มีเสียงในหัว คิดก็ไม่หยุด ทำยังไงดีครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย SegaMegaHyperSuperCyberNeptune, 9 เมษายน 2012.

  1. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จากการฝึกวิชา ลองผิดลองถูก มั่วไปหมด ทำยังไงให้หยุดคิดได้ครับ
    เรื่องใหญ่มากเลย วอนท่านผู้รู้ช่วยหาวิธีหยุดคิดให้ได้ซะทีหน่อยครับ
    เพื่อเป็นการโปรดสัตว์ ช่วยผมทีนะครับ เดินจงกลมก็แล้ว นั่งสมาธิยิ่งไปกันใหญ่
    เขาว่าเป็นเดรัจฉานวิชาจริงๆเหรอเนี่ยครับ ผมไม่รู้จะหาอาจารย์จ่ากที่ไหนแล้ว
    โปรดช่วยผมที จะบรรลุอะไรรึเปล่าบอกหน่อยทีนะครับ
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ..............กายคตาสติ หรือ อานาปานสติ(ดูกาย)...ส่วนการคิด ก็ รู้ว่า เรากำลังคิด(ไม่ได้รู้เรื่องที่คิดแต่รู้ว่า สังขารเกิด คิด คิด)...หรือเจริญสติ รุ้ว่า เกิด เวทนา เกิดคิด เกิด ราคะ โทสะ หรือ คิดแล้วเกิด ยินดีแอบยิ้ม(อยาก อภิชฌา) ยินร้าย(โทมนัส) คือ รู้เท่าทันกายใจ เอา กายคตาสติ อานาปานสติ เป็นวิหารธรรมเครื่องอยู่โดยมากก็ได้ ชั่วโมงนึงเห็น กายใจ เกิดดับ เยอะแยะ ตามเหตุปัจจัย:cool:
     
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ส่วนเดินจงกรม กับ นั่งสมาธิแล้วไม่ได้ผลทางสมถะ(สงบ นิ่ง) แสดงว่ายังทำไม่ได้ จริงครับ:cool:
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    บรรลุสิครับ....บรรลุความฟุ้งซ่านแห่งจิตนะ....

    เป็นเรื่องธรรมดาครับเพราะว่าความคิดเป็นอาหารของจิต....ถ้าจะหยุดคิดได้ต้องเข้าสมาธิชั้นที่ละเอียดขึ้นมาก คือ ทุติยฌาน ความคิดจะดับไปครับ....

    เมื่อยังไม่ถึงปฐมฌาน และ เข้าสู่ ทุติยฌาน ความคิดมันจะไหลได้ตลอดหละครับ....

    กรรมฐานที่ระงับความพุ้งซ่านแห่งจิตนั้นมีอยู่หลายกองนะครับ....แต่ที่ตรงตัวที่สุดคือ อานาปานุสสติกรรมฐาน ....นอกนั้นก็แล้วแต่จริตนิสัยแล้วหละ.....
     
  5. พยัคฆ์ร้าย

    พยัคฆ์ร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,411
    ค่าพลัง:
    +161
    ความคิดผมนะ ใช้จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน เพราะจิตมันฟุ้งซ่านอะครับลองศึกษาดูผมก็อธิบายไม่ได้กระจ่างแจ้งหรอก
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ภูมิรู้ภูมิธรรมใกล้เคียงกัน ไม่มีใครช่วยใครได้หรอก เพราะทุกคนก็กำลังหาทางช่วยตัวเองอยู่

    จะบอกให้นะว่าของจริงนิ่งเป็นใบ้จ้ะ
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คุณ จขกท เคยยอมรับตนเอง และ สิ่งที่ตนเองเป็นไหมครับ

