ร่วมลงนามและอธิฐานจิต ถวายในหลวง ให้มีพระพลานามัยแข็งแรงและมีพระชนมายุ 120 ปี

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 19 ตุลาคม 2007.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    “ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี จะอยู่จนฉลองพระราชพิธีครองสิริราชสมบัติครบ 100 ปี”

    ในหลวงตรัส "ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี..."

    “ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี จะอยู่จนฉลองพระราชพิธีครองสิริราชสมบัติครบ 100 ปี”

    [​IMG]
    นั่นคือพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต ่อท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ เวลาจัดถวายพระพรและขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตที่จะ ถวายพระพรว่า ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมพรรษาเกินกว่า 100 พรรษา ซึ่งท่านผู้หญิงบุตรีได้กรุณาอัญเชิญกระแสพระราชดำรั สดังกล่าวมาเล่าให้ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีคนหนึ่งของไทยฟัง



    อาจารย์เผ่าทองอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสนี้มาเล่าให้แ ขกกลุ่มหนึ่งของไทยธนาคารฟังเมื

    ่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา



    . แม้การฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 8-12 มิถุนายน 2549 ที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ได้สร้างความปลื้มปีติและความประทับใจแก่ปวงชนชาว ไทยไม่รู้ลืม แต่เบื้องหลังงานพระราชพิธียังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยท ี่เป็นความรู้และน่าสนใจอย่างยิ่ง

    ไทยธนาคารได้จัดงานย้อนรำลึกถึงงานพระราชพิธีฉลองสิร ิราชสมบัติครบ 60 ปี โดยเชิญอาจารย์เผ่าทองมาเป็นวิทยากร เล่าแบบเจาะลึกในทุกพระราชพิธี เพื่อให้ปวงพสกนิกรได้ซาบซึ้งและอิ่มใจมากยิ่งขึ้น



    อาจารย์เผ่าทอง เล่าว่า
    งานฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองสิริราชสมบัติ ครบ 25 ปี เรียกว่า รัชดาภิเษกสมโภช
    ครองราชย์ครบ 50 ปี เรียกว่า กาญจนาภิเษกสมโภช
    หากครองสิริราชสมบัติครบ 75 ปี จะเรียกว่า ฉลองพระราชพิธีพัชราภิเษก



    “แต่งานฉลอง 60 ปีครั้งนี้ พระเจ้าอยู่หัวยังไม่ทรงนับเป็นไดมอนด์จูบิลี แต่เมื่อฉลองครบ 100 ปี ก็จะเป็นพระราชพิธีที่สำคัญมากที่สุด เรียกว่า อมรินทร์ภิเษกสมโภช”


    จาก
    http://www.lkbh.go.th/board/data/0376.html


     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    ตั้งโปรแกรมจิตปรับพฤติกรรมสู่อายุยืน 120 ปีตามพระราชประสงค์

    <table class="news2006_topic" width="595" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="585" height="10"><table class="news2006_topic" width="100%" border="0"><tbody><tr><td valign="bottom" align="left">ตั้งโปรแกรมจิตปรับพฤติกรรมสู่อายุยืน 120 ปีตามพระราชประสงค์</td> <td width="100" align="right">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td>[​IMG]</td> </tr> <tr> <td class="news2006_graylight" height="10">โดย คม ชัด ลึก <script language="JavaScript" src="http://news.sanook.com/global_js/global_function.js"></script><!--START-->วัน พฤหัสบดี ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2550 16:04 น.</td> </tr> </tbody></table> <table width="595" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td height="10">
    </td> </tr> </tbody></table> <table class="news2006_black" width="595" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td rowspan="4" width="10">
    </td> <td width="575"><!--img001:m:r-->นพ.เฉก ชวนคนไทยตั้งโปรแกรมจิต ปรับพฤติกรรมเพิ่มการออกกำลังกาย รับประทานอาหารธรรมชาติเน้นธัญพืชเพิ่มผัก ผลไม้สด หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป แนะหลัก กินน้อย-ตายยาก กินมาก-ตายเร็ว เชื่อมั่นทุกคนทำได้อายุยืน 120 ปีตามพระราชประสงค์ รพ.ภูมิพลฯ 22 มี.ค.- นพ.เฉก ธนะสิริ ประธานกิตติมศักดิ์ชมรมอยู่ร้อยปี-ชีวีเป็นสุข ปาฐกถาพิเศษ พล.อ.ท.น้อย ปาณิกบุตร เรื่อง เพื่อชีวิตสดใสวัยสูงอายุ 120 ปีตามพระราชประสงค์ ในการประชุมวิชาการทางการแพทย์ ครั้งที่ 30 ของ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ปี 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสต่อข้าราชการ พ่อค้าประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จเพื่อถวายพระพรในวันเฉลิมพระชนมพรรษาว่า พระองค์ตั้งพระทัยที่จะมีพระชนมพรรษาถึง 120 ปี ปัจจุบันนี้พระองค์มีพระชนมพรรษา 79 พระชันษาเต็ม กำลังย่างเข้าปีที่ 80 อาณาประชาราษฎร์ต่างแซ่ซ้องสาธุการขอให้พระองค์ทรงบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ ตั้งพระราชหฤทัยไว้


    นพ.เฉก กล่าวว่า หลังจากตนได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการออกกำลังกาย เปลี่ยนแปลงอาหารการกินใหม่ บริหารจิตใจนักสมาธิและศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวิธีทำให้อายุยืน 120 ปี จึงกล้าประกาศเมื่อปี 2537 ว่า อยากจะลองมีชีวิตถึง 120 ปี โดยปฏิบัติตนด้านการออกกำลังกาย ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน มีความพอเพียง เชื่อกฎแห่งกรรมตามหลักของพระพุทธศาสนา


    การมีอายุยืนยาวนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ตะวันตกได้ศึกษาหลักใหญ่ 3 ประการคือ เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ร้อยละ 30 พฤติกรรมก็สำคัญมากร้อยละ 60 ส่วนสิ่งแวดล้อมรอบด้าน ตั้งแต่ปัจจัยครอบครัวไม่ทะเลาะกัน ไม่โลภมาก ไม่มีกิเลส ดินฟ้าอากาศ ไม่มีมลพิษ ส่วนนี้เกี่ยวข้องประมาณร้อยละ 10 การจะมีอายุยืนต้องปรับใจ ถ้าไม่มีกิเลสจะไม่ทุกข์ ปรับพฤติกรรม ข้อนี้สำคัญที่สุด นพ.เฉก กล่าว


    นพ.เฉก กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฏิบัติตนเพื่อให้อายุยืน 120 ปีนั้น ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกหนักเบาตามอายุ เพื่อให้เกิดพลังชีวิตหรือพลังแอร์โรบิก ด้วยหลัก อยากมีแรงต้องออกแรง ต้องกินอาหารธรรมชาติ คือ พืชพรรณธัญญาหาร ข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด เผือก มัน ผลไม้ ผักหลากสี ลดเนื้อสัตว์ทั้ง 4 เท้า และ 2 เท้า วันหนึ่งรับประทานแค่ 2 มื้อก็พอแล้ว งดหรือลดอาหารมื้อเย็นยึดหลัก กินน้อย-ตายยาก กินมาก-ตายเร็ว อาหารอายุสั้นพวกผัก ผลไม้สดทำให้อายุยืน ส่วนอาหารกระป๋อง อาหารซอง แฮม เบคอน ไส้กรอก แหนมทำให้อายุสั้น นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำสะอาด 10-12 แก้วโดยไม่ควรดื่มระหว่างรับประทานอาหาร ต้องพักผ่อนนอนหลับให้สนิทเพิ่มภูมิต้านทานโรค ทำใจให้สงบ ไม่สร้างปัญหาให้แก่ตน ครอบครัวและสังคม หมั่นสร้างความดี ใช้หลักอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา หมั่นตั้งโปรแกรมจิตทุกวันว่า เราจะมีชีวิตยืนยาว 120 ปีอย่างมีคุณภาพ การมีอายุยืนยาวทุกคนก็ทำได้




