เรื่องเด่น การเห็นสิ่งต่างๆในสมาธิ : สมเด็จพระพุฒาจารย์

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 3 เมษายน 2012.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]




    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ยอดพระนักปฎิบัติธรรมชั้นสูงของประเทศไทย ได้ให้แนวทางอันเป็นหัวใจ แห่งการทำสมาธิ ไว้ในหนังสือประชุมโอวาสฯ ตอนหนึ่งว่า

    ข้อสำคัญมีอยู่อย่างหนึ่ง อันเป็นหัวใจแก่การทำสมาธิ สิ่งนั้นประเภทแรกคือศีลที่จะ
    ต้องปฏิบัติ" เมื่อรักษาศีลให้ครบไม่ด่างพร้อยแล้ว การกระทำสมาธิย่อมสำเร็จได้โดยเร็ว

    ศีลที่จะให้ปฏิบัติในขั้นแรกก็มีเพียง ๕ ประการเท่านั้น รักษาศีลทั้ง ๕ นี้ให้บริสุทธิ์คงอยู่เสมอ
    ไปแล้ว การทำสมาธิ ก็ไม่เป็นเรื่องยากเย็นอะไร ข้อสำคัญพึงจำไว้ว่า การที่จะรักษาศีลนั้น จะมีวิธีการทำการละเว้นไม่ปฏิบัติในทางที่ผิดศีล และประพฤติปฏิบัติที่จะรักษาศีลด้วยเหตุ ๓ ประการ

    ประการที่ ๑ เรียกว่า เจตนาวิรัช ได้แก่ตั้งเจตนาที่จะละเว้นการกระทำอันเป็นการผิดศีลของตัวเอง โดยไม่ต้องไปกล่าวคำให้ผู้อื่นฟัง
    คือหมายความว่าโดยไม่ต้องมีการสมาทานศีลนั้น ให้ตั้งจิตเจตนาไว้ภายในอย่างมั่นคง ว่าจะรักษาศีลทั้ง ๕นี้ไว้ให้บริสุทธิ์

    ประการที่ ๒ เรียกว่า สมาทานวิรัช หมายความว่าการที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ด้วยวิธีที่กล่าวคำขอศีลจากพระภิกษุ เป็นต้น การขอศีลจากพระภิกษุนั้น

    เมื่อได้รับศีลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระภิกษุจะอนุโมทนาศีลและให้พร จงรับทั้งศีลและพรนั้น มิใช่ตั้งใจรับแต่พรแต่ศีลนั้นปล่อยไปหาประโยชน์อันมิได้
    เมื่อสมาทานศีลนั้นแล้วก็พึงประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปตามสิ่งที่ได้กล่าวปฏิญาณว่าจะรักษาศีลนั้นให้บริสุทธิ์

    ประการที่ ๓ เรียกว่า สมุทเฉทวิรัช คือการละเว้นโดยสิ้นเชิง มิให้มีสิ่งใดเหลืออยู่อีก เป็นการกระทำขั้นสูงสุด พยายามที่จะกระทำจิตและกาย วาจาให้บริสุทธิ์อย่างสูง
    คือเป็นสิ่งที่รักษากาย วาจาให้เป็นปกติอยู่ เมื่อกาย วาจาอันเป็นปกติแล้ว จิตย่อมเข้าสู่ความสงบอันเป็นปกติด้วย กิเลสพอกพูนอยู่ในดวงจิตก็ดี

    อาสวะคือเครื่องดองอันดวงจิตด้ตกลงไปหมักอยู่ก็ดี ย่อมจะลดน้อยถอยลง และเสื่อมสูญไป ทำให้ดวงจิตผ่องใสปราศจากธุลีเศร้าหมอง เป็นจิตที่มีความรุ่งโรจน์ เป็นจิตที่เจริญด้วยการอบรมเนืองๆจากศีลนั้น

    การประพฤติปฏิบัติ ด้วยการตั้งจิตเจตนาที่จะละเว้นการปฏิบัติในการผิดศีลทั้ง ๓ ประการที่กล่าวนี้

    หากเกิดแก่ผู้ใดนั้นย่อมจะได้สมความมุ่งมาดปรารถนา ดังที่มีคำอนุโมทนาและอวยพร

    อิมินา ปัจสิกขาปทานิ สีเลน สุคติง ยันติ สีเลน โภคสัมปทา สีเลน นพพุติ ยันติ ตัสมา สีบัง วิโสธเย