    เมื่อจิตใจอยากนึกคิด ก็เฝ้าดูการนึกคิดเลยครับ แต่อย่าไปนึกคิดตามครับ

    ให้เฝ้าดูเพียงอย่างเดียวครับ และ เมื่อเฝ้าดูบ่อยๆครั้ง จะเห็นสิ่งที่แตกต่างครับ

    ไม่มีอะไรให้คาดหวังครับ ในการปฎิบัติเป็นเพียงการเจริญสติครับ

    เฝ้าดูจิตในทุก"กิริยาบท"ครับ แล้วจะเห้นสิ่งที่แตกต่าง

    สาธุครับ
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    เป็นสิ่งที่ควรครับ คุณ หลบภัย อนุโมทนาครับ

    สาธุครับ
     
  9. นายกสิณ

    นายกสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2011
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +251
    ถ้าหลับตานั่งสมาธิมีปัญหา ก็ลืมตานั่งสมาธิ ซะก็หมดเรื่อง
     
  10. abcd efg

    abcd efg สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +1
    หยุดคิด ก็คือ ไม่คิดไงคะ ไม่คิดคือไม่คิด ไม่ไช่หยุดคิดนะคะ หรือ ตามที่รู้มาอีกอย่างนะคะ คือว่า ทุกสิ่งที่ตามองเห็นนั้น ไม่ไช่มาจากตัวเรา ทุกอย่างที่หูได้ยินนั้น ก็ไม่ไช่มาจากตัวเรา ทุกอย่าง ที่จมูกได้กลิ่นนั้นก็ไม่ไช่มาจากตัวเรา ทุกอย่างที่กายสัมฟัสนั้นก็ไม่ไช่มาจากตัวเรา ที่กายรู้นั้นก็ไม่ไช่มาจากตัวเรา ที่ ใจมันคิดนั้นก็ไม่ไช่มาจากตัวเราค่ะ เพราะว่า ถ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้เราเห็นนั้น ถือว่า เป็นเพราะ รู้เห็น จากสิ่งที่ไม่ไช่ตัวเราแน่นอนค่ะ เพราะถ้าเป็นมาจากตัวเรา เราต้อง ควบคุมมันได้ ไช่มั้ยคะ เราแค่ รู้ แค่ดู ก็พอนะคะ รู้ว่ามีความคิด เราอยากหยุดมัน แต่มันกลับหยุดมันไม่ไห้คิดไม่ได้ ก็แสดงว่า ความคิดนั้น ไม่ไช่ เป็นความคิดที่มาจากตัวเรา เอาแค่นี้ก่อนนะคะ
     
  11. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    นั่งสัก 5 นาทีก้พอแล้ว ถ้าจิตฟุ้งซ่านน้อยลง ถือว่าใช้ได้มาก ถ้ามันอยากก้ปล่อยให้มันคิดไป
    อย่าไปบังคับมันเลย...ถ้าระหว่างวัน เราเปนคนฟุ้งซ่านอยู่แล้ว พอมานั่งสมาธิช่วงเย็นๆ พอนั่งจิตก้ยิ่งฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่ ยังงี้ควรหาธรรมะที่สบายๆ มาฟังก่อนเช่นของ ท่าน ว. หรือท่านสมปอง(อ่านแล้วขำขันดี..จิตจะปล่อยวางไปเองเมื่ออารมณดีขึ้น) แล้วค่อยนั่งสมาธิแบบสั้นนั่งแปปเดียวก่อน อย่าเพิ่งนั่งนาน...และอย่าตกใจครับ เพิ่งนั่งไม่กี่ครั้งเอง ก้อกลัวแล้วหรอ การทำสมาธิ คือการทำจิตให้เปนธรรมชาติ ดังนั้นจะเกิดไรขึ้นก้อย่าเพิ่งตกใจหรือวิตกกังวล มันไม่อะไรหรอกครับ นอกจากความกลัวจากความฟุ้งซ่านภายใน
     
