ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. bebe9

    bebe9 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2011
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +31
    แปลกดี ที่ยังมีคนศรัทธา วัดนี้อยู่ได้ คนพวกนั้นคิดอะไรกันอยู่ ทั้งที่คำสอนหลายๆๆๆอย่างขัดกับหลักพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าได้บอกไว้ เช่น ปล่อยว่าง ทางสายกลาง ฯลฯ วัดนี้ไม่มีเลย มีแต่ทำบุญด้วยปัจจัยมากๆๆๆๆถึงจะได้ไปสวรรค์ ตลกอ่ะๆๆๆๆๆ
     
  2. herriken

    herriken Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2005
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +91
    สวรรค์เสกลมพายุพัดกระหน่ำ กระแทกซ้ำตามลูกเห็บเจ็บหนักหนา มิเข็ดหลาบกำทราบแทรกแตกอุรา อนาถหนาพาลุ่มหลงเดินดงเอย :)
     
  3. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    เตรียมพร้อม ภัยจากคน

    ในนิมิต เห็นตัวเองเป็นนักเรียนพร้อมเพื่อนๆ เข้าแถวเดินเข้าห้องโถง จากนั้นทั้งหมดก็เดินขึ้นบันได

    ชั้นบน ผมมองออกนอกหน้าต่าง ได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังปรึกษากันอยู่ ในจิตตัวเองขณะนั้นบอกว่าคนกลุ่มนี้จะทำการกำจัดผู้คน

    ผมและเพื่อนมีทั้งหญิงและชายรวมสี่คน ได้เดินเลี่ยงลงมาชั้นล่างเพื่อหลบหนี เดินผ่านด้านหลังห้องเรียน

    เมื่อเดินมาสิ้นสุดที่แม่น้ำ ต่างก็กังวลว่าจะข้ามแม่น้ำไม่ได้แต่ผมจำได้ว่าแม่น้ำสายนี้ถึงกว้างแต่ก็ตื้นสามารถเดินข้ามได้

    เมื่อข้ามแม่น้ำได้แล้ว พอดีรถไฟดีเซลรางมาถึง ทุกคนก็กระโดดเกาะท้ายรถขบวนนี้ไป

    ภาพจะสื่อถึง จะเกิดภัยจากคนและมีการหนีภัย

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำารแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 เมษายน 2012
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อุตุฯเตือนเหนือ อีสาน กลาง ตอ. ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง - ใต้ฝนตกหนาแน่น </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 5 เมษายน 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

    ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจายกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับอ่าวไทยและภาคใต้มีลมตะวันออกพัดปกคลุม ทำให้ภาคใต้มีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานีอุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พายุซัดเชียงใหม่-อ.แม่แจ่มเสียหายวงกว้าง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เวลา 22.00 น. วันที่ 4 เม.ย. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผวจ.เชียงใหม่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ทางโทรศัพท์ว่า

    ทางป้องกันจังหวัดเชียงใหม่รายงานมาให้ตนทราบว่าเมื่อเวลา 18.30-19.00 น.ของวันนี้ ในพื้นที่ 10 หมู่บ้านของ ต.ท่าผา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เกิดฝนฟ้าคะนองกระจาย และได้รับแจ้งความเสียหายเบื้องต้นที่จัดว่ามีความเสียหายมาก ถึง 5 หมู่บ้าน คือ หมู่ 2 วัวควายที่เลี้ยงอยู่ริมน้ำถูกน้ำหลากพัดหายไป 5 ตัว หมู่ 6 บ้านยางหลวง หลังคาบ้านราษฏรเสียหาย หมู่ 9 บ้านผาเรือน หลังคาบ้านราษฏรเสียหาย หมู่ 7 บ้านห้วยไท หลังคาบ้านเรือนราษฏร เสียหาย หมู่ 8 บ้านยางข่วน มีลูกเห็บตกจำนวนมาก ความหนาประมาณ 60 ซม.และมีดินสไลด์ปิดเส้นทางแล้ว ส่วนความเสียหายทั้งหมดมี 10 หมู่บ้าน 900 หลังคาเรือน ซึ่งตนสั่งการให้ ป้องกันภัยจังหวัด อำเภอ และ อปท. ในพื้นที่เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนและสำรวจความเสียหายเป็นการด่วนแล้ว ซึ่งคาดว่า การสำรวจเรื่องความเสียหาย นั้นคงต้องรอวันพรุ่งนี้จะชัดเจน ส่วนวันนี้ให้เข้าทำการช่วยเหลือประชาชนและให้จัดหาที่ให้กับประชาชนที่เดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน

    ส่วนในตัวเมืองเชียงใหม่ก็ได้เกิดพายุเช่นกันประมาณ 10 นาที ทำให้ป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรงบางจุดในตัวเมืองล้มลงมา ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบและเคลียร์พื้นที่ แล้่ว ไม่มีรายงานเรื่องความเสียหาย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>รือเสาะล้อมจับ3ผู้ต้องสงสัยพัวพันบึ้มยะลา-หาดใหญ่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ขอบคุณภาพจากข่าวสด</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.กรมทหารพรานที่ 41

    และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 30 จำนวน 50 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกตรวจค้นบ้านต้องสงสัยไม่มีเลขที่ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านปูโปะ ม.2 ต.รือเสาะออก หลังสืบทราบมีกลุ่มคนร้ายที่พัวพันและรู้เห็นกับเหตุการณ์วางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ จ.ยะลาและวางระเบิดคาร์บอมบ์ชั้นใต้ดินใต้ของโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา แฝงตัวมากบดานที่บ้านหลังดังกล่าว

    เมื่อถึงเป้าหมาย พ.ต.อ.สะท้านฟ้า ผกก.สภ.รือเสาะ สั่งเจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันโอบล้อม

    แล้วใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้ผู้ต้องสงสัยออกมามอบตัว โดยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานกว่า 30 นาที ได้มีบุคคลทั้ง 3 ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักทยอยเดินทางออกมามอบตัว ประกอบด้วย 1.นายดุลละหะเล็ง ยามาสกา อายุ 50 ปี 2.นายอับดุลอาซิ ฮะตะมะ อายุ 41 ปี และ3.นายอัดนัน ดือราแม อายุ 31 ปี


    เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวบุคคลทั้ง 3 มาสอบสวน ที่กองบังคับการชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ในวัดสวนธรรม อ.รือเสาะ

    และต่อมา พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สภ.รือเสาะ พ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.กรมทหารพรานที่ 41 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำตัวบุคคลทั้ง 3 มาเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน


    พ.ต.อ.สะท้านฟ้า กล่าวว่า จากการตรวจสอบขยายผลรถยนต์กระบะและรถยนต์เก๋งที่วางระเบิดคาร์บอมบ์จ.ยะลาและชั้นใต้ดินของโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า

    เมื่อวันที่ 31 มี.ค. พบว่าจากการแกะรอยรถทั้ง 2 คัน โดยเฉพาะกระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน ของนางเพ็ญศรี มานันตพงศ์ ซึ่งเป็น หน.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลยะต๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ที่ถูกคนร้ายปล้นไปเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 54 มาจอดอยู่ที่บ้านพักของนายอับดุลอาซิ ซึ่งอยู่ ต.จะกว๊ะ อ.รามัน


    และพบว่าป้ายทะเบียนของรถคันดังกล่าวหายไป และถูกนำไปสวมรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีดำ ของนายธนศร เกื้อสุข ปลัด อบต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่ถูกคนร้ายบุกยิงและปล้นรถเมื่อวันที่ 21 ต.ค. และใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์ที่ จ.ยะลาและชั้นใต้ดินของโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า

    ส่วนนายดุลละหะเล็ง จากการตรวจสอบประวัติพบเป็นโต๊ะอิหม่าม หลบหนีคดีป.วิ อาญา 9 หมายจับ

    คือ หลบหนีหมายจับของ สภ.รือเสาะ 2 คดี สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา 4 คดี ของ สภ.รามัน 2 คดี และของ สภ.เมืองปัตตานี 1 คดี ส่วนนายอัดนัน ขณะเจ้าหน้าที่บุกตรวจค้นได้อาศัยอยู่ภายในบ้านพักหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผลต่อไป


    ล่าสุดเจ้าหน้าที่จะสอบสวนขยายผลบุคคลทั้ง 3 ว่า มีความเชื่อมโยงกับบุคคลอีก 4 คน คือ

    1. นายมะอูเซ็ง เด็งสาแม อายุ 26 ปี 2.นายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ อายุ 28 ปี 3. นายอึสมาน เด็งสาแม อายุ 34 ปี และนายอับดุลรอเซะ เด็งสาแม ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดคาร์บอมบ์ จ.ยะลา หรือไม่อย่างไรต่อไป แต่เชื่อว่าในเร็ววันนี้ เจ้าหน้าที่จะสามารถทราบตัวบุคคลว่ามีผู้ใดบ้างที่ร่วมก่อเหตุวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่จ.ยะลา และชั้นใต้ดินของโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อย่างแน่นอน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการขุดพบซากลูกช้างแมมมอธขนสีน้ำตาล ยุคดึกดำบรรพ์สภาพค่อนข้างสมบูรณ์ อายุราว 2 ปีครึ่ง ที่ประเทศไซบีเรีย หลังเผ่าพันธุ์ของมันสูญพันธุ์มานานกว่า 10,000 ปี ซึ่งถือเป็นการค้นพบ ลูกแมมมอธ ขนสีน้ำตาลตัวแรกในประวัติศาสตร์
    ทั้งนี้ ซากลูกช้างแมมมอธตัวนี้ถูกพบโดยนักล่าท้องถิ่นชาวไซบีเรีย โดยทีมนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ว่า แมมมอธบางตัวอาจมีสีอ่อน ขึ้นอยู่กับความหลากหลายของยีนกระดูก
    ขณะที่ศาสตราจารย์ แดเนี่ยล ฟิชเชอร์ จากคณะวิทยาศาสตร์โลกและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐฯ คาดว่า ลูกแมมมอธตัวนี้อาจตายเพราะการล่าของมนุษย์ยุคน้ำแข็ง หรือถูกสิงโตทำร้าย เพราะมีร่องรอยของการถูกโจมตีด้วย
    ด้าน เควิน แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จากมหาวิทยาลัยมานิโตบา ประเทศแคนาดา ระบุว่า การค้นพบสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการเชื่อมโยงการศึกษาต่างๆ อย่างยิ่ง
    Photo :: Bernard Bulgues , BBC
    Mthai News
    [​IMG]
    เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
    ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]


    เตือน พายุเข้าไทยเร็วกว่าปกติ เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำ


    [​IMG]
    ศาสตราจารย์ธนวัตน์ จารุพงษ์สกุล หัวหน้าหน่วยศึกษาพิบัติภัยและข้อเสนอสนเทศเชิงพื้นที่ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์แนวโน้มพายุที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกว่า ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบจากพายุมากขึ้นในปีนี้ เพราะขณะนี้เป็นปีที่ปรากฎการณ์ลานินญ่าอ่อนตัวลงกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะทำให้พายุก่อตัวได้ง่ายขึ้นในทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย
    ทั้งนี้ สถิติชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกพายุไต้ฝุ่น หรือ พายุโซนร้อน พัดกระหน่ำเข้าสู่ภาคเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานครโดยตรงอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2549 ขณะที่ภาคใต้ตอนบนก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
    ด้านสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรให้ข้อมูลว่า แม้ขณะนี้พายุปาข่าจะอ่อนกำลังลงแล้ว แต่แบบจำลองของสถาบันแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน บางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกจะเริ่มมีฝนตก ซึ่งจะเป็นลักษณะฝนกระจาย แต่หลังจากนั้นประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมจากมหาสมุทรอินเดียที่พัดเข้ามาสู่ประเทศไทย จึงจะทำให้มีฝนตกเกือบทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน โดยอาจจะมีฝนตกหนักในจังหวัดที่เป็นสีแดง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางบางส่วน
    อย่างไรก็ตามนักวิชาการด้านภัยพิบัติเตือนว่าขณะนี้ไทยได้เข้าสู่ฤดูกาลพายุแล้ว ทั้งที่โดยปกติฤดูพายุที่เร็วที่สุดจะเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม และพายุที่จะเกิดขึ้นต่อไปอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมได้อีกในปีนี้
    Mthai News
     
