ตามล่าหา "ตัวเอง" จะทราบได้อย่างไรว่าใครแบ่งมาจากจิตต้นเดียวกัน?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 7 มีนาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    พระพุทธศาสนายุคพระสมณโคดม
    มุ่งเน้นการเบิกบานดุจ ดอกบัวบาน
    ก็พอ ใบไม้กำมือเดียวก็พอ จบ ...


    แต่ในยุคพระศรีอาร์ฯ เป็นยุครากบัว
    คือ ค้นหาถึงรากถึงฐานที่มาของจิต
    ตนเอง ว่าแบ่งมาจากต้นมโนธาตุใด
    จากต้นธาตุ ต้นธรรม ต้นมโนธาตุใด
    นั่นเอง


    วันนี้ เรามาฝึกค้นหา "ตัวตน" ของ
    เราเอง จะได้เข้าใจตัวเองและกรรม
    ที่ตนเองได้รับมากขึ้นนะครับ ...
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    จิตทุกดวงแบ่งภาคมาจาก "พุทธะ" ทั้งสิ้น แล้วกลับสู่พุทธะดังเดิม


    พระยูไล หรือ พุทธะบนสุขาวดี แบ่งภาคออกมาเป็น "พระโพธิสัตว์" และ
    จากพระโพธิสัตว์นั้นแบ่งภาคต่อไปเป็นสัตว์ระดับล่างลงไป เช่น เทพอสูร
    เมื่อถึงระดับเทพอสูรแล้ว จะแบ่งภาคต่อไม่ได้ ไม่มีพลัง, บารมี, ฤทธิ์มาก
    พอที่จะแบ่งได้ สำหรับพระโพธิสัตว์บารมีมาก บางองค์แบ่งภาคออกได้เป็น
    พระโพธิสัตว์อีกองค์ ก็มี ซึ่งพระโพธิสัตว์ที่แบ่งาใหม่ๆ นี้ ต้องลงไปเกิดเพื่อ
    สั่งสมบุญบารมีก่อน จึงจะแบ่งภาคได้อีก (แบ่งใหม่ๆ เทียบบุญได้สวรรคชั้น
    ดุสิต ยังไม่ได้สุขาวดี จึงแบ่งภาคยังไม่ได้) พระโพธิสัตว์บางองค์แบ่งภาค
    ออกมาได้เป็น "จิตวิญญาณในพรหมโลก เช่น พระอิศวร" ก็มี ซึ่งกรณีที่ได้
    เหนือกว่าเทพขึ้นไปนั้น นับว่าแบ่งมาจากพระโพธิสัตว์บารมีมาก แก่กล้าแล้ว
    ทั้งสิ้น เพราะปกติ พระโพธิสัตว์ทั่วไป จะแบ่งภาคออกมาเป็นเทพอสูร หรือ
    เทพนักษัตร (แล้วมาเกิดเป็นสัตว์พาหนะให้ผู้มีบุญ เพื่อสะสมบารมีก่อนชาติ
    หนึ่ง ก็ได้) ดังนั้น หลักของพระพุทธศาสนายุคพระศรีอาร์ฯ จึงเป็นการกลับ
    ไปสู่ "พุทธะ" หรือ "จิตเดิมแท้" ต้นธาตุ ต้นธรรม ต้นมโนธาตุดั้งเดิมนั้นเอง
    แต่สำหรับพระพุทธศาสนายุคพระสมณโคดมนั้น เอาเพียงเบิกบานหลุดพ้นก็
    พอ รู้แค่ใบไม้กำมือเดียวเข้านิพพานไปเลย ก็พอ ไม่ต้องถึงกับตรัสรู้เองเป็น
    พุทธะก็ได้ (อันนี้คือข้อแตกต่างของสองยุค) ดังนั้น จึงก่อเกิดนิกาย "วัชระ
    ตันตระ" ขึ้น มุ่งเน้นการกลับสู่พุทธะ จิตเดิมแท้ ในขณะที่เถรวาทดั้งเดิม เขา
    จะไม่ยอมพูดหรือเล่าเรื่องเหล่านี้เลย เพื่อไม่ให้จิตเกิดกิเลสอยากรู้เกินกำลัง
    ถ้าบารมีไม่พอ ก็จะไม่ยอมเข้านิพพาน จะเวียนวายตายเกิดต่อไปอีก ดังนั้นที่
    เถรวาททำอยู่จึงมัก "ปกปิด" เรื่องราวต่างๆ เช่น เรื่องสุขาวดี, เรื่องพระพุทธ
    เจ้าในโลกธาตุอื่น (พระยูไล), เรื่องจิตพุทธะ ฯลฯ เพื่อให้ผู้มีบุญบารมีน้อยไม่
    เกิดกิเลสอยากได้บารมี อยากรู้เกินกำลัง และจบง่ายๆ นิพพานง่ายๆ ด้วยใบไม้
    กำมือเดียว นั่นเอง (เช่น เทวดาชั้นที่สอง ก็บรรลุอรหันต์ เข้านิพพานได้ง่ายๆ
    โดยไม่ต้องบำเพ็ญบารมีมากถึงพุทธะ ก็ได้ นี่คือข้อดีของยุคนี้คือ "ได้ง่ายๆ")
     
