ปรัชญาแห่งพุทธศาสนาฝ่ายเหนือ (มหายาน-วัชรยาน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เทพธรรมบาล, 14 มกราคม 2012.

  1. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    โยคินีทั้ง ๒๘ ตนที่กล่าวมานี้จะอุบัติขึ้นเองจากการแปรเปลี่ยนของรูปทรงที่ดำรงอยู่เดิมแห่งเทพเฮรุกาผู้ดุร้าย ด้วยเหตุนี้จึงควรจดจำพวกเขาให้ได้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ธรรมกายภาวะจักปรากฏตนในรูปของเทพสันติอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งสุญตาภาวะ จงจดจำพวกเขาให้ได้ ส่วนสัมโภคกายภาวะจักปรากฏตนในรูปของเทพพิโรธอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งแสงสุกใส ในยามนี้ เมื่อเทพกระหายเลือดห้าสิบแปดองค์ อุบัติจากภายในกระหม่อมท่านและปรากฏตนอยู่เบื้องหน้าท่าน ท่านย่อมตระหนักได้ว่านิมิตมายาที่ปรากฏขึ้นจากล้วนอุบัติจากประภารัศมี ภายในตน และท่านย่อมแปรเปลี่ยนเป็นพุทธะผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่แบ่งแยกจากเทพกระหายเลือด

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถ้าท่านไม่อาจทำการระลึกถึงได้ในยามนี้ ท่านจะเกิดความหวาดกลัวและหลบหนีจากไป และได้รับความทุกข์ ทรมาณมากขึ้น หากท่านไม่อาจทำการระลึกถึงคำสอนได้ ท่านจะแลเห็นเหล่าเทพกระหายเลือดนี้ว่าเป็นยมราช ท่านจะรู้สึกหวาดกลัว พวกเขา ท่านจะรู้สึกหวาดหวั่นและพรั่นพรึงและถึงสลบไสลไป นิมิตมายาของท่านจะกลายเป็นบรรดาภูติผี และท่านจะวนเวียนอยู่ใน สังสารวัฏ แต่หากท่านหลุดพ้นจากความผูกพันหรือความหวาดกลัว ท่านย่อมไม่ต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ร่างกายอันใหญ่โตของเทพสักดิ์สิทธิ์และพิโรธนั้นมีขนาดเปรียบดังท้องฟ้าอันไพศาล ขนาดปานกลางก็เปรียบ เท่าเขาพระสุเมรุ และขนาดเล็กก็ปานเท่าโครงกระดูกของมนุษย์เราต่อกันสิบแปดเท่า ถึงกระนั้นก็ไม่ควรหวาดกลัวและไหวหวั่น ปรากฏการณ์ทั้งหลายล้วนเป็นเพียงประกายวูบวาบไม่จีรังและนิมิตมายาเท่านั้น โดยการระลึกได้ว่านิมิตเหล่านี้เป็นประภารัศมีตามธรรมชาติ แห่งจิตของท่านเอง ด้วยเหตุนี้รัศมีจากตัวท่านจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับแสงวูบวาบและจินตภาพดังกล่าว และตัวท่านจะกลายเป็น ผู้ตรัสรู้ยิ่ง ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ไม่ว่าท่านจะแลเห็นสิ่งใด ไม่ว่ามันจะน่ากลัวสักเพียงใดจงจำไว้ว่ามันเป็นนิมิตจากดวงจิตของท่านเอง ถ้าท่านจดจำมันได้ ท่านย่อมกลายร่างเป็นพุทธะผู้ศักดิ์สิทธิ์โดยพลัน ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งที่เรียกว่าการตรัสรู้โดยฉับพลัน ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งที่เรียกว่าการตรัสรู้โดยฉับพลันอันเปี่ยมล้นจะบังเกิด ณ จุดนี้ จงจำคำสอนนี้ให้ดี

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถ้าท่านยังไม่อาจจดจำความในคำสอนได้และยังคงหวาดกลัวอยู่ เทพสันติทั้งหลายจะปรากฏตนในรูปมหากาละ ส่วนเทพพิโรธจะปรากฏในรูปของราชันย์ ธรรมะ-ยมราช และท่านจะวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏที่ห้อมล้อมด้วยนิมิตของท่านที่แปรเปลี่ยนเป็น ฝูงปิศาจ

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถ้าท่านยังไม่สามารถจดจำนิมิตจากใจท่านได้แม้ว่าท่านจะได้ปฏิบัติธรรมมานานแล้วนับชั่วกัปกัลป์ และแม้ท่าน จะได้ทำการเล่าเรียนพระสูตรและตันตระมาเป็นเวลานาน ท่านก็ไม่อาจเข้าสู่การตรัสรู้ธรรมได้ แต่หากท่านสามารถจดจำนิมิตจากใจท่านได้ โดยอาศัยเคล็ดลับเพียงประการเดียวและถ้อยคำเพียงคำเดียว เพียงคำเดียวท่านย่อมกลายเป็นองค์พุทธะผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้


    " หากท่านไม่อาจจดจำนิมิตจากใจท่านได้ พวกเขาย่อมปรากฏตนในรูปของราชะธรรมะ - ท้าวยมราช ภายในบาร์โดแห่งธรรมดาชั่วฉับพลัน ที่ท่านตายลง ร่างกายอันมโหฬารแห่งยมราชจะโป่งพองคับท้องฟ้า ร่างขนาดกลางของเขานั้นปานเท่าพระสุเมรุ จะท่วมท้นจักรวาล เขี้ยวขบอยู่ที่ริมฝีปากด้านล่าง ดวงตาแวววาวดุจกระจกเงา ผมบนศีรษะม้วนมุ่นอยู่เหนือศีรษะ มีเอวอันกว้างใหญ่และคอเรียวบาง ถือบันทึกผลกรรมไว้ในมือ กู่ก้องให้สังหารและลงทัณฑ์ พวกเขาจะฉีกศีรษะออกจากกาย เลียลิ้มเศษสมอง ดึงลากอวัยวะภายในออกมา อาศัยวิธีนี้ พวกเขาย่อมจะครอบคลุมพื้นที่ทั่วจักรวาล


    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เมื่อนิมิตดังกล่าวนี้ปรากฏขึ้น จงอย่าหวาดกลัวเป็นอันขาด บัดนี้ท่านได้ครอบครองกายทิพย์อันเกิด จากวิบากกรรม ไม่ว่าท่านจะถูกสังหารและตัดออกเป็นชิ้น ๆ ท่านก็จักไม่มีวันตาย จริงแล้วตัวท่านเองเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ของสุญตาภาวะ ดังนั้นจึงหามีอะไรให้ต้องหวาดเกรงไม่ ยมราชนั้นอุบัติจากจิตอันทรงประภารัศมี พวกเขาไม่มีแก่นสารอันแน่นอน สุญตาภาวะย่อมไม่อาจถูกทำลายโดยสุญตาภาวะได้ จงเชื่อมั่นเถิดว่า บรรดาเทพสันติและเทพพิโรธ เหล่าเฮรุกาผู้กระหายเลือด เทพศีรษะเป็นสัตว์ รัศมีสีรุ้ง รูปกายอันน่าหวาดกลัวของยมราช ล้วนไม่มีแก่นสารแน่นอน พวกเขาเกิดขึ้นโดยการละเล่นแห่งใจโดยฉับพลัน ถ้าท่านทำความเข้าใจในสิ่งนี้ได้ ความกลัวทั้งหลายจะถูกขจัดสิ้นไปและท่านจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวและกลายเป็นผู้ตรัสรู้ยิ่ง ถ้าท่านทำ การตระหนักเช่นนี้ได้ พวกเขาคือองค์ยิดัมของท่านนั้นเอง


    " จงทำความเข้าใจดังนี้ว่า พวกเขาได้มาทำการเชื้อเชิญฉันภายในหนทางอันตรายแห่งบาร์โด ฉันขอถือพวกเขาเป็นสรณะ จงระลึกถึง พระรัตนตรัย จงจดจำองค์ยิดัมของท่านให้ได้ และเรียกชื่อพวกเขาพร้อมทั้งอ้อนวอนพระรัตนตรัยด้วยคำต่อไปนี้ " ข้า ฯ ได้วนเวียนอยู่ใน สังสารวัฏเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว โปรดเป็นผู้กูภัยชีวิตข้า ฯ โดยอาศัยความกรุณาของท่าน โปรดนำข้า ฯ ไปด้วยเทอญ " จงวอนขอ เทพกระหายเลือดเหล่านี้ ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า และท่องบทสวดเพื่อปลุกเร้าแรงบันดาลใจ



    เป็นเพราะอำนาจใฝ่ต่ำอันแรงกล้า ข้า ฯ จึงร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏ
    ในแสงสุกใสแห่งการละทิ้งความหวาดกลัวทั้งปวง

    ขอให้องค์ภควา ทั้งสันติและพิโรธจงปรากฏอยู่เบื้องหน้า
    เทพธิดาผู้โหดเหี้ยม ราชินีแห่งอากาศธาตุจงปรากฏอยู่เบื้องหลัง
    นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
    และนำข้า ฯ เข้าสู่ภาวะพุทธะอันสมบูรณ์
    เมื่อต้องจากลาบรรดามิตรสหายที่รัก ข้า ฯ จึงร่อนเร่อยู่อย่างเดียวดาย
    รูปทรงอันไร้แก่นสารของข้า ฯ ได้ปรากฏขึ้น
    ขอให้ข้า ฯ จดจำตนเองได้อย่างไม่พรั่นพรึง
    เมื่อรูปทรงแห่งเทพสันติและเทพพิโรธปรากฏขึ้น
    ขอให้ข้า ฯ ระลึกได้ในทันทีอย่างเชื่อมั่นและไม่หวาดหวั่น
    เมื่อข้า ฯ ต้องเผชิญกับผลแห่งวิบากกรรม
    ขอให้องค์ยิดัมได้โปรดชะล้างความเจ็บปวดนานาแก่ข้า ฯ ด้วย
    เมื่อแสงแห่งธรรมดาได้กัมปนาท ก้องดุจอสนีบาต
    ขอให้เป็นดุจเสียงสาธยายมนต์แห่งอักขระทั้งห้า
    เมื่อข้า ฯ ต้องตามติดในผลกรรม โดยปราศจากการเกื้อกูลใด ๆ
    ขอให้องค์พระอวโลกิเตศวรเจ้าผู้เปี่ยมกรุณาช่วยข้า ฯ ด้วยเทอญ
    เมื่อข้า ฯ ได้รับการทรมาณทรกรรมจากความรู้สึกใฝ่ต่ำ
    ขอให้สมาธิอันสว่างไสวและแจ่มกระจ่างปรากฏขึ้น
    ขอให้องค์ประกอบทั้งห้า ( ขันธ์ 5 ) ไม่อุบัติเป็นปรปักษ์
    ขอให้ข้า ฯ ได้ประสบกับภูมิแห่งปัญจพุทธองค์ด้วยเทอญ


    " จงท่องคำสวดเพื่อปลุกเร้าแรงบันดาลใจนี้อย่างจริงจัง ความกลัวทั้งหลายจะสูญหายไป และท่านจะเป็นพุทธะผู้บริสุทธิ์ในสัมโภคกายภาวะ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องจดจำข้อความให้ได้ จงอย่าหวั่นไหวเป็นอันขาด "

    ถ้อยคำต่อไปนี้จะต้องได้รับการกล่าวทวน สามถึงเจ็ดครั้งไม่ว่าผู้ตายจะมีความชั่วร้ายสักเพียงใดหลงเหลืออยู่ ก็สามารถปลดเปลื้องลงเสียได้ แต่ถึงจะกระทำให้แก่เขาเพียงใด หากเขาไม่อาจระลึกได้ พวกเขาก็จะวนเวียนอยู่ในบาร์โดลำดับสาม อันได้แก่ บาร์โดแห่งการเกิด ดังนั้น การชี้แนะจึงควรกระทำต่อไปนี้

    มีผู้คนมากมาย ที่ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านการฝึกฝนมามากหรือน้อยก็ตามในสมาธิจิต ก็ยังสับสนด้วยความหวาดกลัวในบาร์โดชั่วขณะก่อนตาย ดังนั้นนอกจากอาศัยคัมภีร์ " วิมุตติโดยการสดับฟัง " แล้ว ก็ไม่มีทางช่วยอื่นใดอีก สำหรับบุคคลที่ได้ผ่านการฝึกฝนสมาธิภาวนามาช้านาน บาร์โดแห่งธรรมดาจะอุบัติขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อจิตและกายของเขาแยกขาดออกจากกัน บุคคลที่สามารถจดจำดวงจิตของตนได้ และเคย พบพานนิมิตดังกล่าวในยามมีชีวิตอยู่จะมีกำลังมากเมื่อแสงกระจ่างได้ปรากฏขึ้นในบาร์โดชั่วขณะก่อนตาย ดังนั้นการฝึกฝนในระหว่างมีชีวิตอยู่จึงสำคัญมาก ส่วนบุคคลที่ในขณะมีชีวิตอยู่ได้ทำสมาธิภาวนาโดยใช้บริกรรมนิมิตและมีการฝึกฝนอันสมบูรณ์พร้อมแห่งตันตระ จะเข้มแข็งมากเมื่อเทพสันติและเทพพิโรธอุบัติขึ้นในระหว่างบาร์โดแห่งธรรมดา ดังนั้นจึงเป็นการสำคัญมากที่จะต้องฝึกฝนจิตโดยอาศัย คัมภีร์ " วิมุตติโดยการสดับฟังในบาร์โด " โดยเฉพาะในยามมีชีวิตอยู่

    เนื้อหาคัมภีร์เล่มนี้ทุกคนควรทำความเข้าใจ ควรสอนอย่างครบถ้วน ควรอ่านดัง ๆ ควรจดจำอย่างถูกต้อง ควรฝึกฝนวันละสามครั้ง ไม่ย่อหย่อน ความหมายของถ้อยคำในคัมภีร์จะต้องกระจ่างในดวงจิต ไม่ควรลืมเลือนความหมายและถ้อยคำ แม้จะปรากฏมือสังหาร ฤาฆาตกรนับร้อยนับพันไล่ล่าก็ตามที เพราะชื่อคัมภีร์อันได้แก่ " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง " นั้นมีความสำคัญนัก แม้บุคคลที่ได้ประกอบ อนันตริยกรรมทั้งห้าประการ ก็ย่อมจะได้รับการปลดปล่อยสู่วิมุตติสุข แม้ได้สดับเข้า ดังนั้นจึงควรจะได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ในสาธุชนผู้ใคร่ธรรม และเผยแพร่ไปในทุกแห่งหน

    แม้เพียงได้ยินถ้อยความในคัมภีร์เล่มนี้สักคราหนึ่ง และอาจจะไม่ทำความเข้าใจมันได้แจ่มชัดนัก แต่เนื่องจากในสภาวะแห่งบาร์โดจิตจะกระจ่างสดใสกว่าเดิมถึงเก้าเท่า ดังนั้นจึงย่อมจดจำมันได้โดยไม่ตกหล่นหลงลืม ด้วยเหตุนี้จึงควรทำการสอนสั่งด้วยคัมภีร์นี้ตลอดชั่วชีวิต และควรจะอ่านข้างเตียงของผู้ป่วย และควรอ่านข้างหูศพผู้ตาย ควรเผยแพร่ให้ทุกทิศทางและทั่วถึง

    การได้ประสบพบเห็นคัมภีร์เล่มนี้ถือว่าเป็นโชคอันล้ำเลิศเป็นการยากที่จะได้ประสบพบเห็นคัมภีร์เล่มนี้ เว้นแต่ผู้ที่ได้ขจัดผลกรรมชั่วและได้สั่งสมคุณงามความดีมาเนิ่นนาน หากมีใครได้สดับฟังข้อความ เขาผู้นั้นย่อมได้รับการปลดปล่อย แม้เขาจะไร้ซึ่งศรัทธาก็ตามที ดังนั้น คัมภีร์นี้จึงควรได้รับการเทิดทูนเป็นอย่างดี เพราะเป็นคัมภีร์ที่ดึงเอาแก่นสารแห่งพระธรรมทั้งปวงมารวมกัน
    ท่อนสุดท้ายแห่งการชี้แนะถึงบาร์โดแห่งธรรมดา มีนามว่า

    " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง " คำสอนในบาร์โดภาวะ
    เพื่อการปลดปล่อยสู่วิมุตติสุขโดยการสดับฟังและท่องจำ

    สรรพมงคล
     
  2. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ยังไม่จบนะจ๊ะ นะจ๊ะ ข้าแค่ก็อปปี้ยังเหนื่อยเลย ข้าอยากเห็นหน้ามดเอ็กซ์คนพิมพ์ยิ่งนักแลว่ามันว่างนักรึไง

    อีกอย่างถ้าพวกเอ็งมิเข้าใจก็มิเป็นไรดอก เพราะข้าเองกว่าจักจับเคล็ดได้ก็มึนไปตามๆๆ กัน ใช้เวลานานเป็นเดือนทีเดียวแล
     
  3. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    กันพวกเอ็งเบื่อ ข้าจักเอาพระสูตรมาลง นี่แลคือสุขาวดียูหมหายานสูตรหากพวกเอ็งสงสัยอันใดในตอนใดของพระสูตร ก็พีเอ็มมาถามข้าก็แล้วกัน สำหรับข้าก็มิได้จับใจอันใดกับพระสูตรนี้ดอก เพียงแต่ใคร่แนะนำว่า เอ็งจักอ่านเพียงแค่ตามตัวอักษร และ เชื่อไปตามนั้น เอ็งก็จะได้เพียงแต่ หยดน้ำมิใช่น้ำทั้งแก้ว แก้กระหาย และ ยังจะได้หยดน้ำที่เป็นพิษเพราะหลงไปติดยึดติดในอัตตาว่าพระพุทธองค์หลังดับขันธ์ปรินิพพานไปยังดำรงอยู่เป็นตัวเป็นตนแบบพวกสัทธรรมปฏิรูป อย่างไอ้วัดธรรมกาย ดังนั้นจงมองในมิติภาษาธรรมด้วยเล่าจึ่งจักเข้าใจพระสูตร