  6. Petra

    Petra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +17
    ขออนุญาตนำเสนอเรื่องแปลก(เห็นว่ากำลังฮิต)

    คือทำงานอยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงแปลกๆเลยหันไปดู
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010053.JPG
      P1010053.JPG
      ขนาดไฟล์:
      824.4 KB
      เปิดดู:
      256
    • P1010054.JPG
      P1010054.JPG
      ขนาดไฟล์:
      818.4 KB
      เปิดดู:
      223
    • P1010060.JPG
      P1010060.JPG
      ขนาดไฟล์:
      783.1 KB
      เปิดดู:
      232
    • P1010063.JPG
      P1010063.JPG
      ขนาดไฟล์:
      755.5 KB
      เปิดดู:
      225
    • P1010066.JPG
      P1010066.JPG
      ขนาดไฟล์:
      761.6 KB
      เปิดดู:
      316
    • P1010070.JPG
      P1010070.JPG
      ขนาดไฟล์:
      846.3 KB
      เปิดดู:
      258
    • P1010071.JPG
      P1010071.JPG
      ขนาดไฟล์:
      821.3 KB
      เปิดดู:
      265
  7. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ leia17 [​IMG]
    คุณ Interpoo ก็เตือนภัยจากระเบิดและการลอบสังหารคนสำคัญไว้ค่ะ

    พูดแล้วมักจะเกิดขึ้นจริงซะด้วย งานนี้คงเละเทะกว่าคราวที่แล้วเยอะ

    ..เฮ่อ ..



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    6 เม.ย. 55 ก้าวไม่พ้น

    ข้ามใจ ตัวเอง ไม่ได้
    จะให้ ความสงบ จบไง?
    คนหนึ่ง ขอโทษ อีกอภัย
    ชาติไทย ก็สงบ จบลง

    เรื่องง่าย ทำให้ กลายยาก
    ร่วมชาติ จะอยู่ อย่างไร?
    หรือว่า จะให้ ชาติมลาย?
    สมใจ ท่านๆ ที่ทำ

    ข้ามจิต ข้ามใจ นั้นยาก
    อดีตชาติ ไม่ได้ ทำไว้
    ทุกท่าน ก็ต้อง ทำใจ
    ตัวใคร ก็ตัว ของมัน

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 เมษายน 2012
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทั่วทุกภาคมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ลมกระโชกแรงบางแห่ง - กทม.มีฝน 40% ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 6 เมษายน 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

    คลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจายกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย ลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไปโดยมีฝนตกหนักบางแห่ง


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรีอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> เตือนเชียงใหม่ระวังลูกเห็บตก </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วานนี้ ( 5 เม.ย.) นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย

    กล่าวว่าตนได้รับรายงานว่าขณะนี้ที่อ.จอมทอง และอ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีพายุฝนกระหน่ำและมีลูกเห็บตกนานกว่า 20 นาที ทำให้บ้านเรือนประชาชนและพืชพันธ์เกษตรได้รับความเสียหาย ตนจึงได้ประสานไปยังนายอำเภอจอมทอง เพื่อเข้าไปตรวจสอบ เร่งให้ความช่วยเหลือและขอให้รายงานด้วย จึงขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง ได้โปรดระมัดระวังและเตรียมพร้อมในการรับมือด้วย


    นายพิพัฒน์ชัย ยังกล่าวถึงปัญหาหมอกควันและภัยแล้งด้วยว่า ขณะนี้ที่น่าเป็นห่วงในทางภาคเหนือ คือปัญหาเรื่องหมอกควัน อยู่ที่อ.แม่เมาะ 3 ตำบล คือ ต.สบป๊าด ต.ทาสี ต.แม่เมาะ มีค่า AQI เกินกว่ามาตรฐาน ทางจังหวัดกำลังเร่งฉีดน้ำและหาทางแก้ปัญหาอยู่อย่างเร่งด่วนแล้ว


    ในส่วนปัญหาภัยแล้งนั้น ขณะนี้ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) รวม 34 จังหวัด 251 อำเภอ

    ทางกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแล้ว ให้นายอำเภออนุมัติเงินช่วยเหลือในอำนาจของนายอำเภอ ๆ ละ 1 ล้านบาทได้ทันที และหากอำเภอใดมีความจำเป็นเรื่องงบประมาณไม่เพียงพอ ให้ทำเรื่องของบประมาณเพื่อขออนุมัติงบประมาณในอำนาจของผู้ว่าฯ ได้ และยังได้สั่งการไปยังการประปาส่วนภูมิภาคให้เร่งช่วยเหลือนำน้ำออกแจกจ่ายประชาชนอย่างทั่วถึงแล้ว


    <!-- /.content --><!-- START: Facebook Share -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>สารเคมีรั่วโรงงานฟอกย้อมคนงานหมดสติ22คน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 6 เม.ย.55 ได้เกิดเหตุสารเคมีทำปฏิกิริยาและรั่วไหลออกมา เหตุเกิดภายในโรงงานของบริษัท วี.อาร์.วอชชิ่ง จำกัด เลขที่ 99/4 ม.1 ถนนเลียบคลองเกาะเกรียง ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี

    ทำให้คนงานเป็นชาวพม่า ซึ่งสูดดมกลิ่นเข้าไปหมดสติไปจำนวน 22 ราย ทางรปภ.โรงงานได้ประสานหน่วยกู้ภัย นำตัวคนงานส่งโรงพยาบาลปทุมธานี

    โดยแพทย์ ได้ทำการปฐมพยาบาลคนงาน เป็นชาย 14 ราย หญิง 8 ราย ขณะนี้บางรายอาการดีขึ้นแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้

    นางสาวทัศวรรณ วงศ์คำซาว์ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล บริษัท วี.อาร์.วอชชิ่ง จำกัด กล่าวว่า ช่วงเช้าได้มีรถบรรทุกสารเคมีสำหรับฟอกย้อมนำมาส่งให้ภายในโรงงานขณะที่นำสารเคมีเข้าถังเก็บ ซึ่งมีการสั่งสารเคมีมีจำนวน 2 ตัว แต่คนขับรถได้ต่อท่อเข้าถังเก็บผิดถัง ทำให้สารเคมีเกิดปฏิกิริยากระทั่งเกิดกลุ่มควันสีขาวพุ่งออกมาจำนวนมาก ทำให้คนงานอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเกิดอาการหมดสติไป ขณะที่ทางโรงงานได้ปิดทำการชั่วคราวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบก่อน สำหรับโรงงานแห่งนี้มีคนงานกว่า 100 คน

