คำสารภาพของคนบาป ที่ปรามาสพระสงฆ์อย่างผม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย BossTH, 16 มีนาคม 2012.

  1. BossTH

    BossTH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +89
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    คิดดีว่าจะเล่าดีมั้ย
    ตัดสินใจเล่าดีกว่า มันค้างมันคาใจมาตั้งนานแล้ว
    ที่ผมจะเล่าเพราะอยากจะสารภาพ
    เพื่อจะเป็นประโยชน์ให้แก่ใครได้บ้าง

    ผมคิดเรื่องนี้ออก ไม่ใช่คิดซิภาพมันมาเอง เพราะผมนั่งสมาธิวิปัสสนา

    ผม นายศราวุธ ศรีเรือง เคยปรามาสอย่างรุนแรงและถึงรุนแรงที่สุด
    ต่อท่านพุทธทาส

    เรื่อง นรก-สวรรค์ ตอนที่ผมได้อ่านความคิดเห็นท่านครั้งแรก ผมก็
    มีความคิดเลยว่า ไม่ลองตายไปดูละ จะได้รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า
    ทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะ อ้อ ตายไปแล้วนี่นา แช่งไปก็เท่านั้น
    สมน้ำหน้า ตายซะได้ก็ดี แล้วก็หัวเราะอย่างดีใจ หนังสือที่ซื้อมาอ่าน
    เกี่ยวกับท่านพุทธทาส ผมจะหัวเราะเยาะใส่เสมอ ด้วยความสะใจ
    และดีใจ ที่มัน(ท่านพุทธทาส ความคิดในตอนนั้นสาธุ) ได้ตายไปจากโลกนี้ มันสะใจตัวเองมาก

    หลังจากนั้นผมก็ปรามาส ต่อ พระเถระ ไม่ว่าน้อย - ใหญ่
    ที่กล่าวชื่นชมท่านพุทธทาส ถึงขั้นให้ตายตกตามกันไปเลย
    ใครก็ตามที่ไปหลงเชื่อท่านพุทธทาส ผมจะทะเลาะกับทุกคน
    ไม่สนใจว่าหน้าอินทร์ หน้าพรหม หรือหน้าพระ

    มันเศร้านะ !!

    หลังจากนั้นชีวิตผม ประสบแต่ความ "ฉิบหาย" ไปเรื่อย ๆ ชีวิต
    อยู่แต่กราฟขาลงสถานเดียว

    เคยนั่งสมาธิวิปัสสนาได้คราวละ 2 - 3 ชั่วโมง กลายเป็นนั่งไม่ได้เลย
    แม้แต่นาทีเดียว ตลอด 16 ปี มีแต่เรื่องร้าย ๆ เข้ามาในชีวิตตลอด
    ทั้งที่เป็นคน และไม่ใช่คน เรื่องดีก็มีบ้างแต่น้อยเหลือเกิน

    "ฉิบหาย" คือคำที่ผมไม่เคยนึกคิด ผมมัวแต่คิดอยู่เสมอว่านี่คือความ "โชคร้าย" ของผมเท่านั้นที่เจอแต่คนไม่ดี คนคิดร้าย 16 ปี ที่นึกถึงธรรมะทีไร
    กลายเป็นคิดว่าไร้สาระ ไม่เห็นได้อะไรเลย มีแต่พระงี่เง่าเต็มไปหมด

    4 ปีที่แล้ว ผมปวดหัวอย่างรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลคริส หมอบอกว่า
    หาสาเหตุไม่เจอ ความดันขึ้น 3 ร้อยกว่า หมอบอกว่าให้นอนเลย
    ผมปวดหัว เหมือนมีคนเอา ฆ้อนอันเล็ก และ อันใหญ่ มาสลับกันตี บางครั้งก็ตีพร้อมกัน ทุก ๆ 10 วินาที ตอนที่เหมือนโดนตีที่หัวพร้อมกัน นี่เจ็บเป็นนาทีเลย หมอก็ไม่กล้าให้ยาสลบ ยานอนหลับก็ไม่กล้าให้ ให้แต่ยาคลายเครียด ผมบอกให้หมอเอามอฟีนมาให้ที หมอก็ไม่ยอม ผมบอกให้หมอฉีดยาให้ผมตายไปเลย ผมไม่ไหวแล้ว 1 วันแล้วนะหมอที่ผมไม่ได้นอน เจ็บจนอยากจะตายแล้ว หมอก็ไม่ให้ให้แต่น้ำเกลือ จนสุดท้าย ผมนึกขึ้นมาได้ว่า "พุทโธ" ผมก็ได้แต่สูดลมหายใจ แล้วก็ พุทโธ ตลอด อีก 1 วันเต็ม ๆ อาการถึงจะดีขึ้น
    พอวันที่ 3 อาการปวดหัวหายไปเองเลย ก็เลยบอกหมอไปว่า จะออกและ
    หมอ บอกให้อยู่ต่อ ผมก็ถามว่าทำไม หมอบอกว่ายังหาสาเหตุและอาการ
    ของคุณไม่เจอ ผลเอ็กซเรย์สมอง ก็ปกติ ก้านสมองก็อ่อนไม่แข็ง
    สติคุณดีทุกอย่าง ถามอะไรก็ตอบได้หมด ในตาคุณส่องไฟแล้วก็ไม่มีอะไร
    ตั้งแต่ผมเป็นหมอมาผมก็ไม่เคยเจอ อยู่ต่อก่อนแล้วกัน หาสาเหตุเจอ
    แล้วค่อยออก หมอขออีก 2 - 3 วัน ผมก็ทะเลาะกับหมอ จนหมอจำยอม
    ต้องให้ออก โดยให้เซ็นเอกสารว่าถ้าออกไปแล้วเป็นอะไร หมอและ ร.พ.
    ไม่รับผิดชอบ ผมก็ยอมเซ็น พอออกจาก ร.พ. ได้ 1 อาทิตย์ ก็เป็น
    ปกติดี ไปไหนมาไหนได้สบาย (ลืมไปเลยรอดได้เพราะ พุทโธ)