    ขอนบน้อมแต่พระสรรเพ็ชญ์เจ้า
    ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเสด็จ สำราญพระอิริยาบถ อยู่ในเขตวนารามของท่านอนาถปิณฑกะ ใกล้กรุงสาวัตถี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ คือภิกษุ 1250 รูป ผู้แตกฉานในอภิญญา เป็นพระเถระมหาสาวกล้วนแต่พระอรหันต์เจ้า เช่น พระศาริบุตรเถระ, พระมหาเมาทคัลยายนะ, พระมหากาศยปะ, พระมหาศุทธิปัถกะ, พระนันทะ, พระอานันทะ, พรารหุละ, พระความปติ, พระภรัทวาชะ, พระกาโลทยิน, พระวักกุละและพระอนิรุทธะ กับพระสาวกอื่นอีกมากหลาย ตลอดจนพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ เป็นอันมาก เช่น พระมัญชุศรีโพธิสัตว์, พระกุมารภูติโพธิสัตว์, พระอชิตโพธิสัตว์, พระคันธหัสดีโพธิสัตว์, พระนิตโยทยุกตโพธิสัตว์และพระอนิกษิปตธุรโพธิสัตว์, กับพระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ อื่นอีกมากมายและ ท้าวศักระจอมเทพ , ท้าวสหัมบดีพรหม กับเทพบุตรอื่นๆเป็นอันมาก นับจำนวนแสนนยุตะ (1นยุต100,000โกฏิ)
    ณ สถานที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะพระศาริบุตรผู้มีอายุว่า ดูก่อนศาริบุตร ในทิศภาคเบื้องตะวันตก นับแต่พุทธเกษตรนี้ไปแสนโกฏิพุทธเกษตร มีโลกธาตุหนึ่ง นามว่า สุขาวดี อันเป็นที่ประทับอยู่แห่งพระอมิตาภะตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ยังทรงพระชนม์และแสดงธรรมอยู่ในกาลบัดนี้ ศาริบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เหตุดังฤาโลกธาตุโลกธาตุนั้นจึงได้นามว่าสุขาวดี ศาริบุตรเอย สัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุนั้น ไม่มีทุกข์กายทุกข์ใจเลย มีแต่เหตุแห่งสุขอันหาประมาณมิได้อย่างเดียว เหตุดังนั้น โลกธาตุนั้นจึงได้นามว่าสุขาวดี.
    ดูก่อนศาริบุตร อนึ่ง สุขาวดีโลกธาตุประดับประดาแวดล้อมไปด้วยกำแพง 7 ชั้น ต้นตาล 7 แถว และข่ายกะดึงทั้งหลายงดงามน่าดูด้วยรัตนะ 4 ประการคือ ทอง เงิน ไพฑูรย์ ผลึก ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้.
    ดูก่อนศาริบุตร อนึ่ง สุขาวดีโลกธาตุมีสระโบกขรณีทั้งหลายอันแล้วด้วยรัตนะ 7 ประการ คือ ทอง เงิน ไพฑูรย์ ผลึก ทับทิม มรกต และบุศราคัม เปี่ยมด้วยอัษฎางคิกวารี (น้ำประกอบด้วยองคแปด) มีท่าน้ำอันเรียบราบ พอที่กา(จะก้มลง)ดื่มได้ รายระยับไปด้วย ทรายทองและมีบันได 4 บันไดโดยรอบทั้ง 4 ทิศ งดงามน่าดูด้วยรัตนะ 4 ประการ คือทอง เงิน ไพฑูรย์ ผลึก มีรัตนพฤกษ์อันงดงามน่าดูด้วยรัตนะ 7 ประการ คือ ทอง เงิน ไพฑูรย์ ผลึก ทับทิม มรกตและบุศราคัม ขึ้นอยู่รายรอบสระโบกขรณีเหล่านั้น มีดอกประทุมอันมีธรรมชาติ สี แสง ความน่าดู เขียว เหลือง แดง ขาวและสลับสีใหญ่ประมาณเท่ากงเกวียน. ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้.
    ดูก่อนศาริบุตร อนึ่ง ในพุทธเกษตรนั้นมีทิพยดนตรีอันบรรเลงอยู่เป็นนิตย์ และมหาปฐพีก็มีสีเพียงดังทองน่ารื่นรมย์ มีฝนดอกมณฑารพอันเป็นทิพย์ตกคืนละ 3 ครั้ง วันละ 3 ครั้ง สัตว์ที่เกิดในพุทธเกษตรนั้น ย่อมไปสู่โลกธาตุอื่น ถวายบังคมพระพุทธเจ้าแสนโกฏิพระองคชั่วเวลาก่อนอาหารคราวหนึ่ง ใช้ฝนดอกไม้แสนโกฏิเกลี่ยลงบูชาพระตถาคตเจ้าแต่ละพระองค แล้วกลับมาสู่โลกธาตุนั้นแลอีก เพื่อพักผ่อนในกลางวัน. ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้.
    ดูก่อนศาริบุตร อนึ่ง ในพุทธเกษตรนั้น มีหงส์ นกกะเรียน นกยูง ประชุมกันขับประสานเสียงของตน คืนละ 3 ครั้ง วันละ 3 ครั้ง เสียงของปวงนกที่ประสานกันนั้น ย่อมเปล่งประกาศอินทรีย์(ธรรมอันเป็นใหญ่) พละ (ธรรมเป็นกำลัง)และโพชฌงค์ (ธรรมเป็นองคแห่งการตรัสรู้) มนุษย์ทั้งหลายในพุทธเกษตรนั้น ฟังเสียงนั้นแล้วย่อมเกิดมนสิการในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ศาริบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นว่า สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้เกิดในกำเนิดดิรัจฉานกระนั้นหรือ เธอไม่พึงเห็นอย่างนั้นเลย ข้อนั้นเพราะเหตุดังฤา ศาริบุตร แม้แต่ชื่อแห่งนรก กำเนิดดิรัจฉานและยมโลก ก็ไม่มีในพุทธเกษตรนั้น หมู่นกเหล่านั้น พระอมิตาภะยุตถาคตเจ้าทรงนิรมิตขึ้นให้เปล่งเสียงประกาศพระธรรมต่างหาก ศาริบุตร พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้.
    ดูก่อนศาริบุตร อนึ่ง แถวต้นตาลและข่ายกระดึงทั้งหลายในพุทธเกษตรนั้น เมื่อลมโชยมากระทบ ย่อมเปล่งเสียงไพเราะจับใจดุจเสียงทิพยดนตรีมีเครื่องประกอบแสงโกฏิ อันอารยชนบรรเลงแล้ว. มนุษย์ในพุทธเกษตรนั้น สดับเสียงนั้นแล้วย่อมพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังหานุสสติตั้งอยู่ในกาย. ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้
    ดูก่อนศาริบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เหตุดังฤา พระตถาคตเจ้านั้นจึงได้พระนามว่า อมิตายุ. ศาริบุตรเอย พระตถาคตเจ้าและมนุษย์เหล่านั้น มีประมาณแห่งอายุอันกำหนดนับมิได้. เหตุดังนั้น พระองค์จึงได้พระนามว่า อมิตายุ. อนึ่ง พระตถาคตเจ้านั้นตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณมาแล้วได้ 10 กัลป์
    ดูก่อนศาริบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เหตุดังฤา พระตถาคตเจ้านั้นจึงได้พระนามว่า อมิตาภะ รัศมีแห่งพระตถาคตเจ้านั้น (สว่างไป) ไม่ติดขัดในพุทธเกษตรทั้งปวง. เหตุดังนั้น พระองค์จึงได้พระนามว่า อมิตาภะ อนึ่ง พระอรหันตสาวกสงฆ์ผู้บริสุทธิ์ของพระตถาคตเจ้านั้น หาประมาณมิได้ ไม่เป็นการง่ายที่จะกล่าวประมาณ ศาริบุตรเอย พุทธเกษตรนั้นประดับด้วยองคคุณประจำพุทธเกษตรเห็นปานนี้.
    ดูก่อนศาริบุตร สัตว์ที่เกิดขึ้นในพุทธเกษตรของพระอมิตายุตถาคตเจ้า เป็นพระโพธิสัตว์ผู้บริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกเกี่ยวเนื่องอยู่เพียงชาติเดียว การนับประมาณพระโพธิสัตว์เหล่านั้น มิใช่ทำได้โดยง่าย นอกจากจะนับว่า "อประไมย" (ประมาณไม่ได้) "องสไขย" (นับไม่ได้) อนึ่ง ศาริบุตร สัตว์ทั้งหลายควรตั้งประณิธาน(ที่จะไปเกิด) ในพุทธเกษตรนั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าที่ไหนเล่า การได้อยู่ร่วมกันสัตบุรุษเห็นปานนั้นจึงจะมีได้ (เหมือนในสุขาวดีนี้) ศาริบุตร สัตว์ทั้งหลาย ย่อมบังเกิดในพุทธเกษตรของพระอมิตายุตถาคตเจ้า มิใช่ด้วยกุศลมูลเพียงเล็กน้อย ศาริบุตร กุลบุตรหรือกุลธิดาไรๆ จักได้สดับพระนามของพระอมิตายุคถาคตเจ้านั้น ครั้นสดับแล้วจักมนสิการ จักมีจิตต์ไม่ซัดส่าย มนสิการตลอดราตรีหนึ่ง หรือ 2 ราตรี หรือ 3, 4, 5, 6, 7,ราตรี เมื่อกุลบุตรหรือกุลธิดานั้นจักสิ้นชีพ พระอมิตายุคถาคตเจ้านั้น อันสาวกสงฆ์แวดล้อมมีหมู่พระโพธิสัตว์ตามหลัง จักปรากฏเบื้องหน้าเขาผู้กำลังสิ้นชีพ เขาย่อมมีจิตต์สงบสิ้นชีพไป ครั้นสิ้นชีพแล้วก็จะไปเกิดในสุขาวดีโลกธาตุอันเป็นพุทธเกษตรของพระอมิตายุคถาคตเจ้านั้นแล. ศาริบุตรเอย เหตุดังนั้นแหละ เราเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงกล่าวว่า กุลบุตรหรือกุลธิดาพึงตั้งจิตตประณิธาน (ที่จะไปเกิด) ในพุทธเกษตรนั้นโดยเคารพ.
    ดูก่อนศาริบุตร เราประกาศเรื่องโลกธาตุนั้นอยู่ในบัดนี้ฉันใด พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศบูรพาเป็นต้นว่า พระอักโษภยตถาคต พระเมรุธวัชตถาคต พระมหาเมรุธวัชตถาคต พระเมรุประภาสตถาคต พระมัญชุธวัชตถาคต กับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศบูรพา อุปมาด้วยเกล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้นแล ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรของพระองคว่า "ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจิตไตย อันได้นามว่า ได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง
    ดูก่อนศาริบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศทักษิณเป็นต้นว่า พระจันทรสูรยประทีปตถาคต พระยศประภะตถาคต พระมหารุจิสกันธตถาคต พระเมรุประทีปตถาคต พระอนันตวีรยตถาคตกับพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลายในทิศทักษิณ อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรของพระองคว่า "ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจินไตย อันได้นามว่า ได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง
    ดูก่อนศาริบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศประจิมเป็นต้นว่า พระอมิตายุคถาคต พระอมิตสกันธตถาคต พระอมิตธวัชตถาคต พระมหาประภะตถาคต พระมหารัตนเกตุตถาคต พระศุทธรัศมิประภะตถาคต กับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายในประจิม อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรของพระองคว่า "ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจินไตย อันได้นามว่า ได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง"
    ดูก่อนศาริบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศอุดรเป็นต้นว่า พระมหารจิสกันธตถาคต พระไวศวานรนิรโฆษตถาคต พระทุนทุภินิรโฆษตถาคต พระอาทิตยสมภพตถาคต พระชโลนิประภะตถาคตกับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศอุดร อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรของพระองคว่า "ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจินไตย อันได้นามว่า ได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง"
    15 ดูก่อนศาริบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศเบื้องต่ำ เป็นต้นว่า พระสิงหตถาคต พระยศตถาคต พระยศประภาสตถาคต พระธรรมตถาคต พระธรรมธรตถาคต พระธรรมธวัชตถาคต กันพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศเบื้องต่ำ อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรของพระองคว่า "ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจินไตย อันได้นามว่า ได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง"
    16 ดูก่อนพระศาริบุตร พระตถาคตเจ้าทั้งหลายในทิศเบื้องบน เป็นต้นว่า พระพรหมโฆษตถาคต พระนักษัตรราชตถาคต พระอินทรเกตุธวชตถาคต พระคันโธตตมตถาคต พระคันธประภาสตถาคต พระมหารจิสกันธตถาคต พระรัตนกุสุมสังปุษปิตถาตรตถาคต พระสาลินทรราชตถาคต พระรัตนโนตปลศรีตถาคต พระสรวารถทรศตถาคต พระสุเมรุกาลปตถาคต กับพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าในทิศเบื้องบน อุปมาด้วยเมล็ดทรายในคงคานทีก็ฉันนั้น ต่างอธิบายประกาศทั่วพุทธเกษตรของพระองคว่า "ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังธรรมบรรยายนี้ อันประกาศซึ่งคุณเป็นอจินไตย อันได้นามว่า ได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง"
    17 ดูก่อนศาริบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เหตุดังฤา ธรรมบรรยายนี้จึงได้นามว่า "ได้รับความคุ้มครองแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง" ศาริบุตร กุลบุตรหรือกุลธิดาไรๆ จักได้สดับนามแห่งธรรมบรรยายนี้ และจำทรงจำพระนามแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้น กุลบุตรกุลธิดาทั้งปวงนั้น จักเป็นผู้อันพระพุทธเจ้าคุ้มครองจักไม่กลับกลายในอนุตตรสัมมาสัมโพธิ ศาริบุตร เหตุนั้นแล ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟัง อย่าสงสัยต่อเราและพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย ศาริบุตร กุลบุตรหรือกุลธิดาไรๆ จักทำหรือทำแล้วหรือกำลังทำซึ่งจิตตประณิธาน (ที่จะไปเกิด) ในพุทธเกษตรของพระอมิตายุตถาคตผู้มีพระภาคนั้น กุลบุตรหรือกุลธิดาทั้งปวงนั้น จักไม่กลับกลายในอนุตตรสัมมาสัมโพธิ และจักเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้วหรือกำลังเกิดขึ้นในพุทธเกษตรนั้น ศาริบุตร เหตุนั้นแล กุลบุตรหรือกุลธิดาผู้มีศรัทธา จึงควรทำจิตตประณิธานให้เกิดขึ้นในพุทธเกษตรนั้น
    18 ดูก่อนศาริบุตร เราประกาศคุณอันเป็นอจินไตยของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้น ในกาลบัดนี้ฉันใด พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าเหล่านั้นก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมทรงประกาศคุณอันเป็นอจินไตย แม้ของเราอย่างนี้ว่า พระศากยมุนีผู้มีพระภาค ผู้เป็นอธิราชแห่งศากยะทรงทำกรรมที่ทำได้โดยยากยิ่ง ทรงตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมในสหาโลกธาตุ (โลกธาตุอันเต็มไปด้วยทุกข์ซึ่งจะต้องอดทน) แล้วทรงแสดงธรรมอันให้ผลแก่โลกทั้งปวง" ใน (ท่ามกลาง) ความเสื่อมแห่งอายุ ความเสื่อมเพราะกิเลส.
    ดูก่อนศาริบุตร ข้อที่เราตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมในสาโลกธาตุ แล้วแสดงธรรมอันให้ผลแก่โลกทั้งปวง" ใน (ท่ามกลาง) ความเสื่อมแห่งสัตว์ ความเสื่อมแห่งทิฏฐิ ความเสื่อมเพราะกิเลส ความเสื่อมแห่งอายุ ความเสื่อมแห่งกัลป์นั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งแม้ของเรา
    พระผู้มีพระภาคตรัสเรื่องนี้จบลงแล้ว พระศาริบุตรผู้มีอายุ ภิกษุและพระโพธิสัตว์เหล่านั้น ตลอดจนสัตว์โลกกับทั้งเทวา มนุษย์ อสูร คนธรรพ์ก็พากัน มีใจยินดีชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า​
    จบ สุขาวดียูหมหายานสูตร​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มีนาคม 2012
  4. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    เรื่องแดนสุขวดีพุทธเกษตร ของ พระอมิตตาพุทธเจ้า หากมีศรัทธาตั้งมั่น นั้นไม่ไกลเลย

    [​IMG]

    พึงเจริญพุทธานุสติ "นะ โม อา หมี ถัว ฝอ"
    ทุกข์ค่ำเช้าชีวิตเป็นสุขเอย
     
  5. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    การ์ตูน พระอมิตาภะพุทธเจ้า นะจ๊ะ นะจ๊ะ


    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Deq9q5-QWZ8?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/Deq9q5-QWZ8?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/4ywe-tWO0GI?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/4ywe-tWO0GI?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
  6. wacaholic

    wacaholic เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    502
    ค่าพลัง:
    +214
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=tEdljf7LRsI"]Heart Mantra - ???????????? - YouTube[/ame]


    1.หัวใจพระคาถาจุนที้

    - โอม จี ลี จี ลี จุน ที ซอ พอ ฮอ
    -เป็นพระคาถาสลายกรรมเวรจากอดีตชาติ หนี้เวรจะได้คลี่คลาย พ้นภัยจากทะเลทุกข์ โรคภัย ไข้เจ็บ จากเจ้ากรรมนายเวร

    2.หัวใจพระคาถาพระโพธิสัตว์กวนอิม
    -โอม มา นี ปะ มี โฮง
    -เมตตา มหานิยม อุดมลาภ

    3.หัวใจพระคาถาพระแม่มอรีจีเทียน
    -โอม มอ รี จี มอม ซอ ฮอ
    คาถากลับร้ายเป็นดี มั่งมีศรีสุข อุดมโชค สัมฤทธิผล เป็นมหัศจรรย์

    4.หัวใจพระคาถาวัชระสัตตวา
    -โอม เบญ จา สัต ตอ โฮง
    -เป็นพระคาถาชำระมลทิลกิเลส เพื่อความสำเร็จทั้งทางโลก - ทางธรรม

    5.หัวใจพระคาถาพระมัญชุศรีโพธิสัตว์
    -โอม อา รา ปา นา จา นา ตี
    -เป็นพระคาถานำมาซึ่งความประเสริฐความเป็นมงคลสูงสุด
    -กำจัดอวิชชาความโง่เขลาได้ถึงปัญญาอันเลิศ

    6.หัวใจพระคาถาวัชระคุรุ
    -โอม อา หุม เบญจา คุรุ ปัทมะ สิทธิ หุม
    -ชำระล้างมลทินภพชาติที่มัวหมองอานิสงส์สุดประมาณ
    -ถึงอำนาจสิทธิความสำเร็จกิจสมบูรณ์ผลในวิชชาทั้งโลก - ธรรม
    -บรรลุถึงโพธิญาณอันสูงสุด

    7.หัวใจพระคาถาพระโพธิสัตว์ตารา
    -โอม.ตา.เร.ตู.ตา.เร.ตู.เร.โซ.ฮา
    ได้รับบุญบารมีมาก ขจัดพิษร้ายภัยพิบัติ ก่อเกิดปัญญาญาน และจะได้รับพรจากพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    8.หัวใจพระคาถามนต์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
    -โอม มหา กา รุ ณิ กา ยา ซอฮอ
    -ศัตรูหมู่มาร วินาศสันติ

    9.หัวใจพระคาถาวัชระคติหกภูมิ
    -哈hā 阿ā 夏xià 萨sà 玛mǎ 哈hā
    -นำทางไปสู่การบรรลุพุทธะ
    -ผู้ซึ่งได้ยิน ได้เห็น สามารถขจัดเวรกรรมได้
    - เมื่อตายอัฐิก็จะกลายเป็นพระธาตุ

    10.หัวใจพระคาถาอุษณีย์วิชัยธารณี
    -โอม ลัน ซัว ฮา (ทุกสิ่งบริสุทธิ์)
    -โอม อามี ลีตา เตอกา ฝาตี่ ซัว ฮา (หฤทัยมนตรา)
    -คาถาชำระสรรพอกุศลมรรค สามารถชำระโทษกรรมทั้งปวง

    11.หัวใจพระคาถาพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
    -โอม ฮาฮาฮา วี ซำ มา เย ซอฮอ
    -สลายบาป-เคราะห์กรรม
     
  7. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    เกี่ยวกับแดนสุขาวดีนี้ ฮุ่ยเหน็ง สังฆปรินายกที่6แห่งนิกายเซนได้อธิบายไว้ดังนี้ แลข้าเทพอภิบาลยืมมาขยายต่อ จงสดับเถิด


    ตามพระสูตรแล้ว บรรพชิตและฆราวาสต่างเอ่ยพระนามของพระอมิตาภะโดยหวังว่าจะไปบังเกิดในดินแดนทางทิศตะวันตกอันเป็นดินแดนบริสุทธิ์ ดังในพระสูตรนี้ที่กล่าวถึง เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสพระสูตรนี้ที่กรุงสาวัตถีว่า แดนบริสุทธิ์นั้นมิได้อยู่ไกลไปจาก(กรุงสาวัตถี)ก็ระยะทางเป็นไมล์ก็ได้ 108,000 ไมล์เท่านั้น อันว่าระยะทาง108,000 ไมล์นี้แท้ที่จริงก็คือ อกุศล 10 และ มิจฉัตตะ 8 ภายใน ตัวเรานั่นเอง