    ต่อมาพบว่า มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยจากการสูดดมสารเคมี 2-3 คนเท่านั้น ด้านผู้จัดการโรงงานบอกสารเคมีที่รั่วไหลอยู่ภายนอกอาคารและจะละเหยไปในอากาศใน 30 นาที บ่ายโมงกลับเข้าทำงานได้ตามปกติ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ยุหลายลูกถล่มอาร์เจนตินาตาย13 ศพ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วันนี้ ( 6 เม.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินาว่า

    พายุรุนแรงหลายลูกพัดถล่มเมืองหลวงของอาร์เจนตินา ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 13 ศพ รวมถึงบาดเจ็บอีกกว่า 20 ราย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

    นางมาเรีย ยูจิเนีย วิดาล เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานเทศบาลกรุงบัวโนสไอเรส เปิดเผยว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตทั้งหมดในเขตเมืองหลวงนั้น 4 ราย

    เสียชีวิตจากพายุลูกเห็บที่พัดกระหน่ำ 1 รายเสียชีวิตจากการถูกกำแพงอาคารพังลงมาทับ และอีก 3 รายเสียชีวิตจากการถูกหลังคาบ้านปลิวตกลงมาใส่ นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติด้วยว่า พบผู้เสียชีวิตอีก 9 ศพ ใกล้กับกรุงบัวโนสไอเรส โดย 1 ราย เสียชีวิตจากการถูกกระแสไฟฟ้าช็อต ส่วนอีก 8 ราย เสียชีวิตเพราะถูกกำแพง หรือหลังคาอาคารพังลงมาทับ

    พายุหลายลูกมีความเร็วลมสูงถึง 100 กม./ชม. ส่งผลให้กระจกหน้าต่างบ้านเรือน

    และอาคารหลายแห่งได้รับความเสียหาย กระแสไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ ต้นไม้นับร้อยต้นหักโค่น รถยนต์นับร้อยคันพลิกคว่ำเกลื่อนถนน ซึ่งเกิดขึ้น 1 วัน ภายหลังอุณหภูมิในกรุงบัวโนสไอเรส พุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 30 องศาเซลเซียสจากอุณหภูมิปกติประมาณ 17 องศาเซลเซียส.


    <!-- /.content --><!-- START: Facebook Share -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ศาลมะกันจำคุก "วิคเตอร์ บูท" 25 ปี สมรู้ร่วมคิดขายอาวุธกองโจรโคลัมเบีย </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อวันที่ 6 เม.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 25 ปี

    นายวิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซีย ข้อหาสมรู้ร่วมคิดขายอาวุธจำนวนมากให้กับกลุ่มกองโจรต่อต้านอเมริกันในประเทศโคลัมเบีย โดยนายวิคเตอร์ บูท วัย 45 ปี ถูกกล่าวหาว่า ขายอาวุธให้กลุ่มกองโจรในพื้นที่ขัดแย้งและนองเลือดที่สุดในโลกและยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์ โดยมี “นิโคลัส เคจ” รับบทพ่อค้าอาวุธในเรื่อง “ลอร์ด ออฟ วอร์” เมื่อปี 2548 แม้อัยการได้ร้องขอให้ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐ ชิรา ชไนด์ลิน ตัดสินให้ลงโทษจำคุก 25 ปี โทษสถานเบาตามความผิด 1 กระทง และอีก 15 ปีสำหรับความผิด 3 กระทงซึ่งศาลเห็นว่าเขาผิดจริง และให้เริ่มนับไปพร้อมกัน โดยจะนำตัวเขาไปคุมขังไว้ที่เรือนจำในนิวยอร์ก

    ผู้พิพากษา ชไนด์ลิน กล่าวด้วยว่า โทษจำคุก 25 ปี ถือว่าเพียงพอแล้ว ภายใต้สถานการณ์จำเพาะของคดีนี้ อันเป็นผลมาจากปฏิบัติการลับของเจ้าหน้าที่

    ขณะที่นายวิคเตอร์ บูท กล่าวผ่านล่ามว่า ไม่ได้ทำผิด และเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เคยมีเจตนาไปฆ่าใคร และไม่เคยขายอาวุธให้ใคร ส่วนภรรยาและบุตรสาววัย 17 ปี ก็ได้เขียนจดหมายถึงศาลอ้างว่า สามีและพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์


    นายวิคเตอร์ บูท ถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศไทยมาให้สหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2554 ตามความผิด 4 กระทง ข้อหาสมรู้ร่วมคิดขายอาวุธให้กับกลุ่มก่อการร้ายเพื่อสังหารทหารอเมริกัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. ข้าวงอก

    ข้าวงอก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +26
    ขอบคุณค่ะ
     
  10. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    ระทึก!!เครื่องบินรบพุ่งชนตึกในสหรัฐฯ ไฟลุกท่วม

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 เมษายน 2555 01:39 น.

    Share
    13





    เอเอฟพี - เครื่องบินรบเอฟ 18 ของกองทัพสหรัฐฯ ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนอาคารอาพาร์ทเมนท์เตี้ยๆแห่งหนึ่งในมลรัฐเวอร์จิเนียในวันศุกร์(6) จนเกิดไฟลุกท่วม ขณะที่หน่วยฉุกเฉินรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุ สื่อมวลชนแดนลุงแซมรายงาน

    สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าลูกเรือสองคนรอดชีวิตจากอุบัติเหตุคราวนี้ได้หวุดหวิด หลังจากดีดตัวออกจากเครื่องบินที่กำลังดิ่งลงสู่ย่านประชาชนหนาแน่นของชายหาดเวอร์จิเนีย สถานตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศ

    อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบถึงอาการของลูกเรือทั้งสอง หลังมีรายงานว่าหนึ่งในนั้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเซนเตรา เวอร์จิเนีย บีช ขณะที่หน่วยดับเพลิงพยายามเข้าควบคุมเปลวไฟที่ลุกไหม้

    ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสำนักข่าวเอ็มเอสเอ็นบีซีว่า "มีไฟลุกบริเวณเครื่องยนต์ด้านหลังของตัวเครื่อง จากนั้นเครื่องบินก็ค่อยๆลดต่ำลงเรื่อยๆ ผมเห็นนักบินคนหนึ่งดีดตัวออกมา"

