ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    อนุโมทนาสาธุกับผู้แสวงบุญทุกท่านครับ ขอร่วมเส้นทางบุญนี้ด้วยนะครับสาธุๆ ^ ^
     
  2. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาด้วยนะคะ

    ท่านบอกว่า พี่สาว(me) สั่งสมบุญมาเยอะ รับกิจของพระศาสนาไปทำ เพื่อ ประโยชน์ของหลายๆคน

    (เอิ๊ก...ไม่อยากคิด)
     
  3. Sagen1994

    Sagen1994 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +202
    ขอร่วมทำบุญสร้าง สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลฯ
    - ตัวผมเอง (นายณิชวัชร พวงงาม) จำนวน 50.- บาท
    - คุณแม่ (นางเรณู พวงงาม) จำนวน 100.- บาท
    รวมทั้งสิ้น 150.- บาท ครับ.

    จำนวนเงิน 150 .- บาท
    เงินโอนจากบัญชี 732-2-XXXXX-X (ธ.กสิกรฯ)
    ให้ กรุงศรีฯ 612-1-03527-1
    โอนเมื่อ 27/03/12 - 8.07 น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2012
  4. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341

    โมทนาบุญด้วยครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ


     
  5. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    ยินดีต้อนรับครับ

    มาร่วมกันจรรโลงพระพุทธศาสนาครับ


     
  6. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่แน่เสมอไปค่ะ เพราะว่าการฝึกมโนมยิทธิไม่ใช่แค่ว่าทำสมาธิให้ได้แค่อุปจารสมาธิอย่างเดียว มันก็ต้องประกอบไปด้วยปัจจัยอื่นๆอีก เช่น ศีล ต้องถือได้เป็นปกติ ต้องเคารพพระรัตนตรัยด้วยความเลื่อมใส และก็ต้องพิจารณาตัดขันธ์ห้าให้ได้ (นึกถึงความตายตลอดเวลา) แล้วก็ต้องไม่คบกับนิวรณ์ในระหว่างฝึกอีก และอื่นๆ...ดังนั้นแค่ได้สมาธิอุปจารสมาธิ ก็ไม่แน่ว่าจะฝึกมโนมยิทธิได้สำเร็จทุกคนค่ะ
     
  7. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาด้วยค่ะ สู้ๆค่ะ
     
  8. Wiriyut

    Wiriyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ขอร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพในการจัดสร้างถวาย“สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลทศพลอุดมเมตตาบารมี”

    วันที่ 28/03/12 จำนวน 1,000.00 บาท

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5.JPG
      5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      111
  9. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    อนุโมทนาด้วยนะครับ ขอให้เจริญในธรรม สาธุๆๆ
     
  10. chalesa

    chalesa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +135
    สวัสดีค่ะ พี่สาว
    มาพร้อมคำถามอีกแล้วค่ะ
    ก่อนหน้านี้เคยบอกพี่สาวว่า หยุดฝึกมโนมยิทธิด้วยตนเองไปก่อน เพราะเท่าที่ทราบน้อยคนนักที่จะฝึกด้วยตนเองได้ แต่จิตมันค้าง ๆ คา ๆ ไม่ยอมถอยค่ะ ก็ต้องกลับมาฝึกอีกจนได้
    และสังเกตว่า ช่วงนี้พอถึงฌาณ 4 ก็จะเห็นแสงทะลุผ่านเข้ามาทางหน้าผาก แล้วตัวลอยค่ะ แต่ก็หลุ่นตุ๊บกลับมาอีกค่ะ

    อ้อ ดิฉันนอนฝึกค่ะ และชอบนอนคว่ำด้วยค่ะ อิอิ เพราะเข้าฌาณง่ายดี ผิดธรรมเนียมอะไรหรือเปล่าคะ

    อาการแบบนี้เป็นมโนยิทธิแบบเต็มกำลังหรือเปล่าค่ะ ครั้งแรกตกใจ และสงสัยนิดหน่อย หลัง ๆ มาพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ก็ยังไม่ไปไหน เลยไม่รู้จะทำยังไงค่ะ อิอิ

    ขอพี่สาวแนะนำหน่อยได้ไหมคะ

    ขอบคุณมากค่ะ


    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ โมกขทรัพย์ ด้วยค่ะ
     
  11. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    ปกติแล้วถ้าได้ฌาน๔ จะไปได้แจ่มใสมากนะครับเห็นครูฝึกบอกแบบนั้น แต่ผมไม่รู้ว่า ฌาน ๔ ต้องทรงอารมณ์ไหน เวลาผมภาวนา ผมภาวนาจนลมหายใจ เบาบาง แขนขาหายหมด จิตผมจับอยู่ภาพพระอย่างเดียวครับ ใสๆเป็นประกาย ขยายให้เล็กใหญ่ เพิ่มจำนวนเท่าไร ก็ได้ตามที่คิด เอาแค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ สำหรับคนสมาธิแย่ๆแบบผม

    แนะนำ ลองหาครูฝึกดูครับ เพราะไปด้วยตัวเองจะลำบาก นอกจากคนที่เคยได้ของเก่าแล้วเท่านั้น ผมย้ำเลยครับ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ครับ ผมก็ไปฝึกกับครูแค่ครั้งเดียว คราวนี้อยากไปกราบพระบนนิพานตอนไหนก็ไปได้ตามที่ใจต้องการ หรืออยากไปไหนก็ไปได้ครับ แค่คิดก็ถึงแล้ว