    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2009
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    <center> <!--mstheme--><table style="border-collapse: collapse;" bordercolordark="#FF9900" bordercolorlight="#FFCC00" width="700" border="1" cellpadding="5" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td><!--mstheme-->
    พระราชดำรัส ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา<!--mstheme-->
    </td> </tr> <tr> <td><!--mstheme-->
    พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ
    ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
    วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2547
    ขอ ขอบใจท่านทั้งหลายที่มาในวันนี้ และขอขอบใจนายก ฯ ที่ได้กล่าวคำอวยพร ทั้งได้สรุปการที่ได้กระทำในระยะ 50 กว่าปี ซึ่งต้องขอขอบใจที่ไม่ต้องเล่าให้ท่านฟังว่าทำอะไร เพราะว่าท่านได้สรุปอย่างดี อีกอย่างหนึ่งที่ท่านไม่ได้พูด ที่ฟังวงดนตรีวงดุริยางค์กองทัพเรือที่ได้บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้น ท่านไม่ได้พูดถึง ความจริงดนตรีของทัพเรือนี่ได้ฟันฝ่าอุปสรรคมามาก จำได้ว่าเมื่อ 50 ปี 40 กว่าปีเกือบ 50 ปี ได้มีการแสดงดนตรีทุกวันพุธ ที่พระที่นั่งอัมพร ฯ และมีพวกดนตรีต่าง ๆ ใหญ่ ๆ ได้เล่น เราไปฟังก็ทนไม่ไหวคือว่า มีอะไรที่ขัดหูอยู่เรื่อย ก็เลยลุกขึ้นไปบอกกับผู้อำนวยเพลงว่า ได้เทียบเสียงหรือเปล่า ท่านผู้อำนวยเพลงก็บอกเทียบเสียงแล้ว ก็เราขอให้เทียบอีก เขาก็เทียบได้ เทียบได้ดี ฟังดูแล้วไม่ขัดหูบอกให้เล่นอีก เล่นไปเล่นมา เอ๊ะ มันขัดหูอีก ก็เลยลุกขึ้นไปเดิน ให้เขาเล่นไป ๆ เจอซอยะ ๆ นั่นเล่นไปมันก็เพี้ยน แล้วไม่ทราบว่าทำไมมันเพี้ยนอย่างนั้นได้ เลยคิดดูว่า ที่มันเพี้ยนเพราะว่าเล่นบันไดเสียงไทย มิได้เล่นบันไดเสียงสากล ก็เลยพยายามให้เขาเทียบเสียงให้ดีที่สุด ก็ดีขึ้น เพราะว่าการเทียบเสียงนั้นมันยาก ยากที่ต้องเทียบหูด้วย เขาเทียบหูแบบไทยเพราะว่า ผู้ที่เล่นดนตรีในวงของทุก ๆ วงเวลานั้น เวลามีเวลาว่างก็ต้องไปเล่น ๆ โดยมากก็เป็นวงเล็ก ๆ เขาก็เล่นรำวง เล่นรำวงนั้นต้องเทียบเสียงแบบบันไดเสียงไทย เขาก็เคยชิน ก็มาเล่นเพลงสากลด้วยบันไดเสียงไทย ก็เลยขัดหู ถ้าเล่นด้วยบันไดเสียงไทยล้วนก็ยังไม่เป็นไร แต่บางคนก็ยังเล่นแบบบันไดเสียงสากล บางคนก็แบบไทย อันนี้ก็เลยบอกว่า พยายามเวลามาเล่นเพลงสากลขอให้ลืมรำวง ก็..เขาก็ทำได้ดีขึ้นทุกที เล่นรำวงก็เลยมาเล่นเพลงสากล แล้วก็เล่นรำวง ก็ลดลงไป มาทีหลังนี้ในวงที่เราเล่นพวกเพื่อน ๆ เล่น เขาก็เล่นไป เขาเล่นรำวงกัน ก็เลยบอกว่า ถ้าเล่นรำวงก็ขอให้เล่นรำวงที่ถูกต้อง ที่เป็นบันไดเสียงไทย ไม่สำเร็จหรอก เขาเล่นรำวงด้วยบันไดเสียงสากล แล้วก็วรรครำวงนั้นก็เพี้ยน ผิด

    มาถึงเมื่อเดือนที่แล้วมีนักดนตรีมาจากอเมริกา เป็นดนตรีที่เขาเล่นแบบที่เรียกว่าแบบ "โดโอลิน" ๆ นี่เป็นเมืองในหลุยเซียอาน่า ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเพลงแจ๊ส ก็มาแล้วก็เล่นกับเรา เล่น ๆ ไป เราก็ต้องเล่นมีเพลง มีการเล่นเป็นสำเนียงรำวงไป ถามเขาว่า รู้ไหม เขาบอกเขารู้ เขาบอกว่า หูเขาดี เขารู้ว่าเป็นเพลงรำวง เขาไม่รู้จักรำวง แต่เขาบอกว่าเมื่อเขาไปญี่ปุ่นเขาไปเล่นเพลงแจ๊สแบบญี่ปุ่น ญี่ปุ่นนั้น เขามีนักดนตรีที่เก่งสำหรับแจ๊ส แต่ว่า เราก็อดไม่ได้ที่จะฟังเขา ๆ เล่นสคิลค่อนข้างจะญี่ปุ่น ก็เลยบอกว่า นี่แหละไทย คนไทยเล่นเพลงแจ๊สก็เป็นเพลงแบบไทย แบบบันไดเสียงไทย เขาก็สนใจ ตอนนี้เขากลับไป กลับบ้านแล้วเข้าใจว่าเขาจะไปศึกษาแจ๊สแบบรำวง แจ๊สแบบไทย คราวหน้าเขามาเขาบอกว่าจะเล่นเพลงแจ๊สแบบ"โดโอลิน บางกอก" เออ….ถ้าเขาเล่นอย่างนั้นแล้วก็ เราก็ภูมิใจได้ว่า ทำให้เขาฟังเพลงไทยเป็น แต่เขาเก่ง พวกนี้หูเขาดี เขาเล่นด้วยหู เขาไม่ได้เล่นด้วยตา เขาไม่ได้อ่านโน๊ต เขาเล่นด้วยหู เวลาเราไปเล่นกับเขาเราก็เล่นด้วยหู ไม่ได้เล่นด้วยตา ก็ดูแล้วสนุกดี นี่ก็มาพูดถึงเรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวข้องกับศิลปะ คือแจ๊สนี่ก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง คนไม่เห็นว่าแจ๊ส โดยเฉพาะแจ๊สแบบโคโอลินดีเป็นศิลปะ เราก็เรียกได้ว่าเป็นศิลปะ เพราะว่าดนตรีนี่ เป็นประวัติศาสตร์ของชาติบ้านเมือง ๆ ใดมีดนตรี มีสำเนียงดนตรี เพลงดนตรี เครื่องดนตรีที่เป็นของตนเองนั่นนะ น่าชื่นใจ อย่างของไทยเรา ๆ มีเครื่องดนตรีของเรา ซึ่งคล้ายกับของจีนบ้าง เหมือนของอินเดียบ้าง คล้ายของฝรั่งบ้าง แต่ว่าเป็นเพลงและเป็นเครื่องดนตรีไทยแท้ ๆ ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของชาติบ้านเมือง อย่างเดียวกับเราพูดภาษาไทย เป็นภาษาไทยไม่ใช่เป็นภาษาต่างประเทศ แต่ว่าเดี๋ยวนี้เราใช้ภาษาต่างประเทศมา ไม่ใช่แซม นำหน้ามากมาย จนกระทั่งบางทีฟังแล้วไม่รู้เรื่อง แต่ว่าถ้าใช้ภาษาต่างประเทศมา ก็ควรจะแปลให้ด้วย ถ้าเราพูดภาษาไทยแบบใช้คำภาษาฝรั่งก็ต้องให้แปล เพราะเราโง่ไม่เข้าใจ ๆ แต่นาน ๆ ไปก็เข้าใจ

