ข้อความจากต่างมิติ - กระแสความคิด (Thought Form) ก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง vs ความกลัว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 17 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    กระทู้นี้ก็เช่นเดียวกันนะครับ คือท่านต้องใช้วิจารณญาณของท่านเอาเองนะครับ
    ว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อข้อมูลที่ผมนำเสนอมานี้

    เพราะว่าผม พอได้อ่านแล้ว เห็นว่าน่าสนใจดี และน่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
    ก็เลยนำมาแบ่งปันให้ท่านได้อ่านด้วยเท่านั้นเองหนะนะครับ หาใช่เจ้าของข้อมูลแต่อย่างใดไม่

    ด้วยความปราถนาดีครับ


    ปล. กระทู้ที่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ และมีเนื้อหาต่อเนื่องจากกระทู้นี้ได้แก่

    "ข้อความจากต่างมิติ-จุดกำเนิดของจิตวิญญาณ-และลำดับชั้นทางจิตวิญญาณในเอกภพของเรา"

    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...และลำดับชั้นทางจิตวิญญาณในเอกภพของเรา.326865/

    "ข้อความจากต่างมิติ-จิตวิญญาณเริ่มเข้าสู่ความมืดได้อย่างไร-นรกอยู่ที่ไหน-ลูซิเฟอร์"

    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...มืดได้อย่างไร-นรกอยู่ที่ไหน-ลูซิเฟอร์.327147/
    ....................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากแมทธิว วาร์ด และ รูปธรรมอื่นๆจากมิติที่ 5
    เรื่อง: Thought Form (กระแสจิต หรือ กระแสความคิด)


    ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ Revelation for A New Era
    ผู้เขียน: นาง Susanne Ward

    ตอนที่ 1:


    Matthew:

    สวัสดีตอนเช้าครับคุณแม่ วันนี้พลังงานของคุณแม่ดูสดใสมากเลยนะครับ
    เวลาที่คุณแม่มีความกระตือรือร้นอย่างเช่นในวันนี้ กระแสพลังงานของคุณแม่
    จะเหมือนกับสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ที่กำลังร้องเพลงและไหลบ่าอย่างกระตือรือร้นไปสู่เส้นทางสายใหม่ของมัน
    ด้วยความสามารถของคุณแม่ในการรับพลังงานอื่นๆที่นอกเหนือจากพลังงานของผมแล้ว
    คุณแม่อยากจะคุยกับอิมาก้าหน่อยไหมครับ อย่างน้อยก็แค่ทักทายเขาหน่อยก็ยังดี?


    S: ได้สิลูก


    Matthew: เขาอยู่นี่แล้วครับคุณแม่ อยู่ในกระแสพลังงานของผมนี่ไงครับ


    S: สวัสดีอิมาก้า ขอต้อนรับกลับมาอีกครั้งหนึ่งนะคะ


    Imaca:

    ผมก็ขอต้อนรับคุณกลับมาอีกครั้งหนึ่งด้วยเช่นกันครับ คุณซูซี่ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่พวกเราได้คุยกัน
    และแลกเปลี่ยนกระแสความคิดกัน จนถึงตอนนี้มันก็นานพอสมควรแล้วนะครับ
    ผมขอแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าของคุณด้วยนะครับ ผมมีความยินดีมาก
    ที่ได้กลับเข้ามาอยู่ในสนามพลังงานของคุณอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่ามันเป็นสนามพลังงานที่นุ่มนวล
    และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยินดีต้อนรับกระแสความคิดของผมสู่จิตสำนึกของคุณ


    คุณอยากจะสนทนาเรื่องที่มีสาระอะไรสักเรื่องไหมหรือว่าคุณอยากจะรอเอาไว้วันพรุ่งนี้?
    อ้อ..ผมเห็นแล้วว่า คุณอยากจะรอเอาไว้สนทนาในวันพรุ่งนี้ และตอนนี้ผมเห็นคำถามของคุณ
    ที่ถามผมว่าทำไมผมจึงใช้คำว่า “เห็น” ในบริบทนี้


    ความคิดสามารถมองเห็นได้เพราะว่ามันมีรูปร่างและจังหวะการสั่นสะเทือนของมันเอง
    ที่สามารถดึงดูดความสนใจของเราได้ ในทันทีที่มีความจำได้หมายรู้ภายในความคิดของคุณเกิดขึ้น
    แต่กระแสความคิดก็เป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้จริงๆอยู่แล้ว



    S: มีเพียงสมองของฉันเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรือว่ามีอะไรบางอย่างที่อยู่ในจิตวิญญาณซะเองที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย?


    Imaca:

    กิจกรรมทางความคิดนี้ มันคือการที่จิตวิญญาณใช้สมองเป็นเครื่องมือ
    เช่นเดียวกับที่คุณใช้คอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกถ้อยคำที่ต้องการนั่นแหละ
    สมองเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น ก็เหมือนกับที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
    ที่จะไม่สามารถทำงานด้วยตัวมันเอง ถ้าคุณไม่ไปสั่งให้มันทำงาน


    จิตวิญญาณและสมองก็มีความสัมพันธ์ในลักษณะเดียวกันนี้
    คือจิตวิญญาณจะกดปุ่มเปิดให้สมองทำงาน ซึ่งจากนั้น
    ก็จะไปกระตุ้นความรู้ที่อยู่ในระดับลึกๆของจิตวิญญาณออกมา
    เพื่อนำไปใช้ให้เกิดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในจิตใจต่อไป


