ยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธิเลือกตั้ง111กก.บริหาร(เกาะติดคำพิพากษา คดียุบพรรค)

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธิเลือกตั้ง111กก.บริหาร

</TD></TR><TR><TD vAlign=top>30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 22:11:00

</TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=180 align=left bgColor=#ffffdd border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=180></TD></TR></TBODY></TABLE>
(Update)ศาลรธน.พิพากษายุบพรรคไทยรักไทย และพัฒนาชาติไทย-แผ่นดินไทย ฐานเป็นภัยต่อความมั่นคงและปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย พร้อมถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และและพรรคแผ่นดินไทย โดยได้พิจารณาประเด็นโดยสรุปดังนี้
+ตุลาการรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่
คำวินิจฉัย- ตุลาการรัฐธรรมนูญมีอำนาจ โดยอ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2549 มาตรา 35 วรรค 1 และวรรค 4 คำโต้แย้งฟังไม่ขึ้น
+การร้องเรียนของนายสุเทพชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่ได้ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่ถือเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และนายทะเบียนพรรคการเมืองมีอำนาจสอบสวนกรณีหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้เห็นการกระทำผิดด้วยตัวเอง
คำวินิจฉัย-ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการลงสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น และไม่ว่านายทะเบียนนักการเมืองจะเห็นเอง หรือผู้ใดแจ้งถึงการกระทำผิด ก็มีอำนาจในการสอบสวนทั้งนั้น คำโต้แย้งจึงฟังไม่ขึ้น
+การสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่เคยเรียกผู้ถูกร้องไปชี้แจงเลย
คำวินิจฉัย-เป็นไปตามระเบียบและวิธีการ คำร้องฟังไม่ขึ้น
+ผู้ถูกร้องกระทำการดังต่อไปนี้หรือไม่
1 พล.อ.ธรรมรักษ์ นายพงษ์ศักดิ์ ร่วมกับ บุนทวีศักดิ์และนายสุขสันต์ แก้ไขฐานข้อมูลกลางของสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยหรือไม่ และพล.อ.ธรรมรักษ์ กับนายพงษ์ศักดิ์ ร่วมกันให้เงินพรรคพัฒนาชาติไทย หรือไม่
ศาลวินิฉัยว่า มีเหตุผลฟังได้ว่าพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ได้ร่วมกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลจริง และทั้งพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ให้เงินสนับสนุนพรรคแผ่นดินไทยเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งจริง
2 นายบุนทวีศักดิ์ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นเท็จจริงหรือไม่
ศาลวินิจฉัยว่า จริง เป็นการออกทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติไม่ครบ จึงถือเป็นการออกหนังสือรับรองอันเป็นเท็จ
3 เสธ.ไอซ์ให้เงินพรรคจ้างแผ่นดินไทย และผู้สมัครพรรคแผ่นดินไทยให้ลงสมัครเลือกตั้งจริงหรือไม่
ศาลวินิจฉัยว่าจากการให้ปากคำของพยานทั้ง นางขัตติมาที่กลับคำให้การว่าสุเทพหักขังหน่วงเหนี่ยว รวมถึงผู้สมัครของพรรคแผ่นดินไทย เชื่อได้ว่าเสธ.ไอซ์ได้ให้เงินจริง แม้จะมีการกลับคำให้การในภายหลัง และผู้สมัครเห็นเสธ.ไอซ์และพล.ท.ผดุงศักดิ์ที่ที่ทำการพรรคแผ่นดินไทย
ส่วนที่นางขัตติมากลับคำให้การ อ้างว่าถูกสุเทพข่มขู่จะดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารนั้น นางขัตติมายืนยันมาตลอดว่าไม่เคยปลอมแปลงเอกสาร จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ฟังไม่ขึ้น และไม่น่าเชื่อว่าถ้านางขัตติมาได้รับเงินจากสุเทพแล้วจริง จะกล้ากลับคำให้การ
นอกจากนี้ การกระทำของพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ เนื่องจากมีตำแหน่งใหญ่โตในพรรค จึงมีผลผูกพันกับพรรคไทยรักไทย
การกระทำดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและเป็นปกรักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย


ดังนั้น จึงเห็นว่าควรยุบพรรคไทยรักไทยและอีก2พรรคการเมือง



ยุบ 4 กรรมการบริหารพรรคการเมือง
พรรคไทยรักไทย 111 คน
พรรคพัฒนาชาติไทย 19 คน
พรรคแผ่นดินไทย 3 คน
พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า 15 คน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
-----------
ที่มา:คมชัดลึก
http://www.bangkokbiznews.com/2007/05/30/WW74_7401_news.php?newsid=75561

 

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ไทยรักไทยถูกยุบ-ปชป.รอด อีก3พรรคเล็กโดนเชือดด้วย</TD></TR><TR><TD vAlign=top>30 พฤษภาคม 2550 23:47 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [/IMG] ตุลาการรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยกคำร้องยุบพรรค ปชป.ทั้ง 4 ข้อกล่าวหาแต่สั่งยุบพรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย และวินิจฉัยคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 27 มีผลย้อนหลัง โดยถอนสิทธิ์เลือกตั้งของกรรมการบริการพรรคที่ถูกยุบ 5 ปีด้วย

หลังจากคณะตุลาการัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ได้ใช้เวลาในการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นร้องเรียนต่อต่อ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขณะนั้น นานพอสมควร โดยให้ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทยและให้เบิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีของกรรมการบริหารพรรคด้วย
ได้พิจารณาประเด็นโดยสรุปดังนี้

+ตุลาการรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่
คำวินิจฉัย- ตุลาการรัฐธรรมนูญมีอำนาจ โดยอ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2549 มาตรา 35 วรรค 1 และวรรค 4 คำโต้แย้งฟังไม่ขึ้น
+การร้องเรียนของนายสุเทพชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่ได้ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่ถือเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และนายทะเบียนพรรคการเมืองมีอำนาจสอบสวนกรณีหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้เห็นการกระทำผิดด้วยตัวเอง
คำวินิจฉัย-ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการลงสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น และไม่ว่านายทะเบียนนักการเมืองจะเห็นเอง หรือผู้ใดแจ้งถึงการกระทำผิด ก็มีอำนาจในการสอบสวนทั้งนั้น คำโต้แย้งจึงฟังไม่ขึ้น
+การสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่เคยเรียกผู้ถูกร้องไปชี้แจงเลย
คำวินิจฉัย-เป็นไปตามระเบียบและวิธีการ คำร้องฟังไม่ขึ้น
+ผู้ถูกร้องกระทำการดังต่อไปนี้หรือไม่
1 พล.อ.ธรรมรักษ์ นายพงษ์ศักดิ์ ร่วมกับ บุนทวีศักดิ์และนายสุขสันต์ แก้ไขฐานข้อมูลกลางของสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยหรือไม่ และพล.อ.ธรรมรักษ์ กับนายพงษ์ศักดิ์ ร่วมกันให้เงินพรรคพัฒนาชาติไทย หรือไม่
ศาลวินิฉัยว่า มีเหตุผลฟังได้ว่าพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ได้ร่วมกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลจริง และทั้งพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ให้เงินสนับสนุนพรรคแผ่นดินไทยเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งจริง
2 นายบุนทวีศักดิ์ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นเท็จจริงหรือไม่
ศาลวินิจฉัยว่า จริง เป็นการออกทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติไม่ครบ จึงถือเป็นการออกหนังสือรับรองอันเป็นเท็จ
3 เสธ.ไอซ์ให้เงินพรรคจ้างแผ่นดินไทย และผู้สมัครพรรคแผ่นดินไทยให้ลงสมัครเลือกตั้งจริงหรือไม่
ศาลวินิจฉัยว่าจากการให้ปากคำของพยานทั้ง นางขัตติมาที่กลับคำให้การว่าสุเทพหักขังหน่วงเหนี่ยว รวมถึงผู้สมัครของพรรคแผ่นดินไทย เชื่อได้ว่าเสธ.ไอซ์ได้ให้เงินจริง แม้จะมีการกลับคำให้การในภายหลัง และผู้สมัครเห็นเสธ.ไอซ์และพล.ท.ผดุงศักดิ์ที่ที่ทำการพรรคแผ่นดินไทย
ส่วนที่นางขัตติมากลับคำให้การ อ้างว่าถูกสุเทพข่มขู่จะดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารนั้น นางขัตติมายืนยันมาตลอดว่าไม่เคยปลอมแปลงเอกสาร จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ฟังไม่ขึ้น และไม่น่าเชื่อว่าถ้านางขัตติมาได้รับเงินจากสุเทพแล้วจริง จะกล้ากลับคำให้การ
นอกจากนี้ การกระทำของพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ เนื่องจากมีตำแหน่งใหญ่โตในพรรค จึงมีผลผูกพันกับพรรคไทยรักไทย
การกระทำดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและเป็นปกรักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น จึงเห็นว่าควรยุบพรรคไทยรักไทยและอีก2พรรคการเมือง