    เดี๋ยวนี้การปกครองก็ใช่แต่คำต่างประเทศ ท่านก็เป็นท่าน ซีอีโอ. ถ้าความจำเวลานี้อายุมากขึ้น ความจำมันลดลง ซีอีโอ. มาจากอะไรเลยไม่รู้ว่าท่านจะปกครองอย่างไร แต่เดียวนี้ชักเคยชินว่าท่านปกครองแบบ ซีอีโอ แต่ว่าวันนั้นที่ ซีอีโอ มา ท่านรองนายกฯ มาก็มาบอกว่า ถามว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นอะไรก็ท่านก็บอกว่าเป็นซีอีโอ โอ้เราก็ต้องเข้าใจสิเราเป็น ซีอีโอ ก็เลยเข้าใจว่าเราเป็นนายใหญ่คนหนึ่งก็ต้องคัดค้าน คัดค้านว่าไม่ใช่ไม่ได้เป็นนายใหญ่ รัฐธรรมนูญบอกว่าพระมหากษัตริย์ไม่ได้เป็นนายใหญ่ เป็นมหาใหญ่โต กษัตริย์นักรบใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้เป็นเป็นจอมทัพไม่ได้เป็นมหากษัตริย์ เป็น ซีอีโอ ซีอีโอ ของกองทัพเราก็เข้าใจไปเลยเถิดไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ก็ต้องขอโทษ ต้องล้อท่านรองนายกฯว่าท่านก็เป็น ซีอีโอ ใหญ่ ใหญ่ที่สุดเลยต้องท่านรับผิดชอบหมด ลงท้าย ฟังไปฟังมาตอนนั้นผู้ว่าราชการจังหวัด ซีอีโอ ว่าบอกว่าการทำงานทำการเป็นยังไง ซีอีโอ นี้ท่านบอกสบายมากถ้ามีอะไรก็ให้ปลัดจังหวัด ปลัดจังหวัดเป็นผู้สั่งการ ท่านนายกฯ ว่าอย่างนั้น ก็เลยว่า ซีอีโอ นี่ดีเหมือนกันถ้าเราเป็น ซีอีโอ เราก็โยนให้ท่านรองนายกฯ ท่านรองนายกฯ ทำอะไรคนก็ว่าท่านได้ท่านรองนายกฯซึ่งเดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็ว่าท่านรองนายกฯ แต่ว่าฟังข่าวท่านรองนายกฯ นั้นๆ ทำไอ้โน้นไอ้นี่แล้วทีหลังท่านรองนายกฯ ไหนโดยมากเขาพูดตำแหน่งก่อน แล้วเสร็จแล้วอ้อท่านรองนายกฯ พลเอก เชาวลิต ตอนแรกก็ท่านรองนายกฯ รองนายกฯ ทั้งหลายตกใจ ตกใจแล้วก็สั่นสะท้านว่าจะไปว่าใครแท้จริงเราก็พูดถึงรองนายกฯ เชาวลิต ถ้าเป็นรองนายกฯ อื่นๆ ก็สบายใจ แต่เดี๋ยวนี้มีรองนายกฯ มากเมื่อมีมากก็ลงท้ายก็รับผิดชอบแจกจ่ายกัน ฟังข่าวก็บอกว่ารองนายกฯ นั้น นั้น ทำ

    เดี๋ยวนี้ก็ฟังข่าว ฟังวิทยุ มีรายการอันเดียวที่จะฟังรายการนายกฯ พูดกับประชาชน คุยกับประชาชนคุยคุยคุย ก็บอกว่าคุย คุย 1 ชั่วโมง เราได้ยินโอ้วนายกฯ มาแล้วเราต้องฟัง ฟังไปฟังมาเราหลับ หลับไปหลับมา ต้องมาคอยตอนบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมงได้อีกชั่วโมง ฟังไปฟังมาวันนี้ได้ความรู้เพราะว่าท่านบอกว่าท่านไม่อ่านหนังสือมากนัก หนังสือดีต้องอ่านหนังสือเพื่อที่จะให้มีความรู้ ทฤษฎีต้องไปพบบุคคลคุยกับคนได้ความรู้ก็จริง เราฟังเวลาท่านนายกฯ มาก็ฟังนายกฯ ก็ได้ความรู้เยอะ วันนี้ก็ได้ความรู้ว่าท่านฟังคนที่มาได้ความรู้ในการปฏิบัติงาน เพราะฉะนั้นเวลาท่านนายกฯ มาก็ดีใจท่านพูดมาก ท่านก็พูดเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ เราก็ได้ความรู้ที่เห็นด้วยว่าถ้าเราฟังคนที่มีความรู้เราก็ได้ความรู้ ไม่ใช่ความรู้ที่จะมาสอนคนโน้นคนนี้ได้แต่ได้ความรู้ที่จะปฏิบัติได้ เมื่อปฏิบัติอย่างนี้แล้วก็ดี เราก็สามารถที่จะปฏิบัติงานถ้าฟังจากคนที่เก่ง ก็ฟังท่านก็พูดอะไรไปต่าง ๆ พูดไปเรื่อย เราก็ได้ความรู้ ไม่ต้องอ่านหนังสือ ถ้าฟังคนที่มีความรู้แล้วก็มาย่อย ท่านก็บอกว่าฟังคนที่มีความรู้ทำให้สามารถปฏิบัติงานสามารถทำอะไรต่ออะไรได้ ซึ่งก็เห็นเป็นความจริง ถ้าเราฟังคนแล้วก็ฟังจริง ๆ แต่ต้องมาพิจารณาอันนี้ที่เป็นข้อสำคัญ ถ้าฟังๆ โน้นคนโน้นคนนี้ คนไหนที่มาจากอเมริกาใต้มาพูดใหญ่ว่าต้องปฏิบัติอย่างโน้นอย่างนี้ไม่เห็น ด้วยสักอันเราก็คิดทำไมไม่เห็นด้วย บางทีคนที่มีความรู้ มีชื่อเสียงมาพูดเราฟังไม่เข้าเรื่องไม่ได้มีประโยชน์ แต่ประโยชน์มีอยู่ว่าท่านเก่งที่ทำให้คนเชื่อ ถ้าคนมาแล้วก็เราฟังแล้วก็เชื่อตามไปหมดไม่ดีเพราะว่าไม่ได้พิจารณาต้อง พิจารณา ว่าที่ท่านพูดนั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าพูดถูกต้องปฏิบัติได้เราก็ดีเราก็ได้ประโยชน์ ส่วนรวมก็ได้ประโยชน์เพราะว่าเราเอาความรู้ที่ท่านพูดไปปฏิบัติต่อ

    ดังนั้น ที่ฟังนายกฯ พูดประชาชนก็ฟังท่านว่าท่านพูด หลายอย่างที่ท่านพูด ท่านพูดถึงว่าเด็ก ๆ เด็ก ๆ ต้องฟัง เด็ก ๆ ต้องเรียนถ้าเรียนประเทศชาติจะดีเดี๋ยวนี้เขาว่าเด็ก ๆ ไม่เรียน เด็ก ๆ แม้จะถึงขั้นมหาวิทยาลัยใช้คำว่าไม่ได้ความ เมื่อไม่ได้ความอนาคตของชาติอยู่ไหนคือเด็ก เด็กไม่ฟัง หรือฟังแต่ฟังไม่เข้าใจถ้าฟังไม่เข้าใจแทนที่จะปฏิบัติสร้างสรรค์ต่อไป ก็ไปเข้า ดิสโก้เธค ฟังเพลงที่ความจริงก็ไม่ใช่เป็นเพลงที่มีอะไรดี เป็นเพลงที่ไม่ได้เรื่องทำให้หูเสีย หูเสียไม่ใช่ว่าคนที่ฟังหูสูงหูต่ำหูไม่ได้ยิน หูตึง คนที่ไปฟังเพลงใน ดิสโก้เธค หูตึงทั้งนั้นถ้าใครเป็นหมอที่นี้หมอหูไปตรวจก็เขายืนยันว่าเด็กสมัยนี้ถ้า ไปตรวจหูเสียหูเสียมากกว่าเด็กสมัยก่อนนี้ แม้จะเด็กสมัยท่านนายกฯ ก็หูตึงกว่าเด็กสมัยพระเจ้าอยู่หัว นี่เรา 76 ปี 364 วันก็เกือบจะ 77 แล้ว 77 เล่นกับนักดนตรี นูโอรินนักดนตรี นูโอรินนั้นคนที่แก่ที่สุดก็ 66 แล้วก็หูตึง คนนั้นเขาหูตึง ฟังไม่ค่อยได้ต้องเข้าไปใกล้ไปคุยกับเขา เรา 77 เวลาไปบอก ยูน่ะอายุ 66 ไออายุ 77 แล้ว เขาก็โอ้ โอ้ โอ้ ฟังรู้เรื่องเขาฟังเราไม่รู้เรื่อง ก็หูตึงที่นี้ถ้าเรามัวแต่หูตึง ยิ้มนะหมายความว่าได้ยินที่พูด เพราะว่าคนที่หูตึงโดยมากเวลานินทาท่านได้ยิน แต่นี้มันยังไงไม่ทราบ คนที่เป็นผู้ใหญ่เวลาพูดอะไร เรื่องอะไรมันไม่ได้ยิน แต่ว่าเวลานินทาท่านได้ยิน องคมนตรีข้างหลังนั้นหูตึงๆ ไม่เข้าใจว่ารับสั่งว่าอะไร ยิ้มไม่รู้ว่าพูดอะไร ก็แปลกแต่นักดนตรีนี่หูตึง เขา 66 ยังเด็กเด็กกว่าเรา