    "ผมเข้าใจว่าพวกเขามีอยู่ด้วยกัน 2 คน แต่ตอนนั้นผมเห็นแค่คนเดียว จากนั้นอีก 5 วินาทีต่อมา เครื่องบินก็พุ่งชนอาคารอพาร์ทเมนต์หลังหนึ่ง ผมอยู่แถวนั้นพอดีและเห็นไฟกำลังลุกท่วม" เขากล่าว "มันพุ่งชนตรงกลางพอดีเลย แน่นอนว่ามันเลวร้ายมาก"



    ด้านผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนเล่าว่าเครื่องบินดิ่งลงมากะทันหันและน้ำมันที่รั่วออกจากตัวเครื่องอาจเป็นชนวนที่ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ "ตึกค่อยๆพังถล่ม ผมไม่เห็นว่ามีใครวิ่งหนีออกมาเลย มีคนบอกว่าคนชราหลายคนอาศัยอยู่ในตึกนั้น มันทำให้ผมรู้สึกกังวลมาก"

    ยานพาหนะของหน่วยฉุกเฉินรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุ ขณะที่กลุ่มควันลอยพวยพุ่งออกจากห้องแถวอพาร์ทเมนต์ 2 ชั้น อย่างไรก็ตามหัวหน้าหน่วยดับเพลิงเวอร์จิเนีย บีช เผยว่ายังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิตหรือผู้สูญหายใดๆ

    "จนถึงตอนนี้ เรายังไม่สามารถยืนยันผู้ได้รับบาดเจ็บบนภาคพื้น แต่ผมบอกได้แต่เพียงว่ามีอาคาร 5 แห่งที่ได้รับความเสียหายรุนแรง และเวลานี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังตรวจตราพื้นที่เพื่อค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต"

    อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาโฆษกของโรงพยาบาลเซนเตรา เวอร์จิเนีย บีช แถลงว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวมารักษา 6 คนในนั้นรวมถึงนักบินทั้งสองคน โดยทั้งสองอาการไม่น่าเป็นห่วง ส่วนคนอื่นๆมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจจากการสูดควันเข้าไป ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่นายหนึ่งด้วย

    ด้านกองทัพเรือออกถ้อยแถลงว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในฝูงบิน Strike Fighter Squadron ซึ่งประจำอยู่ที่ฐานนาวาล แอร์ สเตชัน โอเซียนา ซึ่งอยู่ไม่ห่างออกไป "เราได้รับรายงานเหตุการณ์นี้ ณ เวลา 12.05 น. เครื่องบินตกไม่นานหลังจากขึ้นบินจากสถานที่แห่งหนึ่งนอกฐานทัพ ลูกเรือทั้งสองคนดีดตัวออกจากเครื่องโดยปลอดภัย"
     
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ชื้นปกคลุมเตือนฟ้าคะนองลมกระโชกประชาชนระวัง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วันนี้(7 เม.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปว่า คลื่นกระแสลมตะวันตกยังคงเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ

    ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจายกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้น จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากลักษณะอากาศดังกล่าว ในช่วงวันที่ 7-9 เมษายน นี้ไว้ด้วย


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    ภาคกลาง อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ตะลึง! เด็กหญิง 10 ขวบ คลอดลูก ทุบสถิติคุณแม่อายุน้อยที่สุดของโลก </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ว่า เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ชาวเผ่า"วายู"ของโคลัมเบีย

    ซึ่งอยู่ในเมืองมานัวเร่ สร้างความฮือฮาไปทั่ว ภายหลังคลอดลูกเป็นบุตรสาว ซึ่งมีสุขภาพแข็งแรง โดยได้รับการทำคลอดด้วยการผ่าท้องทีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งหลังจากตั้งครรภ์มาได้ 38 สัปดาห์ และสร้างสถิติเป็นคุณแม่อายุน้อยที่สุดของโลก โดยก่อนหน้านี้ เด็กหญิงรายนี้ได้ถูกนำตัวส่งรพ.ด้วยอาการตกเลือด และเจ็บท้องอย่างแรง แพทย์จึงตัดสินใจผ่าท้องเอาเด็กในครรภ์ออก ซึ่งถือเป็นความเสี่ยง เพราะผู้เป็นแม่ยังมีอายุน้อย สภาพร่างกายถือยังไม่พร้อมที่จะคลอดลูก อย่างไรก็ตาม ทารกเพศหญิงที่ถือกำเนิดจากคุณแม่วัยเยาว์มีสุขภาพแข็งแรง แม้จะมีน้ำหนักตัวเพียง 5 ปอนด์ โดย ล่าสุด แม่วัย 10 ขวบ ยังไม่ยอมให้นมลูก และทั้งสองถูกพาไปยังหน่วยแพทย์แห่งหนึ่งในรพ.


    รายงานระบุว่า ตำรวจโคลัมเบียไม่สามารถดำเนินคดีกับพ่อของเด็ก ในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับผู้เยาว์ได้

    เนื่องจากตามกฎหมาย ชนเผ่าวายู ถือเป็นดินแดนปกครองตนเอง แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลออกโรงโจมตีอย่างหนักว่า ที่ผ่านมา ได้เกิดกรณีลักษณะคล้ายกันนี้ขึ้นหลายครั้งสำหรับชนเผ่าวายู ซึ่งสมควรจะมีการห้ามเด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์มีเพศสัมพันธ์ เพราะจะทำให้พวกเธอกลายเป็นคุณแม่ที่ไม่พร้อม ทั้งที่ ๆ วัยของพวกเธอควรจะเป็นวัยที่ยังต้องเล่นตุ๊กตาอยู่ด้วยซ้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายชี้ว่า กรณีนี้ถือเป็นธรรมเนียมเฉพาะของเผ่าวาตู ซึ่งพวกเขามีสิทธิและอำนาจที่จะปกครองชนเผ่าตัวเอง


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. ทิพย์วิมาน

    ทิพย์วิมาน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    (7 เม.ย.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชาวบ้านใน จ.ระนอง ต่างพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ หลังเกิดปรากฎการณ์อุกาฟ้าเหลือง ในช่วงก่อนดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออก ทำให้ท้องฟ้าทั่วบริเวณเป็นสีเหลือง ซึ่งตามความเชื่อของคนโบราณชี้ว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติใหญ่

