เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย toplus99, 20 พฤศจิกายน 2011.

  1. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขอปรับเปลี่ยนภาพเป็นเณรน้อย..แอบหลับหลังหลวงพ่อ เท่..สุด

    ขอบอกป้าTwanaอย่าหวังนะ!ว่าจะเอาโอ่งครอบToplus99 ได้ง่ายๆ

    โอ่ง จ้า..โอ่ง มาแล้วจ้า...
     
  2. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    # สืบเนื่องจากเรื่อง DUO คู่หลอน หลังจากสาวออสเตรเลียกลับไปแล้ว

    เดินเรื่องต่อดีกว่า แบบไม่สนคำบ่นของใคร..
    เรื่องราวของคู่หลอน จอมหลอก นิสัยเสีย2ตนที่แอบหลบซ่อน ในกุฏิไม้ที่รอรื้อถอนสร้างใหม่
    ทำให้เกิดคำถามอีกมากมายของผู้เขียนผุดขึ้นมา และอยากเรียนถามพระอาจารย์ถึงข้อข้องใจ<O:p</O:p
    จนได้มีโอกาสถามในวันหนึ่ง..
    <O:p</O:p

    "เอ..หลวงพ่อ..ไอ้คู่ดูขวัญ ดูโอ้ จอมหลอกหลอน ที่ประจำสถานที่ แล้วนี่มันยังไง..
    ทำไมทั้งๆที่สำนักสงฆ์ก็มีพิธีทำบุญต่อเนื่องตลอด นับตั้งแต่จำได้ ในช่วงแรก ก็มีพระอาจารย์
    นำพระมาสวดมนต์ปฏิบัติธรรม แผ่เมตตาก็แล้ว ยังโดนมันหลอกเอาซะเป็นบ้าเป็นบอ..

    <O:p</O:p
    ทำพิธีบายศรี เปิดเบิกฟ้าอัญเชิญเพื่อบอกกล่าวแก่พระรัตนตรัย หลวงปู่ครูบาอาจารย์ องค์เทพเทวดา พรหม ทั้งหลาย องค์พระแม่ธรณีและแม่ธาตุทั้งสี่ก็แล้ว<O:p</O:p
    สร้างพระองค์ใหญ่ปางประทานพรก็แล้ว ผ่านการทำบุญทอดผ้าป่า กฐินก็หลายครั้งทำไม?
    ทั้งคู่นี่ยังอยู่ในสำนักสงฆ์นี่ได้..<O:p</O:p
    พระก็ทำวัตรสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมสมาธิ แผ่เมตตากันทุกวัน ทำไมมันยังอาศัยอยู่ในที่ที่เป็นมงคลได้อีก.."
    <O:p</O:p
    พระอาจารย์ได้ฟังคำถามนี้ท่านก็หัวเราะชอบใจ
    <O:p</O:p
    "เอ็งนี่ยังไม่เข้าใจเรื่องโลกวิญญาณ (ก็แหง..ล่ะครับ)อย่าลืมนะว่าเขาเคยอยู่ที่นี่มาก่อนไม่รู้กี่ร้อยปีแล้ว
    ..นานมาก จนไม่รู้จักชื่อของตัวเองเพราะไม่มีใครเรียก ใครขาน..ถ้ายังไม่หมดกรรมที่ต้องเสวยกรรมในภพภูมินี้ก็ยังคงวนเวียนสถิตย์ในสถานที่ที่ตนเคยอยู่อาศัยมาแต่แรก จะไปอยู่ไหนไม่ได้
    <O:p</O:p
    วิญญาณเหล่านี้คือ**เปรตวิญญาณ อย่างหนึ่ง..มีฤทธิ์เดชพอสมควร บาปก็มาก
    ไม่งั้นจะเล่นงานตาพูนจอมอาคม ตาของเอ็งกลางวันแสกๆได้เรอะ.."

    <O:p</O:p
    “อ้าวแล้วที่เราๆ ทำบุญกันไปไม่ได้รับกันมั่งเหรอครับ”
    <O:p</O:p
    “ก็ได้มั่งแหละ..แต่มันก็เหมือนคนใจหยาบ ใจบอด หรือหูหนวก ตาบอดพิการ บอกกล่าวไปก็ไม่เข้าใจไม่รู้เรื่อง เห็นบุญเห็นกุศลแล้วก็ไม่เข้าใจ หมดกรรมนี้ก็ต้องไปลุยต่อในนรกโลกบาลอีก”<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  3. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ** เปรต เรื่องเกี่ยวกับเปรตซึ่งมีอยู่ 12 พวก เก็บความจากเปตกถาในจารึกวัดพระเชตุพนฯ