    ความรู้ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในสมอง เว้นเสียแต่มันจะถูกจิตวิญญาณนำเอาเข้าไปไว้เท่านั้น
    จากนั้น มันก็จะถูกจิตใจนำเอาไปใช้งานเพื่อใช้เป็นเหตุเป็นผล ความรู้ถูกสะสมอยู่ในจิตวิญญาณ
    แต่มันไม่ง่ายที่จะเข้าถึงมันได้ภายในภพชาตินี้หรือภพชาติก่อนๆไหนๆ ที่คุณยังอยู่บนโลกใบนี้
    เพราะว่ามันมีสิ่งกีดขวางหลายอย่างกั้นเอาไว้อยู่ และเป็นนานแสนนานมาแล้วด้วย
    สิ่งกีดขวางที่ว่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตฝ่ายมารที่ชั่วร้าย ซึ่งพวกเขาประสบความสำเร็จ
    ในการแอบซ่อนข้อมูลส่วนใหญ่ที่อยู่ในจิตวิญญาณของพวกคุณ ไม่ให้จิตสำนึกของพวกคุณรับรู้ได้



    S: ขอบคุณมากสำหรับคำอธิบายนะคะอิมาก้า


    Imaca:

    ด้วยความยินดีอย่างที่สุดเลยครับ คุณซูซี่ ยิ่งมันพัฒนาขึ้น ผมก็มีข้อมูลที่มีคุณค่าที่จะนำมาตอบคำถามดีๆของคุณ
    ผมขอขอบคุณในความเสียสละในการรับข้อมูลของคุณ และผมต้องขอกล่าวคำอำลาด้วยความรักและแสงสว่าง
    เพราะว่าแมทธิวกำลังรอที่จะสนทนากับคุณอยู่

    ...................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากแมทธิว วาร์ด และ รูปธรรมอื่นๆจากมิติที่ 5
    เรื่อง: Thought Form (กระแสจิต หรือ กระแสความคิด)


    ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ Revelation for A New Era
    ผู้เขียน: นาง Susanne Ward

    ตอนที่ 2:


    S: ดิฉันก็ดีใจที่คุณมาวันนี้ค่ะอิมาก้า ขอบคุณเช่นกันค่ะ

    แมทธิว สวัสดีอีกครั้งลูก แม่พยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่อิมาก้าพูด แต่ว่า “การมองเห็นกระแสความคิด” นั้น
    มันเป็นเรื่องที่นอกเหนือความเข้าใจของแม่จริงๆ แม่เดาว่าลูกก็คงมองเห็นความคิดของแม่ด้วยเช่นกัน



    Matthew:

    ผมมองเห็นความคิดของคุณแม่ง่ายพอๆกับที่ผมรู้ใจคุณแม่นั่นแหละครับ เพราะว่าทั้งความคิดและความรู้สึกของคุณแม่
    มันจะสร้างรูปแบบที่ถาวรขึ้นมา ผมรับรู้ถึงพวกมันได้โดยการเข้าไปอยู่ในพวกมัน
    แต่ก็เฉพาะในกรณีที่ผมได้รับเชิญเท่านั้นนะครับ ซึ่งการเชิญที่ว่านี้
    จะผ่านทางความเข้มข้นของอารมณ์และความคิด ที่กำลังคิดถึงผมอยู่ด้วย


    S: ลูกรัก ลูกไม่เคยคิดบ้างหรือว่าลูกจะเข้าใจความคิดของแม่ผิด?


    Matthew:

    ผมไม่เคยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อยครับคุณแม่ เพราะว่ามันไม่มีความแตกต่างกันเลย
    ระหว่างความคิดของคุณแม่ กับคำที่คุณแม่พิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์ตัวนี้ หรือคำพูดของคุณแม่
    และความตระหนักรู้ถึงพวกมันของผม ในเวลาที่คุณแม่ต้องการ ผมจะไม่รู้ถ้าผมไม่ถูกเชิญ
    แต่ผมจะรู้อย่างถูกต้องถ้าผมถูกเชิญ แต่จะไม่มีการบุกรุกล่วงล้ำอย่างเด็ดขาด
    ผมจะเข้าไปก็เฉพาะเมื่อได้รับเชิญเท่านั้น มันไม่มีสิ่งขวางกั้นระหว่างระบบพลังงานของคุณแม่กับของผม
    เมื่อคุณแม่ต้องการให้พวกเรามีส่วนร่วมด้วยกันในรูปแบบใดๆก็ตาม



    S: แล้วลูกรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นพลังงานของแม่ ไม่ใช่ของคนอื่น?

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    Matthew:

    ผมจำพลังงานของคุณแม่ได้ไม่ผิดแน่ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าอัตราการสั่นสะเทือนของมันใกล้เคียงกับของผมมากเท่านั้น
    แต่เพราะว่าพลังงานของคุณแม่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันเองด้วย


    ผมรับรู้ถึงสัญญาณของคุณแม่ได้ ไม่ว่าคุณแม่จะเล็งมาที่ผมโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
    เหมือนอย่างที่เวลาเราสนทนากับแบบนี้ เมื่อใดที่คุณแม่คิดถึงผม ความคิดนั้น
    ก็จะกลายเป็นความสั่นสะเทือน และโทนจังหวะการสั่นสะเทือนของมัน
    ก็จะแยกแยะมันออกจากโทนอื่นๆในจักรวาลทั้งหมด