  3. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ก่อนสืบสาวไปถึงจิตพุทธะ จำต้องสาวกลับไปถึง "มหาโพธิสัตว์" ก่อน


    ก่อนที่แต่ละท่านจะสืบสาวตัวเองว่ากำเนิดมาจากจิตต้นธาตุ ต้นธรรมใด จำจะ
    ต้องกลับไปสู่ "มหาโพธิสัตว์" ให้ได้ก่อน อนึ่ง พระมหาโพธิสัตว์เหล่านี้ จะเป็น
    "ตัวตนภาคสว่าง เป็น ชีวิตนิรันด์" บนสุขาวดี ที่ส่องสว่างลงมานำทางจิตของ
    เราที่กระจัดกระจายเวียนว่ายอยู่ในสามภพนั้น เช่น คนบางคนที่แบ่งภาคมาจาก
    พระมหาโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตตรัย ก็จะได้รับพลังภาคสว่างจากท่าน ส่องลงมา
    ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นท่าน (ทั้งๆ ที่จิตวิญญาณอาจยังตกต่ำเป็นเทพอสูร
    อยู่ ก็มี ทำให้คนหมั่นไส้ไม่ยอมรับ ก็มี) ทั้งนี้ แม้แต่พระศรีอาริยเมตตรัยเอง ก็
    ต้องการเรียนรู้ธรรมของพระมหาโพธิสัตว์องค์อื่นๆ ด้วย ดังนั้น ในหลายๆ ชาติ
    ท่านจึงเกิดไปบำเพ็ญบารมี "ตามรอยทางผู้อื่น" เมื่อจิตวิญญาณภาคแบ่งชั้นต่ำ
    ได้ดับสลายลง จะได้รับ "พระวิญญาณบริสุทธิ์" หรือ "ขันธ์" (วิญญาณขันธ์) ที่
    มาจาก "พระมหาโพธิสัตว์องค์อื่น" ที่ตนนับถือศรัทธาและเดินตามรอยอยู่ก่อเกิด
    เป็นพระมหาโพธิสัตว์องค์นั้นๆ ก็มีได้ เช่น พระศรีอาร์ฯ อาจแบ่งภาคไปเดินตาม
    รอยบารมีของพระกษิติครรภ์ก็ได้ เช่น พระถังซัมจั๋ง ก็เป็นภาคแบ่งหนึ่งของท่าน
    (มโนธาตุแบ่งมาจากพระศรีอาร์ฯ แต่พระวิญญาณขันธ์ได้รับจากพระกษิติครรภ์)
    เช่นเดียวกับ ท่านอิกคิวซัง, หมอโฮจุน ฯลฯ ล้วนเป็นจิตภาคแบ่งของพระศรีอาร์ฯ
    ที่ลงไปบำเพ็ญตามรอยของพระกษิติครรภ์ทั้งสิ้น จุดนี้เอง ทำให้จิตวิญญาณหลง
    ทาง ไม่รู้ตัวตนที่แท้ของตนเองได้ จนเมื่อบำเพ็ญบารมีได้ครบ เรียนจบหมดเรื่อง
    ของพระกษิติครรภ์แล้ว ท่านจะบรรลุพุทธะ จึงจะระลึกได้ว่าตนเอง มาจากจิตผู้ใด
    แล้วแบ่งภาคอีกที เพื่อเดินตามรอยพระมหาโพธิสัตว์องค์อื่น เพื่อเรียนรู้ธรรมของ
    พระมหาโพธิสัตว์องค์อื่นๆ ต่อ เช่น ธรรมของพระมหาโพธิสัตว์สมันตภัทร เป็นต้น
    (ทั้งๆ ที่จิตต้นธาตุต้นธรรมมาจากพระศรีอาร์ฯ นั่นเอง) อนึ่ง จิตภาคแบ่งแต่ละดวง
    จะมีวิถีการบำเพ็ญบารมีที่แตกต่างกัน เช่น บางดวงไปเดินตามรอยพระมัญชุศรี แต่
    บางดวงไปเดินตามรอยพระกษิติครรภ์, บางดวงไปเดินตามรอยพระสมันตภัทร ก็มี
    เมื่อถึงจุดหนึ่ง จะบรลุพุทธะ จบการบำเพ็ญธรรมตามรอยของมหาโพธิสัตว์องค์นั้น
    แล้ว ก็จะหา "ธรรมต้นแบบใหม่" ช่วงนี้เอง จะได้พบกับ "ภาคแบ่งของตัวเอง" ที่มี
    ธรรมนั้นๆ อยู่ เช่น เมื่อบำเพ็ญธรรมของพระมัญชุศรี จบแล้ว จะได้รับธรรมของพระ
    กษิติครรภ์ ก็จะได้พบภาคแบ่งของตนเองที่มีธรรมของพระกษิติครรภ์อยู่ เพื่อสืบต่อ
    ธรรมให้แก่กัน ช่วงนี้ จะเกิดการ "คัดสรร" ก่อน ว่าตัวตนตัวใดจะเดินทางใด จะต้อง
    เกิดการแข่งขันกันบ้าง เช่น พบพระกษิติครรภ์ ก็แข่งเมตตากันว่าใครมากกว่า, พบ
    พระสมันตภัทร ก็แข่งอภิญญากันว่าใครเหนือกว่า, พบพระมัญชุศรี ก็แข่งปัญญากัน
    คนที่แพ้ จะต้องอยู่ตำแหน่งเดิมต่อไป ไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ คนที่ชนะจะก้าวข้ามผ่าน
    ไปเพื่อเรียนรู้สิ่งที่เหนือกว่าขึ้นไป ซึ่งจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด (เพราะแบ่งเยอะ)
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ศาสนา พุทธ มี จิต 1

