ถ้าเกิดชีวิตคนเราโดนกำหนดไว้ จากกรรม

แสดงว่า คนเราก็โดนกำหนดให้ชาตินี้มาทำเลวสิครับ
แบบว่ายกตัวอย่าง ชาติก่อนอาจทำกรรมไว้ แล้วมาชาตินี้
ต้องมาเกิดในชุมชน ยาเสพติด แล้วต้องมาเจอการฆ่ากัน
และขายยาเป็นเรื่องปกติ แสดงว่า เราโดนกำหนดให้มาเป็น
คนเลวสินะครับ เหอ คิดแล้วเศร่า ชีวิตอันโสมม ไม่น่า
ตกอยู่ไหน วงจรนี้เลย น่าจะตายแล้วตายเลย
จบๆไป



และอีกอย่าง ถ้าเกิดว่าโลกแตก เราจะไปเกิดที่ไหนอีกหรอครับ

 

คนเราจะเลวช้า หรือดีแสนดี ไม่ได้อยู่ที่ สถานที่เกิดนะคะ
คนที่เกิดมาร่ำรวย ก็เลวชั่วได้
คนที่เกิดมาในสลัม หรือแม้แต่เป็นกระทั่งขอทาน ก็เป็นคนดีได้
มีสติแล้วมองกรรมให้ถ่องแท้ แล้วคุณจะเข้าใจกรรมได้ดีขึ้น

 

ใช่...กรรมกำหนด สถานที่เกิดก็ถูกกำหนดด้วยกรรม ไม่ใช่กรรมของใครแต่เป็นกรรมของตน หากกระทำกรรมดีย่อมส่งผลดี ทั้งภพนี้และภพหน้า

ถ้าถามว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงกรรมได้มั้ย ตอบว่าเปลี่ยนได้ด้วยบุญหรือบาป

เพราะฉะนั้น หากต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันชาติก็สามารถทำได้ อันดับแรกต้องยอมรับมันก่อน ว่าในอดีตได้ทำกรรมไม่ดีไว้ จึงทำให้ต้องมาเกิดในสถานที่ที่แวดล้อมไปด้วยอบาย แล้วจากนั้น ก็ตั้งมั่นด้วยสัจจะวาจา ในการรักษาศีล ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เจริญพรหมวิหาร 4 ให้เป็นปกติ หมั่นปฏิบัติบูชา สร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ตนและผู้อื่นตลอดชีวิต เปลี่ยนได้เลยในชาตินี้

นี่ยังดีนะ ที่ได้มาเกิดที่ประเทศไทย ได้พบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสทำบุญ ทำกุศล ฟังธรรม สนทนาธรรม ถ้าไปเกิดเอธิโอเปีย จะเป็นยังไง

คำถามเรื่องโลกแตก แล้วจะไปเกิดที่ไหนน่ะ ฟุ้งซ่านแล้ว รู้ตัวหรือเปล่า รู้ปัจจุบันให้ได้เสียก่อน

 

เจตนานัั้นคือกรรม

 

ให้เจริญสติ แล้วเลือกทางเดิน ที่เป็นกุศลของตน จะพ้นจากอำนาจกรรมชั่ว
พ้นจากโชคชะตาฟ้าลิขิต

 

ปันจุบัน คุณทำอะไรอยู่ละครับ มันก็ส่งผลไป อนาคต นั้นก็คือ ตอนนี้ยังไงละ จขกท


ตัวเองเป็นคนกำหนดเอง ทั้งนั้น

 

...ถึงต้องมีกำลังสติไง ถ้ามีสติก็จะตัดบ่วงกรรมได้ เช่นคุณถูก นายก. ฆ่าตายในชาติที่แล้ว ชาติต่อมา...ทำให้คุณตกอยู่ในสถาณการณ์ที่จะต้องฆ่านายก. แต่ถ้าคุณมีกำลังสติเพียงพอรู้ว่าการฆ่าเป็นกรรมเป็นเหตุให้คุณไม่ได้ฆ่านายก. นั่นแหละคุณได้ตัดบ่วงกรรมแล้ว

 

เวลาคนขาดสติ มันก็เหมือนคนตาบอด นึกอะไร ทำอะไร ถูกกรรมบันดาลไปทั้งสิ้น

ยกตัวอย่าง เวลา นึกโมโหคน ขึ้นมา ยังไม่ได้คิด ตั้งสติเลยว่า ถูกเป็นอย่่งไร ผิดเป็นอย่างไร
ไปดักตีหัวเขา สุดท้ายตนเองโดนตำรวจจับ นี่แหละ กรรมเขาทำกันแบบนี้

หรือบางคน ผู้ชายชอบผู้หญิง ถูกผลักดันไปด้วยตัณหาราคะให้ไปจีบ ไปตามหญิงนั้น ไม่ได้ตั้งสติ ดูเลยว่า หญิงนั้นเป็นอย่่างไรมาก่อน สุดท้ายถูกลวงไปปลดทรัพย์ นี่ก็กรรมเขาจะเล่นงานเราเขาซ้อนแผนแบบนี้