    ถ้าจะให้อธิบายว่า ผมสามารถแยกแยะเสียงของคุณแม่จากเสียงอื่นๆทั้งหมดได้อย่างไร
    เราต้องพูดว่าจังหวะการสั่นสะเทือนของพลังงานเสียงนั้น หรือโทนนั้น จะมีอัตราของตัวเลขโทนจาก 1 ถึง 1000
    ซึ่งระหว่างตัวเลขเหล่านี้ จะมีทางออกด้านข้าง สำหรับการเปลี่ยนแปลงของระดับเสียงหรือความถี่อยู่มากมาย
    เพราะข้อความหรือกระแสความคิดถูกจำแนก, จัดระดับ และแจกจ่าย บนสเกลตัวเลขที่ยืดหยุ่นมากนี้
    จะมีช่องหรือร่องที่ยอมให้ความยาวคลื่นและเสียงมากมายหลากหลาย ที่กระแสความคิดเปลี่ยนไปเป็น
    เพื่อตกไปอยู่ในที่ที่ต้องการการชี้บ่ง


    กระบวนการชี้บ่งนี้ จะเกิดขึ้นทันทีทันใดและถูกต้องแม่นยำ จะเกิดขึ้นกับทุกๆคน
    ผมสามารถบอกได้เลยว่าโทนไหนคือของคุณแม่ หรือของอีริค หรือของไมเคิล และของคนอื่นๆ
    ผมสามารถรู้สึกถึงพวกมันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปตรวจสอบดูเลย

    เหมือนกับที่คุณแม่ค้นหากล่องรับจดหมายของคุณแม่ว่ามีอะไรส่งมาถึงบ้างหรือเปล่าหนะแหละครับ
    แล้วก็อันนี้ด้วยครับคุณแม่ ความรักที่อยู่ในกระแสความคิดของคุณแม่จะมาถึงผมอย่างสมบูรณ์
    มันเป็นเสียงที่สวยงามมาก ที่มีความรู้สึกและความสั่นสะเทือนดังกรุ๊งกริ๊ง มันมีเสน่ห์และน่าพิศมัยมาก

    จริงๆแล้วไม่ใช่ว่ามันจะน่าพิศมัยเฉพาะสำหรับผมเท่านั้นนะครับ แต่สำหรับทุกๆรูปธรรมทั่วทั้งมิตินี้เลยหละ

    ................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 003.jpeg
      003.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      119.9 KB
      เปิดดู:
      1,425
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2014
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากแมทธิว วาร์ด และ รูปธรรมอื่นๆจากมิติที่ 5
    เรื่อง: Thought Form (กระแสจิต หรือ กระแสความคิด)


    ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ Revelation for A New Era
    ผู้เขียน: นาง Susanne Ward


    ตอนที่ 3:


    S: แมทธิว นั่นหละคือความคิดที่น่ารักอย่างหนึ่งที่แม่มี และที่ลูกได้เห็น
    ทั้งลูกและอิมาก้าต่างก็ใช้คำว่า “กระแสความคิด” (Thought forms) ด้วยกันทั้งคู่
    แม่ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร ช่วยอธิบายแบบง่ายๆให้แม่เข้าใจหน่อยได้ไหม



    Matthew:

    ดีมากครับคุณแม่ พลังงานและกระแสความคิดคือพื้นฐานของทุกชีวิต
    และกระแสความคิด ก็เป็นสิ่งที่จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ของความรู้ของจักรวาล
    เพราะฉะนั้น ความเข้าใจในเรื่องนี้ ในนัยยะของจักรวาล จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
    เพื่อที่จะได้เข้าใจแก่นแท้ของตัวเราเองด้วย


    ทุกสรรพสิ่งที่มีอยู่ทั่วทั้งจักรวาลนี้ ล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากกระแสความคิด
    กระแสใดกระแสหนึ่งทั้งสิ้น โดยมีพลังงานเป็นวัตถุดิบในการก่อสร้างที่ว่านี้


    กระแสความคิด จะควบคุมพลังงานในปริมาณที่เพียงพอ
    ที่จะนำไปสร้างให้เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกายหยาบ หรือเป็นวัตถุนั้นๆได้
    ร่างกายของคุณแม่ก็เป็นกระแสความคิดอย่างหนึ่ง
    มันถูกสร้างอยู่ในจิตสำนึกแห่งจักรวาลก่อนที่คุณแม่จะถือกำเนิด
    ในกระบวนการทำพันธสัญญาทางจิตวิญญาณ
    ซึ่งกระบวนการทำพันธสัญญาทางจิตวิญญาณนี้
    จะครอบคลุมถึงบิดามารดาของคุณแม่ และบิดามารดาของพวกท่าน และอื่นๆด้วย
    เช่นเดียวกันกับที่ครอบคลุมถึงสมาชิกในครอบครัวของเรา
    และเพื่อนสนิททั้งหลายของคุณแม่ในชาติภพนี้ด้วย

    กระแสความคิดก่อเกิดการปฏิสนธิ
    และกระบวนการตั้งครรภ์ของทุกสรรพชีวิต


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    วัสดุที่นำมาใช้สร้างร่างกายของคุณแม่ มันจะสั่นสะเทือนเป็นจังหวะอยู่อย่างต่อเนื่อง
    พร้อมกับมีการไหลเวียนของพลังงานอยู่ตลอดเวลา เพราะถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น
    ร่างกายเนื้อของคุณแม่ ก็จะต้องตายลงไป