    ดังนั้นสำหรับพวกที่มีใจต่ำแดนสุขาวดีนี้ย่อมอยู่ไกลแสนประมาณ แต่สำหรับพวกมีใจสูงย่อมอยู่ใกล้นิดเดียว อันว่า อกุศล 10 ประการนั้นเกิดจาก จิต ถึงสามประการคือ โลภ โกรธ หลง เกิดจากวาจา มีถึงสี่ประการคือ โกหก หยาบ นินทา และเพ้อเจ้อ และกายกระทำชั่ว สามอย่างคือ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมยและผิดในกามตัณหา ส่วนมิจฉัตตะหมายถึงหนทางที่ตรงกันข้ามกับ มรรคมีองค์แปดคือมิจฉาปัญญา มิจฉาสมาธิ มิจฉาสติ มิจฉาอาชีวะ มิจฉาวาจา เป็นต้น เพราะฉะนั้นในขณะที่คนมีปัญญาชำระใจของตนเองให้บริสุทธิ์ เขาจึ่งจักพบดินแดนแห่งพุทธะ เพราะพระพุทธองค์เคยตรัสว่า "เมื่อใจบริสุทธิ์ดินแดนแห่งพระพุทธเจ้าก็บริสุทธิ์พร้อมกัน" แต่คนที่ไร้ปัญญาไม่เข้าใจในนัยยะนี้ เพียงเข้าใจว่า แค่พากันกันออกนามพระอมิตาภะและอ้อนวอนขอไปเกิดในแดนบริสุทธิ์ก็เพียงพอแล้ว อาศัยแค่ศรัทธาเข้าว่า ย่อมมิอาจจะไปถึงได้ ดังที่กามนิตได้ตระหนักถึงในตอนท้ายๆๆนั้นแล คนสามัญและคนโง่ไม่เข้าใจในธรรมญาณ และไม่รู้จักว่าแดนบริสุทธิ์มีอยู่พร้อมแล้วในตัวของตัวเอง ดังนั้นจึงปรารถนาไปเกิดทางทิศตะวันออกบ้าง ทางทิศตะวันตกบ้าง แต่สำหรับคนที่มีปัญญาแล้วที่ไหนๆก็เหมือนกันทั้งนั้น ตามที่พระพุทธองค์ ตรัสเอาไว้ว่า "เขาจะไปเกิดที่ไหนไม่สำคัญเขาคงมีความสุขและบันเทิงรื่นเริงอยู่เสมอ ดังนั้นเมื่อใจบริสุทธิ์จากบาป แดนสุขาวดีก็จักอยู่ไม่ไกลจากที่ตรงนี้ แต่มันลำบากอยู่ที่คนเราใจโสมมตาบอดจึ่งไม่เห็นสิ่งนี้ เพียงเอยปากสวดออนวอนอย่างคนหลงละเมอ ด้วยหวังว่าจักได้ไปเกิดที่นั่น

    ดังนั้นในมิติแห่งธรรมแล้ว หากพวกเอ็งอยากไปเกิดในแดนสุขาวดี สิ่งที่พวกเอ็งควรทำเป็นข้อแรกก็คือ จัดการกับอกุศล 10 ประการเสียให้หมดสิ้นเมื่อนั้น ก็เป็นอันว่าเราได้เดินทางเข้าไปแล้ว 100,000 ไมล์ขั้นต่อไปเราจัดการกับมิจฉัตตะ 8 เสียให้เสร็จสิ้นก็เป็นอันว่าหนทางอีก 8,000 ไมล์นั้นเราได้เดินผ่านทะลุไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้แดนบริสุทธิ์และพบอมิตาภะจะอยู่ที่นี่ที่ซึ่งเอ็งสามารถเห็นแจ้งชัดในธรรมญาณอยู่เสมอ และดำเนินการตรงแน่วอยู่ทุกขณะแล้ว พริบตาเดียวเราก็ไปถึงแดนบริสุทธิ์ได้และพบอมิตาภะอยู่ที่นั่น การเข้าถึงดินแดนอันบริสุทธิ์ถูกต้องนั้นอยู่ที่การบำเพ็ญให้เห็นแจ้งชัดในธรรมญาณของตนเองเพียงสถานเดียวจึงเป็นการที่ตนเองอย่างแท้จริงตรงตามพระพุทธวจนะที่กล่าวว่า ตนเองเป็นที่พึ่งแห่งตน

    แต่คนโง่มักเข้าใจว่า ผู้อื่นสามารถพาเราไปยังแดนบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นจึงคลั่งไคล้ใหลหลงต่อผู้ที่มีวัตรปฏิบัติแปลกประหลาดมหัศจรรย์มากกว่าที่หันมาบำเพ็ญตนเองโดยหวังผู้วิเศษเหล่านั้นจักนำพาเข้าไปสู่แดนสวรรค์โดยที่ตนเองมิต้องบำเพ็ญปฏิบัติแต่อย่างใด แท้ที่จริงแล้ว พระพุทธเจ้าองค์ไหนเล่าที่จะพาเอ็งไปที่นั่นได้นอกจากตัวเอ็งเองที่จะช่วยตัวเองในการกำจัดอกุศ10 และหากเข้าใจหลักธรรมอันกล่าวถึงธรรมชาติที่ไม่มีการเกิด ก็จะพาท่านไปยังแดนสุขาวดีนี้ได้ภายในอึดใจเดียว แต่ถ้าไม่เข้าใจ ก็จะไปถึงที่นั่นด้วยลำพังการออกนามพระอมิตาภะได้อย่างไรกันหนอหลักธรรมอันกล่าวถึงการไม่เกิดนั้นเป็นสิ่งที่น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่งร่างกายสังขารมีวันเกิดจากพ่อแม่ แต่ธรรมญาณของเราซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงนั้นไม่มีวันเกิดเพระฉะนั้นจึงไม่มีวันดับ ความเข้าใจเช่นนี้ย่อมทำให้เข้าใจถึงการเวียนว่ายตายเกิดและหักวงจรของการเวียนว่ายเช่นนี้เสียได้ การหลุดพ้นไปจากการเวียนว่ายจึงมได้อยู่ที่การทำบุญแต่อยู่ที่การปฏิบัติตนเองให้พบสภาวะแห่งธรรมญาณอันเป็นธรรมชาติแท้ที่ไม่เกิดดับ และที่ตรงนั้นในตัวเราจึงเป็นดินแดนแห่งอมิตาภะซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นอมตะนิรันดรนั่นเอง
     
  8. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ขอถวายสักการะต่อเหล่าทวยเทพ
    คุรุ องค์ยิดัมและทักคินี
    ขอจงอำนวยให้เกิดวิมุตติในบาร์โดด้วยเทอญ
    จากถ้อยความแห่ง " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง "
    บาร์โดแห่งธรรมดาได้รับการสอนสั่งแล้วในข้างต้น
    บัดนี้ ขอให้ผู้ตักเตือนให้ระลึกถึงบาร์โดแห่งการเกิด
    จงมาที่นี่เถิด



    ถึงแม้บาร์โดแห่งธรรมดาจักได้รับการถ่ายทอดหลายหนก่อนหน้านี้ ยกเว้นก็แต่บุคคลที่ได้ผ่านการทำสมาธิและประจักษ์แจ้งในคำสอน และประกอบแต่กุศลกรรม ทั้งนี้เพราะการที่จะระลึกได้ถึงความกลัวและอกุศลกรรมนั้น เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่ไม่เชี่ยวชาญด้าน สมาธิภาวนาหรือคนต่ำทราม ด้วยเหตุนี้ นับจากวันที่สิบเป็นต้นไป ผู้ตายควรได้รับการตักเตือนอีกครั้งด้วยถ้อยคำต่อไปนี้


    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงตั้งใจฟังให้ดีและทำความเข้าใจให้ได้ เหล่าสัตว์นรก ทวยเทพ และวิญญาณในบาร์โดแห่งธรรมดา ท่านกลับจดจำไม่ได้ ดังนั้นท่านจึงหลับใหลไปด้วยความหวาดกลัวเป็นเวลาห้าวันครึ่ง ทว่าเมื่อท่านฟื้นตื่นขึ้นมา วิญญาณของท่านจะ กระจ่างใสกว่าเดิม รูปร่างคล้ายตัวท่านยามมีชีวิตอยู่จะลุกขึ้นมา ในคำกล่าวของคัมภีร์ตันตระมีว่า


    อาศัยกายเนื้อในกาลก่อนและกาลต่อไปภายในบาร์โดแห่งการเกิด สมบูรณ์พร้อมด้วยประสาทสัมผัส พเนจรไปโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง ครอบครองอำนาจวิเศษอันเกิดจากวิบากกรรม และเห็นด้วยนัยน์ตาบริสุทธิ์ของทวยเทพ ที่มีคุณลักษณ์อย่างเดียวกัน


    คำว่า " กาลก่อน " หมายความว่าคุณมีร่างกายดั่งในยามมีชีวิตอยู่อันเปี่ยมด้วยเลือดและเนื้อหนัง เกิดจากความทรงจำของคุณที่มีต่อมัน กอปรด้วยรัศมีในตน และตำหนิบางประการคล้ายในยามมีชีวิตอยู่ นี้คือประสบการณ์แห่งกายทิพย์ ดั่งนามที่ถูกขนานว่ากายทิพย์ในประสบการณ์แห่งบาร์โดในช่วงเวลานี้ หากคุณจะจุติไปเกิดเป็นเทวดา คุณจะได้แลเห็นนิมิตแห่งเทวโลกและไม่ว่าคุณจะจุติไปเกิดเป็น อะไร อสูร มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต หรือสัตว์นรก คุณก็จะประสบกับภพภูมิเหล่านั้น ดังนั้นคำว่าในกาลก่อนจึงหมายถึงช่วงเวลาสี่วันครึ่ง ที่คุณคิดว่ามีร่างกายดังเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ คำว่า ในกาลต่อไป หมายความว่า ภายหลังจากนี้คุณจะได้ประสบกับภพภูมิที่คุณจะไปก่อเกิด ในภายหลัง ดังนั้นจึงเรียกว่า " ในกาลก่อนและในกาลต่อไป "

    " ไม่ว่านิมิตใดจากใจท่านจะปรากฏขึ้นในเวลานี้ อย่าติดตามหรือข้องแวะกับมันเป็นอันขาด ถ้าท่านข้องแวะกับมันหรือยอมจำนนต่อมัน ท่านจะเร่ร่อนไปในภูมิทั้งหกและได้รับความทรมาณอันแสนสาหัส "

    " ถึงแม้ว่านิมิตในบาร์โดแห่งธรรมดาจะปรากฏขึ้นจนถึงเมื่อวานนี้ ท่านกลับไม่อาจจดจำมันได้ ดังนั้นท่านจึงเร่ร่อนมาถึงที่นี่ บัดนี้ ถ้าท่านสามารถสำรวมสมาธิได้ไม่หวั่นไหว พิงพักอยู่ในจิตอันเปลือยเปล่าบริสุทธิ์ในสุญตาธรรมอันสว่างไสว ที่คุรุของท่าน ได้เสนอท่าน จงพำนักอยู่ในภาวะที่ไม่ได้ยึดติดในสิ่งใดและอกรรม ทำเช่นนี้ด้วยท่าจะได้รับซึ่งวิมุตติสุข และไม่พลัดเข้าสู่ครรภ์อุทร "

    " ถ้าท่านไม่สามารถจดจำมันได้ จงเพ่งนิมิตถึงยิดัมของท่าน รวมทั้งคุรุเหนือเศียรและจงเร่งความเสียสละอย่างแรงกล้า สิ่งนี้สำคัญมาก จงเพียรแล้วเพียรอีกอย่าหวั่นไหว "

    ดังนั้นจึงพึงกล่าวว่า หากบุคคลใดระลึกได้เมื่อใด เขาย่อมได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ และไม่เร่ร่อนไปในภูมิทั้งหก ทว่าภายใต้อิทธิพล ของผลกรรมอันต่ำทรามย่อมเป็นการยากที่จะกระทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นจึงควรกล่าวถ้อยคำเช่นนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงฟังถ้อยคำเหล่านี้อย่าแชเชือน ' สมบูรณ์พร้อมด้วยประสาทสัมผัส ' หมายความว่า แม้ท่านจะมีดวงตาอันบอด สนิท เป็นใบ้ ขาเสีย หรือเลวร้ายกว่านั้นในยามมีชีวิตอยู่ก็ตามที แต่บัดนี้ในสภาวะบาร์โด ดวงตาของท่านจะแลเห็นรูปต่าง ๆ หูของท่านจะ ได้ยินสรรพสำเนียง ประสาทสัมผัสของท่านจะแจ่มใสไม่พร่ามัว ดังนั้นพึงกล่าวว่า " ศักยภาพชั้นสูงแห่งประสาทสัมผัส " นี่เป็นสัญลักษณ์ ว่าท่านได้ตายไปแล้วและกำลังร่อนเร่อยู่ในสภาวะบาร์โด ดังนั้นพึงจดจำให้ได้ถึงคำสอนนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' ปราศจากการกีดขวาง ' หมายความว่า ในขณะที่ท่านคงสภาพกายทิพย์ และจิตของท่านได้แยกขาดจาก องค์ประกอบทั้งหลาย ท่านปราศจากกายเนื้ออีกต่อไป ดังนั้น บัดนี้ท่านจึงสามารถผ่านเข้าออกอย่างอิสระ ทะลุผ่านเขาพระสุเมรุใหญ่ ตระเวณไปทุกแห่งหน ยกเว้นแต่เพียงครรภ์อุทรของมารดาและวัชระอาสน์ เป็นสัญญาณเตือนว่าท่านได้ร่อนเร่อยู่ใน บาร์โดแห่งการเกิด ดังนั้นพึงทำการระลึกถึงคำสอนสั่งของเหล่าคุรุและขอที่พึ่งพิงในพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยกรุณา

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' การครอบครองซึ่งอำนาจวิเศษอันเกิดจากวิบากกรรม ' หมายความว่า บัดนี้ท่านได้มีอำนาจวิเศษจากอิทธิพล ของกรรมที่สอดคล้องกับการกระทำของท่านซึ่งหาได้มาจากอำนาจแห่งสมาธิหรือธรรมะไม่ ท่านสามารถจักเดินรอบพระสุเมรุครบสี่ทิศ ภายในเวลาชั่วพริบตา ไปทุกแห่งหนที่ท่านต้องการอย่างทันทีทันใด เพียงชั่วขณะที่ท่านครุ่นคิดกำหนดถึงมัน หรือเพียงชั่วเวลามนุษย์เรา ยืดแขนเข้าและออก ทว่าอำนาจวิเศษเหล่านี้ไม่น่าพึงพอใจ อย่าใส่ใจกับมัน บัดนี้ท่านสามารถจะโอ้อวดได้อย่างไร้ความกังวล สามารถ กระทำทุกสิ่งดั่งใจปรารถนา จงตั้งสติให้มั่นคงและนึกถึงแต่คำสอนของคุรุประจำตน

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' แลเห็นโดยนัยน์ตาอันบริสุทธิ์ของทวยเทพที่มีคุณลักษณ์อย่างเดียวกัน ' หมายความว่า บุคคลผู้ที่กำลังจะไปเกิด ในสภาพใด ย่อมแลเห็นผู้อื่นที่ร่วมภพภูมิเดียวกัน หากเขาจะจุติไปเกิดเป็นเทวดาย่อมแลเห็นหมู่เทวดา จงอย่าข้องแวะกับอำนาจวิเศษนี้ เพ่งสมาธิระลึกถึงแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความกรุณา การแลเห็นด้วยนัยน์ตาบริสุทธิ์ของทวยเทพยังอาจมีนัยถึง การแลเห็นโดย อาศัยอำนาจอันบริสุทธิ์จากฌานสมาบัติหรือสมาธิชั้นสูงด้วยเช่นกัน ซึ่งมิได้เกิดจากอำนาจวิเศษของเหล่าทวยเทพ ซึ่งนั้นย่อมหมายถึงว่า มันอาจไม่ดำรงอยู่ตลอดเวลา หากพวกเขาเพ่งจิต เขาย่อมแลเห็นได้ แต่หากสมาธิของเขาถูกรบกวนแล้ว การแลย่อมปราศนาการไป

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล โดยความอาลัยต่อร่างเดิม ท่านจะแลเห็นบ้านเรือนและครอบครัวของท่านอีก คล้ายดังว่าท่านได้พบกับพวกเขาในความฝัน ทว่าแม้ท่านจะทำการสนทนาเจรจากับพวกเขา เขาก็จะไม่ตอบรับพูดคุยกับท่าน ญาติมิตรและครอบครัวของท่านจะพากัน คร่ำครวญโศกศัลย์ ท่านจะฉุกคิดว่า " นี่ฉันตายไปแล้วแน่นอนหรือนี่ ฉันจะทำประการใดต่อไปดี แล้วท่านจะรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสดุจดัง ปลาน้อย เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นทรายร้อนระอุ แต่ในขณะนี้ความเจ็บปวดก็หามีประโยชน์ใดไม่ ถ้าท่านมีคุรุประจำตน จงขอที่พึงในท่าน เหล่านั้น หรือยึดเอาเหล่ายิดัม หรือพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยกรุณา แม้ว่าท่านจะผูกพันอยู่กับญาติมิตรก็ไร้ประโยชน์ อย่าสร้างความ ผูกพันใด ๆ ให้ยึดถือแต่องค์พระมหามุนี ท่านจะปราศจากซึ่งความกลัวและความทุกข์

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เมื่อท่านถูกพัดพาด้วยสายลมกรรโชกแห่งผลกรรม จิตของท่านจะปราศจากเครื่องยึดเหนี่ยวหมุนวนดุจพายุ สลาตัน ควบคุมและบังคับมิได้ ลอยเคว้งคว้างดุจขนนกบางเบา ท่านจะกล่าวกับผู้ที่กำลังเศร้าโศกว่า ' ฉันอยู่ที่นี่แล้ว อย่าร่ำไห้ไปเลย ' ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ยินท่านเลย ดังนั้นท่านจะฉุกคิดได้ว่า ' ฉันได้ตายไปแน่แล้วหรือนี่ ' ความปวดร้าวจะโถมทับท่าน อย่าทนทรมาณ เยี่ยงนี้เลย ตลอดเวลาจะมีหมอกควันสีเทาประดุจ ดังแสงสีเทาในรุ่งอรุณแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทั้งยามกลางวันและกลางคืน ภาวะเช่นนี้ ในบาร์โดแห่งการเกิดจะปรากฏอยู่เป็นเวลา หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก หรือ เจ็ดสัปดาห์ ประมาณ ๔๙ วัน ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวเลขตายตัวนัก ขึ้นอยู่กับอิทธิพลจากผลกรรมเป็นใหญ่

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้พายุร้ายแห่งผลกรรมอันน่ากลัว ด้านทานมิได้ จะควงพัดอย่างเกรี้ยวกราด และโจมตีท่านจากด้านหลัง อย่าหวาดกลัวมัน มันเป็นเพียงนิมิตอันสับสนจากจิตท่านเอง เป็นความมืดมนอันหนักหน่วง น่าสะพรึงกลัวไม่อาจขัดขืนได้ มีเสียงขู่กรรโชก อันน่าพรั่นพรึงว่า ' โจมตี ' และ ' สังหาร ' อย่าหวาดกลัวเป็นอันขาด สำหรับในบุคคลที่ได้ประกอบซึ่งอนันตริยกรรม ปิศาจที่กัดกินเลือดเนื้อ จะปรากฏขึ้นจากวิบากกรรม ถือศาสตราวุธมากมาย โห่ร้องดังยามสงคราม ตะโกนกู่ฆ่าฟัน ท่านจะรู้สึกเหมือนถูกไล่ล่าโดยสัตว์ป่าอันดุร้าย หลากชนิด ถูกไล่ตามโดยกองทัพมหึมา ในหิมะ สายฝน พายุ และความมืด เสียงภูผาจะสั่นไหว สายน้ำจะทะลัก พระเพลิงจะลุกลามและ พายุร้ายจะโอบล้อม ในความหวาดกลัวท่านจะหลบหนีไปในทุกที่ที่เป็นไปได้ แต่แล้วหุบเหวจะปรากฏ มีสามสี คือ แดง ขาว และดำ ลึกและอันตราย ท่านจะพลัดตกลงไปหาพวกเขา

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เงื้อมผานั้นมิใช่ของจริง เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวร้าว อารมณ์ปรารถนา และอวิชชา เมื่อท่านระลึกได้ว่า กำลังตกอยู่ในบาร์โดแห่งการเกิด และร้องเรียกหานามแห่งพระผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา ท่านจะได้รับการช่วยเหลือ " โอพระผู้มีพระภาคเจ้ผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา คุรุของข้าน้อย องค์พระรัตนตรัยอันประเสริฐ อย่าปล่อยให้ข้าถูกผจญและพลัดตกสู่นรกเบื้องต่ำเลย " จงเพ่งพินิจ อย่างแรงกล้าเยี่ยงนี้ อย่าลืมเป็นอันขาด
     
  9. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    [​IMG]

