มารู้จักกับ ไนท์เทมพลาร์ หรือ ฟรีเมซอน (FREEMASON)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Thrinai, 3 เมษายน 2012.

  1. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    ข้อมูลต่อไปนี้ ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างยิ่ง

    ------------------------------------------------------------------

    [​IMG]
    รูปข้างบนนี้ เรียกว่า "ดวงตาแห่งเฮอร์เมส" คือดวงตาแห่งภูมิปัญญา
    เฮอร์เมส หรือ โธท์ในคัมภีร์มรกต เทพแห่งภูมิปัญญาของอียิปท์โบราณ (ไม่ใช่ดวงตาแห่งซาตาน นะจ๊ะ เหล่าชาวพุทธทั้งหลาย และอีกอย่างพุทธศาสนาไม่มีซาตานนะจ๊ะ :ผู้โพสท์)
     
  2. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    The Knights Templar

    อัศวิน เทมพลาร์ หรือชื่อเต็มคือ(full name: The United Religious, Military and Masonic Orders of the Temple and of St John of Jerusalem, Palestine, Rhodes and Malta) เป็นกลุ่มอัศวินศาสนาคริสเตียนที่มีบทบาทในสงครามครูเสด ช่วยปกป้องวิหารแห่งโซโลมอน ก่อตั้งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในปี 1119 Hughes de Payens ชนชั้นสูงจากฝรั่งเศส พร้อมกับอัศวินผู้ติดตามอีก 8 คน

    จุดมุ่งหมายคือปกป้องผู้แสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ และ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สร้างระบบธนาคาร ภายหลังมี ตำนานต่างๆ ที่เกิดจากกลุ่มนี้ รวมไปถึงกลุ่มนี้เก็บงำความลับบางอย่างไว้ แม้จะสร้างผลงานมากมาย แต่ในระยะแรกกลุ่มอัศวินนี้ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ประทังชีวิตด้วยของบริจาค จึงได้รับการขนานนามว่า อัศวินผู้ยากไร้ จนกระทั้ง 9 ปีต่อมา กลุ่มนี้สร้างชื่อเสียงหลายครั้ง จนมีผู้บริจาคเงินทองมากมายอีกทั้งมีกิจการหลายแห่ง มีดินแดนจนแทบจะครองยุโรปได้ คนชนชั้นสูงชาวยุโรปหลายคนยังส่งลูกหลานของตัวเองให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย ทำให้กลุ่มนี้เติบโตอย่างรวดเร็วจนมีอำนาจนอกเหนือกฎหมาย แต่แล้วจุดตกต่ำของกลุ่มนี้ก็มาถึง เมื่อกลุ่มอัศวินนี้มีธุรกิจกู้ยืมเงิน มีลูกค้ามากู้ยืมเงินเพื่อไปทำสงครามมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นพระราชา และเมื่อทำสงครามพ่ายแพ้พวกเขาไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ เลยวางแผนใส่ร้ายกลุ่มอัศวินนี้ว่าเป็นพวกนอกรีต บูชาปีศาจบาโฟเมต และสั่งประหาร และยึดทรัพย์สิน ผู้นำอัศวินถูกเผาทั้งเป็น (มีบางแหล่งข้อมูล คือ ทางคริสตจักรจับได้ว่ามีพิธีบูชาซาตาน(ซาตานอีกแล้ว เหมือนเมืองไทยสมัยก่อนเลย ไม่ชอบใคร ยัดข้อหาคอมมิวนิสต์เลย 555+) ก็เลยจับเผาสังหารซะ) จนกลุ่มอัศวินนี้ล้มสลายในที่สุด ถึงแม้อัศวินเทมพลาร์จะล่มสลายลง แต่ยังคงทิ้งปริศนาเอาไว้หลายอย่าง เช่น เกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกที่ยังหลงเหลือในยุโรป ทรัพย์สินของอัศวินเทมพลาร์หายไปใหน ในปัจจุบันมีตำนาน เล่าลือของพวกอัศวินเทมพลาร์อยู่ทั่วไปว่ากันว่าพวกเขาได้แทรกซึมไปทั่ว ราชสหอาณาจักรอังกฤษ และมีสาขา องค์กรแตกแขนงซึ่งส่วนใหญ่จุดประสงค์คือช่วยเหลือมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ สมาคม Freemasonry ที่ รับธรรมเนียมปฏิบัติและพิธีกรรมจากกลุ่มฮัศวิน จนกระทั้งกลายเป็น ปริศนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2012
  3. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    Freemasonry