    คนมัน "ไม่สำนึก" ไปร้านหนังสือเจอหนังสือท่านพุทธทาส ก็ยังคงติดนิสัยเดิม
    ปรามาสอย่างรุนแรงเหมือนเก่า

    3 ปีก่อน ยายผมอายุ 80 กว่าเข้าโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ICU ผมต้องไปเฝ้า นึกขึ้นได้ว่าไปเฝ้านี่อยู่เฉย ๆ ไม่มีไรทำแน่ เลยเอาขายหัวเราะกับหนังสือ
    ท่านพุทธทาสเล่มเก่า ๆ ไปอ่าน ที่ยังเก็บเอาไว้ เก็บเอาไว้ด่าและสาบแช่งสถานเดียว ก็กะอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน อ่านไปแรก ๆ ก็หัวเราะในใจ (ICU) ต้องเก็บเสียง แต่พออ่านไป อ่านไปมันแปลก เกิดความสงสัยในใจ ว่าทำไม
    มัน(ท่านพุทธทาส ความคิดในตอนนั้นสาธุ) อธิบายได้ละเอียดและรู้ได้ยังไงว่า
    สิ่งที่เราเห็นเราฝึกเมื่อก่อนเป็นแบบนี้ มัน(ท่านพุทธทาส ความคิดในตอนนั้นสาธุ) คงไปจำใครเค้าเล่ามาแน่ ไม่มีทางที่จะมัน(ท่านพุทธทาส ความคิดในตอนนั้นสาธุ) จะเก่งได้ขนาดนี้หรอก ขนาดนรก - สวรรค์ยังไม่เชื่อ แล้วจะมารู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง

    เอาเข้าไปกับตัวผมยัง "ไม่สำนึก"

    2 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปวัดอุโมงค์ ได้มีโอกาสเจอกับคุณลุง ที่เป็นลูกศิษย์ก้นบาตร ท่านพุทธทาส ได้มีโอกาส ตามไปบิณฑบาต อายุก็น่าจะประมาณ 70 กว่า ๆ ก็ได้มีโอกาสคุยกัน ผมก็ "ไม่สำนึก" ทำทีเป็นว่า ติดตามมานาน ชื่นชอบแต่จริง ๆ ในใจอยากจะดูว่าคุณลุงจะพูดยังไง คุยกันไป 2 ชั่วโมงกว่า เกือบ
    3 ชั่วโมงได้ คุณลุงก็ขอตัวไปทำธุระต่อ เพราะ 5 โมงเย็น กว่า ๆ แล้ว

    เหมือนฟ้าผ่ามากลางลำตัวผม ผมเดินคอตกออกจากวัดโดยไม่ให้คุณลุงเห็น
    ทั้งอายและละอายใจ เมื่อมารู้ความจริงว่า ท่านพุทธทาส เป็นคนยังไง
    เป็นพระแบบไหน สิ่งที่ผมเคยคิดมา ผิดหมดเลยทุกอย่าง

    แต่ก็ยังถือ ทิฐิ ยังไงก็ปล่อยไป ไม่เห็นเป็นไร ยัง ๆ ผมยัง "ไม่สำนึก"

    หลังจากนั้น จำไม่ได้แล้วกี่วันถัดไป ไปกินเหล้ากับเพื่อน ยันโต้รุ่ง
    กลับมาก็ 6 - 7 โมงเช้าได้ เมาเดินเซไป เซมา เห็นพระบิณฑบาตร เดินกัน
    มาเป็นแถว 4 - 5 องค์ จำได้ว่าเดินมาทางนี้มาจากวัดอุโมงค์ วัดนี้เป็นลูกศิษย์
    มัน(ท่านพุทธทาส ความคิดในตอนนั้นสาธุ) เดินเข้าไปเลย ทั้งสภาพเมา ๆ
    พระที่วัดเดินหลบเป็นแถวเลย ผมเลยหัวเราะชอบใจ เดินกลับเข้าบ้าน
    ด้วยความสบายใจ

    ยัง ยัง ผมยัง "ไม่สำนึก"

    หลังจากนั้น มีเหตุการณ์ที่จะต้องเลิกกับภรรยาเก่า โดนพรากลูกไป
    ลูกสาว แค่ 2 ขวบเอง เสียใจถึงที่สุด กินเหล้าทุกวัน รับไม่ได้
    หนีไปบวช วันไหนละ ก็วัดอุโมงค์ไง ใกล้บ้านดี แต่ก็บวชได้แค่
    3 วัน อยู่ไม่ได้ ต้องสึก