    หลังจากนั้นก็จำอารมณ์ที่ไปนั้นให้ได้ ลืมตา หลับตา ก็ไปได้ (ตอนผมอาบน้ำ ถูสบู่ ผมแค่นึกก็ไปอยู่บนโน้นแล้วครับ แปลกดี ) มโนมยิทธิแปลว่าฤทธิ์ทางใจ ฝึกจับภาพพระกับทรงอานาปานสติเยอะๆครับ ไปไหนก็เอาท่านไปด้วยตลอด ของผมนี่ ขนาดเวลาถ่ายหนักเบา ภาพพระก็ยังแจ่มอยู่ในใจตลอดนะ ผมก็เกรงจะปรามาสพระรัตนตรัยแต่ไปอ่านที่หลวงพ่อฤาษีท่านเคยบอกไว้ ไม่เป็นไร ทรงอารมณ์แบบนี้ได้ทุกกิจกรรม ครับ กิน ทำงาน เล่น หรือแม้ว่าจะก่อนนอน ก็แยก ความรู้สึกไว้สัก ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ทรงอารมณ์นี้ไว้ตลอด คนอื่นผมไม่รู้น่ะครับว่ายังไง แต่สำหรับคนไม่เก่งอย่างผม ผมว่า อยู่กับพระกับลมหายใจนี่ล่ะ สบายสุด เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะตายตอนไหนเมื่อไร ตายตอนไหนก็ช่างมัน ใจเรารักพระ เราก็ไปอยู่กับพระแค่นั้นล่ะครับ ที่ผมคิด


    อนุโมทนาบุญครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2012
  12. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    เมื่อวานนี้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นมาเล่าสู่ักันสู่กันฟัง กำลังขับรถอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีผู้หญิงผมยาวใส่ชุดดำ ขึ้นมานั่งเบาะหน้าด้วย เธอใส่เสื้อผ้าค่อนข้างมอมแมม กระโปรงที่ใส่ก็ดูจะเก่าเหลือเกิน หน้าตาเธอหมองคล้ำ ขอบตาดำ คล้ำ หน้ามืดๆทั้งๆที่ตอนนั้นก็เวลาประมาณบ่ายสามกว่าๆ เธอมองหน้าผม ตลอดเวลา ผมก็มองเธอ

    กำหนดจิตไปถามว่า เธอต้องการอะไร เธอไม่ตอบอะไร เอาแต่จ้องผมอย่างเดียว ผมก็ชักหงุดหงิด เอ๊ะยังไง จะเอายังไงก็ไ่ม่บอก จะขับรถเสียสมาธิหมด เดี๋ยวเหอะ!! เดี๋ยวจัดหนักให้(ดูสิ!อารมณ์ความเลวของผม ดูสิครับ ช่างไม่มีมโนธรรม เอาซะเล้ย)

    กำลังจะกำหนดจิตเอาภาพพระคลุมไว้แล้ว ว่าคาถา ชินบัญชร กับสัมปจิฉามิ ซักหน่อย เสียงลึกลับก็บอกว่า เ่ธอกำลังทรงพรหมวิหาร๔ อยู่ บุคคลที่ทรงภพภูิมิที่ต่ำกว่า มาขอความอนุเคราะห์เธอยังจะรังแกเขาอีกหรือ? ผมก็เลยได้สติ

    จึงได้อธิฐานจิตว่า ด้วยบุญกุศลที่ข้าพระพุทธเจ้าได้เคยสั่งสมมาในแต่ชาติปางก่อนจนถึงปัจจุับัน ขอจงช่วย วิญญาณดวงนี้ให้พ้นทุกข์ด้วยเทอญ สักพัก เธอเริ่มสว่างขึ้น ใสชุดใหม่ขึ้น กลายเป็นนางฟ้าไปเลยครับ เ่ธอขอบคุณผมแล้วก็หายไปเลย แหม เกือบไปแล้วไหมล่ะ จิตผมมันเลวจริงๆ เห็นไหมครับ


    โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมครับ ถือซะว่าผมเล่านิทานให้ท่านฟัง ^ ^



    อนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2012
  13. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาด้วยค่ะ

    ดีนะคะที่พระท่านยังมาเตือน เราเป็นลูกหลานหลวงพ่อ ควรที่จะดำเนินรอยตามท่าน ฝึกมโนมยิทธิแล้วก็สมควรที่จะเป็นคนที่มีเมตตา กรุณา ทรงพรหมวิหารสี่ให้ได้ตลอดเวลา อีกอย่างถ้าเราฝึกจิตมาดีแล้ว ส่วนใหญ่เราจะรู้เองนะคะว่าที่เขามาให้เราเห็นอ่ะ เขาต้องการอะไร มาดีหรือมาร้าย แล้วต้องเข้าใจว่าสัมภเวสีส่วนใหญ่เขาก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะสื่อสารกับเราได้ทุกอย่าง แค่เขามาให้เห็นได้แค่นั้น บางทีเขาก็ใช้กำลังทั้งหมดที่มีแล้ว ให้สงสารและเห็นใจเขาด้วยค่ะ
     