    การเคลื่อนไหวคือสิ่งที่ค้ำจุนชีวิต ไม่ใช่การเต้นของหัวใจ หรือคลื่นสมอง
    แต่มันคือการเคลื่อนไหวของพลังงานต่างหาก การเคลื่อนไหวของร่างกายของคุณแม่
    ทำให้มองเห็นการหายใจ

    แต่มันก็ไม่เป็นความจริงไปมากกว่าการเคลื่อนไหวของอะตอมทั้งหลาย
    ที่เป็นส่วนประกอบของโคมไฟที่อยู่ข้างๆตัวของคุณแม่นั่นหรอกนะครับ
    แม้ว่าการเคลื่อนที่ของพวกมัน คุณแม่จะไม่สามารถมองเห็นได้ก็ตาม
    แต่รูปแบบทั้งสองประเภทที่แตกต่างกันอย่างมากนี้
    ก็มีต้นกำเนิดมาจากกระแสความคิดเหมือนๆกัน


    คุณแม่คงจะเคยได้ยินมาแล้วนะครับว่า กระแสความคิดมันก็มีทั้งบวกและลบ
    กระแสความคิดลบ ไม่สามารถถูกทำลาย หรือถูกทำให้เป็นกลางได้ด้วยกระแสความคิดบวก


    "พลังงานความรัก" คือสิ่งที่สังเคราะห์ขึ้นมาจากทุกสรรพชีวิตในเส้นทางแห่งจิตวิญญาณนี้
    ความรัก สามารถรวมเข้ากับสิ่งที่มีพลังงานสมดุลแล้วได้ และสามารถมีผลกระทบ
    หรือทำให้สิ่งที่มีพลังงานเป็นลบกลายเป็นกลางได้ แต่ก็ไม่สามารถทำลายพวกมันได้


    การทำให้เป็นกลางไม่ใช่กิจกรรมที่ปุบปับรุนแรง แต่มันเป็นการค่อยๆเข้าไปโน้มน้าว
    ในส่วนที่ทำได้อย่างนุ่มนวล ซึ่งเจ้าของกระแสความคิดลบนั้นๆ
    อาจจะไม่ตอบสนองต่อการโน้มน้าวนั้น และไม่ทำให้ตัวเองสมดุลก็ได้

    คุณแม่ครับ คุณแม่กำลังพยายามควานหาความเข้าใจและทำให้หายสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่
    คุณแม่ได้ขอให้ผมช่วยอธิบายอย่างง่ายๆ แต่คำอธิบายของผมมันไม่ง่ายอย่างที่ขอเลย
    เพราะฉะนั้น จะเป็นการดีกว่า ถ้าคุณแม่จะได้รับฟังการบรรยายอย่างเป็นทางการจากอิทาก้า
    ซึ่งจะนำเสนอแก่ทุกคนที่นี่ที่ต้องการข้อมูลนี้ เหมือนอย่างที่คุณแม่ต้องการ


    ตอนนี้พลังงานของเธอมาอยู่ที่นี่แล้ว มันสามารถเชื่อมต่อกับของผมได้อย่างทันทีทันใดเลยทีเดียว
    เมื่อผมนึกถึงเธอด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า คุณแม่จะว่ายังไงครับ?


    ................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fractal.jpg
      fractal.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.2 KB
      เปิดดู:
      1,406
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2014
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากแมทธิว วาร์ด และ รูปธรรมอื่นๆจากมิติที่ 5
    เรื่อง: Thought Form (กระแสจิต หรือ กระแสความคิด)


    ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ Revelation for A New Era
    ผู้เขียน: นาง Susanne Ward

    ตอนที่ 4:


    S: แม่ก็จะขอขอบคุณหนะสิลูก สวัสดีอิทาก้า ขอบคุณที่มาช่วยนะคะ


    Ithaca:
    สวัสดีตอนเช้าค่ะ ดิฉันดีใจที่ได้สนทนากับคุณอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะได้มาช่วยเหลือแบบนี้
    ดิฉันรู้สึกปลื้มมากๆ ที่ได้มาอยู่ในพลังงานของคุณ ซึ่งมันสามารถเข้ากันได้ดีกับของดิฉันเลยทีเดียว

    โปรดเข้าใจว่าดิฉันไม่ได้มีความรู้อะไรมากไปกว่าแมทธิวหรอกนะคะ เพียงแต่ว่า
    ดิฉันมีโอกาสได้พูดเรื่องกระแสความคิดมากกว่าเท่านั้นเอง นั่นจึงทำให้ดิฉันมีโอกาสได้ฝึกฝนมากกว่าด้วย
    เรามาเริ่มกันเลยไหมคะ?



    S: ค่ะ เชิญค่ะ

    Ithaca:
    กระแสความคิด และทุกๆกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากมัน เป็นสิ่งที่มีธรรมชาติคลุมเครือ ไม่ชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว
    พวกมันมีอยู่จำนวนไม่จำกัด และมีอยู่ชั่วนิจนิรันดร ให้สำหรับผู้ที่ต้องการติดต่อกับมัน


    ธาตุแท้ของกระแสความคิด คือ "พลาสม่า" แต่ก็ไม่ใช่พลาสม่า
    ในแบบที่เป็นอนุภาคของพลังงาน อย่างที่นักวิทยาศาสตร์บนโลกระบุไว้
    พลาสม่ามีความหนาแน่นของตัวมันเอง และมีคุณสมบัติยึดติดได้ ที่จะถูกดึงดูดได้โดยตรง
    โดยธาตุแท้ของกระแสความคิด และจินตนาการที่เข้ากันได้พอดี