  12. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +2,136
    ให้เจ้าของกระทู้ ตามรู้
    ใจเรา มันก็เหมือนกับน้ำในแก้ว อยากให้มันนิ่ง เรียบ ใส ต้องทำอย่างไร?
    ก็ไม่ต้องไปกวนมัน ปล่อยมันไว้เฉยๆ ทำตัวเป็นผู้ดู อย่างเดียว
    มันจะมีอะไรเกิดขึ้น มันจะคิดอะไร ไม่ต้องไปต่อเพิ่ม ไม่ต้องไปปรุงเพิ่ม ถ้าปรุงแต่งเพิ่ม พยายามใส่ความคิด พยายามใส่การหยุดเข้าไป ก็เหมือนกับ เห็นคลื่นบนผิวน้ำ อยากให้มันหยุด ให้เรียบ แต่กลับเอามือไปปัด มันก็จะยิ่งไม่เรียบ

    มีสติตามดู ตามรู้อย่างเดียว มันจะเกิดอะไรก็รู้ อ๋อ มันเป็นเช่นนี้นี้เอง อ่อ มันคิดแบบนี้นี่เอง ดูไปเรื่อยๆ
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    ฝึกวิชาอะไรมา จึงมีคนว่า เป็นเดรัจฉานวิชา
     
  14. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ต้องเป็นพระอรหันต์ครับ ถึงจะไม่ฟุ้งซ่าน
    พระอานาคามียังฟุ้งซ่านได้อยู่

    วิธีแก้ไม่ใช่ให้หยุดคิด แต่ให้วางเฉย ที่หยุดได้คือความพอใจ ไม่พอใจต่างหาก
     
  15. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +452

    ได้ปฏิบัติ ทำดูแล้ว

    ก็เห็นตาม ว่าแบบนี้ละถูก

    มีผลแบบคุณภานุเดชว่าไว้

    ({) ฟันธงคราบ
     
  16. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    คิดว่าน่าจะเป็นเพราะห่างเหินการทำความดีมานานเกินไปครับ จิตก็เลยกำเริบขึ้นเหมือนกับคนไม่ได้ออกกำลังกายมานาน แล้วอยู่ดีๆก็หายใจไม่ได้ซะงั้น

    บุคคลพึงรีบขวนขวายในความดี พึงห้ามจิตเสียจากบาป

    เพราะว่า เมื่อบุคคลทำความดีช้าไป ใจจะยินดีในบาป.(พุทธะ)

    ป.ล. โดยส่วนตัวผมเห็นว่า การนั่งสมาธิ/จงกรม ของคนที่ไม่พร้อม ไม่ใช่การทำความดีตามสุภาษิตนี้นะครับ คือถ้าไปศึกษาในพุทธประวัติ คุณจะพบว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยบอกกรรมฐานให้กับคนที่ไม่พร้อมคือ ไม่ชำระกาย/วาจาให้หมดจดเลย เพราะคงเหมือนกับให้ดาบเล่มยักษ์กับเด็กหัดเดินยังไงยังงั้น ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร เผลอๆ เด็กจะโดนดาบบาดเข้าซะอีก

    เพราะฉะนั้นให้ทำความดีแบบเน้นๆ ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนก่อน เช่น วัตรบท 7 เป็นต้น

    วัตรบท 7 แบบย่อๆ

    1. ดูแลมารดาบิดา
    2. ประพฤติอ่อนน้อมต่อญาติผู้ใหญ่
    3. พูดวาจาอ่อนหวาน
    4. ไม่พูดวาจาส่อเสียด
    5. บำเพ็ญทานบารมี
    6. รักษาคำพูด พูดแต่คำสัตย์จริง
    7. เป็นผู้ไม่โกรธ/เอาชนะความโกรธได้ในทันทีที่เกิดขึ้น เป็นต้น

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  17. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาสาธุครับ เป็นพระธรรมที่ดีงามจริงๆครับ