  14. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เออ..พี่ก็ยัง งงๆ กับน้องเหมือนกันนะคะ คำถามแต่ละครั้งทำเอามึนไปหมด ฮา ตกลงน้องจะฝึกอะไรกันแน่คะเนี่ย เลือกเอาสักอย่างซีคะ

    เดี๋ยวขอพี่ถามก่อนนะคะ ที่น้องว่าฝึกมโนมยิทธิ น้องฝึกยังไงคะ ได้ตั้งพานครูหรือเปล่า ได้สมาทานกรรมฐานหรือเปล่า แล้วฝึกแบบครึ่งกำลังหรือเต็มกำลัง แต่พี่คิดว่าฝึกแบบครึ่งกำลังมากกว่า เพราะการฝึกแบบเต็มกำลังจะต้องมีคาถา นะมะพะธะ เขียนไว้บนกระดาษแล้วเอามาปิดหน้า (ซึ่งตอนนี้มีฝึกที่วัดท่าซุงเท่านั้น)

    เวลาฝึก ภาวนาอะไรคะ แล้วที่ว่าเข้าถึงฌานสี่ เป็นยังไงคะ อารมณ์ตอนนั้น เพราะข้อมูลที่น้องให้มาแค่นั้น สรุปอะไรไม่ได้ค่ะ
     
  15. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    อนุโมทนาพี่สาวนะครับ. ทุกอย่างเริ่มโอเคแล้วเนอะ ใก้ลเสร็จกิจแล้วกระมังครับพี่
     
  16. chalesa

    chalesa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +135
    ขอโทษค่ะ ที่ทำให้งง

    ตอนนี้ฝึกมโนมยิทธิค่ะ ภาวนา นะมะ พะทะ ตั้งใจจะฝึกครึ่งกำลัง มีพานครูค่ะ แต่ไม่ครบ เนื่องจากไม่มีดอกไม้ แต่จะพยายามหามาให้ได้ค่ะ และสมาทานกรรมฐานด้วยค่ะ แต่ไม่ได้สมาทานฯ ทุกครั้ง

    แต่ดิฉันเข้าใจว่าตัวเองจะเข้าฌาณเร็วมาก และผ่านขั้นอุปจารสมาธิ ไปอย่างเร็วมากค่ะ

    ฌาณ 4 ที่ดิฉันเข้าใจ เนื่องจากอ่านในหนังสือและเทียบอารมณ์เอาค่ะ ถ้าผิดพลาดก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ อาการคือ ไม่มีลมหายใจ ไม่มีคำภาวนา ตัวเบา เหมือนลอยอยู่เหนือร่างกาย หูจะไม่ได้ยิน หรือได้ยินก็แค่แว่ว ๆ ค่ะ จิตจะสงบมาก (ที่มั่นใจว่าไม่ได้ยิน หรือได้ยินแว่ว ๆ ก็เพราะว่า ฝึกตอนกลางวันและให้ลูกเล่นอยู่ข้างนอกแและจะได้ยินเสียงลูกคุยกันค่ะ แต่พอมีอาการแบบนี้จะไม่ได้ยินหรือถ้าได้ยินก็เหมือนได้ยินจากที่ไกล ๆ น่ะค่ะ)

    คำถามก็คือ พอมีอาการเท่าที่ว่ามาทั้งหมดแล้ว จะเห็นแสงสว่างจ้าค่ะ แต่ไม่แสบตา ทั้ง ๆ ที่แน่ใจว่าหลับตาสนิท แล้วตัวก็เริ่มลอยสูงขึ้น ๆ สูงมากทีเดียว แต่แล้วก็กลับมานอนสงบนิ่งตามปกติ

    ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นอาการของอะไร

    ไม่ทราบพี่สาวพอเข้าใจไหมคะ
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  17. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ยังๆ ยังค่ะน้อง ยังอีกยาวไกล

    อนุโมทนากับน้องด้วยนะคะ รักษาความดีไว้ให้ตลอดไปนะคะ อย่าลืมอธิษฐานกับพระท่านบ่อยๆขอให้เราเป็นสัมมาทิฐิตลอดไป อย่าได้กลายไปเป็นมิจฉาทิฐิ (กันไว้ก่อน) สู้ๆ
     
  18. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    แก้ขี้เกียจทำยังไงดีครับ T^T
     
  19. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    วัน นี้มีทริปเล็กๆจะเล่าเป็น เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆถึงขั้นตอนการ ทำสมาธิภาวนาของผม เผื่อว่ามันจะไปตรงกับจริตของ กัลยามิตรทางธรรมท่านใด ก็สามารถนำไปใช้ได้โดยสะดวกโยธินเลยครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ขอกล่าวเพื่อแสดงให้เข้าใจก่อนนะครับ ผมยังเป็นผู้ใหม่ในการทำ ความเพียร สติ ปัญญา อินทรีย์ก็ยังไม่กล้าแข็งแต่อย่างใด หากมีสิ่งใด ผิดพลาด มีสิ่งใดชี้แนะ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ก็เนื่องผมนี้ ปรารถนาจะหลุดพ้นจาก วัฏฏะ อันนี้ หากภูมิรู้ภูมิธรรมท่านใดที่ แก่กล้า ไปด้วย อินทรีย์และปัญญา มาแนะนำ เพื่อเพิ่มภูมิความรู้ให้กับผม แล้วไซร้ ผมยินดีน้อมรับชี้แนะ ติชมทุกประการครับ