    ในภาษาไทยนิยมเรียก "เปรต" ตามภาษาสันสกฤตแต่ในตำราภาษาบาลีใช้คำว่า "เปต"
    เรื่องราวของเปรตเราได้รับมาจากอินเดียหมายถึงสัตว์ที่เกิดในอบายภูมิพวกหนึ่ง หรือคนที่ตายไปแล้วและมีที่อยู่เป็นสัดเป็นส่วน
    เพราะในตำนานกล่าวว่าที่ป่าหิมพานต์มีเมืองชื่อวิชาตอยู่เหนือนรกขึ้นมา เมืองนี้เป็นที่อยู่แห่งเปรตทั้งหลาย
    แสดงว่าเปรตถูกแบ่งแยกออกจากผีธรรมดาทั่วไป มีเมืองอยู่โดยเฉพาะมีเปรตชื่อมหิทธิกาเป็นอธิบดีปกครองเปรตทั้งหลาย
    ซึ่งมีจำนวนถึง ๑๒ พวกด้วยกันและแต่ละพวกก็มีกรรม คือ การประพฤติการปฏิบัติอันมิชอบมิควรต่างกันเมื่อตายจากมนุษย์ก็ถูกแยกประเภทให้ไปอยู่พวกนั้นพวกนี้ตามกรรมที่ทำไว้

    เพื่อให้ทราบถึงลักษณะ และผลกรรมของเปรตแต่ละพวกว่าเป็นอย่างไรจะขอเก็บความจากเปตกถาในจารึกวัดพระเชตุพนฯ และในเรื่องสัตว์นรกและเปรตวิสัยของพระยาพจนสุนทร (เรือง อติเปรมานนท์) มาเล่าประกอบดังต่อไปนี้<O:p</O:p


    ๑.วันตาสาเปรต เป็นชื่อเปรตพวกหนึ่งที่มีร่างวิกล น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเป็นเปรตที่มีอาการกระหายน้ำอยู่เป็นนิตย์และแม้จะอยู่กับน้ำก็ไม่ได้กินน้ำนั้นตามปรารถนา กลับได้กินแต่เสมหะ เหงื่อไคลน้ำมูก น้ำลาย ของผู้อื่นเป็นอาหาร หรือของเหลือเดนที่คนอื่นสำรอกทิ้งไว้
    เหตุที่ต้องรับโทษกรรมดังนี้ ก็เพราะชาติก่อนที่เป็นมนุษย์ เป็นคนมักง่ายสกปรกเมื่อจัดหาอาหาร และน้ำถวายพระและพราหมณ์ผู้มีศีลก็ล้วนแต่ของไม่สะอาดมีน้ำมูกน้ำลายปะปนระคนอยู่หรือแม้แต่ถ่มเสลดน้ำลายลงในบริเวณพระเจดีย์ พระศรีมหาโพธิ พระพุทธปฏิมาผู้ที่ทำอย่างนั้นตายไปย่อมไปเป็นวันตาสาเปรต<O:p</O:p

    ๒. กุณปขาทาเปรตเปรตพวกนี้กินซากศพเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นศพมนุษย์ ช้าง ม้า วัว ควาย และสุนัขเปรตเหล่านี้กินหมดทั้งนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะมีให้กินตลอดเวลา บางครั้งก็ได้กินบางครั้งก็ไม่ได้กิน
    เหตุที่ต้องมาเป็นเปรตพวกนี้ก็เนื่องจากเมื่อครั้งเป็นมนุษย์มีนิสัยชอบแกล้งพระและพราหมณ์ผู้มีศีลให้ฉันอาหารอันไม่สมควรฉัน เช่นเนื้อสัตว์ที่ต้องห้าม ได้แก่ เนื้อมนุษย์ เนื้อช้างเนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อสีห์ เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมีเนื้อเสือดาว ผู้ใดแกล้งบังคับให้พระฉันเนื้อสัตว์เหล่านี้ เมื่อตายไปก็เป็นเปรต<O:p</O:p

    ๓. คูถขาฑาเปรต เป็นเปรตที่กินอุจจาระและปัสสาวะ หรือน้ำที่เจือปนด้วยสิ่งสกปรกเช่น น้ำครำ น้ำโคลน
    ที่ต้องรับกรรมเช่นนี้เพราะเมื่อเป็นมนุษย์ชอบแกล้งหรือบังคับให้พระบริโภคโภชนาหารที่เจือปนด้วยอุจจาระปัสสาวะ ของช้าง ม้า วัว ควาย<O:p></O:p