    แรงบันดาลใจ จะเชื่อมโยงความคิดของผู้ที่กำลังค้นหา
    ให้เข้ากับกระแสความคิดที่มีอยู่แล้ว ที่เข้ากันได้พอดีกับหัวข้อที่กำลังค้นหานั้นๆ

    ตัวอย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์ต้องการออกแบบ “ของชิ้นเล็กๆ” ที่สามารถให้แสงสว่างได้
    กระแสความคิดของเขาก็จะคลุมเครือ เป็นเพียงแนวความคิดที่หมายถึงอะไรก็ได้
    ที่สามารถทำให้วัตถุประสงค์นั้นบรรลุได้ แต่ยังไม่มีภาพของสิ่งนั้น ว่ามันควรจะหน้าตาเป็นอย่างไร
    แนวความคิดของเขาเกี่ยวกับ “ของชิ้นเล็กๆที่ให้แสงสว่างได้” นั้น จะไปเชื่อมโยงกับรูปแบบของหลอดไฟ
    ที่มีอยู่แล้วใน “โครงข่ายแหล่งความรู้กลางของจักรวาล” เมื่อจิตของนักวิทยาศาสตร์คนนั้น
    เชื่อมโยงเข้ากับภาพของหลอดไฟนั้น เขาก็จะเรียกการเชื่อมต่อนี้ว่า “แรงบันดาลใจ”


    กระบวนการที่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ก็คือ มันเริ่มต้นจากกระแสความคิด ที่นักวิทยาศาสตร์คนนั้น
    ไม่รู้ว่ามันมีอยู่แล้วในโครงข่ายความรู้กลางของจักรวาล จากนั้นก็มาที่กระแสความคิด
    ของนักวิทยาศาสตร์คนนั้นเอง ที่ค่อนข้างคลุมเครือแต่เต็มไปด้วยความปรารถนา
    และเจตจำนงที่จะผลิตแสงสว่างจาก “ของชิ้นเล็กๆ” จากนั้น กระแสความคิดจากทั้งสองแหล่งนี้
    ก็เชื่อมต่อเข้าหากัน เพราะว่ามันดึงดูดซึ่งกันและกันได้ จากคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน
    และเข้ากันได้พอดีของพวกมัน จากนั้น ภาพของรูปร่างหน้าตาของหลอดไฟ ก็จะปรากฏขึ้น
    ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คนนั้นก็จะเข้าใจว่า มันเป็นแนวความคิดของเขาเองเพียงคนเดียวเท่านั้น

    ................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2012
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากแมทธิว วาร์ด และ รูปธรรมอื่นๆจากมิติที่ 5
    เรื่อง: Thought Form (กระแสจิต หรือ กระแสความคิด)

    ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ Revelation for A New Era
    ผู้เขียน: นาง Susanne Ward


    ตอนที่ 5:


    S: ขอบคุณค่ะอิทาก้า เป็นการอธิบายถึงวิธีการทำงานของกระแสความคิดได้อย่างยอดเยี่ยมเลยค่ะ
    คุณจะสามารถยกตัวอย่างอีกซักตัวอย่างที่เป็นเรื่องทั่วๆไป นอกเหนือจากเรื่องที่เกี่ยวกับ
    การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ได้ไหมคะ?


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    Ithaca:

    ด้วยความยินดีเลยค่ะ ลองจินตนาการดูนะคะว่าคุณกำลังเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่ง
    แล้วคุณก็มองผ่านหน้าต่างร้านเข้าไปเห็นดอกไม้ที่สวยสดใสดอกหนึ่ง
    ที่มีกลีบดอกสีส้ม ตรงกลางดอกเป็นสีน้ำตาล และมีใบสีเขียวเป็นประกาย

    เมื่อคุณเห็นดอกไม้นี้แล้ว อันดับแรกภาพของดอกไม้ก็จะมาถึงคุณก่อน
    แล้วจากนั้น ถ้าคุณรู้จักมัน คำอธิบายและชื่อของดอกไม้นั้นก็จะตกผลึกลงไปในจิตใจของคุณตามมา


    S: แต่มันดูเหมือนว่ามันเกิดขึ้นพร้อมกันเลยนี่คะ


    Ithaca:

    กระบวนการจินตนาการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จนคุณไม่อาจแยกแยะลำดับขั้นของเหตุการณ์ต่างๆ
    ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนแรกที่คุณเริ่มเห็น จนถึงการจดจำชื่อของมันได้ทัน

    ตอนที่คุณเริ่มเห็นมัน กระแสความคิดแห่งภาพนั้น ได้ถูกส่งออกไปยังมวลเหนียวหนืด
    ของกระแสความคิดทั่วทั้งจักรวาล อย่างรวดเร็ว จนมันไปพบกับกระแสความคิดที่เข้ากันได้พอดีเกี่ยวกับดอกไม้นั้น
    จากนั้นกระแสความคิดทั้งสองกระแส ก็จะเกาะติดเข้าด้วยกันอย่างทันทีทันใด
    แล้วภาพของดอกไม้นั้นก็จะไปบันทึกไว้ในสมองของคุณ และทำให้คุณจดจำได้ว่ามันเป็นดอกไม้ชนิดใด