    หาก แต่ สิ่งที่ผมได้เสนอไปนั้น เป็นองค์ความรู้ เป็นวิทยาทาน แม้จะทำให้ท่านผู้ใดก็ตามที่เห็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย น้อมนำไปประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติธรรมของท่าน ผมต้องขอกราบอนุโมทนา มา ณ.ที่นี้ด้วย

    วันนี้ มาคุยถึงการปฏิบัติธรรมของผมในช่วงเช้ากันครับ ในส่วนการปฏิบัติธรรมในช่วงเย็นผมจะมากล่าวอีกรอบ หากเห็นว่ามีประโยชน์กับ กัลยามิตรทางธรรม


    เริ่มเลยผมจะตื่นประมาณ ตี ๒
    :๔๕ โดยประมาณ ลุกขึ้นมาทำธุรกิจส่วนตัว แล้ว ลงไปทำงานที่ชั้นล่างของบ้าน(งานในที่ไม่ขอกล่าวนะครับเพราะไม่มีประโยชน์ อะไรกับการปฏิบัติธรรม) ผมจะทำงานเสร็จประมาณ ตี๔ ขาดเกินไม่ ถึง สิบนาที หลังจากนั้นก็จะจุดเทียน บูชา พระรัตนตรัย แล้วเริ่มสวดมนต์ ซึ่งบทสวดมนต์ผมมีดังนี้ครับ
    ตั้งนะโมสามจบ ตามด้วย บทสวด อะระหัง และอิติปิโส อย่างละจบ
    หลังจากนั้นตามด้วยคาถาเงินล้าน อีก ๙ จบ และ และขอขมาพระรัตนตรัย
    สวดแบบช้าๆ เอาเนื้อๆ ไม่รีบไม่เร่ง ไม่ค่อยหรือไม่ดังเกินไป จิตจดจ่ออยู่กับบทสวดมนต์ตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ ๒๕-๓0 นาทีโดยประมาณ ต่อจากนั้น เปิดไฟล์เสียงของหลวงพ่อ บทสมาทานพระกรรมฐาน


    เสร็จแล้ว นั่งเพ่งภาพพระให้ ชุ่มใจ ก่อนซัก ๒-๓ นาที ก่อนจะ นั่งเอาขาขวาทับ ขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย (ผมนั่งแบบ ขัดสมาธิเพชรครับ เพราะจะทำให้นั่งได้นาน หลังไม่งอ และที่สำคัญ นั่งแบบนี้ลมเดินสะดวกดี แต่ ตั้งกายตรง จิตตั้งมั่น แต่ไม่เกรงจนรู้สึกปวด และไม่ปล่อยจนหลังงอ
    สบายๆ

    แต่ถ้าคนอ้วน หรือเจ้าเนื้อหน่อย ผมแนะนำสมาธิแบบไขว้เหมาะกว่าครับ หรือตามอัธยาศัย เพราะ คนอ้วนจะนั่งสมาธิเพชรลำบาก ทำให้การภาวนา เวทนาเกิด จนจิตรวมได้ยาก ผมเคยอ้วน ผมลองนั่งดูแล้วครับ ลำบากมาก แต่พอผอม ก็นั่งได้สบาย ตั้งแต่เริ่มทำสมาธิ น้ำหนักลงไป ๖-๗ กิโลเนื่องจากไม่ค่อยท่านข้าวเย็น เพราะทานแล้ว มันฟุ้ง นั่งไม่ได้ อีกอย่างมันคอยจะง่วงตลอด เลยงดซะเลย แรกๆก็แย่ครับ แต่บ่อยๆเข้ามันก็ไม่หิว ชินไปเอง)



    หลัง จากนั้นผมค่อยๆหลับตา สูดลมหายใจลึกๆแรงๆ ยาวๆ เพื่อ ปล่อยลมหยาบออกไปให้หมด ซัก ๓-๔ ครั้ง แล้วกำหนดภาพพระขึ้นมา อธิฐานให้ใส สว่าง เล็กสุด ใหญ่สุดจนเต็มฟ้า ให้เป็นร้อยๆองค์ ไปข้างหน้า ข้างบน ประทับบนไหล่ซ้าย ขวา อยู่ในอก นั่งบนหัว
    เอาให้ชุ่ม เอาให้พอ หลังจากนั้น ประคองภาพไว้ ให้องค์พระมานั่งอยู่ระดับสายตา อธิฐานให้ใหญ่พอระดับที่จะมองเห็นได้ทุกสัดส่วน พอดี เต็มองค์ หลังจากนั้น เริ่ม จับลมหายใจเข้าพร้อมกับคำภาวนา(ใครใช้คำภานาแบบไหนก็ตามอัธยาศัยเลยนะครับ ส่วนผม ใช้ นะมะ พะธะ)

    ตอน หายใจเข้าพร้อมกับคำภาวนา ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดและวิ่งตามลมมากระทบอก จบที่กระทบปลายจมูก
    ส่วนองค์พระกำหนดไว้ให้พอดีระดับสายตา ใหญ่เท่าระดับที่เรากำหนดไว้ตอนแรกก่อนที่จะเริ่มจับลมนั้น