    ๔. อัคคีชาลมุขเปรตเป็นเปรตที่อยู่ที่ไหนก็แลเห็น เพราะมีเปลวเพลิงพลุ่งออกจากปากทั้งกลางวันกลางคืนมีแสงสว่างออกไปไกลถึง ๑ โยชน์ เป็นเปรตที่มีพลังงานความร้อนและแสงสว่างจึงต้องรับทุกข์เวทนาร้อนปากอยู่ตลอดเวลา
    เปรตพวกนี้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์แกล้งบังคับให้พระบริโภคอาหารที่ร้อนเพื่อจะได้หัวเราะเล่นเป็นของสนุกจึงได้รับทุกข์ดังกล่าว<O:p</O:p

    ๕. สูจิมุขเปรต เป็นเปรตรูปประหลาด ท้องใหญ่ คอยาวช่องปากเท่ารูเข็ม จะกินอะไรก็ไม่ได้ ต้องอาศัยช่องหูแทนฉะนั้นเรื่องรสอาหารไม่ต้องพูดถึง และมีอาการระโหยหิวอยู่ตลอดเวลา
    ที่ต้องรับทุกข์เช่นนี้ก็เพราะเคยเป็นเศรษฐีแต่ไม่เคยทำบุญทำทานถวายอาหารบิณฑบาต บริจาคโภชนาหารแก่ผู้ขัดสนอดอยากตัวเองไม่ทำแล้วยังยุให้คนอื่นไม่ทำตามด้วย<O:p</O:p

    ๖. ตัณหิกาเปรตเป็นเปรตที่มีความกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีโอกาสได้กินเมื่อไปถึงสระน้ำหรือแม่น้ำซึ่งตามปรกติก็มีน้ำบริบูรณ์พอเปรตนั้นจะกินก็กลับกลายเป็นน้ำเลือด น้ำหนอง น้ำอุจจาระ ปัสสาวะ เป็นกองแกลบก็อดกิน
    ทั้งนี้ก็เพราะในชาติก่อนเป็นคนรักษาบ่อน้ำ สระน้ำแต่หวงน้ำไว้ไม่ให้พระสมณพราหมณ์ผู้มีศีลได้ฉันได้บริโภคมนุษย์และสัตว์ก็ห้ามไม่ให้เข้าไปดื่มกิน บาปกรรมจึงเป็นเช่นนี้<O:p</O:p

    ๗.สนิชฌามกาเปรต มีรูปร่างน่าเกลียด เปลือยกายผอมเห็นกระดูกซี่โครง มีกลิ่นเหม็น มือและเท้าหงิก มีเขี้ยวงอกออกมาจากปาก ตาทั้งสองข้างถลนออกมาดังตาปูมีความอยากข้าวและอยากน้ำอยู่เป็นนิตย์ แต่ได้กินเพียงขนสัตว์และเล็บสัตว์เท่านั้น
    เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ไม่มีความเลื่อมใสในพระศาสนา เป็นคนใจบาปขณะที่พระสมณพราหมณ์ผู้มีศีลและพระพุทธเจ้ากำลังมีโรคาพาธได้รับความลำบากเวทนาอยู่นั้นคนพวกนี้กลับพากันหัวเราะเยาะเย้ยหยัน ทำท่าทางหลอกล้อ กล่าววาจาขู่ตะคอกผลกรรมจึงทำให้มาเป็นเปรตพวกนี้

    ๘. สัตถังคาเปรต พวกนี้มีเล็บมือเล็บเท้ายาวคมดังอาวุธ บางพวกมีเล็บมือ เล็บเท้าคล้ายเบ็ดเมื่อมีความหิวกระหายเกิดขึ้นก็ใช้เล็บมือเล็บเท้าตะกุยร่างกายแคะควักเอาเนื้อและเลือดของตนกินเป็นอาหาร
    เวรกรรมอันนี้เนื่องจากเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เป็นคนดุร้ายชอบหยิกข่วนคนทั้งหลายด้วยเล็บบางทีก็เฆี่ยนตีคนอื่นด้วยหวายทำให้เกิดแผลมีเลือดไหลไปทั้งตัว<O:p</O:p

    ๙.ปัพพตังคาเปรต มีร่างกายดุจภูเขาที่ไฟไหม้อยู่ทั้งกลางวันกลางคืน หาความสุขมิได้
    เหตุด้วยเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เป็นคนชอบเผาบ้านเรือน เผาเมืองเผาวิหารที่อยู่ของพระและผู้มีศีลทั้งหลาย<O:p></O:p>