    เมื่อจะแปลเป็นข้อความโดยย่อแล้วก็ย่อมจะกล่าวได้ว่า อันศีลทั้งหลายที่ได้ยึดถือและรักษาไว้นี้ ศีลย่อมจะรักษาผู้มีศีลให้มีความสุข ศีลย่อมจะอำนวยผู้มีศีลให้ประสบซึ่งความมั่งคั่งสมบูรณ์

    ศีลนำจิตเข้าสู่ที่อันสงบคือพระนิพพานได้ดังนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ทำตนให้เป็นผู้มีศีลไว้ดังนี้
    เป็นต้น ศีลย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการที่จะทำจิตให้เกิดสมาธิ

    ด้วยเหตุนี้ผู้ที่จะตั้งใจกระทำสมาธิจิต นอกจากจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์แล้ว ยังต้องประกอบไปด้วยพรหมวิหาร๔ มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

    ควรจะต้องแผ่เมตตาจิตไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย มนุษย์ อมนุษย์ รูปวิญญาณ ญาติมิตร อริศัตรู บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย บรรพชนต้นตระกูล ครูบาอาจารย์
    ท่านผู้มีอุปการคุณ อารักขาเทวดา และทวยเทพเทวา พรหมมา เป็นต้น และอุทิศส่วนกุศลให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เป็นต้น


    การเห็นในสมาธิ หลังจากที่บำเพ็ญจิตให้บังเกิดสมาธิอันแน่วแน่แล้ว สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต ได้ประทานข้อแนะนำไว้ว่า....

    การเห็นในสมาธิมี ๓ อย่าง

    ๑.การเห็นในสมาธิที่ตั้งใจหมายไว้อย่างหนึ่ง ที่เกิดจากความปารถนาของจิตเอง อันนี้ไม่ถือว่าเป็นสมาธิ หากเป็น อุปทาน ต้องลบภาพที่เห็นเช่นนี้

    ๒.การเห็นอย่างที่๒ เป็นการเห็นเพื่อขอส่วนบุญ หรือชักนำไปสู่ ความกำหนัด เกิดกามราคะ เพราะเหตุแห่งมารนำจิตไป
    หรือมิฉะนั้นดวงวิญญาณทั้งหลายที่มีความทุกข์ต้องการมาติดต่อขอส่วนบุญ เพื่อบรรเทาความทุกข์เดือดร้อนอดอยาก การเห็นเช่นนี้เห็นโดยจิตมิได้ปารถนา มิได้ตั้งปณิธานหรืออุปทานอย่างหนึ่งอย่างใดไว้ เมื่อเกิดภาพนี้ขึ้นให้แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลแก่เขาไป อาจเป็นบรรพบุรุษ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร เป็นต้น

    ๓.การเห็นในสมาธิอย่างที่ ๓ นั้น เป็นการเห็นโดยนิมิตอันประเสริฐ เช่น เห็นพุทธนิมิต เทพนิมิต พรหมนิมิตทั้งหลาย เป็นต้น
    การเห็นแสงสว่างทั้งปวงก็ดี การเห็นเช่นนี้เป็นเครื่องบอกว่า ได้เดินเข้าไปในทางที่จะสามารถติดต่อกับทิพย์วิญญาณทั้งหลายได้

    พึงพิจารณาแยกให้ออกว่าอันไหนเป็นนิมิต อันไหนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อขอส่วนบุญ อันไหนเป็นอุปทานที่เกิดจากความปารถนาของดวงจิต

    จงมีสติตั้งมั่นคุ้มครองดวงจิตโดยที่ไม่ต้องคิดหรือหวังจะให้เกิดนิมิต อันเป็นที่พึงปารถนาในทางที่จะชักนำดวงจิตเข้าไปสู่ทางอกุศลได้ต่อไป[


    ขอบคุณที่มา: www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2178
     
  2. Dan911

    Dan911 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +38
    โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ โมทนาสาธุ ด้วยครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
     
  3. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    อนุโมทนาสาธุครับ ขอให้ดวงจิตของผมเป็นไปในทางธรรม เว้นจากอกุศลทั้งหลาย ก่อเกิดแต่กุศลกรรมอย่างบริบูรณ์
     
  4. Erdeeny

    Erdeeny Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +65
    อนุโมทนา สาธุค่ะ ประมาณ 2 ปี ที่แล้ว บวชชีพราหมณ์ช่วงสงกรานต์ นั่งสมาธิจนเห็นเป็นแสงสว่าง แล้วรู้สึกว่า ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเราไม่มีตัวตน เห็นมีแต่แสงรอบกาย เลยรีบลืมตากลัวว่าจะตายรึเปล่า มานึกถึงทีไรเสียดายทุกครั้งไม่น่ารีบลืมตาเลยเรา

