คุณเห็นว่า รธน. ใหม่ ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ หรือไม่ ?

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 2 พฤษภาคม 2007.

?
  1. ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    0 vote(s)
    0.0%
  2. ไม่ ควรบรรจุ ให้ พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

    0 vote(s)
    0.0%
  1. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เรากำลังร่วมกันพิจารณาเพื่อให้เขาบัญญัติในร่างรัฐธรรมนูญว่าที่นี้ประเทศไทย มีศาสนาประจำชาติคือ ศาสนาพุทธ ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าบัญญัติแล้วคนไทยจะทำตัวได้ดีขึ้นหรือไม่ จะทำให้แตกความสามัคคีมากขึ้น
    ถึงไม่บัญญัติมันก็แตกอยู่แล้ว อันนี้คือเราพยายามรอบคอกพวกหวังร้ายที่กำลังจะพยายามแย่งชิงประเทศไทย

    ที่ผ่านมามาตรากลัวคนไทยแตกแยกนั่นแหละ ทำให้เขาได้ใจ ทำให้เขาเปิดประตูตีคนไทยมาตลอด มีประเทศไหนไหม ที่ตั้งธนาคารด้วยชื่อศาสนาด้วเองได้ มีแต่ชื่อธนาคารแล้ววงเล็บว่า แห่ง.... พิจารณาให้ดี

    มีศาสนาไหนไหมเข้ามาถือตนว่ามีอิทธิพล ขอโน่นขอนี่ ในขณะที่ประชาชนคนไทย ยังไม่เคยคิดจะขอด้วยซ้ำไป...เวรกรรม

    เขายังไม่เคยเห็นเราเป็นเพื่อนร่วมชาติ ที่ควรจะร่วมกันสามัคคี สมานฉันท์เลย.... แต่ไม่ได้ว่าทุกคนพวกนั้นเหล่านั้นไม่ดีเสียหมด คนดีเขาก็มี

    แต่เราต้องทำเพื่อคนไทย ลูกหลานไทย เช่นกัน
     
  2. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
  3. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ยิ้มจำได้ว่า เคยอ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าหนังสืออะไร ของครูอาจารย์ท่านใด (สัญญาของตนเองนั้นเลว ก็ขออภัยล่วงหน้าเลย)

    ความของเนื้อความนั้นมีประมาณว่าดังนี้...

    พระสงฆ์รูปหนึ่งท่านเห็นลูกศิษย์หรือพระที่ท่านรู้จักรูปหนึ่ง จำวัดอยู่ในกุฎิหลังคารั่ว แต่ท่านไม่ยอมซ่อม ท่านแจ้งว่าท่านอุเบกขา ท่านเลยสั่งสอนศิษย์ของท่านว่า(ประมาณว่านะค่ะ) ว่าอะไรที่ควรปล่อยว่าง ก็วาง แต่อะไรที่ไม่จำเป็นต้องวาง ก็ไม่ควร ท่านยังต้องอาศัยกุฎิเพื่อจำวัด เพื่อเป็นที่พักของสังขาร์ ทำไมไม่ซ่อม ประมาณว่า อุเบกขาไม่ถูกเรื่อง

    ท่านสอนศิษย์ท่านว่า (ประมาณว่า) อย่างงี้เขาเรียกว่า ......ธรรมะหัวตอ

    ..............................................

    ก็เชิญท่านทั้งหลายพิจารณาความคิดของตนเองเถิด ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2007
  4. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    เรื่องบางเรื่องพูกมากก็ไม่ได้ พูดน้อยไปก็ไม่ดี พูดกำลังพอดิบพอดี ก็ถูกด่าว่าไม่รู้เรื่อง... น่าลำบากกกกกกกกกกกใจแท้

    ผู้ร้ายอยู่ที่ลับ พวกเราอยู่ที่แจ้ง ใครจะทำงานยากง่ายกว่ากัน การรบมันก็ต้องมีกลศึก เผยกลศึกไปก็มี...ความตาย รออยู่เบื้องหน้า
     
  5. tect

    tect สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +22
    สำหรับผมไม่ถึงกับไม่เห็นด้วย แต่รู้สึกว่าไม่สำคัญถึงขนาดต้องบรรจุลงในรัฐธรรมนูญ หลายๆท่านที่ลงความเห็นดูจากคำพูด ก็เหมือนจะเกิดจากโทสะจากเหตุการณ์ปัจจุบันตามที่ได้รับข่าวสาร และจากบางท่านที่ว่า"ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วมีทางแก้ปัญหานี้ได้มั๊ย" แล้วท่านคิดว่าการทำเช่นนี้(บรรจุลงรัฐธรรมนูญ)คือวิธีการแก้ปัญหาแล้วหรือ ผมว่ามันเหมือนกับการขีดเส้นแบ่งแยกกัน, เอาชนะกันมากกว่า หลายๆเรื่องที่คนไทยศรัทธาสืบเนื่องต่อๆกันมา ก็ไม่เห็นต้องบรรจุลงในรัฐธรรมนูญเลย เราทำสืบเนื่องกันมาก็เพราะจารีตประเพณีและวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกลงในผืนแผ่นดินไทย มิใช่ว่าสิ่งที่เราปฏิบัติต้องอยู่ในรัฐธรรมนูญทุกเรื่อง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นผู้ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ

    จากประวัติศาสตร์ ของพุทธกาล มีทั้งยุคเฟื่องฟูและยุคที่ตกต่ำถดถอยของพระพุทธศาสนา
    ในยุคที่เฟื่องฟูก็ไม่เห็นมีการประกาศว่าประเทศนั้นประเทศนี้ต้องมีแต่พุทธศาสนา พุทธเจริญได้ด้วยหลักธรรมคำสั่งสอนและการประพฤติปฏิบัติของผู้ที่เลื่อมศรัยศรัทธา แต่ปัจจุบันที่เหมือนเริ่มเสื่อมลงก็เพราะคนพุทธบางส่วนในปัจจุบันที่เข้าใจพระธรรมแบบผิดๆ (เดี๋ยวนี้ปัจจุบันพทธกับเครื่องรางของขลังค์มีกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองไปหมด และที่ยิ่งแย่พวกสงฆ์นอกรีตทั้งหลาย) * นี่แหละครับที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาที่แท้จริง*

    ส่วนในยุคที่ตกต่ำก็ไม่ใช่เพราะประเทศนั้น,นี้ไม่ประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่ใจและศรัทธาครับ มิได้ใช้เพียงลายลักษณ์อักษร

    อย่างที่บางท่านว่ามีคนบางกลุ่มใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญในทางที่แย่ และหนักขึ้นทุกวัน แต่ผมว่าเราทำใจเป็นอุเบกขาเถอะครับ แทนที่เราจะมาบรรจุอะไรกัน เรามาระดมสมองกันช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนที่เป็นพุทธ เข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้องแท้จริง ทำแต่ความดี ละความชั่ว และอบรมสั่งสอนลูกหลานในแนวทางอย่างพุทธ (โรงเรียนแรกและโรงเรียนที่สำคัญที่สุดของคนเราคือบ้านและครอบครัวนะครับไม่ใช่ตำราเรียน) และทำให้คนที่ไม่ใช่พุทธมาศรัทธาพุทธด้วยใจอย่างแท้จริง อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขาเลยครับ
    พึงชนะความไม่ดีด้วยความดี พึงชนะความสับสนวุ่นวายในสังคมด้วยความสงบเถอะครับ.
     
  6. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    ขอยืนยันครับตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศไทยพระพุทธศาสนาบรรจุอยู่ในกฎหมายสูงสุดของชาติมาตลอด แต่เพิ่งมาโดนตัดออกตอนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 นั่นเอง ถามว่าดูได้จากอะไรที่ว่าพระพุทธศาสนาบรรจุอยู่ในกฎหมายสูงสุดของประเทศมาตลอดก่อนหน้านี้ ก็ดูได้จากในอดีตนั้นพระมหากษัตริย์ท่านทรงมีอำนาจเด็ดขาดในการปกครองทรงมีอำนาจตัดสินทุกอย่าง ดังนั้นพระมหากษัตริย์ก็คือกฏหมายสูงสุดนั่นเองซึ่งพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตทุกพระองค์ทรงนับถือและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ดังนี้ก็เท่ากับว่าศาสนาพุทธนั้นได้บรรจุอยู่ในกฎหมายของประเทศมาตลอดอยู่แล้ว แต่ครั้นพอมาถึงยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศกลายมาเป็นรัฐธรรมนูญ แต่ทำไมกลับไม่บัญญัติพระพุทธศาสนาไว้ในกฎหมายสูงสุดเหมือนเดิมให้เท่าเทียมกับในอดีตล่ะ

    จากประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยพุทธกาลนั้นสาเหตุใหญ่ ๆ ที่พระพุทธศาสนาจะเฟื่องฟูหรือเสื่อมขึ้นอยู่กับกฎหมายสูงสุดของประเทศเสมอ ยามใดที่พระมหากษัตริย์ซึ่งเปรียบเสมือนกฎหมายสูงสุดนั้นท่านทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาๆ ก็เจริญรุ่งเรืองอย่างในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นต้น และสาเหตุสำคัญที่ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมจนสูญสลายจากประเทศต่างๆ ก็เกิดจากพระพุทธศาสนาถูกถอดออกจากกฏหมายสูงสุดของประเทศไป ซึ่งก็คือการถูกรุกรานจากคนต่างชาติต่างศาสนาทำให้กษัตริย์ที่เป็นพุทธมามกสูญสิ้นอำนาจไปเท่ากับเป็นการถอดพระพุทธศาสนาออกจากกฏหมายสูงสุดนั่นเอง อดีตก็มีให้เห็นเป็นอุทาหรณ์มาตลอดทุกยุคทุกสมัยครับ ดังนั้นจึงจำเป็นครับที่พระพุทธศาสนาควรต้องอยู่คู่กับกฎหมายสูงสุดของประเทศ