    ไม่มีแบ่งอะไรทั้งนั้น

    ถ้า แบ่งได้ แสดงว่า ไม่ใช่ ศาสนา พุทธ
     
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    คนเราทุกคน "แข่งกับตัวเอง" ทั้งนั้น เมื่อบำเพ็ญถึงจุดหนึ่งท่านจะได้พบ


    ธรรมชาติจะไม่สร้างอะไรให้มีเพียง "หนึ่งเดียว" นอกจากพระพุทธเจ้าในยุคที่ควร
    นอกจากนั้น จะมี "คู่ตรงข้าม คอยคุมดุลยภาพ" เสมอ ดังนั้น เมื่อท่านบำเพ็ญเป็น
    โพธิสัตว์อยู่ จะมีภาคแบ่งของท่านเอง ที่กระทำบารมีเช่นกัน เหมือนกัน จนเมื่อถึง
    "วาระเหมาะสม" ธรรมชาติจะจัดสรรให้ได้พบกัน และแข่งขันกัน เพื่อคัดสรรให้ได้
    เพียง "หนึ่ง" เท่านั้น จากนั้น ท่านก็จะบำเพ็ญบารมีต่อไป จนได้พบกับภาคแบ่งอื่น
    ของท่านอีก ถ้าท่านผ่านด่านของตัวเอง, โจทย์ของตัวเองได้ ท่านก็จะได้รับโจทย์
    ใหม่ไปเรื่อยๆ ได้พบ "ตัวตนภาคแบ่ง" ของท่านตัวอื่นๆ อีกเรื่อยๆ และถ้าท่านผ่าน
    ด่านได้ ท่านจะทราบว่า "ภาคแบ่งของท่านไม่ผ่านเพราะอะไร?" เช่น บางภาคของ
    ท่านไม่ผ่านเพราะยอมรับตำแหน่งจากคนอื่น ทำให้ต้องเป็นบริวารเขาไม่อาจจะเป็น
    "ตัวของตัวเอง" ไม่อาจทำหน้าที่ได้ตามปณิธานของตนเอง เป็นต้น หรือบางภาคที่
    ท่านพบอาจพลาดเพราะ "ไม่อดทนพอ" ไม่รอเวลาที่เหมาะสม รับบุญเร็วเกินไป ก็มี
    จุดพลาดต่างๆ เหล่านี้ ท่านจะทราบได้ทั้งหมด เมื่อได้พบกับภาคแบ่งของท่านเองที่
    แข่งขันกับท่านจนแพ้แล้ว (แพ้บารมี) คือ บารมีท่านเหนือกว่าเขาแล้ว และท่านก็ได้
    ไปต่อแล้ว ส่วนเขาจะยังคง "ดำรงตำแหน่งมหาโพธิสัตว์" ตามเดิม เพื่อคอยเป็นตัว
    ตนภาคสว่าง คอยส่องนำทาง บอกทางภาคแบ่งอื่นๆ ที่กำลังบำเพ็ญบารมีเดินตามๆ
    กันมาต่อไป ส่วนท่านก็ก้าวต่อไป เพื่อเรียนรู้โจทย์ใหม่ๆ เพื่อการโปรดสัตว์ให้ได้มาก
    ขึ้นไป หลากหลายกลุ่มอย่างไม่มีจำกัด จนกว่าท่านจะหมดแรงบำเพ็ญบารมี ก็เท่านั้น
    ดังนั้น ในโลกนี้จึงไม่มีใครน่าอิจฉาเลยและไม่มีใครที่จะเป็นคู่แข่งที่แท้จริงของเราได้
    เลย นอกจาก "ตัวของเราเอง" เงาของเราเอง ตัวตนตัวอื่นๆ ของเราเอง ทั้งสิ้น อนึ่ง
    ที่กล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะบ้าการแข่งขันหรืออยากชนะก็หาไม่ แต่นี่คือ "สัจธรรมความ
    จริงของการคัดเลือกตามธรรมชาติ" ธรรมชาติจะคัดสรร จนได้ตัวตนที่แท้จริงเพียง 1
    เท่านั้น ตัวตนอื่นๆ จะจัดสรรไว้ในฐานะอื่นซึ่งปกติจะเป็น "มหาโพธิสัตว์" ในท้ายที่สุด
     