ทีนี้คนมีสติมีปัญญา มันจะถูกชักจูงไปได้ง่ายๆหรือ นี่แหละ เพราะมีสติเท่าทัน กรรม ไม่สบช่อง มารไม่สบช่อง เราก็ไม่ก่อกรรมชั่วเพิ่ม สร้างแต่กรรมดีได้ เลือกได้เอง เป็นตัวของตัวเอง

ฝึกเอาไว้ ทำมหาสติ มหาปัญญาให้เป็นแล้ว พ้นนรก พ้นอบายเพราะเหตุนี้

 

ช่วยหาที่อ้างอิงหน่อยว่าใครสอนมา หรือคิดเองเออเองเลยสอนเอง กั๊ก ๆ ๆ

 

อยากจะบอก จริ๊งจริง ว่า ไอ้ที่เกิดขึ้นทุกอย่างนี้ ก็เพราะ เราเป็นผู้กระทำทั้งนั้นละ นี้คือผลกรรมที่ทำเอาไว้นับชาติไม่ถ้วน มันส่งผล ตามกำลังกรรมของคุณเองนะจ๊ะ บุญที่ทำทุกอย่างก็ช่วยได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะบางคนก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง มันก็เลยมามาหยุดๆ เหมือน น้ำกำลังโดนตัด และ กรรมหนักมาตัดรอนก็ให้มีอันไปก่อนวัยอันควร

และที่น่ากลัวที่สุด นะ กรรมเนี้ยรู้เท่าทันการหนีด้วยละ สมมุติ คุณ รู้ว่าขับรถไปแยกนี้แล้วคุณจะโดนชน คุณก็เลยหลบ แต่บังเอิญสิ่งนั้นเขารู้แล้วว่าคุณรู้ เขาก็เลย ไปดักที่แยกที่คุณหลบอยู่นั้นละ เขาจึงบอกไม่ให้ใช้ชีวิตโดยประมาท

และ กรรมนี้จะส่งผลเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับคนที่คุณไปทำกรรมกับเขาด้วยนะ เช่น ตัวอย่างเราเป็นต้น สร้างกรรมกับคนที่เขาเดินไม่กี่ขั้นก็ถึงจุดมุ่งหมายแล้ว เลยให้มีเหตุอันเป็นไป ว่าต้องผิดหวัง จากทุกอย่าง ที่คาดหวัง อันนี้รับทราบครับกระผม(ยกย่อง นะ กล้าทำอะนะ ต้องกล้ารับด้วย) ยอมรับมัน และเดินต่อไป

และ ผู้ที่ปฏิบัติธรรมทั้งหลายก็ ไม่ต้องเป็นห่วงอันใด เพราะ จะเจอทุก กรรมที่ไปทำเขามา โปรดเตรียมตัว เตรียมใจตัวเอง ฝึกซ้อมตัวเอง ระลึกไว้เสมอ ว่ากรรมเก่าก็ ต้องใช้ กรรมใหม่ ก็ให้ หยุดซะ เพราะมันเหนื่อย ไม่ใหว หยุดสร้างกรรมชั่ว ขยันทำความดี เพื่อความหลุดพ้น(ศิลอย่าให้หลุด)บางทีอากาสแค่ช่องน้อยๆก็ต้องเก็บไว้หายใจนะ

และก็หยุดคร่ำครวญโทษ สิ่งนั้น สิ่งนี้ คนนั้น เป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ เพราะไอ้สิ่งที่ไปว่าไปนินทาเขานะ ตัวเองรับเต็มๆ กรรมของเขาด้วย เล่นแบกใว้เองเลยหนักเป็นสองเท่าผลกรรมเรา กรรมเขา รับหมด เขาถึงบอกว่า จะว่าใคร ให้ดูตัวเองก่อน ว่าดีพอหรือยัง

ก็เข้าใจอย่านี้ละนะ สำหรับเรา ปฏิบัติไปเรื่อยๆ บางทีเห็น บางอย่าง แล้วก็ อาจจะสำลักเอง เพราะรู้เอง ไม่ใช่สำลักเพราะคนอื่นบอก คุณค่ามันต่างกัน ไปต่อไป เมื่อรู้แล้ว ก็อย่าพลาด จับให้มั้น คั้นให้ตาย มันไม่ตายเราก็ตาย นะท่านนะ

ขอให้เจริญในธรรม(สำหรับผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ)ทุกท่าน

 

และ ขอโมทนาบุญ สำหรับคุณsurer ผู้สนับสนุนเว๊บพลังจิต นะคะ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ก็เหมือนกับ "ตาบอดกินเผิ่ง" นั่นแหละ