หมายเหตุดูคลิปตัดสินไทยรักไทย - เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (7)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (6)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (5)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (4)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (3)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (2) เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (1)
พรรคประชาธิปัตย์รอดทุกข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 13.30 น.คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า นานร่วม3 ชั่วโมง โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้สรุปคำวินิจฉัย ที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหา กระทำผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 66 (2) และ (3) รณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน และ จ้างพรรคเล็กใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย รวมถึงขัดขวางการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. อันเป็นการกระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ข้อกล่าวหา มี ทั้งหมด 6 ข้อ
ข้อกล่าวหาที่ 1 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยที่ท้องสนามหลวง กล่าวหาการบริหารงานของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็น " ระบอบทักษิณ " ใส่ร้าย พ.ต.ท. ทักษิณ ด้วยข้อความเท็จว่า ระบอบทักษิณ ทำลายประชาธิปไตยแทรกแซงองค์กรอิสระ แทรกแซงสื่อ สร้างความแตกแยกของคนในชาติ มีการทุจริตอย่างมโหฬาร เพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของ พ.ต.ท. ทักษิณ หัวหน้าพรรคไทยรักไทย
โดยคำวินิจฉัยประเด็นที่ 1 ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สรุปว่า เป็นลักษณะของการตอบโต้กันทางการเมือง...เป็นวิสัยของประชาชนสามารถทำได้ ดังนั้นการกรทำของ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่เป็นการใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยความเท็จแต่อย่างใด (สรุปเมื่อเวลา 16.45 น)
ข้อกล่าวหาที่ 2.นายทักษะนัย กี่สุ้น ผู้ช่วยของ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นำ น.ส.นิภา จันโพธิ์ นางรัชนู ต่างสี และนายสุวิทย์ อบอุ่น ราษฎร จ.ตรัง เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า แล้วไปลงสมัคร ส.ส.ที่จ.ตรัง โดยใช้เอกสารอันเป็นเท็จว่า เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ไม่น้อยกว่า 90 วัน แล้วใส่ร้ายว่า กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่าจ้างให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
คำวินิจฉัยประเด็นที่ 2 ของตุลาการรัฐธรรมนูญ พอสรุปว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำของ นายทักษะนัย กี่สุ้น และ นายทักษะนัย กี่สุ้น ไม่ได้จ่ายเงินให้ผู้สมัครแต่อย่างใด จึงสรุปว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด (สรุปเมื่อเวลา 17.00 น.)
ข้อกล่าวหาที่ 3. นายไทกร พลสุวรรณ ตัวแทนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจ้างให้ นายวรรธวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า แถลงข่าวใส่ร้ายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างสมาชิกพรรคชีวิตที่ดีกว่าลงสมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ
โดยคำวินิจฉัยประเด็นที่ 3 ของตุลาการรัฐธรรมนูญ สรุปว่า นายไทกร พลสุวรรณ ไม่ได้ว่าจ้างให้ นายวรรธวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า ใส่ร้าย พรรคไทยรักไทย เพราะการกระทำของ นายไทกร เป็นการการแสวงหาหลักฐาน (สรุปเมื่อเวลา 17.05 น.)
ข้อกล่าวหาที่ 4. สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันขัดขวางการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรับสมัคร จ.สงขลา
คำวินิจฉัยประเด็นที่ 4 ของ ตุลาการรัฐธรรมนูญ สรุปว่า กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ร่วมกันขัดขวางการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรับสมัคร จ.สงขลา แต่อย่างใด (ส่วนกรณี นายชาลี ซึ่งระดมคนไปขัดขวางการลงสมัคร ส.ส. นั้น ก็ไม่สามารถรับฟังได้ว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี จะมีส่วนร่วมด้วยแต่อย่างใด) สรุปเมื่อเวลา 17.25 น.)
ข้อกล่าวหาที่ 5 พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าออกหนังสือรับรองผู้สมัคตร จ .ตรังเป็นเท็จหรือไม่
โดยคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สรุปว่า ผู้สมัครของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าไม่เป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วัน
ข้อกล่าวหาที่ 6 พรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า สมควรถูกยุบพรรคหรือไม่
ในส่วนของปชป. เนื่องจากไม่มีเหตุฟังได้จากที่กล่าวหา จึงไม่ยุบพรรค ส่วนพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า มีความผิดจริงเพราะไม่รับผิดชอบต่อภารกิจของพรรคการเมือง เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง จึงเห็นควรให้ยุบพรรค
ทั้งนี้ในตอนท้ายของคำวินิจฉัยของศาล ได้ วินิจฉัยถึงคำประกาศ คปค. 27 ที่มีการตั้งคำถามว่าโทษจะมีผลย้อนหรือไม่ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ้างว่า โดยปกติแล้ว การย้อนหลังจะมีผลเฉพาะทางคดีอาญาเท่านั้น
หมายเหตุ - ดูคลิปวีดีโอประกอบ

เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (ตอนจบ) ​

เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (8)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (7)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (6)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (5)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (4)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (3)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (2)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (1) มติเอกฉันท์9-0ไม่ยุบ ปชป.
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทำความผิด หรือฝ่าฝืน พ.ร.บ.พรรคการเมือง
ส่วนพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ยุบพรรค โดย 3 เสียงข้างน้อย มีความเห็นว่า แม้พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า จะมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค แต่ไม่เห็นด้วยที่จะนำประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 มาย้อนหลังใช้บังคับเพื่อกำหนดโทษ เพิกถอนสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ขณะที่เสียงข้างมาก 6 เสียง เห็นว่าเมื่อมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค ก็ควรกำหนดโทษกับผู้บริหารพรรคที่ทำผิด ในฐานะเป็นตัวแทนพรรค ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ด้วย

แกนนำ ปชป.กลับถึงพรรค เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม

30 พ.ค. - เมื่อเวลา 18.05 น. แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เดินทางกลับมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ มีประชาชนจำนวนมากรอให้กำลังใจ พร้อมมอบดอกกุหลาบแสดงความยินดี
จากนั้นทั้งหมดเข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ท่ามกลางเสียงปรบมือจากประชาชนที่มาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง โดยแกนนำพรรคมีสีหน้ายิ้มแย้ม
นายอภิสิทธิ์ หน.ปชป. กล่าวกับประชาชน ที่มาให้กำลังใจ ที่พรรค ว่า พรรคปชป. ขอน้อมรับ ในคำวินิจฉัยของศาล และขอขอบคุณ ที่ศาลรธน. ให้ความเป็นธรรมกับพรรคปชป. และขอขอบคุณ ทุกคนที่ให้ความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือพรรคมาตลอดเพราะที่ผ่านมาพรรคได้วิตกพอสมควร และการทำงาน ที่ผ่านมา ของพรรค ถือว่าหนักมาก ประชุมกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและขอขอบคุณ นายชวน หลีกภัย ประะานที่ปรึกษาปชป. ที่เป็นหัวหน้าทนายความผุ้ว่าวคดี ขอบคุณ บัญญัต บรรทัดฐานรองประะานที่ปรึกษาพรรค หรือหน้าเตรียมคดี ตั้งแต่เริ่มต้น และขอขอบคุณคณะทำงานด้านกฎหมาย ไม่คิดค่าตอบแทน ในการทำหน้าที่ทนายความ ขอบคุณนายบัณฑิต ศิริพันธ์ จากสำนักงานทนายความเสนีย์ ปราโมทย์ ขอบคุณ นายทวีศักดิ์ คนึงลือชัย จากสำนักงานทนายความคนึงลือชัย และขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้การสนับสนุน กับพรรคปชป.มาโดยตลอด ซึ่งในช่วงท้าย ของการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรธน. ศาลเห็นว่าพรรคการเมือง มีความสำคัญ ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรยิ์เป็นประมุข ซึ่งมีความรับผิดชอบต่อประชาชน ดังนั้น พรรคจะต้องตระหนักให้ดีและดำเนินการทางการเมือง ต่อไป เพื่อประเทศข้างหน้า และพรรค จะปฏิบัติตามแนวทาง และอุดมการณ์ของพรรค ตามระบอบประชาธิปไตย ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต วันนี้ เป็นการปิดฉากเรือ่งร้ายในอดีต ที่ก่อให้เกิดภาวะตรึงเครียดต่อสังคม พรุ่งนี้ภารกิจยิ่งใหญ่คือการประคับประคองบ้านเมือง ให้กลับสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยเดินหร้าสู่การเลือกตั้งเดือนธันวาคม ภายใต้รธน.ที่ถูกต้องที่สุด ดังนั้นพรรคจะยึดตามอุดมการณ์เพื่อแก้ปัญหาของประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งจะช่วยแก้ปัญหา ในเรื่องของเศรษฐกิจความไม่สงบ การเลือกตั้ง จะเป็นทางออก สำหรับประเทศ ภาระหน้าที่ของเราคือ จะต้องนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า จึงอยากให้ผู้มีอำนาจ นับจากนี้ ให้เปิดโอกาส ให้พรรคการเมือง ได้ทำงานอย่างสร้างสรรค เพื่อประโยชน์ของประเทศต่อไปวันนี้ถือเป็นชัยชนะของปชป. และในวันหน้าจะเป็นชัยชนะของประชาชนทั้งประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังนายอภิสิทธิ์ ปราศรัยกับประชาชนเสร็จมีประชาชนจำนวนมากกรูมาให้กำลังใจและมอบกุหลาบ พร้อมตะโกนไชโยๆ เป็นระยะ ๆ



