นิทาน เรื่อง "พญานาค"

เห็น คุยเรื่องยักษ์ เลยเอาตำนานเรื่องยักษ์ 3พันตน มาเล่าให้ฟังรวมถึง สถานที่แห่งนี้เคยมีคนไปบนบานขอลูกด้วย ซึ้งเรื่องนี้ ถูกนำมาพูดในรายการ คนอวดผี ช่วง ศุนย์บรรเทาทุกข์ ด้วย
ประวัติศาลเจ้าพ่อมหายักษ์สามพันตน (วัดศรีล้อม จ.ลำปาง )

ตำนานเกี่ยวกับพระฤาษี ๕ องค์ ปางเมื่อยังอยู่ ณ ดอยยัสสกิตติบรรพต คือ ม่อนพระยาแจ้ปาง เมื่อเมืองกุกุตตนครอุดมด้วยผีเสื้อยักษ์ชุกชุมกันในย่านเวียงดิน พระฤาษี ๕ องค์ ได้ถวายภัตตราหารแต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ดอยยัสสกิตติ แต่เหตุด้วยวันนั้นทัศนวิสัยอึมครึม พระฤาษี ๕ องค์ ก็กริ่งเกร็งว่าแม้กาลเวลาล่วงเลยโภชนาการแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคงยังมิได้เสวยฉันพระกระยาหารนั้น เพราะท้องฟ้ามืดมัว

ที่จริงพระองค์เสวยขนฉันนั้นแล้ว พระอินทร์หยั่งรู้ถึงความวิปริตวิตกกังวลของพระฤาษี ๕ องค์ ก็ทรงเนรมิตไก่เผือกยืนขันเหนือดอยยัสสกิตติ พระฤาษี ๕ องค์ ก็เข้าใจที่นั้นว่า พระองค์ทรงเสวยภัตตาหารที่ทูลเกล้าถวายนั่นแล้ว หลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จกลับ ต่อมาพระยาวิรุฬและพระยาเวสสุวรรณ ก็นำต้นศรีมหาโพธิ์มาปลูก มีผีเสื้อ (พญายักษ์) สามพันตนแวดล้อมอารักษ์ขา ณ เวียงดินหรือ กุกุตตนคร สถานที่ปลูกต้นศรีมหาโพธิ์

 

ประวัติต้นไม้ศรีมหาโพธิ์ วัดศรีล้อม

นครลำปางแห่งนี้ เดิมเป็นป่าดงดิบ เป็นที่อยู่ของสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง เสือ หมี มีแต่พวกมิลักขะ คนป่าเถื่อนเท่านั้นที่อยากมาอยู่ที่นี้ แต่องค์สมเด็จฯ ได้ตรัสพยากรณ์ไว้ว่า “เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว พ.ศ. ๑๑๐๐ ฤาษีจักได้มาสร้างที่นี้ให้เป็นที่สถิตแห่งแก้วทั้ง ๓ ประการ บนม่อนยัสสะกิตติ หรือม่อนพระยาแช่ ฐานะที่นี่จักปรากฏแก่คนทั้งหลายในอนาคตกาล จักมีพระยาธัมมิกราชได้มาอภิเษกในพระนครนี้ พระศาสนาของพระตถาคตจักตั้งอยู่ในนครเขลางค์ให้รุ่งเรืองสิ้นกาลนาน

ตั้งแต่นั้นมา ฤาษีก็ได้พากันไปเอาหน่อไม้มหาโพธิ์ที่ทรงตรัสรู้มาปลูกไว้ที่พระพุทธองค์ทรงประทับนั้นแหละ ตราบที่พระยาอนุรุธธัมมิกราชยังไม่อุบัติ ต้นไม้มหาโพธิ์ก็ยังไม่ล้มตายไป ยังอยู่คอยพระยาธัมมิกราชพระองค์นั้นก่อนแล ท้าวเวสสุวรรณได้สั่งให้กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ และยักษ์ทั้งหลายรักษาไว้ วันไหนลมมากกว่าปกติก็ดี วันไหนกลางคืนหมาหอนมากกว่าก็ดี แล้วแหงนขึ้นไปบนอากาศกลางหาวคืนนั้น เป็นคืนอันภุมภัณฑ์ คนธรรพ์ ยักษ์ทั้งหลายเหล่านั้น เขาจักมาเปลี่ยนเวรกันมาเฝ้า และมาเยี่ยมเยียนดูบ้านเมืองเขลางค์นครนี่แหละ....”