    *ภาพองค์เชนเรสิก 1000 กร หรือ พระอวโลกิเตศวรพันมือ ศิลปะธิเบต


    ในกรณีของบุคคลที่ได้ประกอบคุณงามความดี เปี่ยมคุณธรรมและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ความร่าเริงปีติสุขจะมาเชิญเชื้อเขา ความสดใส งดงามเริงรื่นและความศักดิ์สิทธิ์นานับประการจะประกาศให้ท่านได้รับรู้ ในกรณีบุคคลที่โง่งมและหมักหมมด้วยอวิชชา ที่ไม่คยประกอบกรรมดีและกรรมชั่ว พวกเขาย่อมไม่ประสบทั้งความปีติสุขและความปวดร้าว มีเพียงแต่อวิชชาและความโง่งมเท่านั้นที่จะปรากฏขึ้น ไม่ว่าเหตุการณ์ใดจะปรากฏต่อหน้าท่านก็ตาม อย่าหลงใหลหรือข้องแวะกับมันเป็นอันขาด จงถวายมันแก่เหล่าคุรุและ องค์รัตนตรัย ละเว้นจากความปรารถนาและข้องแวะติดพันในใจของท่าน ถ้าเหตุการณ์อันเปี่ยมด้วยความโง่งมปรากฏขึ้น โดยปราศจากความปีติสุขหรือความปวดร้าวก็ตามที จงผ่อนพักจิตของท่านในภาวะมหาสัญลักษณ์คือ ภาวะที่ว่างจากสมาธิภาวนา และปลอดจากความฟุ้งซ่าน

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้ สะพาน วิหาร และอาราม กระท่อม สถูป และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จะปรากฏขึ้นคุ้มหัวท่านชั่วขณะ แต่ท่านไม่อาจพักอยู่ที่นั้นได้เนิ่นนาน เป็นเพราะว่าจิตของท่านได้ถูกแยกออกจากกายจนท่านไม่อาจตั้งมันขึ้นได้ใหม่ ท่านรู้สึกโกรธเกรี้ยว และเหน็บหนาว วิญญาณดูบางเบา มีความเร็วสูงล่องลอยและไม่มั่นคง ครั้นแล้วท่านจะคิดว่า " อา บัดนี้ข้าได้ตายไปแล้ว ข้าจะทำอะไรต่อไปดี " ครั้นคิดเช่นนี้ดวงใจของท่านจะว่างเปล่าลงดุจห้องว่างและหนาวเย็นลงในฉับพลัน ท่านจะรู้สึกถูกบีบคั้น เจ็บปวดเหลือประมาณ จนท่านต้องเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเรื่อย ๆ ไม่อาจหยุดยั้งลงที่ใด จงจำไว้ว่า อย่าเก็บกักความคิดใด ๆ แต่จงพักพิงจิตอยู่ในภาวะปกติตามธรรมชาติ

    บัดนี้เป็นเวลาที่ท่านจะไม่ได้รับประมานอาหาร เว้นแต่อาหารที่เขาอุทิศให้ท่านเท่านั้น ไม่มีมิตรสหายผู้ใดปรากฏร่วมทางกับท่าน สิ่งหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แห่งกายทิพย์อันเร่ร่อนอยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน ในเวลานี้ความสุขและความปวดร้าวได้ถูกกำหนดขึ้นจากผลกรรมของท่าน ท่านจะแลเห็นบ้านเกิด มิตรสหาย ญาติพี่น้องและศพของท่านเอง ท่านจะครุ่นคิดว่า ' บัดนี้ฉันได้ตายไปแล้ว ฉันจะทำประการใดต่อไปดี ' กายทิพย์ของท่านจะเจ็บปวดยิ่งนัก ท่านจะคิดว่า ' ทำไมฉันไม่แสวงหาร่างใหม่เล่า ' ครั้นแล้วท่านจะ เดินทางไปในทุกแห่งหนเพื่อค้นหาร่างกายใหม่ ท่านจะพยายามกลับเข้าร่างเดิมถึงเก้าครั้ง แต่ความนาวเย็นจะทำให้ศพของท่านเย็นชืด ส่วนความร้อนก็จะทำให้ศพเน่าเปื่อย หรือมิฉะนั้นญาติมิตรของท่านอาจทำการเผาหรือฝังมันในป่าช้าก็เป็นได้และอาจปล่อยให้เป็นเหยื่อ ของนกกาหรือสัตว์ป่า เพราะช่วงเวลาได้ล่วงเลยมายาวนานนับแต่การผ่านพ้นไปในบาร์โดแห่งธรรมดา ดังนั้นท่านจะมิมีที่ใดให้พักพิงในบาร์โด ท่านจะเสียใจยิ่งนัก และมีความรู้สึกปวดร้าวประดุจถูบบีบรัดด้วยหินผา ความเจ็บปวดดังกล่าวนี้คือคุณลักษณ์ แห่งบาร์โดของการแปรเปลี่ยน แม้ว่าท่านจะเสาะหาร่างกายเพื่ออาศัย ท่านก็จะได้แต่ความปวดร้าวเป็นผลตอบแทน ดังนั้นจงปล่อยวาง ความปรารถนาในร่างกายและพักพิงในความว่างอย่างแน่วแน่


    " เมื่อได้รับการชี้แนะดังกล่าวนี้ ย่อมบรรลุถึงการหลุดพ้นจากบาร์โด กระนั้นก็ตามที ทั้ง ๆ ที่ได้รับการชี้แนะท่านก็ยังไม่อาจระลึกได้ ทั้งนี้เพราะอกุศลกรรมอันร้ายแรง ถึงตอนนี้ผู้อ่านควรขานหรือเรียกชื่อผู้ตาย และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ( ชื่อ ) จงฟังทางนี้ เป็นเพราะกรรมท่านเอง จึงทำให้ท่านทุกข์ทรมาณ ท่านไม่อาจกล่าวโทษผู้ใดได้ มันเป็นเพราะกรรมของท่าน ดังนั้น บัดนี้จงขอที่พึ่งในพระรัตนตรัยอย่างแน่วแน่ ซึ่งจะคุ้มครองท่าน ถ้าท่านไม่ทำเช่นนี้ และไม่รู้จัก สมาธิมหาสัญลักษณ์ และไม่เพ่งจิตต่อองค์ยิดัมของท่าน มโนธรรมในจิตท่าน จะรวบรวมกุศลกรรมทั้งหมดของท่านและนับด้วยอาศัย เมล็ดกรวดสีขาว ส่วนความรู้สึกต่ำช้าในตัวท่าน จะรวบรวมอกุศลทั้งหมดของท่านและนับด้วยก้อนกรวดสีดำอันทำให้ท่านสั่นกลัวและ กล่าวคำโกหกว่า ' ฉันไม่เคยประพฤติตนต่ำช้า ' ครั้นแล้ว พญยมราชจะกล่าวว่า ' ข้าดูผลการกระทำในอดีตของท่านจากในกระจก ' และเมื่อพญายมได้มองเข้าไปในกระจกแห่งวิบากกรรม ทั้งบาปและคุณงามความดีของท่านจะปรากฏขึ้นโดยฉับพลัน แจ่มชัดและคมกริบ ดังนั้น แม้ท่านจะโกหกก็ไร้ประโยชน์ ยมทูตจะนำท่านไป เอาเชือกพันรอบคอ บั่นศีรษะของท่านให้ขาดออกจากร่าง ขยี้หัวใจของท่าน ให้เป็นผุยผง ดึงตับไตไส้พุง เลียสมองของท่าน ทว่าท่านกลับไม่ตาย แม้ว่าท่านจะถูกสับแล่ออกเป็นชิ้น ๆ ก็ตาม ท่านก็จะฟื้นคืนชีพ ขึ้นมาใหม่

    " การถูกสับแล่ครั้งแล้วครั้งเล่าก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส อย่าไหวหวั่น เมื่อเม็ดกรวดสีขาวถูกตรวจนับ อย่าโกหก อย่าหวั่นเกรงท่านท้าวยมราช เพราะว่าท่านมีกายทิพย์ ท่านจึงไม่สามารถตายแม้จะถูกสังหารและแล่เป็นต้น ท่านเป็นความว่างเปล่าตาม ธรรมชาติเดิม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว ท้าวยมราชก็เป็นความว่างเปล่าตามธรรมชาติ เป็นนิมิตอันสับสนจากใจท่านและ ท่านก็เป็นความว่างเปล่า เป็นกายทิพย์แห่งความฝักใฝ่อันไร้สำนึก ความว่างย่อมไม่อาจทำอันตรายต่อความว่างได้ สิ่งที่ไร้คุณลักษณ์ย่อมไม่ อาจทำอันตรายสิ่งที่ไร้คุณลักษณ์ พญายมราช เทวดา ภูติผี ปิศาจศีรษะวัว และเหล่านิมิต ไม่มีคุณสมบัติใดที่ต่างไปจากนิมิตอันสับสน จากจิตท่านอยู่ ดังนั้นพึงระลึกให้ได้ว่านี้คือ สภาวะการณ์ในบาร์โดเท่านั้น


    [​IMG]
    * ภาพพระไมตรียะ หรือ พระศรีอาริยเมตไตรย ศิลปะทังก้า ธิเบต




    จงบำเพ็ญจิตภาวนา ต่อมหาสัญลักษณ์ หากท่านไม่ทราบว่าจะเริ่มทำสมาธิอย่างไรดี จงมองดูอย่างพินิจที่ธรรมชาติของสิ่งอันก่อความ หวาดกลัวแก่ท่าน และท่านจะได้พบกับความว่างที่ไร้ธรรมชาติแน่นอน สิ่งนี้มีนามว่า ธรรมกายสภาวะ ทว่าความว่างเช่นนี้มิได้หมายถึง การปฏิเสธความดำรงอยู่ ธรรมชาติของมันนั้นน่ากลัว ส่วนจิตที่มีความตื่นตัวและแจ่มใส ได้แก่จิตแห่งสัมโภคกาย ความว่างและ ความสว่างสุกใสหาใช่สิ่งที่แตกต่างกัน ธรรมชาติของความว่างได้แก่ความสุกใส และธรรมชาติของความสุกใสได้แก่คามว่าง บัดนี้ ความว่าง - ความสุกสกาวอันแยกขาดกันไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือจิตอันเปลือยเปล่าได้ถูกเปลื้องออกในที่โล่งแจ้ง และดำรงอยู่ ในสภาวะดั้งเดิม อันได้แก่ สวาภาวิกากาย และพลังอำนาจของมันตามธรรมชาติก็อุบัติในทุกแห่งหนโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง สิ่งนี้ได้แก่ นิรมาณกายอันเปี่ยมด้วยกรุณาคุณ

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยกุล จงยึดเอาหนทางเหล่านี้อย่าแชเชือน ทันทีที่ท่านระลึกได้ ท่านจะเข้าถึงภาวะตรัสรู้อันยิ่งในจตุรกาย อย่าหวั่นไหว เพราะนี้คือเขตแดนแบ่งแยกระหว่างสรรพสิ่ง ผู้ระทมทุกข์และเหล่าพระพุทธองค์ในอดีต มีโศลกกล่าวถึงชั่วขณะนี้ว่า

    เพียงพริบตา พวกเขาก็แยกออกจากกัน
    เพียงพริบตา การตรัสรู้ประจักษ์แจ้งก็บังเกิด

    " จนถึงยามเมื่อวานนี้ ท่านยังตกอยู่ในความสับสน แม้ว่าเหตุการณ์ในบาร์โดมากมายจักบังเกิดขึ้นท่านก็กลับไม่รับรู้มัน และกลับบังเกิด ความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ถ้าท่านสับสนในตอนนี้พันธะผูกพันแห่งกรุณาคุณจะถูกตัดขาดและท่านจะพลัดตกไปยังสถานที่ที่ไม่มี การปลดปล่อยใด ๆ ดังนั้น จงระแวดระวังให้ดี "
    เมื่อได้รับการชี้แนะดังนี้ แม้ว่าผู้ตายจะไม่ทำการระลึกได้ในก่อนหน้านี้ เขาจะตระหนักรับรู้ได้ในยามนี้เองและเข้าสู่ภาวะวิมุตติสุข แต่หากเขาเป็นปุถุชนผู้ไม่ล่วงรู้ถึงกลวิธีแห่งสมาธิจิตเช่นนี้ ผู้อ่านพึงกล่วถ้อยคำต่อไปนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริสกุล " ถ้าท่านไม่รู้วิธีการทำเพ่งพินิจดังกล่าว จงระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า ผู้เปี่ยมด้วยความกรุณาอย่างยิ่ง พึงยึดท่านเหล่านี้เป็นที่ระลึก แล้วเพ่งพินิจว่าภาพสะท้อนอันแสนน่าสะพรึงกลัว นั้นคือองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า หรือองค์ยิดัมประจำตัวท่าน จงระลึกถึงคุรุของท่านให้ได้ รวมทั้งคำสอนอันลึกลับที่ได้ถ่ายทอดแก่ท่าน ครามีชีวิตอยู่ และกล่าวออกไปแก่ราชันย์ผู้ทรงธรรมพญายมราช แล้วแม้ว่าท่านจะพลัดตกสู่หุบเหวท่านก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย จงระงับความหวาดกลัวและความหวั่นไหวเสีย "

    เมื่อได้รับการชี้แนะด้วยถ้อยคำดังกล่าวนี้ แม้ว่าผู้ตายจะไม่ได้รับการปลดปล่อยมาก่อนหน้านี้ เขาก็จะได้รับการปลดปล่อยในยามนี้นี่เอง แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ที่เขาอาจหลงลืมและไม่ได้รับการปลดปล่อยจากประสบการณ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องพยายามอีกครั้ง ดังนั้นผู้อ่านต้องเรียกชื่อผู้้้้ตายอีกครั้ง และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้

    " ประสบการณ์ในขณะนี้จะกระชากท่านสู่ภาวะปีติและปวดร้าวสลับไปมาแทบทุกขณะจิต คล้ายดังแรงส่งของกลไกปืน ดังนั้นจงอย่าสร้าง อารมณ์ปรารถนาหรือก้าวร้าวใด ๆ ขึ้นเป็นอันขาด

    " ถ้าท่านจะได้ไปเกิดยังภูมิชั้นสูง ในขณะที่กำลังจะไปอยู่ในภูมินั้นเอง หากญาติพี่น้องท่านในสถานที่ที่ท่านจากมาได้ทำการบูชายันสัตว์ จำนวนมากเพื่ออุทิศผลให้แก่ผู้ตาย ความคิดอันไม่บริสุทธิ์จะอุบัติขึ้นในตัวท่านและท่านจะรู้โกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงอันจะทำให้ท่านต้อง ไปเกิดเป็นสัตว์นรก ดังนั้นไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นในที่ที่ท่านจากมา จงอย่ามีความโกรธแค้นเป็นอันขาด แต่จงเน้นสมาธิอยู่แต่ความกรุณา

    " ถ้าท่านเกิดยึดติดกับทรัพย์สมบัติที่ได้ทิ้งไว้เบื้องหลังหรือเกิดความรู้สึกหวงแหน โดยล่วงรู้มาว่า มีบุคคลอื่นจะได้ครอบครองบ้าน และเสพสุขจากมันแทนท่านแล้ว ท่านเกิดโกรธเกรี้ยวบุคคลที่ท่านได้จากมา แน่นอนว่ามันย่อมเป็นเหตุทำให้ท่านได้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก หรือเปรตอันหิวโหย แม้ว่าท่านกำลังจะได้ไปเกิดในภพชั้นสูงก็ตาม จำไว้เสมอว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การข้องแวะติดยึดในทรัพย์สมบัติ นั้นไม่มีประโยชน์ เพราะท่านไม่อาจจะครอบครองมันได้อีก จงระงับเสียซึ่งความปรารถนาและไขว่คว้าในทรัพย์สมบัติทั้งปวง จงทิ้งมันไป ทำการตัดสินใจให้แน่วแน่ ไม่ว่าใครจะเป็นของคนต่อไปก็ตามที ปล่อยให้มันดำเนินไปตามครรลอง อย่าหวงแหนอยู่เลย จงทำในใจด้วยจิตเป็นหนึ่งเดียวว่า ท่านกำลังถวายสิ่งเหล่านั้นให้แก่รัตนตรัยและดำรงอยู่ในสภาวะไร้ความปรารถนาใด ๆ

    " เมื่อพิธีกรรม สำหรับผู้ตายถูกประกอบขึ้นเพื่อท่าน และการชำระล้างต่อภพภูมิอันต่ำช้าถูกจัดทำขึ้นเพื่อท่าน โดยอาศัยประสาทสัมผัส เหนือมนุษย์อันละเอียดอ่อน ที่มีผลจากกรรมของท่านเอง ทำให้ท่านได้แลเห็นว่าพิธีกรรมนั้นทำโดยไม่บริสุทธิ์ เฉื่อยชา ไม่ใส่ใจทำอย่าง ลวก ๆ ปราศจากการอธิษฐาน ท่านจะรับรู้ได้ถึงการขาดศรัทธาและความไม่เชื่อมั่นในในคำสอน แลเห็นถึงอกุศลกรรมที่ทำขึ้นเพราะ ความหวาดกลัว และความมัวหมองแห่งพิธีกรรม ท่านจะคิดว่า ' ดูสิพวกเขากำลังหลอกลวงข้า ฯ ' ความคิดเช่นนี้จะทำให้ท่านเศร้าโศก เสียใจและสิ้นหวังท้อแท้ เมื่อถึงที่สุด ท่านจะไร้ศรัทธาอันบริสุทธิ์ นี้ย่อมเป็นเหตุทำให้ท่านตกไปสู่ภูมิอันต่ำช้า ความคิดเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ ใดเลย แต่กลับก่อผลเลวร้ายขึ้นอีก ดังนั้นไม่ว่าพิธีกรรมจะถูกประกอบขึ้นดดยญาติมิตรที่ท่านทิ้งไว้เบื้องหลังจะมีมลทินสักเพียงใด จงครุ่นคิดอย่างเปี่ยมล้นด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่นว่า " ภาพสะท้อนจากจิตของฉัน เป็นของเศร้าหมอง แต่จะมีความเศร้าหมองในถ้อยคำแห่งพระพุทธองค์ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เกิดภาพสะท้อนอันสับสนจากจิตของฉันเอง เปรียบดังแลเห็นความบูดเบี้ยวของใบหน้า ในกระจก อันที่จริงแล้วสำหรับคนเหล่านั้นร่างของเขาคือพระสงฆ์ คำพูดของเขาคือพระธรรม จิตของเขาคือพุทธภาวะ ดังนั้น ข้า ฯ ขอถือเอาเป็นสรณะ ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะมีพิธีกรรมเช่นใดประกอบขึ้นเพื่อท่าน มันก็จะช่วยเหลือท่าน เป็นการสำคัญมากที่จะมีความคิดอันบริสุทธิ์เยี่ยงนี้ อย่าลืมเป็นอันขาด

    " ถ้าท่านกำลังจะไปเกิดในภูมิอันต่ำช้าสามภูมิ และขณะที่ท่านกำลังจะไปอยู่ภูมินั้นเอง ญาติพี่น้องของท่านที่ท่านได้ละทิ้งไว้เบื้องหลัง กำลังประกอบพิธีกรรมทั้งไตรทวารอันได้แก่ กาย วาจา ใจ ดังนั้น ท่านจึงรู้สึกปีติยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อแลเห็นเช่นนั้น นี่จะเป็นเหตุให้ท่าน ได้ไปเกิดในภูมิชั้นสูงทันที แม้ว่าท่านกำลังจะเคลื่อนสู่ภูมิอันต่ำช้าก็ตาม ดังนั้นมันจึงช่วยท่านได้มาก เป็นการสำคัญที่ต้องนำคนให้ปลอดจากความคิดอันมัวหมอง หากให้มีศรัทธาอย่างบริสุทธิ์จริงใจไม่มีเคลือบแฝง จงตั้งใจให้ดี