    แต่ว่าข้อสำคัญคนที่เด็กๆ อายุ 15 - 16 ไปให้แพทย์ไปไม่ต้องเรียกเงิน 30 บาท ไปเธคไปหาคนอายุ 15 - 16 ให้มาตรวจหูตึงทั้งนั้น เราไปเมื่อไม่กี่เดือนได้ตรวจ ให้เขาตรวจตา ตรวจหู ตรวจอะไรต่างๆ บอกดีมาก ตรวจหัวใจบอกดีมาก ดีมากทั้งนั้น แพทย์ที่มาจากเมืองนอกก็มาตรวจดีมาก ก็เลยสบายใจว่าเราสุขภาพดี แต่แท้จริงเราหูชักตึงเหมือนกัน แต่ว่าไม่ตึงเท่ากับเด็ก ก็ถึงอยากให้มีโครงการ เพราะว่าดูเหมือนว่าจะมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นห่วงสุขภาพของเด็กก็น่าจะลองๆ ไปตรวจว่าหูของเด็ก ของเราเด็กอายุ 20 ก็เด็ก ลองไปตรวจดูถ้าหากว่านายกฯ อยากที่จะให้เรียกว่าเด็ก ถ้าอายุ 20 เขาบอกว่าเขาไม่เด็กแล้ว เขาผู้ใหญ่แล้ว แต่ว่าไปเอา 15 ปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นเด็ก ให้เขาตรวจ เป็นห่วงถ้าคนเราหูตึงตั้งแต่อายุ 15 ต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะหูไม่มีการก้าวหน้านอกจากใส่เครื่อง ใส่เครื่องแล้วก็น่ารำคาญ ลงท้ายแล้วก็ไม่ใส่เครื่อง แต่ถ้าใส่เครื่องก็เป็นการสิ้นเปลือง ต้องเปลืองเงินสำหรับ 30 บาทไม่ได้ เครื่องมันเกิน 30 บาท เพราะฉะนั้น ถ้าทุกคนที่นั่งอยู่ก็ใส่หูกันหลายคน มันแพง เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้งบประมาณของแผ่นดินเสียไป ต้องเสียทุกคน 30 บาท 30 บาท 22,000 เศษๆ ที่มาในวันนี้ 30 บาท คูณ 30 บาท เท่าไหร่ 600,000 ก็ไม่เป็นไร ท่านมีงบพิเศษของท่าน แต่ว่า 600,000 ต้องเป็นจากกระเป๋าของราษฎร แต่ว่ากระเป๋าของท่านนายกฯ เท่าไหร่ เครื่องราคาเป็นร้อยเป็นพัน งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเท่าไหร่ เหมือนว่าแหย่ว่างบประมาณจะหามาจากไหน แต่ท่านบอกว่าดีมาก เดี๋ยวนี้รายได้ของประเทศขึ้นไปตั้งกี่เท่าแล้ว ถ้าใช้เฉพาะสำหรับปัญหาเรื่องเด็ก เด็กหูตึง มันก็เป็นสุดท้ายต้องเสียเป็นฝ่ายรัฐบาล ต้องเสียเป็นพันล้านในที่สุด

    แต่ว่าถ้าเขาได้รับการเยียวยามันก็ไม่ได้เป็นการเยียวยาความปลอดภัย พอฟังได้ ทีหลังเมื่อได้เครื่องแล้วต้องใส่ พลังงานต้องใช้แพง แบตเตอรี่ก็ต้องใช้อยู่ตลอด อันนี้ความเสียหายก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมาก แต่ค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดก็คือ คนที่หูตึงจะเรียนรู้หรือปฏิบัติงานยากที่สุด เพราะว่าคนที่หูตึงแม้จะได้เครื่อง มันไม่เหมือนคนที่หูไม่ตึงและไม่ต้องใช้เครื่อง ประสิทธิภาพของคนที่หูดี เหนือประสิทธิภาพของคนที่หูตึงแม้จะมีเครื่องช่วยให้ฟังได้ อันนี้ก็เป็นข้อหนึ่งที่น่าจะแก้ไข หรือน่าจะระมัดระวังให้คนไทยอนาคตมีหูที่ดีขึ้น มีหูที่ฟังได้ดี ไม่ใช่ว่าเป็นผู้เฒ่าจะฟังไม่ได้ เด็กๆฟังไม่ได้ แต่ถ้าระมัดระวัง เดี๋ยวนี้รู้สึกว่า จะยากในการที่รณรงค์ให้เด็กหูดีขึ้น ยากเพราะว่าเคยชิน วิธีแก้ไขของได้ท่านรัฐบาลก็คือ ห้ามไม่ให้เข้าดิสโก้เธค ไม่ให้ไปฟังเพลง ไม่ให้สูบบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่นี่จะทำให้หูดี หูไม่เสีย คนที่สูบบุหรี่มากๆ หูเสียมาก มีเหตุผลทำไมคนที่สูบบุหรี่หูเสีย เพราะว่า บุหรี่ทำให้เส้นเลือดมันตีบ เมื่อเส้นเลือดตีบหูก็เสีย เพราะว่าหูตาเสียได้ง่าย เพราะว่าทำไม เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหู ไปเลี้ยงตา ไปเลี้ยงอวัยวะที่อ่อนไหวนั้น เส้นเลือดมันเล็ก ถ้าโดนบุหรี่ บุหรี่ทำให้เส้นเลือดตีบ ตีบเลือดก็ไปไม่ได้ เลือดไปที่อวัยวะเหล่านั้นยาก ถ้าไปไม่ดีก็ทำให้อวัยวะเหล่านั้นด้อยสมรรถภาพ

    เพราะฉะนั้นยากที่จะแก้ไขไม่ให้คนหูตึง นอกจากต้องพยายามแก้ไข เดี๋ยวนี้ก็ร้องโวยวายว่าห้ามสูบบุหรี่ ปัจจุบันนี้บุหรี่สูบกันน้อยลง เพราะว่าคนชักรู้ว่าสูบบุหรี่ไม่ไม่ประโยชน์ แต่เดี๋ยวนี้เด็กๆ มีการสูบบุหรี่มากขึ้น มากกว่าก่อนนี้ แต่ก่อนนี้เด็กๆ ยังไม่สูบ แล้วโดยเฉพาะผู้หญิง ผู้หญิงสูบบุหรี่มาก แต่ก่อนนี้ก็กลัวว่าสูบบุหรี่ทำให้ผิวเสีย ผิวเสียเพราะเส้นเลือดมันไม่ดี ทำให้ผิวไม่ดี แต่สมัยใหม่เขาไม่กลัวแล้ว เพราะว่าผิวเสียก็ช่างก็ทาหน้า ทาหน้าก็เช้งเลย ต้องหาทางแก้ไข จะห้ามไม่ให้ใช้เครื่องสำอาง ถ้าห้ามไม่ให้ใช้เครื่องสำอางก็ประหยัด ประหยัดปะแป้งนิดหน่อย สมัยก่อนปะแป้งก็สวยแล้ว นี่ก็สวยถ้าปะแป้งนิดเดียวไม่ต้องทาสีแดง แต่สมัยใหม่นี้เขาต้องทาสีแดง ไม่ใช่แดงเท่านั้น สีแดง สีเขียว ปั้นจมูก ปั้นแก้ม ทาสีต่างๆ เขาเรียกว่า โคโค่ลิส มาแต่งหน้าให้เป็นพวกศิลปิน แต่ก็ดีทำให้พวกศิลปินมีอาชีพ ยังไงแขวะไปเรื่อยๆ มันแขวะเป็นทอด ๆ ๆ ไปเรื่อย ยังงี้เท่ากับท่านหัวร่อต่อไป ผู้ชายหัวร่อผู้หญิง กลับบ้านถูกเล่นงาน ทำไมหัวเราะ

    แต่ยังไงก็ตามนี่หละเราพูดอย่างนี้ เราต้องสนุกสนานหน่อย เพราะเดี๋ยวนี้ค่อนข้างจะเป็นเวลาที่เครียด เราก็ต้องยกตัวอย่างท่านนายกฯ ดูทีวี หาเสียง เสียงแหบ หน้าเหี่ยว แต่ออกทีวีหน้าเหี่ยวเพราะเขาต้องไปแต่ง ตรงนี้ซิตรงนี้ อย่างวันนี้คงตกแต่งดี เพราะว่ามีทีวี แต่งนิดหล่อขึ้นเยอะ ก็นี่แหละ พูดกันเฉพาะท่านนายกฯ เพราะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ เป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องยกตัวอย่างผู้ใหญ่ ยกประธานองคมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครอง ศาลตั้งกี่ศาล ที่นี่ศาลมีมากเหลือเกิน นี่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น มีผู้ใหญ่มาก ข้างนอกเลยไม่มี