    1 ปี ที่แล้ว ผมต้องผมกับความสูญเสียทุกอย่างในชีวิต เจอมรสุมชีวิต
    เข้ามาพร้อมกันเวลาเดียวกัน 4 - 5 ลูก เสียใจที่สุดในชีวิต หนักที่สุดที่เจอ
    (คิดอย่างงี้นะตอนนั้น) กินเหล้าทุกวัน ยาเสพติดเอาทุกชนิด ยกเว้นโคเคน

    แล้วก็มีอยู่วันนึง ปีที่แล้วประมาณเดือน 6 -7 ประมาณนี้ วันนั้นเป็นวันที่
    ผมจำได้ดี 1 วันไปแล้ว 2 วันผ่านไป พอวันที่ 3 ผมไม่ได้หลับได้นอนรวมกัน
    แล้ว 3 วันเต็ม ๆ 72 ชั่วโมง ขึ้นเช้าวันที่ 4 ผมเดินไปเดินมา อยู่ 3 ชั่วโมง
    กว่า ๆ เดินไปเดินมาอย่างเดียว มีความคิดแต่จะ "ฆ่า" "ฆ่า" "ฆ่า" "ฆ่า"
    คนที่ทำให้ผมชีวิตเป็นแบบนี้ แล้วก็คิดที่จะฆ่าคนที่ขวางหูขวางตา คิดอยากจะ
    ฆ่าอย่างเดียวเลย เตรียมเปิดประตู ใส่รองเท้าแล้ว จะออกไป

    แต่ก็แปลก แต่มันแปลก แปลกมาก ๆ อยู่ดี ๆ ก็มีอะไร อะไรสักอย่างเหมือน
    มาดลใจผม ให้ผมเดินกลับเข้ามาที่ห้อง เป็นอยู่อย่างงี้ 3 ครั้ง จนครั้งที่ 3
    เหมือนมีอะไรดลใจผมให้ผมเปิดตู้เก็บของ ออกมา ผมชักมือกลับ ก็เหมือน
    มีอะไรมาดลใจให้ผมเปิดให้ได้ ชักมือไปชักมือกลับ จนเที่ยวสุดท้าย เที่ยวที่ 3
    อกผมแทบจะระเบิด เพราะเหมือนมีอะไรบางอย่าง พลังอะไรสักอย่างที่ผม
    มองไม่เห็นบังคับให้ผมเปิดตู้ให้ได้ มือผมเหมือนโดนดึงไปเอง โดนดึงอย่างแรง
    จนต้องเปิดตู้ ปรากฏว่า ผมเจอ หนังสืออยู่ หลายเล่ม แต่หยิบมาดู 4 - 5 เล่ม
    แล้วโยนทิ้งเลย เหลือ 2 เล่ม คือ หนังสือที่มาจากวัดอุโมงค์ กับของท่านพุทธทาส เจอ พรหมวิหาร 4 ข้อ2 กรุณา สงสาร แล้วมือผมอีกข้างเหมือนมีใครมาดึงไปให้เปิดหนังสือท่านพุทธทาส เจอคำว่า "เมตตา" หลังจากนั้นผมอ่าน 2 เล่มนี้สลับกันไปมา จากที่อารมณ์ร้อน อยากจะฆ่าคน กลายเป็นเย็นลง ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อยจนหลับไปโดยไม่รู้ตัว

    หลังจากนั้น เดือน 8 ปีที่แล้ว ผมก็เริ่มหันมาสนใจธรรมะอีกครั้ง ไปวัดอุโมงค์
    เจอหลวงพี่ บอกให้ไปแลก CD ท่านพุทธทาส ไปฟัง ผมก็ลองทำดู
    ผมเอา CD แผ่นที่ 1 ธรรมะข้อแรกของแผ่นเลย "ความว่าง" ผมกลับไปฟัง
    ที่ห้องตอน 4 โมงเย็น ฟังแล้ว ฟังอีกเรื่องเดียว สลับกับคิดไปคิดมา จนถึง
    ตี 4 โดยไม่รู้ตัว คิดแล้วคิดอีก ก็คิดไม่ออกว่า ที่ท่านพุทธทาสท่านพูดมา
    หมายถึงอะไร คืออะไร และเป็นอย่างไร 12 ชม. เต็ม คิดไม่ออก ง่วง
    ก็เลยนอน ตื่นมาอีกที ก็ประมาณ 7 โมงเช้ากว่า ๆ มาล้างหน้า แปรงฟัน
    เปิดผ้าม่านเดินออกไปที่ระเบียง มองไปบนภูเขาเห็นพระธาตุดอยสุเทพ
    เห็นก้อนเมฆ เห็นถนน เห็นตึก เห็นต้นไม้ เห็นรถวิ่ง เห็นคนเดิน
    มีลมพัด แปลก มันแปลก มันก็เหมือนทุกวันแล้ววันนี้ตอนนี้เรากำลังเป็น
    อะไรอยู่ ผมมีความรู้สึกอะไรอยู่เนี่ย ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ผมรู้สึกได้
    ถึงคำว่า "ความว่าง" และเข้าถึงในเบื้องต้นแล้วที่ท่านพุทธทาสได้กล่าวถึง
    ผมมีความปีติมาก ว่า ความว่าง มันเป็นเช่นนี้เองหรือ