    มีคติที่จะรวมโลกเป็นหนึ่งเดียว ให้โลกมีสันติ ไม่มีสงครามครับ NWO นั้นเป็นเรื่องของ freemason ครับ ไม่ใช่มีคติเพื่อสนับสนุนคนในสมาคมให้เป็นใหญ่เป็นโต แต่คนคนใหญ่คนโตส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสมาคมนี้ครับ ซึ่งจริงๆก็ไม่ลับนะ มีที่ทำการใหญ่อยู่ใน DC ด้วย สมาชิกสมาคมมีทั่วโลกครับ คนไทยเองก็มีหลายคนอยู่ สำหรับ freemason นั้่นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เชื่อกัน ไม่ได้จะครองโลก เพียงแต่รวมผู้มีอำนาจทั่วโลกเท่านั้นเองครับ เพราะฐานอำนาจของฟรีเมสันอยู่ในสหรัฐอเมริกาครับ

     
  4. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    “สุดยอดเดอะซีเคร็ต” ของ “กฎแห่งจักรวาล 7 ข้อ” ของ ฟรีเมซอน (FREEMASON) จากหนังสือ The Meta Secret (ในคัมภีร์มรกตก็มีนะ :ผู้โพสต์)
    --------------------------------------------------------------
    กฎแห่งมโนนิยม
    กฎแห่งจักรวาลข้อแรกบอกเราว่า ทุกสิ่งก็คือจิต ดังนั้น ขั้นตอนของการเปลี่ยนสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา ก็มาจากพลังทางจิตของเรานั่นเอง เพราะจักรวาลเป็นเรื่องที่อยู่ภายใน เราจึงสามารถควบคุมทุกสิ่งในชีวิตเราได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น เราจึงต้องใส่ใจจริงจังที่จะสังเกตความฝันของเรา เพราะบ่อยครั้งความฝันก็บอกถึงสิ่งที่เราขาดไปในชีวิต และจะบอกใบ้ให้รู้วิธีที่จะเติมเต็มประสบการณ์ของเราให้เข้มข้นยิ่งขึ้น บางครั้งความฝันก็เป็นพื้นฐานของสิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตที่เราปรารถนา จักรวาลนั้นอยู่ภายในตัวเรานี่เอง! เพราะ “ภายในเป็นอย่างไร ภายนอกก็เป็นอย่างนั้น”

    กฎแห่งการสั่นสะเทือน
    กฎจักรวาลข้อที่สองช่วยให้เราเข้าใจว่า เราเป็นยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตที่ผูกติดอยู่กับ
    เวลาและสถานที่ที่เราอยู่ เรามายังที่นี้เพื่อใช้ชีวิตและเรียนรู้บทเรียนอันทรง
    คุณค่า แต่ประสบการณ์ชีวิตนั้นมีหลายด้าน เนื่องจากเรามีชีวิตสามด้าน นั่นคือ ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ การจะมีชีวิตที่มีสุขและสมดุลได้ เราจะต้องทะนุบำรุงชีวิตทั้งสามด้านนั้นให้สอดประสานกันเสมือนกับวงดนตรีประสานเสียงทั้งสามด้านจะต้องทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน
    ทุกสิ่งล้วนแต่สั่นสะเทือน กฎจักรวาลข้อที่สองนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่า การสั่นสะเทือนนั้นจำเป็นต่อชีวิต ถ้าเราปล่อยให้การสั่นสะเทือนลดต่ำเกินไป เราจะล้มป่วยหรือซึมเศร้าหดหู่ และร่างกายเราจะทุกข์ทรมาน ความรักเป็นวิธีที่จะช่วยรักษาการสั่นสะเทือนให้อยู่ในระดับสูง ความรักเป็นผลมาจากการรู้คุณค่าและซาบซึ้งในตัวบุคคลอื่น เมื่อเรารู้สึกรัก เราจะเชื่อมโยงสัมพันธ์กับโลกและทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เราสะท้อนรับเอาแรงสั่นสะเทือนจากสรรพสิ่ง เมื่อเราเรียนรู้บทเรียนเหล่านี้และส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อๆ ไป เราจะยกระดับการสั่นสะเทือนของมนุษยชาติด้วยการเชื่อมโยงสัมพันธ์กับคนอื่นๆ และด้วยความเข้าใจในโลก