พอเมื่อขาดสติสัมปชัญญะซะแล้ว คนตาดีบอกยังไงก็ไม่เชื่อหรอก

คะยั้นคะยอ จะไปด้วยแรงกรรม ท่าเดียวให้ได้

กว่าจะรู้อีกที ก็เมื่อสาย โดนกิเลสเล่นงาน ซะแล้ว

นั่นเพราะ กิเลสบังตา อวิชาบังใจ ล่ะเนาะ

วงจรแห่งกิเลส กรรม วิบาก จึงไม่จบสิ้น

 

กรรมมี :กรรมดี กรรมชั่ว กรรมไม่ดีไม่ชั่ว
กรรมมี :กรรมอดีตชาติ กรรมอดีตในชาติปัจจุบัน(ผ่านไป1วินาที ก็สามารถเรียกว่าอดีต)
กรรมไม่ว่าเป็นแบบไหนเวลาใด แต่จะส่งผลเมื่อ เหตุและปัจจัย พร้อมที่จะให้เกิด
ส่วนใหญ่ กรรมอดีตในชาติปัจจุบัน จะส่งผลเร็วกว่า เพราะกรรมในอดีตชาติบางส่วนถูกชดใช่ในนรกบ้างแล้ว(ถ้านรกมีจริง) จึงจะส่งผล เป็นระลอก ตามเหตุและปัจจัย
ส่วนเรื่องจุดกำเนิด ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร หรือ ที่ไหนนั้น ยังหาข้อมูลไม่ได้ว่า สิ่งใดกำหนด
แต่อย่างว่า อะไรๆมันก็ไม่แน่ นะครับ

 

นี่ไง กรรมเขาผลักดันให้ ถามหาที่อ้างอิง เพราะกรรมที่ไม่รู้จักฟังอรรถฟังธรรมจากผู้มีธรรม เอาแต่ท่องตำรา

ก็ใจเจ้าของเป็นปัจจัตตังจะต้องไปหาที่อ้างอิงอะไรอีก
หัดพิจารณาตามความเป็นจริงบ้าง ของอยู่ตรงหน้าทนโท่ ยังจะถามหาที่อ้างอิง

ถามว่าแล้วเอาอะไรมาอ้างอิงว่า ที่เราอ้างอิงนั้นถูก นี่มันของจริงไม่ใช่ของเด็กเล่นเป็นนักแต่งตำราจะได้ต้องอ้างอิง

 

นักสอนนอกศาสนามีเยอะ เที่ยวเอาคำสอนของตนเองมายัดเยียดว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า

 

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ชีวิตเราถูกกำหนดมาแล้วหรือเปล่าครับ

การกระทำของแต่ละบุคคลถูกกรรมกำหนดมาแล้วจริงหรือ?

 

เมื่อเช้าก่อนลืมตา รู้สึกตัวว่าตื่นนอน แต่ยังไม่ลืมตาเหมือนๆทุกวัน

แต่วันนี้แปลกตรง รู้ความคิด รู้เจตนาแรก ความปรุงแต่งแรก สติแรก กุศลแรกของวันนี้ โสตวิญญาณแรกที่กระทบ

เหมือนกับค่อยๆไล่เกิด ไล่รู้ ไม่มีแล้วมี ^^

อะเมซิ่ง

 

ดีไหมล่ะ พี่หลง
หากไม่มีตัวพ่วงท้าย น่าจะเจ๋งกว่าหลงนะ

 

ทำไมถึง อเมซิ่ง คนชั่วอย่างผม มีคำตอบ

เพราะว่า

จิตที่ ตื่นจากหลับ จะเป็นจิตที่คล้ายจิตที่ทำสมถะ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
คนบางคนเวลาไม่ได้ทำ สมถะ แต่ยังอุตสาห์เอาจิตที่คล้ายคลึงกันมาภาวนา
จนพบความ อเมซิ่ง ของการรู้ สภาวะธรรมตามรุปแบบที่ถูกต้องได้ ก็ถือ
ว่า เริ่มเคาะประตู

ที่เหลือคือ จะฝึกภาวนา ให้เหมือนการทำสมถะ โดยอาศัยการนอนหลับไป
วันหนึ่งคืนหนึ่ง(ราตรีหนึ่งเจริญ) หรือ จะปักใจเชื่อว่า จิตตื่นจากหลับเป็นอเมซซิงแล้วมุ่ง
หลับตะบี้ตะบันเพื่อเอาจังหวะตื่น หรือ จะเลือกมาทำสมถะเพื่อให้ได้สภาวะ
ตรงๆ ก็ขึ้นกับว่า

จะมองหา "ส่วนดี" เป็นหรือไม่เป็น

 

ก็นึกแล้วเชียว ว่าเอาปรมัตถ์มาพูด มันก็ไม่พ้นสมมุตติบัญญัติ

ทีนี้จิตตินนท์ฟังไม่ดี ก็เอาไปพิจารณาผิด เหมือนเดิม