางเป็นฐานขาสิงห์ ขอบบนจะนูนและพับเข้า
     
  17. dollyta

    dollyta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    808
    ค่าพลัง:
    +297
    ของดี หลวงปู่นาค-หลวงปู่หิน หมาฟัดไม่เข้า
     
  18. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    ขอบคุณที่มา post ในกระทู้นี้..ครับ
     
  19. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    image004.jpg image005.jpg

    พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่อกทรงกระบอก
    ตำหนิเอกลักษณ์
    1.รูปทรงพระค่อนข้างต้อ เส้นหวายกว้างโปร่ง
    2.พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเกศโคนหนาสอบเรียวขึ้นคล้ายขั้วฟักทอง
    3.มีลำพระศอเบาๆ
    4.พระอังสาซ้ายองค์พระ จะยกสูงกว่าด้านตรงข้ามเล็กน้อย
    5.วงแขนจะโย้ไปทางซ้ายมือเรา
    6.ลำพระองค์มีรูปค่อนไปทางทรงกระบอก
    7.ในองค์สึกเลือน ฐานชั้นกลางยังเห็นเป็นฐานขาสิงห์แผ่วๆ
    8.พระพิมพ์นี้ถ้าพิมพ์ติดดีพอควร จะมีเส้นแซมระหว่างเข่ากับฐานชั้นแรก
    ด้านข้าง
    พระองค์นี้มีเนื้อหยาบแบบกระยาสาตร ขอบข้างพระจะเห็นรอยอ้ารานกว้างใหญ่ อย่างขนมตุ่บตั่บ หรือกระยาสาตร
     
  20. huyakorn

    huyakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +369
    image006.jpg

    พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ อกวีทรงชลูด
    ตำหนิเอกลักษณ์
    1.แนวองค์พระจะเอียง ทำมุมกับแนวดิ่ง ไปทางซ้ายมือราว 10 องศา
    2.พระเกศยาวโค้ง อ่อนช้อยน้อยๆ จรดซุ้มครอบแก้ว
    3.พระพักตร์เป็นทรงรี สอบเข้าหาคาง
    4.พระอุระค่อยๆ สอบเข้าหาพระอุทร เป็นรูป ตัว "V"
    5.แขนทั้งสองข้าง จะโค้งแผ่วๆ ทำให้ดูไม่แข็งกระด้าง
    6.มีเส้นชายจีวรพาดผ่าน ข้อศอกซ้ายองค์ พระลงมาที่ตัก
    7.ส่วนแข้ง ถ้าไม่สึกมาก จะเห็นแข้งซ้ายองค์พระ นูนแผ่วๆคล้ายทับเข่าขวา
    8.ฐานชั้นกลางเป็นฐานขาสิงห์ ปลายสองข้างจะแหลม และถ้าไม่สึกมาก จะเห็นเส้นขอบขาสิงห์เป็นสัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...