ประมวลภาพ : ถวายหนังสือหลวงปู่โฮม ญาณธัมโม 200 เล่ม

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย บัวผลิหน่อ, 13 มีนาคม 2012.

  1. บัวผลิหน่อ

    บัวผลิหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,264
    ค่าพลัง:
    +14,962
    เรียน สมาชิกและญาติธรรม ทุกท่าน
    เรื่อง สมทบทุนซื้อหนังสือ ถวายแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ <O:p</O:p
    ขอเชิญร่วมสร้างบุญบารมี และ แสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ ร่วมกับกลุ่มบัวผลิหน่อ ในการร่วมเผยแพร่ธรรมคำสอน โดยทางกลุ่มบัวผลิหน่อ ขอเมตตาบอกบุญจากสมาชิกและญาติธรรม เพื่อนำเงินไปจัดซื้อหนังสือ สืบสานตำนานพระป่าถือธุดงควัตรกำราบกิเลส เรื่อง “จากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ถึง หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน”<O:p</O:p
    จากสำนักพิมพ์ไพลิน บุ๊คเน็ต จก.ในราคาโปรโมชั่น เล่มละ 15 บาท จำนวน 100 เล่ม รวมเป็นเงิน 1,500 บาท ตลอดจนนำปัจจัยตรงส่วนนี้ ไปจัดซื้อหนังสือธรรมะ เพื่อถวายแด่ครูบาอาจารย์ และ แจกเป็นธรรมทาน เรื่องต่างๆ ในเดือน ต่อๆไป <O:p</O:p

    [​IMG]
    “ภาพหน้าปกหนังสือ”<O:p</O:p

    โดยธรรมทาน ในเดือน เมษายน 2555 จะได้นำหนังสือ จากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ถึง หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ จำนวน 100 เล่ม เพื่อ น้อมถวายแด่หลวงปู่โฮม ญาณธัมโม ณ.วัดสุทธิมงคล ต.กระจาย อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร เพื่อแจกญาติโยม ที่มากราบท่าน หรือ แล้วแต่หลวงปู่ฯ เมตตาพิจารณา<O:p</O:p
    [​IMG]
    โดยสามารถร่วมทำบุญได้ตามจิตศรัทธา ท่านละ 1 เล่ม หรือ แล้วแต่กำลังทรัยพ์ ที่พึงทำไม่เดือดร้อน ต่อตนเองและครอบครัว หรือ จะรับเป็นเจ้าภาพ 100 เล่ม ทางกลุ่มบัวผลิหน่อก็ยินดี เพื่อได้เผยแพร่ประวัติ คำสอน ของครูบาอาจารย์ ได้มากยิ่งขึ้น<O:p</O:p
    เพื่อน้อมถวายแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ ณ.วัดสุทธิมงคล ต.กระจาย อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ.2555 <O:p</O:p
    หมายเหตุ:<O:p</O:p
    1. เดือน มกราคม พ.ศ.2555 ถวายหนังสือ พระอริยสงฆ์เมืองเลย หลวงปู่ซามา อจุตโต<O:p</O:p
    2. เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 ถวายหนังสือ พระอาจารย์จวน กุลเชษโฐ พระป่าผู้มีปาฎิหาริย์เหนือโลก <O:p</O:p
    3. เดือน มีนาคม พ.ศ.2555 ถวายหนังสือ ศีล สมาธิ ปัญญา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สามารถร่วมบุญบริจาคได้ที่


    ตั้งแต่บัดนี้ จนถึง วันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2555

    สอบถามเพิ่มเติม : เบิร์ด (กลุ่มบัวผลิหน่อ) 085-361-4989 <O:p</O:p


    อานิสงส์การถวายหนังสือธรรมะ<O:p</O:p
    “ ดูก่อนสารีบุตร นรชนใดมีใจเปี่ยมด้วยศรัทธาได้สร้างหนังสือพระธรรมไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์แก่ชนทั้งหลายได้อ่านได้สดับฟัง จะได้รับอานิสงส์ใหญ่อันประมาณมิได้...
    ดูก่อนสารีบุตร อย่าว่าแต่พระพุทธวจนะตลอดทั้งไตรปิฎกนั้นเลย “แม้อักขระธรรมหนึ่งตัว” เป็นเครื่องหมายเพื่อน้อมนำจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่ผู้ได้พบเห็น เป็นบ่อเกิดให้ประพฤติคุณงามความดีได้...
    ฉะนั้นแล้วจะยังผลให้ผู้สร้างได้เสวยสุขเกษมสิ้นกาลช้านาน จักได้เสวยราชสมบัติเป็นบรมจักรพรรดิถึง 84,000 กัป ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเคลื่อนจากความเป็นจักรพรรดิมาแล้วจะได้เสวยราชสมบัติเป็นพระราชาทรงมหิธานุภาพอีก 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นมาก็จะได้เสวยสมบัติในตระกูลต่างๆ เป็นลำดับไปอันมีตระกูล พราหมณมหาศาล ตระกูลเศรษฐี คฤหบดี และภูมิเทวดาอย่างละ 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นก็จะได้ไปเสวยสมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้นประณีตเป็นลำดับขึ้นไปชั้นละ 9 อสงไขย เมื่อจุติจากเทวโลกแล้วก็จะถือเอากำเนิดในมนุษย์มีกายผุดผ่องโสภาเป็นที่ปฏิพัทธ์รักใคร่ของผู้ได้พบเห็น ทั้งน้ำใจก็สุจริตปราศจากมลทิน อานิสงส์ดังกล่าวมานี้เพราะอำนาจการสร้างอักขระธรรมหนึ่งตัว ฯ”..<O:p</O:p
    ***************************************<O:p</O:p
    ทีมงานกลุ่มบัวผลิหน่อ<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01817.JPG
      DSC01817.JPG
      ขนาดไฟล์:
      224.4 KB
      เปิดดู:
      1,054
    • untitled.JPG
      untitled.JPG
      ขนาดไฟล์:
      10 KB
      เปิดดู:
      693
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  2. บัวผลิหน่อ

    บัวผลิหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,264
    ค่าพลัง:
    +14,962
    คติธรรมและชีวประวัติ
    หลวงปู่โฮม ญาณธัมโม
    วัดสุทธิมงคล ตำบลกระจาย
    อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร


    ประวัติ...หลวงปู่โฮม ญาณธัมโม<O:p</O:p

    นามเดิม นายโฮม ทุ่มโมง<O:p</O:p
    เกิด วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๙ ปีขาล<O:p</O:p
    ตำบลกระจาย อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร<O:p</O:p
    จบการศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔<O:p</O:p
    บิดา นายเผือก ทุ่มโมง<O:p</O:p
    มารดา นางบับ ทุ่มโมง<O:p</O:p
    มีบุตรธิดา ๗ คน เป็นหญิง ๕ คน ชาย ๒ คน<O:p</O:p
    บวชเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๗ เวลา ๒o.๒๖ น.<O:p</O:p
    อายุ ๖๘ ปี ณ.วัดเทพรังษี ตำบลหนองคู อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร <O:p</O:p
    พระอุปัชฌาย์ พระครูบวรคณานุศาสน์<O:p</O:p
    พระกรรมวาจาจารย์ พระครูวิฑูรฐิติคุณ<O:p</O:p
    พระอนุสาวนาจารย์ พระครูโสภณสุทธิวัตร<O:p</O:p