    แต่ถ้าหากว่าคุณไม่รู้จักชื่อของดอกไม้ชนิดนั้น กระแสความคิดของคุณก็จะบรรจุเฉพาะความรู้สึกพอใจยินดี
    และการจำได้หมายรู้ของภาพของดอกไม้นั้นเท่านั้น ว่ามันมีกลีบดอกสีส้ม กลางดอกเป็นสีน้ำตาล และมีใบสีเขียว
    การรับรู้ความรู้สึกที่สัมพันธ์กัน คือความรู้สึกพอใจยินดีที่ถูกบันทึกไว้ ก็จะเกิดขึ้นเหมือนกับว่า
    เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม มันเกิดจากภาพที่ถูกบันทึกไว้
    ในกระแสความคิดของคุณ บวกกับกระแสความคิดที่เข้ากันได้ ที่มีอยู่แล้วในจักรวาล
    ที่ทำให้เกิดการจำได้หมายรู้เกี่ยวกับภาพดอกไม้ที่เห็นนั้น

    ...................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2014
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากแมทธิว วาร์ด และ รูปธรรมอื่นๆจากมิติที่ 5
    เรื่อง: Thought Form (กระแสจิต หรือ กระแสความคิด)


    ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ Revelation for A New Era
    ผู้เขียน: นาง Susanne Ward

    ตอนที่ 6:


    S: แล้วคนตาบอดจะจดจำสิ่งต่างๆได้อย่างไร? เพราะว่าพวกเขามองไม่เห็น จึงไม่มีอะไรจะไปทำให้กระบวนการนี้เริ่มต้นขึ้นได้


    Ithaca: เป็นข้อสังเกตที่ดีค่ะ คำว่ามองเห็นในที่นี้ไม่ได้มีข้อจำกัดอยู่แต่เฉพาะมองเห็นด้วยตาเท่านั้น
    แต่ว่าตอนนี้ ดิฉันคิดว่า คำว่ามองเห็นอาจจะไม่ใช่คำพูดที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำมาใช้อธิบายซะแล้วหละค่ะ
    คำว่า "จินตนาการ" จึงน่าจะเป็นคำที่ถูกต้องมากกว่า

    บางคนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา พวกเขาก็ยังมีความสามารถในการจินตนาการอยู่
    ภาพที่ถูกบันทึกเอาไว้ในพื้นที่ของสมอง ที่ส่งคำร้องขอเพื่อความเข้าใจ หรือเพื่อคำอธิบายออกไปอย่างรวดเร็วมากๆ
    บางครั้งคำร้องขอนี้ก็จะมีการเชื่อมโยงอยู่กับกระแสความคิดแห่งการจำได้หมายรู้ด้วยคำพูด
    เช่นเดียวกันกับที่เชื่อมโยงอยู่กับกระแสความคิดแห่งการจำได้หมายรู้ด้วยภาพ

    เรามาลองสมมุติกันว่า คนตาบอดคนหนึ่งเอามือไปแตะดอกไม้ดอกหนึ่ง แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นมันก็ตาม
    แต่ภาพในสมองก็จะถูกสร้างขึ้นมา กระบวนการจำได้หมายรู้ของสมองเกี่ยวกับสิ่งของ หรือ สภาวะ หรือ สถานการณ์
    จะไปรวมกับกระบวนการทางความรู้สึก หรือทางอารมณ์ที่สัมพันธ์กัน แล้วสร้างกระแสความคิดที่มี “ขอบ” ขึ้นมา
    ขอบเหล่านั้น จะทำหน้าที่เหมือนกับชิ้นส่วนของภาพต่อ ซึ่งแต่ละชิ้น ก็จะต่อเข้ากันได้พอดี
    บนภาพๆนั้นได้เพียงตำแหน่งเดียว เมื่อมันต่อเข้าได้พอดีแล้ว กระบวนการทั้งสอง
    ก็จะดำเนินไปสู่การบวนการรวม

    ทุกๆขั้นตอนเริ่มตั้งแต่การรับรู้ถึงสิ่งนั้น,สภาวะนั้น หรือ สถานการณ์นั้น ด้วยการจำได้หมายรู้ของสมองและของความรู้สึก
    มันจะเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนคุณไม่อาจรับรู้ถึงความล่าช้าของมันได้ กระบวนการสำหรับคนตาบอดนี้
    ก็เป็นกระบวนการเดียวกันกับคนตาดี

    มันยังมีคุณสมบัติอื่นๆของกระแสความคิดอยู่อีก ที่เป็นไปในอาณาเขตความรู้ของจักรวาล เพื่อให้แน่ใจ
    อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างของภาพที่น่าพึงพอใจ และสว่างสดใสอันนั้น จะช่วยให้คุณจัดการกับกระบวนการนี้ในใจของคุณได้

    ตอนนี้ ดิฉันคงต้องขออวยพรให้วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับคุณนะคะ คุณซูซี่ และดิฉันหวังว่าโอกาสต่อไป
    เราคงได้มาแบ่งปันความรู้กันแบบนี้อีกนะคะ

    ......................................
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากแมทธิว วาร์ด และ รูปธรรมอื่นๆจากมิติที่ 5
    เรื่อง: Thought Form (กระแสจิต หรือ กระแสความคิด)

    ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ Revelation for A New Era
    ผู้เขียน: นาง Susanne Ward

    ตอนที่ 7: ความกลัว (Fear)


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    S: แมทธิว กระแสความคิดด้านลบเป็นสาเหตุของปัญหาด้านอารมณ์หนักๆที่ผู้คนกำลังเผชิญอยู่ใช่ไหม?
    เช่น ถ้าใครบางคนมีความกลัวต่ออะไรบางอย่างมากๆ กระแสความคิดที่เข้ากันได้พอดี
    ที่อยู่ในจักรวาลก็จะมาเพิ่มความกลัวให้มากขึ้นไปอีกใช่ไหม?