    ปรากฎการณ์อุกาฟ้าเหลือง เกิดขึ้นช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.30 น. สร้างความหวั่นวิตกแก่ชาวบ้านบริเวณดังกล่าว โดยชาวบ้านบอกเล่าว่า อุกาฟ้าเหลือง ตามความเชื่อโบราณเป็นสัญญาณบอกเหตุภัยพิบัติหรือพายุใหญ่กำลังจะมาเยือนพื้นที่ ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวนี้ ก็เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ก่อนที่จะเกิดเหตุสึนามิซัดถล่มภาคใต้ฝั่งอันดามันในเวลาต่อมา

    อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีรายงานข่าวการเกิดแผ่นดินไหวหลายจุดในประเทศอินโดนีเซีย จึงทำให้ชาวบ้านต่างพากันเป็นกังวล และเชื่อว่าอาจจะเกิดภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติในเร็วนี้

    สำหรับ ปรากฎการณ์อุกาฟ้าเหลือง ตามหลักวิทยาศาสตร์ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเกิดเมื่อมีพายุฝนฟ้าคะนอง ในเวลาอย่างนั้นท้องฟ้าจะมีเฆมชั้นต่ำมาก เมฆชั้นต่ำจะมีไอน้ำมาเกาะอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้เกิดความชื้นสูง เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงกระทบละอองไอน้ำเหล่านี้มาสู่ตาเรา ละอองน้ำจะหักเหแสงสีแดงสู่ระบบการมองเห็น ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีแดงส้มหรือเหลือง จะเกิดขึ้นช่วงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นหรือหลังดวงอาทิตย์ตก
     
  13. ANAN JANG

    ANAN JANG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +175
    อุกาฟ้าเหลือง นี่ไม่ได้ยินคำนี้มาเกือบ30ปี(สึนามิคราวก่อนก็ไม่เห็นว่ามีอุกาฟ้าเหลือง) ถ้าเกิดจริงๆต้องระวังให้มากๆเลยนะ ><
     
  14. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าท้องฟ้ากลายเป็นสีเหลืองเข้มออกแดงแบบที่เรียกว่าอุกาฟ้าเหลือง จะเกิดมหันตภัยทางธรรมชาติในเร็ววัน ชาวทะเลจะไม่มีวันยอมออกเรือเลย เพราะกลัวพายุใหญ่และมรสุม สัญญาณเตือนภัยโบราณนี้มีคำอธิบายเพิ่มเติมที่เป็นวิทยาศาสตร์บ้างไหม? หรือเป็นเพียงความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมา


    สิ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า อุกาฟ้าเหลือง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเกิดเมื่อมีพายุฝนฟ้าคะนอง ในเวลาอย่างนั้นท้องฟ้าจะมีเฆมชั้นต่ำมาก เมฆชั้นต่ำจะมีไอน้ำมาเกาะอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้เกิดความชื้นสูง



    เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงกระทบละอองไอน้ำเหล่านี้มาสู่ตาเรา ละอองน้ำจะหักเหแสงสีแดงสู่ระบบการมองเห็นของเรา ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีแดงส้ม อุกาฟ้าเหลืองที่แท้จึง ไม่ใช่สีเหลือง แต่เป็นสีแดงส้มมากกว่า


    ชาวเรือที่ใช้การสังเกตอุกาฟ้าเหลืองเป็นหลักในการออกเรือ โดยเฉพาะในเรื่องพายุ ก็ยังใช้ได้ โดยสังเกตว่าเกิดสภาพนี้ขึ้นในเวลาใด เกิดตอนเช้าหรือหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ถ้าท้องฟ้ามีสีแดงส้มในเวลาเช้าหรือหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วก็จะไม่ออกเรือ เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่าจะมีพายุและลมแรง แต่ถ้าท้องฟ้ามีสีส้มแดงในช่วงตอนโพล้เพล้หรือระหว่างพระอาทิตย์ตกดิน แสดงว่ารุ่งขึ้นอากาศจะดี


    ความเชื่อที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นหลายอย่างมีประโยชน์ จริงๆ เราจึงนำมารวมไว้ในที่นี้ด้วยความเคารพเพียงเติมข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ เล็กน้อยเท่านั้นเอง


    www.knowledgesharing.thaiportal.net...leType/ArticleView/articleId/336/Default.aspx


    อุกาฟ้าเหลือง : ทะเลกำสรวล


    [​IMG]
    ใคร จะคาดคิดว่าหนังเรื่อง อุกาฟ้าเหลือง ซึ่ง หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล สร้างไว้เมื่อเกือบ 30 ปีก่อนจะกลับมา “อินเทรนด์” ได้อย่างเหลือเชื่อในช่วงนี้

    ความจริง หนังเรื่องนี้สามารถเปิดฉายควบกับ Happy Feet และ An Inconvenient Truth ได้สบายๆ


    เรื่อง ราวของชาวบ้านในคุ้งตะเคียน ชุมชนริมชายหาดทางภาคใต้ที่มีรายได้หลักจากการออกเรือหาปลา เฒ่าหลัก (ส. อาสนจินดา) เป็นชาวประมงผู้เชี่ยวชาญและ “รู้จัก” ทุกซอกทุกมุมของทะเลแถวนั้นยิ่งกว่าใครๆ แต่วิธีวางรอกดักปลาของแก ซึ่งแกอ้างว่าเป็นศิลปะที่ตกทอดกันมานานตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด กำลังจะถูกคุกคามโดยการใช้อวนลากและการระเบิดปลา ซึ่งมอบผลกำไรให้ชาวประมงในระยะสั้น (ง่ายและได้ปลามาก) แต่สร้างความฉิบหายอย่างใหญ่หลวงในระยะยาว (ทำลายดอกหินอันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลา)