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงบจนบัดนี้ จิตของท่านได้อยู่ในบาร์โดที่ปราศจากเครื่องพยุงค้ำ ดังนั้นมันจึงบางเบาและแกว่งไกว ไม่ว่าจะมีความคิดเช่นใดอุบัติขึ้น ทั้งดีและชั่วก็ตามมันจะทรมาณมาก ดังนั้นจงอย่าคิดถึงอกุศลกรรม จงระลึกถึงการปฏิบัติธรรม อันบริสุทธิ์ หากท่านไม่เคยฝึกฝนตนมาก่อน จงอุทิศตนอย่างจริงใจ และมีแต่ความคิดอันสว่างไสว จงขอยึดเอาองค์พระอวโลกิเตศวร ราชา และองค์ยิดัมผู้ทรงกรุณาอันไพศาล กล่าวท่องบทสวดอ้อนวอนเพื่อขอกำลังใจด้วยความแน่วแน่อย่างแรงกล้า




    เมื่อแยกจากมิตรสหายอันเป็นที่รัก
    ข้า ฯ เดินทางอย่างร่อนเร่โดดเดี่ยว
    รูปลักษณ์อันว่างเปล่าของภาพที่สะท้อนออกจากตัวฉันได้ปรากฏขึ้น
    ขอให้เหล่าพระพุทธองค์โปรดแผ่อำนาจแห่งกรุณามาถึง ข้า ฯ ด้วย
    เพื่อที่ความน่าสะพรึงกลัวแห่งบาร์โดจะไม่มาสู่ข้า ฯ
    เมื่อข้า ฯ ต้องผจญกับอำนาจจากอกุศลกรรม
    ขอให้องค์ยิดัมของข้า ฯ ได้ขจัดเสียซึ่งความทุกข์ทรมาณ
    เมื่อเสียงแห่งธรรมชาติคำรามขึ้นดังสายฟ้านานานับ
    ขอให้มันกลับกลายเป็นเสียงสวดของอักขระหกตัว
    เมื่อข้า ฯ ต้องติดตามวิบากกรรมไปโดยปราศจากผุ้ช่วยเหลือ
    ขอให้องค์ผู้ทรงกรุณาอันแผ่ไพศาล ( อวโลกิเตศวร )
    จงเป็นผู้ช่วยข้า ฯ ให้รอด
    เมื่อข้า ฯ ได้ทนทุกข์จากกรรมแห่งอำนาจใฝ่ต่ำโดยไม่รู้สึกตัว
    ขอให้สมาธิแห่งความปีติสุขและความสว่างไสวจงอุบัติขึ้น




    จงสวดมนต์บทนี้อย่างเข้มแข็ง มันจะนำทางท่านในบาร์โด จงเชื่อมั่นในมันว่าจะไม่นำไปสู่ความหลอกลวงหรือล้มเหลว นี้เป็นสิ่งสำคัญมาก "
     
  10. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    เมื่อคำชี้แนะเหล่านี้ผ่านไปแล้ว ผู้ตายจะจดจำและระลึกได้ และได้รับการปลดปล่อยในที่สุด แต่แม้นหากผู้ตายจะได้พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า การระลึกได้ก็เป็นของยาก เพราะอิทธิพลจากอกุศลกรรมนานา ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงเรียกชื่อของผู้ตาย และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล หากท่านไม่เข้าใจว่าได้บังเกิดสิ่งใดขึ้นแล้ว นับแต่บัดนี้ร่างของท่านในกาลก่อนจะบางเบาลง และร่างของท่าน ในอนาคตเบื้องหน้าจะกระจ่างชัดขึ้น ครั้นแล้วท่านจะรู้สึกเศร้าเสียใจและคิดว่า ' สภาพเช่นนี้ช่างทุกข์ทรมาณนัก ดังนั้นฉันจะแสวงหา ร่างอยู่ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม ' ครั้นแล้วท่านจะวิ่งพล่านไปเบื้องหน้า ไปด้านหลัง ไปยังทุกสิ่งที่ปรากฏขึ้น แสงทั้งหกแห่งภูมิทั้งหกจะ ฉายฉานและภูมิที่ท่านจะไปจุติอันเนื่องจากผลกรรมจะฉายฉานสว่างไสวที่สุด

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงฟัง หากท่านจะถามว่า แสงทั้งหกเป็นเช่นใดบ้าง แสงสีขาวคือภูมิแห่งเทพเทวา สีแดงเป็นภูมิแห่งอสูร สีน้ำเงินเป็นภูมิแห่งมนุษย์ สีเขียวเป็นภูมิแห่งเดรัจฉาน สีเหลืองเป็นภูมิแห่งเปรต หมอกควันเป็นภูมิแห่งนรก นี้คือแสงหกประเภท ในเวลานี้ร่างของท่านจะยึดเอาแสงของสถานที่ที่ท่านจะจากไปถือกำเนิด

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในยามนี้แก่นแท้แห่งคำสอนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ว่าแสงจากภูมิใดจะฉายฉาน จงแน่วแน่อยู่ในองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งมหากรุณา จงเพ่งพินิจความคิดว่าเมื่อลำแสงปรากฏขึ้น นั่นคือองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งมหากรุณา นี้คือประเด็นคำสอนอันลึกซึ้งที่สุด เป็นสิ่งสำคัญยิ่งและป้องกันการเกิดได้

    " จงเพ่งสมาธิเป็นเวลานานในเทพที่เป็นองค์ยิดัมประจำตนว่าเป็นนิมิตที่ปราศจากธรรมชาติอันแท้จริงในตัวมันเอง เปรียบดังมายา อันมีนามเรียกขานว่า กายมายาอันบริสุทธิ์ ครั้นแล้วจงปล่อยให้องค์ยิดัมปลาสนาการไปจากภายในและพิงพักชั่วขณะในสภาวะสว่างสุกใส ว่างเปล่าซึ่งมิได้ประกอบขึ้นจากสิ่งใด จงเพ่งสมาธิเยี่ยงนี้สลับไปมา และภายหลังจากนั้นปล่อยให้ดวงจิตของท่านปลาสนาการไปจาก ภายใน ที่ใดมีอากาศธาตุที่นั้นมีดวงจิตและที่ใดมีดวงจิตที่นั้นมีธรรมกาย ( สภาวะตามธรรมชาติ ) จงพักผ่อนอยู่ในภาวะอันเรียบง่าย และปราศจากตัวตนแห่งธรรมกาย

    ในสถานการณ์เช่นนี้การเกิดจะถูกขัดขวางและเขาจะกลายเป็นพุทธะผู้ตื่นแล้ว แต่ในบุคคลที่ผ่านการฝึกฝนมาเพียงเล็กน้อยและต่ำทราม และมิได้เชี่ยวชาญในวิปัสสนาญาณย่อมไม่อาจทำความเข้าใจในสาระสำคัญของคำสอน และจะยังดำรงความสับสนไว้ในตน ออกเร่ร่อน ไปจนถึงทางเข้าแห่งครรภ์มารดร ด้วยเหตุนี้คำแนะนำเพื่อปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นผู้ประกอบพิธีจึงควรเรียกชื่อ ของผู้ตายและกล่าวถ้อยความต่อไปนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถ้าท่านไม่อาจระลึกถึงสิ่งที่เกิดก่อนหน้านี้ ท่านจะรู้สึกว่ากำลังถูกดูดขึ้นลงหรือกวัดแกว่งไปมาโดยอิทธิพลของวิบากกรรม ดังนั้นในเวลานี้จงเพ่งสมาธิไปที่องค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า และจดจำถ้อยความเหล่านี้ให้จงได้

    " ต่อจากนี้ ท่านจะได้ประสบกับบรรยากาศอาการดังที่ได้พรรณามาแล้ว ทั้งพายุ ลมกรด พายุหิมะ และพายุจากนรกชั่ว ความมืด จะครอบคลุมในทุกแห่งหน ชายฉกรรจ์จำนวนมากจะออกไล่ล่าท่าน ท่านจะหนีจากเขาพ้นไปได้ บุคคลที่ปราศจากกุศลกรรมจะรู้สึก เหมือนถูกผลักไสไปยังสถานที่อันทุกข์ทรมาณ ในขณะที่บุคคลผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมจะรู้สึกดังได้ประสบกับสถานที่อันเปี่ยมด้วยความสุข

    " ในเวลานี้ ทายาทแห่งอริยสกุล สัญญาณทั้งปวงแห่งดินแดนและแห่งหนที่ท่านจะไปเกิดจะปรากฏขึ้น ดังนั้นจงฟังคำข้า ฯ อย่าแชเชือน มีประเด็นสำคัญอยู่ในคำสอนต่อไปนี้ แม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำความเข้าใจในความลับแห่งการระลึกได้มาก่อนก็ตาม และแม้ว่าท่านจะเป็น บุคคลที่มีการฝึกฝนในระดับต่ำ ท่านก็อาจจะได้รับประโยชน์ล้ำค่าในตอนนี้ ดังนั้น ตั้งใจฟังคำข้า ฯ ให้แน่ชัด

    " ในยามนี้ การปิดหนทางเข้าสู่ครรภ์มารดาเป็นเรื่องสำคัญมาก มีวิธีดำเนินการอยู่สองวิธีด้ยกันคือ หนึ่ง หยุดยั้งบุคคลที่จะล่วงสู่ครรภ์ อุทรเสีย สอง ปิดทางเข้าที่ถูกเลือกเสีย ในตอนนี้ท่านจะได้รับคำสอนที่ใช้ในการหยุดยั้งบุคคลผู้ที่กำลังจะล่วงเข้าไป

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ( ชื่อ ) จงสร้างนิมิตแห่งองค์ยิดัมประจำตนให้แจ่มชัด ทำความตระหนักรู้ว่านั้นคือนิมิตที่ปราศจากแก่นสาร แน่นอนในตัวเอง เปรียบประดุจดังภาพมายาหรือเงาจันทร์ในสายน้ำ ถ้าท่านไม่มีองค์ยิดัมประจำตนให้เพ่งนิมิตที่องค์พระอวโลกิเตศวรเจ้าแทน สร้างนิมิตให้ใสกระจ่าง ครั้นแล้วจงปล่อยให้องค์ยิดัมนั้นเลือนหายไปในกาย และเพ่งสมาธิจิตไปที่ความสว่างไสวอันว่างเปล่า โดยปราศจากเรื่องราวความคิดใด ๆ นี่คือเคล็ดวิธีอันลึกซึ้ง กล่าวกันว่าโดยอาศัยวิธีนี้ ครรภ์อุทรจะถูกกั้นมิให้ผ่านเข้าไป ดังนั้น จงเพ่งสมาธิเยี่ยงนี้ให้ได้ผล

    " ทว่า หากวิธีนี้ไม่อาจหยุดยั้งท่านลงได้ และท่านเกือบจะผ่านเข้าสู่ครรภ์อุทรอยู่แล้ว ยังมีคำสอนอันลึกซึ้งที่จะใช้ปิดทางเข้าสู่การเกิดได้ จงฟังตามให้ดี ท่องตามข้า ฯ ถ้อยคำเหล่านี้มีที่มาจาก " วลีสำคัญแห่งบาร์โดสภาวะ "

    บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยนได้ปรากฏขึ้น เบื้องหน้าข้า ฯ

    ข้า ฯ จะเพ่งจิตแน่วแน่มิหวั่นไหว
    และจะวิริยะบากบั่นในการสืบทอดผลจากกุศลกรรม
    ปิดเสียซึ่งทางเข้าสู่ครรภ์มารดาและขัดขืน
    ยามนี้ ความอดกลั้น และความคิดอันสว่างไสวเป็นที่ต้องการยิ่ง
    ข้า ฯ จะละทิ้งความริษยาทั้งปวงลงและเพ่งสมาธิแน่วแน่แต่องค์คุรุและองค์ศักติ ฯ


    จงกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อปลุกเร้าความทรงจำ เป็นเรื่องสำคัญมากที่ควรจะกำหนดสมาธิแน่วแน่ที่ความหมายของมัน และนำไปปฏิบัติ ความหมายของคำว่า ' บัดนี้ เมื่อบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยนได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าข้า ฯ ' หมายความว่า บัดนี้ท่านเองได้เร่ร่อนอยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน สัญญาณบ่งบอกนั้นได้แก่ ถ้าท่านจ้องมองลงบนผิวน้ำท่านจะไม่แลเห็นตัวท่านเลย อีกทั้งร่างของท่านยัง ปราศจากเงาประจำกาย บัดนี้กายเนื้ออันกอปรด้วยโลหิตและมังสะไม่ได้ดำรงอยู่อีกต่อไป เหลือเพียงแต่สัญญาณแห่งกายทิพย์ที่ร่อนเร่ อยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน ดังนั้นบัดนี้ท่านจะต้องแน่วแน่อยู่ในอารมณ์เป็นหนึ่ง การรวบรวมจิตไปที่จุดเดียวเป็นเรื่องสำคัญมาก เปรียบประดุจดังการควบคุมม้าด้วยบังเหียน หากท่านมุ่งจิตไปยังเรื่องใดมันจะอุบัติเป็นตัวคนขึ้น ดังนั้นจงอย่าพะวงคิดถึงเรื่องราวชั่วร้าย เป็นอันขาด จงระลึกถึงแต่ถ้อยความอันทรงคุณค่า พระธรรมสิ่งที่ได้เล่าเรียนมา รวมทั้งพระสูตร อันทรงคุณานูปการ ตัวอย่างเช่น พระสูตร " วิมุตติโดยการสดับฟัง " เป็นต้น ที่ท่านได้รับการสั่งสอนในโลกมนุษย์ และจงพยายามอิงแอบอยู่กับผลแห่งกรรมดีอันเป็น เรื่องสำคัญมาก อย่าลืมเป็นอันขาด อย่าหวั่นไหวใด ๆ ช่วงเวลาที่แบ่งแยกระหว่างการก้าวขึ้นสู่หรือร่วงหล่นสู่ที่ต่ำได้มาถึงแล้ว หากท่านแค่ได้พลัดหล่นไปในความเกียจคร้านเพียงพริบตา ท่านจะทนทรมาณนานนับกัปกัลป์ แต่หากท่านสามารถสำรวมจิตเป็นหนึ่งได้ ท่านจะมีความสุขตลอดกาล จงเพ่งจิตเป็นหนึ่งเดียวและอิงแอบอยู่ในกุศลกรรม


    บัดนี้เวลาที่จะต้องปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรได้มาถึงแล้ว นี่คือคำสอน

    จงปิดทางเข้าสู่ครรภ์มารดรและคิดต้านทานขัดขืน
    ความพากเพียรวิริยะและความคิดอันประภัสสรเป็นสิ่งสำคัญมาก


    ช่วงเวลาวิกฤตได้มาถึงแล้ว ในชั้นแรกทางเข้าสู่ครรภ์มารดรจะถูกปิดลง และมีวิธีการอยู่ห้าประการในการปิดกั้นมัน จงทำความเข้าใจให้ดี


    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้ภาพสะท้อนของชายหญิงที่เสพสังวาสกันจะปรากฏขึ้น เมื่อท่านแลเห็นพวกเขา อย่าได้มุ่งเข้าไปเป็นอันขาด ให้ท่านสร้างนิมิตว่า ชายหญิงทั้งคู่นั้นคือตัวแทนแห่งองค์คุรุและองค์ศักติประจำตน ท่านเองจงหมอบกราบทำความเคารพ และถวายเครื่องบูชาด้วยศรัทธาแรงกล้าและขอรับคำสอนสั่ง ขณะที่ท่านตั้งใจแน่วแน่อยู่ในความคิดนี้ ทางผ่านสู่ครรภ์มารดรจะถูกปิดลงเป็นแน่


    " ทว่าหากหนทางนี้ไม่อาจสัมฤทธิ์ผลลงได้ และตัวของท่านจวนจะผ่านไปเกิดแล้ว จงเพ่งสมาธิที่องค์คุรุและศักติว่าคือองค์ยิดัมประจำ ตนท่าน หรือเป็นองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้าและชายา ถวายเครื่องบูชาแด่เทพเหล่านี้อย่างเต็มใจ โดยศรัทธาแรงกล้า ท่านจงวอนขอท่านช่วย นำสู่ภาวะตรัสรู้ นี้จะปิดทางเข้าสู่ครรภ์มารดร


    " แต่แม้นว่าหนทางนี้ไม่สัมฤทธิ์ลง และท่านเกือบจะพลัดตกสู่ครรภ์มารดรแล้ว นี่คือคำแนะนำขั้นที่สามเพื่อหันเหจิตใจออกจากความ ปรารถนาและความก้าวร้าว การเกิดนั้นแบ่งออกเป็นสี่ประเภทด้วยกัน คือ หนึ่งเกิดจากไข่ สองเกิดจากมดลูก สามเกิดเอง สี่เกิดจาก ความเปียกชื้น ทั้งสี่ประเภทนี้ การเกิดจากไข่และเกิดจากมดลูกนั้นคล้ายคลึงกัน จากนิมิตก่อนหน้านี้ของชายหญิงคู่หนึ่ง หากท่านได้ เข้าสู่มดลูกในช่วงเวลานั้นตามอำนาจความโกรธและความปรารถนา ท่านย่อมไปเกิดเป็นม้า นก สุนัข มนุษย์ และสัตว์อื่น ๆ ไม่ว่าท่าน จะไปเกิดเป็นสัตว์ประเภทใดก็ตามที หากท่านจะถือกำเนิดเป็นบุรุษเพศ ท่านจะรู้สึกว่าตนเองเป็นบุรุษโดยพลันและรู้สึกโกรธเคืองตัวบิดา อย่างรุนแรง และรู้สึกปรารถนาในตัวของมารดา หากท่านจะเกิดเป็นสตรีท่านจะรู้สึกอิจฉาและริษยา อาฆาตต่อมารดา และเกิดคามต้องการ ในตัวบิดาอย่างยิ่ง สิ่งเหล่านี้จะชักจูงท่านเข้าสู่ครรภ์มารดร หลังจากนั้นท่านจะรู้สึกเป็นสุขเมื่อเชื้ออสุจิและรังไข่ได้มาประสบรวมตัวกัน ครั้นแล้วท่านจะสิ้นสติไป ไข่อ่อนจะขยายขนาด กลมขึ้น ๆ และก่อตัวเป็นรูปไข่ และในที่สุดเมื่อร่างกายได้เจริญเติบโตเต็มที่ และได้คลอดออกจากครรภ์มารดา ท่านจะเปิดตาออก และกลายร่างเป็นลูกสุนัข จากตอนแรกที่ได้เป็นมนุษย์ บัดนี้ท่านได้กลายเป็นสุนัข เสียแล้ว ดังนั้นท่านจะทนทรมาณอยู่ในกรงขัง หรือในเล้าหมู หรือในรังมด หรือในรูไส้เดือน หรือมิฉะนั้นก็จักถือกำเนิดเป็นวัวหนุ่ม หรือแกะ หรือแพะ ฯลฯ เป็นอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ ไม่ทวนกลับ ท่านจะต้องทนทุกข์นานาชนิด จากลำดับขั้นของความโง่งมอันใหญ่หลวง รวมทั้งอวิชชากล้า การวนเวียนอยู่ในภูมิทั้งหก ทั้งสัตว์นรก เปรต และสัตว์ต่าง ๆ ท่านจะทรมาณโดยความทุกข์นานัปการ ไม่มีสิ่งใดจะน่าหาดกลัวหรือทรงพลังมากไปกว่านี้ บุคคลใดก็ตามที่ไม่ได้ทำการศึกษาคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งคุรุธรรมย่อมตกลง ไปในหุบเหวแห่งวัฏสงสารตามอาการดังกล่าวนี้ และทนทรมาณเหลือคณานับ เป็นความทุกข์ทนที่ไม่อาจแบกรับได้ ดังนั้นจงฟังถ้อยคำ ของข้า ฯ และทำความเข้าใจให้ได้

    " บัดนี้คำแนะนำเพื่อปิดเสียซึ่งการเข้าสู่ครรภ์อุทรโดยการผละจากความก้าวร้าวและลุ่มหลงจะได้ส่งผ่านสู่ท่าน โปรดจงฟังให้ดี และทำความเข้าใจให้จงได้ ดังต่อไปนี้

    จงปิดทางผ่านสู่ครรภ์อุทรเสีย จงคิดขัดขืน บัดนี้เป็นช่วงเวลาที่ความวิริยะพากเพียรและมโนกรรมอันผ่องแผ้วเป็นสิ่งสำคัญ จงละทิ้งความริษยา และเพ่งสมาธิไปยังเหล่าคุรุและองค์ชายา