    Matthew:

    ใช่แล้วครับ นั่นแหละคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ เพราะว่าอารมณ์ที่เข้มข้นรุนแรงต่างๆ
    จะไปเพิ่มพลังการดึงดูดของการจดจ่อกับสถานการณ์ หรือสิ่งต่างๆของคนๆนั้น

    แต่อย่างไรก็ตาม ความกลัวก็เป็นอารมณ์ที่มีพลังอำนาจมากอย่างหนึ่ง
    และมีพลังงานอยู่ในตัวมันเองมากมายอยู่แล้ว ที่สถานการณ์ หรือสิ่งที่ถูกกลัว
    จะถูกดึงออกมาจากกระแสพลังงานหลัก และถูกขยายให้มากขึ้น
    ตามระดับความรุนแรงของความรู้สึกของคนๆนั้น

    ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณแม่ไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ความเสี่ยงบางอย่าง เช่น การปีนเขา หรือกีฬาในน้ำบางอย่าง
    ดังนั้น คุณแม่จึงไม่หมกมุ่นอยู่กับกระแสความคิดแห่งความกลัวในกิจกรรมเหล่านั้น
    เพราะฉะนั้น คุณแม่จึงไม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน แต่คนอื่นๆก็อาจจะกลัวกิจกรรมเหล่านั้นด้วย
    แต่ก็ไม่หลีกเลี่ยงมัน เพราะว่ามันอาจจะเป็นบทเรียนที่พวกเขาได้เลือกเอาไว้
    ตั้งแต่ก่อนถือกำเนิด เพื่อที่จะเอาชนะความกลัวเหล่านั้นก็ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามที่จะเสี่ยง
    ที่จะทำกิจกรรม ที่ก่อให้เกิดความกลัวเหล่านั้น ถ้าในระหว่างที่ทำกิจกรรมเหล่านั้น
    พวกเขาสามารถเอาชนะความกลัวเหล่านั้นได้ มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น อันเป็นผลมาจากความกลัวนั้นๆ

    นักปีนเขาทั้งหลาย จึงสามารถปีนขึ้นปีนลงได้ โดยไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น
    ส่วนนักดำน้ำก็จะดำน้ำได้อย่างปลอดภัยด้วย

    แต่ว่าถ้าหากพวกเขาเกิดความกลัวขึ้นในระหว่างที่ทำกิจกรรมเหล่านั้น และไม่อาจเอาชนะมันได้
    พลังงานแห่งความกลัวนั้น ก็จะไปดึงดูดสิ่งที่ถูกกลัวนั้นเข้ามา ในระดับความเข้มข้นที่สัมพันธ์กันนั้น
    ดังนั้น ผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดจากการกลัวนั้น อาจจะนำไปสู่การบาดเจ็บหรือแม้แต่การตายได้

    ผมจะขอยกตัวอย่างอีกซักตัวอย่างหนึ่ง เพื่ออธิบายให้คุณแม่เข้าใจว่ามันทำงานยังไง
    ถ้าคุณแม่ไม่สนใจกีฬาล่าสัตว์เลย และคุณแม่ก็เกลียดชังการล่าสัตว์เพื่อเป็นเกมกีฬามากๆ
    เพราะฉะนั้น บางครั้งคุณแม่จึงมีความคิดและความรู้สึกเกี่ยวกับปืน แต่ไม่ใช่ในแบบที่มีความกลัวอยู่
    เพราะฉะนั้น ความรู้สึกของคุณแม่ที่เกี่ยวกับปีน จึงถูกบันทึกไว้แบบอ่อนๆ

    แต่ถ้าหากคุณแม่เห็นปืนแล้วรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ความรู้สึกนั้นก็จะถูกบันทึกเอาไว้
    ในระดับที่รุนแรงตามไปด้วย และคุณแม่ก็อาจจะไปดึงดูดเอาสถานการณ์ร้ายแรงบางอย่าง
    ที่มีปืนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เข้ามาก็ได้

    มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่คุณแม่ตกเป็นเหยื่อโดนลูกหลงเข้า
    หรือกลายเป็นเหยื่อในเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งใหญ่ก็ได้
    นั่นคือ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องตั้งใจเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ใดๆ
    ที่อาจจะมีสิ่งที่คุณแม่กลัวเลยเสียด้วยซ้ำไป

    คนบางคนก็กลัวความตายอย่างมาก ไม่ว่าจะตายเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม แน่นอนว่า
    เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็จะต้องตายอยู่แล้ว แต่เพราะว่าพวกเขาถูกครอบงำด้วยความกลัวตายจนเกินเหตุแบบนี้
    พวกเขาจึงมักเผชิญกับความตายเร็วกว่าการที่พวกเขาไม่ถูกครอบงำอย่างรุนแรงด้วยความกลัวนี้เลย


    S: บางทีความกลัวนั้น และการตายก่อนวัยอันควร อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง
    ของพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณก่อนการถือกำเนิดของพวกเขาเองก็ได้


    Matthew: ครับ ก็อาจจะใช่ หรือ มันอาจจะเป็นบทเรียนที่พวกเขาเลือกที่จะมาเรียนรู้
    เพื่อเอาชนะมันแต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จก็เป็นได้

