เวรกรรมมีจริง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปุณฑ์, 20 มีนาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    ถ้าเราเดินมา เราจะรู้ความแต่งของ การตั้งสมาธิ
    หากฌาน ฤษี นั้นก็จะข่มเอาเวทนา เพื่อไปสุขในฌานแทน
    จะพ้นเวทนา

    หากเป็นฌานในสัมมาสมาธิเราไม่ได้ตั้งใจหลบ เรารู้ไปตรงเขาจะหายไปเอง
    และจะเกิดรู้ในฌานนั้น

    การดับขันธ์ 5 นั้น ต้องเข้าไปถึงฌาน 4 จะระงับชัวคราว
    เป็นการระงับนิวรณ์ ตรงนี้ยังไม่ค่อยได้เข้าถึงๆ จริง
    ยังไม่ขอกล่าว
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465


    สิ่งที่เป็นอดีต นั้นต้องปล่อยไป แต่ สภาพ ธรรมเอก นั้นต้องกำหนดรู้
    ต้องต้ังขึ้นมา พระพุทธองค์ถึงกับกำชับด้วยคำว่า "จงตั้ง" ซึ่งหมายถึง
    ให้กำหนดเห็นว่า ธรรมเอก นั้นมีในตน

    ถ้ามี ใครหน้าไหนก็มากดข่มเราไม่ได้ ต่อให้คนทำ ฌาณ8 หรือ ภาวนาพุทโธ
    จนจิตควงสว่านอะไรก็แล้วแต่ ถ้า เราเห็นอยู่ ตั้งอยู่ เพียรอยู่ เห็นแน่ๆ ว่า
    เรามี ธรรมเอก ก็ไม่ต้องครั้นคร้ามอายใคร

    ไม่ต้องเอา ผลงานเก่าๆ มากล่าวซ้ำ

    แต่ สามารถเอาธรรมเอก ที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลานี้ พูดโต้ตอบเสวนาได้เลย

    เพราะ เราไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ผู้เจริญที่ยิ่งใหญ่ แล้ว !!

    ***************

    พอมี ธรรมเอก จากการทำงานด้วยจิตว่างแล้ว ก็เหลือแต่ทำบ่อยๆ

    แต่ งานทางโลก ที่จะเอื้อให้เกิด งานทางธรรม หรือ ทำให้ ธรรมเอก
    ปรากฏอีกมันมีน้อย โลกมันพร่องเสมอ

    ดังนั้น ต้องยกให้เป็น ยกธรรมเอกให้เกิดขึ้น โดยเปลียนเป็นงานทางธรรมให้เป็น

    พอ หมุนงานทางธรรมเป็น งานทางโลกที่ทำให้ ธรรมเอกปรากฏก็ไม่ต้องใช้อีก

    พอเรา ประกอบงานทางธรรมได้บ่อยๆ ธรรมเอกเกิดบ่อยๆ แค่นี้ ก็ไม่ต้อง
    อายใคร ใครหน้าไหนก็มาต่อว่า เราไม่ได้ประกอบสมาธิไม่ได้

    ใครมาบอกว่าให้เราทำฌาณ เราก็หัวร่อในใจไปเลย เพราะ เราประกอบ
    สุญญาตาสมาธิหรือ สมาธิ3 อันพระพุทธองค์ตรัสสอนได้แล้ว อย่างนี้
    ถึงจะมี ฐานะปฏิเสธว่าไม่ได้ประกอบฌาณได้อย่างเต็มปาก เพราะมี ธรรมเอก
    เป็นพยานตามความเป็นจริง

    ***********

    งานทาง ธรรมที่เอามาทำแทนงานทางโลก ให้ ธรรมเอก เกิดขึ้นบ่อยๆ
    นั้น อันนี้ก็ว่ากันไปตาม จริตนิสัยที่จะทำให้ ธรรมเอก เกิดง่าย

    จริต จึงหมายถึง สิ่งที่ช่วยให้เรา สร้างสรรงานทางธรรม เพื่อให้ ธรรมเอก เกิดง่าย

    จริต แบบโลกอ้าง จะเอาไว้เปิดทางให้ตนไปคลุกในโลก ข้องกับโลก ซึ่ง ไม่เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2012
  3. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ฌานสี่ มีทั้งโลกียฌาน และโลกุตตรฌาน อย่างที่กล่าวมาแล้ว
    โลกียฌานเป็นเหตุให้ดับขันธ์ไปด้วยสมาธิ(ข่มกิเลสไว้)
    โลกุตตรฌานดับขันธ์ไปด้วยอริยมรรคสมังคี (ปหานกิเลส) โลกุตตรปัญญาเกิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2012
  4. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
     
  5. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    .จิตเข้าสมาธิทุติยฌาณ มีจิตผู้รู้ผุดขึ้น ไม่มีวิตกวิจาร

