ศัทธา หรือ งมงาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 13 เมษายน 2012.

  1. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    มีผู้คนมากมายที่ทำบุญโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว

    จะมีปัญหาภายในครอบครัว ด้วยการทะเลาะถกเถียง

    เริ่มต้นด้วยการทำบุญแค่เพียงน้อย จนไปหามาก

    วันหนึ่งๆหาเงินได้เพียง 100 บาท เริ่มแรกนำไปทำบุญสร้างพระแค่ 10 บาท

    ก็ไม่เกิดปัญหาอะไร แต่ด้วยหวังบุญนั้นจะมีผลให้ตนเองได้พบความเป็นสุข

    ในภายภาคหน้า ยิ่งนานวันเข้า การหาเงินยังคงที่ คือ 100 บาท แต่เริ่มที่จะทำมาก

    ด้วยหวังว่าจะได้บุญมาก จึงทำบุญ 50 บาท การใช้สอยในบ้านเริ่มไม่พอจับจ่าย

    การทะเลาะถกเถียงจึงเริ่มมีอย่างปะปลาย และ จากความศัทธากลายเป็นความงมงาย

    ไปโดยไม่ทันรู้ตัว ก็เริ่มที่จะทำบุญจนเป็นหนี้เป็นสิน ซึ่งเป็นความจริงที่มีให้เห็น

    ในสังคมยุคนี้ อย่างเช่น สามีภรรยาทะเลาะกัน พ่อแม่ตำหนิลูก ลูกตำหนิพ่อแม่

    ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่ว่าการทำบูญไม่ดีครับ แต่ต้องทำด้วยความศัทธา

    ไม่ใช่ทำด้วยความงมงาย และ ต้องมองประโยชน์โดยส่วนรวม หาใช่ประโยชน์โดยส่วนตัวครับ

    ประโยชน์โดยส่วนนั้น คือ สิ่งที่ปลูกสร้างแล้วเกิดประโยชน์ใช้สอยกับส่วนรวม

    หาใช่สร้างเพียงเพื่อให้ตนเองมีบุญกุศลอย่างมากมาย ทั้งที่บุญไม่ได้นำพาให้หลุดพ้น

    หนทางที่หลุดพ้นนั้น ไม่มีทั้งบุญ และ บาป เพราะไม่มีการปรุงแต่งใดๆ

    สาธุครับ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ทำครับ...ทำเนืองๆทำแบบพอดีที่ไม่เดือดร้อน........
     
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อนุโมทนาครับ ที่ผมนำมากล่าวเตือน เพราะมีมากมายในสังคมที่เป็นอยู่น่ะครับ

    สาธุครับ
     
  4. toon kps

    toon kps เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +715
    นั่นเลย กำลังสร้างพระ พ่อดีปีนี้ทำเยอะ ด้วยดิ แต่ทำเผื่อประโยชน์ ส่วนรวมและเพื่อสร้างบุญเหมือนจะผิด และเหมือนจะไม่ผิด แต่ตัดสินใจสร้างแล้วทำไม่เสร็จชาวบ้านด่าแน่เลย ....อาจดูงมงายแต่ศรัทธามุ่งมั่น
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมจะฝากเอาไว้ครับ มีหลายคนเข้าใจว่า

    การวิปัสสนา คือ การไปหยิบสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาคบคิด

    แท้ที่จริงแล้ว วิปัสสนา คือ การคบคิดในสิ่งที่เกิดขึ้นจากจิตในขณะที่จิตนิ่งสงบ

    ไม่ใช่ไปหยิบยกจากภายนอกแต่อย่างใด การฝึกสมถะเพื่อให้เกิดความสงบนิ่ง

    เมื่อสงบนิ่งแล้ว ก็จะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวในทุกอริยาบท ซึ่งมีการปรุงแต่งเกิดขึ้นในชั่วขณะ

    เมื่อเห็นในบ่อยครั้ง จะเห็นต้นตอแห่งการปรุงแต่ง นี่คือ การพิจารณาที่ก่อให้เกิดปัญญา

    หรือ ที่เรียกว่า วิปัสสนา การปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานจึงมีสั่งสอนมาเป็นเวลาช้านานด้วยเหตุนี้

    สาธุครับ
     
  6. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ไม่ว่าสิ่งใด หรือ การกระทำใด ถ้าเกินความพอดีแล้วไซร้ ย่อมก่อให้เกิดโทษ ทั้งนั้นแล


    เจริญในธรรมครับ
     
  7. พยัคฆ์ร้าย

    พยัคฆ์ร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,411
    ค่าพลัง:
    +161
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    ไอ้ปัญญาอ่อน..ใครสอนมรึงแบบนี้วะ กรูไม่เคยสอน วิปัสสนาคือ การคบคิดในสิ่งที่เกิดขึ้นจากจิตในขณะที่จิตสงบนิ่ง ไม่ใช่ไปหยิบยกจากภายนอกแต่อย่างใดการฝึกสมถะเพื่อให้เกิดความสงบนิ่ง..ไอ้ปัญญาอ่อน...
    แล้ว ปัญญาอบรมสมาธิ ..เกิดได้ยังไงแล้ว.. สมาธิอบรมปัญญา เกิดได้ยังไง..มรึงไม่รู้เรื่องไปเรียกอาจารย์มรึงมาเลย กรูจะสอนให้ไป..ไอ้ปัญญาอ่อน..อวดเก่งรู้แล้วยึดไม่ฟังใคร..มาเสนอสิ่งผิดๆอีก..!
     
