สีสัน..อินเดีย

น่าเที่ยวจิงๆเลยครับ

มีหิมะตกด้วยหรอครับ

 

ที่อินเดียทางด้านสังเวชนียสถานนี้..ไม่มีหิมะค่ะ..

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1540092/[/MUSIC]
​

 

...มัวแต่ไปพม่ามาค่ะ..กลับมาเล่าเรื่องในอินเดียต่อค่ะ..ระหว่างทางไปขึ้นเขาคิชกูฏยังมีสถานที่สำคัญอีก 2 แห่ง คือ คุกพระเจ้าพิมพิสาร และบ้านของท่านหมอชีวกค่ะ...แต่ครั้งนี้เราไม่ได้แวะลงไปถ่ายรูป..รีบ รีบ รีบ เพราะกลัวแดดร้อนตอนเดินขึ้นเขาคิชกูฏค่ะ...แล้วก็ร้อนจริง ๆ ด้วย ..ระหว่างเดินขึ้นถามหาคาถาขึ้นเขาของท่านเจ้าคุณยอด เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา (ที่ท่านเพิ่งมรณภาพ) กันเป็นแถว..คราวนี้ทั้งเหนื่อยและทั้งร้อนค่ะ...

 

....ตลอดทางที่เดินขึ้นไปสู่พระคันธกุฎีของพระพุทธองค์บนยอดเขาคิชกูฏนี้ มีสิ่งที่ชวนให้สังเวชตลอดทาง..นับตั้งแต่ตัวเราเอง ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รอบตัว..

 

..มาเที่ยวนี้ เห็นมีต้นไม้ที่เพิ่งแตกใบอ่อนค่ะ..เลยได้เห็นเจ้าลิงมากมายมากินใบอ่อนกัน..ก็เลยช่วยให้ไม่กังวลกับความร้อนกันมากนัก..ที่บอกว่าในอินเดียแม้จะร้อนแต่ก็ไม่มีเหงื่อน่ะ.ต้องเปลี่ยนเป็นว่าไม่มีเวลาที่เดินบนพื้นราบค่ะ..เพราะปรากฏว่าเที่ยวนี้เดินขึ้นเขา ลงเขา เหงื่อตกกันเป็นแถว ๆ ....

....ที่เขาคิชกูฏนี้มีความสำคัญมากมาย..เท่าที่สังเกตุน่าจะเป็นเรื่องอากาศ ที่ทำให้พระพุทธองค์ทรงประทับอยู่นานพอควร กับอีกเหตุหนึ่งน่าจะมาจากที่พระเจ้าพิมพิสารจะได้เข้าเฝ้าได้ง่าย..

..และที่บนยอดเขานี้ เมื่อมาครั้งแรกอาจเป็นเพราะขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ จึงไม่ร้อนและไม่มีผู้คนมากนัก..ได้สวดมนต์และอธิษฐานกันนานมาก..และเป็นที่ที่รู้สึกดีอย่างประหลาด..แต่ถึงแม้ว่าในครั้งต่อมา จะขึ้นมาในเวลาที่แดดแรง..เมื่อใดที่ได้ก้มลงกราบที่พระคันธกุฏีของพระพุทธองค์ ก็รู้สึกได้ถึงพลังพุทธบารมีอันคงมีอยู่ ณ ยอดเขาคิชกูฏแห่งนี้ค่ะ


​

 

..ก่อนขึ้นถึงยอดเขาทางด้านซ้ายมือ จะเห็นหินก้อนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายหัวนก..พระอาจารย์ที่บรรยายบอกเล่าว่าเป็นหินรูปหัวนกแร้งค่ะ..