    หลังจากนั้น ผมก็เริ่มนั่งสมาธิวิปัสสนาได้ เริ่มจาก ไม่ถึง 1 นาที
    ไปจนถึงนานสุด 1:16 ชม. จากคนที่เคยนั่งสมาธิวิปัสสนา ได้เมื่อก่อน 2 - 3 ชม. จากคนเคยนั่งถึงได้ อัปปนาสมาธิหรือฌาน ฌานที่สี่ ขั้นละเอียด เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ปีนี้ขึ้นปีที่ 17 ตอนนี้ผมอายุ 39 ปี

    จากการนั่งสมาธิ ผมได้บอกแล้วว่าผมเห็นภาพย้อนหลัง ภาพตอนที่ผมได้ทำ
    การปรามาส พระพุทธทาส เอาไว้ ได้ออกมาให้ผมรู้ว่าผมทำ "บาป" อะไรลงไป
    ถ้าภาพไม่ปรากฎ ผมก็คงยังระลึกไม่ได้ว่า ผมทำอะไรไว้ ผมระลึกได้แล้ว

    ปัจจุบันผมนั่งสมาธิ ไปถึง อัปปนาสมาธิหรือฌาน ฌานที่สี่ ขั้นหยาบเท่านั้นเอง ทำยังไงก็ขึ้นไปถึงขั้นละเอียดไม่ได้ซักที แต่ไม่ได้หมายความว่านั่งได้ทุกครั้งไปบางครั้งนั่งได้ 20 นาที 40 นาที 30 นาที ไป อัปปนาสมาธิ ได้แค่ 2 ครั้งเอง และทุกครั้งที่ผมอึดอัดที่หน้าอกจวนเจียนจะระเบิด ภาพของท่านพุทธทาสได้เข้ามาเป็นภาพที่ท่านนั่งที่ริมสระ ทุกครั้งที่เห็น ผมก็จะเย็นไปทั้งตัวและใจทำให้นั่งได้นานขึ้น แต่สุดท้าย ก็ทนไม่ได้อยู่ดี แต่ผมก็ทราบดี ว่า "บาป" กรรมที่ผมได้ปรามาสไว้ และบาปกรรมอื่น ๆ ไม่ใช่ว่าจะชดใช้กันได้หมดไปง่าย ๆ ผมก็ต้องพยายามต่อไป แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่า บาป นั้นได้ลดน้อยถอยลงไปมากแล้ว

    การอ่านหนังสือ พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ สำหรับผมแล้ว เป็นเรื่องยากลำบากมากเพราะพออ่านไปได้ซักพัก ก็จะมีอะไรบางอย่าง ทำให้ผมทนไม่ได้ ต้องเลิกอ่านไปต้องเข้าเนต หาธรรมะ หาที่พระเทศน์มาฟัง เข้าเวปบอร์ด พอตัวผมเร็มเย็น ๆ จิตใจเริ่มผ่องใส ผมก็ถึงจะกลับไปอ่านใหม่ได้ แล้วผมต้องฝันร้าย ตลอดทั้ง 14 วัน บางวันฝันร้ายถึง 2 รอบ หนักสุดก็ที่ผมได้เคยเล่า ที่เจอกับตาพออ่านเป็นวันที่ 15 วันที่ผมอ่านจบ ผมโล่งใจสุด ๆ สบายใจ น้ำตาเกือบใจไหลแล้วหลังจากนั้น จนถึงวันนี้ ผมยังไม่ฝันร้ายอีกเลย มีแต่ฝันดีทุกคืน

    มันแปลกมั้ยละครับ แล้วอะไรละที่มาขวางทางผมไม่ให้อ่านหนังสือที่ท่านพุทธทาสได้เรียบเรียงไว้ให้จบ

    พอกันที ไม่เอาอีกแล้ว "เข็ดแล้ว" ผมจะไม่ปรามาสอีกต่อไปแล้ว

    ผม เจอแต่เรื่องแปลก ๆ ที่อธิบายไม่ได้

    ทุกวันนี้ชีวิตผมเริ่มดีขึ้นมากแล้ว มีความสุข ถึงแม้ความทุกข์ยังไม่หมด
    แต่ผมก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก ผมตั้งใจว่าจะไม่ผิดศีล 5 ตลอดชีวิต
    ไม่ปรามาส พระท่านใด ๆ ท่านไหนอีกเลย จนกว่าผมจะตาย

    กว่าผมจะผ่านมาได้ 16 ปีเต็ม เพิ่งมีปีนี้ปีที่ 17 ที่ดีขึ้นอย่าง
    เห็นได้ชัด 16 ปีนะครับ กับ "บาป" ในการปรามาส พระพุทธทาส พระอีกหลายรูป ผมจะไม่กลับไปอีกแล้ว ผมได้ชดใช้แล้วด้วยความทุกข์อย่างสาหัสสา-กรรจ์

    ผมไม่อยากกลับไปมีสภาพแบบนั้นอีกแล้ว มันดำมืดไปหมด ตอนนี้ผมสว่างแล้ว

    และผมกล้าพูดได้ว่า ที่ผมผ่านพ้นมีสภาพดีขึ้นได้ทุกวันนี้เพราะการได้รับ
    อภัย และเมตตา จากท่านพุทธทาส

    สิ่งที่ผมพิมพ์และเล่าให้ฟังทุกอย่าง
    ผมยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนบริบูรณ์
    และผมขอเอาศีล 5 เป็นประกัน ว่าหากคำพูดใดของนาย ศราวุธ ศรีเรือง
    เป็นคำกล่าวเท็จ ขอให้ ตกนรกหมกไหม้ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
    อยู่ในวัฏสงสาร จนชั่วกาลนาน

    ตอนนี้ผมสบายใจ โล่งใจเลย เหมือนไม่มีอะไรติดค้างในใจเลย

    ขอบคุณครับ
     
  2. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    I'm glad you forgive yourself and going to the right path of life..continue being good and the good continue be with you.
     