    สาธุครับ
     
  18. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ทำความรู้จักกับความคิด ^^
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    น่าจะฝึกมาถูกทางแล้วนะ เพราะใจนิ่งระดับหนึ่งถึงได้ยินเสียงในใจตัวเอง จิตมันคิดเสียงดังไง
    จิตมันฟุ้งซ่านตลอด บางคนเห็นเป็นภาพ บางคนได้ยินแต่เสียง บางคนเห็นเป็นความคิดผุดๆออกมา
    เมื่อก่อนใจเราไม่นิ่งพอก็ไม่ได้เห็นไม่ได้ยินพวกนี้ เราก็หลงไปในโลกธรรมตลอด
    ไม่เคยเห็นธรรมที่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ไง ทีนี่พอมาเห็นแล้วมันก็เป็นทุกข์ใช่ไหม
    พอทุกข์มากๆก็ทนไม่ไหว เพราะดับเหตุแห่งทุกข์ไม่ได้ วิธีแก้ไขก็มีหลายแบบนะ บางคน
    ฝึกดูลมหายใจมาดีหายใจเข้าลึกๆ 2-3 ฟืด ก็เกิดจิตสงบแล้ว บางคนใช้บริกรรมช่วย
    อย่าง พุทธโธ หรือสัมมาอรหัง หรือคำสวดมนต์ที่เราชอบ ก็ช่วยให้จิตมันสงบได้
    หรือถ้าเครียดมากก็ไปฟังเพลงที่ชอบๆให้จิตมันผ่อนคลายเปลี่ยนอารมณ์จากฟุ้งซ่าน
    มาเข้าโหมดความสุขเล็กๆน้อยๆให้จิตมันสบาย เรียกว่าอาศัยพาจิตไปทำเหตุให้เกิด
    สิ่งมากระทบจิตเพื่อให้จิตมันเปลี่ยนความคิดไปบ้าง ไม่จมฟุ้งซ่านคิดแต่เรื่องที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์

    ถ้า จขกท.ผ่านตรงนี้ไปได้ อย่าไปกลัวความคิดของตัวเอง อย่าไปยึดติดความคิดตัวเอง
    ให้ดูความคิดเหมือนเราดูหนังไป อย่าไปอินกับมัน และความคิดมันไม่ใช่เรา ไปบังคับให้
    มันหยุดคิดถ้ามีสมาธิดีมันก็หยุดได้ชั่วคราวพอตกจากสมาธิก็เป็นอย่างเดิมอีก ต้องใช้
    ปัญญามีสติรู้ตามจริงไป แยกให้ออกว่านั่นความคิด นี่ความจริง พอมีปัญญาเกิดมันจะวาง
    ความคิดไปได้เอง คือไม่ได้ใส่ใจในความคิดนั้น แต่ความคิดมันไหลมันเคลื่อนไปตาม
    ธรรมชาติของมัน พอปล่อยวางความคิดได้จริงก็จะรู้จักสภาวะจิตโล่งโปร่งเบา ให้รู้สึกได้

    ตอนนี้มันเป็นขั้นแรกของคนฝึกปฏิบัติธรรม คือมารู้กายใจของตนเองตามจริง
    พอเห็นเหตุแห่งทุกข์(ความคิด)จนเข้าใจธรรมชาติของของมัน(ความคิด) จิตมันจะเกิด
    ปัญญาช่วยตัวเองคือละเหตุแห่งทุกข์(ละความคิด) ไปได้เอง แต่ต้องใช้ความอดทนต่อ
    ความทุกข์ อย่างที่ จขกท. เป็นอยู่ตอนนี้แหละ ถ้าสู้กับความทุกข์ไม่ไหว ก็ช่วยมันได้
    ด้วยการสวดมนต์ เปลี่ยนให้จิตมันมาคิดเป็นคำสวดแทน เปิดเพลงสวดมนต์หรือเพลงที่ชอบๆ
    หรือไปดูหนังฟังเพลงคลายเครียดเปลี่ยนอารมณ์บ้าง พอมีกำลังใจดีขึ้น(จิตมีความสุข)
    ก็ค่อยมาดูมารู้ความคิดในหัว(ดูเหตุแห่งความทุกข์)ต่อไป

    ตอนที่รู้ความคิดมันเป็นเรื่องของการชนกับความทุกข์(ความคิด) เรียนรู้ความทุกข์(ความคิด)
    เรียนรู้การปล่อยวางความทุกข์(ความคิด) ถ้าปล่อยวางได้จริงนะ จะโล่งงงงงง เลยแหละ