    กฎแห่งขั้วตรงข้าม
    กฎแห่งจักรวาลข้อนี้สอนเราว่า ทุกสิ่งนั้นมีขั้วตรงข้ามกัน แต่ขั้วตรงข้ามนั้นแท้จริงก็เป็นเพียงสิ่งเดียวกันที่ “ต่างระดับกัน” นั่นเอง และรอคอยจะเชื่อมประสานกัน เมื่อเราเข้าใจตรงนี้ เราก็จะสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นและรับมือกับสถานการณ์ในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเข้าใจกฎแห่งขั้วตรงข้ามแล้ว เราก็จะสามารถหาหนทางเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการได้ และเทคนิคนี้ใช้ได้ดีโดยเฉพาะเมื่อเราต้องรับมือกับอารมณ์ต่างๆ ความเศร้าสามารถเปลี่ยนเป็นความสุข ความเกลียดเปลี่ยนเป็นความรัก และความเจ็บปวดก็เปลี่ยนเป็นความสุขได้

    กฎแห่งจังหวะ
    กฎแห่งจังหวะเตือนให้เราระลึกว่า ขณะที่ลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งไปยังด้านหนึ่ง
    มันก็ต้องแกว่งกลับไปยังด้านตรงข้ามเท่าๆ กัน เพื่อเป็นการชดเชยถ่วงดุล
    ผู้ที่ประสบกับความขมขื่นเหลือแสน ก็ย่อมรู้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ด้วย เพราะ
    การที่จะรู้ถึงคุณค่าแท้จริงของสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความรัก และความ
    สงบ เราต้องรู้ถึงขั้วตรงข้ามของมันด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเราได้ประสบกับ
    สิ่งเหล่านี้แล้ว เราจะสามารถแยกตัวเองออกมาได้ ก็โดยการก้าวถอยหลังเมื่อ
    ลูกตุ้มนาฬิกาแกว่งไปยังด้านที่เราไม่ชอบ และบอกตัวเองว่าไม่ช้ามันจะแกว่ง
    กลับไปยังด้านที่เราชอบมากกว่าเอง ถ้าเราพลิ้วไปกับกระแส แม้ในยามที่ดู
    มืดมนสิ้นหวัง เราก็ยังยอมรับได้ว่า แม้นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรามุ่งหวัง แต่ก็ยังทำใจ
    ให้ผ่อนคลายโดยไม่กังวลได้ เพราะกฎแห่งจังหวะทำให้เรารู้ว่าอะไรที่กำลัง
    จะตามมา

    กฎแห่งเพศ (เรื่องหยินหยาง : ผู้โพสท์)
    ทุกคน ทุกสถานที่ และทุกสิ่งต่างก็มีทั้งลักษณะที่เป็นทั้งเพศชายและเพศหญิงซึ่งทำงานสอดประสานกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา โดยพลังเพศชายนั้นอยู่ภายนอก อันเป็นสิ่งที่ถูกส่งออกไปสู่จักรวาล ขณะที่พลังเพศหญิงนั้นอยู่ภายในด้วยเหตุนี้ พลังเพศชายและหญิงจึงทำงานร่วมกันเหมือนสายพ่วงแบตเตอรี่ เพศชายคือสายขั้วบวก ก็จะผลักออกเสมอ ส่วนเพศหญิงหรือสายขั้วลบก็จะดึงดูดเสมอ ว่าตามวิทยาศาสตร์แล้ว ขั้วบวกไม่ใช่หมายถึงสิ่งที่ดี และขั้วลบก็ไม่ได้หมายถึงสิ่งไม่ดี ต่างเป็นแค่คำเรียกสมดุลการไหลของพลังงาน สภาพเพศหญิงจึงหมายถึงเส้นทางขั้วลบของพลัง เพราะเป็นจุดเกิดแห่งการสร้าง เช่นเดียวกับที่ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมา

    กฎจักรวาลข้อนี้ช่วยให้เราเอาชนะความไม่มั่นใจในตัวเองและการผัดวันประกันพรุ่งได้ พลังของหญิงและชายนั้นต่างทำงานประสานกันเสมอ เว้นแต่จะถูกปิดกั้นด้วยอคติหรือความคิดเชิงลบอันเกิดมาจากความกลัว วิธีที่ดีอย่างหนึ่งในการเปิดรับพลังงานที่สมดุลคือ การมีส่วนร่วมในการให้และรับทุกๆ วัน

    หลักแห่งเหตุและผล
    กฎแห่งเหตุและผลเป็นกฎแห่งจักรวาลที่รู้จักกันดีที่สุดข้อหนึ่ง พวกเราหลาย
    คนต่างเคยได้ศึกษากฎนี้มาแล้วตอนเรียนวิทยาศาสตร์ นั่นก็คือ “ทุกๆ แรง
    กระทำจะมีแรงปฏิกิริยาตรงข้ามที่เท่าๆ กัน”

    ไม่มีสิ่งใดหลีกพ้นกฎแห่งเหตุและผลไปได้ แต่เราสามารถใช้กฎจักรวาลข้อ
    นี้เพื่อเอาชนะกฎแห่งชีวิตประจำวันซึ่งอยู่ภายใต้กฎจักรวาลอีกที เมื่อเราใช้
    กฎจักรวาลเพื่อดึงเอาสิ่งที่เราต้องการผ่านทางการคิดหรือการกระทำเชิงบวก
    เมื่อเรายกระดับการสั่นสะเทือน และเมื่อเราตระหนักถึงความสมดุลระหว่าง
    เพศ เมื่อนั้นเราก็กำลังปฏิบัติการอยู่ในเครื่องบินลำที่อยู่สูงขึ้นไป เราจะไม่
    ถูกพัดพาไปกับเรื่องต่างๆ ในชีวิตอีกต่อไป

    กฎแห่งความสอดคล้องกัน
    กฎแห่งจักรวาลข้อนี้ทำให้เราตระหนักว่า แม้ตัวเราอาจเป็นเพียงสิ่งเล็กกระ
    จ้อยร่อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับจักรวาล แต่กฎแห่งความสอดคล้องกันก็บอกว่าเรามี “เครื่องช่วย” อยู่ในตัว ที่จะช่วยให้เราทุกคนเข้าใจมันได้อยู่แล้วด้วย
    นั่นก็เป็นเพราะ ไม่ว่าสิ่งที่เราพยายามทำความเข้าใจนั้นจะยิ่งใหญ่เกินกว่าที่
    เราจะเข้าใจมันได้ทั้งหมด หรือเล็กเกินกว่าจะมองเห็นด้วยตาเปล่าเพียงใดก็
    ตาม ไม่ว่ามันจะอยู่ในโลกด้านไหน ทุกสิ่งก็สร้างขึ้นจากเนื้อแท้อย่างเดียว
    กัน จาก “สรรพสิ่ง” นั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ทุกสิ่งจึงสะท้อนถึงหรือจำลองแบบ
    มาจากสิ่งอื่นๆ

    กฎข้อนี้ยังทำให้เราเข้าใจแจ่มชัดว่า “ทำอย่างไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น” หากเรา
    ปฏิบัติต่อผู้อื่นไม่ดี พวกเขาก็ย่อมทำแบบเดียวกัน แต่ความดีจะเอาชนะความ
    ชั่วได้ หากเราควบคุมชีวิตและชะตากรรมของเราเอง โดยใช้วิธีคิดและการ
    กระทำในทางที่ดี ตามกฎแห่งความสอดคล้องต้องกันนี้

    ที่มา : The Meta Secret สุดยอดเดอะซีเคร็ต
     

แชร์หน้านี้

Loading...