    สังกัด วัดสุทธิมงคล ตำบลกระจาย อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร<O:p</O:p

    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t136 path="m@7,l@8,m@5,21600l@6,21600e" adj="10800" o:spt="136" coordsize="21600,21600"><v:formulas><v:f eqn="sum #0 0 10800"></v:f><v:f eqn="prod #0 2 1"></v:f><v:f eqn="sum 21600 0 @1"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @2"></v:f><v:f eqn="sum 21600 0 @3"></v:f><v:f eqn="if @0 @3 0"></v:f><v:f eqn="if @0 21600 @1"></v:f><v:f eqn="if @0 0 @2"></v:f><v:f eqn="if @0 @4 21600"></v:f><v:f eqn="mid @5 @6"></v:f><v:f eqn="mid @8 @5"></v:f><v:f eqn="mid @7 @8"></v:f><v:f eqn="mid @6 @7"></v:f><v:f eqn="sum @6 0 @5"></v:f></v:formulas><V:p</v:shapetype>ช่วงเป็นฆราวาส<O:p</O:p
    ก่อนบวชเป็นพระ หลวงปู่เคยฝึกสมาธิมาก่อนเป็นเวลา ๑๙ ปี การฝึกนั่งสมาธิครั้งแรก เป็นวันเพ็ญเดือนหก ซึ่งมีพระอาจารย์จากวัดถ้ำคูหาสวรรค์ จังหวัดลพบุรี มาเทศน์อบรม และสอนการนั่งสมาธิให้ญาติโยม พอท่านอาจารย์เทศน์จบ ท่านก็บอกให้ญาติโยมลองฝึกนั่งสมาธิ หลวงปู่เป็นอีกคนหนึ่งที่เริ่มนั่งสมาธิในวันนั้น และ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เริ่มนั่งสมาธิ พอเริ่มนั่งจิตก็รวมลงอย่างรวดเร็ว และสามารถเดินไปดูถ้ำคูหาสวรรค์ ที่อยู่จังหวัดลพบุรีได้ ทั้งๆที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หลวงปู่ไม่เคยไปที่นั่นเลยสักครั้ง หลวงปู่เดินดูจนทั่วแล้วก็กลับมา <O:p</O:p
    สักพักอาจารย์ก็ถามโยมที่นั่งสมาธิว่าเป็นอย่างไร คำตอบของทุกๆคนก็คือ บอกว่าจิตไม่สงบ วุ่นวาย ปวดแข้งปวดขาบ้าง แต่พออาจารย์หันมาถามหลวงปู่โฮม หลวงปู่บอกอาจารย์ว่า “เดี๋ยวก่อนอาจารย์ วัดถ้ำคูหาเป็นอย่างนี้ใช่ไหม” แล้วเล่าให้อาจารย์ฟัง พอเล่าจบ อาจารย์ถามว่า “ไปตอนไหน” ตอบท่าน “เมื่อกี้” อาจารย์ถามต่อไปว่า “ฝึกนั่งสมาธิมานานยัง” ตอบว่า “เพิ่งฝึกเมื่อกี้นี้” ทำให้อาจารย์และญาติโยมงงงวยไปตามๆ กัน ก็นับว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มากและคงเป็นเพราะบารมีเก่าที่ได้สร้างสมมานานหลายชาติ จิตถึงรวมได้รวดเร็วขนาดนี้ หลวงปู่ได้พูดคุยกับอาจารย์ๆ บอกว่า “ถ้าอยากเห็นธรรมรู้ธรรม ห้ามอ่านหนังสือธรรมะ ห้ามฟังเทศน์ ห้ามฟังเทปธรรมะ เพราะจะเป็นสัญญา ก็ฝึกก็จะยาก ในการเห็นธรรมรู้ธรรม ก็จะยากยิ่งขึ้น” ก็เชื่ออาจารย์ หลวงปู่เริ่มฝึกสมาธิมาเรื่อยๆ ไม่ขาด การรู้ธรรมเห็นธรรม ก็เป็นมาเรื่อยๆ <O:p</O:p
    ครั้งหนึ่งก่อนนั่งสมาธิมีความคิดขึ้นมาว่า อยากจะเห็นพระพุทธเจ้า อยากไปเฝ้าพระพุทธเจ้า จึงนั่งสมาธิ พอนั่งปรับจิตรวมลงแล้ว เลยขึ้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พอถึงประตูใหญ่มีเทพรักษาอยู่ภายนอก ท่านถามว่า “มาทำไม” จึงตอบท่านว่า “จะมาเฝ้าพระราชบิดา” เทพถามว่า “พระราชบิดาเป็นใคร” ตอบท่านว่า “พระพุทธเจ้า” เทพบอกว่า “ยังเฝ้าไม่ได้ให้ไปชำระจิตก่อนอีก ๔ วัน ค่อยมาเข้าเฝ้า” ก็เลยกลับลงมา ต่อมาก็นั่งสมาธิ ทุกๆ วัน จนถึงวันที่สี่ จึงได้ขึ้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พอขึ้นไปเทพก็พูดว่า “มาแล้วหรือ” ตอบท่านว่า “มาแล้ว” ก็เข้าไปข้างในมองดูเห็นพระพุทธเจ้า นั่งเป็นประธาน รอบๆ มีแต่พระอรหันต์ (จิตบอกเองว่า นี่คือ พระอรหันต์) นั่งหัตถบาทรอบๆ พระองค์อยู่ กะดูประมาณพันกว่ารูป เลยเข้าไปนั่งข้างหลังห่างจากพระอรหันต์ประมาณ ๑ ศอก และ ห่างจากพระพุทธเจ้า ๑ เส้น มองไปที่พระองค์มีแสงเปล่งออกมา จะหาแสงใดๆ ในโลกมาเปรียบไม่ได้ ความเย็นตา เย็นใจ หาอะไรมาเปรียบเทียบในโลกนี้ไม่มีเลย เช่นกันกับแสงสว่าง <O:p</O:p
    นั่งสักพักก็เลยลุกขึ้นเดินดูรอบๆ บริเวณนั้น ณ.ที่แห่งนี้ไม่มีสัมผัสอากาศ ไม่มีแสง ไม่มีสี ไม่มีฝุ่นละออง ไม่มีเสียง ไม่มีลม ไม่มีร้อน ไม่มีหนาว มีแต่ความเย็นสบาย เดินรอบๆ แล้วก็กลับลงมานั่งสมาธิ ต่อทุกๆ วัน<O:p</O:p