    หลังจากนั้นนั่งสมาธิก็ไม่เจออะไรอีกเลย :'(
     
  5. afseven

    afseven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +516
    อนุโมทนาสาธุครับ เป็นข้อสติของผู้ปฏิบัติที่ให้เดินได้อย่างถูกทาง
     
  6. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    โดยสรุป หรือโดยย่อแล้ว
    เป็นประชุมโอวาท ของพระเดชพระคุณหลวงปู่โต ในการบรรลุธรรมจะต้องมีศีลเป็นพื้นฐานรองรับ และการรักษาศีล สามารถทำได้โดยวิธี
    ที่ ๑
    เรียกว่า เจตนาวิรัติ ได้แก่ตั้งเจตนาที่จะละเว้นการกระทำอันเป็นการผิดศีลของตัวเอง โดยไม่ต้องไปกล่าวคำให้ผู้อื่นฟัง
    คือหมายความว่าโดยไม่ต้องมีการสมาทานศีลนั้น ให้ตั้งจิตเจตนาไว้ภายในอย่างมั่นคง ว่าจะรักษาศีลทั้ง ๕นี้ไว้ให้บริสุทธิ์

    ที่ ๒ เรียกว่า สมาทานวิรัติ หมายความว่าการที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ด้วยวิธีที่กล่าวคำขอศีลจากพระภิกษุ เป็นต้น การขอศีลจากพระภิกษุนั้น

    เมื่อ ได้รับศีลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระภิกษุจะอนุโมทนาศีลและให้พร จงรับทั้งศีลและพรนั้น มิใช่ตั้งใจรับแต่พรแต่ศีลนั้นปล่อยไปหาประโยชน์อันมิได้
    เมื่อสมาทานศีลนั้นแล้วก็พึงประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปตามสิ่งที่ได้กล่าวปฏิญาณว่าจะรักษาศีลนั้นให้บริสุทธิ์

    ที่ ๓ เรียกว่า สมุจเฉทวิรัติ คือการละเว้นโดยสิ้นเชิง มิให้มีสิ่งใดเหลืออยู่อีก เป็นการกระทำขั้นสูงสุด พยายามที่จะกระทำจิตและกาย วาจาให้บริสุทธิ์อย่างสูง
    คือ เป็นสิ่งที่รักษากาย วาจาให้เป็นปกติอยู่ เมื่อกาย วาจาอันเป็นปกติแล้ว จิตย่อมเข้าสู่ความสงบอันเป็นปกติด้วย กิเลสพอกพูนอยู่ในดวงจิตก็ดี
    และพึงพิจารณาแยกให้ออกว่าอันไหนเป็นนิมิต อันไหนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อขอส่วนบุญ อันไหนเป็นอุปทานที่เกิดจากความปารถนาของดวงจิต
    จง มีสติตั้งมั่นคุ้มครองดวงจิตโดยที่ไม่ต้องคิดหรือหวังจะให้เกิดนิมิต อันเป็นที่พึงปารถนาในทางที่จะชักนำดวงจิตเข้าไปสู่ทางอกุศลได้ต่อไป

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 เมษายน 2012
  7. aetipp

    aetipp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    797
    ค่าพลัง:
    +1,505
    อนุโมทนาบุญกับคำสอนครูบาอาจารย์ทุกพระองค์ และจะขอปฏิบัติตามให้ถูกต้องครับผม
     
  8. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    ขอบคุณ และขออนุโมทนาบุญ จขกท. มาก ๆ ถ้าไม่ได้เจอกระทู้นี้ คงยังสงสัยตัวเองว่าเกิดะไรขึ้นกับตัวเอง เพราะสมาธิทุกครั้งก็จะเจออะไรมากมาย อย่างที่หลวงพ่อสนองท่านเทศน์ไว้ว่า ในสมาธิเหมือนหนังโรงใหญ่ มีให้ดูไม่เบื่อ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในข่าย

    ".การเห็นในสมาธิอย่างที่ ๓ เป็นการเห็นโดยนิมิตอันประเสริฐ เช่น เห็นพุทธนิมิต เทพนิมิต พรหมนิมิตทั้งหลาย เป็นต้น การเห็นแสงสว่างทั้งปวงก็ดี การเห็นเช่นนี้เป็นเครื่องบอกว่า ได้เดินเข้าไปในทางที่จะสามารถติดต่อกับทิพย์วิญญาณทั้งหลายได้

