พรหมภูมิไม่มีโทสะแต่ยังมีโลภะและโมหะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นาอินจัง, 14 มีนาคม 2012.

  1. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    พี่ขวัญพูดเหมือนปราบเทวดา เป๊ะ ๆ เลย 555+
     
  2. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ผมให้เหตุผลนะ

    ไม่จำเป็นต้องข่มครับ เราเรียนรู้และเข้าใจมันก็พอ

    ไม่ใช่รู้เฉย แต่ความรู้สึกเหมือนดำน้ำงมของ

    ใช้แค่สมาธิเล็กน้อย แต่ปัญญาคม เข้าไประลึกลักษณะของโทสะ

    ขณะนั้น โทสะเป็นของที่ถูกรู้ พิจารณาไปเลย ว่าใช่เราไหม เที่ยงไหม
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ก็ดีไปอย่างนะ ไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะโทสะ

    แต่มันไม่ได้กำจัดที่รากเหง้าคือโทสะ ไง ต้องพึ่งสมาธิเข้าข่ม

    มันมีอีกแบบนะ ถ้าเราไม่เอาสมาธิเข้าข่ม แต่คุมด้วยศีลแทน

    แล้วอดทนต่อโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ได้ จิตมันจะเรียนรู้ทุกข์และโทษของโทสะได้

    แล้วจิตมันจะเลือกไม่เกิดเป็นโทสะ ไปเอง เรียกว่าเจริญปัญญา

    นะนา เคยสงสัยไหม ทำไมบางคนไม่เกิดโทสะ บางคนโทสะเกิดง่าย

    นั่นเป็นเพราะพื้นจิตเขาเลือกเกิดเอง คนที่เคยชินกับการเกิดโทสะ ก็จะเกิดอยู่แบบนั้น

    จนกว่าจิตมันจะมีปัญญารู้คุณและโทษด้วยตัวมันเอง มันถึงจะเลิก จะละเอง

    เรียกว่า การขัดเกลาจิต ด้วยการเรียนรู้ความจริงของสิ่งนั้น จนเกิดเป็นปัญญารู้คุณโทษตามจริง
     
  4. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ฮึย ใครๆเขาก็พูดกัน

    เปลี่ยนเป็นคำอื่นบ้างได้ไหม ^^
     
  5. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    มันบังคับ บัญชาไม่ได้ :'(
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อิอิ หมั่นรดน้ำต่อไปนะ ไอ้มดแดง

    [​IMG]
     
  7. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    เดี่ยวขอ ไปเตียมอาหารให้ป๋า ก่อนนะคะ เดี่ยวป๋าจะหิว คะ
    เดี่ยวมาใหม่
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    บังคับได้ชั่วครั้งชั่วคราว จะ

    และของมันไม่เที่ยง ถ้าเกิดดวงซวย ของมันเสื่อมขึ้นมา มันก็หายต๋อม

    เรียกยังไงก็ไม่มา หายหัวไปเฉยๆเลย

    [​IMG]
     
  9. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    เห็นประโยชน์ก็ควรแย้งสักนิด
    เมื่อเห็นว่ามันไม่เที่ยง บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตัว ตน
    ตรงไหนหนอ ที่บังคับได้ชั่วครั้งชั่วคราว เอามาถือได้หรือ
    มรรคย่อมมีทางเดียว ทางนี้ก็ดี ทางนี้ก็ใช่ ไม่ใช่มรรคครับ
    ลองพิจารณาครับ
     
  10. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    นี่ๆดับโมหะ โทสะ โลภะ แบบนี้เจ๋งป่าว
    ก็ยินดีที่ลูกค้าโอนตังค์มาแสนกว่าบาท เลยดับโมหะ นึกว่าจะเบี้ยว ดับ โทสะ โกรธไปแล้วเพราะโอนช้าเลยคิดมากนึกว่าจะเบี้ยว เลยดับโลภะ อยากได้ตังค์ก็เลยดับ เพราะว่าได้รับครบถ้วนแล้ว
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    การกินปิติ มีสอง อาการ

