การรับ "พระวิญญาณบริสุทธิ์" การปลุกพลังภายใน และ "รับกิจจากสวรรค์"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โปเย, 13 มีนาคม 2012.

  1. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    สำหรับจิตวิญญาณที่พร้อมบรรลุธรรมแล้วจะไม่มี
    กระบวนการนี้นะครับ เขาผ่านแล้ว ก็จะพุ่งตรงสู่
    ธรรมเลย แต่สำหรับจิตวิญญาณที่ "ยังไม่พร้อม"
    จะผ่านเข้าสู่กระบวนการนี้ให้ได้ก่อน เมื่อผ่านได้
    แล้ว จึงรับธรรมได้ครับ (ขั้นตอนรับธรรมเป็นขั้น
    ตอนต่อไป) สำหรับจิตวิญญาณที่ยังไม่พร้อมคือ
    จิตวิญญาณฝ่ายมืดก็ดี, จิตวิญญาณที่มีกรรมมาก
    ก็ดี จะผ่านการ "ชำระล้าง" และ สลายวิญญาณ
    ฝ่ายมืดก่อน เพื่อ "กำเนิดใหม่" จากพระวิญญาณ
    บริสุทธิ์ จากนั้น จะได้รับการปลุกพลังภายในขึ้น
    มา แล้วจึง "รับกิจจากสวรรค์" ได้ นับว่าครบถ้วน
    กระบวนความ ทำงานตามกิจได้ครับ


    จะค่อยๆ เล่าให้ฟังนะครับ
     
  2. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    จิตวิญญาณสองภาคส่วนสำคัญ ช่วยกันขับเคลื่อนธรรมจักร


    จิตวิญญาณสองภาคส่วนคือ 1. จิตวิญญาณที่พร้อมนิพพาน และ
    จะนิพพานภายใน 5,000 ปีนี้ครับ 2. จิตวิญญาณที่ยังไม่ถึงวาระ
    ที่จะนิพพานภายใน 5,000 ปีนี้ แต่ทำหน้าที่ "เป็นผู้สนับสนุน" ผู้
    ที่พร้อมนิพพานอีกที อนึ่ง จิตวิญญาณสองภาคส่วนจะได้รับธรรม
    ที่แตกต่างกัน คือ พวกแรกได้ธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างเดียวพอ
    พวกที่สอง จะได้รับธรรมพื้นฐานปูทาง ส่งเสริมให้ไปสู่นิพพาน แต่
    ไม่จำเป็นต้องถึงนิพพาน เช่น ธรรมในศาสนาคริสตร์ หรือเต๋า ก็ได้
    ซึ่ง "ไม่มีใครผิด" นะครับ สองส่วนต้องช่วยเหลือกัน เพราะถ้าไม่มี
    ภาคส่วนแรก แล้วใครจะนิพพาน แล้วเราจะช่วยให้ใครนิพพาน และ
    ถ้าไม่มีภาคส่วนหลัง แล้ว "ใครจะช่วยปูทางเป็นพื้นฐานให้ปวงสัตว์"
    ใช่ไหมครับ? ดังนั้น จึงต้องขับเคลื่อนพระธรรมจักรทั้งสองภาคส่วน


    สำหรับเรื่องการ "กำเนิดใหม่" นี้ เป็นของส่วนหลัง (ยังไม่นิพพาน)
    อยู่เบื้องหลัง คอยช่วยเหลือสนับสนุนให้พวกแรกได้นิพพานไปครับ
     
  3. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    "พระวิญญาณบริสุทธิ์" มาจากพระโพธิสัตว์ทั้งหลายที่บรรลุธรรมแล้ว