 

สถานที่ที่ไป น่าจะไม่ใช่วัดถ้ำสอยดาว น่าจะเป็นภูเขาควายค่ะ...
เพราะมีควายเผือกด้วย..หรืออย่างไร ก็ไม่มั่นใจค่ะ มันคงแค่ความฝัน
ของคนนอนมาก^^

 

ขอเดาว่า 2.อาหมวย ค่ะ อยากได้รางวัลเช่นกันค่ะ

 

LinkBucks.com - Get your share! ------- เว็ปบอดร์ พญานาค
ช่วยกันไปลง เรื่อง เล่าไว้ให้ฟังหน่อยนะครับ จะตามเข้าไปอ่าน

 

ตอบตัวเอง ข้อ 3 Margaret ค่ะ...เฮ้อ..หวังว่าทั้ง 3 ชาติ
คงม่ายได้แต่งงานกับลูกรัฐมนตรี แต่ไปเป็นชู้กะลูกชาวนานะคะ..
เหมือนจะเคยฝัน ๆ เช่นนั้น

 

งั้น รอ เจ้าตัวมายืนยันดีกว่าครับ หรือว่า ใครตอบอะไร ไปตามเจ้าตัวมายืนยันนะครับ

เพื่อความโปร่งใสครับ

 

เว็ปบอดร์ พญานาค
ช่วยกันไปลง เรื่อง เล่าไว้ให้ฟังหน่อยนะครับ จะตามเข้าไปอ่าน<!-- google_ad_section_end -->

เขาอนุญาติให้ผมเล่นได้แค่เวปนี้เวปเดียวครับ ส่วนท่านอื่นผมไม่ทราบครับ

 

เล่าเรื่องพญานาคที่หนองหาน เท่าที่สัมผัสได้นั้น พญานาคที่นั้น ค่อนข้าง

จะมีฤทธิ์พอสมควรครับ การที่เขาแสดงตนขึ้นมาจากโลกทิพย์ให้มนุษย์เห็นนั้น

บ่งบอกถึงความมั่นใจในตนเองสูงมากครับ การไปเยือนที่นั้น คงไม่ง่ายครับ

 

ใช่วงนี้หรือเปล่านะ ที่เป็นสาเหตุ
ถ้าเขาไม่รับคืนแสดงว่า...

 

มันบ่ใช่แหวนอ่ะสิ ท่านหนอฯ มันเป็นวัตถุทรงกระบอก (มั้ง) ยาว
แต่สั้นกว่านิ้วชี้หน่อยนึงอ่ะ...ลายมันสวยน๊ะ แต่สงสัยอยากรู้มากไปหน่อย
เลยงานเข้านิ อิอิ

*****
วันนี้รู้สึกแปลกๆ เบลอๆ วูบๆ แต่เช้าเลยอ่ะ (ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่เลย)
เป็นไรป่าวหว่า....

 

ขอตอบข้อ3.ค่ะ คุณMargaret

 

ตะวันขึ้นเป็น 4 ดวง หรือเปล่า

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หม้อหุงข้าว..!
ตะวันขึ้นเป็น 4 ดวง หรือเปล่า
</TD></TR></TBODY></TABLE>
แต่นู๋ว่า...สงสัยจะวัยทองถามหาอ่ะนะ อิอิ

 

55 เหตุใดจึงว่าเป็นวัยทองล่ะ

ชาวมองโก ถือคติไว้ว่า :
"ในวันที่ตะวันเป็น 4 ดวง ไม่ควรทำศึก"

 

เค้าไม่เข้าใจอ่ะ...ทำ "ศึก" อะไรเหรอ
อธิบายด่วนจี๋เลยน๊ะ :'(

 

ขออนุญาตคุณคุรุวาโร นำข้อมูลของถ้ำอีกถ้ำหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ ถ้ำตับเต่า

เดิมชื่อ ถ้ำดับเถ้า ประวัติเดิมที่ได้ชื่อนี้ ต่อมาเพี้ยนเป็น ถ้ำตับเต่า เนื่องจากว่าบริเวณถ้ำนี้จะมีงูหงอนอาศัยอยู่ ด้วยความที่ฝนไม่ตก ชาวบ้านเดือดร้อน ก็เลยขอฝนจากพญานาคเพราะคิดว่างูหงอนคือพญานาคมีฤทธิ์บันดาลให้ฝนตกได้ ปรากฎว่าขออย่างไรฝนก็ไม่ตก จึงโกรธและนำฟางข้าวมาสุมที่ปากถ้ำแล้วเผา เพื่อจะฆ่างูหงอนนี้ จนฟางข้าวไหม้เป็นขี้เถ้าเต็มที่ปากถ้ำ และไม่ปรากฏงูหงอนอีกเลย (เรื่องเล่าจากลูกน้องที่ทำงานด้วยกันค่ะ ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้หรือเปล่า ถือว่าเล่าสู่กันฟัง)