    อาการแรก เป็น แบบคนโง่กิน คือ ปรุงปิติให้เกิด เสร็จแล้วเอา
    นามกายเข้าไปเสพปิตินั้น การเอา นามกายมาเป็นกาย หรือ เอา
    กายเป็นจิต เอาจิตเป็นกาย แบบนี้ จะแค่ หลบหนี ไม่เกิดประโยชน์

    แถมเป็นการสร้างกรรมเพิ่ม

    **************

    ปิติอีกอย่างหนึ่ง เกิดจากการภาวนาสติปัฏฐาน จะเป็น ปิติโพชฌงค์

    ปิติตัวนี้ไม่ได้ปรุงขึ้น ปรุงขึ้นไม่ได้ แต่เกิดตามเหตุ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว
    หากต้องการเอามารักษา อันนี้จะหายแบบปลิดทิ้ง ไม่เกิดกรรม จะเป็น
    อิทธิบาท4 ที่ถูกต้องตามหลักโพฌชงค์ แต่......มีอุปไว้นะ ไม่ได้บอก
    หมดว่า ต้องโคจรจิตอย่างไร ถึงจะเกิดผล

    ***************

    ที่หาย เพราะว่า รับวิบากกรรมนั้นด้วยความรวดเร็ว ไม่ใช่ หนีกรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2012
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เอ้า แล้วจะไปบอกให้ นะนา เขาหยุดทำสมถะ หรือไง

    ใครๆ เขาก็รู้ว่ามันไม่เที่ยง อยู่แล้ว

    แต่ทำได้ ทำเป็นแล้ว ก็เอามาทำประโยชน์ซะ

    ถ้าจิตตินทนท์ พูดแบบนี้ ฟังเผินๆคือไม่สนับสนุนให้ฝึกสมถะสมาธิเลยนะ

    เพราะ เขาพูดถึงผลที่ได้จากสมถะสมาธิกันอยู่

    แต่ไม่ได้บอกว่าให้งดการเจริญปัญญา พิจารณาไตรลักษณ์ นี่นา

    ชัก งง ตกลงคุยเรื่องเดียวกัน รึป่าวเนี่ย :boo:
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ข้อสังเกตุบางประการ จากคำพระอริยเจ้า

    สมาธิในฌาณมันโง่ !!!

    สมาธิในอริยมรรคมันฉลาด .....

    **************************

    สัมมาสมาธิ ไม่ใช่ ฌาณ ไม่ใช่ แณน ฟ้ากับเหว

    **************************

    สัมมาสมาธิ เหนือกว่า ฌาณ ( แต่ไม่ได้แปลว่า ไม่มี ฌาณอยู่ )
    มันเหนือ มันเหนือ เหนือๆขึ้นไป ห่างกันแค่ไหน ฟ้ากับเหว ไง
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ดับ ความฟุ้งซ่านเรื่องนึกว่าจะชวดเงิน มากกว่านะ

    ที่มันสงบลงได้ เพราะ ได้เงินที่คิดว่าชวดไปแล้ว

    ถ้า โมหะ โลภะ โทสะ มันดับได้เองนะ ถึงไม่ได้เงินมันก็ดับไม่ทุกข์ไม่ร้อน

    หรือ เป็นทุกข์เพราะระลึกได้ว่ามี โมหะ โลภะ โทสะ แล้วดับที่ตัวกิเลสเอง

    เพราะรู้คุณรู้โทษของ โมหะ โทสะ โลภะ

    ไม่เกี่ยวกับได้เงินหรือไม่ได้เงิน ถึงจะเรียกว่า ดับกิเลสได้
     
  15. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    จะแยกทิฏฐิ ที่งงๆกันว่า ทุกวันนี้ กิน ยืน เดิน นอน คิด ทำสมาธิ กินปิติ สั่งได้ พวกนี้เป็นอัตตา