    พอหายใจออกพร้อมคำภาวนาความรู้สึกไหลขึ้นมา กระทบจุดแรกคือ ท้อง ตามด้วย หน้าอก และสุดท้ายคือปลายจมูก(แบบที่ผมทำเขาเรียกว่าจับลมสามฐานครับ) และให้กำหนดเอาความรู้สึกว่าองค์พระวิ่งลงตามลมหายใจ จากตรงหน้าไหลมาอก และและองค์พระเริ่มเล็กลง และไปสุดที่สะดือ กลายเป็นองค์เล็กสุด สว่างเล็กๆอยู่ตรงนั้น



    หายใจ เข้า พร้อมคำภาวนา เอาความรู้สึกไหลตามลมหายใจ ให้องค์พระไหลตามขึ้นมาด้วยกระทบที่อก จบที่ปลายจมูก จนองค์พระใหญ่เท่าเดิมเริ่มแรกที่เรากำหนด

    พอหายใจออกพร้อมคำภาวนาความ รู้สึกไหลขึ้นมา กระทบจุดแรกคือ ท้อง ตามด้วย หน้าอก และสุดท้ายคือปลายจมูก และให้กำหนดเอาความรู้สึกว่าองค์พระวิ่งลงตามลมหายใจ ไหลมาอก และเริ่มเล็กลง และไปสุดที่สะดือ กลายเป็นองค์เล็กสุด สว่างเล็กๆอยู่ตรงนั้น

    หายใจเข้าองค์พระใหญ่ระดับสายตา
    หายใจออก องค์พระเล็กสุด ไปอยู่ระดับจุดกำเนิดลมคือระดับสะดือ

    ทำ แบบนี้ติดต่อกันไปเรื่อย จนคำภาวนาหายไป จิตจะเริ่มรวมได้ กำหนดรู้ทั้งองค์พระและ ลมหายใจที่กระทบตลอดเวลา ถ้าเผลอ ไปคิดเรื่องอื่น ดึงกลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่



    ผม ทำแบบนี้ จนคำภาวนาหายไป ผมไม่สนใจ เอาจิตจับที่ลม กับองค์พระอย่างเดียว พอจิตนิ่งได้ที่ ผมจะมองเห็นลม วิ่งเป็นสายตามองค์พระขึ้นมาเลยครับ จนในที่สุด จับลมได้แผ่วๆ องค์พระเป็นประกายใส สว่างไสว ไหลเข้าไหลออกอยู่อย่างนั้น ทีนี้นึกครึ้มอก ครึ้มใจ ก็ให้ไปสว่างบนหัวบ้าน ตรงไหล่ ทั้งสองข้างบ้าง ข้างหลังบ้าง เรียกว่า เอาให้ครบทั้ง ๓๖0 องค์ศาเลยครับ
    พอจิตนิ่งดีแล้ว จะรู้สึกว่า มันสว่างจ้า องค์พระใสดีจนเป็นประกายระยิบระยับ ทีนี้ผมไม่ให้องค์พระไหลแล้วครับ

    กำหนดให้ท่านนั่งอยู่ตรงหน้า อย่างนั้นในระดับสายตาพอดี พร้อมกับความโพรงของจิต ที่มันรู้สึกได้ เหมือนกับมันสว่างๆไปหมด ลมหายใจแผ่วแทบไม่รู้สึก แขน ขา หายไป (หากอยากรู้ว่า ประสาทกับกายแยกกันรึยังให้ลองกำหนดขยับนิ้วดู ถ้านิ้วยังขยับอยู่แสดงว่ายังใช้ไม่ได้ ถ้า นิ้วไม่ขยับแสดงว่า ประสาทแยกกับกายสิ้นเชิงแล้ว ถือว่าใช้ได้)


    ทรง อารมณ์แบบนั้นให้นานที่สุดครับ จะรู้สึกถึง ความว่าง สว่าง จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีวอกแวกเรื่องอื่น พอจิตมันอิ่มได้ที่แล้ว มันจะคลายตัวของมันเอง ให้ลองกำหนดจิตให้เห็นคำภาวนาใหม่ จับที่ลมหายใจใหม่ พร้อมกับกำหนดภาพพระใหม่ เหมือนซักซ้อม ฌานเพื่อให้เกิด วสี คือความคล่อง ในการ เข้าออก ฌาน