  6. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828


    อันนี้ ก็แล้วแต่ใครจะเชื่ออะไรนะครับ
    เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย
     
  7. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    แม้แต่ "ใส้เดือนกิ้งกือ" ก็ล้วนปรารถนาพุทธะกันทั้งนั้น ซึ่งไม่ผิดอะไร?


    เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ แม้แต่ใส้เดือนกิ้งกือเห็น ก็ต่างปราถนา
    จะเป็นเหมือนอย่างท่านกันทั้งนั้น ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร ไม่ใช่ความฝันสูงเกินตัว หรือ
    ทะยานอยากจนไม่ดูตัวเองก็หาไม่ นี่คือ "ธรรมชาติปกติของจิตทุกดวง" ที่ต่างก็
    ปรารถนาจะกลับคืนสู่จิตพุทธะดังเดิมทั้งสิ้น เพราะต่างแบ่งภาคออกมาจากพุทธะ
    เช่นกัน และ "สามารถเป็นไปได้ในชาติหนึ่ง" เพราะการเวียนว่ายตายเกิดของคน
    นั้นมีมากมายเหลือคณานับ ยกตัวอย่างเช่น พระจี้กงให้บอกแก่ พระเจ้าเหลียงบู๊ตี่
    ว่าในอดีตชาตินั้นท่านได้เกิดเป็น "ใส้เดือน" และคอยปลุกพระเณรให้ลุกขึ้นทำวัด
    ตอนเช้า ดังนั้น ผลบุญนี้ท่านจึงได้มาเป็น "ฮ่องเต้" นั่นเอง ดังนั้น แม้แต่พระเจ้า
    เหลียงบู๊ตี่ ก็เคยเกิดเป็นใส้เดือนมาแล้ว เหตุไฉน ใส้เดือนกิ้งกือที่ปรารถนาพุทธะ
    ทั้งหลาย จะพยายามให้สำเร็จเป็นพระพุทธะองค์หนึ่ง ไม่ได้เล่า? เพราะนี่คือ จิต
    เดิมแท้ของทุกดวงจิตนั่นเอง ดังนั้น จึงไม่ยากเกินไปที่จิตจะกลับคืนสู่ภาวะเดิมนี้
    เพราะแม้แต่ "พระกวนอิม" ซึ่งแบ่งภาคมาจากพระอามิตาภะ แบ่งภาคออกมาเป็น
    พระโพธิสัตว์รูปแบบกาย "อวโลกิเตศวร" แล้ว จุติลงมา ก็สำเร็จพุทธะ กลับคืนสู่
    พุทธะได้ดังเดิมเพียง "ชาติเดียว" เท่านั้น (ดังนั้น บางท่านจะเห็นพระกวนอิม ใน
    รูปแบบพุทธะ ก็มี เช่นเดียวกับพุทธะจี้กง เช่นกัน) อนึ่ง ไม่เกี่ยวว่าจะต้องทำบุญที่
    มากเท่าใด หรือเกิดหลายชาติเท่าใด เกี่ยวตรงที่ว่า "บารมีตรงทาง" หรือไม่? ถ้า
    ตรงทาง ชาติเดียวก็บรรลุพุทธะได้ แต่ถ้า "หลงทาง" ยิ่งทำมาก ยิ่งเกิดหลายชาติ
    ก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนไม่รู้ ไม่อาจกลับคืนสู่พุทธะได้ ไม่ใช่ว่าต้องสร้าง
    บุญบารมี "ให้มาก" เลยแต่เพียงแค่ "สร้างบุญบารมีให้ตรงทางพุทธะ" เท่านั้นพอ
     