 

...ที่บริเวณใกล้ ๆ กันนี้จะมีกุฏีของพระอานนท์ อยู่ไม่ไกลนักค่ะ..ที่บนยอดเขานี้ ไม่ว่าจะฃึ้นมาเวลาไหนอากาศก็เย็นสบาย..หากนั่งนิ่ง ๆ สงบสู่สมาธิ ก็จะรู้ได้ว่าแม้แดดจะร้อนเพียงใดก็ยังสามารถทำให้รับรู้ถึงความสดชื่นของอากาศโดยรอบตัวได้อย่างน่าประหลาดใจค่ะ. เมื่อตอนที่ได้มากราบครั้งแรก..พระอาจารย์ที่ท่านเป็นพระวิทยากรท่านให้เฉพาะพระ กับอุบาสก ผู้ชายเท่านั้นเข้าไปในกราบ หรือนั่งถ่ายรูปในพระคันธกุฎีได้ค่ะ ..เป็นอันว่าแม้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่ได้ไปกราบพระพุทธองค์บนยอดเขาคิชกูฎนี้..ก็ยังไม่เคยได้เข้าไปในพระคันธกุฏีเลยสักครั้งค่ะ..

....บนพื้นยอดเขานี้..แม้ก้มลงกราบจนศีรษะจรดพื้นลง ณ ที่ใด..ก็จะเกิดการรับรู้ถึงความชุ่มชื่นในใจอย่่างมาก..น้ำตาจึงซึมทุกครั้ง..หากได้นั่งสมาธิหลายคนบอกว่า ณ ที่นี้ คือที่ที่ได้สมาธิแน่วแน่อีกแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย..

...ด้วยมีผู้เล่าประวัติของเขาคิชกูฏกันค่อนข้างมากแล้ว จึงขออนุญาตเล่าเฉพาะส่วนที่เป็นความรู้สึก และสิ่งต่าง ๆ ที่มองเห็นทั้งผ่้านกล้องถ่ายรูปและด้วยตาเปล่าของตนเอง ตลอดจนความคิดเห็นและความรู้สึกอันเป็นบุญของคณะจาริกทั้งหลายนะคะ..

 

น่าสนุกนะครับ อยากไปมากเลย

 

เมื่อไหร่จะไปอินเีดียอีกคะ

 

ราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ค่ะ..
รอปลายหนาวก่อนค่ะ..
ไม่งั้นเดินทางกันหลายวันจะลำบากและป่วยกันมากค่ะ..
คุณ omino ไปด้วยกันมั๊ยคะ..

 

..เวลาที่เดินขึ้น ลง เขาคิชกูฏ ในทุก ๆ ครั้ง..ได้เห็นความมีน้ำใจของคนไทยที่ช่วยกันดูแลทั้งคนชรา พระภิกษุที่ท่านอายุมาก แม่ชี...ทั้งรั้งรอ ช่วยถือของ แจกยาดม ยาหม่อง รวมถึงให้กำลังใจกัน..ชีวิตการเดินทางในอินเดียจึงได้กัลยาณธรรมกันกลับมา..บางกลุึ่มก็หลายคน บางกลุ่มก็น้อยคน..แล้วก็ยังเป็นที่น่ายินดีว่า..ยังติดต่อกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ..

...การเรียนรู้ชีวิตที่ไม่สบาย ต่างจากที่เราเคยเป็นอยู่..ทำให้มีการปรับตัว และรับรู้รสพระธรรมไปพร้อม ๆ กัน ทั้งด้วยตัวเอง ผ่านผู้คนในอินเดียที่พบเห็น ผ่านผู้ที่เดินทางด้วยกัน หรือแม้แต่พระวิทยากรที่ท่านเมตตา..เตือนพวกเราเสมอเมื่อเจอความลำบากให้เห็นใจกัน และอดทนอดกลั้น..จนการเดินทางจาริกบุญจบลงด้วยดี..ยังให้เกิดความระลึกถึงกันและกัน.."..สีสัน..อินเดีย.." จึงเกิดขึ้นตลอดเวลา

 

