อย่างไรถึงเรียกว่าบาป(ถามนะครับ)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Boatmeet, 6 เมษายน 2012.

  1. Boatmeet

    Boatmeet Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +66
    ธรรมดาแล้วเราก็จะถือศีล 5 ไปใช่มั้ยครับ พยายามจะไม่ให้ศีลข้อนั้นข้อนี้ขาดไม่งั้นมันก็จะเป็นบาป
    แต่บางครั้งสิ่งที่เรารู้ว่ามันบาปแต่ไม่ได้อยู่ในศีลเราจะเรียกมันว่ายังไง อย่างเช่น การนินทาคนอื่นเราก็รู้ว่ามันไม่ดีเป็นบาป ทรมานสัตว์มันก็บาป แต่ก็ยังไม่ได้ฆ่าก็เลยไม่ผิดศีลข้อ 1แต่เราก็รู้ว่ามันบาป
    ทั้งหมด คือ ผมอยากจะรู้ว่าเราใช้อะไรเป็นเกณฑ์ว่าสิ่งๆนั้นบาปหรือไม่
    ป.ล.
    ไม่ขอคำตอบที่ว่า"เป็นสิ่งที่เราทำแล้วไม่สบายใจอะไรอย่างนี้นะครับ"
     
  2. khomeraya

    khomeraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +21,369
    ใช้อะไรเป็นเกณฑ์นะเหรอ

    ถ้าเป็นฆราวาส คำที่พื้นๆที่สุดก็คือ คำว่า "เบียดเบียน" ไปดูเถอะครับ ศีลห้า ก็คือ ข้อห้ามการเบียดเบียนซึ่งกันและกันแหละครับ ไม่ว่าจะเบียดเบียนด้วยการฆ่า ลักขโมย โกหกเค้าเป็นต้น

    ถ้าเป็นพระภิกษุสงฆ์ เพิ่มมาอีกอย่างครับ นอกจากคำว่า "เบียดเบียน" นั่นคือคำว่า "ผิดพระวินัย" ........
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    พระวจนะ" ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่อใดแล อริยสาวก มารู้ชัดซึ่งอกุศลและอกุศลมูลด้วย มารู้ชัดซึ่งกุศลและกุศลมูลด้วย แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกนั้น ชื่อว่าผู้มีสัมมาทิฎฐิ ทิฎฐิของเขาดำเนินไปตรง เขาประกอบแล้วด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นใหวในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้..........."ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย สิ่งที่เรียกว่า อกุศลนั้น เป็นอย่างไรเล่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย การทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วง เป็นอกุศล การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้เป้นอกุศล การประพฤติผิดในกามเป็นอกุศล การกล่าวเท็จเป็นอกุศล วาจาส่อเสียดเป็นอกุศล วาจาหยาบเป็นอกุศล การกล่าวคำเพ้อเจ้อเป็นอกุศล อภิชฌาเป็นอกุศล พยาบาทเป็นอกุศล ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เหล่านี้ท่านกล่าวว่าเป็นอกุศล..........ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย สิ่งที่เรียกว่าอกุศลมูลนั้น โทสะเป็นอกุศลมูล โมหะเป็นอกุศลมูล ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เหล่านี้ท่านกล่าวว่าเป็นอกุศลมูล............ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย สิ่งที่เรียกว่ากุศลนั้น เป็นอย่างไรเล่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เจตนาเว้นจาก ปาณาติบาต เป็นกุศล เจตนาเว้นจากอทินนาทานเป็นกุศล เจตนาเว้นจากกามาสุมิจฉาจารเป็นกุศล เจตนาเว้นจากมุสาวาทเป็นกุศล เจตนาเว้นจากปิสุณาวาทเป็นกุศล เจตนาเว้นจากผรุสาวาทเป็นกุศล เจตนาเว้นจาก สัมผัปปลาปเป็นกุศล อนภิชฌาเป็นกุศล อัพยาบาทเป็นกุศล สัมมาทิฎฐิเป็นกุศล ท่านผู้มีอายุทั้งหลายเหล่านี้ท่านกล่าวว่าเป็น กุศล ............ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ในกาลใดแล อริยสาวกมารู้ชัดซึ่งอกุศลอย่างนี้ รู้ชัดซึ่งอกุศลมูลอย่างนี้ รู้ชัดซึ่งกุศลอย่างนี้ รู้ชัดซึ่งกุศลมูลอย่างนี้ อริยสาวกนั้นละ ราคานุสัย บรรเทาปฎิฆานุสัย ถอนอนุสัยแห่งทิฎฐิและมานะว่า เรามีเราเป็น ได้โดยประการทั้งปวง ละอวิชชาแล้ว ทำวิชชาให้เกิดเธอกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในทิฎฐิธรรมนี้นั้นเทียว ท่านผู้มีอายุทั้งหลายแม้ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล อริยสาวกนั้นชื่อว่าผู้มีสัมมาทิฎฐิ ทิฎฐิของเขาดำเนินไปตรง เขาประกอบแล้วด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นใหวในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้---------(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส):cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2012
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ........เป็น อกุศล มูล พวก โลภะ โทสะ โมหะ ราคะ ครับ อันนำไปสู่ทุกข์ ทั้งกายและใจ:cool:
     