-->
ตุลาการรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยกคำร้องยุบพรรค ปชป.ทั้ง 4 ข้อกล่าวหาแต่สั่งยุบพรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย และวินิจฉัยคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 27 มีผลย้อนหลัง โดยถอนสิทธิ์เลือกตั้งของกรรมการบริการพรรคที่ถูกยุบ 5 ปีด้วย
หลังจากคณะตุลาการัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ได้ใช้เวลาในการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นร้องเรียนต่อต่อ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขณะนั้น นานพอสมควร โดยให้ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทยและให้เบิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีของกรรมการบริหารพรรคด้วย
ได้พิจารณาประเด็นโดยสรุปดังนี้
+ตุลาการรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่
คำวินิจฉัย- ตุลาการรัฐธรรมนูญมีอำนาจ โดยอ้างรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2549 มาตรา 35 วรรค 1 และวรรค 4 คำโต้แย้งฟังไม่ขึ้น
+การร้องเรียนของนายสุเทพชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่ได้ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่ถือเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และนายทะเบียนพรรคการเมืองมีอำนาจสอบสวนกรณีหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้เห็นการกระทำผิดด้วยตัวเอง
คำวินิจฉัย-ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการลงสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น และไม่ว่านายทะเบียนนักการเมืองจะเห็นเอง หรือผู้ใดแจ้งถึงการกระทำผิด ก็มีอำนาจในการสอบสวนทั้งนั้น คำโต้แย้งจึงฟังไม่ขึ้น
+การสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่เคยเรียกผู้ถูกร้องไปชี้แจงเลย
คำวินิจฉัย-เป็นไปตามระเบียบและวิธีการ คำร้องฟังไม่ขึ้น
+ผู้ถูกร้องกระทำการดังต่อไปนี้หรือไม่
1 พล.อ.ธรรมรักษ์ นายพงษ์ศักดิ์ ร่วมกับ บุนทวีศักดิ์และนายสุขสันต์ แก้ไขฐานข้อมูลกลางของสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยหรือไม่ และพล.อ.ธรรมรักษ์ กับนายพงษ์ศักดิ์ ร่วมกันให้เงินพรรคพัฒนาชาติไทย หรือไม่
ศาลวินิฉัยว่า มีเหตุผลฟังได้ว่าพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ได้ร่วมกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลจริง และทั้งพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ให้เงินสนับสนุนพรรคแผ่นดินไทยเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งจริง
2 นายบุนทวีศักดิ์ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นเท็จจริงหรือไม่
ศาลวินิจฉัยว่า จริง เป็นการออกทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติไม่ครบ จึงถือเป็นการออกหนังสือรับรองอันเป็นเท็จ
3 เสธ.ไอซ์ให้เงินพรรคจ้างแผ่นดินไทย และผู้สมัครพรรคแผ่นดินไทยให้ลงสมัครเลือกตั้งจริงหรือไม่
ศาลวินิจฉัยว่าจากการให้ปากคำของพยานทั้ง นางขัตติมาที่กลับคำให้การว่าสุเทพหักขังหน่วงเหนี่ยว รวมถึงผู้สมัครของพรรคแผ่นดินไทย เชื่อได้ว่าเสธ.ไอซ์ได้ให้เงินจริง แม้จะมีการกลับคำให้การในภายหลัง และผู้สมัครเห็นเสธ.ไอซ์และพล.ท.ผดุงศักดิ์ที่ที่ทำการพรรคแผ่นดินไทย