    โอกาสเข้ามาเลย มีแต่ผู้ใหญ่ ก็เลยแขวะผู้ใหญ่เป็นแถวอย่างนี้ รวมอยู่ที่นายกรัฐมนตรีก็แขวะคนเดียว ไม่งั้นเหนื่อยต้องไปแขวะทุกคน แต่อย่างไงก็ตาม พูดนี่เป็นอารัมภบทเท่านั้นเองนะ ว่า ไม่ต้องแขวะไกล แขวะนายกฯ คนเดียว ก็แขวะทุกคนหมดเลย นี่ว่าจะมาว่าเรื่องอะไรก็จำไม่ได้ว่าจะมาพูดเรื่องอะไร เมื่อจำไม่ได้แล้ว คงไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ท่านเข้าใจว่าคนเราต้องพูดต้องแขวะ เพราะว่าถ้าไม่แขวะจะไม่ได้อะไรเลย ถ้ามาบอกว่า ท่านเก่งท่านดีท่านอะไรทุกอย่าง ไม่ได้ผล ลงท้ายท่านก็ลืม ลืมว่าท่านทำอะไร ถ้าท่านลืมว่าทำอะไร อันตราย ถ้าลืมว่าทำอะไร มันอันตรายที่ว่าเดี๋ยวท่านก็ดี ต้องพูดภาษาอังกฤษนะว่า ไบร์ทไอเดีย ว่าทำอย่างนู้นทุกอย่างนี้ ก็เลยเสียหาย เมื่อเช้านี้ที่ฟังท่านพูดถึงเด็กต้องเรียนรู้ก็ดี เด็กเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน บางคนถ้าเราเด็กเรียนรู้ อายุ 8 ขวบเขาเก่ง เก่งเท่ากับอายุ 30 แล้วเก่งจริงๆ เราสู้ไม่ไหว แต่ว่าถ้าตรงข้าม ในทางตรงข้ามนึกว่าเด็ก ถ้าเขาฟัง เขาเรียน บางคนเรียนไม่ไหว เรียนไม่ได้ หรือเรียนบางวิชาได้ บางวิชาเรียนไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องแบ่งแยกออกไปเป็นพวกที่เรียน จะเรียกว่าเรียนเก่ง เรียนได้ หรือไม่ได้

    เมื่อวันจันทร์ก่อนไปพบกับพวกราชประชานุเคราะห์และพวกสื่อสารทางดาวเทียม รัฐมนตรีศึกษาก็มานั่ง เมื่อท่านเป็นผู้ใหญ่ในที่นั้นก็ต้องแขวะท่าน แขวะท่านว่า ศึกษานี่มีอะไรแปลกๆ ไม่ได้บอกว่ามีอะไรแปลกเพราะว่าเดี๋ยวโกรธ แต่ว่าต้องมีอะไรแปลกๆ คงมาฟ้องท่านนายกฯ ฟ้องหรือเปล่า ไม่ได้ฟ้อง เพราะว่าท่านทำหน้าชอบกล คือ ลำบากที่ว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีบางทีมีความคิดแปลกๆ นั่นเอง คือที่เรียกเมื่อกี้ว่า ไบร์ทไอเดีย ไบร์ทไอเดียคือทำโน่นทำนี่ คือว่าท่านผู้ใหญ่นี่ต้องระวังถ้ามีไบร์ทไอเดีย แต่ต้องแปลนะ ไบร์ทไอเดีย คือความคิดที่สว่างไสว คือเรารู้ถึงคำว่า ไบร์ทไอเดีย เพราะว่า ในการ์ตูน เราดูการ์ตูนว่าตอนไหนมีไบร์ทไอเดีย เกิดมีไฟขึ้นมาบนหัว แต่ว่าท่านนายกฯ มีไบร์ทไอเดีย ก็มีดาวเทียมอยู่บนนั้น ท่านนายกฯ ไม่มีหลอดไฟ แต่ก่อนนี้มีหลอดไฟ สมัยนี้ต้องมีดาวเทียมอยู่บนหัว นายกฯ มีไบร์ทไอเดียด้วย แต่ตอนนี้ท่านรัฐมนตรีศึกษาท่านก็มี ไบร์ทไอเดียด้วย แล้วก็ท่านไม่ใช่หลอดไฟ ท่านเป็นดาวเทียมเหมือนกัน เพราะว่าท่านชอบการศึกษาผ่านทางดาวเทียม ก็เลยทำให้นึกถึงว่า ไปแขวะท่าน ท่านก็หัวเราะ เพราะว่าผ่านดาวเทียมลงไป เข้าใจว่าแขวะ แล้วก็แขวะผ่านนึกว่าเข้าเครื่องผ่านดาวเทียมแล้วก็เข้าดาวเทียมของนายกฯ ลงมา ก็รู้ก็เข้าใจ นี่แหละถ้าคนที่มี ไบร์ทไอเดีย เหมือนกับเป็นคนที่สว่างๆ สว่างไสวในสมอง ก็เก่งก็ดี

    แต่บางคนดาวเทียมมันพัง อย่างเราอยู่ที่หัวหิน ทำไปทำมา ดูทีวีบ้างดูการ์ตูน แล้วการ์ตูนก็ดังแชบๆๆๆๆ ดาวเทียมเสีย มันก็เลยแย่นะ ดาวเทียมของเรา เข้าเครื่อง ที่นี้ดูดาวเทียมที่สวนจิตรฯ เดี๋ยว แชบๆๆๆ แต่ว่าทั่วๆ ไปไม่ควรจะเสีย อันนี้ถ้าเราดูโทรทัศน์ โทรทัศน์ต้องอาศัยดาวเทียมกำลังดี เรื่องกำลังสนุก แชบๆๆๆ ไม่รู้ว่าอะไร ดูแล้ว ถ้าแต่ก่อนนี้เป็นโทรทัศน์แบบเก่า มันก็คงมีบ้าง บางทีก็ซู่ๆๆ นิดหน่อย แต่ก็ยังรู้เรื่อง แต่ถ้าเป็นดาวเทียมนี่ไม่รู้เรื่อง ถ้าหากว่าก้าวหน้ามาก บางทีทำให้ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นต้องระวัง เด็กบางคนดาวเทียมดี เด็กบางคนดาวเทียมไม่ดี แต่ว่าส่วนมากดาวเทียมไม่ดี ก็ต้องพยายามที่จะช่วยคนที่ดาวเทียมไม่ดีนั้นให้เขาได้มีความรู้พอควรกับ สมองเขา คนที่มีสมองดี ก็เข็นเขาให้ได้ดีขึ้น สำหรับเรื่องนี้สมเด็จกรมหลวงนราธิวาสฯ ท่านสนพระทัยมาก เรื่องสมองของเด็ก และก็ท่านก็อยากที่จะให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้ให้ดีเต็มที่ ทั้งหมดนี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุนให้เด็กๆได้ไปแข่งขัน แต่ก่อนนี้เมืองไทย พวกที่เรียนเลขเมื่อ 50 ปี นับว่าเรียนเก่งต่อมาค่อยๆ ด้อยลง แต่เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ถ้าเราเอาใจใส่เด็ก เพื่อให้ได้ความรู้สูงแล้วให้เขาสามารถที่จะเรียนสูงขึ้นไป ต่อไปนี้มหาวิทยาลัย ปริญญาโท ปริญญาเอก ให้ได้เรียนแล้วก็มีโอกาสมาปฏิบัติ แต่โดยมากคนที่เรียนได้อีตอนได้ปริญญาเอก กลับมาใจไม่สบายไม่มีที่ทำงาน เดี๋ยวนี้ก็มีที่ทำงานแต่ไม่ทำ บางทีก็ไม่เอา ไม่เหมาะสมกับงาน กับความรู้ที่มี อันนี้ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะนายกฯ ทักษิณ มีความตั้งใจที่จะให้มีการงานที่เด็กมีความรู้ได้มีความสามารถ ได้ทำงานได้เพื่อที่จะให้มาช่วยส่วนร่วมอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ

    เรื่องที่พูดว่า เมืองไทยนี่ต้องมีคนที่สามารถคิดเขาเรียกว่า วิสัยทัศน์ เดียวนี้คำว่าวิสัยทัศน์นี่เขาแปลไปคนละอย่าง เมื่อสองสามปีนี่ที่ทราบว่าคนมีวิสัยทัศน์มีวิชั่นภาษาฝรั่งเรียกว่าวิชั่น วิชั่นก็คือ สายตาตามสายตาที่เห็นเขาเรียกว่า วิชั่น แต่ว่าทางโบราณก่อนสัก 20 ปี วิชั่น ก็หมายความว่า คนที่เห็นอะไรแปลกๆ เห็นอะไรที่ขึ้นมา แล้วก็เห็นอะไรก็หัวเราะ คือเหมือนกับว่ามาหลังวิชั่นเขาเรียกว่าวิสัยทัศน์ มีทัศน์ที่เป็นวิสัย เป็นไปได้ รู้อะไรเป็นไปได้ วิสัยทัศน์ในความหมายนี้ ควรจะใช้อย่างนี้มีวิสัยทัศน์ คือมีวิชั่นก้าวหน้าความรู้ก้าวหน้าผู้ใหญ่ต้องมีวิสัยทัศน์ถ้าไม่มีวิสัย ทัศน์อย่ามาเป็นผู้ใหญ่ดีกว่า คือมันเละไปหมด ถ้าหากว่ามีวิสัยทัศน์ดูอะไรรู้หมด ดูอะไรเป็นความจริงไปหมด คือหมายว่าไม่ใช่ความจริง เป็น ขึ้นมาเป็น เป็นที่ใช้ได้ ยังจำได้ว่า ที่สะพานพระปิ่นเกล้า บอกว่าที่ตรงนี้ต้องตัดถนนให้มันคล่องแคล่ว มิฉะนั้นถ้าไม่ตัดถนนให้คล่องแคล่วรถที่มาจากสะพาน มาจากถนนราชดำเนิน ขึ้นสะพานขึ้นไม่ได้ ถนนราชดำเนินมี 6 เลน แต่ว่าสะพานมี 3 เลนเท่านั้นเอง มันก็เป็นคอขวด ถ้าอยากทำต้องทำให้มันแล่นสะดวก จำได้ว่าวันนั้นนะท่านบัญญัติ ก็พูดถึงว่า ต้องเข้าคณะกรรมการจราจร ถึงบอกว่าไม่ทันจราจรเขาบอกว่าต้องทำอุโมงค์มุดลงไป แล้วขึ้นทางโน้น เจาะอุโมงค์นี่ไปเจอน้ำเจอคลองหลอด ก็ต้องใช้เงินเป็นกี่ร้อยล้าน ร้อยล้านเวลานั้นรู้สึกมาก ถ้าทำไม่ได้ต้องกินเวลากี่เดือนก็ไม่รู้กว่าจะสร้างได้ เราบอกไม่ต้องไปตรงเลย ทำให้ไปโดยมีเลี้ยวให้นิ่ม ลงท้ายความจริงหรอกท่านรองนายกฯ ท่านที่จริงรถที่จะมาสร้างมันอยู่ข้างหลังกำแพง แล้วเสร็จแล้วท่านบอกว่าตกลงจะไปเข้ากรรมการเรียกอะไรจราจรก็ทำไปทำมาก็ สร้างเลย สองเดือนเสร็จแล้วก็รู้สึกคนเขาพอใจนี่ก็มาเล่า ก็ขอโทษมาพาดพิง แต่ว่าต้องทำอะไรที่ง่ายๆ แล้วจนทุกวันนี้ รถแล่นได้ดี ถ้าตรงนั้นเป็นคอขวดก็ที่อื่นก็เป็นคอขวดหมดแล้ว แต่คอขวดอันนี้ 3 ช่อง ไปใช้สะพาน สะพานพระราม 8 อีกสองช่องเพราะฉะนั้นเป็น 5 ช่อง

    เดี๋ยวนี้ไม่ค่อย ไม่ค่อยแน่น คือหมายความว่า ไม่เป็นคอขวดอย่างที่นายกฯ บอกว่าตอนนี้กำลังแก้ไขปัญหาจราจร สะพานพระปิ่นเกล้า 3 ช่อง สะพานพระราม 8 อีก 2 ช่อง เป็น 5 ช่อง ออกทางโน้นไปขึ้นลอยฟ้า 2 ช่อง ข้างล่าง 3 ช่อง ก็ 5 คือต้องคำนวณง่ายๆ อาจจะคำนวณง่ายๆ อย่างนี้มันง่ายเกินไป ง่ายเกินไปแล้วไม่สนุก แทนที่ของเราสนุกคำนวณง่ายๆ 2 บวก 3 เป็น 5 อันนี้เด็กๆ ก็คำนวณได้ 2 บวก 3 เป็น 5 ที่ถนนราชดำเนิน 6 และถนนราชดำเนินก็ต้องให้กว้างกว่าใหญ่โตหน่อย ก็เลยนับ ก็มีคนมาถามว่าที่นี่แล่นได้แล้วมาถึงสะพานผ่านฟ้าก็ขยายสองเท่าเหมือนกัน แล้วก็ต่อไปก็สะพานมัฆวานก็ขยาย 2 เท่า แล้วก็มีคนเขามาแขวะว่าก็ต่อไป ก็ต่อไปก็ได้ไปถนนศรีอยุธยา ถนนศรีอยุธยาก็ขยายที่ต้องเป็นคลองก็ถมไปเบี่ยงเบี้ยวหน่อยก็เบี้ยวนิดก็ไป ต่อไป ไปเข้าไปพาดพิงท่านนายกฯ ชวน ก็ไปแล่นบ้านนายกฯ ชวนทะลุไปขอยืมที่ตรงนั้นท่านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ข้ามไป ข้ามไปข้ามมา อย่างที่ได้พูดไปถึงมักกะสันผ่านมักกะสันทะลุไปทางด่วน ก็ไปทางด่วนเลย ก็เลยจากธนบุรีมาถึงทางด่วนไปดอนเมืองได้ ทะลุ ต้องดูอะไรทะลุ ต้องมองเห็น ต้องใช้ตาว่ามันทะลุไหม อันนี้มันนานปีแล้ว กี่ปี สิบเท่าไหร่ปี ตอนนั้นไม่กล้ามาเล่าให้ฟัง เพราะถ้าเล่าให้ฟังเดี๋ยวโกรธ อันนี้ก็ไม่โกรธนะ ทำอะไรต้องคิดว่าทำได้ เมื่อทำได้แล้วก็ต้องแขวะท่านนายก ฯ เข้ามาตอนนี้ทำการจราจรได้ ลงท้ายท่านทำหรือเปล่า ตอนนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี ๆ ฟัดกับท่านคุณสมัคร ๆ ท่านเป็นรัฐมนตรีคมนาคม ท่านเป็นรองนายก ฯ เหมือนกัน ท่านรองฯ ต่อรองฯ ชนกัน ก็ชนกันนั่นท่านรองนายก ฯ ข้างนอกนะ นี่ ท่านเป็นรองนายก ฯ ข้างใน ท่านรองนายกฯ สมัคร บอกไม่เป็นไรมาจากข้างนอก มุดใต้แม่น้ำ แล้วจะโผล่จากที่ไหนไม่ทราบ โผล่มา ท่านรองนายกฯ ทักษิณ ท่านลอยอยู่ข้างบน ไม่พบกันเลย ไม่พบ ข้างบนข้างล่างไม่พบกัน ก็เลยเป็นโครงการท่านสมัคร มุดลงมา หลับหูหลับตา มุดไปออกตรงโน้น ไปออกสนามกรีฑาทางตะวันออก นี่แล่นไป ๆ เจออะไร ข้ามแม่น้ำไป แล้วไปไหน แต่ของเราข้ามแม่น้ำก็ขึ้นลอยฟ้า นี่ก็ทำให้ปรองดอง รองนายกฯ ต่อรองนายกฯ นี่ก็เล่าให้ฟังอันนี้แปลกๆ เราก็ต้องโหวต เรียกว่า โม้ ทำให้รองนายกฯ ทั้งสองได้ทำของตัว ทำไปทำมาก็นับว่าเดี๋ยวนี้นับว่าดีพอสมควร นี่จราจรมันเรียบร้อยแล้ว