  5. ด้อยค่า

    ด้อยค่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +143
    บาป คือ :
    "สิ่งที่ทำแล้ว ภายหลังระลึกได้ เกิดความทุกข์ ความไม่สบายใจ"

    :cool:
     
  6. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ถูกปรุงแต่งด้วยความโลภ/โกรธ/หลง เรียกว่าบาป

    ศีล 5 กันบาปได้มากก็จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  7. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    ทุกวันนี้ มีชีวิตอยู่ทำทุกอย่างที่ ไม่ผิดศิล ผิดธรรม ผิดกฎหมาย เอามาจาก ดร.สนองครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 เมษายน 2012
  8. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    สิ่งที่ถูกต้องเรียกว่าศีลธรรม ผิดศีลก็คือผิดธรรม ผิดธรรมก็คือผิดศีล
    สิ่งต่าง ๆ ที่ทำด้วยกาย วาจา ใจ ที่เป็นอกุศล ทำแล้วเกิดความเดือดร้อนแก่ตนหรือผู้อื่น ในขณะนั้น หรือภายหลัง เป็นบาปทั้งนั้น ฯ
    การนินทา ก็เป็นบาป เรียกว่า วจีทุจริต หรือกายทุจริตก็ได้เพราะอาศัยปากทำ แต่ผู้รู้เรียกว่า วจีทุจริต คือทำชั่วด้วยวาจา
    ความสงบ ความร่มเย็น อยู่ในสีลของมนุษย์ทั้งนั้น ศีลคือความปกติ ศีลแปลว่าเย็น ศีลแปลว่าความปกติ ผู้มีศีลเป็นมนุษย์ ผู้ไม่มีศีลไม่ใช่มนุษย์
    ปกติของมนุษย์จะไม่เบียดเบียนกันด้วยวิธีการต่าง ๆ คือ ไม่เบียดเบียนด้วยกาย วาจา ใจ
    ถ้าเบียดเบียนกัน ก็ไม่ใช่มนุษย์ (เป็นอย่างอื่น ๆ ที่ต่ำกว่าคน ต่ำกว่ามนุษย์ไปแล้ว)

    คำว่าบาป, อกุศล, ทุจริต, มีความหมายว่าชั่ว, Not good by giving yourself and others the hard times (3 times). คือสร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่นตลอดกาลนาน เพราะการกระทำทางกาย ทางวาจา ทางใจ จะด้วยตั้งใจ หรือไม่ก็ตาม ถ้าตั้งใจก็โทษหนัก ยิ่งไม่รู้ยิ่งโทษหนักกว่าฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 เมษายน 2012
  9. roop&nam

    roop&nam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +215
    ศีล+ธรรม
    ไม่ผิดศีลแต่ผิดธรรมไงครับก็เลยบาป
     
  10. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    คำว่าบุญบาป เป็นสิ่งที่ถูกตั้งขึ้น ด้วยมนุษย์ กรรม คือสิ่งที่ทำแล้วส่งผลให้ผลย้อนกลับมา ในทางไม่ดีเรียกว่าบาป ในทางดีเรียกว่าบุญ ละทั้งบุญทั้งบาป ก็นิพพาน ความสงบ จะไม่มีบุญและบาป ไม่เบียดเบียนดีที่สุด
     
  11. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ...การกระทำใดใด ทำไปแล้วส่งผล ให้หนักใจ...เป็นบาป บุญ..ทำให้เบาใจ

    ...ใจ รับผลแห่งบุญ บาป...ผลของการกระทำกระทบที่ใจเสมอ

    ...การให้ ด้วยจิตมีพรหมวิหาร...ใจเป็นสุข..ใจจะเบา

    ...การกระทำด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ที่ทำให้ผู้อื่นต้องได้รับผลเดือดร้อน...เมื่อใจรับรู้...ใจไม่เป็นสุข....จะหนักใจ(จากผลที่ตามมา)
     