ส่วนที่นางขัตติมากลับคำให้การ อ้างว่าถูกสุเทพข่มขู่จะดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารนั้น นางขัตติมายืนยันมาตลอดว่าไม่เคยปลอมแปลงเอกสาร จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ฟังไม่ขึ้น และไม่น่าเชื่อว่าถ้านางขัตติมาได้รับเงินจากสุเทพแล้วจริง จะกล้ากลับคำให้การ
นอกจากนี้ การกระทำของพล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์ เนื่องจากมีตำแหน่งใหญ่โตในพรรค จึงมีผลผูกพันกับพรรคไทยรักไทย
การกระทำดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและเป็นปกรักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย
ดังนั้น จึงเห็นว่าควรยุบพรรคไทยรักไทยและอีก2พรรคการเมือง
หมายเหตุดูคลิปตัดสินไทยรักไทย - เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (7)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (6)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (5)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (4)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (3)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (2)
เปิดคำพิพากษา ไทยรักไทย (1)
พรรคประชาธิปัตย์รอดทุกข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 13.30 น.คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า นานร่วม3 ชั่วโมง โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้สรุปคำวินิจฉัย ที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหา กระทำผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 66 (2) และ (3) รณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน และ จ้างพรรคเล็กใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย รวมถึงขัดขวางการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. อันเป็นการกระทำการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ข้อกล่าวหา มี ทั้งหมด 6 ข้อ
ข้อกล่าวหาที่ 1 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยที่ท้องสนามหลวง กล่าวหาการบริหารงานของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็น " ระบอบทักษิณ " ใส่ร้าย พ.ต.ท. ทักษิณ ด้วยข้อความเท็จว่า ระบอบทักษิณ ทำลายประชาธิปไตยแทรกแซงองค์กรอิสระ แทรกแซงสื่อ สร้างความแตกแยกของคนในชาติ มีการทุจริตอย่างมโหฬาร เพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของ พ.ต.ท. ทักษิณ หัวหน้าพรรคไทยรักไทย
โดยคำวินิจฉัยประเด็นที่ 1 ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สรุปว่า เป็นลักษณะของการตอบโต้กันทางการเมือง...เป็นวิสัยของประชาชนสามารถทำได้ ดังนั้นการกรทำของ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่เป็นการใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยความเท็จแต่อย่างใด (สรุปเมื่อเวลา 16.45 น)