    ขอเป็นกำลังใจให้คุณ จขกท. สู้ๆ และผ่านด่านแรกไปให้ได้นะ
    แต่อย่าให้ความคิดมันครอบงำเราได้ ยกตัวอย่างเรานะ เราเองก็คิดไปเรื่อยๆ
    พอถึงบางเรื่องที่สะเทือนใจอย่างแรงความคิดมันครอบงำได้ เราก็เกิดเป็นน้ำตาไหล
    พอรู้ตัวว่าเฮ้ย เราน้ำตาไหล สติก็มา อารมณ์เราก็เปลี่ยนไปทันที น้ำตาหยุดไหล
    บางเรื่องคิดแล้วน่าโกรธถ้าความโกรธมันครอบงำใจเราได้มันก็เกิดเป็นเราโกรธตามไป
    พอรู้สึกตัวทันว่าเราโกรธ ความโกรธมันก็ดับไปได้ บางเรื่องคิดแล้วยินดีครอบงำก็เกิดเป็น
    ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว พอมีสติรู้ตัวว่ายิ้มคนเดียวอยู่ มันก็หยุดยิ้มได้ ความคิดมันก็
    เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแต่สัญญาเก่าที่เราเก็บไว้ในใจ พอจิตมันขาดสติมันก็คิดเป็นเรื่องเป็นราว
    ออกมา เราก็โยนิโสความคิดนั้นมาพิจารณาโดยแยบคายตามแต่สติปัญญาจะมีได้ใน
    ขณะนั้นๆ ก็คือการภาวนาแบบหนึ่ง คือเอาความคิดมาเป็นองค์ภาวนาดูความยินดียินร้าย
    ในใจเราได้ เป็นการฝึกสติ เจริญปัญญา ในระดับต้นๆ ในชีวิตประจำวัน พอเราภาวนาเป็น
    จนเป็นความเคยชินแล้ว ต่อไปก็จะช่วยเหลือตนเองให้ไม่ให้จมอยู่ในความคิดได้
    ไม่ถูกความคิดครอบงำได้ง่ายๆ ก็จะเป็นจิตมีสติมากขึ้น จิตไม่หลงโลกได้นานขึ้น
    เห็นความจริงของโลกและสัจธรรมได้ตามจริง

    สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือรักษาศีล ทำบุญให้ทาน ตามกำลัง จะช่วยให้จิตเราสงบได้
    การรักษาศีลได้จะทำให้ใจเรามีกำลังเพราะ สัจจบารมีจากการรักษาศีลจะมาช่วยรักษาจิต
    ให้คิดไปในทางดี เป็นกุศลจิต ได้มากกว่า ทำให้อกุศลจิตแทรกเข้ามาได้น้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2012
  20. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ก็หลายวิชาเลยอะครับ มีดูอนาคต เคลื่อนย้ายในพริบตา(แบบโงกุนหนะครับ
    จะย้ายไปโลกใหม่หนะครับเบื่อโลกนี้แล้ว วุ่นวายเต็มที) แต่อาจที่เราพลาดไปทำสัญญากับคนหนึ่งไว้
    จึงตามมาหลอกหลอนผม สิ่งที่ผมสร้างขึ้นมาจากจิตมันรุนแรงมากเลย บอกไม่ถูก
    วันๆก็คิดแต่อยากฆ่า ไม่อยากฆ่า วนเวียนอยู่อย่างเงี้ย(ถึงได้เป็นเดรัจฉานวิชา มีแต่ความคิดของสัตว์เดรัจฉานไงครับ)
    ติดที่มีมารมาขวางด้วยนะสิ เลยทำให้ไม่ได้เป็นดังที่หวัง ต้องใช้ความอึดอดทนมากเลย
    เครียดมากๆ จะเป็นมะเร็งตายสักวัน

    สรุปคิดฝึกจนหมดความอดทนแล้ว เหมือนเป็นคนโง่ยังไงก็ไม่รู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...