    เหตุการณ์ดังข้างต้นจะบังเกิดขึ้นอีก ท่านจะมีความรู้สึกริษยาแรงกล้าแรงกล้า ถ้าท่านจะต้องถือกำเนิดเป็นเพศชาย ท่านจะเกิดความรักใคร่ ในมารดาและเกลียดชังบิดายิ่งนัก แต่หากท่านจะต้องกำเนิดเป็นสตรี ท่านจะหลงใฝ่ในบิดาและชิงชังต่อมารดา คำสอนสั่งอันมีความ หมายลึกซึ้งจึงมีความสำคัญยิ่ง

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เมื่ออารมณ์ปรารถนาและความก้าวร้าวบังเกิดขึ้น ให้ท่าน ตั้งจิตเป็นสมาธิและนึกถึงแต่เพียงว่า ข้า ฯ เป็นสัตว์ผู้มากล้นด้วยอกุศลกรรมจึงได้เร่ร่อนอยู่ในสังสารวัฏตราบจนบัดนี้ โดยเหตุที่ข้า ฯ ยังผูกพันอยู่แต่อารมณ์ปรารถนาและความก้าวร้าว หากข้า ฯ ยังคงกระทำเช่นนี้ต่อไปอีก ข้า ฯ ย่อมต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏไม่สิ้นสุด และจมดิ่งไปในความลึกลับสุดหยั่งถึงแห่งมหาสมุทรของความทุกข์ทนเป็นเวลาเนิ่นนาน ดังนั้น บัดนี้ ข้า ฯ จะละทิ้งอารมณ์ปรารถนาและความก้าวร้าวทั้งมวล โดยเพ่งจิตของข้า ฯ อย่างแรงกล้าและไม่เบี่ยงเบนไปยังความคิดดังกล่าวนี้ ย่อมส่งผลให้ปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรได้ ในคัมภีร์แห่งตันตระมีคำกล่าวว่า ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล อย่าหวั่นไหว จงเพ่งจิตไปที่จุดเดียวไม่เบี่ยงเบน

    " แต่หากว่า ภายหลังการกระทำเช่นนั้น ทางเข้าสู่ครรภ์อุทรก็ไม่อาจปิดลงได้ และท่านก็เกือบจะผ่านเข้าไปแล้ว ดังนั้นมันจึงจำต้องถูกปิด โดยคำแนะนำที่ข้องเกี่ยวกับธรรมชาติอันไม่เป็นแก่นสารและลวงล่อของสรรพสิ่ง จงเพ่งจิตความคิดไปดังกล่าวนี้ว่า " โอม บิดร และมารดร มหาวายุอันเกรี้ยวกราด ลมกรด สายฟ้าแลบ ภาพสะท้อนอันน่าสะพรึงกลัวและปรากฏการณ์ที่ข้า ฯ ได้ประจักษ์เห็นล้วนเป็นมายา ไม่ว่ามันจะปรากฏตนในรูปใด มันหามีแก่นสารไม่ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นของเทียมและไม่จริง คล้ายดังภาพลวงตา มันไม่เที่ยงแท้แน่นอน มันไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ ความลุ่มหลงมีประโยชน์อะไร ความหวาดกลัวมีประโยชน์อะไร มันทำให้เราหลงคิดว่า สิ่งไม่มีแก่นสารนั้นมีแก่นสาร สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นภาพสะท้อนจากจิตของข้าฯ เอง และเนื่องจากจิตนั้นเป็นมายาและมิได้ดำรงอยู่ ตั้งแต่แรกเริ่ม มันจะเกิดขึ้นจากภายนอกได้ที่ไหน ข้าฯ ไม่เคยประจักษ์แจ้งเช่นนี้มาก่อนเลย และจึงหลงคิดว่าสิ่งไม่เที่ยงแท้นั้นเที่ยงแท้ สิ่งเท็จเป็นสิ่งจริง มายาคือแก่นสาร ดังนั้นข้า ฯ จึงได้เฝ้าวนเวียนออยู่ในสังสารวัฏนับกัลป์ และหากข้า ฯ ยังไม่ยอมตระหนักว่า มันเป็นภาพลวงตา ข้า ฯ ก็ย่อมจะร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏเป็นเวลาเนิ่นนานและจมดิ่งอยู่ใต้เปือกตมอันอับชื้นของความทรมาณ ณ บัดนี้ สิ่งทั้งปวงเปรียบเสมือนประดุจความฝัน เปรียบประดุจมายา เปรียบประดุจเสียงสะท้อน เปรียบประดุจตัวนครแห่งแคว้นคันฐารวาส เปรียบประดุจภาพหลอน เปรียบประดุจภาพลวงตา เปรียบประดุจดังความพิการแห่งจักษุสัมผัส เปรียบประดุจดังเงาจันทร์บนผืนน้ำ มันย่อมไม่อาจเป็นจริงไปได้ แม้เพียงชั่วขณะก็ตามที จริงแล้วมันหามีแก่นสารใดไม่ แต่กลับอุดมไปด้วยความเท็จ

    " ด้วยความแน่วแน่แรงกล้าในความคิดเช่นนี้ จงเชื่อมั่นในความจริงแม้ว่ามันจะสั่นคลอน เมื่อใดก็ตามที่บุคคลใดได้ยึดมั่นในความคิดเช่นนี้ อย่างแรงกล้า ความลุ่มหลงในอัตตาจะถูกขจัดสิ้นไป ถ้าท่านเข้าใจความไร้แก่นสารจากก้นบึ้งแห่งหัวใจ ทางผ่านสู่ครรภ์อุทรย่อมถูกปิดลง แน่นอน

    " แต่แม้จะกระทำดังกล่าวนี้แล้ว ความยึดมั่นที่ว่าสรรพสิ่งนั้นเที่ยงแท้ก็ไม่อาจจะถูกทำลายลงได้ ประตูสู่ครรภ์อุทรก็ยังไม่ถูกปิดลง และท่านเองก็เกือบจะหลุดเข้าไปสู่ครรภ์อุทรแล้ว จงฟังคำตักเตือนอันลึกซึ้งต่อไปนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล หลังจากลงมือประกอบกิจดังกล่าวแล้ว ทางเข้าสู่ครรภ์อุทรก็ยังไม่ปิดลงไปได้ ดังนั้นโดยอาศัยวิธีที่ห้า ซึ่งเป็นการเพ่งจิตไปที่ความใสสว่างจักช่วยท่านได้ พึงปฏิบัติดังนี้

    ' สิ่งทั้งหลายทั้งปวงอุบัติจากจิตของฉันเอง และจิตของฉันเองนั้นล้วนว่างแต่เดิม มันไม่อาจอุบัติขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้ ' จงเพ่งความคิดที่เรื่องนี้ รักษาจิตให้อยู่ในภาวะธรรมชาติและไม่หวั่นไหว ดำรงอยู่ในธรรมชาติเดิมของมัน ดุจดังน้ำที่เติมลงในน้ำ ผ่อนคลาย เปิดโล่งและอ่อนโยน โดยการปล่อยให้มันเป็นไปอย่างธรรมชาติและเปิดเผย ท่านสามารถแน่ใจได้ว่า ทางเข้าสู่ครรภ์อุทร ที่ก่อให้เกิดสี่ประเภทจะต้องถูกปิดลงอย่างแน่นอน "
    คำสอนอันเป็นสัตย์จริงและลึกซึ้ง ที่ใช้ในการปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทร ได้รับการถ่ายทอดมาแล้วนับแต่เบื้องต้น ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะมีคุณธรรม สูงส่งหรือต่ำทรามเพียงใดก็ตาม ย่อมได้รับการปลดปล่อยสู่วิมุตติสุขในที่สุด ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเล่า ? สาเหตุแรกนั้นเป็นเพราะวิญญาณ ในบาร์โดสภาวะได้ครอบครองญาณสัมผัสอันเหนือธรรมคติ ดังนั้นพวกเขาย่อมสดับได้ในถ้อยคำที่กล่าวทวน สาเหตุประการที่สองนั้นคือ แม้ว่าเขาหูหนวก ตาบอดก็ตามที บัดนี้เขากลับมีประสาทสัมผัสอันเพียบพร้อม ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ยินในถ้อยคำที่ถูกกล่าวออกมา ประการสาม เนื่องจากความกลัวเข้าครอบงำอย่างต่อเนื่อง เขาจึงครุ่นคิด ไม่เขวเป็นอื่นว่าจะทำอะไรดี ดังนั้นเขาจึงฟังสิ่งที่ข้าฯ พูด ประการที่สี่ ในขณะที่ดวงวิญญาณปราศจากสิ่งค้ำจุน มันย่อมสามารถเดินทางไปได้ในทุกแห่งหนดังใจนึกคิด จึงย่อมสะดวกที่จะชักนำจิต ไปในทางที่ควร และเนื่องจากจิตปัจจุบันสะอาดใสกว่าเดิมถึงเก้าเท่า ดังนั้นแม้เขาจะทึ่มโง่สักเพียงใด อาศัยอำนาจจากวิบากกรรม ในยามนี้จิตย่อมแจ่มใสจนอาจจดจ่อแน่วแน่ในสิ่งที่ถ่ายทอด ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การประกอบพิธีกรรมเพื่อผู้ตายจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

    ดังนั้นการเฝ้าอ่านคัมภีร์ " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง " นี้เป็นเวลาถึงเก้าวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก แม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้รับการปลดปล่อย ในวันแรก ๆ ก็ตาม เขาก็อาจได้รับการปลดปล่อยในภายหลังก็ได้ ดังนั้นคำสอนสั่งจึงมีแยกออกเป็นจำนวนมาก

    ทว่า ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่เคยชินกับการประกอบกุศลกรรม ทว่ากลับมากไปด้วยอกุศลกรรมมาแต่เริ่ม อาจอยู่ภายใต้ม่านคลุมแห่ง ความพิกลพิการทางจิตอันทรงพลัง ซึ่งทำให้เขาไม่ได้พานพบกับวิมุตติสุข ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับการบอกเล่าและชี้แนะอารมณ์ ( วัตถุ ) เพื่อใช้ในการทำสมาธิหลายครั้งหลายครากันก็ตามที ดังนั้นบัดนี้ หากหนทางเข้าสู่ครรภ์อุทรยังไม่ได้รับการสกัดกั้นลง คำสอนอันลึกซึ้ง เพื่อคัดเลือกเส้นทางสู่การเกิดจำต้องได้รับการถ่ายทอด เบื้องแรก ท่านควรอ้อนวอนเพรียกหาต่อเหล่าองค์พุทธะและองค์โพธิสัตว์ เพื่อขอความช่วยเหลือท่าน กล่าวไตรสรณคมน์ แล้วจึงเรียกชื่อผู้ตายสามครั้ง และกล่าวข้อความต่อไปนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ( ชื่อ ) ที่ได้ละโลกนี้ไป จงฟังคำข้า ฯ ถึงแม้ว่าท่านจะได้รับการถ่ายทอดคำสอนดังข้างต้นหลายครั้งหลายครา ด้วยกัน ท่านก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ณ บัดนี้ หากทางเข้าสู่ครรภ์อุทรยังไม่ได้ปิดลง เวลาที่ท่านต้องละร่างและสถานที่ไปเกิด ได้มาถึงแล้ว มีคำสอนอันลีกซึ้งและเป็นสัตย์จริงมากมายที่ท่านจะใช้เลือกทางเข้าสู่ครรภ์อุทร ดังนั้นจงทำความเข้าใจให้ดีอย่าหลงลืมละเลย จงตั้งใจฟังด้วยความแน่วแน่มั่นคง และทำความเข้าใจให้ได้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล บัดนี้สัญญาณและลักษณาการแห่งดินแดนที่ท่านจะไปเกิดจะบังเกิดขึ้น ดังนั้นพึงทำความจดจำให้ได้ จงตรวจสอบและเลือกดินแดนที่ท่านจะไปถือกำเนิด

    " ถ้าท่านจะไปเกิดในดินแดนตะวันออก อริยบุคคล ท่านจะแลเห็นทะเลสาปห้องล้อมด้วยฝูงห่านตัวผู้และตัวเมีย จงพยายามขัดขืน และอย่าไปเกิดยังที่แห่งนั้น ถึงแม้ว่ามันจะดูเปี่ยมไปด้วยความสุข มันเป็นสถานที่ที่พระธรรมจะไม่มีวันแพร่ไปถึง ดังนั้น จงอย่าเข้าไปเป็นอันขาด

    " ถ้าท่านจะไปเกิดในดินแดนตะวันตก ดินแดนแห่งฝูงวัวป่าอันคึกคะนอง ท่านจะแลเห็นทะเลสาปห้อมล้อมด้วยม้าตัวผู้และม้าตัวเมีย อย่าเข้าไป จงถอยกลับ ถึงแม้ว่ามันจะดูมีความปีติสุข มันก็ยังเป็นสถานที่ที่พระธรรมจะไม่มีวันแพร่ไปถึง ดังนั้นจงอย่าได้เข้าไปเป็น อันขาด

    " ถ้าท่านจะไปเกิดในดินแดนทางตอนเหนือ ดินแดนแห่งสำเนียงอันไม่พึงใจ ท่านจะแลเห็นทะเลสาปห้องล้อมด้วยฝูงวัวหรือต้นไม้ จงจำไว้ว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิด อย่าได้เข้าไปเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าท่านจะมีอายุยืนและมีทรัพย์สินมหาศาล แต่พระธรรม จะไม่เผยแพร่ไปถึง ดังนั้นจงอย่าเข้าไปเป็นอันขาด

    " ถ้าท่านจะต้องไปเกิดในเทวโลก ท่านจะแลเห็นวัดวาอารามหลายสถาน ประดับประดาด้วยจินดามณีอันล้ำค่า ถ้าท่านเหมาะสมกับสถานที่ แห่งนั้น ท่านก็ควรจะเดินทางเข้าไป

    " ถ้าท่านจะต้องไปเกิดในอสุรภูมิ ท่านจะได้แลเห็นพุ่มไม้อันงดงาม หรือกงล้อแห่งไฟบรรลัยกัลป์ อย่าเข้าไปเป็นอันขาดแต่จงขัดขืน

    " ถ้าท่านจะต้องไปเกิดในเดรัจฉานภูมิ ท่านจะได้แลเห็นถ้ำหินอันมืดมัว และร่องรูใหญ่บนพื้นดิน รวมทั้งกระท่อมฟาง จงอย่าฝ่าเข้าไปเป็น อันขาด


    " ถ้าท่านจะต้องไปเกิดในเปรตภูมิ ท่านจะได้แลเห็นตอไม้และซากไม้สีดำทะมึนเกาะติดอยู่ด้วย คูกาสึกและพื้นดินดำ ถ้าท่านจะไปเกิดที่ แห่งนี้ ท่านจะถือกำเนิดเป็นเปรต และประสบความทรมาณนานา รับโทษจากความโหยหิวและกระหาย ดังนั้นอย่าเข้าไปเป็นอันขาด จงขัดขืนอย่างเต็มที่

    " ถ้าท่านจะไปเกิดในนรกภูมิ ท่านจะได้ยินบทเพลงที่ขับร้อง โดยบุคคลที่เปี่ยมด้วยอกุศลกรรม หากท่านถูกดึงดูดเข้าไปอย่างหมดทาง แก้ไข ท่านจะพบปะตนเองกำลังเดินทางผ่านเส้นทางอันมืดมิด จะปรากฏเคหาสนืสีดำและสีแดง คันถนนและถนนสีดำ ถ้าผ่านไปยังที่ แห่งนั้น ท่านจะต้องผ่านเข้าไปสู่ประตูนรก และประสบกับความทรมาณอันหาที่สุดมิได้ ผ่านความเร่าร้อนและหนาวเหน็บจากสถานที่ อันหลบหนีไม่ได้ จงอย่าพลัดหลงเข้าไปเป็นอันขาด อย่าก้าวฝ่าไปในสายหมอก จงตั้งใจระวังอย่างแน่วแน่ มีคำกล่าวว่า ' จงปิดทางเข้า สู้ครรภ์อุทรและจงคิดขัดขืน ' นี่คือสิ่งสำคัญในตอนนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถึงแม้ว่าท่านไม่ปรารถนาจะไปที่ใดเลย ท่านก็ปราศจากพลังอำนาจในตนเอง ท่านถูกบังคับผลักดันไปอย่างไร้ทางช่วย ด้านหลังของท่านจะมีเจ้ากรรมนายเวรผลักไสท่าน เบื้องหน้าเจ้ากรรมนายเวรและฆาตกรจะลากท่านไปตามทาง ความืดมืด พายุสลาตัน พายุร้าย เสียงขู่หิมะ และพายุฝน พายุลูกเห็บอันน่าหวาดกลัวและพายุหิมะจะควงหมุนอยู่รอบ ๆ ตัวท่าน จนท่านปรารถนา จะหลบหนี ในการหลบหนีท่านจำต้องหาที่พักพิง และท่านจะรู้สึกปลอดภัยในคฤหาสน์ล้ำค่าดังกล่าวข้างต้น หรือในที่พักซอกหินผา หรือในหลุมรูบนพื้นดิน ที่ว่างระหว่างต้นไม้ หรือในหุบถ้ำแห่งกอบัว เป็นต้น เมื่อหลบซ่อนอยู่ในที่เหล่านี้ ท่านจะเกิดความหลงใหล ผูกพันในที่ดังกล่าว ท่านเกิดความหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญกับสิ่งพรั่นพรึงในบาร์โดอีกหากจำต้องออกไปสููุุุุุ่่๋๋ภายนอก ท่านหวาดกลัวมายา เหล่านั้นเป็นอันยิ่ง ท่านจึงหลบซ่อนอยู่ข้างใน และยังยอมรับเอารูปกายอันใดอันหนึ่งเป็นที่ยึดครอง ไม่ว่ามันจะเลวร้ายสักเพียงใด และประสบกับความทุกข์ทรมาณทุกรูปแบบ นี่เป็นสัญญาณว่าอำนาจแห่งความชั่วร้ายและเหล่าปิศาจกำลังขัดขวางท่านอยู่ในขณะนี้ มีคำสอนอันลึกซึ้งประการหนึ่งที่จะช่วยเหลือท่านได้ ดังนั้น จงฟังและทำความเข้าใจให้ดี

    " ในช่วงเวลาอันน่าหวาดกลัวนี้ เมื่อท่านถูกลากจูงไปโดยไม่มีทางขัดขืนจากเจ้ากรรมนายเวร ท่านควรจะสร้างนิมิตโดยนึกถึงเทพเฮรุกา หรือเทพหยะครีวะ หรือเทพวัชรปาณี หรือองค์ยิดัมประจำตน ที่มีร่างกายและแขนขาอันใหญ่โตมโหฬาร สร้างภาพว่าเขายืนตระหง่าน เต็มไปด้วยความพิโรธอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งขจัดล้างอำนาจชั่วร้ายให้เป็นผุยผงไป เมื่อถูกแยกออกจากเจ้ากรรมนายเวรโดยอำนาจ จากความกรุณาและความศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทวยเทพ ท่านจะมีอำนาจจนสามารถเลือกทางเข้าสู่อุทรได้ นี่เป็นความลับอันลึกซึ้งแห่งคำสอน จงทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ทวยเทพแห่งสมาธิจิตและเหล่าคุรุทั้งหลายล้วนก่อกำเนิดจากพลังอำนาจแห่งสมาธิ บรรดาวิญญาณภูติผีกลุ่มต่าง ๆ เช่น เหล่าฝูงเปรต ฯลฯ ล้วนเปลี่ยนแปลงท่าทีแห่งจิตได้ในบาร์โด ดังนั้นมันจึงสามารถจะปรากฏตนในรูปมายาต่าง ๆ ของมันได้ และยัง แปรเปลี่ยนเป็นกายทิพย์แบบต่าง ๆ ได้อีก พวกฝูงเปรตที่อาศัยอยู่ในส่วนลึกของท้องทะเล ฝูงเปรตที่โบยบินผ่านท้องอากาศเวิ้งว้าง และฝูงเปรตหมื่นจำพวกที่มีอำนาจอันชั่วร้าย ล้วนสามารถสร้างกายทิพย์ได้โดยการเปลี่ยนท่าทีแห่งจิต ในยามนี้ สิ่งที่ดีที่สุดได้แก่การภาวนา ถึงมหาสัญลักษณ์แห่งสุญตาธรรม แต่หากท่านไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ ก็จงเข้าร่วมในการละเล่นแห่งนิมิตมายาทั้งหลายนี้ แต่หากท่าน ไม่อาจประพฤติได้ในทั้ง ๒ กรณีนี้ ก็ควรที่จะไม่ผูกพันข้องแวะกับสิ่งใดเลย ทว่าจงเพ่งสมาธิไปที่องค์ยิดัมของท่าน และองค์พระอวโลกิเตศวรพุทธ และท่านจะกลายร่างเข้าสู่สัมโภคกายพุทธในบาร์โดภาวะ