  8. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,828
    ผู้ที่บำเพ็ญบารมีคล้ายเรา จะมีทั้งพ่อ, แม่, และนางแก้วของเรา


    ไม่ใช่ว่าภาคแบ่งของเราจะบำเพ็ญบารมีเหมือนเราเท่านั้น แม้แต่ผู้ที่มา
    เป็น "พุทธบิดา, พุทธมารดา และนางแก้ว" ก็จะบำเพ็ญบารมีคล้ายเรา
    ควบคู่ไปกับเราด้วย แต่เราจะทราบและแยกแยะได้อย่างไรว่าใครกันเป็น
    ภาคแบ่งของเรา และใครเป็นพ่อ, แม่, ภรรยา ของเราในอนาคต หลัง
    จากบำเพ็ญบุญบารมีร่วมกันแล้วนี้) ก็ไม่ยากเท่าไรครับ คนที่จะมาเป็น
    "พุทธบิดา" นั้น จะยึดติดความเป็นพ่อ และจะสร้างรากฐานให้เรา รอที่
    เราจะมารับช่วงต่อ, "พุทธมารดา" นั้น จะติดความเป็นแม่ ตอนแรกก็ดู
    คล้ายนางแก้วมากแต่ต่างกันตรงที่ว่าถ้าให้เลือกระหว่างสามีและลูกแล้ว
    ก็จะเลือก "ลูกก่อนสามี" ส่วน "นางแก้ว" นั้น จะมาคู่กับเรา ถึงจุดหนึ่ง
    จะไม่เกินหน้าเรา ยอมอยู่เบื้องหลัง เดินตาม เชื่อและหนุนความคิดเรา
    แต่จะสามารถหาวิธีเอาชนะความหลงตัวเองของเรา เตือนสติเราได้ ใน
    ยามที่เรามืดมน เขาจะหาวิธีให้สติเราได้โดยไม่ครอบงำ, สั่งสอน หรือ
    ชี้ใช้เรา นั่นแหละคือ "นางแก้ว" ส่วน "ภาคแบ่งของเรา" จะทำหน้าที่ที่
    เหมือนเรามาก แข่งขันกับเรา หรือชอบอะไรเหมือนเรามาก เรียกว่าแทบ
    จะแทนที่กันได้เลย จนสุดท้าย ก็เกิดการปะทะแข่งขันกัน เพื่อหาผู้ที่เข้ม
    แข็งกว่าเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งเราจะทราบได้เลยว่าคนๆ นี้เป็นคู่แข่งที่เราไม่
    อาจเอาชนะได้ง่ายๆ และเราจะชื่นชมในความสามารถของเขาด้วยเพราะ
    นี่คือ "วิธีเดินตามรอยเงาตัวเอง" ก่อนที่จะ "เดินนำหน้าไป" ในที่สุด ไม่
    ใช่การเดินตามเงาในฐานะผู้ตามตลอดไป แต่จะแซงหน้าและทำสิ่งที่ดียิ่ง
    กว่าขึ้นไปได้ในที่สุด ณ จุดตัดสินนั้นเอง เราจะพบว่าเราได้ใช้บารมีตัวใด
    ที่เอาชนะภาคแบ่งของเราได้ เช่น "จาคะหรือทานบารมี" (สละ) เป็นต้น
     
  9. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    คิดมากไปหรือปล่าวครับ :cool:
     
  10. smerosd

    smerosd สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +21
    ลัทธิอนุตรธรรม อีกละ ถามหน่อยนะ พระศรีอาริย์ยังไม่มาประสูติ รู้ได้ไงว่าพระองค์จะทรงสอนอะไรแบบไหน
    ยุคนี้ชื่อ ยุคภัทรกัปล์ เป็นชื่อเดียวไม่มีแบ่งบัวบาน บัวหุบ รากบัว
     