  12. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    แปลตรงๆ สั้นๆเลยนครับ
    บาป คือความชั่วให้ผลเป็นทุกข์ ให้ความเร่าร้อน
    บาป คือผู้คนมีใจหยาบ ไม่เกรงกลัวผลของอกุศลทั้งสิ้น
     
  13. papatsorn

    papatsorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +804
    ต้องมีศีล 5 + กุศลกรรมบท 10 ค่ะ เพราะมันเหมือนจะอธิบายศีลให้ละเอียดขึ้นค่ะ


    กุศลกรรมบท 10
    ประพฤติดีด้วยกาย 3 ประเภท

    ประพฤติดีด้วยกาย นั้นชื่อว่า กายกรรม คือ ทำกิจการงานด้วยกายอย่าให้ทุกข์เกิดขึ้นแก่ผู้อื่น กายกรรมที่ให้เกิดทุกข์แก่ผู้อื่นนั้น มี 3 ประการ

    คือ อย่าเบียดเบียนร่างกายของท่าน คือ อย่าฆ่า อย่าฟัน อย่าทุบ อย่าตี ร่างกายของท่านผู้อื่นโดยที่สุด เว้นถึงสัตว์ติรัจฉานได้ยิ่งเป็นการดี ตรงภาษาบาลีที่ว่า ปาณาติปาตาเวรมณี ฯ
    คือ อย่าเบียดเบียนทรัพย์สมบัติข้าวของของท่านผู้อื่น คืออย่าลักขโมย อย่าฉ้อโกง อย่าเบียดบังเอาข้าวของของท่านผู้อื่น ตรงภาษาบาลที่ว่า อทินฺนาทานาเวรมณี ฯ
    คือ อย่าแย่งชิงลักลอบด้วยอำนาจของกายในหญิงที่ท่านหวงห้าม ตรงภาษาบาลีที่ว่า กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณีฯ

    ประพฤติดีด้วยวาจา 4 ประเภท

    ประพฤติดีด้วยวาจา 4 ประเภท (วจีกรรม 4 ประเภท) นั้นได้แก่

    คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำที่สัตย์ที่จริง ให้เว้นจากวาจาที่เท็จไม่จริงเสีย ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า มุสาวาทาเวรมณี ฯ
    คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำอันสมานประสานสามัคคีให้ท่านดีต่อกัน ให้เว้นวาจาส่อเสียดยุยงเสีย ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า ปิสุณายาวาจาเวรมณีฯ
    คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำอันอ่อนโยน ให้เกิดความยินดีแก่ผู้ฟัง ให้งดเว้นวาจาที่หยาบคายขึ้นกูขึ้นมึง บริภาษตัดพ้อหยาบๆ คายๆ ให้ผู้ฟังได้รับความเดือดร้อนต่างๆ เสีย ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า ผรุสฺสายวาจายเวรมณี ฯ
    คือ ให้กล่าวแต่วาจาถ้อยคำที่เป็นไปกับด้วยประโยชน์ ให้เว้นวาจาที่เหลวไหล คือพูดเล่นหาประโยชน์มิได้เสีย ตรงกับภาษาลีที่ว่า สมฺผปฺปลาปาวาจายเวรมณี ฯ

    ประพฤติดีด้วยใจ 3 ประเภท

    ประพฤติดีด้วยใจ 3 ประเภท (มโนกรรม 3 ประเภท) นั้นคือ

    คือ ให้ระวังเจตนากรรม ให้สัมประยุตต์ด้วยเมตตาอยู่เสมอ คือ ความดำริของใจ อย่าให้ลุอำนาจแห่งโลภะ คืออย่าเพ่งเอากิเลสกามและวัตถุกามของท่านผู้อื่น อันไม่สมควรแก่ฐานะของตน ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า อนภิชฺฌา โหติฯ
    คือ ให้ระวังเจตนากรรมให้สัมประยุตต์ด้วยกรุณาอยู่ทุกเมื่อ อย่าให้โทสะ พยาบาท เข้าครอบงำได้ ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า อพฺพยาปาโท โหติฯ
    คือ ให้ระวังเจตนากรรมให้สัมประยุตต์ด้วย มุทิตา อุเบกขา อยู่ทุกเมื่อ อย่าให้ไหลไปในทางผิด ให้เห็นตรงตามคลองธรรมทั้ง 10 นี้อยู่ทุกเมื่อ ตรงกับภาษาบาลีที่ว่า สมฺมทิฎฺฐิโก โหติฯ