    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถ้าท่านจำต้องเข้าสู่ครรภ์อุทรโดยวิธีนี้ผ่านแรงผลักไสจากผลวิบากกรรม คำแนะนำสั่งสอนเพื่อเลือกทางเข้า สู่ครรภ์อุทรจำต้องได้รับการถ่ายทอด จงฟังคำข้า ฯ อย่าผ่านเข้าไปสู่ครรภ์อุทรที่ปรากฏขึ้น ถ้าเจ้ากรรมนายเวรมาถึงและท่านไม่สามารถ หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปสู่ครรภ์อุทรได้ จงเพ่งสมาธิไปที่เทพหยครีวะ ด้วยเหตุที่ท่านสามารถรับรู้สิ่งเหนือธรรมชาติที่ละเอียดอ่อน ท่ายย่อมรู้จักทุกสถานที่ในพิภพ ดังนั้น จงทำการเลือกสรร มีข้อแนะนำสองประการ สำหรับการผ่านเข้าสู่พุทธภูมิ และการผ่านเข้าสู่ สังสารวัฏอันไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นพึงกระทำดังนี้


    " การเคลื่อนย้ายภูมิบริสุทธิ์แห่งอากาศธาตุ ( แดนสุขาวดี ) อันเป็นแดนบริสุทธิ์สะอาดใสนั้น ควรปฏิบัติดังนี้ จงระลึกว่า ' มีความเศร้าสักปานใดหนอที่ข้า ฯ ได้วนเวียนอยู่ในเปือกตมแห่งห้วงวัฏสงสาร ภายใต้วันเวลาอันยาวนานที่ไม่อาจจะนับได้ ปราศจาก ซึ่งจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ขณะที่สรรพสัตว์จำนวนมากได้กลายเป็นพุทธองค์ผุ้สักดิ์สิทธิ์ ข้า ฯ ก็ยังมิได้พานพบกับอิสรภาพ นับแต่บัดนี้ ข้า ฯ รู้สึกเจ็บป่วยท้อแท้ในห้วงสังสารวัฏยิ่งนัก ข้า ฯ หวาดกลัวมันเป็นที่ยิ่ง ข้า ฯ รู้สึกอิดโรยกับมันอย่างแสนสาหัส ถึงเวลาที่ข้า ฯ จำต้องหลบหนีไป ด้วยเหตุนี้ข้า ฯ จำต้องเกิดเองที่ดอกอุบลชาติใต้เบื้องบาทของพระอมิตตาพุทธในดินแดนสุขาวดีทิศตะวันตก ' โดยอาศัยการเพ่งสมาธิอย่างแรงกล้าไปยังดินแดนสุขาวดีทิศตะวันตก ย่อมเสริมกำลังใจให้มีความพยายาม หรือมิฉะนั้นหากท่านสามารถ ควบคุมอำนาจความแน่วแน่อันแรงกล้านี้ เป็นจุดเดียวและไม่แชเชือนตรงต่อภูมิที่ท่านปรารถนา อาทิเช่น ภูมิแห่งความบริสุทธิ์ หรือภูมิแห่งมหาสุขา หรือภูมิแห่งความเอิบอิ่ม ภูมิแห่งม่านไทร หรีอภูมิแห่งภูผาต้นปาล์ม หรือพระราชวังแห่งอุบลรัศมี ท่านจะเกิด อย่างฉับพลันในภูมิเหล่านี้ หรือหากท่านปรารถนาจะเข้าสู่ใต้เบื้องอำนาจแห่งพระศรีอารย์ ก็จงตั้งจิตแน่วแน่ในความคิดเยี่ยงนี้ ' ในบาร์โดภาวะขณะนี้ ช่วงเวลาของข้า ฯ ที่จะเข้าสู่ดินแดนแห่งพระศรีอารยเมตไตรย์ในภูมิสันติสุขได้มาถึงแล้ว ดังนั้นข้า ฯ จึงต้องออก เดินทางแล้ว ' และท่านจะเกิดเองในใจกลางดอกอุบลแห่งภูมิอันปีติสุขของพระศรีอารยเมตไตรย์

    " แต่หากว่า ท่านไม่อาจประพฤติปฏิบัติได้ และท่านเกิดความปรารถนาที่จะเข้าสู่ครรภ์อุทร หรือพบว่า ท่านจำต้องเลือกทาง เข้าสู่ครรภ์อุทรใด ๆ บัดนี้มีคำแนะนำสำหรับเลือกทางเข้าสู่ครรภ์อุทรอันไม่บริสุทธิ์ในสังสารวัฏ จงตั้งใจฟังให้ดี เบื้องแรก จงพิศดูดินแดน ที่ท่านกำลังจะไปสู่ด้วยอำนาจประสาทสัมผัสอันเหนือธรรมชาติและเลือกดินแดนที่พระธรรมได้เผยแพร่ไปถึง

    " หากท่านจะต้องเกิดโดยพลันในมูลสัตว์อันโสมม ท่านจะเกิดความรู้สึกว่ามูลสัตว์เหล่านี้มีกลิ่นหอม ท่านปรารถนาจะชื่นชมมัน และจึงไปเกิดยังสถานที่แห่งนั้น ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม จงอย่าหลงใหลข้องแวะกับมันเป็นอันขาด ทว่าจงระงับความปรารถนา และความก้าวร้าวเกลียดชังลง และเลือกทางเข้าสู่ครรภ์อุทรดังนี้

    " บัดนี้ เป็นวาระสำคัญยิ่งที่ต้องแน่แก่ใจดังนี้ ' ข้า ฯ จะต้องไปเกิดเป็นจักรพรรดิแห่งสากลจักรวาลเพื่ออำนวยประโยชน์แก่สรรพสัตว์ หรือเกิดเป็นพระพรหมที่อำนวยประโยชน์แก่บริพารดุจต้นสาละใหญ่อำนวยประโยชน์แก่สรรพสัตว์ หรือถือกำเนิดเป็นทายาทพวกสิทธา หรือเกิดในครบครัวแห่งเชื้อสกุลแห่งธรรมะอันศักดิ์สิทธิ์ หรือในครอบครัวที่บิดาและมารดามีความศรัทธาแรงกล้าและได้ครอบครอง ร่างกายอันเปี่ยมไปด้วยคุณงามความดีเพื่ออำนวยประโยชน์แก่สรรพสัตว์ ข้า ฯ จะประกอบแต่กุศลกรรม ' โดยการแน่วแน่อยู่ในความคิด ดังกล่าวนี้ การเคลื่อนย้ายสู่ครรภ์อุทรจะบังเกิดขึ้น ในช่วงเวลานี้ท่านควรชื่นชมครรภ์มารดาเปรียบประดุจดังวิมานของทวยเทพ และวิงวอนต่อบรรดาเหล่าพุทธองค์ และองค์โพธิสัตว์ในทิศทั้งสิบ และหมู่ยิดัม โดยเฉพาะในองค์พระอวโลกิเตศวรพุทธะ และเข้าสู่ ครรภ์อุทรด้วยความปรารถนาเพื่อจะอำนวยสุขต่อสรรพสัตว์

    " เป็นไปได้ที่อาจเกิดความผิดพลาดในการเลือกทางเข้าสู่ครรภ์อุทรโดยวิธีนี้ โดยการสำคัญว่าเส้นทางอันดีเลศเป็นเส้นทางอันต่ำช้า และแลเห็นเส้นทางอันต้ำทรามเป็นของดีวิเศษ โดยอิทธิพลจากวิบากกรรม ด้วยเหตุนี้การจดจำประเด็นสำคัญในคำสอนจึงเป็น เรื่องสำคัญยิ่ง ด้วยเหตุนี้พึงกระทำเช่นนี้ แม้ว่าทางเข้าสู่ครรภ์อุทรจะดูงดงามก็จงอย่าไว้ใจ และหากมันดูเลวทรามก็อย่าหยามเหยียด ความลับอันสำคัญ ลึกซึ้ง และเป็นสัจธรรมนั้นได้แก่ การเข้าสู่สภาวะสูงสุดแห่งดุลยภาพที่ปราศจากดีชั่ว ยอมรับหรือผลักไส มุ่งหวังหรือเกรี้ยวกราด
    ทว่าในบุคคลที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ เป็นการยากที่จะขจัดโรคร้ายแห่งอาการใฝ่ต่ำได้ ดังนั้นเพื่อช่วยเหลือมิให้ไปอยู่ ท่ามกลางฝูงคนชั่ว คนต่ำทรามดังสัตว์ป่า หากว่าเขาไม่อาจหย่าขาดจากอารมณ์ปรารถนาและความก้าวร้าวด้วยวิธีนี้ ผู้อ่านควรเรียก ชื่อผู้ตายอีกครั้งและกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้

    " ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล หากท่านไม่ล่วงรู้ว่าจะเลือกหนทางเข้าสู่ครรภ์อุทรได้ด้วยวิธีใด และไม่อาจกำจัดอารมณ์ปรารถนา และความ ก้าวร้าวได้ ไม่ว่าประสบการณ์ดังกล่าวข้างต้นจะบังเกิดในรูปแบบใด จงขานพระรัตนตรัยและขอถือเอาเป็นสรณะ จงรออ้อนวอนต่อองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า เดินหน้าต่อไป เชิดศีรษะให้ตรง ละทิ้งความผูกพันข้องแวะและเพรียกหาญาติมิตรเพื่อนฝูง บุตรและธิดาที่ท่านได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง พวกเขาไม่อาจช่วยเหลือท่านได้ จงมุ่งสู่แสงสีครามของมนุษย์และแสงสีขาวแห่งเทวดาภูมิ เข้าสู่พระราชวังอัญมณีและวนาอันรื่นรมย์
     
  11. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    คำสวดควรท่องขานถึงเจ็ดวาระ ครั้นแล้วผู้อ่านควรอ้อนวอนต่อองค์พุทธะและหมู่โพธิสัตว์และอ่าน " บทสวดแห่งบาร์โดที่ปกป้องจาก ความหวาดกลัว " " วลีสำคัญในบาร์โด " และ " การปลดปล่อยให้รอดจากหนทางอันตรายในบาร์โด " ถึงเจ็ดวาระ ครั้นแล้วจึงอ่าน " คัมภีร์วิมุตติโดยการสวมใส่ ซึ่งปล่อยขันธ์ทั้งห้า " และ " คัมภีร์ฝึกฝนประจำวันซึ่งปลดปล่อยให้พ้นจากการหลั่งไหลมัวเมา " อย่างชัดถ้อยชัดคำและถูกต้อง

    ด้วยเหตุนั้นโดยการประกอบกิจอย่างถูกต้อง หมู่วิปัสสนาจารย์ที่สำเร็จซึ่งอำนาจวิปัสสนาญาณชั้นสูง จะสามารถปลดปล่อยดวงวิญญาณ ได้ในบาร์โดชั่วขณะก่อนตายและไม่จำเป็นต้องเร่ร่อนในบาร์โดสภาวะ แต่จะล่วงผ่านมันและได้รับซึ่งวิมุตติสุขได้ เขาเหล่านั้นบุคคลผู้มี ประสบการณ์เพียงไม่กี่คนจะระลึกได้ถึง แสงสุกใสแห่งธรรมดา ภายหลังภาวะบาร์โดแห่งชั่วขณะก่อนตาย และล่วงผ่านเสียได้ กลับกลายเป็นองค์พุทธ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเขาจักถูกปลดปล่อยตามผลแห่งกรรมในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เมื่อภาพสะท้อนอันสันติและโกรธเกรี้ยว ปรากฏในบาร์โดแห่งธรรมดาในระหว่างช่วงสัปดาห์ถัดมา เนื่องจากบาร์โดสภาวะมีหลายขั้นด้วยกัน พวกเขาจะรู้ว่าขั้นใดที่เหมาะสม และบรรลุวิมุตติในขั้นนั้น

    ทว่าในบุคคลที่มีกุศลกรรมอันเบาบางและครอบครองซึ่งม่านพิกลพิการทางจิตและอกุศลกรรมอันอัปประมาณ จะมุ่งหน้าต่ำลงสู่บาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน แต่เนื่องด้วยความหลากหลายของคำสอนที่เปรียบประดุจดังขั้นบันไดอันแตกต่างกัน หากเขาผู้มีกุศลกรรม อันเบาบางมิอาจทำการระลึกได้จากคำอ่านข้างต้นและยังถูกครอบงำด้วยความหวาดหวั่น ก็ยังคงมีกลุ่มของคำชี้แนะเพื่อทำการปิดกั้น ทางเข้าสู่ครรภ์อุทร หรือเลือกเฟ้นทางเข้าสู่ครรภ์อุทรขั้นใดขั้นหนึ่ง และเชื่อถือในอารมณ์ ( วัตถุ ) แห่งสมาธิภาวนาประเภทใด ประเภทหนึ่งและเข้าสู่สภาวะชั้นสูงสุดแห่งคุณธรรมอันประมาณค่ามิได้

    แม้กระทั่งในสัตว์ที่ต่ำช้าเหลือประมาณ เช่น สัตว์ป่า ย่อมจักเลื่อนภูมิตนเองขึ้นมาได้โดยอาศัยคุณธรรมแห่งการถือไตรสรณคมน์ พวกมันย่อมครองร่างมนุษย์อันล้ำค่าที่เคลื่อนไหวได้สะดวก มีโอกาสประกอบกิจต่าง ๆ ได้ และในชีวิตใหม่ย่อมจะได้พบกับ วิปัสสนาจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ กัลยาณมิตร พวกเขาย่อมจะได้รับการสอนสั่งและได้พบกับวิมุตติสุข

    ถ้าคำสอนเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดในช่วงบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน คำสอนจะทำให้กุศลกรรมมีอำนาจแรงกล้า เปรียบดังการสอดท่อยาว ลงในช่องน้ำที่แยกออก แม้กระทั่งในบุคคลที่ประกอบอกุศลกรรมหนักก็ยังได้รับการปลดปล่อยสู่วิมุตติสุข เหตุไฉนจึงเป็นดังนั้น ? เพราะว่าในช่วงที่เขาเร่ร่อนอยู่ในบาร์โดภาวะ การเชิญเชื้อจากเหล่าพระพุทธองค์และทวยเทพทั้สันติและดุร้าย อีกทั้งการยวนยั่วแห่งอำนาจ ใฝ่ต่ำจะปรากฏตนขึ้นพร้อมกัน ดังนั้น เพียงแต่ได้สดับคำสอนในเวลานี้ ท่าทีแห่งจิตของเขาย่อมจะได้รับอานิสงส์จากคำสอน และเข้าสู่วิมุตติภาวะ สาเหตุที่เขาได้รับอานิสงส์โดยง่ายนั้นเป็นเพราะกายทิพย์ของเขานั้นปราศจากชีวิตเนื้อหนังและโลหิต ไม่ว่าพวกเขา จะเร่ร่อนไปไกลสักเพียงใด พวกเขาย่อมแลเห็นและได้ยินโดยอาศัยประสาทสัมผัสอันเหนือธรรมชาติศซึ่งมีส่วนช่วยพวกเขาได้มาก เมื่อใดที่เขาทำความเข้าใจคำสอนได้ จิตของพวกเขาจะได้รับอานิสงส์ในทันที เปรียบประดุจอุปกรณ์เยี่ยงหนังยาง หรือลำต้นไม้ใหญ่ ๆ ที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้แม้จะอาศัยชายฉกรรจ์นับร้อย ๆ ทว่าเมื่อมันถูกนำไปลอยบนผืนน้ำ บุคคลเพียงคนเดียวก็สามารถโยกย้ายมันไปได้ ทุกที่ตามใจปรารถนา ประดุจดังการควบคุมม้าป่าด้วยบังเหียร

    ด้วยเหตุนี้ ผู้อ่านควรอยู่ใกล้ผู้ตาย และหากซากศพยังคงมิได้ปลงให้ล่วงไป กัลยาณมิตรของเขาควรอ่านทวนข้อความในคัมภีร์จนกระทั่ง เลือดและน้ำเลือดได้ไหลออกจากช่องจมูก ช่วงเวลานั้นควรห้ามมิให้มีการรบกวนซากศพ ข้อพึงปฏิบัติคือไม่ควรฆ่าสัตว์เพื่ออุทิศแก่ผู้ตาย ขณะที่ตั้งศพประกอบพิธี มิตรสหายและญาติไม่ควรคร่ำครวญและเศร้าโศก ซึ่งอาจจะไปกระทำที่อื่นได้ และควรประพฤติกุศลกรรมให้ มากเท่าที่จะมากได้
    พร้อม ๆ กับคำสอนแห่งคัมภีร์ " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง " นี้ จะเป็นการดียิ่งถ้าคัมภีร์หรือคำสอนอันมีคุณค่าจะได้รับการอ่าน ต่อท้ายคัมภีร์นี้ ซึ่งผู้อ่านจำจะต้องอ่านอย่างต่อเนื่อง และพยายามทำความเข้าใจความหมายและถ้อยคำให้แจ่มแจ้ง จวบจนเมื่อความตาย ได้มาถึงจุดวิกฤตและสัญญาณแห่งความตายได้ประจักษ์ชัด หากบุคคลยังมีสภาพรู้สึกตัว เขาควรอ่านคัมภีร์ด้วยตนเอง ออกเสียงดัง และเพ่งจิตพินิจถ้อยคำด้วย แต่หากเป็นไปไม่ได้ กัลยาณมิตรของเขาควรทำหน้าที่ดังกล่าวแทน เพราะคำสอนสั่งในคัมภีร์เล่มนี้ จะช่วยเหลือผู้ตายได้แน่นอน คำสอนนี้ไม่จำเป็นต้องมีการฝึกฝนใด ๆ มันเป็นคำสอนอันลึกซึ้งที่จะปลดปล่อยผู้ตายได้แม้เพียงแลเห็น ได้ยิน และได้ฟัง คำสอนนี้นำคนบาปผ่านหนทางอันลึกลับ หากเขาไม่หลงลืมถ้อยคำและความหมายขอบมันแม้จะถูกตามล่าโดยสุนัขร้าย ถึงเจ็ดตัว คำสอนนี้ก็จะช่วยปลดปล่อยเขาสู่วิมุตติสุขในบาร์โดชั่วขณะก่อนตาย ไม่ว่าพุทธในอดีต ปัจจุบัน และที่แสวงหาภายภาคหน้า จะไม่พบคำสอนใดทรงค่าไปกว่านี้

    คำสอนในบาร์โดที่ปลดปล่อยเหล่าสรรพสัตว์
    เป็นแก่นสารคำสอนอันลึกซึ้ง ซึ่งปลดปล่อยโดยอาศัยการสดับฟัง
    คำสอนนี้ถูกค้นพบโดยท่านสิทธา กรรมมะ ลิงปะ
    ในหุบเขา กัมโป - ดาร์ ขอประโยชน์สุข
    จงมีต่อสรรพสัตว์ผุ้ทุกข์ยากทั้งหลาย


    สรรพมงคล
     
  12. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    จบแล้วจ๊ะ เด็กๆๆ คราวหน้าข้าจักไปก็อปปี้เอาบทสวดมาให้นะจ๊ะ นะจ๊ะ

     
  13. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    วันนี้ลุงจักขอมอบพระสูตรนี้(ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร )ให้เป็นของขวัญสำหรับเด็กๆๆ นะจ๊ะ นะจ๊ะ


    [​IMG]


    ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร


    ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ เขาคิชคูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์
    พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่ และพระโพธิสัตว์หมู่ใหญ่
    สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงฝึกสมาธิชื่อว่าคัมภีร์ราวสังโฆแท้