  11. 19ETA

    19ETA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +12
    เป็นแนวทางของพระมหาโพธิสัตว์เหรอคะ
     
  12. DekNoii

    DekNoii สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +0
    พุทธะ ธรรมมะ
    เมื่อมีเกิด ก็ย่อมมีดับไป เป็นคู่กัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2012
  13. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,756
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ลองไปถามคนชื่อ Light Worker ไม่ก็ รักษก แต่ดูจากในเวปบอร์ดนี้น่าจะมีหลายคนเหมือนกันนะ แต่เท่าที่ๆผมจำได้มี 2 คน ไม่แน่น้าาา อาจจะเจอเศษเสี้ยวที่หายไป

    ไม่งั้นลองไปถามพวก อะมีบา พารามีเซียม ยูกลีนา และแบคทีเรีย ไรพวกนั้นดูซิ เพื่ออาจจะได้เจอบรรพบุรุษรากเหง้าแห่งการวิวัฒนาการ จากแบ่งตัวมาแบ่งจิตขยายพันธ์เองได้อะไรได้ :cool::cool::cool:

     
  14. ต้นมะขาม

    ต้นมะขาม สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +3
    ของแบบนี้มัน "รู้ได้เฉพาะด้วยตนเอง" จะให้เค้าบอกและประกาศด้วยตัวเองเหรอว่า "ข้าคือพระศรีอาริย์" คนที่เป็นของจริง เค้าไม่ทำกันหรอก
     
  15. smerosd

    smerosd สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +21
    ออ อันนี้สาวก
     
  16. iaui

    iaui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +454
    เฮ้ออ อีกกระทู้นึง
     
  17. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +259
    บ้าบอ แอบแฝง มั่วนิ่ม อ้อมค้อม ไปได้เรื่อยๆ

    ดิ้นรนทุรนทุรายอยู่นั่นแหละ

    จะศาสนาอะไร มันก็ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ

    สันดานไม่เคยเปลี่ยน

    ต้องมีสวรรค์วิมาน แบ่งภาค แยกร่าง ชีวิตอมตะ ฟื้นคืนชีพ ดินแดนสวรรค์ ฟังเสียงสวรรค์ ลากพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ไปขึ้นสวรรค์ หวังพึ่งเทพเทวดา กล่าวโทษซาตาน ละเมอหาพระจิต พระบิดา อยู่นั่นแหละ ซ้ำไปซ้ำมา สะเปะสะปะ

    ใครถามไปเอามาจากไหนก็หาที่มาไม่ได้ สรุปคือ นั่งเดาละเมอตด อวดเก่งอยากเสี้ยมสอนล้างสมองชาวบ้าน นึกเอาเองเข้าข้างตัวทั้งนั้น

    มันไม่ใช่ศาสนาพุทธแน่นอน ที่สอนให้พึ่งตัวเอง หาทางได้ด้วยตัวเอง ในชาตินี้กายเนื้อธรรมดานี้ ไม่ต้องไปเพ้ิอหาเทพเจ้า ซาตานที่ไหน
    พระพุทธเจ้ายังปฏิบัติด้วยตัวเอง หาทางด้วยตัวเอง ไม่ยักเห็นมีเทวดาที่ไหนลงมาช่วย แล้วก็เกิดแก่เจ็บตายในร่างกายมนุษย์นี่แหละ ไม่เห็นเป็นอมตะอะไร

    อยากจะเป็นผู้รู้ เป็นคุรุ ผู้สั่งสอนใคร อยากจะอวดว่าข่าเก่งข้ารู้ทุกอย่าง กล้าชี้นิ้วตัดสินนรกสวรรค์ กระทั่งศาสนา .. ถุยย



    (||)(||)(||)(||)(||)
     
  18. Ms,13

    Ms,13 บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    :cool:
    (||)(||)(||)(||)(||):cool:
    (||)(||)(||)(||)(||):cool:
    (||)(||)(||)(||)(||):cool:
    (||)(||)(||)(||)(||):cool:
    (||)(||)(||)(||)(||)
     
  19. payamarn

    payamarn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เตรียมแต่งหนังสือขาย เหรอครับ

    สู้ ๆ ครับ
     
  20. MAXARIT

    MAXARIT สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +4
    อ่านแล้ว คิดตาม ก็พอที่จะเข้าใจ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...