    ที่มา กุศลกรรมบถ 10
     
  14. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    อกุศลเจตสิก 14 (เจตสิกฝ่ายอกุศล )
    1) สัพพากุสลสาธารณเจตสิก 4 (เจตสิกที่เกิดทั่วไปกับอกุศลจิตทุกดวง )
    14. โมหะ (ความหลง)
    15. อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อบาป )
    16. อโนตตัปปะ (ความไม่สะดุ้งกลัวต่อบาป)
    17. อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน)
    2) ปกิณณกอกุศลเจตสิก 10 (อกุศลเจตสิกที่เกิดเรี่ยรายแก่อกุศลจิต )
    18. โลภะ (ความอยากได้อารมณ์ )
    19. ทิฏฐิ (ความเห็นผิด )
    20. มานะ (ความถือตัว)
    21. โทสะ (ความคิดประทุษร้าย )
    22. อิสสา (ความริษยา)
    23. มัจฉริยะ (ความตระหนี่ )
    24. กุกกุจจะ (ความเดือดร้อนใจ)
    25. ถีนะ (ความหดหู่ )
    26. มิทธะ (ความง่วงเหงา )
    27. วิจิกิจฉา (ความคลางแคลงสงสัย)

    มีสิ่งเหล่านี้ถือไว้ในจิตใจ ก็เป็นการสร้างอกุศลกรรมครับ
     
  15. gaiou419

    gaiou419 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +716
    ทรมานสัตว์ก็อยู่ในขอบข่ายศีลข้อปาณา การนินทาว่าร้ายก็อยู่ในข่ายศีลข้อมุสาด้วยนะคะ ที่เห็นบทสั้นๆ เช่น ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามลักขโมย ห้ามเป็นชู้ ฯลฯ นั่นเพื่อความสะดวกในการจดจำ แต่จริงๆแล้ว ขอบข่ายและนิยามมีเยอะมากกว่านั้น และคลอบคลุมมากกว่านั้นเยอะเลยค่ะ
    หากอยากทราบก็ลองศึกษาดูนะคะ เท่าที่จำได้คร่าวๆ เอาแค่ข้อฆ่าสัตว์ ก็มีการทำร้าย คิดร้าย หมายเอาชีวิต หมายให้เขาเจ็บ ทรมาน กลั่นแกล้ง ฯ
    ข้อลักขโมย ก็เยอะและขอบข่ายคลอบคลุมหมดเหมือนกัน การเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่อนุญาติ (เช่นโหลดเพลงฟรี ใช้โปรแกรมเถื่อน) การไม่จ่ายคืนทรัพย์ที่เป็นของผู้อื่น (เช่น ไม่คืนเงินที่ยืมมา โกงภาษี) การทุจริตทุกประเภท (เช่น ทุจริตเวลาทำงาน หรืออู้งานนั่นเอง การโกงประกัน การใช้ช่องว่างของระบบในการโกง เช่น ที่อเมริกา ก็จะมีการยื่นขอเงินตกงาน แต่ลับหลังก็แอบไปทำงานเงินสดแบบไม่มีหลักฐาน) ข้อกาเมนี่ยาวเหยียดเลย
    ไม่ผิดประเวณีกับผู้มีสามี ภรรยาแล้ว ผู้มี พี่ชาย พี่สาว พ่อ แม่ คอยหวง ที่มีญาติหวง ที่่มี... แม้กระทั่งคนที่ไม่มีใครหวง เช่นไม่มีพ่อแม่พี่น้อง สามี ภรรยา บุตร ญาติ คอยหวง สมมุติว่าตัวคนเดียวเลย ก็ไม่ใช่ว่าจะไปขมขืนเขาได้ เพราะเขาไม่ยินยอม (มีตัวเขาเป็นผู้หวง) ล่วงละเมิดไม่ได้
    ส่วนข้อมุสา ก็อยู่ในขอบข่ายสี่ คือ ไม่พูดมุสาวาท ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียดยุยง ไม่พูดหยาบคาย (แน่นอนว่า การนินทาต้องตกไปอยู่ในข้อใดข้อหนึ่งแน่นอน) หากจะเถียงว่า ทำไมพระอริยเจ้าถึงพูดด่า...ได้ อะไรแบบนั้น ก็ต้องบอกว่า พระอริยเจ้าเป็นผู้บริสุทธ์หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว คำพูดของท่านเป็นการพูดโดยอิงความจริง แต่ปุถุชน หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ การพูดด่า นินทาของปุถุชนนั้นเป็นไปด้วย อารมณ์เจือปน คือ หมั่นไส้บ้าง มันส์บ้าง อยากเห็นเขาเสียหายบ้าง เอาความคิดตนเองมาสรุปใส่เองแล้วเหมาว่าเป็นความจริงบ้าง (ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังอยู่ใต้อำนาจของกิเลส คำพูดที่ออกมาก็ย่อมไม่บริสุทธ์และเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็น) ข้อนี้ขอบข่ายยาวมากค่ะ และเป็นข้อ basic ที่ผิดกันกระจาย ประมาณว่า ใครๆก็ทำกัน ไม่น่าจะบาปสักหน่อย คิดกันไปแบบนั้น ส่วนข้อสุดท้าย คือข้อสุรา อันนี้ขอบข่ายครอบคลุมไปถึงสิ่งใดก็ตามที่ทำให้เราลุ่มหลงขาดสติ ไม่ใช่แค่สุราอย่างเดียวนะคะ อะไรที่เราติดแบบที่ขาดสติและสร้างความเดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่น ข้อนี้รวมเหมาหมดเลยค่ะ แม้กระทั่งคนที่ติดพนัน หมดเงิน เอาบ้านไปจำนอง ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน (แน่นอนว่าตนเองก็เดือดร้อนด้วย) และขาดสติในการเห็นจริงว่า นี่เราทำให้ตัวและคนอื่นเป็นทุกข์ อันนี้รวมอยู่ด้วยค่ะ พระพุทธเจ้าของเราท่านช่างปรีชาสามารถ ท่านเป็นปราชญ์ที่หาใครเสมือนเหมือนไม่มี ที่ท่านบัญญัติมาห้าข้อเท่านั้น เพราะแค่ห้าข้อนี้ก็ครอบคลุมสิ่งที่เป็นกรรมชั่วทุกอย่างได้อย่างชงัดแล้วค่ะ อย่าพึ่งเข้าใจว่า อันนีัไม่เกี่ยว อันนั้นไม่อยู่ในศีลห้า ดังนั้นไม่บาป ดิฉันบอกได้เลยว่า ระดับพระพุทธเจ้าท่านแล้ว ทุกอย่างที่เป็นความชั่ว ไม่มีที่จะไม่อยู่ในข่ายศีลห้า เพียงแต่ความเข้าใจในเบื้องลึกของเราในตัวศีลแต่ละข้อนั้นมีไม่พอที่จะทราบว่าแต่ละข้อนั้นลึกมากขนาดไหน ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันปัญญาน้อย
     