    และนอกจากนี้ผมก็ว่าจำเป็นมากครับที่จะต้องมีการเรียนการสอนวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียน จะว่าตำราเรียนไม่สำคัญได้อย่างไรครับ ผมเอง
    นอกจากที่ได้นับถือพระพุทธศาสนาตามๆ กันมาจากพ่อแม่ปู่ย่าตายายแล้ว ก็ได้มาเรียนรู้พระพุทธศาสนาเพิ่มเติมจากหนังสือจากตำราในโรงเรียน
    นี่แหละ จึงทำให้ได้รู้ถึงแนวทางปฏิบัติและหลักธรรมทางพุทธศาสนา ทำให้เกิดความรักความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเพิ่มพูนมากขึ้นจากที่เพียงแค่นับถือตามๆ กันมา การสวดมนต์หน้าเสาธงทุกวัน การสวดมนต์ทุกวันศุกร์ตอนเป็นนักเรียนทำให้ทุกวันนี้พอจะสวดมนต์เป็นกับเขาอยู่บ้าง ถ้าไม่มีตรงนี้ก็ไม่แน่ใจว่าวันนี้จะสวดมนต์เป็นกับเขาอยู่หรือเปล่า ทุกวันนี้ก็ได้แนวทางจากที่ได้เรียนรู้ในโรงเรียนนั่นแหละที่พยายามน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติใส่ตนอยู่ในขณะนี้ ครูบาอาจารย์ที่สอนตั้งแต่เด็กท่านก็สอนมาตลอดว่าประเทศเรามีพระพุทธศาสนาประจำชาติ แต่ทำไม่พอมาถึงตอนนี้กลับสอนแบบนั้นไม่ได้เสียแล้วล่ะ นอกจากนี้ยังทราบมาว่าวิชาพระพุทธศาสนาก็จะถูกตัดออกจากหลักสูตรเสียด้วยซ้ำไป การสวดมนต์หน้าเสาธงและทุกวันศุกร์ไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่าคาดว่าคงจะถูกตัดออกไปแล้วด้วยเช่นกัน เพราะอะไรล่ะไม่ใช่เพราะกฎหมายเพราะและผู้มีอำนาจเหรอครับ แบบนี้จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร
     
  7. กะชาย

    กะชาย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +4
    เห็นด้วย เพื่อให้ชาวโลกที่นับถือศาสนาพุทธ รู้ว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา และเพื่อจรรโลงให้พุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อๆกันไป
     
  8. ทอแสง

    ทอแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +119
    ประเด็นของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย นอกจากจะมีเรื่องความแตกแยก ก็จะมีประเด็นที่สำคัญกว่าคือ การไปบัญญัติว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้น ไม่ได้ทำให้ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดแต่ประการใด แต่อยู่ที่การที่ผู้คนในชาติประพฤติปฏิบัติธรรม พระสงฆ์ปฏิบัติตามแนวทางขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าต่างหาก นี่แหละคือแก่น

    ถ้าบรรจุลงไปแล้ว ทำให้การประพฤติปฏิบัติธรรมของคนดีขึ้น หรือธรรมะรุ่งเรืองขึ้น ก็น่าจะบรรจุ

    ไม่ใช่บรรจุไปแล้ว แต่มีเหตุการณ์ที่ไม่ดีไม่งามต่อวงการสงฆ์ หรือชาวพุทธไม่ปฏิบัติตามแนวทางคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเป็นที่เย้ยหยันต่อชนชาวโลกว่า นี่หรือเมืองพุทธ นี่หรือประเทศที่ถึงขนาดกับบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ดูสิ ดูคนที่ก่อเรื่องขึ้นสิ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนพุทธ

    ในอดีตกาล เมื่อพระพุทธองค์เผยแพร่คำสั่งสอน ก็ไม่ได้บังคับหรือร้องขอให้เจ้าผู้ครองนครประกาศว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำนครแว่นแคว้นนั้นแต่ประการใด.....จริงมั้ย

    การที่พยายามให้รัฐบัญญัติว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ก็เป็นการ "ยึดติด" อย่างหนึ่ง ยึดติดว่าสิ่งนี้เป็นของเรา เป็นตัวเรา ลืมนึกไปว่า "ธรรมะ" ต่างหากที่เป็นของจริง เป็นอกาลิโก

    ถามว่าหากคุณเป็นชาวพุทธจริง ตั้งใจจะปฏิบัติธรรมจริง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในที่ใดในโลกนี้ หรือมีคนเอาปืนมาจ่อหัว เอาอามิสมาล่อ คุณก็ยังนับถือศาสนาพุทธอยู่ใช่มั้ย และที่นับถือนั้น ไม่ใช่นับถือเพราะว่ามีกฎหมายสูงสุดบัญญัติไว้เช่นนั้นใช่มั้ย

    สุดท้ายขอฝากไว้ว่า ท่านผู้เจริญ ท่านจะรักษาธรรมยิ่งกว่าอักขระ หรือจะรักษาอักขระยิ่งกว่าธรรมล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2007
  9. Thm

    Thm Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +47
    ผมอยากเห็นนะครับ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ถ้าพูดถึงแค่ความต้องการของตัวเองโดยไม่สนว่าชาติไทยมีศาสนาอื่นอยู่ด้วย

    แต่ถ้าผมบอกว่าสนับสนุน ผมคิดว่าเป็นการผิดต่อความเป็นพุทธของตนเอง
    ด้วยการกระทำนั้นจะก่อให้เกิดความไม่พอใจหรือน้อยเนื้อต่ำใจตามมากับเพื่อนร่วมชาติแม้จำนวนจะน้อยกว่าก็ยังเป็นเพื่อนร่วมชาติของเรา