    "ตัวตนภาคสว่าง" บนสุขาวดี ซึ่งแบ่งภาคจิตวิญญาณออกมาเกิดเป็นมนุษย์ก็
    จะคอยดูแลจิตวิญญาณที่เวียนว่ายในสามภพ เมื่อท่านอยู่บนสุขาวดี จะได้รับ
    การโปรดจากพระยูไล (พระพุทธเจ้าบนโลกธาตุนั้น) จนบรรลุอรหันตผลแล้ว
    จากนั้น จึงทำการหาวิธีฉุดช่วยปวงสัตว์เบื้องล่าง หรือที่ยังเวียนว่ายอยู่ในโลก
    นี้ อนึ่ง พระโพธิสัตว์ทั้งหลายล้วนมีมโนมยิทธิ์ แบ่งกายทิพย์ได้มากมาย และ
    ยังสามารถแบ่งกายทิพย์ซึ่งเป็น "พระวิญญาณบริสุทธิ์" (กายทิพย์ของผู้บรรลุ
    ธรรมแล้ว หรือธรรมกาย นั่นเอง) ลงมาจากสวรรค์ ครอบขันธ์ให้มนุษย์ที่มีจิต
    วิญญาณเสื่อมต่ำ สามารถ "กำเนิดใหม่" และมีวิญญาณบริสุทธิ์ได้ (เพราะจิต
    ประภัสสรบริสุทธิ์อยู่แล้ว เพียงแต่มีวิญญาณขันธ์ที่ไม่บริสุทธิ์ ปรุงแต่งเท่านั้น)
    ด้วยวิธีนี้ ทำให้ปีศาจก็สามารถสำเร็จเซียนได้ทันที และจากปีศาจ ก็กลายเป็น
    "มนุษย์ทันที" เช่นกัน ทำให้ตกรอยกรรมทำให้ชีวิต "หักเห" ไปจากเดิมราวกับ
    เป็น "คนละคน" กัน เมื่อปีศาจได้สำเร็จเซียนในร่างมนุษย์ กำเนิดใหม่ เป็นคน
    แล้ว จะมี "อายุขัยสั้น" อยู่ เพราะมาจากภพภูมิชั้นต่ำ จึงต้องเร่งสร้างคุณงาม
    ความดี สืบอายุขัยตัวเองต่อไป ก็จะสามารถยืดอายุขัยตัวเองได้ แต่ถ้าไม่ทำดี
    ไม่สร้างบุญบารมีต่อไปเลย ก็จะดำรงทรงขันธ์อยู่ได้ไม่นาน จิตวิญญาณก็จะจร
    ออกจากร่างไปด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ทำให้ร่างสังขารสูญเสียจิตวิญญาณไปถ้ามี
    จิตวิญญาณเข้ามาเสริมต่อก็จะไม่ตาย แต่ถ้าไม่มีจิตวิญญาณดวงใดมาเสริมต่อ
    ได้ ร่างสังขารนั้นก็จะตายไป ดังนั้น ผู้ที่ถือกำเนิดใหม่นี้ จึงต้องรับกิจจากสวรรค์
    อย่างใดอย่างหนึ่ง สร้างคุณงามความดี ตลอดชีพด้วย จึงจะมีอายุขัยยืนยาวได้
     
  4. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    "สัจธรรมความจริง" เรื่องกำเนิดใหม่ นี้ ท่านสามารถพิสูจน์ได้อย่างไรบ้าง?


    ไม่ยากเลย มีวิธีสังเกตได้ไม่ยาก ว่าท่านคือ "ผู้ที่กำเนิดใหม่" หรือไม่ ดังนี้ครับ

    1. ชีวิตท่านได้รับ "ผลกระทบ" จากอะไรบางอย่างที่รุนแรงมาก มากพอที่จะหัก
    เห "หัวเรือชีวิต" ทำให้ชีวิตท่านเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างยิ่ง อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

    2. ชีวิตของท่าน "เสมือนรุ่งแล้วร่วงลงมา" จากเดิมมันรุ่งโรจน์มากๆ เสวยบุญไป
    ถึงสุดๆ เราคิดว่าชีวิตเรารุ่งมากแล้ว แต่แล้วจู่ๆ มันก็ "ร่วง" ลงมาเสียอย่างไม่น่าเชื่อ

    3. ชีวิตของท่าน "เปลี่ยนจากซับซ้อนเป็นเรียบง่าย" จากที่มีชีวิตซับซ้อนวุ่นวายใน
    โลกปัจจุบันเหมือนคนปกติ แต่พอผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตหักเหแล้วกลับเรียบง่าย

    4. ชีวิตของท่าน "เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้าง" ไปอย่างไม่เหมือนเป็นคนเดิม
    เช่น จากสังคมคนกรุง กลายเป็นสังคมชนบทที่เรียบง่าย อยู่กินง่าย ราวกับคนละคนเลย

    5. จิตใจของท่านเปลี่ยนไป "ในทางที่มีธรรมมากขึ้น" จากเดิมที่ห่างไกลธรรม หรือมี
    กิเลสมาก เช่น ติดเหล้า ไม่น่าจะเลิกได้ อยู่ๆ ผ่านเรื่องนั้นมา ท่านก็เลิกได้ง่ายดาย?