  16. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    ท่าน Boatmeet ที่เคารพ

    สิ่งที่สมาชิกหลายท่านเข้ามาตอบในกระทู้ล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น
    sun dog ไม่ได้มาตอบกระทู้โดยตรง
    แต่มาคุยกับท่าน ฉันกัลยาณมิตร

    ความหมายของ "บาป" นั้น
    sun dog รู้สึกว่าท่านทราบแล้ว ด้วยความรู้สึกจากใจของตน
    ไม่งั้น ท่านคงไม่พิมพ์ประโยคสีแดงข้างบนนั้นออกมา

    ตนรู้สึกว่าท่านเพียงแต่ลังเล ในความสัมพันธ์ของศีลกับบาป
    และสาเหตุแห่งการลังเลนั้น อาจมาจากการไม่ปรารถนาตกนรก
    ไม่ปรารถนารับผลกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเอง
    ...หรือเปล่า ก็ไม่รู้

    หากเป็นเช่นนั้นแล้ว
    - สังเกตตนเองบ่อยๆ นิสัยใดที่ทำให้ตัวเองขุ่นมัวหรือเร่าร้อน ก็ยอมรับ และปรับปรุง
    - เมื่อรู้สึกขุ่นมัวหรือเร่าร้อน ให้อดทน งดทำร้ายผู้อื่นด้วยกาย วาจา ใจ
    - เมื่อรู้สึกฮึกเหิมคะนอง ให้ระวังกาย วาจา ใจของตนจะไปทำร้ายผู้อื่น
    - พักผ่อนกายใจ ให้เพียงพอในแต่ละวัน