    พูดง่ายๆ สนับสนุนไม่ได้แต่ใจลึกๆอยากให้เป็น
    คงปล่อยให้ท่านอื่นๆทำไป

    การกระทำของผมก็คงไม่ต่างจากการที่เรากินเนื้อสัตว์โดยไม่รู้สึกผิดศีล เพราะเราไม่ได้ฆ่าเอง
     
  10. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,518
    ค่าพลัง:
    +27,187
    บอกอะไรไปก็ไม่เคยสนใจฟังสนใจอ่านเล้ย
    ฟังแต่ตัวเอง
    ปล่อยตายหมดดีก่า
    ขี้เกียจยุ่งละ
     
  11. มดดํา

    มดดํา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +129
    ผมอยากเห็นนะครับ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ถ้าพูดถึงแค่ความต้องการของตัวเองโดยไม่สนว่าชาติไทยมีศาสนาอื่นอยู่ด้วย

    แต่ถ้าผมบอกว่าสนับสนุน ผมคิดว่าเป็นการผิดต่อความเป็นพุทธของตนเอง
    ด้วยการกระทำนั้นจะก่อให้เกิดความไม่พอใจหรือน้อยเนื้อต่ำใจตามมากับเพื่อนร่วมชาติแม้จำนวนจะน้อยกว่าก็ยังเป็นเพื่อนร่วมชาติของเรา

    พูดง่ายๆ สนับสนุนไม่ได้แต่ใจลึกๆอยากให้เป็น
    คงปล่อยให้ท่านอื่นๆทำไป

    การกระทำของผมก็คงไม่ต่างจากการที่เรากินเนื้อสัตว์โดยไม่รู้สึกผิดศีล เพราะเราไม่ได้ฆ่าเอง
    ประเด็นของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย นอกจากจะมีเรื่องความแตกแยก ก็จะมีประเด็นที่สำคัญกว่าคือ การไปบัญญัติว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้น ไม่ได้ทำให้ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดแต่ประการใด แต่อยู่ที่การที่ผู้คนในชาติประพฤติปฏิบัติธรรม พระสงฆ์ปฏิบัติตามแนวทางขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าต่างหาก นี่แหละคือแก่น

    ถ้าบรรจุลงไปแล้ว ทำให้การประพฤติปฏิบัติธรรมของคนดีขึ้น หรือธรรมะรุ่งเรืองขึ้น ก็น่าจะบรรจุ

    ไม่ใช่บรรจุไปแล้ว แต่มีเหตุการณ์ที่ไม่ดีไม่งามต่อวงการสงฆ์ หรือชาวพุทธไม่ปฏิบัติตามแนวทางคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเป็นที่เย้ยหยันต่อชนชาวโลกว่า นี่หรือเมืองพุทธ นี่หรือประเทศที่ถึงขนาดกับบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ดูสิ ดูคนที่ก่อเรื่องขึ้นสิ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนพุทธ

    ในอดีตกาล เมื่อพระพุทธองค์เผยแพร่คำสั่งสอน ก็ไม่ได้บังคับหรือร้องขอให้เจ้าผู้ครองนครประกาศว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำนครแว่นแคว้นนั้นแต่ประการใด.....จริงมั้ย

    การที่พยายามให้รัฐบัญญัติว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ก็เป็นการ "ยึดติด" อย่างหนึ่ง ยึดติดว่าสิ่งนี้เป็นของเรา เป็นตัวเรา ลืมนึกไปว่า "ธรรมะ" ต่างหากที่เป็นของจริง เป็นอกาลิโก

    ถามว่าหากคุณเป็นชาวพุทธจริง ตั้งใจจะปฏิบัติธรรมจริง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในที่ใดในโลกนี้ หรือมีคนเอาปืนมาจ่อหัว เอาอามิสมาล่อ คุณก็ยังนับถือศาสนาพุทธอยู่ใช่มั้ย และที่นับถือนั้น ไม่ใช่นับถือเพราะว่ามีกฎหมายสูงสุดบัญญัติไว้เช่นนั้นใช่มั้ย

    สุดท้ายขอฝากไว้ว่า ท่านผู้เจริญ ท่านจะรักษาธรรมยิ่งกว่าอักขระ หรือจะรักษาอักขระยิ่งกว่าธรรมล่ะ
    สำหรับผมไม่ถึงกับไม่เห็นด้วย แต่รู้สึกว่าไม่สำคัญถึงขนาดต้องบรรจุลงในรัฐธรรมนูญ หลายๆท่านที่ลงความเห็นดูจากคำพูด ก็เหมือนจะเกิดจากโทสะจากเหตุการณ์ปัจจุบันตามที่ได้รับข่าวสาร และจากบางท่านที่ว่า"ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วมีทางแก้ปัญหานี้ได้มั๊ย" แล้วท่านคิดว่าการทำเช่นนี้(บรรจุลงรัฐธรรมนูญ)คือวิธีการแก้ปัญหาแล้วหรือ ผมว่ามันเหมือนกับการขีดเส้นแบ่งแยกกัน, เอาชนะกันมากกว่า หลายๆเรื่องที่คนไทยศรัทธาสืบเนื่องต่อๆกันมา ก็ไม่เห็นต้องบรรจุลงในรัฐธรรมนูญเลย เราทำสืบเนื่องกันมาก็เพราะจารีตประเพณีและวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกลงในผืนแผ่นดินไทย มิใช่ว่าสิ่งที่เราปฏิบัติต้องอยู่ในรัฐธรรมนูญทุกเรื่อง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นผู้ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ

    จากประวัติศาสตร์ ของพุทธกาล มีทั้งยุคเฟื่องฟูและยุคที่ตกต่ำถดถอยของพระพุทธศาสนา
    ในยุคที่เฟื่องฟูก็ไม่เห็นมีการประกาศว่าประเทศนั้นประเทศนี้ต้องมีแต่พุทธศาสนา พุทธเจริญได้ด้วยหลักธรรมคำสั่งสอนและการประพฤติปฏิบัติของผู้ที่เลื่อมศรัยศรัทธา แต่ปัจจุบันที่เหมือนเริ่มเสื่อมลงก็เพราะคนพุทธบางส่วนในปัจจุบันที่เข้าใจพระธรรมแบบผิดๆ (เดี๋ยวนี้ปัจจุบันพทธกับเครื่องรางของขลังค์มีกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมืองไปหมด และที่ยิ่งแย่พวกสงฆ์นอกรีตทั้งหลาย) * นี่แหละครับที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาที่แท้จริง*

    ส่วนในยุคที่ตกต่ำก็ไม่ใช่เพราะประเทศนั้น,นี้ไม่ประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่ใจและศรัทธาครับ มิได้ใช้เพียงลายลักษณ์อักษร

    อย่างที่บางท่านว่ามีคนบางกลุ่มใช้ช่องว่างของรัฐธรรมนูญในทางที่แย่ และหนักขึ้นทุกวัน แต่ผมว่าเราทำใจเป็นอุเบกขาเถอะครับ แทนที่เราจะมาบรรจุอะไรกัน เรามาระดมสมองกันช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนที่เป็นพุทธ เข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้องแท้จริง ทำแต่ความดี ละความชั่ว และอบรมสั่งสอนลูกหลานในแนวทางอย่างพุทธ (โรงเรียนแรกและโรงเรียนที่สำคัญที่สุดของคนเราคือบ้านและครอบครัวนะครับไม่ใช่ตำราเรียน) และทำให้คนที่ไม่ใช่พุทธมาศรัทธาพุทธด้วยใจอย่างแท้จริง อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขาเลยครับ
    พึงชนะความไม่ดีด้วยความดี พึงชนะความสับสนวุ่นวายในสังคมด้วยความสงบเถอะครับ.
    COPY..มาครับ...สรุปว่า.....
    1.เราจะได้อะไรจากการกระทำนี้.
    1.1 ผู้นับถือได้อะไรเป็นการตอบแทน หรือแค่ความรู้สึก
    1.2 ผู้นับถืออื่นๆได้อะไร แต่ความรู้สึกจะเป็นอย่างไร?.
    2.พุทธศาสนาได้อะไรที่เป็นประโยชน์
    3.ผู้หวังความวุ่นวายได้อะไร.
    กฎมีไว้แหก
    ขออภัย.. แค่ไม่อยากให้ไครใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ......
    กรุณาใช้ศิล สมาธิ และปัญญา..มีเมตตา กรุณา มุทิตา และอูเบกขา
     
  12. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ไม่มีความจำเป็นครับ เพราะเราชาวพุทธไม่ได้สืบต่อศาสนาด้วยการบังคับ ด้วยการปกครอง ด้วยการแต่งงานหรือ ด้วยแค่ว่าอยู่ในตระกูลเดียวกัน หากแม้มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย กล่าวไตรสรณคม ด้วยความทราบซึ้งจริงใจก็จัดเป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว
     
  13. tutchanan

    tutchanan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +356
    เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
     
  14. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    ธรรมะพระราชทานจากพระราชนิพนธ์พระมหาชนก .....ขอเพียงได้กระทำความเพียรอย่างที่สุดแล้ว จะสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ คือพระสัจธรรมอันปฏิเสธไม่ได้ และเป็นอมตะ ไม่จำกัดกาล

    ล้นเกล้าของปวงชนชาวไทยผู้ทรงไว้พระมหากรุณาธิคุณล้น เกล้าล้นกระหม่อม อย่างประชาชนคนดีปกติย่อมสำนึก กตัญญูรู้คุณไม่รู้ลืม อีกทั้งย่อมชัดเจนว่าพระองค์ท่านทรงเปี่ยมล้มด้วยพระราชศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนาเป็นที่สุดอย่างหาที่เปรียบได้ยาก

    พระพุทธวัจนะมีอาทิ ยกย่องบุคคลอันควรยกย่อง ข่มบุคคลอันควรข่ม บูชาบุคคลอันควรบูชา ความกตัญญูคือเครื่องหมายแห่งคนดี

    ประชาชนคนดีจึงย่อมกตัญญูอย่างที่สุดในพระมหากรุณาธิคุณแผ่ไพศาล

    อีกทั้งความดีสูงสุดในพระพุทธศาสนา คือการละสังโยชน์ หนึ่งในสังโยชน์ 10 คือ วิจิกิจฉา ฉะนั้นผู้ละสังโยชน์ข้อนี้ได้ ย่อมเทิดทูน กตัญญูในบวรพระพุทธศาสนาอย่างสุดหัวใจ ไม่มียกเว้นทั้ง กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม

    และไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่มาบอกให้แสดงเป็นอื่น กลับจะกล่าวประณามในความพยายามอันลามกนั้น ประดุจพราหมณ์เข็ญใจผู้เพิ่งบรรลุธรรมกล่าวประณามแม้พระอินทร์ที่มาทดสอบลองใจ

    ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี่ ย่อมชัดเจนว่าผู้ที่เข้าใจในพระธรรม เคารพในพระรัตนตรัย ย่อมปฏิบัติเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากจะเพียรยืนยันสนับสนุนว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะบัญญัติยกย่อง เชิดชู พิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาไว้คู่กับชาติและพระมหากษัตริย์

    และย่อมชัดเจนเช่นเดียวกัน ว่าผู้ที่คัดค้านคือผู้ที่ยังไม่เข้าถึง และยังไม่เข้าใจในพระธรรม ทั้งยังบังอาจประกอบกรรมอันลามก คัดค้านปฏิเสธมิให้มีการยกย่อง เทิดทูนพระพุทธศาสนาไว้ในสถานะสูงสุดอันควร จึงเป็นบุคคลอันควรข่มประณาม ตามพระพุทธวัจนะโดยแท้

    ดังเช่นท่านพราหมณ์ผู้บรรลุธรรมที่กล่าวประณามพระอินทร์ว่า ถ่อย ฉะนั้น
     
  15. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    อนึ่ง ใครพอมีปัญญา ก็กดดูประวัติการแสดงข้อความ
    ของเหล่าคนถ่อยดูเถิด ว่าเขาเคยสนใจอะไร เคยแสดง
    ตนไว้อย่างไร มีความรู้ความเข้าใจเพียงใด

    พอมีประเด็นการเมืองนี้ขึ้นมา ก็รวมหัวกันปลุกปั่นสร้าง
    ความสบสน ในลักษณะปลุกระดมมวลชน ไม่ผิดอะไร
    กับผู้ก่อการร้าย หรือพวกคอมมูนิสต์ในอดีต

    คนไทยเจ้าของประเทศเอ๋ย เหล่าคนถ่อยมันเพียรทำลาย
    แผ่นดินของเราให้พินาศย่อยยับอยู่ทุกวัน จะลุกขึ้นสู้ หรือ
    หลับหูหลับตาอย่างขลาดเขลาต่อไป
     
  16. พระต้นรัก

    พระต้นรัก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +98
    "ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา" เป็นสำนวนที่น่าจะมอบให้กับชาวพุทธที่ไม่เห็นภัยในศาสนา ที่กำลังคืบคลานเข้ามาโดยที่เราไม่ทันระวังตัว
    ศาสนาทุกศาสนาต่างก็อยากที่จะให้ศาสนาของตนเองนั้นมีผู้ที่นับถือมากที่สุดจึงได้ทำการเผิยแผ่โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งพุทธเราเองก็มีวิธีการเผิยแผ่ของเราอยู่ โดยวิธีอันสันติ สงบ ยึดหลักเมตตาไม่เบียดเบียน และนี่แหละคือจุดอ่อน ที่เราต้องตกเป็นผู้พ่ายแพ้แก่ศาสนาที่ไม่สนใจในคำว่า เมตตา
    ถามว่าเราเคยมีประสบการณ์มาก่อนหรือไม่ ตอบว่ามี คือเราต้องสูญเสียผู้ที่นับถือพุทธศาสนาในประเทศอินเดียไป ทั้งๆที่เป็นจุดแรกแห่งการเกิดของศาสนา เราต้องสูญเสีย ตำหรับตำราหลักคำสอนทางศาสนาหลักวิธีการปฏิบัติ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสนาไปมากมายที่มหาวิทยาลัยนาลันทา มันฆ่าเราอย่างไม่ปราณี ไม่ทิ้งไว้แม้กระทั้งหนังสือสักเล่ม ตำราสักฉบับ สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจชาวพุทธเราได้เสมอ
    ปัจจุบันนี้ใกล้แล้วที่เราจะต้องตกเป็นเหมือนในอดีต ถ้าเรายังขาดการเอาใจใส่ ป้อกป้องศาสนาเราทุกวิถีทางเท่าที่เราจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเราเองที่จะต้องออกต่อสู้ หรือหาวิธีการป้องกันอื่นๆ เช่น ให้รัฐมาเป็นผู้ดูแลปกป้องและอุปถัมภ์ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถจะปกป้องศาสนาเราเอาไว้ได้ เราก็ควรที่จะกระทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าปล่อยไว้นานเกินไป แล้วมันจะสายเกินแก้ เราอาจจะต้องเป็นผู้พ่ายแพ้ดังในอดีตอันขมขื่นที่เราประสบมาก็เป็นไปได้
     
  17. AlphaJet

    AlphaJet Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +54
    ผมขอเป็นกลางทางความคิดนะครับ