    คืนหนึ่งฝันไปว่า เห็นหลวงปู่จุล วัดถ้ำคูหาสวรรค์ มาหามือถือดอกบัวมาด้วย ๓ ดอก พร้อมพูดว่า “บักหล่าเอาอันนี้ไว้จะได้มีแสงสว่างเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา” ก็เลยรับและกำเอาไว้ พอดีตื่นขึ้นมามือยังกำแน่นอยู่ แต่ในมือไม่มีดอกบัว จึงมานึกดูคำว่า แสงสว่าง ก็คือ “ปัญญาในทางธรรม” นั่นเอง <O:p</O:p
    พอปฎิบัติมาจนถึงปีที่ ๙ เดือน ๙ แรม ๙ ค่ำ พอนั่งสมาธิ เกิดเห็นธรรมขึ้นมา รู้เกี่ยวกับการเกิดของคน สัตว์ ไม่ว่าสัตว์บก สัตว์น้ำ เข้าใจโลก บนบก ในน้ำ ในอากาศ เข้าใจอย่างละเอียดว่า มีอะไรบ้างในพื้นโลกที่เป็นส่วนบนบก ในน้ำ ในอากาศก็เช่นเดียวกัน ยังรู้ลึกลงไป อีกว่า ในร่างกาย บัญญัติ ๖๔ อาการ ๓๒ รวมเป็น ๙๖<O:p</O:p
    ต่อมาก็ปฎิบัตินั่งสมาธิเรื่อยๆ ทุกๆวัน ไม่ท้อถอย จนถึง อายุ ๕๕ ปี ก็เลยพูดกับย่าว่า “อายุ ๖o ปี กะบาท (ผม) จะปลงสังขาร” ย่าบอกว่า “อย่าเพิ่งไปเลย ให้อยู่กับลูกหลานก่อน” หลวงปู่เล่าว่า ชาติก่อน เมียตายเมื่อหลวงปู่อายุ ๕๕ ปี ก็เลยออกบวชเป็นตาผ้าขาวได้ ๕ ปี พออายุ ๖o ปี ก็เลยตาย หลังจากตายแล้วก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะอานิสงส์ของการรักษาศีล ๕ ศีล พระอุโบสถ (ศีลพระอุโบสถรักษาในวันพระ ส่วนศีล ๘ รักษาได้ทั่วไป) พอสิ้นบุญเลยกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง อยู่ต่อมาพออายุ ๖o ปี ก็เริ่มป่วย ปวดตามข้อมือ ปวดตามกระดูก ปวดตามข้อทุกๆ ข้อ เริ่มมีอาการหล่อย (อัมพาตขั้นต้น) ไม่มีเรี่ยวแรง ลูกๆ จะพาไปหาหมอ ก็ไม่ยอมไป ไม่ยอมกินยา ไม่ไปโรงพยาบาล ต่อมานอนตอนกลางคืน ฝันเห็นแม่นุ่งขาวหม่ขาว (แม่ในอดีตชาติ) แม่ถามว่า “เป็นอะไรลูกถึงนอนอยู่อย่างนี้ ไม่สบายดอกหรือ” ตอบท่านว่า “ลูกจะปลงสังขาร” แม่บอกว่า “ไม่ได้สร้างบารมี ยังไม่พอ ยังไม่จบสิ้น ยังไม่ตาย” แล้วก็พูดว่า “อ้าปากขึ้นกินยาซะ” พอแม่พูดจบ ก็แหงนหน้าขึ้น มองเห็นเม็ดยาเหมือนหยดน้ำ ลอยลงมาจากฟ้า แล้วก็เข้าไปในปาก พอเข้าไปในปาก รู้สึกว่า มีความเย็นตั้งแต่ลำคอถึงกระเพาะ พอกินยาเสร็จ แม่บอกว่า “จะกลับแล้วนะ” พอแม่กลับ ก็ตื่นขึ้นมาสังเกตุอาการก็ยังเย็นอยู่ พอถึงตอนเช้าอาการป่วย อาการปวดในตัวหายไป ๗o เปอร์เซ็นต์ ต่อมาอีก ๓ วัน อาการปวดอาการป่วยก็หายขาด ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยป่วยหนักๆอีกเลย<O:p</O:p
    อยู่ต่อมาเมียมาตาย วันหนึ่งแกว่งเปลหลานอยู่รู้สึกมีอาการร้อนในตัวมาก คือ ร้อนภายในตัว ทั้งภายในและภายนอก พอวันที่สอง อาการร้อนก็ร้อนมากกว่าวันแรก พอวันที่สามยิ่งร้อนกว่าทั้งสองวัน พอร้อนมากๆ ก็เลยอธิษฐานว่า “ถ้าจะอยู่ต่อไปขอให้ร้อนมากๆกว่าเดิม แต่ถ้าจะออกบวชให้อาการร้อนหายไป” ความร้อนค่อยๆ ทุเลาลงจนหายไป ในที่สุดก็เลยตัดสินใจว่า จะบวชแน่นอน ก่อนจะบวชได้เอาหนังสือมาหัดอ่านท่องนาค และอธิษฐานว่า ให้ท่องนาคได้อย่างคล่องแคล่ว ก็เป็นดังคำอธิษฐาน พอท่องได้จึงเลยไปหาพระอุปัชฌาย์ขอบวช พระอุปัชฌาย์บอกว่า “พอดีมีนาคจะบวชอยู่ จะบวชคู่ให้” หลวงปู่บอกว่า “จะขอบวชนาคเดี่ยว” พระอุปัชฌาย์ตกลงจะบวชให้ มีพระร่วมทั้งหมด ๙ รูปในวันบวช<O:p></O:p>
    อนึ่งในชีวิตที่เป็นฆราวาสนั้น มีธรรมะเกิดขึ้นมากมาย และการรู้การเห็นในสิ่งที่ไม่เคยรู้เคยเห็น ก็มากมายจากผลการปฎิบัติมา ๑๙ ปี กระผมผู้เขียนจะไม่นำมากล่าวในที่นี้ เพราะบางอย่างเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ บางอย่างเป็นเรื่องที่โลดโผน เรื่องลึกลับเรื่องอัศจรรย์ ถ้านำมาเขียนลงไปหากผู้อ่านบางท่านอ่านแล้วไม่เชื่อ แล้วยังไปปรามาสหลวงปู่ ก็จะเป็นบาปกรรมแก่ผู้นั้นเปล่าๆ ก็ขอยุติชีวิตและการปฎิบัติในช่วงเป็นฆราวาสแต่เพียงเท่านี

    <v:shape style="WIDTH: 76.5pt; HEIGHT: 76.5pt" id=_x0000_i1026 fillcolor="black [3213]" type="#_x0000_t136" strokecolor="black [3213]"><v:fill color2="#f93"></v:fill><v:shadow opacity="52429f" on="t" color="silver"></v:shadow><v:textpath style="FONT-FAMILY: 'Angsana New'; FONT-WEIGHT: bold; v-text-kern: t" trim="t" string="๒." fitpath="t"></v:textpath></v:shape>​
    บวชเป็นพระภิกษุ<O:p</O:p