    ผมเข้าใจตามความรู้สึกของผมอย่างนี้ครับ

    ฌาน๑
    วิตก วิจาร์ณ ปิติ สุข เอกัคคตารมณ์
    ๑. วิตก จิตกำหนดนึกคิด โดยกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกว่าหายใจเข้าหรือออก ทั้งคำภาวนา และภาพพระ[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ๒. วิจาร ถ้ากำหนดลมหายใจ ก็ใคร่ครวญกำหนดรู้ไว้เสมอว่าเราหายใจเข้าหรือหายใจออก[FONT=&quot]
    [/FONT]
    หายใจเข้าออกยาวหรือสั้นหายใจเบาหรือแรง ในวิสุทธิมรรคท่านให้รู้กำหนดลมสามฐานคือหายใจเข้า[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ลมกระทบจมูก กระทบอก กระทบศูนย์เหนือสะดือนิดหน่อยหายใจออกลมกระทบศูนย์ กระทบอก[FONT=&quot]
    [/FONT]
    กระทบจมูกหรือริมฝีปาก[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ถ้าภาวนา ก็กำหนดรู้ไว้เสมอว่า เราภาวนาถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ประการใด[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ถ้าเพ่งภาพกสิณ ก็กำหนดหมายภาพกสิณว่า เราเพ่งกสิณอะไรมีสีสันวรรณะเป็นอย่างไร[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ภาพกสิณเคลื่อนหรือคงสภาพ สีของกสิณเปลี่ยนแปลงไปหรือคงเดิมภาพที่เห็นอยู่นั้นเป็นภาพกสิณ[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ที่เราต้องการ หรือภาพหลอนสอดแทรกเข้ามา ภาพกสิณเล็กหรือใหญ่ สูงหรือต่ำดังนี้เป็นต้น อย่างนี้[FONT=&quot]
    [/FONT]
    เรียกว่า วิจาร[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ๓. ปีติ ความชุ่มชื่นเบิกบานใจ มีเป็นปกติ[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ๔. ความสุขเยือกเย็น เป็นความสุขทางกายอย่างประณีตซึ่งไม่เคยมีมาในกาลก่อน[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ๕. เอกัคคตารมณ์ มีอารมณ์เป็นหนึ่ง คือ ตั้งมั่นอยู่ในองค์ทั้ง ๔ประการนั้นไม่คลาดเคลื่อน[FONT=&quot]
    [/FONT]

    ข้อที่ควรสังเกตก็คือ ปฐมฌานหรือปฐมสมาบัตินี้
    เมื่อขณะทรงสมาธิอยู่นั้นหูยังได้ยินเสียง[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ภายนอกทุกอย่าง แต่ว่าอารมณ์ภาวนาหรือรักษาอารมณ์ไม่คลาดเคลื่อน ไม่รำคาญในเสียงเสียงก็ได้ยิน[FONT=&quot]
    [/FONT]

    แต่จิตก็ทำงานเป็นปกติ อย่างนี้ท่านเรียกว่า ปฐมฌาน คือ อารมณ์เพ่งอยู่
    โดยไม่รำคาญในเสียง[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ทรงความเป็นหนึ่งไว้ได้ ท่านกล่าวว่า กายกับจิตเริ่มแยกตัวกันเล็กน้อยแล้วตามปกติจิตย่อมสนใจ[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ในเรื่องของกาย เช่นหูได้ยินเสียง จิตก็คิดอะไรไม่ออกเพราะรำคาญในเสียงแต่พอจิตเข้าระดับ[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ปฐมฌาน กลับเฉยเมยต่อเสียง คิดคำนึงถึงอารมณ์กรรมฐานได้เป็นปกติที่ท่านเรียกว่าปฐมสมาบัติ[FONT=&quot]
    [/FONT]
    ก็เพราะอารมณ์สมาธิเข้าถึงเกณฑ์ของปฐมฌานที่จิตกับกายเริ่มแยกทางกันบ้างเล็กน้อยแล้วนั่นเอง
    ซึ่งเรามีครบหมดทุกองค์ประกอบ

    ฌาน๒. คำภาวนาหายไป มีบ้างที่กลับมา ลมหายใจแผ่วๆ ลงภาพพระชัดเจนขึ้น ได้เสียงข้างนอกอยู่แต่ไม่รำคาญ ครับ


    ฌาน๓ ลมละเอียดมากขึ้น คำภาวนาหายไปสิ้นเชิง ภาพพระแจ่มใสขึ้นกว่าเดิมจนเกือบจะเป็นประกายพรึก มีแสงแวปๆบ้าง


    ฌาน๔ แทบจะจับลมหายใจไม่ได้ แขน ขาหายไป เหลือเพียงจิตดวงเดียว สว่างโพลง แต่ไม่รู้สึกแสบตา ภาพพระเป็นประกายพรึก แจ่มใสขีดสุด


    ผมลอง
    กำหนดคำภานาขึ้นมาจดจ่ออยู่กับคำภาวนา สักพัก คำภานาก็หายไปเหลือแต่จิตดวงเดียวเหมือนเดิม คือผมพยายามจะไต่ระดับจาก ฌาน๑-๔เพื่อฝึกความคล่องตัว(วสี) เริ่มสนุกครับ มันส์ดี ไม่รู้สึกเบื่อเลย

    พอกำหนดให้มาอยู่ ฌาน๔ มากๆ จิตมันจะเริ่มอิ่มตัว มันจะคลายของมันเอง
    ตอนนี้ล่ะครับ ก่อนที่มันจะคลายมากกว่านี้ ผมก็กำหนดจิตไปกราบพระบนนิพานเลยเอากำไรไว้ก่อน ฮ่าๆ เดี๋ยวเช้านี้จะขาดทุน ขึ้นไปกราบองค์พระศาสดาเช้าวันนี้ท่าน สวยงามเหลือเกิน เป็นแก้วใส แต่งชุด วิสุทธิเทพงามเป็นประกายพรึก พร้อมทั้งอัคร สาวก ซ้ายขวา ที่แต่งชุดเป็นภิกษุปกติแต่ตัวท่านใสเป็นแก้ว แวว วาวและเหล่า พระอรหันต์ที่อยู่ข้างบน ล้วนแต่ ใสเป็นแก้ว กันทั้งสิ้น