    แน่นอน บุคคลที่สนับสนุนวิธีหาปลาแบบทุนนิยมดังกล่าว (ยิ่งมาก ยิ่งดี ยิ่งรวย ยิ่งไม่พอ) ก็หาใช่ใครที่ไหน มันคือนักการเมืองน่ารังเกียจอย่างกำนันเลี้ยง ซึ่งปล่อยกู้เรือให้บรรดาผู้ใหญ่บ้านในย่านนั้น ขอร้องพวกเขาให้มาเป็นหัวคะแนนในระหว่างช่วงเลือกตั้ง ก่อนจะถีบหัวส่งทุกๆ คนที่เคยช่วยเหลือเขา หลังจากคุ้งตะเคียนเริ่ม “เหือดแห้ง” จนฝูงปลากลายเป็นของหายาก

    ภาพของวิถีในทำนองปลาใหญ่กินปลาเล็กถูกฉาย ชัดให้เห็นตั้งแต่ฉากต้นๆ เรื่อง เมื่อ ดอกไม้ (อรวรรณ เชื้อทอง) นำปลาของเฒ่าหลัก ซึ่งเป็นลุงเธอ ไปขายในตลาด และโดนพ่อค้ากดราคาปลาจนเหลือแค่กิโลกรัมละหกบาท หลังจากเมื่อวานยังเป็นกิโลกรัมละแปดบาท ทั้งนี้เพราะชาวประมงหาปลาได้มาก (จากวิธีใช้ระเบิดและอวนลาก)

    ด้วยเหตุนี้ กำนันเลี้ยง ซึ่งเป็นพ่อค้าปลารายใหญ่ จึงถือโอกาสกดราคา (และก็เป็นเขานั่นเองที่โน้มน้าวให้เหล่าชาวประมงใช้วิธีใหม่ๆ ในการหาปลาโดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย หรือธรรมชาติ)

    ชาวประมงไม่มีทางเลือก จึงจำต้องขายปลาในราคาต่ำ แต่แล้วพอปลาเริ่มหาได้ยากขึ้น กำนันเลี้ยงก็ขนเงิน รวมถึงเรือของชาวประมงที่ไม่มีปัญญาผ่อนหนี้ ไปยังแหล่งหากินแห่งใหม่

    กำนันเลี้ยงคือตัวแทนของระบบทุนนิยมสุดขั้ว และเจ้าระบบที่ว่านี้เปรียบไปแล้วก็คงไม่แตกต่างจากฝูงตั๊กแตนนับล้านที่บุก ลงโจมตีไร่นา ตักตวง กัดกินทุกอย่างจนอิ่มหมีพลีมัน แล้วก็บินจากไปโดยไม่คิดจะตอบแทนใดๆ ให้กับแผ่นดิน หรือชาวไร่ชาวนา ระบบทุนนิยมสุดขั้วก็ไม่ต่างจากตัวเหลือบไรจอมเขมือบ ที่จะสูบเลือดจากร่างของคุณจนหมดตัว ก่อนจะกระโดดไปเกาะคนอื่นๆ ต่อแบบไม่จบสิ้น จนกระทั่งไม่เหลืออะไรให้มันเกาะกิน

    ไม่เพียงเท่า นั้น ระบบชั่วร้ายดังกล่าวยังพยายามหาแนวร่วมด้วยการล่อลวง โน้มน้าว และท้ายที่สุด คือ ล้างสมองให้ทุกคนตะกระตะกราม ไม่รู้จักพอแบบเดียวกัน โดยตัวแทนแห่งเหยื่อของลัทธิบริโภคนิยมที่ปรากฏชัดในหนัง ได้แก่ บุญตา (เดือนตา ตรีมงคล) หญิงสาวที่ซำ (ยมนา ชาตรี) ลูกมือหาปลาของเฒ่าหลัก หลงรักและอยากแต่งงานด้วย

    ในฉากเปิดตัว คนดูจะเห็นบุญตานอนฟังวิทยุทรานซิสเตอร์อยู่ในเรืออย่างสบายอารมณ์ แต่หลังจากถูกซำแกล้งด้วยการพลิกเรือคว่ำ เธอก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง พร้อมทั้งยืนกรานให้ซำดำน้ำลงไปเก็บวิทยุให้เธอ โดยไม่สนคำอ้างของเขาที่ว่าน้ำตรงนั้นมันลึก และเขาอาจจะตายได้

    “ฉันน่ะจะรักคนที่ยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้หรอก” เธอตอกกลับ

    ซำ ดำผุดดำว่ายอยู่สองรอบ กว่าจะงมหาวิทยุมาคืนให้เธอได้ แต่เธอกลับเขวี้ยงมันกระแทกหินจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมื่อเห็นว่ามันเปิดฟังไม่ได้แล้ว และยืนกรานให้ซำซื้อวิทยุเครื่องใหม่ให้เธอ สำหรับบุญตา ความพยายามของซำที่จะงมวิทยุมาคืนให้เธอนั้นหาได้สำคัญเทียบเท่าคุณค่าทาง วัตถุไม่

    ไม่นานต่อมา เธอก็เริ่มยุให้ซำผละจากเฒ่าหลัก แล้วไปทำงานให้กับพวกเรือหาปลาด้วยอวนลากแทน เหตุผลของเธอ คือ ถ้าขืนเขาทำงานกับเฒ่าหลักโดยใช้วิธีหาปลาแบบ “ล้าสมัย” ต่อไป เขาคงจะไม่มีปัญญา “หาเลี้ยง” เธอแน่

    จริงอยู่ เฒ่าหลักสามารถหาเลี้ยงทั้งซำและดอกไม้ได้ด้วยการวางรอกหาปลาเป็นอาชีพ แต่กระต๊อบเล็กๆ ริมชายหาดคงไม่ใช่ชีวิตแบบที่บุญตาใฝ่ฝัน ดังนั้น มันจึงไม่แปลกที่เธอจะลอบคบชู้กับหนุ่มจากกรุงเทพฯ ซึ่งดูท่าทางจะมีปัญญาหาซื้อชีวิตแบบที่บุญตาใฝ่ฝันได้ (ทั้งสองพบกันขณะเธอกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้า)

    แต่แน่นอน เงินไม่สามารถพิสูจน์ความดีในตัวคนได้ และกว่าบุญตาจะตระหนักในสัจธรรมข้อนั้น เธอก็ต้องแลกมันด้วยชีวิต