  3. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    สาธุ..อนุโมทนา ขอชื่นชมและขอแสดงความยินดีกับน้องด้วยนะจ๊ะ...
     
  4. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    อนุโมทนา สาธุ ยินดีด้วยครับ แต่ก่อนผมถ้าสงสัยว่าครูบาอาจารย์ท่านผิด ผมจะเอาความผิดนั้นให้ตัวผมเอง มองมุมนี้บ่อยๆเข้าก้อรู้ว่าเรานี้เองที่ผิดจริงๆ
     
  5. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ผมคิดว่านี่คือหนึ่งในเรื่องที่ดีที่สุด ที่ได้อ่านใน web นี้ การเล่าเรื่องของตัวเองเป็นวิทยาทาน ธรรมทานแบบนี้ ดีทั้งกับผู้เล่า และ ผู้ฟัง ส่วนนี้จะยิ่งทำให้เบาบางลงไปได้อีกครับ

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบนี้ได้ จะเกิดได้เฉพาะกับบุคคลที่มีบุญเก่าเยอะ แต่พลาดในชาติปัจจุบัน (หรืออาจจะไม่ใช่พลาด แต่มีกรรมพาไป?) สุดท้ายแล้ว เพราะอะไรก็แล้วแต่ที่เคยได้สะสมมา จะได้ชักนำให้กลับมาเห็นทางธรรมอีกครั้งหนึ่งครับ

    อนุโมทนา สาธุ ครับ.... ขอให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปทั้งทางธรรม และ ทางโลก ขอให้เจริญด้วยพรสี่ประการ อายุ วรรณะ สุขะ พละ
     
  6. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    รู้ตัวว่าผิด ก็กราบขอขมาโทษท่านซะ
    กรรมหนักนั้น จะได้เป็นเบา นะครับ

    ก็เคยมีที่ท่านคนหนึ่ง หรือภิกษุรูปหนึ่ง (ผมจำไม่แม่น เคยอ่านพบในพระไตรปิฏก ประมาณเล่มที่ 15-16-17 ฉบับมหาจุฬา ฯ ปี 2539 ) ทำผิด ในลักษณะที่ปลอมตัวมาบวชในพระพุทธศาสนา ตอนหลังยอมรับว่าปลอมบวช แล้วสำนึกผิด ก็กราบขอโทษ พระพุทธองค์ ๆ ก็ทรงเมตตาประทานอภัยให้ ฯ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    มาดูรายละเอียดกันหน่อยดีกว่า

    คุณ จขกท จั่วหัวว่า ตนเองได้ ปรามาสพระ ก็จริงอยู่ แต่ในรายละเอียด
    ไม่ได้ระบุว่า คุณได้แสดงการปรามาสพระต่อหน้า ธารกำนันอื่น ไม่ได้แสดง
    กิจที่ว่าด้วย การชักชวนผู้อื่นให้คล้อยตาม หรือ เห็นตาม หรือ ให้เข้าใจ
    ผิดว่า พระไม่มีคุณธรรมใดๆ

    สังเกตจากเนื้อเรื่อง คุณแค่ กระทำไว้ในใจเท่านั้น เสร็จแล้วก็ เอามาสมาทาน
    ไว้ เอาคำสอนมาสมาทานไว้นะ แต่ พฤติกรรมที่แสดงออกนั้น คุณไปเข้าใจว่า
    "ปฏิเสธธรรม"

    ตรงนี้แยกให้ดีๆ จิตคุณฟังธรรม คือ เนื้อหาของสัทธรรม เสร็จแล้ว ก็สมาทาน
    ไว้ในใจในจิต ไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับเก็บไว้ แถมยังรักษาไว้อย่างดีอีกต่างหาก

    แต่ทว่า ตัวขันธ์5 ที่เราสำคัญว่าเป็นเรา ที่คุณแบกไว้เป็นของหนัก ของถ่วง บังเอิญ
    โชคร้ายนิดหน่อย ตรงที่ ส่วนขันธ์5 คุณไปฟังธรรมอันเลว จากคนเลวๆ ที่กล่าว
    ปรามาสพระไว้ แล้วเขาโน้มน้าวส่วนขันธ์5ที่ไม่ใช่คุณสำเร็จ

    ก็จะเห็นว่า จิตคุณรักษาธรรมอยู่ แต่ ไอ้ส่วนขันธ์5นั้นโดนธรรมอันเลว เพื่อนเลวๆมัน
    โน้มน้าวให้เราสดับสิ่งทีผิด ตรงนี้ เวลาปุถุชนไปฟังธรรมโดยเอาขันธ์5เป็นหลัก เพราะ
    ไม่รู้ว่าไม่ใช่ตน ทำให้ขันธ์5ของคุณโดนต้ม แต่ จิต! กลับรักษาธรรมอยู่

    และ ต่อสู้กันภายใน

    และ หากจิตคุณเขาไม่ทิ้งธรรม ธรรมย่อมรักษาจิต สุดท้าย จิตที่มีธรรมเป็น
    ฝ่ายชนะขาดลอย