มีสีสันของเด็ก ๆ มาฝากค่ะ


มีช่วงหนึ่งที่พระธรรมวิทยากร ทำหน้าที่บรรยายประวัติพระพุทธรูป ภายในพิพิธภันฑ์เมืองสารนาถ พาราณสี อินเดีย ให้แก่ คณะนักเรียนจากโรงเรียนรุ่งอรุณ กรุงเทพ ฯ มาบรรพชาภาคฤดูร้อนและเดินทางแสวงบุญ ณ แผ่นดินพุทธภูมิ ขณะที่กำลังอธิบายถึง พระพุทธรูป ปางปฐมเทศนา พระธรรมจักรกัปปวัตนสูตร..อันเป็นปางที่งดงามสง่า มีความสมบูรณ์ด้วยพุทธศิลป์และสื่อความหมาย ยามเมืือมีการประกวดพระพุทธรูป ปางต่าง ๆ ทั่วอินเดีย พระปางปฐมเทศนานี้..ก็จะได้รับเลือกและยกย่องได้รับรางวัลชนะเลิศตลอดกาล... จนโครงการประกวดพระ ไม่มีจัดอีกต่อไป เพราะเนื่องด้วยว่าไม่มีปางไปจะมาแข่งปางปฐมเทศนานี้ได้เลย



ขณะนั้น มีสามเณร ชือสามเณรปราชญ์ ได้เสนอพระปางนี้ใหม่ว่า...พระอาจารย์ครับ...พระพุทธรูปปางนี้น่าจะเป็นปางนี้นะครับผมว่า...@@ !!! ????
ปางอะไรหรือสามเณร....


สามเณรปราชญ์บอกว่า....ที่พระพุทธรูปกำลังยกนิ่้วพระหัตถ์ขึ้นมาทั้งสองข้าง อย่าง


นี้ก็ต้องเป็นปาง



......Everything is O.K ครับพระอาจารย์


.....Everything is O.K.....โอเค


เออ..เข้าท่านะ ปาง Everthing is Ok... ถ้า อย่างปางนี้ก็น่าจะ OK เลยนะ เพราะถ้าทุกสิ่งทุกอย่างของมนุษย์เราทุก ๆ คนโอเค ก็ไม่น่าจะต้องมีปัญหา วุ่นวาย เวียนวน อยู่ในสังสารวัฏฏ์อันแสนทุกข์ที่ยาวนานเช่นนี้ ปางแสดงปฐมเทศนานี้เพื่อให้พวกเราได้ทราบว่า ถ้ารู้แจ้งเห็นจริง ปฏิบัติได้จริงตามอย่างที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ในพระธรรมจักรได้ ทุกคนก็โอเคนะ..


เพราะเหตุฉะนั้น....ขอส่งพรปีใหม่จากแผ่นดินพุทธภูมิ ถึงชาวโอเคเนชั่น ด้วยพระพุทธรูป ปาง Everything is OK ...ของทุกสิ่งทุกอย่างจงสมหวัง สมปรารถนา ตลอดปี ตลอดไป ขอให้ทุกอย่างจงโอเคกันทุกถ้วนหน้าทุกท่านทุกคนเทอญ ฯ




ขอเจริญพร
ท่านคมสรณ์-พระธรรมทูตอินเดีย

 

​

ขอบคุณค่ะ คุณ omio
Everying is O.K
​

 

ขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ..
คุณปู เบญญาภา ได้ไปอินเดียพร้อมกันแล้วในปีนี้

 

ดีใจที่ได้มีโอกาสไปอินเดียปีนี้กับพี่ตุ่มนะคะ อยากกลับไปอีกจังเลยย อธิษฐานไว้ว่าขอให้ได้กลับไปทุก ๆ ปีค่ะ ขอให้สมความปรารถนาด้วยเทอญ ว่าแต่ปีนี้จะกลับไปอีกให้ได้ค่ะ สาธุค่ะ

 

ไปอินเดีย...อย่าใส่บาตร ?