    เห็นหลวงพ่อฤาษีมายืนยิ้มด้วยความเมตตาให้ข้างๆพร้อมกับกล่าวว่า ทรงอารมณ์ถูกแล้วลูกพยายามมาบ่อยๆนะ ทรงจิตให้ได้อารมณ์นี้ให้นานที่สุด ผมก็รับคำท่าน ท่านทรงจีวร ถือไม้ท้าวมาด้วย ผมขอให้ท่านอนุเคราะห์ให้ท่านทรงเครื่องวิสุทธิเทพ แหม๋!! หลวงพ่อเรา หล่อมากครับ หนุ่มเฟี้ยวมาเชียว แล้วขอความอนุเคราะห์ให้ท่านกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะผมไม่ชิน กับภาพ หลวงพ่อ ตอน ทรงเครื่อง ผมชอบหลวงพ่อตอนหลวงพ่อ ถือไม้เท้า ห่มจีวรนี่ล่ะครับ คุ้นตาดี


    หลังจากนั้นผมกำหนดจิต แยกกายเท่าจำนวนพระ แล้วก้มกราบท่าน
    ทั้งหมด ต้องรีบครับ เพราะจิตจะอิ่ม มันจะคลายตัวก่อนหลังจากนั้นแวะไปกราบท่านปู่ท่านย่า แล้วแวะไปนมัสการ พระจุฬามุณีและพระเขี้ยวแก้ว ลักษณะเหมือนงาช้างเล็กๆ ที่ใสเป็นประกาย อยู่ใน ผอบใส แล้วกำหนดจิตกลับมาอยู่ที่ตัว ตอนนี้จิต คลายตัวแล้วครับ พอจิตคลาย เวทนา เริ่มกิน ล่ะ เอาจับอริยสัจ ทันที เริ่มจาก


    ทุกข์
    ไอ้ความรู้สึก ปวดนี่ล่ะ ปวดแข้ง ปวดขา ปวดหลัง โอ๊ย สารพัดปวด ตอนนี้ท้องเริ่มร้อง เพราะหิว เริ่มเห็นตัวทุกข์ชัดเจน
    สมุทัย เหตุที่ทุกข์ เพราะมันมีร่างกายนี่ล่ะ เจ็บแข้งปวดขา ปวดหลัง อยู่นี่ ก็เพราะร่างกายตัวเดียว นอกจากมันจะทุกข์แล้วมันยังจะแก่ ไม่มีความสวยความงาม มีแต่เจ็บไข้ได้ป่วย แถมยังไม่รู้จักบุญคุณเราอีก เวลามันตายก็ห้ามมันให้ตายไม่ได้
    นิโรธ คือสภาพที่หายจากทุกข์ ก็ตอนที่ไปกราบพระบนนิพานนี่ล่ะครับ จิตมันสุขอย่าบอกใครเชียว สงบ สะอาด สว่าง เบาสบายไปหมด
    มรรค อันนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ทางดับทุกข์ อันประกอบด้วย องค์แปดประการ


    ผมคงไม่อธิบายยืดยาวมากมายครับ เดี๋ยวจะกลายว่าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน คิดว่าหลายๆท่านคงจะทราบดีกันอยู่แล้ว

    บ่นมา ซะเยอะเลย ไม่ทราบว่า กัลยามิตรท่านใดพอจะเข้าใจในแนวทางผมบ้างรึเปล่าครับ ผมก็ยังอ่อนหัด เยอะครับ เข้าใจว่า ในบอร์ดนี้ คงจะมีคนที่มีภูมิจิตภูมิธรรมสูง หลายท่าน ยังไงผมก็ขอคำชี้แนะด้วยล่ะกันนะครับ ถ้าหาก ผมทำอะไรผิดพลาดไป
    เอ๊า
    !! แวะไปไหนล่ะนั่น กลับมาเรื่องเดิมครับ
    หลังจาก ที่จิตมันถอนอารมณ์อิ่มมา อันดับแรก จิตเรามีกำลังสูง ให้จับวิปัสสนาเลยครับ จะเอาตัวไหนก็ตามที่ท่านถนัด จะจับขันธ์๕ หรืออริสัจ หรือ วิปัสสนาญาณ๙ ก็ตามอัธยาศัย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนท่านเคยกล่าวเอาไว้

    หาก เราไม่รีบจับวิปัสสนา นั่งแล้วเลิกเลย จะกลายเป็นว่า เราไปเพิ่มกำลังให้กิเลส เพราะ ตอนนี้จิตมีกำลังสูงสุด หากเราคิดในทางอกุศลในตอนนั้น กิเลสมันก็ได้กำลังเพิ่มทันที

    เพรา ฉะนั้นขั้นตอนที่จิตมีกำลังสุดให้ รีบจับวิปัสสนาเลยครับ ส่วนผมก็จับ แต่ไม่รู้ว่า จิตมันจะถอนกิเลสได้มากน้อยเท่าไร เพราะจิตมันยังเลวอยู่มาก มันคบกับกิเลสมาหลายกัปล์ หลายกัลป์ เกินไป ผมเลยต้องใช้ความพยายามมากเป็นเท่าตัว ได้ทีละนิดล่ะหน่อยก็เอาครับ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยจริงมั้ยครับ ผมจับวิปัสสนาไปเรื่อยๆ นาฬิกาก็ดังหมดเวลาพอดี ผมตั้งเอาไว้เฉพาะนั่งภาวนานั้น ชม.ครึ่งครับ
    และสรุปการภาวนา ผมได้ ใช้กรรมฐานหลายตัวเลยครับ