    พรรษาที่ ๑ - ๓<O:p</O:p

    การเห็นธรรมะก็เกิดขึ้นธรรมดา แต่ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะรู้และเห็นมาแล้วในตอนเป็นฆราวาส<O:p</O:p


    พรรษาที่ ๔<O:p</O:p

    ก็นั่งสมาธิเรื่อยๆ ปรากฎว่า วันหนึ่งมีเทพมาขอปั้นรูปหลวงปู่ แล้วก็ปั้นรูปอยู่ข้างหลัง พอปั้นได้สักพัก เทพก็เลื่อนรูปปั้นมาข้างๆ หลวงปู่ แล้วพูดว่า “ยังไม่เสร็จ” แค่ทำเป็นรูปลางๆ (เป็นการนึกในใจ) ก็เอาไปปั้นข้างหลังอีกสักพัก ก็เอามาตั้งข้างๆ แล้วบอกว่า “เสร็จแล้ว” เทพเลยยกรู้ปั้นหลวงปู่ไป เดินไปทางป่าช้าห่างจากกุฎิประมาณ ๑o วา นึกว่า “เออ สงสัยว่า ตัวเองจะตาย เขาคงจะนำไปฝังในป่าช้า” แต่พอสักพัก เทพก็ค่อยๆ ยกรู้ปั้นลอยขึ้นไปบนฟ้า แหงนหน้าดูจนสุดสายตาแล้วก็หายไป<O:p</O:p


    พรรษาที่ ๔<O:p</O:p

    ช่วงต้นเดือนเมษายน นิมิตเห็นหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตมาหา แล้วพูดว่า “ถ้ารู้แล้วเห็นแล้ว ทำให้ถึงที่สุด” พอปลายเดือนเมษายน หลวงปู่มั่นได้มารับรองว่า ถึงอนาคามีแล้ว<O:p</O:p


    <O:p</O:p


    พรรษาที่ ๕<O:p</O:p

    ต้นพรรษา มียมบาลพาพวกสัตว์นรก มาขอฟังธรรมประมาณ ๑oo ตน เห็นจะได้ พอกราบเสร็จก็พากันกลับ สักครู่พวกเทพก็พากันมา นำดอกบัวมาด้วย กะดูประมาณกระเฌอเกวียน พอเอาดอกบัวสักการะแล้วก็พากันจากไป อีกสักพักมีพรหมมาสักการะเส็จแล้วก็หายไป พอพรหมจากไป มองไปข้างหลัง เห็นเป็นกองๆ อยู่ แต่ไม่ทราบว่ากองอะไร สักครู่ก็มีเทพสององค์เดินเข้ามาที่กอง แล้วก็มาประกอบบันไดทองสูงขึ้น ๆ ไปเรื่อยๆ แหงนหน้ามองดูจนสุดลูกหู ลูกตา บันไดก็หายไป สักพักก็มีราชรถมีเทพนั่งมาด้วยหนึ่งองค์ ราชรถลอยมาจอดข้างกุฏิ ข้างๆ ทางเดินจงกรม มองไปที่บนราชรถแล้ว ก็นึกว่าอะไรหนอ เทพก็เลยเอาร่มลงมาจากราชรถแล้วบอกว่า “จะกางร่มให้หลวงปู่” หลวงปู่บอกว่า “ให้กางดู” พอกางร่มเสร็จ ร่มที่กางออกใหญ่มาก สามารถคลุมกุฏิ แล้วคลุมไปถึงบริเวณแถวนั้น พอกางเสร็จ เทพ ร่ม และราชรถก็หายไป<O:p</O:p


    พรรษาที่ ๖ - ๘
    ปรากฎธรรมะต่อมาเรื่อยๆ ถือว่า เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหลวงปู่<O:p</O:p



    พรรษาที่ ๙ พ.ศ.๒๕๔๕<O:p</O:p

    วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ วันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑o ปีมะเมืย<O:p</O:p
    วันนั้นหลวงปู่เดินจงกรม ๑ ชั่วโมง เสร็จเวลา ๖ โมงเย็น หยุดเดินจงกรม ก็ขึ้นกุฏิทำวัตร พอทำวัตรได้สักพักหนึ่ง จิตเพ่งยาวๆ มองเห็นกุฏิหลังหนึ่ง เขาบอกว่า ที่นั่นเป็นวัด สำนักปฎิบัติธรรม <O:p</O:p

    วันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ วันแรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑o ปีมะเมืย<O:p</O:p
    เวลา ๖ โมงเย็น เริ่มเดินจงกรม เที่ยวแรกเดินไปยังไม่ถึงปลายทาง ประมาณสัก ๕ วา อาการที่เกิดขึ้นมันไม่มีความรู้สึกใดๆ และไม่สามารถอธิบายอาการนั้นได้ เพราะไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน มันไม่รู้กาลเวลา มันเร็วมาก เพียงเสี้ยววินาทีเดียว เมื่อเป็นในลักษณะนี้สักระยะหนึ่ง ก็จะมีอาการรู้ตัวขึ้นมานิดๆ ในขณะนั้นเอง พอรู้ตัวขึ้นมา ก็ว่า “ใช่แล้ว” คือ การปฎิบัติเราจบแล้ว การปฎิบัติของเรา วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว รู้ว่าอาสวะจะสิ้นไปในขณะนี้ เพราะไม่มีการทำอะไรที่จะให้หมดไปอีกแต่ประการใด <O:p</O:p
    พอรู้อย่างนี้แล้ว ก็เดินจงกรมกลับไป ปรากฎว่า เท้าไม่ถูกดิน เหมือนเดินมาตามยองใยของสำลี เป็นอยู่อย่างนี้ ๓ เที่ยวเดิน จะวางเท้าแรงๆ ก็ไม่ดัง พอเที่ยวที่ ๔ เดินกลับมา เมื่อถึงกลางทางที่เดิน มีอภินิหารเกิดขึ้น คือ ขนลุกไปทั้งตัว ก็นึกว่า จะกระทืบลงไป โลกจะต้องสะเทือนแน่ ถ้ายันลงไป พื้นดินจะทะลุลงไปถึงปฐพี พอก้าวขามา อีก ๑ ก้าว จะมีอภินิหารเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมากขึ้น จะยันภูเขา ให้เรียบราบไปในพริบตาเดียวก็ยังได้ จิตใจไม่มีความเกรงกลัวต่ออะไรทั้งสิ้น โลกนี้เราจะทำให้มันเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งหมด<O:p</O:p

    วันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ วันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑o ปีมะเมืย<O:p</O:p
    ก่อนหน้านี้ หลวงปู่มักจะมีนิมิตจะไปที่ตรงไหน ตรงไหน มันหลงทาง มีแต่ป่าหญ้าคาตลอดเวลา จะไปบ้านนี้ มันมีทางพัฒนาสวย ก่อนจะถึงบ้านมีมีทางเล็ก และรกด้วย เข้าไปไม่ถูก คดเคี้ยวไปมา หมดทางที่จะเดิน มันหลงทางอยู่อย่างนั้นล่ะ ก็มีนิมิตขึ้น ถ้าตัดทางได้แล้ว การเดินทางไปไหนมาไหนจะสะดวก จึขอทางการตัดทาง (ถนน) เพื่อไปไหนมาไหน จะได้สะดวก ไปยื่นคำร้องที่ทางการ เข้าก็อนุมัติให้ทันทีตามสะดวก โดยไม่สอบถามอะไรเลย มาพิจารณาว่า หลังจากที่ตัดทางได้แล้ว ความรู้ที่เกิดขึ้นได้ง่ายไม่ลำบาก คือ ตัดความมืดไปสู่ความสว่าง ความหมายเป็นเช่นนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑o ปีมะเมืย<O:p</O:p
    หลวงปู่มีนิมิตไปที่ทุ่งนา ที่นั่นไม่เคยมีหญ้าคา ก็บังเอิญไปมองเห็นตอหญ้าคา ที่เขาตัดต้นเรียบร้อยไปหมดแล้ว แต่ก่อนเรามีเรื่องค้างคา คาเรื่องอะไร เราไม่รู้ แต่รู้ว่า เรามีเรื่องค้างคา มีข้อข้องใจ พอเห็นตอหญ้าคา เราถึงรู้ทันที่ ว่าเราคาอะไร เราคาหญ้าคา เราไม่ได้คาตอหญ้าคา เราจะทำอย่างไรถึงจะถอนรากถอนโคน อันนี้เราก็รู้ว่า มันเป็นกิเลส ต้องมีวิธี ต้องมีปัญญาในการถอนรากถอนโคนมันได้ ถ้าถอนตอหญ้าคาได้แล้ว ความสว่างก็จะเกิดขึ้น<O:p</O:p


    วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะเมืย<O:p</O:p
    นิมิตไปเห็นยายกองไม่ได้ใส่เสื้อ เห็นนมใหญ่ๆ เดินมาหลวงปู่คิดว่า น่าจะเอามือจับดู ยายกองเลยแอ่นอกให้ แต่หลวงปู่ก็ไม่ได้จับ เพราะมีความรู้สึกว่า กองๆ นี้เป็นกิเลส มาพิจารณาได้ความว่า ยายกอง ก็คือ กองกิเลสของเรา ที่เราติด เราคา<O:p</O:p


    วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ วันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะเมืย<O:p</O:p
    นิมิตว่า เดินไปหนองน้ำรางๆ แบนๆ ไม่ลึกไม่ตื้น มองไปเห็นควายเผือกตัวหนึ่ง เขาเป็นวา ความใหญ่ ของควายเผือกเท่ากับขนาดช้างตัวกลางๆ เดินมาด้วยความหิว ลงมากินน้ำ กลัวว่ามันจะกัดกินข้าวของเขาในนา ก็เลยลงไปยืนกั้นหน้าควายไว้ พอควายกินน้ำเสร็จแล้ว มันก็ยกคอขึ้น มองดูจากอาการแล้ว ควายเหนื่อยมากเลยเดินเข้าไปสาดน้ำใส่ ควาย สาดน้ำเสร็จ รู้สึกว่าควาย หายเหนื่อย มันก็เดินไปที่เนินสูง เป็นหน้าผาเรียบราบสูงชัน ประมาณ ๓ เมตร ควายเดินขึ้นสบาย หลวงปู่ก็เดินตามขึ้นไปสะดวกเหมือนกัน พอเดินขึ้นไปถึงเนินสูงแล้ว ควายเผือกก็หายไป ก็มีแม่ลูกสองคนยืนเคียงข้างกัน พอเขาเห็นหลวงปู่ ก็จูงแขนลูกเดินลงเนินไป หลวงปู่มองตามไปก็ไม่เห็นแม่ลูก แต่ก็เดินตามลงไป ก่อนจะลงไป หลวงปู่มองเห็นธาตุสองลูก ไม่ใหญ่ไม่สูง เป็นธาตุธรรมดา พอเดินลงไปถึงที่ราบแล้ว มีเด็กวัยกำลังแตกหนุ่มยืนอยู่ เด็กบอกว่า “หลวงปู่ มาดูรอยรถสิ รอยรถทัวร์ รถใหญ่นะปู่นะ” หลวงปู่ถามว่า “รอยรถอะไร” เด็กตอบว่า “รถเมืองสกล เข้ามานมัสการธาตุทุกปี” พอดูแล้ว เลยคิดและพูดขึ้นว่า “มองลงมาเห็นธาตุอยู่นี้สองลูก มันหายไปไหนนะ” เด็กคนนั้นเดินไปอยู่ฝั่งบ่อน้ำ บ่อน้ำลึกประมาณ ๓ เมตร ไม่มีน้ำถามหาธาตุกับเด็กๆ บอกว่า “อยู่ตรงนี้” หลวงปู่ว่า “ที่ตรงไหน” เด็กก็ชี้มือลงไปที่บ่อ หลวงปู่ก็มองไปตามมือเด็กที่ชี้แต่ก็ไม่เห็นหลวงปู่พูดว่า “ทำไมมาโกหก มันบาป” ว่าแล้ว เด็กก็ไม่ตอบ ก็เดินผ่านไป แล้วก็หายไป หลวงปู่เดินไปตามทางที่เด็กเดินไป พอไปเห็นจอมธาตุอยู่พ้นดินขึ้นมาประมาณ ๑ ศอก ก็เลยคิดว่า ธาตุที่มองเห็นนั้น มันหายจากตรงนั้นมาอยู่นี่ หลวงปู่จับยอดธาตุดู ธาตุก็พุ่งขึ้นมา แล้วถอนขึ้นมาเรื่อยๆ ธาตุนั้นไม่ใช่ธาตุเล็กๆ กะดูแล้วความสูงเท่ากับธาตุพนม พอถอนธาตุใหญ่แล้ว ธาตุเล็กที่อยู่ใกล้ๆ กัน ก็ถอนขึ้นตามๆ กันมาด้วย ความใหญ่และความสูงไร่เรี่ยกันกับธาตุที่ถอนขึ้นมาอันแรก หลวงปู่ก็คิดว่า “ธาตุอะไร มันเป็นธาตุมาจากบรรพบุรุษ” ก็มีโยมผู้ชายตอบว่า “ธาตุนี่ มันเป็นบรรพบุรุษของโลกนะ เป็นธาตุจอมจักรพรรดิ์ของเมืองกรุงลังกา” แล้วเขาก็พูดต่อไปว่า “หลวงปู่มาก็ดี จะสร้างวัดให้หลวงปู่อยู่รักษาธาตุที่นี่ จะเอาไหม” หลวงปู่ตอบ “ไม่เอา มันเป็นที่ท่องเที่ยว ไม่สมควรที่จะอยู่ที่นี่แหละ” เมื่อมาพิจารณาได้ความว่า ธาตุใหญ่ ธาตุเล็กนี่ คือ กิเลสกามตัณหา มันเป็นบรรพบุรุษโลก<O:p</O:p

    วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๕ วันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะเมืย<O:p</O:p
    นิมิตว่า ไปธุระที่บ้านกลาง เดินไปมองเห็นแม่น้ำมีความกว้างประมาณ ๕ เส้น มีน้ำไหลเชี่ยว และแรงมาก จิตไม่ได้นึกกลัว คิดแต่จะข้ามไป ก็นึกว่า ถ้าเราลงท่านี้จะไปขึ้นที่ไหนก็แล้วแต่ พอไปยืนเตรียมตัว เห็นคุณพ่อตัวเอง (คุณพ่อจริงๆ) ยืนอยู่ใกล้ๆ ห่างประมาณ ๑ ศอก เวลาพ่อเดินมาก็ไม่รู้ว่ามาเมื่อไหร่ คุณพ่อสวมชุดสีขาว ยืนกางร่มสีขาว ก็เลยล้วงมือเอายาสูบ ๑ ซอง มาให้คุณพ่อเก็บ แล้วพูดกับคุณพ่อว่า “ให้พับร่ม” คุณพ่อบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก” คุณพ่อว่ายน้ำในท่าคว่ำหน้ากางร่มไปด้วย ส่วนหลวงปู่นอนตะแครงลอยน้ำ (ว่ายน้ำ) ไป เอาเท้ายันน้ำไปแต่ละครั้ง พุ่งไปได้ไกลๆ คลื่นน้ำก็ไม่ได้พัด หรือ มีคลื่นที่มากระทบร่างกายที่รุนแรงแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่น้ำก็ยังไหลเชี่ยวอยู่เหมือนเดิม พอไปถึงฝั่ง มีโยมผู้หญิง ผู้ชายนั่งอยู่ที่ท่า หลวงปู่เลยไปนั่งที่โขดหิน สูงประมาณ ๕o ซม. และ คุยกับโยม มีโยมผู้หญิงพูดขึ้นว่า “หลวงปู่ หนูจะซักผ้า ปู่จะซักมุ้ง กลดของปู่ไหม บ้านกลางมันมองเห็นอยู่แล้ว ไปเดี๋ยวเดียวก็ถึง ผ้าแห้ง ปู่ถึงเดินไป” หลวงปู่จึงส่งมุ้งกลดให้โยมไปซัก สุดท้ายก็หายไป เมื่อพิจารณาได้ความว่า แม่น้ำ หมายถึง น้ำกามตัณหา เราได้ข้ามกามตัณหาได้แล้ว ส่วนกลดนั้นหมายถึง ธรรมชาติของกามตัณหา<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ วันแรม ๙ ค่ำ เดือน ๔ (เป็นไข้)<O:p</O:p
    ตอนเช้าก่อนออกบิณฑบาตร หลวงปู่มีอาการสบายดี ไม่ปวดเนื้อปวดตัว แต่พอฉันอาหารเสร็จ แล้วกลับมาที่กุฎิ ก็เริ่มไม่สบาย มีอาการหนาวสั่น ตัวร้อน นอนเป็นไข้ทั้งวัน ไม่มีใครมาพบเห็น และ ไม่มีใครเรียก ยาก็ไม่หาฉัน จึงนอนพักผ่อนอยู่ข้างนอกกุฎิ ตั้งแต่สามโมงเช้า จนถึง หกทุ่ม อาการก็ยังไม่หาย หลวงปู่จึงอธิษฐานจิตนึกถึง บารมีพระพุทธเจ้า คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ว่า “การไข้เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะอำนาจบารมี หรือ เป็นเพราะอะไร หากเป็นเพราะอำนาจบารมี ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกมา อาการไข้ก็ให้หายเสีย” พออธิษฐานเสร็จ สักพักอาการไข้ก็ลดลง และ หายไปในที่สุด<O:p</O:p

    วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ วันแรม ๑o ค่ำ เดือน ๔ (ทำวัตร)<O:p</O:p
    หลังจากเป็นไข้ทั้งวันทั้งคืน หากจะออกบิณฑบาตร หลวงปู่กลัวว่าจะเป็นลม (แต่จริงๆ ไข้ได้หายแล้ว) ก็เลยไม่ได้ออกไปบิณฑบาตร ประมาณตี ๔ หลวงปู่จึงออกไปนั่งอยู่ข้างนอกกุฏิ ในช่วงเวลาเพียงแค่หลับตาลง หลวงปู่ก็นั่งปล่อยเวทนา สัญญา และอารมณ์ ซึ่งเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้เจตนา พอเวลาสมควร จึงถอนออกจากสมาธิ พอตกค่ำ หลวงปู่ก็สวดมนต์ไหว้พระตามปกติ แล้วจึงจำวัด (นอน) เข้าพักผ่อน<O:p</O:p

    วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ วันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ (นิมนต์)<O:p</O:p
    ก่อนตี ๔ ตื่นขึ้นมา แต่ยังไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นอน ก็ได้ยินเสียงเทวดาเขาทำวัตรสวดมนต์ เป็นเสียงผู้หญิงล้วนๆ เสียงสวดมนต์ชัดถ้อยชัดคำ เสียงดังก้อง และไพเราะมาก บทสวดว่า<O:p</O:p
    อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา ธรรมใดแล้วอันเป็นบุญ พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม ธรรมใดแล้วอันเป็นบุญ ธัมมังนะมัสสามิ <O:p</O:p
    สุปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ผู้ภาวนาเป็นแล้วหนีไปไม่กลับมา สังฆังนะมามิ<O:p</O:p
    พอเขาสวดมนต์เสร็จดูนาฬิกาตีสี่พอดี หลวงปู่ก็ลุกขึ้นทำข้อวัตรส่วนตัว เสร็จแล้วก็ไปที่ศาลา แล้วก็ออกบิณฑบาตร พอฉันเสร็จก็กลับมาที่กุฎิ <O:p</O:p
    พอตกเย็น หลวงปู่เดินจงกลมเสร็จ ขึ้นกุฎิทำวัตร พอทำวัตรไปครึ่งหนึ่ง จิตเป็นสมาธิ จะมีลม เป็นลมนิมิต มีลมอย่างรุนแรง เหมือนต้นไม้จะโค่นจะล้มไปหมด สังขารก็ทำวัตรไปเรื่อยๆ ทางจิตก็เป็นสมาธิ ทางตาก็ดูนิมิต จิตกับสังขารแยกกันอยู่ จิตอยู่เหนือสังขาร สังขารทำวัตร จิตทำหน้าที่ของจิต พอทำวัตรเสร็จ ก็เข้าห้องคิดว่าจะนอน ก็ไม่นอน คิดอยากจะทำสมาธิ พอนั่งสมาธิลงไป หลับตายังไม่ทัน ก็เกิดนิมิตทันที มีพวกเทวบุตรเทวดา มีพวกภูมิต่างๆ ทั่วแผ่นดินไหลมาเป็นกลุ่มๆ แต่ละพวก แต่งตัวไม่เหมือนกัน มองเห็นกลุ่มคนต่างๆ มีรูปร่างแปลกๆ เต็มไปหมด บางคนตัวโค้ง ๆ เหมือนเคียว มองไปยังอีกกลุ่มหนึ่งมีรูปร่างแข็งแรง หิ้วของก็มี แบกของก็มี เดินไปเดินมา ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีที่หยุด ไม่มีวันและเวลา เดินอยู่ตลอดเวลา ดูแล้วน่าสลดสังเวช มองไปยังอีกกลุ่มหนึ่งเป็นพวกเทพ เป็นพวกรุกขเทวดาอยู่เต็มต้นไม้ไปหมด ตั้งแต่โคนต้นไม้ กลางต้นไม้ กิ่งก้านสาขาก็มีรุกขเทวดา อาศัยเต็มไปหมด จอมปลวกก็มีพระภูมิเต็มไปหมด มากันเต็มไปหมด มาเพื่อร่วมสรรเสริญ และมีความปิติยินดีในการปฎิบัติของหลวงปู่<O:p</O:p
    จากนั้น ก็เกิดนิมิตสายน้ำไหลเชี่ยว มีพวกหนุ่มสาวนอนลอยน้ำ กันมาเป็นแถวๆ มีแม่น้ำเป็นโค้งๆ มีเกาะอยู่ตรงกลาง มีคนอยู่ในนั้น ไม่มากไม่น้อย เป็นรางๆ เหมือนกะทะ <O:p</O:p
    พอเรื่องนี้จบลง ก็มีนิมิต มองเห็นปราสาทหลังหนึ่งขึ้น สีขาวสวย ก็นั่งมองดู เห็นคนในนั้นเดินผ่านไป ผ่านมาในปราสาทชั้นล่าง ก็นึกขึ้นมาว่า เขาจะนิมนต์ เขาจะมานิมนต์ไปเสวยปราสาทหลังนี้ ก็ไม่สมควร ไม่เอา ปฎิบัติมาถึงขั้นนี้ จะมาเสวยอยู่แค่นี้ก็ไม่เอา ก็มองเลยเข้าไป เห็นเขาจัดพานทอง ธูปทอง เทียนทอง ทรงพระเจริญทอง แล้วเขาก็นิมนต์ก็ไม่เป็นการสมควร เสร็จแล้วผู้หญิงเป็นคนถือพานทองเดินนำหน้า พอมาถึงตรงหน้าหลวงปู่ เขาก็พากันนั่งลง แล้วก็ยกพานทองขึ้นไปไหว้นมัสการสักการะแล้ว ผู้หญิงที่ถือพานทองนำหน้า ได้กล่าวคำถวายว่า “ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายนิมนต์แด่พระองค์ เสด็จพระนิพพานแล้ว พระเจ้าข้า” จิตก็นึกว่า จะตอบเขาว่าอย่างไรดีหนอ ก็นึกขึ้นมาได้ว่า “จะมานิมนต์พระองค์ พระนิพพานปัจจุบันนี้ใช่ไหม” เขาบอกว่า “จะขอนิมนต์ส่วนพระวรจิตของพระองค์เสวยพระนิพพานได้แล้วพระเจ้าข้า ส่วนพระวรกายของพระองค์ทรงเจริญ ๆ ต่อไป พระเจ้าข้า” พอกล่าวจบเขาก็พากันจากไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ วันแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ (วันอวยชัยมงคล)<O:p</O:p
    ตกเย็น พอทำวัตรไปครึ่งหนึ่ง จิตเราจะเพ่งข้างล่างก่อน พอเพ่งไปทั่วถึงแล้ว สังขารทำวัตร จิตก็เพ่ง แล้วก็เพ่งขึ้นข้างบนจนแหงนหน้าไม่ได้ พอทำวัตรเสร็จ สักพักก็เข้าห้องนอน พอนอนหลับตาลงเพียงแค่ขนตาประสานกัน ก็เห็นนิมิต มีเทพธิดาบนสวรรค์สวยงาม ประมาณ ๑o นาง ได้มาร่ายรำให้ดู หลวงปู่ก็นอนดูๆ จนกระทั่งหลับไปประมาณ ๓o นาที ตื่นขึ้นมาก็ยังเห็น ยังอยู่ ก็ดูไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน หลังจากนั้น มีพวกเทพมาสักการะบูชา มาทั้งหมดหมื่นโลกธาตุ มาเป็นกลุ่มๆ มาทั้งหมดหมื่นจักรวาล มาเพื่อสักการะ เสร็จแล้วก็จากไป แต่ละพวกมาต่างๆ กัน มาทั้งทางอากาศ ทางน้ำ ทางดิน ขี่ต้นไม้มาก็มี นั่งในปราสาทก็มี เทพบุตร เทพธิดา มากันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละเป็นหมื่น เมื่อสักการะแล้วก็หายไป ส่วนพวกพรหมก็มาเช่นเดียวกับพวกเทพ เป็นอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งเวลาประมาณตีสี่ จึงหายไป <O:p</O:p


    <O:p</O:p


    บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
    พระพุทธคุณ<O:p</O:p

    อิติปิ โส ภะคะวา ( เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ) อะระหัง ( เป็นผู้ไกลจากกิเลส ) สัมมาสัมพุทโธ ( เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ) วิชชาจะระณะสัมปันโน ( เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ) สุคะโต ( เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี ) โลกะวิทู ( เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ) อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ ( เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า ) สัตถา เทวะมนุสสานัง ( เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ) พุทโธ ( เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ) ภะคะวาติ. ( เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้ )


    พระธรรมคุณ<O:p</O:p

    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ( พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ) สันทิฏฐิโก ( เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง ) อะกาลิโก ( เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ) เอหิปัสสิโก ( เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด ) โอปะนะยิโก ( เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว ) ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. ( เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ )<O:p</O:p


    พระสังฆคุณ<O:p</O:p

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว ) อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว ) ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว ) สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ) ยะทิทัง ( ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ ) จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา ( คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ ) เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ) อาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ) ปาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ ) ทักขิเณยโย ( เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน ) อัญชะลีกะระณีโย ( เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี ) อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. ( เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ )<O:p</O:p<O:p</O:p<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. thep05

    thep05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2011
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +401
    อนุโมทนา สาธุ

    :cool::cool::cool::cool::cool:
     
  4. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    โมทนา สาธุ ๆ
    กับกลุ่มบัวผลิหน่อและทุกท่านที่ได้ร่วมกัน
    ทำบุญสร้างกุศลทุกอย่าง
    ไว้ในพระพุทธศาสนาด้วยครับ
     