    คือว่าการที่พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองในประเทศไทยครบ 5000 ปีตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการปฎิบัติ ของคนของเราเองมากกว่านะครับ หากครบครัวของไทยเราไม่ส่งเสริมให้ลูกหลานเราเองเดินเข้าวัดเข้าหาพระ น้อมนำคำสอนของพระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาปฏิบัติ พระพุทธศาสนาของประเทศไทยจะไม่มีวัน จากประเทศไทยไปได้ คนไทยต้องยึดติดกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ให้ได้ ก่อนปัจจุบันคนไทยเองถ้าไม่เดือดร้อนก็ไม่เดินเข้าวัด ไม่เป็นทุกข์ก็ไม่เดินเข้าวัด ไม่ถึงเวลาที่จะต้องตายก็ไม่เดินเข้าวัด คนไทยรู้แต่ว่าวัดมีไว้เพื่อระบายทุกข์เท่านั้นเป็นที่สำหรับคนตาย

    เราควรเริ่มที่ต้นเหตุมากกว่านะครับ คนไทยชอบทำอะไรที่ปลายเหตุ วันนั้นผมดู TV มีอาจารย์ท่านหนึ่งท่านให้สัมภาษส์ กับทาง TV เกี่ยวกับเรื่องนี้ บอกว่าในตำรามีแต่เนื้อหา นักเรียนก็เรียนแต่เนื้อหาจากตำราเท่านั้น แต่ผมกลับคิดว่าแล้วในเมื่อท่านอาจารย์อย่าให้มีการปฏิบัติ ทำไมอาจารย์ท่านไม่เสนอทาง ผ.อ.ของโรงเรียนท่านไปละครับให้มีการจัด เกี่ยวกับการปฏิบัตธรรมด้วย หรือเป็นการจัดกิจกรรมให้มีการนิมนต์พระอาจารย์ ตามวัดมาเทศให้นักเรียน และครูอาจารย์ที่โรงเรียนของท่านฟัง มีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติ นั่งสมาธิให้กับเด็ก ท่านมั่วแต่คอยพึ่งคนอื่น แล้วเมื่อไรเด็กของโรงเรียนท่านจะรับความเป็นพุทธบริษัทละครับ ในเมื่อตำรามันไม่ดีมันไม่ทำให้พระพุทธศาสนาโดดเด็นขึ้นมา ทำไมเราไม่ทำให้เป็นหลักสูตรที่ใช้ได้จริง ปฏิบัติได้จริง เพราะยังไงเวลาสอบเอ็นก็ไม่ต้องสอบพุทธศาสนาอยู่แล้ว เราก็ดัดแปลงเองสิครับ ตำรามีไว้ศึกษา แต่สิ่งที่ทำให้รู้และเข้าใจคือต้องปฏิบัตไม่ใช้หรือครับ ก็ท่านเล่นมั่วแต่มาพูดว่าปลายเหตุไม่ส่งเสริม แต่ผมมคิดว่าพวกท่านเองนะแหละครับที่สามารถทำให้เป็นจริงได้แต่ท่านไม่ทำเท่านั้นเองละครับ

    เรากลับไปเริ่มที่บ้านกันเถอะครับ เราที่ตัวเรา แล้วต่อไปหาลูกเรา ญาติเรา คนรอบข้างเรา บอกเขาแนะนำเขา พาเขาให้รู้จักการทำบุญ ละจากบาป เช้ามาก็ใส่บาต เสาร์อาทิตย์ หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก็พาเข้าวัดฟังธรรม ก่อนนอนก็สอนให้สวดมนต์ ไม่ใช้ฟังเพลง แล้วก็หลับตานอน และถึงวันสำคัญก็สอนให้เขารู้ว่าวันเหล่านี้เกิดอะไรขึ้น ทำไม่เพราะเหตุใดทางพุทธศาสนาถึงให้วันนี้เป็นวันสำคัญ หากทุกบ้านทำได้อย่างนี้ ศาสนาพุทธจะไม่เป็นเพียงศาสนาประจำชาติไทยครับ ศาสนาพุทธจะเป็นศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุดในโลก และจะอยู่ไปถึง 5000 ปีตามพุทธโอวาสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    หากคนที่เป็นคน หรือคนที่นับถือศาสนาพุทธไม่สอนให้คนรุ่นหลังจากเรารู้ว่าศาสนาพุทธคือ อะไร ปฏิบัติอย่างไรจึงจะเข้าถึงหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เมื่อนั้นพระพุทธในใจคนก็จะหายไป และจะค่อยๆ หายไปจากใจของคนเรา ไปเรื่อยๆ

    ก่อนที่จะว่าอะไรกันผมอยากให้คนที่ตั้งใจจะทำสิ่งที่กำลังให้ช่วยกันโหวตนะ คุณเคยลองไปถามคนที่เขาเคยนับพุทธแล้ว เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น บ้างหรือเปล่าครับว่าทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนใจไปนับถือศาสนาอื่น แล้วนำสิ่งที่พวกเขาคิดกันมาปรับปรุงแล้วแก้ไขให้แทนที่คนในศาสนาอื่น เขาจะดึงคนของเราไปหมด เพื่อให้เราดึงคนที่กำลังหลง อยู่ในอะไรก็ไม่รู้ให้กลับมาหาศาสนาพุทธ ผมว่าน่าจะดีกว่านะ อย่าให้ศาสนาพุทธอยู่ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียวเลย ให้ไปเกิด และเจริญที่อื่นด้วย มาช่วยกันดีกว่าครับ