    6. ความสามารถพิเศษบางอย่าง ปรากฏขึ้นทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุผลทางโลกอธิบาย เช่น ใน
    บางคนไม่ได้เรียนหนังสืออะไรมากมาย แต่กลับเข้าใจโลก เข้าใจคน พูดธรรมได้เฉยเลย

    7. คุณได้รับเชิญจาก "คนหรือสังคมที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน" ให้เข้าไปเรียนรู้ เรื่องราวของ
    เขา ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะมาเจอกันได้เลย ชีวิตของคุณไม่น่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกเขาได้

    8. คุณได้พบหรือคุยกับ "คนที่ไม่เคยรู้จัก" ทว่า มันคุ้นเคยราวกับว่ารู้จักกันมานานแล้ว
    และมีความสนิทสนมรักใคร่กันดีมากอีกด้วย ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย น่าอัศจรรย์

    9. คุณต้องทำกิจหรือหน้าที่ที่ไม่น่าเชื่อ แตกต่างไปจากเดิม ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร?
    คุณไม่รู้ แต่คุณก็ทำมันได้ดีมากๆ อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นแหละ "กิจจากสวรรค์ที่คุณได้รับ" ละ

    10. บางครั้งคุณได้รับรางวัลจากสวรรค์ เป็นสิ่งที่คุณไม่คาดคิดว่าจะได้รับและไม่น่าเป็นไป
    ได้ และมีความจำเป็นต่อคุณจริงๆ ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ เหมือนคุณรอสิ่งนี้มานานแล้ว
     
  5. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    คำว่า "บรรลุเซียน" คือ การข้ามผ่านความตายแล้วได้ธรรมระดับต้น


    ธรรมระดับต้น ยังไม่ถึงโสดาบัน แต่เข้าทางธรรมแล้วคือ ตื่นแจ้งไม่หลงโลก
    แล้ว พร้อมรับธรรมระดับ "อริยบุคคล" ได้ต่อไป ซึ่งบุคคลจะบรรลุเซียนได้ก็
    ด้วยการ "ก้าวข้ามผ่านด่านความตายจนได้เห็นธรรม" แม้ไม่ได้ตายจริง เช่น
    สลบไปด้วยความเจ็บปวดมาก จนจิตวิญญาณเดิมสลายแล้วเกิดใหม่เป็นโพธิ
    จิต ก็นับว่าสำเร็จเซียนได้ (แต่ถ้าจิตวิญญาณสลายแล้วเกิดใหม่ต่ำลงกว่าเดิม
    จะไม่เรียกว่าสำเร็จเซียน) อนึ่ง ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้น
    จะใช้เวลาเพียง "เสี้ยวคิดเดียว" หรือ "ฉับพลัน" เท่านั้น เพียงแค่เราคิดผิดไป
    หรือคิดถูกทาง แว่บเดียวเท่านั้น สามารถทำให้คนแยกออกเป็นสองทางได้เลย
    คือ ถ้าผ่านก็สำเร็จเซียน ถ้าไม่ผ่านก็อาจกลายเป็น "ภาคมืด" ไปเลย ก็ได้เช่น
    กัน อนึ่ง สำหรับท่านที่บรรลุเซียน จะผ่านด่านความตาย จะทราบว่าความตาย
    นั้นเป็นอย่างไร เช่น อาจเพราะตายแล้วฟื้นคืนชีพจริงๆ หรือเพียงแค่สลบ หรือ
    อาจตายจากภายใน (จิตวิญญาณสลายจากภายใน ขณะที่สังขารยังปกติ) คือ
    เหมือนเรานอนหลับไป แล้วตื่นขึ้นอีกที แล้วกลายเป็นคนใหม่ไปเลย อย่างนี้ ก็
    มีได้ เป็นได้ (ซึ่งเราจะรู้สึกเหมือนเราตายไปจริงๆ เหมือนไปที่ไหนมาสักแห่งที่
    ยาวไกลมาก เดินทางมานานมาก และเหนื่อยล้ามากๆ) ลักษระการตายจากภาย
    ใน มีหลายแบบ หลายประการ ซึ่งจะไม่ส่งผลให้สังขารตายไปด้วย เพียงแค่จิตฯ
    เปลี่ยนแปลงไป เท่านั้นเอง เมื่อท่านสำเร็จเซียน ได้ถือกำเนิดใหม่แล้ว ท่านจะมี
    ชีวิตที่ "อิสระเสรี" มากๆ ในช่วงหนึ่ง จากนั้น ถ้าท่านรับ "กิจจากสวรรค์" ท่านจึง
    มีหน้าที่ทำ จะไม่อิสระมากดังก่อน เพราะจะมีทีมงาน ที่ไม่คาดคิด เกี่ยวข้องด้วย
     
  6. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=HNJLyoBM3BU]十一面观音根本咒 The Great Compassion Mantra Of Avalokitesvara - YouTube[/ame]
     
  7. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    การบรรลุเซียน อาจทำให้เข้าใจผิดว่าบรรลุอริยบุคคล?