    ขาดลอยเลยนะ ขันธ์5ที่ยึดเรื่องตัวบุคคล ขันธ์5ที่ฟังธรรมแบบยึดตัวบุคคลกระเด็น
    หายไปเลย สู้ จิตที่เลือกเฝ้นฟังแต่ส่วนธรรม ไม่ได้

    สังเกตให้ดีๆนะ

    ถ้าสังเกตดีๆแล้วจะพบว่า

    จริงๆ คุณ มีจิตที่มีธรรมอยู่มากพอประมาณอยู่แล้ว และ จิตนั้นก็ฟังธรรมเป็น
    เสียด้วย ไม่ยึดติดเรื่องตัวบุคคลแบบมะนุดที่ยึดขันธ์5เป็นตนเขาทำกัน แบบมะนุด
    ขี้ฉ้อที่ตบแต่งด้วยฌาณสมาบัติให้ดูหล่อ เทห์ แต่ทว่าไม่รู้อะไรเป็นธรรม กลับเอา
    ธรรมอันเลวมากระซิบหลอก เล่นเอาเราแทบแย่

    ดีนะ ที่ คุณไม่เคยทิ้งธรรมะ ยัง หาเวลาสดับธรรมได้เสมอ ไม่ว่าจะในเวลา หรือ
    สถานการณ์แบบไหน

    สรุปคือ

    เรื่องตัวบุคคล ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ เรื่องพระ เรื่องคุณ ไม่ได้เกี่ยวอะไร
    กับเรื่องนี้

    แต่เป็น เรื่องของจิต ล้วนๆ ที่พ้นอำนาจการบังคับบัญชาจากคุณ แต่จิตนั้น
    ได้เคยอบรมไว้ดีแล้วที่จะไม่ทอดทิ้งธรรม ยังสำเนียกสดับธรรมตลอดเวลา จึง
    ทำให้ดีขึ้นได้

    การปรามาสพระ ไม่มี .... คุณแค่ โดนธรรมอันเลว เจาะช่องให้เผลอไป
    เดินทางผิด เ พื่อที่เขาจะได้อาศัยช่วงหลงทาง เป็นโอกาสที่เขาจะฉก
    ฉวยเอา เวรกรรมคืน จากคุณ

    แต่ถ้าเราเอา จิตเป็นใหญ่นะ ยกให้จิตที่มีธรรมเป็นใหญ่ เล็งเห็นว่าจิต
    ที่อบรมไว้ดีแล้วนำสุขมาให้ และ เป็นอุบายนำออกจากทุกข์ได้ แค่นี้
    ก็ไปโลดดดดดด


    ;aa8;aa8


    ลีลาของธรรมะ การภาวนา ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร ไม่จำเป็นตองสละสลวย

    และ ไม่ได้ขึ้นกับว่า ใครเป็นคนกล่าวสอน

    เพราะ ธรรมะ พระพุทธองค์ เป็นผู้หมุนธรรมจักรเพียงผู้เดียว!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2012
  8. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    พิมก็เคยฟังธรรมะมา พระท่านสอนว่าอย่าสนใจจริยาของผู้อื่น คนอื่นจะดีจะชั่วก็เรื่องของเขา เราไม่ต้องสนใจ เพราะการเอาใจไปสนใจจริยาของผู้อื่นทำให้จิตไม่สงบ ฟุ้งซ่าน และถ้าคิดไม่ดีกับใครจิตก็จะเศร้าหมอง ทำให้ทรงสมาธิได้ยากค่ะ ถ้าเรามีเมตตาก็จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาของโลกว่าคนเราเป็นไปตามกฏของกรรม จะไม่ตำหนิใครค่ะ
     
  9. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    อื้มม...ใช่

    จริง ๆ ทุกอย่างตรงนั้นมันเป็นอกุศลจิตของเราเองที่มันทำร้ายตัวเรา
    จากอกุศลตัวเล็ก ๆ ที่เราไม่รู้ทัน สะสมมันไปเรื่อย ๆ จนมันกลายเป็นอกุศลตัวใหญ่ ผลักดันให้แสดงออกต่าง ๆ มากมาย
    เหมือนคนหมั่นพอกพูนความชั่วไว้ในใจ มันก็เลยมีแต่แย่ลง

    คนดี ความดีมันจะวิ่งเข้าหา และให้พบพาแต่ในสิ่งที่ดี ๆ ก่อน
    คนชั่ว ความชั่วมันก็จะวิ่งเข้าหา และพาแต่เรื่องชั่ว ๆ มาสู่ตัวก่อนเหมือนกัน

    ดูคนเล่นการพนันสิ หมดตัวแล้วหมดตัวอีกก็ยังเลิกไม่ได้ เล่นไม่เลิก เป็นหนี้ไปทั่ว
    ผีพนันเข้าสิง แม้แต่นอนหลับก็ยังฝันแต่เรื่องที่เกี่ยวกับการพนันทั้งนั้นเลย
    นี่มันอยู่ที่กระแสจิตของเราจะสะสมอะไรไว้มากกว่ากัน สะสมดีเรื่องดีก็มา สะสมชั่วเรื่องชั่วก็มา