    พึงพิจารณาแยกให้ออกว่าอันไหนเป็นนิมิต อันไหนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อขอส่วนบุญ อันไหนเป็นอุปทานที่เกิดจากความปารถนาของดวงจิต

    จง มีสติตั้งมั่นคุ้มครองดวงจิตโดยที่ไม่ต้องคิดหรือหวังจะให้เกิดนิมิต อันเป็นที่พึงปารถนาในทางที่จะชักนำดวงจิตเข้าไปสู่ทางอกุศลได้ต่อไป "

    เป็นอย่างนี้จริง ๆ ล่าสุดนั่งสมาธิในท่า เทพธิดา เพราะบางทีพอเริ่มนั่งมันก็อยากสมาธิทันที ไม่ทันจะขัดสมาส ก็ไปแล้ว นั่งท่าเทพธิดาอยู่เป็นชั่วโมง อาการปวดขาเหน็บชาเริ่มปรากฏ แต่ไม่ยอมถอยออก ตั้งใจว่า ถ้าจะตายเพราะนั่งสมาธิก็เอา
    พลันก็เห็นอาสนะสงฆ์ลอยมา ให้เรานั่ง อาการเวทนามันน้อยลงไปครึ่ง ทำให้นั่งต่อได้อีก แล้วก็เพิ่งมาจำได้ว่า อาสนะนั้นเราเคยซื้อถวายพระ แต่มันนานมาก นานจนลืมไปแล้ว ดูซิ พอถึงเวลาที่ต้องการ เขาก็มาให้เราได้ใช้ ทำบุญไม่สูญเปล่าจริง ๆ ค่ะ

     
  9. รีนาโมจัน

    รีนาโมจัน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +55
    อนุโมทนา สาธุ คะ เป็นเรื่องแปลกคนอื่นจะเป็นหรือเปล่าเราไม่รู้แต่ของเราณาณจะชัดและควบคุมได้ดีเวลากำลังง่วง
     
  10. Equal

    Equal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +195

    สาธุธรรม ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นเทอญ _/|\_
     
  11. นาีคน้อย

    นาีคน้อย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +40
    โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. iampoo

    iampoo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +25
    รักษาศิล ทำให้เกิดสมาธิ ยังไม่พอ ต้องดำเนินพรหมวิหารด้วย

    เอาละครับ เริ่มเลย ^^
     
  13. Complicate

    Complicate สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +4
    เวลาเรานั่งกรรมฐาน จะไม่เห็นอะไรเลย ถ้าเห็นก็เห็นหนอ
    ได้ยินเสียงก็ได้ยินหนอ กำหนดตามความเป็นจริง แต่สิ่ง
    ที่รู้คือตอนถอนสมาธิออกมา แล้วญาติธรรมกับแม่บอกว่า
    เราหน้าแดงเป็นสีชมพูทุกครั้งเลย ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่าเกิด
    มาจากอะไร เพราะไม่ได้สนใจหน้าที่ของเราคือการปฏิบัติให้เต็มที่
     
  14. งูเกา

    งูเกา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +13
    อนิมิตดีกว่า.............
     
  15. เพลิง

    เพลิง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +22
    มาตรแม้นว่า

    ขอบ คุณ ครับ ^ ^
     
  16. teewee

    teewee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +126
    Satuanumotami

    อนุโมทนาสา ด้วยครับ
    กับคำสอนของเจ้าประคุณ องค็สมเด็จโต
    ลูกจะน้อมนำคำสอนท่านไปพิจารณาต่อไปครับ
     
  17. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กราบหลวงปู่โต พรหมรังสี กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม
     
  18. neaven

    neaven เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +387
    เป็นประโยชน์มาก ทำให้เรารู้ในสิ่งที่มองไม่เห็น ขออนุโมทนา สาธุค่ะ
     
  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019
    [​IMG]

    กราบโมทนา สาธุ ท่านผู้มีใจบุญใจกุศล เสียสละเวลาหาบทความ นำบทความที่ดี มีประโยชน์ ให้ผู้อ่านได้ศึกษา อันก่อให้เกิดปัญญาในการพิจารณา เมื่อปัญญาพิจารณาแล้ว จิตจะเป็นผู้กำหนด เป็นผู้เลือกความถูกต้อง ถือว่าเป็น จาคะ คือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อีกทั้ง ถือว่าการให้นั้น เป็นธรรมทาน เป็นบุญใหญ่ ขอโมทนาสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2012
  20. yougon

    yougon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +21
    ไม่เที่ยง เกิด ดับ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...