    แต่ที่สำคัญเรื่องที่ฟังว่า เห็นว่าเด็ก ๆ จะต้องสามารถที่จะเรียนรู้ เรียนให้ทำงานเพื่อช่วยบ้านเมือง จริงถ้าเด็กไม่มีความรู้ช่วยบ้านเมืองไม่ได้ บ้านเมืองไปไม่รอด เพราะว่าเด็ก ๆ มัวไปเสพยาเสพติด สูบบุหรี่ ไม่ดี เสพยาเสพติดไม่ต้องบอกว่ามันเสียหายอย่างไร แต่บุหรี่นี่เรียกว่าหูเสีย ตาเสีย สมองเสีย เส้นเลือดเสียอุดหัวใจ เมื่อสิบกว่าปีที่ต้องเข้าโรงพยาบาล มาเจาะหัวใจ เรียกว่าเจาะหัวใจสามครั้ง ก็เลยเครียด เดี๋ยวนี้มันมี ไม่บีบหัวใจสบายมาก เลือดเดินดี เลือดเดินดีในหัวใจ แข็งแรง แต่ว่ามันมีอื่น ๆ ที่มาจากไปเจาะหัวใจนี่ ไปเจาะหัวใจนี่ ลงท้ายสบายมาก จนกระทั่งทำให้มีความคิดความรู้เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ และได้ไปช่วยเพื่อนที่เขาเป็นโรคแบบเดียวกัน เป็นอย่างนี้ไปหาหมอเจาะหัวใจ ให้เจาะหัวใจทันที เขาก็ไป เพื่อนเล่นกีตาร์ เล่นกีตาร์หงอย เพราะว่าหัวใจมันตัน ไป..ๆ เขาก็ไปทำ ไม่กี่วันเขาก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใสเล่นกีตาร์สบายมาก คือที่ไปเจาะหัวใจได้ความรู้ว่า เจาะหัวใจนี่มันมีประโยชน์ เราก็ให้ไปเลย ก็มีหมอที่ดีก็ช่วย เมื่อช่วยกลับมาเขาต้องไปทำสองครั้ง แต่หมอก็บอกให้คุณที่พระเจ้าอยู่หัวให้ไปนั่นนะ ดีเคราะห์ดี ไม่งั้นตาย จริง แต่ก็ต้องขอให้หยุดสูบบุหรี่ เขาสูบบุหรี่มาก พี่ชายเขาก็สูบ ตายแล้ว พ่อเขาก็สูบ ตายแล้ว ก็เหลืออยู่คนเดียว เขาเลยไม่ตาย และก็ปลอดโปร่ง ไปเข้าเรียน ๆ กันความรู้สูง ตอนแรกไม่มีความรู้ ผลที่สุดเขาก็ไปเรียนได้ บุหรี่นี่ ไปทำให้หัวใจเขาเสีย ไม่ใช่ใจเสียนะ หัวใจเสีย และก็ไปทำ และก็เรียนได้ เดี๋ยวนี้ก็เรียนจะจบแล้ว อายุมาก ไม่ใช่เด็ก ๆ เขาก็ได้มีชีวิตที่ดีก็เลยต้องมาเล่าให้ฟังว่า คนที่สูบบุหรี่สมองก็ทึบ ที่ทึบเพราะว่าเส้นเลือดในสมองตีบ คิดอะไรไม่ออก ตอนแรกก็คิดว่าจะคิดออก แต่ตอนหลังมันคิดไม่ออก ทีแรกนึกว่าคนเราสูบบุหรี่ทำให้กระฉับกระเฉง ตรงข้าม ไม่กระฉับกระเฉง ทำให้รู้สึกว่าสมองมันทึบๆ สมองมันตัน ก็เลยคิดว่า เลิกสูบบุหรี่ดีกว่า มีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่ และห้ามขายบุหรี่แก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ที่จริงไม่แต่เด็กหรอก อายุ 50 ก็ควรจะห้าม คนไหนที่อายุ 80 อยากสูบบุหรี่ก็สูบ เพราะว่าตอนนั้นสมเด็จพระบรมราชชนนีท่าน 80 นะ ท่านสูบบุหรี่ สมเด็จกรมหลวงฯ ท่านก็สูบบุหรี่ ตอนหลังท่านเลิก แต่สมเด็จพระบรมราชชนนีท่านไม่เลิก แก่แล้วๆ จะไปเลิกๆ ได้อย่างไร แม้จะเลิกสองปีมันก็ทำให้ดีขึ้น เพราะว่าแก่แล้ว แต่ในที่สุดท่านต้องเลิก เพราะว่าไม่สบาย เพราะท่านทำไปทำมาท่านอายุ 95 เราก็เลยนึกเราเลิกบุหรี่นี่ดี มีคนเขาบอกว่าเราอยู่ถึง 120 ๆ นี่แต่บางคนก็มาบอกว่า คนเราอายุที่ได้ถึง 128 คนที่มา 128 เพราะ 128 นั่นต้องให้ร่างกายมันดี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าแค่ 120 ก็ยอมเอา แค่ 120 แต่ 120 นี่ก็ไม่เลวนะ ถ้า 120 ก็อีก 40 กว่าปี ๆ ท่านทั้งหลายนี่งอกแงก ๆ แต่ว่าถ้าทำให้ร่างกายดีอาจจะได้ ระมัดระวังให้ดี เพราะว่าคนเดี๋ยวนี้อายุ 70 ให้ถึง 120 เอา 120 เขาก็เท่าไหร่ เรา 120 เขา 110 ก็เขาก็ทำงานพอจะทำงานได้ ดูเหมือนผู้พิพากษา 70 นะ 70 นี่ยังทำงานต่อได้อีก 40 ปีก็นับว่า แต่ท่านอาจจะงอกแงก ๆ แต่ว่าผู้พิพากษาอายุ 70 ถ้าไม่งอกแงก ก็ทำงานได้ ให้ถึง 120 ได้

    แต่ว่าสงสัย เพราะว่าเดี๋ยวนี้ใกล้ ๆ 70 ก็ชักจะงอแง ๆ ยิ้มอย่างงอแง ก็ยังไงถึง 70 ก็ไม่เลว แต่ว่า 80 ก็น่าจะได้ เดี๋ยวนี้สมัยนี้ คนอายุ 70 ก็ดูกระฉับกระเฉง 77 หย่อน 1 วันก็นับว่า ไม่ถึงวันก็ 77 เราเกิด 8 โมงเช้าที่อเมริกา 8 โมงเช้าที่อเมริกาที่นี่เท่าไหร่ ? ที่นี่ 2 ทุ่มวันรุ่งขึ้น ก็หมายความว่าอีก 24 ชั่วโมงกว่า ๆ เรา 77 ก็ระหว่างนี้ก็ยังคงแข็งแรงดีมาพูดเลอะเทอะ ๆ อะไรอย่างนี้ ก็ยิ่งอายุยืน ไม่ทราบว่าท่านจะอายุยืนก็ไม่รู้ บางคนก็อาจจะตรอมใจ แต่ว่าถึงกัน อย่างท่านผู้เฒ่าต่าง ๆ ต้องให้อายุยืน ส่วนเด็กเขาไม่เชื่อนายกฯ สูบบุหรี่ เล่นเข้าคาราโอเกะ ไม่เชื่อก็เรียนอะไรไม่ได้ นายกฯ ต้องไปเจรจาให้เด็กๆ อายุ 10 ขวบถึง 20 ให้เขาตั้งใจเรียน ต่อไป อีก 7 ปีข้างหน้าเขาจะได้ทำงานให้ดี แต่ถ้าเด็ก สมัยนี้ได้ทำงาน 70 ปี เมืองไทยจะไปถึงขนาดไหน ไปถึงดวงดาวได้ ทำให้เมืองไทยมีชื่อเสียงได้ ถ้าเราไม่ระวังเดี๋ยวนี้ต่อไป 80 ปี เด็กที่ไม่ระมัดระวังไม่ถึง 80 ปี คือบุหรี่นี่ทอนอายุอย่างมาก ๆ แต่เดี๋ยวนี้ได้ยินว่าบุหรี่ชักดีขึ้น แต่เด็กๆ ไม่ดีขึ้น นี่ก็พูดอย่างนี้เด็ก ๆ โกรธแน่ ยังไงเมื่อเด็กๆ อยากสูบบุหรี่ก็สูบนิดหน่อยให้ได้ชื่อว่าได้สูบ เราเองเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่เด็ก ๆ บุหรี่จริงไม่มี เป็นไม้ซางแห้ง ๆ สูบ ก็เด็ก ๆ เขาเล่นสูบ แต่ทีหลังเลิก มาตอนอายุ 18 ได้สูบบุหรี่ เพราะทำไม เพราะตอนนั้นสมเด็จพระบรมราชชนนีท่านบอกว่า เด็ก ๆ ห้ามสูบบุหรี่ ๆ เด็ก ๆ หมายความว่าลูกท่าน ต้องอายุ 18 ก่อน แต่ตอนนั้นอายุ 18 และก็มาหลังสงครามพอดี พวกทหารฝรั่งเขามีกระป๋องสำหรับทหาร มีอาหารยังชีพ และมีบุหรี่ 6 มวนในนั้น คนเขาก็ให้มา เราก็ลอง เวียนหัว ตอนนั้นอายุ 18 นานๆ ไปก็เลยชินแต่ว่าบุหรี่อย่างนั้นก็หมดไป หมดสงคราม