    ๑๐. อชครังคาเปรตมีร่างกายคล้ายงูเหลือมที่ถูกไฟเผาอยู่ บางทีไฟเกิดขึ้นแต่หัวไปถึงปลายหางบางครั้งไฟก็เกิดแต่ปลายหางขึ้นมาถึงหัว บางครั้งไฟก็เกิดแต่หัวและปลายหางแล้วลามเข้ามาบรรจบกันที่กลางตัว เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดกาล
    เหตุด้วยครั้งเป็นมนุษย์ ชอบทำรูปงูเหลือมหลอกคนให้ตกใจหรือทำเป็นรูปสัตว์ร้ายต่าง ๆ ให้คนหนีละทิ้งบ้านเรือนไปแล้วขึ้นเก็บทรัพย์สินเงินทอง เผาบ้านเรือน<O:p</O:p

    ๑๑. เวมานิกะเปรต พวกนี้มีวิมานอยู่แต่มีความสุขเป็นบางครั้งบางคราว บางทีกลางวันอยู่ในวิมานส่วนกลางคืนไปรับทุกขเวทนาในที่ของเปรต บางทีมีความสุขอยู่ในวิมานครึ่งเดือนอยู่ในที่ของเปรตครึ่งเดือน
    เหตุด้วยเมื่อเป็นมนุษย์ มีใจศรัทธาทำบุญบริจาคทานแต่ก็ยังไม่ละความชั่ว ยังประพฤติทุจริตคิดมิชอบอยู่เนือง ๆ<O:p</O:p

    ๑๒. มหิทธิกาเปรตเป็นพวกที่มีรูปร่างงดงาม เป็นใหญ่กว่าเปรตทั้งหลาย ๑๑ พวกที่กล่าวมาข้างต้นนั้นดูตามสภาพแล้วเหมือนมีโภคสมบัติบริบูรณ์ แต่ความจริงมีความอดอยากโหยหิวบางครั้งแสวงหาอาหารมาได้ ครั้นจะบริโภคอาหารนั้นกลับกลายเป็นสิ่งบูดเน่าเป็นอุจจาระ ปัสสาวะ เมื่อมีความหิวก็จำต้องบริโภค
    เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเคยเกิดเป็นกษัตริย์ เป็นมเหสี เป็นมุขมนตรีเป็นพราหมณมหาศาล เป็นเศรษฐีใหญ่เป็นภิกษุสามเณรที่เคยตั้งตนเป็นหัวหน้าชักชวนคนให้สร้างวิหาร กุฎีอุทิศถวายต่อสงฆ์ แล้วมอบช้าง ม้า วัว ควาย ข้าทาสให้อยู่ดูแลรักษาอารามแล้วต่อมาภายหลังกลับนำเอาของสงฆ์เหล่านั้นมาใช้สอยเสียเองบ้าง ให้คนอื่นบ้าง<O:p</O:p

    ที่มา<O:p</O:p
    http://www.board.fortunestars.com/board.php?newsId=668
    เปรต <O:p</O:p
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เปรต (อังกฤษ: Preta, สันสกฤต: प्रेत, ญี่ปุ่น: 餓鬼, จีน: 餓鬼) เป็นผีตามความเชื่อไทย มีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ผิวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกินอะไรไม่ได้ จึงชอบมาขอส่วนบุญในงานบุญต่างๆ ซึ่งเมื่อสะสมบุญได้แล้วเกิดใหม่ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งจากลักษณะนี้ทำให้คำว่า เปรต กลายมาเป็นคำด่าในภาษาไทยที่หมายถึง คนที่อดอยากผอมโซ เที่ยวรบกวนขอเขากิน หรือเมื่อมีใครได้โชคลาภก็เข้ามาขอแบ่งปัน
    <SUP></SUP><O:p</O:p
    ความหมาย<O:p</O:p
    คำว่า เปรต แปลว่า ผู้ตายไปแล้ว ในทางพุทธศาสนาหมายถึง สัตว์พวกหนึ่งที่ที่เกิดในเปตสิสัยซึ่งเป็นอบายภูมิ ๑ ใน ๔ ซึ่งประเภทของเปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต<O:p</O:p
    การทำพลีกรรมแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือการทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายว่า เปตพลี หรือ บุพเปตพลี
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    แบ่งตาม เปตวัตถุอรรถกถา<O:p</O:p
    แบ่งได้ 4 ประเภท<O:p</O:p
    1. ปรทัตตุปชีวิกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ จากอาหารที่มีมนุษย์ให้ เช่น การเซ่นไหว้ เป็นต้น<O:p</O:p
    2. ขุปปีปาสิกเปรต คือ เปรตที่อดอยาก ทุกข์จากความหิวโหยอยู่เป็นนิจ<O:p</O:p
    3. นิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตที่ถูกไฟเผาให้เร่าร้อนอยู่เสมอ<O:p</O:p
    4. กาลกัญจิกเปรต คือ เปรตในจำพวกอสุรกาย<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  4. Twana