    ในทางตรงกันข้าม เฒ่าหลักคือตัวแทนของแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง แกไม่โหยหาความสุขสบายทางวัตถุจนเกินพอดี แต่ก็หาได้ใช้ชีวิตอยู่บนความประมาท แกเก็บเงินที่ได้จากการขายปลาเอาไว้สำหรับหลานๆ พร้อมกับเฝ้าพร่ำสอนซำให้รู้จักเคารพธรรมชาติ เพราะทะเลเป็นของเราทุกคน

    และมนุษย์ก็ยังต้องพึ่งธรรมชาติอยู่วันยันค่ำ จริงอยู่ แม้คนจะมีเงิน แต่คนก็ไม่อาจสร้างปลาได้สักตัว หรือดอกหินสักก้อน ต้องอาศัยธรรมชาติสร้างให้ ดังนั้น เมื่อคนไม่รู้จักพอ เมื่อความโลภ ความเห็นแก่ตัว ทำให้คนแข่งขันกันทำลายธรรมชาติเพื่อเงิน เพื่อความสบายทางวัตถุ ธรรมชาติจึงต้องสั่งสอนคน ดังจะเห็นได้จากความเดือดร้อนของกลุ่มชาวประมงในคุ้งตะเคียน เมื่อปลาเริ่มร่อยหรอ เพราะดอกหินถูกทำลายด้วยระเบิด

    ขณะเดียวกัน ฉากสุดท้ายของหนังก็ช่วยตอกย้ำความยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ เมื่อมือปืนจากกรุงเทพฯ ผู้ไม่รู้จักธรรมชาติ ไม่เชื่อฟังคำเตือนจากธรรมชาติ (อุกาฟ้าเหลือง) ถูกพายุกลืนหายไปกลางทะเล โดยที่ปืน หรือเครื่องยนต์ในเรือไม่อาจช่วยเหลืออะไรเขาได้แม้แต่น้อย

    อันที่จริง หนังได้สื่อนัยยะให้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้น เรื่อง ในช็อตที่งดงามที่สุดช็อตหนึ่งของหนัง เมื่อกล้องจับภาพซำกับบุญตานั่งอยู่ในเรือลำน้อยกลางทะเล จากนั้นก็ค่อยๆ ซูมถอยหลังออกมาอย่างต่อเนื่อง

    เผยให้เห็นผืนน้ำกว้างใหญ่ ป่าเขา และทัศนียภาพของเกาะแก่งโดยรอบ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์นั้นจริงๆ แล้วเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ หากเราไม่เรียนรู้ที่จะเคารพธรรมชาติ สุดท้ายความหายนะย่อมบังเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของเราเอง

    In Between Dreams: อุกาฟ้าเหลือง: ทะเลกำสรวล



    [​IMG]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1CRj7izz_oI]Yellow sky - อุกาฟ้าเหลือง trailer - YouTube[/ame]
     
  15. อธิฎฐาน

    อธิฎฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +1,610
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2012
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    เป็นแบบสีส้มออกเหลืองแบบที่พระมหาชนกบรรยายไว้ไหม?

     
  17. JOY_JIT

    JOY_JIT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2010
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +643
    ท้องฟ้าแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • RIMG0937.JPG
      RIMG0937.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      3,573
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    หูยๆ ทำไมสีแสบตาอย่างนี้

    [​IMG]
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    <table id="Table3" width="100%"> <tbody><tr></tr><tr><td>
    </td> <td class="Normal" align="left" width="100%"> อุกาฟ้าเหลือง..มองอย่างวิทยาศาสตร์
    By Joeadmin @ 2:46 PM :: 3273 Views :: 0 Comments :: [​IMG] :: วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.) </td> <td align="right" valign="bottom">[​IMG] </td> </tr> <tr> <td colspan="3"> <table id="Table4" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td class="articleTable"> <table id="Table5" border="0" cellpadding="3" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td class="articleTextCell">[​IMG]
    คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าท้องฟ้ากลายเป็นสีเหลืองเข้มออกแดงแบบที่เรียกว่าอุกาฟ้าเหลือง จะเกิดมหันตภัยทางธรรมชาติในเร็ววัน ชาวทะเลจะไม่มีวันยอมออกเรือเลย เพราะกลัวพายุใหญ่และมรสุม สัญญาณเตือนภัยโบราณนี้มีคำอธิบายเพิ่มเติมที่เป็นวิทยาศาสตร์บ้างไหม? หรือเป็นเพียงความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมา
    สิ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า อุกาฟ้าเหลือง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเกิดเมื่อมีพายุฝนฟ้าคะนอง ในเวลาอย่างนั้นท้องฟ้าจะมีเฆมชั้นต่ำมาก เมฆชั้นต่ำจะมีไอน้ำมาเกาะอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้เกิดความชื้นสูง เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงกระทบละอองไอน้ำเหล่านี้มาสู่ตาเรา ละอองน้ำจะหักเหแสงสีแดงสู่ระบบการมองเห็นของเรา ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีแดงส้ม อุกาฟ้าเหลืองที่แท้จึง ไม่ใช่สีเหลือง แต่เป็นสีแดงส้มมากกว่า
    ชาวเรือที่ใช้การสังเกตอุกาฟ้าเหลืองเป็นหลักในการออกเรือ โดยเฉพาะในเรื่องพายุ ก็ยังใช้ได้ โดยสังเกตว่าเกิดสภาพนี้ขึ้นในเวลาใด เกิดตอนเช้าหรือหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ถ้าท้องฟ้ามีสีแดงส้มในเวลาเช้าหรือหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วก็จะไม่ออก เรือ เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่าจะมีพายุและลมแรง แต่ถ้าท้องฟ้ามีสีส้มแดงในช่วงตอนโพล้เพล้หรือระหว่างพระอาทิตย์ตกดิน แสดงว่ารุ่งขึ้นอากาศจะดี
    ความเชื่อที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นหลายอย่างมีประโยชน์ จริงๆ เราจึงนำมารวมไว้ในที่นี้ด้วยความเคารพเพียงเติมข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ เล็กน้อยเท่านั้นเอง
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody> </table> อุกาฟ้าเหลือง..มองอย่างวิทยาศาสตร์ > ศูนย์แบ่งปันความรู้ ม.น.ข. > บทความ
     
  20. สัตตบงกชเหนือน้ำ

    สัตตบงกชเหนือน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    681
    ค่าพลัง:
    +629
    แสบตาจริงๆ คะ พี่โฟลคแมน ;20
     

แชร์หน้านี้

Loading...