    เคเข้าใจว่า จิตผู้รู้ปล่อยวางปฐมฌาณขึ้นทุติยฌาณ จิตผู้รู้จะนิ่งขึ้น
    คือจิตผุ้รู้ละวิตกวิจารได้

    k.จิตเข้าสมาธิทุติยฌาณ มีจิตผู้รู้ผุดขึ้นเห็นองค์ฌาณ เห็นอาการสมาธิ
    มีปีติและสุข จิตผู้รู้ไม่มีวิตกวิจาร พระศาสดาอนุเคราะห์แล้ว ถึงความเป็นผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่




    ตรงนี้หนูรบกวน ให้พี่ขยายอย่างที่เข้าให้ละเอียดได้ไหมคะ ขอบคุณค่ะ
     
  6. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    บอกว่า อาการของสมาธิ คือ รู้ผุดขึ้นเห็นองค์ฌาน เห็นสมาธิ
    ตรงนี้ไม่เห็นด้วยค่ะ เพราะการตั้งมั้นของสมาธิ จะฌานเป็นสัมปยุตย์

    ไม่ใช่เราเข้าไปเห็น แต่เราเป็นไปตามสติ และสภาวะจิต คือผู้รู้
    ค่ะ พระศาสนาทรงอนุเคราะห์และแจกแจงให้แล้ว
    พี่เค เห็นต่างจาก นะนา คือพี่เค เข้าใจว่า จิตเข้าทุติยฌาณ
    เกิดจิตผู้รู้ตั้งมั่นเห็นองค์ทุติยฌาณแล้วละทุติยฌาณลงได้
    ถึงเดินหน้าต่อ ถ้าจิตผู้รู้ไม่รู้ไม่เห็นทุติยฌาณ ก็ละไม่ได้
    ก็เกยตื้น พระศาสดาใช้คำว่าประมาท

    หากรู้แล้ว ไม่รอดจากปฐมฌานหรอกค่ะ พี่จริงๆ นะ
     
  7. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    ที่หนูพูดหมายถึง การตัดกิเลส ค่ะ การละจากขันธ์ 5 คือละอุปทาน
    แต่ขันธ์ ยังอยู่ ที่หนูยังเข้าไม่ถึง คือตรงนี้ ค่ะ
     
  8. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    คนไม่ได้ฌาน มีปัญญา
    ฟังธรรมของสัตปุรุษ มีศรัทธา เข้าใจบาปบุญ แจ้งในสมมุติ
    เข้าใจว่าเรื่องเหนือบาปบุญมี เจริญสติปัฏฐานหรืออริยมรรค

    คนได้ฌาน สำคัญว่าโลกเที่ยง จิตเที่ยง
    จิตนี้ไปเป็นนั่นนี่ ไม่มีวันตาย แต่เปลี่ยนภพภูมิไปเรื่อยๆ ไม่สามารถแยกจากโลกได้
     
  9. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    ตรงนี้คัดค้านอย่างแร๊ง ค่ะ คนที่ฟังธรรมจนบรรลุธรรม
    ในขณะที่จะบรรลุ พี่ว่าฌานไม่เกิดจริงๆ เหรอ
    ประมาทเกินไปไหมพี่
     
  10. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ก็เห็นโพสต์มาอย่างนี้
    ก็ต้องตอบอย่างนี้
    ฌานสี่ มีทั้งโลกียฌาน และโลกุตตรฌาน อย่างที่กล่าวมาแล้ว
    โลกียฌานเป็นเหตุให้ดับขันธ์ไปด้วยสมาธิ(ข่มกิเลสไว้)
    โลกุตตรฌานดับขันธ์ไปด้วยอริยมรรคสมังคี (ปหานกิเลส) โลกุตตรปัญญาเกิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2012
  11. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ประมาทในการอ่านหรือเปล่า มีตรงไหนบอกบรรลุจ๊ะ

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปุณฑ์ [​IMG]
    คนไม่ได้ฌาน มีปัญญา
    ฟังธรรมของสัตปุรุษ มีศรัทธา เข้าใจบาปบุญ แจ้งในสมมุติ
    เข้าใจว่าเรื่องเหนือบาปบุญมี เจริญสติปัฏฐานหรืออริยมรรค

    คนได้ฌาน สำคัญว่าโลกเที่ยง จิตเที่ยง
    จิตนี้ไปเป็นนั่นนี่ ไม่มีวันตาย แต่เปลี่ยนภพภูมิไปเรื่อยๆ ไม่สามารถแยกจากโลกได้
     