ปัจจุบันนับวันชาวพุทธไทยไปอินเดียจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น และเป็นธรรมดาว่า เมื่อชาวพุทธเราเห็นพระบิณฑบาตที่ไหน หากเกิดศรัทธาย่อมหาข้าวของ มาใส่บาตร แต่เมื่อมาอินเดียได้เห็นพระที่ห่มจีวรสีเหลือง ๆ ยืนอุ้มบาตร ตามสถานที่ต่าง ๆ ก็ย่อมอดใจไม่ได้ที่จะอยากใส่บาตร

การห้ามใส่บาตร...ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง การที่เห็นพระเดินบิณฑบาต ตามปกติ ตอนเช้า ๆ ไปตามบ้านนิคม ที่เรียกว่า ภิกขาจาร ตามประเพณีปฏิบัติของนักบวชทั่ว ๆ ไป

แต่ที่จะกล่าวถึงก็คือ ปัจจุบันนี้มี ชาวบ้านคนอินเดีย เห็นว่าการห่มผ้าจีวรสีเหลือง แบบพระสงฆ์ไทย ยืนถือบาตรแล้วก็จะมีผู้คนมาใส่บาตร ทำให้เกิดมีรายได้เป็นการยกระดับรูปแบบการขอทานให้ใกล้เคียงกับพระสงฆ์ หากท่านสนับสนุนกลุ่มบุคคลเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใส่ปัจจัย...ย่อมเป็นการเปิดโอกาสที่ สนับสนุนเหล่าบรราดา เดียรถีย์ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ๆ ตามพุทธสถานทั่วไปในอินเดียและเนปาล ถ้าการใส่บาตรเช่นนี้ เป็นสาเหตุให้เดียรถีร์เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว...

พระพุทธศาสนาที่อินเดียคงจะได้รับการเยียวยายากยิ่งขึ้น เพราะคงไม่มี ผู้ศรัทธาอย่างพระเจ้าอโศกมหาราช ในสมัยก่อนที่จัก จับเดียร์ถีย์ที่ปลอมบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาได้ย่างแน่นอน...อินเดียทุกวันไม่มีกฎหมายคุ้มครองศาสนา ไม่มีระเบียบว่าด้วยข้อปฏิบัติของศาสนาในอินเดีย ดังนั้นการที่จะมีผู้มาดำเนินการจัดการกับเดียรถีร์เหล่านี้คงเป็นไปได้โดยยากยิ่งนัก

ดังนั้น ในฐานะพระธรรมทูตไทย สายประเทศอินเดีย คงต้องขอบิณฑบาตญาติโยมผู้ศรัทธาทั้งหลาย ช่วยบอกกล่าว เล่าต่อว่า อย่าได้ใส่บาตรแก่เหล่าบรรดาเดียรถีย์ ผู้ปลอมบวชเข้ามาในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เพราะการกระทำเช่นนี้ย่อม เป็นการสนับสนุนส่งเสริมผู้ไม่หวังดีต่อพระพุทธศาสนาและเป็นบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากจะทำทาน ให้หาวิธีการอย่างอื่น ๆ ที่มีโอกาสแห่งการให้ดีกว่าเยอะ เช่น การช่วยเหลือโรงเรียน การร่วมสร้างโรงพยาบาล หรือการช่วยอุดหนุนผู้ที่ประกอบสัมมาชีพ ฯลฯ เป็นต้น

จึงประกาศแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน



ท่านคมสรณ์ – พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย


๑๘ มีนาคม ๒๕๕๕

(บางทีดูยากเหมือนกันนะคะ)

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=xhicz1DCEKk&feature=player_detailpage]พุทธศาสดา ตอนที่ 36(2/2)/37 - YouTube[/ame]

 

สวยมากเลยค่ะ ทุกรูปเลย

 

...ไม่ได้กลับมาเขียนกระทู้นี้นานมาก...จนได้เดินทางไปกราบพระพุทธองค์ในปีที่ ๕ (เมื่อกพ. ๒๕๕๕) มาแล้ว..
..จะมาเล่าเรื่องในการเดินทางต่อนะคะ..ให้จบก่อนขึ้นปีใหม่ไทยเดือนเมษายน ๕๖ ค่ะ

 

คอยพี่ตุ่ม นานมากกกกกกกกกกกก............