    ต่อมามีเกี่ยวข้องกับเรื่องบุหรี่นี่มีพี่เขยน้องเขยเขาเขาสูบบุหรี่เห็นเขา สูบบุหรี่ก็เลยสูบตั้งแต่นั้นมาสูบบุหรี่มาจนกระทั่งทีหลังมันมีอาการหัวใจ หมอก็บอกให้เลิกสูบบุหรี่ก็ไม่เชื่อหมอ ก็ยังอาการหัวใจต่อ จนกระทั่งหลังๆ มีบุหรี่อยู่ในห้องไม่ไหว วางไว้บนโต๊ะ ยังมีอยู่ในนั้นในซองบุหรี่มีสัก 10 มวน วางเอาไว้ไม่แตะอีกเลย เพราะว่าบอกให้เลิก เราก็เลิกทีละมวน ทีหลังเอ้ามี 2 มวน ทำไปทำมา เราก็เอาหนังสือราชการนั้นมาเอามาวางทับถุงบุหรี่ก็อยู่ใต้หนังสือราชการ ไม่รู้เดี๋ยวนี้รู้เขาคงขุดไปทิ้งหมดแล้ว แต่อยู่ใต้ที่ตั้งหนังสือนี่เข้าใจว่าประมาณปีหนึ่งไม่ได้แตะ เพราะว่าถ้าไปแตะ ต้องไปขุดหนังสือราชการ หนังสือราชการไม่ทำราชการนะ หนังสือราชการมาก็เอามาทำๆ แล้วก็เอามาตั้งต่อ แล้วก็ตั้งอยู่สูง เดี๋ยวนี้หนังสือราชการด่วนที่สุด ขึ้นมาสูงเท่านี้ ตอนหลังก็มาขุดๆๆ จนหมด แต่ยังมีด่วนมาก ด่วนที่สุด ได้ทำ 3 ธันวาคม ทำเสร็จแล้ว ก็แสดงว่าช้าไปหนึ่งวันเท่านั้น แต่ด่วน ด่วนมาก นั้นมันเดือนพฤศจิกา ประมาณ 2 อาทิตย์ต้องไปขุด เดี๋ยวกลับไปต้องไปขุด ไม่งั้นกลับไปหัวหินต้องหอบไป ไม่งั้นเดี๋ยวไม่ได้นอน ถ้าไม่นอนเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตื่นไม่ไหว เป็นอย่างนี้เสมอ ถึงวันเกิดนี่วันเกิดก็มีการพบปะอย่างงี้ แล้วก็จะต้องไปนอน ถ้าไม่ได้นอน ถ้าไปมหาสมาคมจะร่วงลงไปทุกครั้ง พอขึ้นสูงนี่นะ เพราะว่าขาก็ไม่ค่อยดีแล้วนะ ก็เลยต้องเตรียมตัว แต่อย่างไรก็ตามเราก็ได้มาพูดค่อยข้างจะยาวก็พอดี พอดีเวลาเหลือ 2 นาที เหลือ 2 นาที ให้ดนตรีขึ้นใหม่ ขอให้ท่านที่มาที่นี่ได้มีความแจ่มใส วันนี้รู้สึกท่านจะแจ่มใสดี ต้องแจ่มใส เพราะว่าถ้าไม่แจ่มใสทำงานไม่ได้ ต้องให้ท่านทำงานได้ แล้วก็คิดถึงงานที่จะต้องทำ ทำให้ดี ๆ ไม่ทำให้เละ ถ้าทำให้เละ ประเทศชาติก็เละ ก็ขอให้มีความสุข ความสำเร็จทุกอย่างทุกประการ


    <!--mstheme--></td> </tr> </tbody></table><!--mstheme--></center> ​
    <!--msthemeseparator-->[​IMG]
    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2009
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยื่นนาน พระพลานามัยแข็งแรง
    เป็นมิ่งขวัญปวงชนประชาชาวไทยตลอดไปด้วยเทอญ


    สาธุ
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    พระราช ดำรัส
    พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
    ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
    วันเสาร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗
    (ฉบับไม่เป็นทางการ)


    [​IMG]

    ยกข้อความมาหนึ่งประโยค อ่านฉบับเต็มตามลิงค์ด้านบน

    สาธุ
     
  6. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    อยากจะร้องไห้ รู้สึกเหมือนตัวเองเกิดมาช้าจริงๆ
    อยากทำงานให้พระองค์มากๆ
    เห็นใจพระองค์ท่านมาก เสียใจที่คนที่มีอำนาจอยู่ในมือไม่ยอมทำหน้าที่อย่างเต็มที่
    ถ้าทำอะไรเพื่อพ่อได้ ก็จะทำทุกอย่าง

    สาธุ ชีวิตนี้ถวายเพื่อพ่อหลวงเเละเเผ่นดินไทย
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อเช้านี้เวลาประมาณ 7 โมงเช้า ได้รับโทรศัพท์เบอร์ต่างประเทศ แต่ไม่แน่ใจรหัส +62 คือประเทศอะไร รับมาเป็นหลวงปู่(มีชัย) โทรมา

    ท่านก็ถามว่าสบายดีไหม ท่านชวนไปอินโด ช่วงสงกรานต์ เดือนเมษา ไอ้เราก็บอกว่า ดูก่อนว่าว่างไหม ลป.ถามว่า อ้าว ที่บริษัทไม่หยุดสงกรานต์เหร๋อ แหะๆ

    บอกท่านว่าหยุด ท่านบอกว่า งั้นอ๋อมาอินโดเลยนะ เอาคุณพ่อคุณแม่มาด้วย เดี๋ยวหลวงปู่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ ไอ้เราก็บอกว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวจะไปจะซื้อเองได้ ก่อนหน้านี้หลวงปู่ให้คนมาชวน ให้ไปให้ได้แต่ไม่ได้ตอบตกลงไป วันนี้ท่านโทรมาเองเลย ท่านก็ชวนลูกศิษย์อีกหลายครอบครัวไป บอกไปให้ได้นะ เดี๋ยวลป.ไม่อยู่อินโดแล้วจะไม่ได้มา ก็เลยบอกท่านว่า แล้วหลวงปู่จะไปไหนหล่ะ ท่านตอบว่า ไม่รู้ หลวงปู่แก่แล้ว :'(

    ท่านบอกว่างานนี้ท่านทำให้ในหลวง ท่านจะทำถวายในหลวงให้ในหลวงมีพระพนานามัยแข็งแรง สมบูรณ์ และมีพระชนมายุยืนยาว

    หลวงปู่บอกอีกว่า งานนี้หลวงปู่อธิษฐานจิตนะ หลวงปู่อธิษฐานให้ในหลวงท่านมีอายุร้อยกว่าปี ท่านจะได้เป็นมิ่งขวัญชาวไทยไปเรื่อยๆ เมืองไทยจะได้สงบร่มเย็น

    ท่านจะให้ไปให้ได้ ในใจคิดอีกแง่ว่า ช่วงสงกรานต์เมืองไทยจะมีอะไรหรือเปล่าหนอ?
     
  8. seefrance

    seefrance สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +15
    ขออนุโมทนากับคุณ falkman ที่ได้นำสาระดีๆมาเผยแพร่
    ได้อ่านแล้วมีความสุขมากค่ะ
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    :cool:

    *********
    คิดว่าพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    ท่านต้องมีเหตุผลในการคิด พูด กระทำ
    จึงได้เชิญชวนคุณ falkman และครอบครัว
    สวัสดีค่ะ
    ;aa8
     
  9. savetime

    savetime Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
    ขอให้พระองค์มีพระชนมายุถึง 120 ปี ดังที่ตั้งพระทัยไว้
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
     
  10. noina11111

    noina11111 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอให้พระองค์มีอายุยิ่งยืนนาน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และบุญกุศลที่หนูได้ทำทั้งหมดยังผลให้พระองค์มีอายุยิ่งยืนนานให้พวกหนูทันรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทด้วยเทอญ^^ จะรีบเรียนคร่า
     
  11. จีทีเอ็ม

    จีทีเอ็ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +168
    ขอถวายพระพร ให้พระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรง สมบรูณ์
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
     
  12. หน่อง

    หน่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +185
    ขอพระองค์ทรงมีพลานามัยเเข็งเเรง สมบูรณ์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
     
  13. Thunthida

    Thunthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +122
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
     
  14. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +4,559
    สาธุๆ



    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยื่นนาน เป็นร่มโพธิ์ ร่วมไทร อยู่เป็นมิ่งขวัญปวงชนประชาชาวไทยตลอดไปด้วยเทอญ
    สาธุๆๆ __-/|-__


    ______________________________
    hello9
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน
    แจกไฟล์รูปภาพพ่อแม่ครูบาอาจารย์-เพื่อเป็นสิริมงคล<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  15. plypun

    plypun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +183
    ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพลานามัยแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานไทยตลอดไป....
     
  16. prosri

    prosri สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +24
    ขอให้ในหลวงทรงพระเจริญอยู่คู่กับพสกนิกรชาวสยามตลอดไป
     
  17. สติในธรรมะ

    สติในธรรมะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +35
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ อยู่คู่บ้านคู่เมืองตราบนานเท่านาน
     
  18. ภูมินทร์

    ภูมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +225
    ไปวัดอัพวันมา 7 วัน ทุกครัั้งหลังจากที่นั่งสมาธิเสร็จ หลวงพี่ที่สอนกัมฐานก็จะให้อธิฐานจิตอุทิศบุญให้ในหลวงและพระราชินีตลอดเลยครับ/ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     
  19. spirit_saa

    spirit_saa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน....มีพระพลานามัยแข็งแรง....ทรงพระเจริญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...