  12. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    คนไม่ได้ฌาน มีปัญญา
    ฟังธรรมของสัตปุรุษ มีศรัทธา เข้าใจบาปบุญ แจ้งในสมมุติ
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ...........ความเห็นนะครับ สติปัฎฐานสี่บริบูรณ์ ย่อมทำโพชฌงค์ให้บริบูรณ์.....สติปัฎฐานสี่บริบูรณ์ทำให้เกิดการเลือกเฟ้นวิจัยธรรมเกิดธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ เฟ้นธรรมด้วยความเพียรไม่ย่อหย่อนเกิดวิริยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์เต็มรอบแห่งการเจริญ สมัยนั้นเกิดปิติสัมโพชฌงค์ ปิติสัมโพชฌงค์ทำให้กายก็ระงับใจก็ระงับ เกิดปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เมื่อ กายก็รำงับใจก็รำงับมีความสุขอยู่ สมัยนั้นจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ เกิดสมาธิสัมโพชฌงค์ จิตตั้งมั่นแล้วอย่างดี เกิด อุเบกขาสัมโพชฌงค์ตามมา.:cool:
     
  14. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    เอาตรงไหนมาพูดล่ะป้า โพสติดกันนั้นน่ะ
     
  15. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    เข้าใจว่าไงล่ะ............
     
  16. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    น่าสนใจครับพี่ทริก ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ ตรงนี้พี่ทริกพอขยายตามความเข้าใจได้ไหมครับ หรือยกพระวจนะใกล้เคียงก็ได้ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  17. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    [​IMG] ไปนอนก่อนแระ
     
  18. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    พระวจนะ โพชฌงค์บริบูรณ์ ย่อมทำวิชชาและวิมุติให้บริบูรณ์ พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ทั้งเจ็ดอันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้วอย่างไรเล่า จึงทำวิชชาและวิมุติให้บริบูรณ์ ภิกษุทั้งหลาย ในกรณีนี้ ย่อมเจริญ สติสสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อันอาศัยนิโรธ อันน้อมไปเพื่อโวสสัคคะ....................ย่อมเจริญธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อันอาศัยนิโรธ อันน้อมไปเพื่อโวสสัคคะ.............................ย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อันอาศัยนิโรธ อันน้อมไปเพื่อโวสสัคคะ........................ย่อมเจริญปิติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อันอาศัยนิโรธ อันน้อมไปเพื่อโวสสัคคะ.........................ย่อมเจริญ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อันอาศัยนิโรธ อันน้อมไปเพื่อโวสสัคคะ..................ย่อมเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อันอาศัยนิโรธ อันน้อมไปเพื่อโวสสัคคะ...................ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันอาสัยวิเวก อันอาสัยวิราคะ อันอาสัยนิโรธ อันน้อมไปเพื่อโวสสัคคะ.........ภิกษุทั้งหลาย โพชฌงค์ทั้ง7 อันบุคคลเจริยแล้ว ทำให้มากแล้ว อย่างนี้แล ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้ดังนี้---อุปริ.ม.14/201/291.:cool:
     
  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    พูดเรื่องสมถะวิปัสสนาอีกหน่อยค่ะ
    สมถะในฝ่ายกุศล มีสติเกิดร่วมแน่นอน
    เพราะหากไม่มีสติ ย่อมเป็นมิจฉาสมาธิ
    ไปเห็นนรกสวรรค์ อดีตอนาคต มีสติแล้วจะเกิดปัญญาก็ได้ เป็นโลกียปัญญา คือมีความสลดสังเวช เห็นบาปบุญ เห็นสังสารที่เวียนวน ก็จะเป็นสมถะวิปัสสนา และเมื่อเจริญสติขึ้นไปอีก ก็ยิ่งมีปัญญามากขึ้นอีก เห็นเหตุปัจจัยของรูปนาม หากไม่ส่งจิตออกนอก ย่อมเห็นรูปดับนามดับ

    สมถะที่ไม่ใช่มิจฉาสมาธิ ย่อมเป็นสัมมาสมาธิ มีสติดีอยู่แต่อาจขาดปัญญา หรืออาจมีปัญญาขึ้นเป็นสมถะวิปัสสนา และมีมากขึ้นตามกำลังสมาธิที่เข้าไปรู้เห็นหากไม่ขาดสติที่ตามกำลังของสมาธิไปให้ดี ปัญญาก็ย่อมมากขึ้นด้วย

    แต่ถ้าไปเห็นนั่นนี่แล้วสำคัญตนผิด ไม่เกิดปัญญา ขาดสติ ก็อาจเป็นแค่อุปาทาน
    ที่เคยอาจเห็นจริง ต่อมาก็อาจเป็นเพียงอุปาทาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2012
  20. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    หากคุณปุณฑ์ ไม่งง ก็ไม่รู้จะว่ายังไง

    แต่รับอยู่อย่างหนึ่ง คุณปุณฑ์มีความพยายาม ที่จะไม่งง :cool:
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...