    ................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fear.jpg
      fear.jpg
      ขนาดไฟล์:
      302.4 KB
      เปิดดู:
      1,341
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2014
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากแมทธิว วาร์ด และ รูปธรรมอื่นๆจากมิติที่ 5
    เรื่อง: Thought Form (กระแสจิต หรือ กระแสความคิด)

    ที่มา: บางส่วนจากหนังสือ Revelation for A New Era
    ผู้เขียน: นาง Susanne Ward


    ตอนที่ 8: ปฏิสัมพันธ์ของความรู้สึกด้านลบ - จบครับ


    Matthew:

    ความรู้สึกด้านลบที่รุนแรง เกี่ยวกับสถานการณ์ใดๆ
    สามารถทำให้เกิดพลังงานที่จะไปขัดขวาง
    เส้นทางที่ควรจะเป็นไปตามธรรมชาติของเหตุการณ์นั้นๆได้
    เรื่องนี้เกี่ยวข้องไม่เฉพาะแต่กับทัศนคติของคนๆนั้นเองเท่านั้น
    แต่ยังเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของคนอื่นๆที่ใกล้ชิดกับคนๆนั้นด้วย

    ตัวอย่างเช่น ความวิตกกังวลใจ หรือความคาดหวังถึงความล้มเหลว
    ของสมาชิกบางคนในครอบครัว และคนใกล้ชิด
    สามารถส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของบุคคลคนนั้นได้ เป็นต้น


    แม้ว่าความรู้สึกของพวกเขา จะมีผลกระทบน้อยกว่าความรู้สึกเดียวกันของตัวเขาเองก็ตาม
    แต่ความรู้สึกด้านลบ ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม ก็ล้วนแต่มีผลกระทบต่อคนๆนั้นทั้งสิ้น


    สมมุติว่าคุณแม่มีความปรารถนาดีอย่างแท้จริง ที่จะแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้ไปสัมภาษณ์งานสักงานหนึ่ง
    แต่คุณแม่ก็รู้สึกไม่แน่ใจว่า เพื่อนคนนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แม้ว่าความรู้สึกลังเลสงสัยของคุณแม่
    จะส่งพลังงานออกไป โดยปราศจากความมุ่งร้ายแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
    มันก็จะส่งผลกระทบในทางขัดขวางความสำเร็จของเพื่อนคนนั้นของคุณแม่อยู่ดี

    กระแสความคิดด้านลบของความลังเลสงสัยของคุณแม่ จะไปเพิ่มผลกระทบของตัวมันเอง
    ลงไปในน้ำซุปของจักรวาล ในทิศทางที่เฉพาะเจาะจงต่อเพื่อนของคุณแม่คนนั้น
    และพลังงานดังกล่าวนั้น ก็จะไปกระตุ้นสถานการณ์ของเธอ และถ้าเพื่อนคนนั้นของคุณแม่
    ก็มีความรู้สึกลังเลสงสัยเองด้วยเหมือนกัน ความรู้สึกของเธอ ก็จะพุ่งตรงไปหากระแสความคิดด้านลบ
    ของ “ความลังเลสงสัย” เดียวกันนั้น ที่มีอยู่ในทุกๆที่ในจักรวาล และด้วยกฎแห่งการดึงดูดของจักรวาลแล้ว
    ความลังเลสงสัยของเธอผู้นั้นก็จะถูกขยายให้มีพลังมากขึ้น

    กระแสความคิด ไม่สามารถจำแนกแยกแยะได้ว่า อันไหนเป็นความวิตกกังวลที่ดี
    หรืออันไหนเป็นความวิตกกังวลที่ร้าย มันรู้จักแต่เพียงความรุนแรงของอารมณ์ความรู้สึกที่มีเท่านั้น

    จริงๆแล้วจุดมุ่งหมายและความเข้มข้น ก็ได้ถูกบันทึกเอาไว้ด้วย แต่พวกมันแยกออกไปต่างหากจากตัวอารมณ์เอง
    ที่ถูกบันทึกไว้เพียงความเข้มข้นเท่านั้น ความเข้มข้นนั้นแหละ คือเหตุผลว่าทำไมการอธิษฐานจึงได้ผล
    และทำไมไสยศาสตร์วูดูจึงได้ผลด้วย

    ....................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2012
  10. Twana

    Twana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +725
    จบ 3 link ขอบคุณมากค่ะ
    (f)
     
  11. Kingkong1

    Kingkong1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    776
    ค่าพลัง:
    +2,262
    อธิบายได้ดีจัง อ่านเข้าใจง่ายครับ

    ความกลัว ความเครียด ความกังวล เป็นต้นเหตุของความล้มเหลว
    ความมั่นใจ การปล่อยวาง ความแจ่มใส ความดีใจ คือต้นเหตุของความสำเร็จ

    ถ้างั้นเวลาซื้อเลขหวยก็ให้มั่นใจว่าต้องถูกแน่ ๆ ลองดูว่ามันจะถูกมั้ย
     
  12. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    3,978
    ค่าพลัง:
    +10,239
    ขอบคุณท่านผู้ถ่ายทอดความรู้ รวมทั้งท่านผู้แปลด้วยครับ
     
  13. Happy_Me

    Happy_Me เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +314
    อ่านจบแล้วค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่า เราควรจะต้อง คิดดี ทำดี พูดดี สินะคะ อิอิ

    มันถึงจะมีแต่สิ่งที่ดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต ^ ^
     
  14. Thesaurus

    Thesaurus สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +11
    ค่ะ ลงชื่อไว้จะกลับมาอ่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...