    ๑ พุทธนุสติ จากการใช้ภาพพระ

    ๒ ธรรมมานุสติ จาก องค์ภาวนา
    ๓ สังฆานุสติ จากที่ไปพบหลวงพ่อบนนิพพาน
    ๔ อานาปานสติ กรรมฐานกองใหญ่สุด สำคัญสุด จับกองไหน ก็เอากองนี้เป็นหลักไว้ครับ
    ๖ กสิณ จากการใช้ภาพพระเป็นองค์กสิณ
    ๗ เทวตานุสติ จากที่ไปพบ ท่านปู่อินทร์และแม่ย่า บนดาวดึงสเทวโลก
    ๘ อุปสมานุสติ จากที่ไปกราบพระบนนิพพาน (ผมมักใช้มโนไปนิพพานมากกว่าที่อื่น ครับ นรกไม่ชอบเพราะอึดอัด สวรรค์ก็เฉยๆ นอกจากไปกราบท่านปู่ท่านย่า กราบพระเขี้ยวแก้วที่จุฬามณีที่อื่นก็ไม่ได้ไป)
    ๙ กายคตานุสติ จากที่จับ อริยสัจ ว่าร่างกายมันเป็นทุกข์



    เล่ามายืดยาวแล้ว ทั้งหมดก็คือ การภาวนา ของผมในทุกวันตอนเช้า ตลอดระยะเวลา ๑เดือนที่ผ่านมานี้ กระผมไม่ได้มีเจตนาจะอวดคุณพิเศษแต่ประการ เนื่องด้วยรู้ว่า บางท่านคงจะมีดีกว่ากระผมเยอะแยะ อีกประการสิ่งที่กระผมทำได้ บางทีอาจจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆของท่านที่ทำได้ แต่ที่เอามาเล่าก็เพื่อว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นที่จะลองทำแบบผม พิสูจน์อะไรแบบผม ผมก็ยอมโดนด่าครับ ที่จะว่าบ้า ว่าเพี้ยน

    หาุกมีส่วนใดที่ถูกจริตกับท่าน หรือ เป็นกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ผมก็ขออนุโมทนาครับ แต่หาก ข้อความนี้ไปสร้างความระคายเคืองให้ท่านผู้อ่าน ท่านใด กระผมต้องขอ อโหสิกรรมมาณ.ที่นี้ด้วยครับ เนื่องจากไม่มีเจตนาทำให้ขุ่นข้องหมองใจแต่ประการใด และกระผมก็หาใช่ผู้สิ้นแล้วซึ่งอาสวะกิเลส ยังต้องเรียนรู้อีกมาก เพียงแต่ เอาประสบการณ์ตรงที่มีอันน้อยนิดมาแชร์ กันแค่นั้นเองครับ


    มีบางครั้งผม เหนื่อย ผมท้อ เวลาที่ อกุศลกรรมเข้าแทรก ผมจะคิดทันทีว่า
    มารมาแล้ว มารมาทำให้ท้อ ทำให้ผมเลิกทำความเพียร พอคิดได้แบบนี้ มารก็แจ้นหนีชั่วคราว เพราะผมรู้ทัน แต่เขาไม่ไปไหนหรอกครับ มารเขามีบททดสอบเยอะ เขามาได้หมด รักโลภ โกรธ หลง เขาขยันออกข้อสอบเราจะตาย ถ้าเราขาดสติเมื่อไร จบกันครับ อย่าเสียรู้มารเชียว พระพุทธองค์ให้ฝึกสติก็เพราะเหตุนี้ล่ะครับ ผมเลยต้องเร่งสปีดให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่า ชีวิตมันจะยืนยาวเท่าไร เพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยงแต่ความตายเป็นของเที่ยง ถ้าเกิดผมตายวันนี้พรุ่งนี้ ผมจะได้ไม่เสียชาติเกิดที่ได้เกิดมาเป็นคน ได้โอกาสพบพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาคำสอนของสมเด็จพระบรมครู ได้เป็นลูกหลวงพ่อ ก็เป็นบุญกุศลที่เปรียบไม่ได้แล้ว
    สรุปแล้วผมใช้เวลา ในการ ปฏิบัติธรรม ในรอบเช้า ประมาณ ๒ชม.ครับ

    ก่อนจะจบ โพสนี้

    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ครูบา อาจารย์ มีหลวงพ่อฤาษี และหลวงพ่อปานเป็นที่สุด และด้วยบุญกุศลที่ข้าพระพุทธเจ้าได้บำเพียรเพียรสั่งสมมาแต่อดีตกาลจนถึง ปัจจุบัน ขอให้ท่านที่ได้อ่านข้อความที่ข้าพระพุทธเจ้าได้โพส ลง หรือเอาไปเผยแพร่ในที่ใดก็ตามแต่ ขอให้ดลจิตดลใจ มุมานะ วิริยะ บำเพ็ญเพียรเพื่อมรรคผล นิพพานในปัจจุบันชาตินี้ด้วยเทอญ สาธุ

    __________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2012
  20. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    476
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,858
    ขอบคุณพี่สาวที่ชี้แนะครับ ธรรมใดที่พี่สาวเห็นแล้วขอให้ผมได้เห็นธรรมด้วยนะครับ สาธุๆๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...