อีกตำนานที่น่าเชื่อถือได้
ตำนานพระธาตุอรหันต์500 ถ้ำตับเต่า มหามงคลแห่งชาวพุทธ

ในสมัยแห่ง พระพุทธเจ้ากัสสปะ ได้มีค้างคาวหนู 500 ตัว ห้อยอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง วันหนึ่งได้มีพระเถระ 2 รูปเข้ามาบำเพ็ญสมณธรรมและสวดมนต์ (อภิธรรม) ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวก็ได้ฟังเสียงสวดมนต์ด้วยความดื่มด่ำเพลิดเพลิน ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจในความหมายแห่งบทสวดมนต์นั้นๆ ด้วยอานิสงส์นี้ ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวจึงได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นานถึง 1 พุทธันดร เมื่อจุติจากสวรรค์ก็ได้มาเกิดในโลกมนุษย์ ในกรุงสาวัตถีสมัยพระพุทธเจ้ายุคปัจจุบัน

.............ในพรรษาที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์ โปรดพระมารดาที่ชั้นดาวดึงส์ด้วย พระพุทธนิรมิต จนกว่าจะกลับ แต่พระวรกายจริงกลับเสด็จไปยังป่าหิมพานต์ แล้วโปรดพระสารีบุตรกับศิษย์กุลบุตร 500 คน (ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวที่มาเกิด) กุลบุตรทั้ง 500 คนเลื่อมใสใน ยมกปาฏิหาริย์ จึงได้บวชกับพระสารีบุตร พระพุทธองค์ก็ทรงเสด็จกลับเทวโลก พระสงฆ์ทั้ง 500 องค์ได้เป็นผู้ชำนาญใน ปกรณ์ทั้ง 7 และ บำเพ็ญจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด 500 องค์ และได้พักจำพรรษาอยู่ ณ ถ้ำแห่งหนึ่ง

.............ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ได้ทรงแวะทำภัตกิจ ณ ถ้ำแห่งนี้ พร้อมกับทรงประชวรเนื่องจากทรงเสวยเนื้อสุกร จึงได้ประทับในถ้ำเป็นเวลาพอสมควร ก่อนหน้าที่หมอชีวกโกมารภัจจ์จะติดตามมาทัน ดังนั้นจึงได้มีการสร้าง พระพุทธไสยาสน์ ประทับบนแท่นที่พระพุทธองค์เคยประทับมาก่อนเพื่อเป็นพุทธานุสรณ์ว่า พระพุทธองค์ได้เคยเสด็จมาประทับ ณ ที่แห่งนี้ก่อนเสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานที่เมืองกุสินารา

.............เมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพานแล้ว พระอรหันต์ 500 องค์ ซึ่งยังคงอยู่ที่ถ้ำแห่งนั้นก็ได้นิพพานในเวลาที่ใกล้เคียงกับพระพุทธองค์ ส่วนพระอินทร์เมื่อทราบว่า พระอรหันต์ 500 องค์ นิพพานแล้วก็ได้เนรมิตไฟมาถวายเพลิง ไฟที่เผาไหม้ได้ร้อนไปถึงเมืองบาดาล พญานาคจึงขึ้นมาพ่นน้ำดับไฟจนเหลือแต่เถ้า จึงเรียกว่า ถ้ำดับเถ้า ตอนหลังเพี้ยนเป็น ถ้ำตับเต่า

.............ปัจจุบันรูที่เกิดจากพญานาคผุดขึ้นมาจากเมืองบาดาล ก็ยังคงสภาพเดิมอยู่อย่างนั้น เนื่องจากไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ เพราะกลัวพญานาค และน้ำที่ผุดขึ้นมาค่อนข้างจะน่ากลัวเพราะเกิดจากแรงดันจากใต้บาดาล ทำให้น้ำไหลเชี่ยวและแยกเป็นหลายลำธารไม่เคยขาดสายตลอดปี สามารถนำมาใช้อาบและต้มดื่มกินได้ และยังมีความศักดิ์สิทธิ์สามารถดับพิษไฟได้อีกด้วย

.............ส่วน เถ้าอังคาร ที่จมอยู่ในน้ำตามลำธารใกล้ถ้ำดังกล่าวได้จับตัวรวมกันเป็นพระธาตุมีหลายขนาด และหลากสีสันวรรณะ เราจึงเรียกพระธาตุเหล่านั้นว่า พระธาตุพระอรหันต์ 500 หรือ พระธาตุ 500 อรหันต์

 

ก็เห็นบอกว่า วู๊บๆ เบลอๆ "ไม่หานี่มาดมล่ะ"

 

หรือว่า งง รีบๆเข้าไปดู เร้วว..!

 

ก็เน็ตเค้าอืดน่ะเซ่...มันไม่ไวไฟอ่ะ ทำไงได้
ว่าแต่...จะเปลี่ยนภาพทั้งที ขอหล่อๆ กว่านี้ได้ป่าว
เอาแบบ...หล่อจนน้ำหมากกระจายเลยอ่ะ อิอิ