    Twana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +725
    อือย์ เปลี่ยนรูป คิคิ น่ารักจะแย่ แต่ช้า แต่.. ยกน้ำจิ้มมาตามเคย ดีใจแทนคนอื่นจัง แล้วมาต่ออีกนะค้า ป้าจะรอฟัง :)
    คืนนี้ กู๊ดไนท์จ้ะ ทุกท่าน
     
  5. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004

    เหมิอนเดิมไม่เปลี่ยน..ขี้บ่น
     
  6. Twana

    Twana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +725
    ............................ :)
     
  7. wuttstock

    wuttstock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +132
    สวัสดียามเช้าครับ.......
     
  8. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    Hi....Good morning sir. How are you.

    ทักทายกันในกระทู้ยังกะเป็น FB เลยทีเดียวเชียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  9. wuttstock

    wuttstock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +132
    ผมเข้ามาติดตามทุกวันครับ
    เลยเข้ามาแสดงตนว่าเป็นแฟนประจำของกระทู้นี้เหมือนกันก๊าบ......

    เดี๋ยวตอนบ่ายๆ จะเข้ามาสวัสดีตอนบ่ายครับ
     
  10. wuttstock

    wuttstock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +132
    สวัสดีครับ
    วันนี้กระทู้เงียบจังเลย
    สงสัยไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหมดแล้ว....
     
  11. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    รูป อเวต้าใหม่น่ารักจัง เณรน้อยน่าเอ็นดูที่ซู๊ด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ff02.jpg
      ff02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.9 KB
      เปิดดู:
      869
  12. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004

    วันนี้อีกวันแห่งความหดหู่ใจ..

    ได้รับข่าวร้ายว่าพ่อของเพื่อนรัก..เสียชีวิตเพราะไฟฟ้าช็อตตาย !
    โดยที่ตัวเพื่อนผู้เขียนเอง ก็เพิ่งมาตายด้วยโรคมะเร็งลำไส้...ไม่กี่เดือนในช่วงต้นปี..ในโรงพยาบาลมหาราช

    กว่าจะสิ้นลมเพื่อนก็ได้ทุกข์ทรมานเหลือเกิน จนขอให้หมอฉีดยาตายๆไป...แต่หมอปฏิเสธ อยู่นานนับกว่าครึ่งเดือน..เรียกลูก เมีย พ่อแม่ มาสั่งเสียกะว่าลาตาย ยังไม่ได้ตาย..
    "อยากตาย...เพราะเจ็บปวดทรมานร่างกาย..เหลือจะทนทาน... แต่ยังไม่ได้ตายสมใจ"ยมบาลท่านไม่ยอมให้วิญญาณหลุดจากร่าง..มันจะต่างอย่างไรกับอยู่ขุมนรกบนโลกมนุษย์กันเล่า

    จากนั้นพ่อต้องมาเผาศพลูกชาย..ที่ตายด้วยโรคมะเร็งเพียงวัย 40 ต้นๆ

    ต่อมาตนเองต้องมาตายด้วยไฟฟ้าช๊อต...ในครอบครัวไม่เหลือผู้ชายอยู่เลย การตายแบบกระทันหัน ประเภทไม่มีโอกาสสั่งเสียร่ำลาใดๆ...

    โลกนี้หนอ..มันยังความทุกข์โศก ยังมีให้เศร้า อีกเท่าไรกันจึงจักสิ้นสุดเสียที..
     