    พุทธองค์ตรัส ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ข้อนี้จริงครับ ต้องพิจารณาตามความเป็นจริงเพื่อดับสักกายทิฏฐิ

    ที่เราคิดว่าเราเดิน เดินของเรา เราสั่งได้นั้น

    ที่จริง ก่อนก้าวเท้า หรืออิริยาบถใดๆ ขณะนั้นมีการกระทบอารมณ์แล้ว

    เช่น เดินไปดื่มน้ำ ขณะนั้นกระทบอารมณ์เกิดแล้วดับ เป็นเวทนา ไม่สบายกาย คอแห้ง แล้วดับ

    เป็นสัญญานึกถึงน้ำ แล้วดับ เป็นสังขาร อยากดื่มน้ำเย็น น้ำหวาน แล้วสดชื่น แล้วดับ

    เป็น นามสร้างรูป เท้าที่เคลื่อน จากวาโย เกิดแล้วดับ ก้าวซ้าย ขวา แล้วดับ

    ขณะเดิน ตอนนั้นก็ไม่ได้หิวน้ำหรอก แต่ไปรู้สัญญาเกิดจากเจตนาไปหาตู้เย็น

    มือที่สัมผัสกระบอกน้ำ ขณะนั้น เตโชเกิด แล้วดับ ไปรู้รสน้ำ ความเย็นของน้ำ แล้วดับ

    ไปสังขารปรุงให้ติดในความเพลิดเพลินในความสบายแล้วดับ

    แล้วกลับมารู้ความเย็นที่กระทบลิ้น แล้วดับ เป็นความเคลื่อนไหลของวาโยแล้วดับ

    แล้วรู้เวทนา เริ่มทุกข์เพราะอิ่ม แล้วดับ สังขารปรุงต่อว่าไม่อยากแล้ว พอแล้ว แล้วดับ

    พิจารณาแบบนี้ก้ได้ครับ ว่ามันเป็นอนัตตาโดยความเป็นปัจจัย

    หรือใส่ใจดูลักษณะรูปนาม แบบรูปมีแล้วไม่มี นามมีแล้วไม่มีก็ได้

    รู้แบบนี้เป็นการดับความติดข้อง เป็นปัญญาดับอกุศล ก็จะค่อยๆคลายความเห็นผิด ความยึดถือใน ตนสัตว์ ไม่มีอะไรสั่งได้เลยแม้แต่น้อย
     
  16. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    หนูหริ่ง เจ๋งครับ :cool:
     
  17. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    พิจารณาถูกปัจจุบัน จะเห็นว่า ไม่มีผู้เดิน ไม่มีผุ้คิด ไม่มีผู้ดื่มนั้น ไม่มีผู้กระหาย ไม่มีผู้ดับกระหายเลย

    มีแต่สิ่งหนึ่งเกิด สิ่งหนึ่งดับ เป็นไปตามปัจจัย

    เดินก้เป็น ธาตุ แข็ง ตึงหย่อน

    ธรรม ก็มีแต่ สัญญา สังขาร เวทนา

    วิญญาณ ก็มีแต่รู้สิ่งหนึ่ง ไปรู้สิ่งหนึ่ง
     
  18. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,562
    ค่าพลัง:
    +2,128
    ฌาณ ที่เกิดจากการทำสมาถะ
    ฌาณ ที่เกิดจากการประหารกิเลส
    ต่างกันมากใหมนะ

    เอ่อ.. ใครตายไปเป็นพรหมเมื่อไรแวะมารับรองธรรมให้เค้าบ้างนะ (อยากเจ๋อ)(kiss)(kiss)
     
  19. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +1,073
    [​IMG]
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ที่ประหานกิเลส เขาเรียกว่า ญาณ ปัญญาญาณ เป็นเครื่องขัดเกลา - วิปัสสนา

    ส่วนฌาณ เป็นเครื่องอยู่ เป็นที่พักอยู่สุขสบายของจิต - สมถะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...