    และสมัยนั้น พระอริยอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์
    ทรงประพฤติจริยาในปรัชญาปารมิตาอันลึกซึ้ง
    พิจารณาอยู่อย่างนี้ คือพิจารณาขันธ์ ๕ และความสูญโดยสภาพ
    ลำดับนั้น ท่านสารีบุตร ได้กล่าวต่อ พระอริยะอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ด้วย
    พุทธานุภาพว่า
    กุลบุตร หรือ กุลธิดาใดๆ ใคร่จะประพฤติจริยาในปรัชญาปาระมิตาอันลึกซึ้งนั้น
    จะพึงศึกษาอย่างไร

    พระอริยอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์อันท่านพระสารีบุตรกล่าวอย่างนี้แล้ว
    ได้กล่าวตอบท่านสารีบุตรว่า
    ท่านสารีบุตร กุลบุตรหรือกุลธิดาใดๆ ใคร่จะประพฤติจริยาในปรัชญาปาระมิตาอันลึกซึ้ง
    เขาพึงพิจารณาอย่างนี้ คือพิจารณาขันธ์ ๕ และความสูญโดยสภาพ
    รูปคือความสูญ ความสูญนั่นแหละคือรูป ความสูญไม่อื่นไปจากรูป
    รูปไม่อื่นไปจากความสูญ รูปอันใดความสูญก็อันนั้น ความสูญอันใด รูปก็อันนั้น

    อนึ่ง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็คือความสูญอย่างเดียวกัน
    ท่านสารีบุตร ธรรมทั้งปวง มีความสูญเป็นลักษณะ
    ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่มัวหมอง ไม่ผ่องแผ้ว ไม่หย่อน ไม่เต็ม อย่างนี้

    เพราะฉะนั้นแหละ ท่านสารีบุตร ในความสูญจึงไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรม
    ไม่มีจักษุธาตุ จนถึงมโนธาตุ ธรรมชาตินั้น วิญญาณธาตุ

    ไม่มีวิชชา ไม่มีอวิชชา ไม่มีความสิ้นไปแห่งวิชชา และอวิชชา
    จนถึงไม่มี ความแก่ ความตาย ไม่มีความสิ้นไปแห่ง ความแก่ ความตาย
    ไม่มีทุกข์ สมุห์ทัย นิโรธ มรรค ไม่มีญาณ ไม่มีการบรรลุ ไม่มีการไม่บรรลุ

    ท่านสารีบุตร เพราะฉะนั้น ผู้ดำเนินตามปรัชญาปาระมิตา ของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายแล้ว
    แต่ยังมีกิเลสห่อหุ้มจิตอยู่ ก็เพราะยังมิได้บรรลุ คืนนั้นจึงไม่สะดุ้งกลัว
    ก้าวล่วงความขัดข้องสำเร็จพระนิพพานได้ ก็เพราะความไม่มีกิเลสห่อหุ้มจิต
    พระพุทธเจ้าทั้งปวง ผู้ตั้งอยู่ในกาลทั้งสามทรงดำเนินตามปรัชญาปาระมิตา

    ได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะฉะนั้น จึงทูลทราบมหามนต์
    ในปรัชญาปาระมิตา อันเป็นมหาวิทยามนต์ อนุตตะระมนต์ อะสัมมะสมมนต์
    สัพพะทุกข์ กับสมณมนต์ นี้เป็นสัจจะ เพราะไม่ผิดพลาด
    มนต์ที่ท่านกล่าวไว้ ในปรัชญาปาระมิตาคือ ดูก่อนความรู้




    ไป ไป ไปสู่ฝั่ง ไปให้ถึงฝั่งสวาหา



    ท่านสารีบุตร สัตว์ผู้จะตรัสรู้ พึงศึกษาจริยาในปรัชญาปาระมิตาอย่างนี้
    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาค ทรงออกจากสมาธินั้นแล้ว
    ได้ประทานสาธุการ แก่พระอริยอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ว่า
    ถูกแล้ว ถูกแล้ว กุลบุตร ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น กุลบุตร จริยาในปรัชญาปาระมิตา
    อันลึกซึ้งนั้น​

    อันบุคคลพึงประพฤติอย่างนี้ พระตถาคตอรหันต์เจ้าทั้งหลาย
    ย่อมทรงอนุโมทนาอย่างที่ท่านยกขึ้นแสดงแล้ว
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคำนี้จบลงแล้ว
    ท่านพระสารีบุตร พระอริยะอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์บริษัท
    อันมีประชุมชนทุกเหล่าและสัตว์โลกพร้อมทั้งเทวา มนุษย์ อสูร คนธรรพ์
    ก็มีใจเบิกบาน
    ชื่นชมภาษิต ของพระผู้มีพระภาค ด้วยประการฉะนี้​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2012
  14. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    念佛是因 見佛是果 見佛是因 成佛是果
    ภาวนาพุทธะเป็นเหตุ ได้พบพุทธะเป็นผล ได้พบพุทธะเป็นเหตุ สำเร็จพุทธะเป็นผล

    成佛是因 度生是果 以心作佛 見佛見心
    สำเร็จพุทธะเป็นเหตุ โปรดสัตว์เป็นผล ทำจิตดั่งพุทธะ เห็นพุทธะและเห็นจิต

    見心見佛 佛即是 心 彌陀自性 浄土唯心
    เห็นจิตและพุทธะ อันพุทธะก็คือจิต พระอมิตาคือภาวะตน สุขาวดีตั้งอยู่ที่ใจ
     
  15. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    佛說莊嚴菩提心經
    โพธิจิตวยูหสูตร

    พระกุมารชีพมหาเถระแปลจากสันสกฤตสู่ภาษาจีน (พระวิศวภัทร แปลจากจีนสู่ไทย)

    มีพุทธดำรัสว่า ดูก่อนกุลบุตร พึงสดับเถิดๆ แล้วเจริญโยนิโสมนสิการ อันสิ่งที่พึงกล่าวตถาคตได้กล่าวแล้วในบัดนี้ โพธิสัตว์ผู้บังเกิดโพธิจิตนั้นมีจักทศวิหารธรรม ก็ทศวิหารธรรมนั้นเป็นไฉน

    ๑. มีการบังเกิดจิตเพื่อสำเร็จในกุศลมูลทั้งปวงเป็นปฐม อุปมาสุเนรุราชบรรพตที่อลังการด้วยแก้วรัตนะ

    ๒. บังเกิดจิตแห่งทานบารมีจริยา อุปมามหาปฐพีที่หล่อเลี้ยงซึ่งสรรพกุศลธรรม

    ๓. บังเกิดจิตแห่งศีลบารมีจริยา อุปมาพญาสีหราช สามารถสยบสัตว์ร้ายทั้งปวง เป็นเหตุให้กำจัดเสียซึ่งมิจฉาทิฐิ

    ๔. บังเกิดจิตแห่งขันติบารมีจริยา อุปมาองค์นารายณ์ที่แข็งแกร่งมิเสื่อมสลาย เป็นเหตุให้กำจัดเสียซึ่งกิเลสเครื่องเศร้าหมอง

    ๕. บังเกิดจิตแห่งวิริยบารมีจริยา ในการเพียรบำเพ็ญสรรพกุศลธรรมในปัจจุบัน อุปมาด้วยเหตุที่แสดงธรรมแล้วมีทิพยมาลี(โปรยปรายมา)ดั่งใจ

    ๖. บังเกิดจิตแห่งฌานบารมีจริยา อุปมาด้วยแสงสุรีย์กำจัดเสียซึ่งความมืดมนทั้งปวง

    ๗. บังเกิดจิตแห่งปัญญาบารมีจริยา ยังให้ปณิธานทั้งปวงได้บรรลุถึงพร้อม อุปมาดั่งนายวาณิชที่ล่วงพ้นภยันตรายทั้งปวง

    ๘. บังเกิดจิตแห่งอุปายบารมีจริยา กำจัดเสียซึ่งอุปสรรคเครื่องข้องขัดทั้งปวง อุปมาจันทราเพ็ญที่บริสุทธิ์ปราศซึ่งมลทิน

    ๙. บังเกิดจิตที่ปรารถนาให้มูลปณิธานบริบูรณ์ แล้วเที่ยวไปในวิศุทธิพุทธโลกธาตุ ยินดีในการสดับคัมภีรธรรม กำจัดเสียซึ่งความยากไร้

    ๑๐. บังเกิดจิตที่อุปมาด้วยอากาศ ที่ในนั้นประกอบด้วยปัญญามิสิ้นสุด ครุวนาพระเจ้าจักรพรรดิราชผู้สำเร็จในปัญญาทั้งปวง


    มหาปรามิตรา
     
  16. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    佛說莊嚴菩提心經
    โพธิจิตวยูหสูตร
    พระกุมารชีพมหาเถระแปลจากสันสกฤตสู่ภาษาจีน (พระวิศวภัทร แปลจากจีนสู่ไทย)

    พระพุทธองค์มีพระดำรัสตอบว่า โพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญโพธิจิตนั้นหาใช่สรรพสัตว์ไม่ อีกโพธิจิตนั้นก็มิอาจบรรลุถึง อันจิตประการนี้มิใช่รูป มิใช่ทัศนะ ทั้งธรรมก็มิอาจเข้าถึงได้ ด้วยเหตุไฉนนั้นฤๅ เหตุเพราะว่าสรรพสัตว์นั้นเป็นศูนยตา

    พระจินตมิตอรรถโพธิสัตว์กราบทูลว่า พระโลกนาถเจ้า ถ้าว่าธรรมลักษณะมีความคัมภีรภาพเช่นนี้ ผู้เป็นโพธิสัตว์พึงบำเพ็ญจริยาเช่นไรหนอ

    ตรัสว่า ดูก่อนกุลบุตร อันโพธิจิต หาใช่ความมีอยู่ หาใช่สิ่งที่ทำขึ้น ทั้งไกลเสียจากอักษร “โพธินั้นแลคือจิต จิตก็คือสรรพสัตว์” หากสามารถจำแนกได้เช่นนี้ ย่อมได้ชื่อว่าโพธิสัตว์ผู้อบรมในโพธิจิต

    ก็โพธินั้นหาใช่อดีต อนาคตและปัจจุบันไม่ ดั่งเช่นจิตที่คือสรรพสัตว์นี้ ที่มิใช่อดีต อนาคตและปัจจุบัน หากสามารถจำแนกได้เช่นนี้ย่อมได้ชื่อว่า โพธิสัตว์

    ดังนั้นในสิ่งทั้งปวงนี้ที่แท้ย่อมมิอาจบรรลุถึง ก็ด้วยการมิอาจบรรลุนี้แลเป็นเหตุให้บรรลุ หากสรรพธรรมทั้งปวงมิอาจบรรลุถึงแล้วไซร้ ย่อมได้ชื่อว่า โพธิ

    ด้วยเพราะปฐมจริยาแรกของสรรพสัตว์เป็นเหตุให้กล่าวว่า โพธิ ดั่งที่ว่า ได้บรรลุถึงอรหัตผลเป็นต้น ด้วยธรรมนั้นมิอาจบรรลุถึง แต่เพราะธรรมเนียมภาษาของโลกเป็นเหตุ ให้กล่าวว่ามี โพธิ

    ก็ด้วยโพธินั้นที่แท้มิอาจบรรลุถึง หากมิอาจบรรลุซึ่งสรรพธรรมทั้งปวงแล้วไซร้ ย่อมได้ชื่อว่า โพธิ

    เพราะท่ามกลางสิ่งทั้งปวงนี้ก็ไร้ซึ่งจิต แลไร้การกระทำแห่งจิต ไร้ซึ่งโพธิ แลไร้ผู้กระทำซึ่งโพธิ ทั้งไร้สรรพสัตว์ แลไร้ซึ่งผู้กระทำความเป็นสรรพสัตว์ ไร้สาวก แลไร้ซึ่งผู้เป็น(ความเป็น)สาวก ไร้ปัจเจกพุทธ แลไร้ซึ่งผู้เป็นปัจเจกพุทธ ไร้โพธิสัตว์ แลไร้ซึ่งผู้เป็นโพธิสัตว์ ไร้พุทธะ แลไร้ซึ่งผู้เป็นพุทธะ ไร้สังขตะ แลไร้ซึ่งผู้กระทำซึ่งสังขตะ ไร้อสังขตะ แลไร้ซึ่งผู้กระทำอสังขตะ

    ทั้งหมดนี้เมื่อได้บรรลุแล้ว บรรลุอยู่ ฤๅกำลังบรรลุล้วนมิอาจบรรลุ
     
  17. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    [​IMG]

    佛說十善業道經
    “ ทศกุศลกรรมบถสูตร ”
    唐于闐三藏法師實叉難陀譯
    พระตรีปิฎกธราจารย์ศึกษานันทะ แห่งราชวงศ์ถัง แปลจากสันสกฤตพากย์สู่จีนพากย์ (ประมาณปี พ.ศ.๑๒๓๓ ถึง ๑๒๔๘)

    復次龍王。若離妄語,即得八種天所讚法。何等為八?一、口常清淨,優缽華香。二、為諸世間之所信伏。三、發言成證,人天敬愛。四、常以愛語,安慰眾生。五、得勝意樂,三業清淨。六、言無誤失,心常歡喜。七、發言尊重,人天奉行。八、智慧殊勝,無能制伏。是為八。若能迴向阿耨多羅三藐三菩提者,後成佛時,即得如來真實語。

    ดูก่อนนาคราช หากไกลจากการพูดเท็จ ย่อมบรรลุธรรมอันเทวดาสรรเสริญแล้วแปดประการ ก็แปดประการนั้นเป็นเช่นไรเล่าคือ ...
    ๑. เป็นผู้มีโอษฐ์บริสุทธิ์อยู่เป็นนิจ มีกลิ่นหอมเหมือนดอกอุบล
    ๒. เป็นที่ยอมรับของชาวโลกทั้งปวง
    ๓. วาจาที่กล่าวพิสูจน์ได้ มนุษย์และเทวดาย่อมเคารพรักใคร่
    ๔. ใช้ปิยวาจาปลอบประโลมสรรพสัตว์(ให้เป็นสุขใจ)อยู่เป็นนิจ
    ๕. ได้บรรลุอัธยาศัยที่ประเสริฐ มีกรรมทั้งสาม ที่บริสุทธิ์
    ๖. มีวาจาไม่วิบัติผิดพลาด ดวงจิตเบิกบานอยู่เป็นนิจ
    ๗. วาจาที่กล่าวน่านับถือ มนุษย์และเทวดาย่อมรับไปปฏิบัติตาม
    ๘. มีปัญญาญาณที่วิเศษ ไม่มีผู้ใดหักล้างได้
    นี่คือทั้งแปดประการ หากสามารถอุทิศแก่พระอนุตรสัมมาสัมโพธิแล้วไซร้ เมื่อบรรลุเป็นพระพุทธะแล้วย่อมบรรลุถึงสัจจวาจาของพระตถาคต
     
  18. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    [​IMG]

    “เมื่อโปรดสรรพสัตว์หมดสิ้นแล้วจึงจะสำเร็จโพธิญาณ หากนรกยังไม่ว่างจะไม่ขอสำเร็จพุทธผล” เพราะเหตุปัจจัยอะไรจึงทำให้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ขอให้พวกเราไปอ่านกษิติครรภ์โพธิสัตว์มูลปณิธานสูตร ซึ่งมีกล่าวบรรยายไว้อย่างละเอียด พระกษิติครรภ์ไม่ได้ประกาศปณิธานว่า “โปรดสัตว์จนนรกว่าง” มาแค่ชาติเดียว หรือสองชาติ แต่ท่านประกาศปณิธานแบบนี้มาหลายชาติประมาณไม่ได้

    เพราะพระกษิติครรภ์พบเห็นสัตว์ที่ทำบาป ชาตินี้ทำกรรมชาติถัดไปก็ได้รับทุกข์ เมื่อชาติที่รับทุกข์ก็ยังทำกรรมอีก ทำให้ชาติถัดๆไปก็ต้องรับกรรมอีกไม่จบสิ้น บาปและทุกข์ของสรรพสัตว์ ไม่มีที่สิ้นสุดเลย ยกตัวอย่างให้ชัดเจนคือ มีคนขี้โมโหหงุดหงิดมาก ชาติหน้าเขาจะได้รับผลกรรมทำให้มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ และเมื่อชาติที่เขาเกิดมามีหน้าตาไม่น่ารักแล้ว นิสัยขี้โมโหและฉุนเฉียวก็ยังอยู่ หากเขาเห็นคนสวยคนหล่อ ก็เกิดจิตคิดจะทำร้าย จึงทำให้ในชาติที่สามถัดไปอีก ก็ต้องมีรูป่างหน้าตาที่น่ารังเกียจอย่างเดิม หากเขาไม่ระงับความโกรธ ความขี้โมโห ความแค้นอาฆาตให้ได้ในชาตินี้ ก็จะเป็นนิสัยเบื้องลึกให้โทษแก่ตัวเองไม่มีที่จบสิ้น หนักเข้าก็ต้องตกสู่นรกภูมิ เมื่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์เห็นสรรพสัตว์เป็นทุกข์และมีบาปที่ไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้ ท่านก็จึงประกาศปณิธานจะโปรดสรรพสัตว์ยิ่งขึ้นไปอีกไม่สิ้นสุดเช่นกัน หมายให้พวกเขาไม่ต้องจมในทะเลทุกข์อีก

    มหาปรามิตา
     
  19. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    [​IMG]

    ผู้ทีดวงตาดีไม่มืดบอด ผู้ที่ดวงตามีละอองธุลีน้อย จึงจะเห็นได้... ไม่แปลกเลย ที่เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม จึงมีทั้งผู้รู้แจ้งและไม่รู้แจ้ง นั่นเป็นเพราะวิบาก ปัญญา อินทรีย์ของหมู่สัตว์มีความแก่อ่อนต่างกัน .. จึงไม่อาจโทษใครได้ ต้องโทษตัวเอง

    เหมือนกับคนตาบอดไม่เห็นแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ..จะโทษดวงอาทิตย์ไม่ได้....เหมือนคนว่ายน้ำอยู่กลางแม่น้ำใหญ่ แต่ก็ยังหิวน้ำ จะโทษสายน้ำนั้นก็ไม่ได้....

    ข้อนี้จึงทำให้พระอรหันต์ทั้งหลายพิจารณาแล้ววางอุเบกขา .... จึงทำให้พระโพธิสัตว์ทั้งหลายต้องประกาศปณิธานแห่ง มหาเมตตากรุณา ช่วยเหลือสรรพสัตว์ไม่ได้หยุดพัก

    ... ทุกลัทธิคำสอน ต่างก็ว่า ของตนดีที่สุด .. บางที่บางแห่งก็อ้างว่าเป็นอุปายะ ทั้งๆ ที่ยิ่งทำยิ่งถลำลึก ทั้งคนนำ ทั้งคนตาม แต่ไม่มีลัทธิคำสอนไหนท้าทาย ต่อการพิสูจน์เหมือนคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย ...

    ... ข้าพเจ้าขอมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดไป ตราบถึงความสิ้นกิเลสตัณหาอย่างแท้จริง

    มหาปรามิตา
     
  20. เทพธรรมบาล

    เทพธรรมบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,222
    ค่าพลัง:
    +293
    [​IMG]

    ตราบใดที่เรายัง มีขันธ์ 5 โดยเฉพาะความนึกคิดปรุงแต่ง หรือ สังขารขันธ์ อยู่นี้ ก็ยากที่จะ ชี้ชัดว่าอะไรถูก อะไรผิดได้อย่างแท้จริง ...จะมีก็แต่พระพุทธธรรม ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เหมือนแสงตะเกียงส่องสว่างในทางมืดเท่านั้น ...

    นอกจากนี้เราไม่เห็นมีสิ่งใดจะ เชื่อถือได้ ยึดถือเป็นที่พึ่งได้เลย ...

    หากยังยึดมั่นในทิฐิ อุปาทานของตน โดยไม่เพียรขวนขวาย ให้เห็นแจ้งจริงตามพระพุทธธรรมแล้ว ได้แต่ยึดเอาความเห็นของตน โดยเอาพระพุทธธรรมไปเป็นเครื่องมือ ก็ยิ่งแล้วใหญ่ โดยหาข้ออ้างอิง เหตุผลต่างๆ นานา ด้วยแล้ว ก็นับว่าเป็นเคราะห์พิบัติของโลกและหมู่สัตว์โดยแท้...

    มหาปรามิตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...