  13. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ต่อ # สืบเนื่องจากเรื่อง DUO คู่หลอน หลังจากสาวออสเตรเลียกลับไปแล้ว

    บทสนทนาระหว่างพระอาจารย์กับผู้เขียนยังดำเนินต่อไปถึงเรื่องว่า
    <O:p</O:p
    “แล้วที่ คู่หลอกคู่หลอนนี้ยังมีจิตที่เป็นมิจฉาทิฐิอย่างนี้ บางครั้งก็ให้ไปดลจิตดลใจให้เกิดการเข้าใจผิด หรือมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันของคนในสำนักสงฆ์นี่แล้ว พระอาจารย์จะไม่จัดการอะไรเลยรึท่าน..”
    <O:p</O:p
    “มีซิ..ทำไมข้าจะไม่มีวิธีข้ามันรุ่นไหนแล้ว..”<O:p</O:p
    ว่าแล้วไง...เอ็งดื้อนักใช่ไหม โดนดีแน่...เจอพระอาจารย์ข้าหน่อยเฟ้ย ..ฮะฮ่าๆกิ๊วๆ กิ๊วๆ..
    <O:p</O:p
    “เอ็งว่าคนที่ตายไปแล้ว ต้องไปตกใน***อบายภูมิ เป็นเปรตนี่มันทุกข์ ยากลำบากไหม”
    <O:p</O:p
    “ลำบากซิครับ พระอาจารย์”
    <O:p</O:p
    “ที่จริงจะว่าไปแล้ว..วิญญาณเหล่านี้ก็ต้องเสวยทุกข์ยากหนักหนา ก็น่าสงสารอยู่นะ
    วิธีของข้าคือเวลามีงานบุญ งานบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิก็จะมีการจัดถวายเครื่องสักการะแด่พระรัตนตรัย
    และสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย จักมีเครื่องบวงสรวงผลไม้ แก่บรรดาพรหม ทวยเทพ รวมถึงเลี้ยงข้าวปลาอาหารแก่เหล่าเทพยดาชั้นล่าง รวมถึงมีอาหารเลี้ยงเหล่าสัมภเวสีทั่วไปด้วยในโลกวิญญาณ...<O:p</O:p

    ข้าก็จะลงโทษโดยไม่เรียกไอ้สองตนนี้มากินด้วย...ปล่อยให้มันอิจฉา หิวโหยเหลือใจ
    ชาวบ้านให้น้ำลายแตกเล่นๆไปอย่างงั้นนั่นแหละ...
    ข้อหาที่มันอยากซ่านัก! ก็ต้องดัดแก้นิสัยกันหน่อย
    <O:p</O:p
    โอ้โห..พระอาจารย์เรานี่ก็ร้ายน่าดู๊....อย่ามาเก๋านะไม่งั้นก็.. อดจ้า.. อดสถานเดียว!<O:p</O:p
    อยู่วัดอยู่วาแล้วยังขยันสร้างเรื่องนัก ก็โดนงี้ล่ะ..
    <O:p</O:p
    "ข้าล่ะอยากให้เอ็งได้ญาณวิถี..ตาทิพย์ ซะจริงๆ จะได้รับรู้มองเห็นดวงญาณพระพุทธเจ้า หลวงปู่ หลวงพ่อ พระสงฆ์องค์ท่านที่เลิศคุณทั้งหลาย ทั้งดวงพระพรหม ดวงเทพทั้งหลายที่มาร่วมอนุโมทนาเหลือเกิน โดยเฉพาะตอนงานทำพิธีเบิกบายศรีอัญเชิญขอให้สถานที่นี้เป็นสถานเพื่อการปฏิบัติธรรมเพื่อพระศาสนาสืบไป จะรู้ว่ามากันนับแสนนับล้าน แทรกซ้อนกันเหลือกำลัง ไอ้ผีสองตนนี้ต้องถอยห่างไปไม่รู้กี่ร้อยกี่สิบกิโลจากตรงนี้ไป..."

    เดี๋ยวมีเคสตัวอย่าง....
    เรื่องที่เกิดกับวิญญาณที่ไม่สามารถเข้าใกล้ในสถานที่ในระหว่างทำการบวงสรวง..
    จนต้องเข้าแฝงร่างลูกหลาน...ร่ำไห้เสียใจยกใหญ่ทีเดียว
    ..ให้ฟังกันในตอนต่อไป..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ดู๊..ดู..ดูเอาเถอะครับท่านทั้งหลาย ภาพเดียวกันแท้ๆ...
    ทำไมกลับได้ความรู้สึกที่ช่างต่างกันเหลือเกิน...
    นี่หนอใจ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2012
  15. tawan13

    tawan13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,263
    ค่าพลัง:
    +4,303
    อ้างอิงมาบางช่วงร้อยถ้อยความ....