    เมื่อท่านทำ อย่างสุดความสามารถ ในแต่ละวัน
    "ศีล" ที่ท่านรักษาได้ตามอัตภาพ จะปรากฎขึ้นเอง
    เมื่อใดที่ท่านไม่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตใดๆได้เลย ท่านก็เป็นผู้มีศีลข้อที่ 1
    สังเกตตนเอง ระวังตนเอง ไปเรื่อยๆ
    เมื่อ "ศีล" ปรากฎครบทั้ง 5 ข้อ
    ท่านย่อมเป็นผู้มีศีล 5 โดยปกติได้เอง

    ท่านจะพอใจ และซาบซึ้ง ในคำว่า "มีศีล5"
    ได้ดีกว่าคำนิยามใดๆ ที่ฟังจากผู้อื่น
    ท่านจะไม่หวาดกลัว "กรรมชั่ว" เลย
    โดยไม่ต้องถกเถียง ถึงนิยามของ "บาป"
    จ้า
     
  17. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    การนินทาผู้อื่น หรือ การทรมานสัตว์
    เราก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าไม่ดี
    แล้วเรา ยังต้องรอ ให้ใคร มาบัญญัติ ศีลหรือ จึงจะงดเว้น ?

    สมมุติว่าเพื่อนๆหรือครู บอกท่านว่า นินทาได้ ทรมานสัตว์ได้เลย ทำเลยเต็มที่ ไม่ตกนรก แล้วท่านจะกระทำตามอย่างนั้นหรือ ?

    สมมุติว่าเพื่อนๆหรือครู บอกท่านว่า ต้มน้ำร้อนไม่ได้นะ เพราะมันเป็นการฆ่าจุลินทรีย์ บาปนะ ห้ามทำเด็ดขาด ท่านจะงดการดื่มชา กาแฟ แกง อาบน้ำร้อน ฯลฯ ได้หรือ ?

    บางครั้งเราอาจลังเล และต้องการความเห็น
    แต่เราพึงตระหนักว่า ตนเองนั่นแหละ ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ
    ความรู้ใดๆ
    หากกระทำตามนั้นไม่ได้
    ก็ไม่เกิดผล
    เรากระทำได้เท่าใด
    มันย่อมให้ผลเพียงเท่านั้น

    อันที่จริง
    ถึงแม้เราจะไม่รู้เรื่องศีลและกฎแห่งกรรมเลย
    เราก็ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
    ว่าการไม่สร้างความขุ่นมัวหรือเร่าร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่นนั้น
    เป็นเรื่องที่ควรกระทำ
    เราก็ย่อมตระหนักดีอยู่แล้ว
    ว่าสิ่งใดที่ตนเองไม่ต้องการถูกกระทำ ก็ไม่พึงกระทำอย่างนั้นแก่ผู้อื่น
    แต่พวกเรา ก็กระทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
    ตามอัตภาพ
    สาเหตุที่พวกเราทำไม่ได้
    ไม่ใช่เป็นเพราะไม่รู้
    แต่เป็นเพราะ
    ไม่ได้สังเกตตนเองบ้าง
    ไม่หนักแน่นบ้าง
    ไม่อยากก่อเหตุ แต่อยากได้ผลบ้าง
    ความไม่พร้อมเหล่านี้
    ทำให้พวกเราพอใจ ในทฤษฎีแปลกๆ ที่ให้ผลรวดเร็ว
    เช่น ทำ 1 ได้ 100
    แลกกรรม
    นึกถึงแต่สิ่งสวยงาม แล้วเบือนหน้าหนีไปจากปรับปรุงนิสัยเก่าๆของตนเอง
    ฯลฯ

    ท่าน Boatmeet ที่เคารพ
    ความตระหนักรู้มีอยู่ในตัวท่านแล้ว เช่นเดียวกับทุกๆคน
    ขอเพียงท่านไม่เบือนหน้าหนีไปจากมัน และพึ่งตนเอง
    ท่านย่อม "เข้าถึง" และ "เข้าใจ" ได้เอง ทุกเรื่อง ทั้งบาป และศีล
    เมื่อตัวท่านพร้อมแล้ว
    จ้า
     
  18. พยัคฆ์หลับ

    พยัคฆ์หลับ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +83
    โมทนา สาธุ

    บาป เขาแปลว่า ความชั่ว
    บุญ เขาแปลว่า ความดี

    จะบาปมากหรือน้อยดูที่เจตนา ถ้ากระทำโดยเจตนา มีจิตโหดร้าย มุ่งหวังทำลายด้วยเรื่องส่วนตัว อย่างนี้บาปมาก

    (นำมาจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรมฉบับพิเศษ เล่ม 3)
     

แชร์หน้านี้

Loading...