    ก็ดีแล้วล่ะ ผ่านมาได้ก็ดีแล้ว พระท่านไม่ได้ทำร้ายใคร มีแต่คนเรานี่แหละที่หลงทำร้ายตัวเอง
    อย่าว่าแต่พระเลย ไม่ว่าใครก็ตาม ต่อให้เขาด่าว่าเราอย่างไร จะจริงหรือไม่จริง
    มันก็ไม่ทำอันตรายเราได้ เท่ากับเราทำร้ายตนเอง
    ถ้าเราไม่เป็นผู้ที่มีอะไรค้างคาไว้ในใจ มันก็ไม่หวั่นไหวเมื่อใครเขาเข้ามากระทบกระทั่ง
    แต่ถ้าเรามีอะไรในใจ ก็ถือว่าได้ประโยชน์ ถือว่าเป็นโอกาสอันดี ที่จะได้รู้ จะได้ละความมีอะไรในใจอันนั้นออกไปให้หมดสิ้นไป รู้แล้วไม่เก็บไว้หรอก และต้องขอบคุณพวกเขาเสียด้วยซ้ำไปที่ทำให้เราได้เห็นว่า เรายังมีตรงนี้อยู่นะ เรายังโง่อยู่นั่นเอง

    ที่เขาว่า อนุสัย ถ้าถูกไม่กระทบจริง ๆ มันไม่มีทางรู้ เมื่อไม่มีทางรู้ มันก็ละไม่ได้ รู้แล้วก็รีบละ อย่ามองข้ามตนเอง อันนี้โดนมากะตัว เข้าใจแล้วเหมือนกัน

    ดีใจด้วย สาธุ ๆ ขอให้โชคดียิ่ง ๆ ขึ้นไปนะ
     
  10. BossTH

    BossTH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +89
    @นิวรณ์ เห็นท่าจะจริงครับ ผมด่า แต่ก็ไม่ได้ชักชวนใครให้คล้อยตาม ผมเลย จริงแฮะ ไม่เคยเลยจริง ๆ ที่จะชักชวนให้เห็นผิดไปกับผม เพิ่งรู้ตัวอ่ะ ขอบคุณครับ
     
  11. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็น
    คนพาล ไม่เฉียบแหลม ไม่ใช่สัตบุรุษ ย่อมเป็นผู้ประกอบไปด้วยโทษ นักปราชญ์ติเตียน และย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ
    ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว กล่าวสรรเสริญคุณของผู้ไม่ควรสรรเสริญ ๑
    ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว กล่าวติเตียนผู้ที่ควรสรรเสริญ ๑
    ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว ยังความเลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส ๑
    ไม่ใคร่ครวญสืบสวนให้รอบคอบแล้ว ยังความไม่เลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ควรเลื่อมใส ๑...

    ...ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นบัณฑิตเฉียบแหลม เป็นสัตบุรุษ เป็นผู้หาโทษมิได้ ทั้งนักปราชญ์ไม่ติเตียน และย่อมประสบบุญเป็นอันมาก ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ
    ใคร่ครวญ สืบสวนรอบคอบแล้ว กล่าวติเตียนผู้ที่ควรติเตียน ๑
    ใคร่ครวญสืบสวนรอบคอบแล้ว กล่าวสรรเสริญผู้ที่ควรสรรเสริญ ๑
    ใคร่ครวญ สืบสวนรอบคอบแล้ว ยังความไม่เลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส ๑
    ใคร่ครวญสืบสวนรอบคอบแล้ว ยังความเลื่อมใสให้เกิดในฐานะที่ควรเลื่อมใส ๑...


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  12. mailgolf

    mailgolf เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +306
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต
     
  13. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    สาธุๆ อนุโมทนาด้วยครับ ที่กลับตัวกลับใจได้
    หลวงพ่อพุทธทาส ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอย่างแท้จริง
    สมัยที่ข้าพเจ้าฝึกปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง และยังไม่มีใครสอน ก็ได้ธรรมมะจากหนังสือ
    หลวงพ่อพุทธทาสนี่แหละ ที่คอยชี้แนะ ได้ แต่ธรรมจากท่านเป็นธรรมชั้นสูง
    บางครั้งอ่านรอบเดียวก็มิอาจเข้าใจได้ ต้องอ่านไปปฏิบัติไป ทบทวนหลายๆครั้ง
    กว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ท่านพยายามจะสอนได้
    จนมีอยู่ครั้งนึง เกิดนิมิตในฝันว่า ถ้าสงสัยอะไร ให้ไปที่สวนโมกข์
    ตื่นขึ้นมาก็ยัง งงๆ เพราะไม่รู้จักสวนโมกข์ ไม่รู้ว่าคืออะไร จนได้ทราบภายหลังว่า
    สวนโมกข์คือ วัดที่ท่านพุทธทาสท่านสร้าง และจำพรรษาที่นั่น

    และเมื่อก่อนข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาส ไปปฏิบัติธรรม ที่วัดสาขาแถวของคลองหลวงปทุมธานี
    เป็นวัดสาขาของท่านพุทธทาส สมัยนั้น ยังมีอุโบสถกลางธรรมชาติ เป็นที่ร่มเย็นชุ่มชื่น
    และมีงานศิลปะปริศนาธรรม อีกมากมาย ภายในวัด แต่ต่อมาภายหลัง
    ที่ข้าพเจ้าได้ไปอีกครั้ง ก็เห็นว่าทุกๆอย่างเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเป็นแลดูไม่ร่มเย็นเหมือนก่อน
     