    จุดนี้เป็นจุดที่สำคัญมาก เพราะหากไม่เข้าใจการบรรลุของจิต
    แบบ "เซียน" แล้ว จะคิดไปว่าตนได้บรรลุอรหันต์ก็ได้ เพราะ
    มีลักษณะที่คล้ายกันมาก จนทำให้พระบางรูปคิดว่าตนเองได้
    บรรลุอรหันต์ ทั้งที่จริงแล้วบรรลุเซียนต่างหาก (การบรรลุแบบ
    เซียนก็สามารถมีได้ในพระสาวกของพระพุทธศาสนา เช่น พระ
    เทวทัต ก็บรรลุเซียนมีอภิญญาห้า และเหาะเหินเดินอากาศได้)
    หากไม่สามารถแยกแยะหรือเข้าใจ ความหมายของคำว่าเซียน
    ได้ ก็อาจทำให้หลงตัวเองว่าบรรลุอรหันตผล และอาจจะทำให้
    "อวดอุตริมนุษยธรรม ว่าตนเป็นอรหันต์" โดยไม่เจตนา ก็มีได้
    เพราะลักษณะการบรรลุเซียนนั้นคล้ายกับการบรรลุอรหันต์แบบ
    เจโตวิมุติมาก (บรรลุด้วยจิตเข้าถึง ไม่ใช่แค่ปัญญาเข้าถึง) ดัง
    เช่น พระสาวกหลายรูปเคยหลงตนเองว่าบรรลุอรหันต์ทั้งที่บรรลุ
    เพียงเซียนเท่านั้น (การทำความเข้าใจเรื่องนี้ จึงมีความจำเป็น)
     
  8. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    การบรรลุเซียน ทำให้มีธรรมเช่นพระอรหันต์ หรือเทียบเท่าพุทธะ ก็ได้?


    การบรรลุเซียน เป็นการบรรลุภายใน เป็นเรื่องของจิตวิญญาณโดยตรง กล่าวคือ
    ถ้าจิตวิญญาณบรรลุเข้าสู่โพธิจิตได้เอง ก็คือ "บรรลุเซียน" หรือแม้แต่บรรลุเข้า
    สู่ "จิตพุทธะ" ได้เอง ก็คือ "บรรลุเซียน" เช่นกัน ยัง "มิใช่อริยบุคคล" ตราบเมื่อ
    ได้พบ "สายธรรมแท้ดั้งเดิม โดยตรงจากอริยบุคคลแท้" ช่วยขจัดสักกายทิฐิให้ก็
    จะบรรลุอริยบุคคลได้อย่างง่ายดาย บางท่านเพียงยอม "บวชเป็นพระสาวก" เท่า
    นั้น แค่ปลงผมหรือห่มผ้าเหลืองเท่านั้น ก็บรรลุอรหันตผลได้ทันที ก็มี (เพราะจิต
    มีความบิรสุทธิ์มาก พร้อมอยู่แล้ว) อนึ่ง ก่อนที่ท่านเหล่านี้ จะเข้าสู่ความเป็นพระ
    อริยบุคคลนั้น ท่านสามารถแสดงธรรม, มีธรรม และประพฤติตนได้เทียบเท่าพระ
    อริยบุคคล หรือพระอรหันต์เลยก็ได้ เพราะอาศัย "บารมีเก่า" ที่ได้สร้างสมกันมา
    ยาวนาน แต่แม้จะเหมือนกันมาก แต่ "เซียนก็ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล" เซียนยังมี
    "สักกายทิฐิ" บางประการเหลืออยู่ แม้จะมีธรรมไม่ต่างจากพุทธะ, อรหันต์ ก็ตาม


    การแยกแยะระหว่างเซียนกับพระอริยบุคคลนั้น ไม่ใช่ของง่าย ดังนั้น แม้แต่พระเจ้า
    อชาติศัตรู, พระสาวอีกหลายรูป ทำไมยังหลงเชื่อพระเทวทัตได้ ท่านก็ลองคิดดู?
     

แชร์หน้านี้

Loading...