  5. บัวผลิหน่อ

    บัวผลิหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,264
    ค่าพลัง:
    +14,962
    เมื่อวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555
    ครอบครัว คุณกัญญาภัค อัครวิมุต จ.ขอนก่อน ร่วมเป็นเจ้าภาพ 100 เล่ม
     
  6. บัวผลิหน่อ

    บัวผลิหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,264
    ค่าพลัง:
    +14,962
    ทางกลุ่มบัวผลิหน่อ เห็นว่า การจะได้มีโอกาสเดินทางไป จ.ยโสธร เป็นการยาก
    เลยประสงค์จะซื้อหนังสือ เรื่อง มุตโตทัย อีก 100 เล่ม
    ซึ่ง ครอบครัว จสิปปภาส ,ช่วยรักษ์,น.ส.นพวรรณ พันธง , ด.ช.คณาวุฒิ ช่วยรักษ์จาก จ.อุบลราชธานี<O:p</O:p
    ร่วมเป็นเจ้าภาพ เพิ่มเติม 100 เล่ม
     
  7. บัวผลิหน่อ

    บัวผลิหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,264
    ค่าพลัง:
    +14,962
    เรียน สมาชิกและญาติธรรม ทุกท่าน
    ขณะนี้ได้จัดซื้อหนังสือ จำนวน 200 เล่ม แบ่งออกเป็น 2 เรื่อง ดังนี้
    1. หนังสือจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ถึง หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ 100 เล่ม
    2. หนังสือมุตโตทัย (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) 100 เล่ม
    เพื่อน้อมถวายแด่หลวงปู่โฮม ญาณธัมโม
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_4262.jpg
      100_4262.jpg
      ขนาดไฟล์:
      111.6 KB
      เปิดดู:
      293
    • 100_4263.jpg
      100_4263.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.8 KB
      เปิดดู:
      271
    • 100_4264.jpg
      100_4264.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.7 KB
      เปิดดู:
      269
    • 100_4265.jpg
      100_4265.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.2 KB
      เปิดดู:
      263
    • 100_4266.jpg
      100_4266.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116.3 KB
      เปิดดู:
      281
  8. บัวผลิหน่อ

    บัวผลิหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,264
    ค่าพลัง:
    +14,962
    รูปหลวงปู่โฮม ญาณธัมโม
    นำมาลงให้ชื่นชมบารมีของครูบาอาจารย์ ร่วมกันครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. พนาวรรณ

    พนาวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,096
    ค่าพลัง:
    +767
    ข้าพเจ้า นายพนาวรรณ กะการดี นางสาวอภัสรา บัวดก และครอบครัว ขอร่วมทำบุญซื้อหนังสือถวายหลวงปู่โฮม-ญาณธัมโม ด้วย 100 บาทครับ โดยโอนทางATMเข้าบัญชีกรุงศรี 1031380887 เมื่อเวลา 18.40 น.วันที่ 19/03/12 ครับ
    อิทังปุญญะผะลัง
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่เคยล่วง

    เกินมาแล้ว
    แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่

    พระนิพพาน
    และข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยา

    ยมราช
    ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด
    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี
    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติ

    ปัจจุบัน
    แม้หากข้าพเจ้าจะยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่า “ไม่” ทั้งหลายจงอย่าปรากฎแก่ข้าพเจ้าจนกว่าจะถึงพระนิพพานด้วยเทอญ
    และอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ สาธุ
     
  10. Lek2010

    Lek2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    8,925
    ค่าพลัง:
    +42,467
    โอนเงินร่วมทำบุญ 60 บ (ยอดเข้าเย็นวันที่ 4 เม.ย.55) โดยร่วมบุญดังนี้

    1.
    จัดซื้อหนังสือ สืบสานตำนานพระป่าถือธุดงควัตรกำราบกิเลส เรื่อง “จากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ถึง หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน”เพื่อ น้อมถวายแด่หลวงปู่โฮม ญาณธัมโม ณ.วัดสุทธิมงคล ต.กระจาย อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร 30 บ

    2.
    ร่วมทำรูปภาพ น้อมถวายแด่หลวงปู่โฮม ญาณธัมโม 30 บ

    <table class="MainTb" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr class="SwapR"><td class="LeftCL">เลขที่บัญชีผู้รับโอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">103-1-38088-7</td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">ธนาคารผู้รับโอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">ธ.กรุงศรีอยุธยา - BAY</td> </tr> <tr class="SwapR"> <td class="LeftCL">ชื่อบัญชีผู้รับโอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">SUWAN KATCHAT </td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">จำนวนเงิน</td> <td colspan="2" class="RightCL">60.00</td> </tr> <tr class="SwapR"> <td class="LeftCL">ค่าธรรมเนียม </td> <td colspan="2" class="RightCL">0.00</td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">วันที่ได้รับยอดเงินโอน</td> <td colspan="2" class="RightCL">04/04/2012 17.30 น.</td> </tr> <tr class="SwapR"> <td class="LeftCL">วันที่ตัดยอดเงินจากบัญชี</td> <td colspan="2" class="RightCL">03/04/2012</td> </tr> <tr class="SwapBR"> <td class="LeftCL">หมายเลขอ้างอิงรายการ</td> <td colspan="2" class="RightCL">tmbi18247541</td></tr></tbody></table>
     
  11. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  12. บัวผลิหน่อ

    บัวผลิหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,264
    ค่าพลัง:
    +14,962
    ประมวลภาพ
    ถวายหนังสือ มุตโตทัย
    และ จากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ถึงหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ
    จำนวน 200 เล่ม
    แด่หลวงปู่โฮม ญาณธัมโม
    วัดสุทธิมงคล ต.กระจาย อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร
    เมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ.2555 เวลา 19.30 น.
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 100_4545.jpg
      100_4545.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177.1 KB
      เปิดดู:
      217
    • 100_4566.jpg
      100_4566.jpg
      ขนาดไฟล์:
      220.6 KB
      เปิดดู:
      183
    • 100_4567.jpg
      100_4567.jpg
      ขนาดไฟล์:
      256.6 KB
      เปิดดู:
      188
    • 100_4568.jpg
      100_4568.jpg
      ขนาดไฟล์:
      201.6 KB
      เปิดดู:
      180
    • 100_4575.jpg
      100_4575.jpg
      ขนาดไฟล์:
      182.3 KB
      เปิดดู:
      167
    • 100_4576.jpg
      100_4576.jpg
      ขนาดไฟล์:
      173.9 KB
      เปิดดู:
      174
    • 100_4619.jpg
      100_4619.jpg
      ขนาดไฟล์:
      197.3 KB
      เปิดดู:
      175
    • 100_4696.jpg
      100_4696.jpg
      ขนาดไฟล์:
      172.9 KB
      เปิดดู:
      179

แชร์หน้านี้

Loading...