  14. BossTH

    BossTH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +89
    @นิวรณ์ เข้ามาอ่านอีกรอบ (อ่านไป 4 รอบและ) ขอบคุณนะครับ (ต้องให้คนอื่นดูตัวเราจริง ๆ ถึงจะรู้ บางทีเราก็ไม่อาจจะรู้ตัวเราเองได้ สาธุ)
     
  15. BossTH

    BossTH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +89
    @5314786 สวนโมกข์ ผมยังไม่เคยไปเลย อยู่เชียงใหม่ไปแต่วัดอุโมงค์ วัดที่เป็นลูกศิษย์ท่านพุทธทาสครับ

    ถ้าได้ลงไปกท ความหน้าว่าจะลองไป หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ สวนโมกข์กรุงเทพฯ ดูสักครั้ง ^_^
     
  16. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    เท่าที่ทราบมา..การปรามาสมีได้ทั้งทางกาย วาจา ใจ ถ้าคิดไม่ดีคิดด่าคิดประทุษร้ายพระสงฆ์ก็ถือว่าเป็นการปรามาสแล้ว แต่จะเป็นการปรามาสพระอริยสงฆ์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพระองค์นั้นเป็นพระอริยเจ้าหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่พระอริยเจ้า ก็คงเป็นการปรามาสสมมติสงฆ์ แต่ยังงัยก็ตามในเมื่อเราไม่ทราบว่าพระท่านคุณธรรมระดับไหน อยากให้สบายใจก็ไปขอขมาพระรัตนตรัยตามปกติ ส่วนเรื่องเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตมันก็เกิดจากกรรมที่คุณสร้างมาเองด้วยทั้งในอดีตและปัจจุบัน

    ส่วนเรื่องที่เราจะไปนับถือพระรูปไหนหรือนับถือคำสอนของพระรูปใด ก็ไปดูคำสอนของท่านว่าขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า ถ้าไม่ขัดกันก็เชื่อได้ แต่ถ้าคำสอนของพระองค์ไหนขัดกับพระพุทธเจ้า เช่นสอนว่านรกสวรรค์ไม่มี บุญบาปไม่มี แค่นี้ก็ถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิแล้ว ถ้าเราไปนับถือก็เท่ากับเรายอมลงนรกตามพระรูปนั้นไปด้วย การไม่นับถือคำสอนที่เป็นมิจฉาทิษฐิของใคร ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปด่าว่าเขาในใจ เพราะการทำอย่างนั้นก็เป็นการทำให้จิตเศร้าหมอง เป็นการเพ่งโทษผู้อื่น จะให้ดีก็พิจารณาโดยธรรมว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง และเป็นไปตามกรรม ให้มีจิตเมตตา คิดไว้ว่าถ้าเรามีโอกาสเราจะสงเคราะห์เขา แต่ถ้าไม่มีโอกาสเราก็วางอุเบกขาเสีย
     
  17. ปาริสัชชา

    ปาริสัชชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2004
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +2,691
    ผมขออนุญาตแนะนำท่านเจ้าของกระทู้ว่า...
    ๑. พยายามอย่าตามคิดเรื่องอกุศลจิตนั้นอีก
    ๒. กล่าวคำขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยบ่อยๆ หรือทุกครั้งที่สวดมนต์เจริญพระกรรมฐาน
    (บทคำขอขมาโทษพระรัตนตรัยของหลวงพ่อฤาษีฯก็มีนะครับ ลองหาดู)
    ๓. พยายามทำจิตให้อยู่ในฝั่งกุศลเนืองๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
    (โดยเฉพาะหากได้มโนมยิทธิ หรือถ้าไม่ได้มโนมยิทธิ เวลาจิตสงบพอสมควรแล้วก็โน้มน้อมจิตเข้าไปกราบขอขมาพระรัตนตรัยบ่อยๆ หรือจะขอขมาตรงต่อท่านพุทธทาสก็ได้ คือทำให้จิตชินในฝั่งกุศล ...แต่ที่สำคัญ อย่าทำใจให้กังวลอยู่กับเรื่องนี้)
    ๔. ....(ยังนึกไม่ออกครับ)

    ปล. ผมก็เคยเป็นคล้ายๆกับท่านเจ้าของกระทู้ครับ ก็ใช้วิธีดังกล่าวข้างต้น ก็หายครับ(แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังต้องขมาโทษพระรัตนตรัยทุกครั้งที่สวดมนต์และเจริญพระกรรมฐาน และมีบางครั้งที่ผมรู้สึกกับพระบางรูปว่าไม่ดี แล้วท่านนั้นก็ไม่ดีจริงๆ แต่ในฐานะที่เราเป็นผู้เจริญพระกรรมฐานเพื่อต้องการออกจากวัฎฎสงสาร ผมก็ไปขมาต่อพระประธานในพระอุโบสถเหมือนกัน เพื่อความสะอาดของใจเราเองครับ)
     
  18. BossTH

    BossTH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +89
    ขอบคุณทุกความคิดเห็นที่แนะนำนะครับ :)
     
  19. ลุงไชย

    ลุงไชย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +2,436
    อนุโมทนาครับ ที่ท่านนำเรื่องตนเองมาเล่าเป็นประสบการณ์
    เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สาธุครับ..
     
  20. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    แล้วคนที่ปรามาสพระเกษมวัดสามแยก จะเป็นยังไงบ้าง ก็กรรมมันยังไม่ให้ผล
     

แชร์หน้านี้

Loading...