ข้อกล่าวหาที่ 2.นายทักษะนัย กี่สุ้น ผู้ช่วยของ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นำ น.ส.นิภา จันโพธิ์ นางรัชนู ต่างสี และนายสุวิทย์ อบอุ่น ราษฎร จ.ตรัง เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า แล้วไปลงสมัคร ส.ส.ที่จ.ตรัง โดยใช้เอกสารอันเป็นเท็จว่า เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ไม่น้อยกว่า 90 วัน แล้วใส่ร้ายว่า กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่าจ้างให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
คำวินิจฉัยประเด็นที่ 2 ของตุลาการรัฐธรรมนูญ พอสรุปว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำของ นายทักษะนัย กี่สุ้น และ นายทักษะนัย กี่สุ้น ไม่ได้จ่ายเงินให้ผู้สมัครแต่อย่างใด จึงสรุปว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด (สรุปเมื่อเวลา 17.00 น.)
ข้อกล่าวหาที่ 3. นายไทกร พลสุวรรณ ตัวแทนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจ้างให้ นายวรรธวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า แถลงข่าวใส่ร้ายนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างสมาชิกพรรคชีวิตที่ดีกว่าลงสมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ
โดยคำวินิจฉัยประเด็นที่ 3 ของตุลาการรัฐธรรมนูญ สรุปว่า นายไทกร พลสุวรรณ ไม่ได้ว่าจ้างให้ นายวรรธวริทธิ์ ตันติภิรมย์ หัวหน้าพรรคชีวิตที่ดีกว่า ใส่ร้าย พรรคไทยรักไทย เพราะการกระทำของ นายไทกร เป็นการการแสวงหาหลักฐาน (สรุปเมื่อเวลา 17.05 น.)
ข้อกล่าวหาที่ 4. สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันขัดขวางการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรับสมัคร จ.สงขลา
คำวินิจฉัยประเด็นที่ 4 ของ ตุลาการรัฐธรรมนูญ สรุปว่า กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ร่วมกันขัดขวางการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรับสมัคร จ.สงขลา แต่อย่างใด (ส่วนกรณี นายชาลี ซึ่งระดมคนไปขัดขวางการลงสมัคร ส.ส. นั้น ก็ไม่สามารถรับฟังได้ว่า นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี จะมีส่วนร่วมด้วยแต่อย่างใด) สรุปเมื่อเวลา 17.25 น.)
ข้อกล่าวหาที่ 5 พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าออกหนังสือรับรองผู้สมัคตร จ .ตรังเป็นเท็จหรือไม่
โดยคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สรุปว่า ผู้สมัครของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าไม่เป็นสมาชิกพรรคครบ 90 วัน
ข้อกล่าวหาที่ 6 พรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า สมควรถูกยุบพรรคหรือไม่
ในส่วนของปชป. เนื่องจากไม่มีเหตุฟังได้จากที่กล่าวหา จึงไม่ยุบพรรค ส่วนพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า มีความผิดจริงเพราะไม่รับผิดชอบต่อภารกิจของพรรคการเมือง เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง จึงเห็นควรให้ยุบพรรค
ทั้งนี้ในตอนท้ายของคำวินิจฉัยของศาล ได้ วินิจฉัยถึงคำประกาศ คปค. 27 ที่มีการตั้งคำถามว่าโทษจะมีผลย้อนหรือไม่ โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อ้างว่า โดยปกติแล้ว การย้อนหลังจะมีผลเฉพาะทางคดีอาญาเท่านั้น
หมายเหตุ - ดูคลิปวีดีโอประกอบ

เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (ตอนจบ) เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (8)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (7)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (6)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (5)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (4)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (3)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (2)
เปิดคำพิพากษา ประชาธิปัตย์ (1)
มติเอกฉันท์9-0ไม่ยุบ ปชป.
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทำความผิด หรือฝ่าฝืน พ.ร.บ.พรรคการเมือง
ส่วนพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ยุบพรรค โดย 3 เสียงข้างน้อย มีความเห็นว่า แม้พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า จะมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค แต่ไม่เห็นด้วยที่จะนำประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 มาย้อนหลังใช้บังคับเพื่อกำหนดโทษ เพิกถอนสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ขณะที่เสียงข้างมาก 6 เสียง เห็นว่าเมื่อมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค ก็ควรกำหนดโทษกับผู้บริหารพรรคที่ทำผิด ในฐานะเป็นตัวแทนพรรค ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ด้วย


แกนนำ ปชป.กลับถึงพรรค เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม

30 พ.ค. - เมื่อเวลา 18.05 น. แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เดินทางกลับมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ มีประชาชนจำนวนมากรอให้กำลังใจ พร้อมมอบดอกกุหลาบแสดงความยินดี
จากนั้นทั้งหมดเข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ท่ามกลางเสียงปรบมือจากประชาชนที่มาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง โดยแกนนำพรรคมีสีหน้ายิ้มแย้ม นายอภิสิทธิ์ หน.ปชป. กล่าวกับประชาชน ที่มาให้กำลังใจ ที่พรรค ว่า พรรคปชป. ขอน้อมรับ ในคำวินิจฉัยของศาล และขอขอบคุณ ที่ศาลรธน. ให้ความเป็นธรรมกับพรรคปชป. และขอขอบคุณ ทุกคนที่ให้ความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือพรรคมาตลอดเพราะที่ผ่านมาพรรคได้วิตกพอสมควร และการทำงาน ที่ผ่านมา ของพรรค ถือว่าหนักมาก ประชุมกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและขอขอบคุณ นายชวน หลีกภัย ประะานที่ปรึกษาปชป. ที่เป็นหัวหน้าทนายความผุ้ว่าวคดี ขอบคุณ บัญญัต บรรทัดฐานรองประะานที่ปรึกษาพรรค หรือหน้าเตรียมคดี ตั้งแต่เริ่มต้น และขอขอบคุณคณะทำงานด้านกฎหมาย ไม่คิดค่าตอบแทน ในการทำหน้าที่ทนายความ ขอบคุณนายบัณฑิต ศิริพันธ์ จากสำนักงานทนายความเสนีย์ ปราโมทย์ ขอบคุณ นายทวีศักดิ์ คนึงลือชัย จากสำนักงานทนายความคนึงลือชัย และขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้การสนับสนุน กับพรรคปชป.มาโดยตลอด ซึ่งในช่วงท้าย ของการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรธน. ศาลเห็นว่าพรรคการเมือง มีความสำคัญ ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรยิ์เป็นประมุข ซึ่งมีความรับผิดชอบต่อประชาชน ดังนั้น พรรคจะต้องตระหนักให้ดีและดำเนินการทางการเมือง ต่อไป เพื่อประเทศข้างหน้า และพรรค จะปฏิบัติตามแนวทาง และอุดมการณ์ของพรรค ตามระบอบประชาธิปไตย ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต วันนี้ เป็นการปิดฉากเรือ่งร้ายในอดีต ที่ก่อให้เกิดภาวะตรึงเครียดต่อสังคม พรุ่งนี้ภารกิจยิ่งใหญ่คือการประคับประคองบ้านเมือง ให้กลับสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยเดินหร้าสู่การเลือกตั้งเดือนธันวาคม ภายใต้รธน.ที่ถูกต้องที่สุด ดังนั้นพรรคจะยึดตามอุดมการณ์เพื่อแก้ปัญหาของประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งจะช่วยแก้ปัญหา ในเรื่องของเศรษฐกิจความไม่สงบ การเลือกตั้ง จะเป็นทางออก สำหรับประเทศ ภาระหน้าที่ของเราคือ จะต้องนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า จึงอยากให้ผู้มีอำนาจ นับจากนี้ ให้เปิดโอกาส ให้พรรคการเมือง ได้ทำงานอย่างสร้างสรรค เพื่อประโยชน์ของประเทศต่อไปวันนี้ถือเป็นชัยชนะของปชป. และในวันหน้าจะเป็นชัยชนะของประชาชนทั้งประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังนายอภิสิทธิ์ ปราศรัยกับประชาชนเสร็จมีประชาชนจำนวนมากกรูมาให้กำลังใจและมอบกุหลาบ พร้อมตะโกนไชโยๆ เป็นระยะ ๆ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
-------------------------

Ref. http://www.komchadluek.net/2007/05/30/a001_120817.php?news_id=120817