    หากได้บรรจุผมก็ขออนุโมทนาด้วยคนแล้วกันครับ แต่ถ้าเกิดเป็นอย่างอื่นๆ อย่าไปเสียดายเลยครับ อย่าไปยึดติดเลยพวกตัวหนังสือ เรามาช่วยกันส่งเสริมให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของโลกดีกว่าครับ และมาช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนากันดีกว่าครับ
     
  18. ~{พิรุณราตรี}~

    ~{พิรุณราตรี}~ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +13
    ความเห็นของผมนะคับ

    ผมเป็นชาวพุทธคนหนึ่งที่เชื่อในคำสอนของพุทธองค์ ผมอย่างให้เพื่อนชาวพุทธทุกคน ใช้ชีวิตอย่างสงบตามที่พุทธองค์ท่านสอนไว้ อย่าทำให้ศาสนาที่เรารักและเคารพไปทำตามกระแสสังคมมันจาขัดต่อเจตนารมณ์ของพุทธองค์เลย มันไม่ใช่วิถีชาวพุทธ เพราะเราไม่ใช่คริตหรืออิสลามที่จะอ้างพระเจ้ามาทำสงครามบังคับให้คนนับถือศาสนาของตัวเอง เราเป็นชาวพุทธควรจะปฏิบัตตัวให้เขานับถึอและศรัทราในสัจทำคำสอนของพุทธองค์เอง จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การเกิด ตั้งอยู่ ดับไป เป็นสัจธรรม นานจิตตัง บังคับต้วได้แต่บังคับใจไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ สุดท้ายนี้ผมขอแค่ฟากทุกคนทบทวนตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่แล้วทำผิดข้อไหนบ้างนะคับ "ติเตี่ยนตนก่อนติเตี่ยนคนอื่น" เพื่อจะไม่ให้คนอื่นเขามาว่าเราได้ในสิ่งที่ตัวทำ ขอบคุณคับ
     
  19. กล้าหา

    กล้าหา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +21
    กราบเรียนพวกมักน้อยทั้งหลาย ที่มีปัญญาฉลาดล้ำลึก ขณะที่ท่านพยาย้าม พยายาม ในการเรียกร้องอยู่นี้ อีกซีกโลกหนึ่งเขาได้ ยกย่องตามข่าวนี้
    ในที่สุดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เกิดจากพระปรีชาสามารถ ก็ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เมื่อองค์การสหประชาชาติ (United Nations) น้อมรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำไปใช้กับประเทศกำลังพัฒนาได้อย่างยั่งยืน


    ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดเผยว่าที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ (United Nations) น้อมรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงริเริ่มนำไปใช้กับประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก เพราะปรัชญาดังกล่าว เป็นแนวคิดที่อยู่เหนือขอบเขตของประเทศต่างๆ


    ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการ องค์การสหประชาชาติ ได้บินมาเมืองไทย เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวาย รางวัลพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ดีเด่น แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่พระองค์ทรงช่วยพัฒนาคนไทย ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในชนบท มาตลอดช่วงพระชนม์ชีพของพระองค์ โดยอิงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระองค์ทรงคิดขึ้นเป็นการประกาศแนวคิดนี้ในระดับโลกเป็นครั้งแรก

    ปรัชญานี้ มีธรรมะทางพระพุทธศานาสอดแทรกอยู่เพียบหรือทั้งหมดเลยก็ว่าได้
    ถามว่าที่ได้การยอมรับมาเพราะอะไร การชุมนุนของท่านไม่ว่าพระหรือฆาราวาสทั้งหลาย พอได้แล้วคิดให้มากๆอย่าเอาปัญหาเล็กๆมา ทำให้เสียเรื่องทำให้เราไม่ต่างกับ คนนับถือศาสนาอื่นๆ ให้ดูแบบพระองค์ ปิดทองหลังพระและทองก็จะล้นออกมาหน้าพระเอง ไม่ต้องมาอ้างแบบเรียน อุนาโลมกองทัพอะไรต่อมิอะไรเลย เรื่องแค่นี้ มักน้อยไปหรือเปล่า กลับไปคิดให้ดีๆเถิดจะด่าจะว่าอะไรผมเชิญเลย เพราะผมมันมักมาก และผมก็ไม่อยากทะเลาะกับเด็กๆ
     
  20. กล้าหา

    กล้าหา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +21
    แต่ผมชอบแกล้งเด็กสนุกดี จะได้ศึกษาหาความรู้เยอะๆเอามาฝากผมในความเห็นต่อๆไป ก็ยังรักทุกคนนะครับ เมื่อพิธีเป่ายันต์เมื่อวันที่ 21 เมษาที่ผ่านมาก็นั่งไม่ห่างกันเท่าไรศาลาเดียวกันเสาร์ 18 สิงหาปีนี้อย่าลืมไปเป่าอีกรอบด้วยล่ะคิดถึง ก็จะอยู่ดูแลกันตลอดไป ไม่ทิ้งกันอยู่แล้วก็เราแขวนพระหลวงพ่อเดียวกัน คงสะท้อนกันไปสะท้อนกันมา แต่อย่าว่ากันแรงจนเกินไปนะผมว่าขาดทุนเปล่าๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...