    .... จิตวิญญาณตั้งมากมายอยากได้อยากอนุโมทนา แต่ก็ต้องถอยห่างไปไกลแสนไกล ....
    แต่คนหลายคนอยู่ติดชิดงานบุญใกล้กว่าตั้งมากมาย กลับปิดใจ ปิดตา ปิดหู ปิดปาก น่าเสียใจ น่าเสียใจ... หากจมูกจะกระสากลิ่นหอมแห่งบุญได้บ้างก็...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2012
  16. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ***อบายภูมิ"
    .....อบายภูมิ หมายถึง ภูมิหรือดินแดนที่เกิดปราศจากความเจริญ เป็นภูมิที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน เป็นที่เกิดของผู้ที่ทำบาปกรรมไว้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ผลแห่งบาปกรรมนั้นจะส่งเขาไปเกิดในอบายภูมิหลังจากเขาตายแล้ว

    .....อบายภูมิ มี ๔ ตามระดับบาปกรรมของคน คือ

    - นรก เป็นที่เกิดของคนที่มากด้วยโทสะชอบฆ่าฟัน ชอบทำร้ายผู้อื่น

    - เปรต เป็นที่เกิดของคนที่มากด้วยโลภะ ชอบฉ้อโกง ลักขโมย เบียดบังทรัพย์

    - อสุรกาย เป็นที่เกิดของคนที่มากด้วยโลภะ

    - ดิรัจฉาน เป็นที่เกิดของคนที่มากด้วยโมหะ หลงงมงาย อกตัญญู เห็นผิด


    1. นิรยภูมิ คือภูมินรกอันประกอบด้วย มหานรกเป็นนรกขุมใหญ่ อุสสุทนรกเป็นนรกที่ล้อมรอบมหานรก ยมโลกนรก เป็นนรกที่ล้อมรอบมหานรกและอุสสุทนรก โลกันตนรก เป็นนรกที่อยู่นอกจักรวาล ซึ่งมีแต่ความมืดยิ่งนัก

    2. เปตติวิสันภูมิ คือแดนเปรต เป็นที่อยู่ของสัตว์นรกผู้ห่างไกลจากความสุขไม่มีที่สถานที่อยู่โดยเฉพาะ เป็นชีวิตที่น่าสมเพช ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความอดอยาก มีความหิวกระหายอย่างแสนสาหัส มิได้บริโภคอาหารเลย

    [​IMG] 3. อสูรกายภูมิ คือแดนของวิญญาณบาปที่ต้องทุกขเวทนาเพราะความกระหายน้ำ พวกอสุรกายมีความทุกข์ทรมานคล้ายกับพวกเปรต

    4. ติรัจฉานภูมิ คือโลกของสัตว์ผู้มีลำตัวไปตามขวาง ต้องคว่ำอกเดินไปแบ่งเป็น 4 พวกคือ
    พวกที่ไม่มีเท้า ได้แก่ งู ปลา ฯลฯ
    พวกที่มี 2 เท้า ได้แก่ นก เป็ด ไก่ ฯลฯ
    พวกที่มี 4 เท้า ได้แก่ ช้าง ม้า วัว ฯลฯ
    พวกที่มีขามาก ได้แก่ มด ตะขาบ ฯลฯ
    ท่านทั้งหลาย....อบายภูมิเหล่านี้เป็นแดนเกิดของสรรพสัตว์ที่ได้สร้างอกุศลกรรมไว้ในขณะมีชีวิตอยู่ เมื่อตายไปวิญญาณจึงตกล่วงลงสู่อบายภูมิต่าง ๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับชนิดและประเภท ของบาปที่พวกเขาได้กระทำ"

    [​IMG] "ดูก่อน...ท่านผู้มีมหาเมตตา สภาพการณ์ในนรกภูมินั้น เต็มไปด้วยการลงโทษที่มีลักษณะต่าง ๆ กันเช่น บ้างต้องลอยคออยู่ในทะเลคูถมูตรจมอยู่ในบ่อเลือด น้ำหนอง อุจจาระปัสสาวะ บ้างต้องถูกงูเหล็ก สุนัขเหล็ก นกเหล็กไล่กัดกิน บ้างต้องถูกแช่ในน้ำแข็ง บ้างต้องถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา บ้างต้องถูกต้มในกระทะทองแดง บ้างต้องถูกแมลงพิษกัดต่อยทั้งตัว บ้างต้องถูกสว่านเจาะตามเนื้อตัวจนทะลุ บ้างต้องถูกตัดลิ้นควักลูกตา

    [​IMG] บ้างต้องถูกผ่าท้องกระชากไส้ ควักหัวใจ บ้างต้องถูกเชือดใบหน้า บ้างต้องถูกตัดแขนตัดขา บ้างต้องถูกแขวนห้อยหัวลง บ้างต้องถูโม่ยักษ์บดขยี้ บ้างต้องถูกโยนลงขุมอสรพิษ
    ที่กล่าวมานี้เป็นลักษณะของโทษทัณฑ์เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งที่มีอยู่ในขุมนรกต่าง ๆ จะกล่าวไปใยถึงการลงโทษที่น่าสะพรึงกลัวน่าสยดสยอง อีกหลายร้อยหลายพันประการในขุมนรกที่มีอยู่นับพันนับหมื่นขุม ว่าจะยิ่งทุกข์ทรมานสาหัสฉกาจฉกรรจ์ขนาดไหน"
    ดูก่อน...ท่านทั้งหลาย แรงกรรมนั้นมีอานุภาพมากบาปเวรที่สรรพสัตว์ในโลกได้พากันสร้างไว้จะพอกพูนสูงขึ้น จนมากล้นทะเลมหาสมุทร จนสูงใหญ่กว่าเขาพระสุเมรุ

    แรงแห่งบาปกรรมนี้มีอำนาจมากมาย ไม่เพียงแต่จะคอยขัดขวางผู้บำเพ็ญธรรมเท่านั้น มันยังจะทำลายล้างโลกให้วินาศบรรลัยลง เหตุฉะนี้ เวไนยสัตว์ทั้งหลายจงอย่าชะล่าใจ ดูแคลนว่าการกระทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่มีโทษภัย

    บัญชีกรรมไม่มีการตกหล่นสูญหายแม้แต่น้อยนิด สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างมีกรรมเป็นของตน ถึงจะเป็นพ่อแม่พี่น้องกันก็ต้องต่างไปรับผลกรรมของตน จะรับโทษแทนกันนั้นไม่ได้เลย
    มนุษย์ทั้งหลายเมื่อตายลงไปแล้ว พวกเขาจะประจักษ์แจ้งแก่ใจยิ่งขึ้นว่าเรื่องราวของมนุษย์นั้นมิได้จบสิ้นไปพร้อมกับความตายเลย พวกที่ขณะยังมีชีวิตอยู่ไม่เชื่อบุญเชื่อบาป ไม่เชื่อกฎแห่งกรรมสนองกรรมเมื่อตกไปถึงแดนนรกพอรู้สึกสำนึกตัวได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว

    ที่มา:http://thai.mindcyber.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2012
  17. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    มารออ่านเช้าเย็นเลย สอดแทรกเรื่องน่าตื่นเต้นและแฝงธรรมะดีครับ
     
  18. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    <TABLE id=threadslist class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY id=threadbits_forum_178><TR><TD class=alt2></TD><TD style="CURSOR: default" id=td_threadtitle_314750 class=alt1 title="">[​IMG] เมื่อพระอภิญญาท่านว่า เขื่อนป่าสักจะกลายเป็นบางแสน (17 คน กำลังดูอยู่) ([​IMG] 1234567891011121314151617181920 ... หน้าสุดท้าย)
    [​IMG] toplus99







    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 689, จำนวนอ่าน: 79,293">วันนี้ 02:58 AM
    โดย ญานธรรม [​IMG]







    </TD><TD class=alt1 align=middle>689</TD><TD class=alt2 align=middle>79,293</TD></TR></TBODY></TABLE>

    แจ้งให้ทราบโดยถ้วนทั่วหน้ากันว่า....ได้รับการประดับยศติดดาว แล้วนะ จะบอกให้ไม่ใช่กระจอกๆ อิ อิ
    อย่างนี้มีฉลอง..เย้ เย้..

    เหลือพลังคะแนนได้แค่ 134 เอง คะแนนเยอะๆเขาทำกันอย่างไง..ไม่เข้าใจ?
    (deejai)denceeblack_pig;aa2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • _1_~1.GIF
      _1_~1.GIF
      ขนาดไฟล์:
      122.5 KB
      เปิดดู:
      746
    • lgvg3.gif
      lgvg3.gif
      ขนาดไฟล์:
      141.8 KB
      เปิดดู:
      722
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2012
  19. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    การเพิ่มพลังคือ
    1. อยู่ในพลังจิตนานหลายปี
    2. โพสต์ข้อความมากๆ
    3. โมทนาบุญกับเพื่อนมากๆ ซึ่งปุ่มโมทนาบุญหายไปแล้ว อด
    4. ขอคะแนนจาก web master เอาดื้อๆเลย เย้ วิธีนี้ได้พลังไม่จำกัดนะครับ
    ร่วมฉลองดาวด้วยคนครับ อย่างนี้ต้องแจกครับ
     
  20. aeziss

    aeziss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +1,294
    ร่วมฉลอง การประดับยศติดดาว ด้วยคนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...