  9. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    ...มรึงอธิบายมาให้ชัด เรืองวิปัสสนา..ปัญญาอบรมสมาธิ มรึงจะว่ายังไง..?
    ... ต้องจิตสงบก่อนไหม..ไอ้ซื่อบื้อ..ไปเรียกอาจารย์ มรึงที่สอนให้ดูแต่ลูกแก้ว แล้วสะกดจิตตนเองมาเลยกรูจะคุยด้วยไปเรียกมา..
    ..ไอ้ศิษย์ คิดล้างครู..มรึงทำไมมีอาจารย์ หลายคนจังวะ.
     
  10. ชั

    ชั Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +48
    .................นี่หรือ ชาวพุทธ 5555..อาจารย์กู ของกู.........กูถูก กูถูก.....
     
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ไม่ได้เป็นทุกคนหลอกครับ ส่วนคนนี้ปล่อยเขาไปเถอะครับ คนที่ไม่เคยเห็น

    เขาไม่รู้เลยว่า คนที่ไม่เคยปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐาน ทำไมต้องนั่งกรรมฐาน

    ทำไมต้องภาวนา จนกว่าจิตจะสงบนิ่ง และจึง วิปัสสนา เช่นนี้จึงควรปล่อยเขาไปครับ

    ต่อให้อธิบายละเอียดเพียงใด หากแต่เขาไม่ยอมรับ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรครับ

    แล้วที่เขาจะรับผมเป็นลูกศิษย์ให้ได้นั้น เพราะผมเคยบอกว่า หลวงตามหาบัวด่าแต่ลูกศิษย์ครับ

    เขาจึงโมเมว่าผมเป็นลูกศิษย์ จะได้ด่าผมโดยไม่ต้องรู้สึกอะไร ชาวพุทธที่ดีๆมีอยู่มากมายครับ

    สาธุครับ
     
  12. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    1.แต่ต้องทำด้วยความศรัทธา
    ที่จริงทุกคนทำบุญมีศรัทธาอยู่แล้วครับ แต่ต้องประกอบด้วยปัญญาคับ

    2.ทั้งที่บุญไม่ได้นำพาให้หลุดพ้น
    อันนี้ก็ผิด ทำบุญก็คือ ทาน ศีล ภาวนา เป็นการทำบุญทั้งหมด
    คุณจะตัดทานออก แล้วทำแต่ภาวนาอย่างเดียวหรือคับ ภาวนาอย่างเดียวก็เป็นการทำบุญ
    ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรแผ่เมตตา
    ไม่ควรแสดงธรรมเพราะการแสดงธรรมก็เป็นการทำบุญ
    คือให้ธรรมะเป็นทานลองไปดูอานิสงฆ์ของการให้ธรรมะเป็นทานนะคับ
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คุณคงเคยเห็นนะครับ ในสิ่งที่ผมกล่าว หากคุณปฎิบัติด้วยการมุ่งหวังในบุญ

    ผมก็ไม่มีอะไรจะบอกกล่าวครับ สิ่งที่ผมจะถาม คุณเคยเห็นบุญไหมครับ

    สิ่งที่ผมเห็นมีแต่ผลของบุญครับ และ เพราะมุ่งหวังในบุญ จึงต้องกลับมาเกิดอีก

    ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมไม่เคยได้อ่านมาจากที่ไหนครับ โดยส่วนใหญ่ที่ผมกล่าว

    ก็กล่าวมาจากความรู้ของผมเองครับ ผมก็พึงจะได้อ่านคำสอนของพระอาจารย์ทั้งหลาย

    ที่ผมนำมาลงไว้น่ะครับ อ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ จึงนำมาลง ที่ผมตั้งกระทู้เอง

    ผมนำมาจากความรู้โดยส่วนตัวครับ

    สาธุครับ
     
  14. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    ทิฐิ ความเห็นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตราบที่ยังไม่ถึงนิพพาน

    จะเป็นสิ่งที่คิด หรือจะเรียกว่าความรู้โดยส่วนตัวก็ตาม ต้องระวังให้มากๆ
    เพราะถ้านำเสนอสิ่งที่ผิดจะเป็นผลเสียมากมาย ทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น
    เพราะเรื่องมันไม่ได้จบอยุ่แค่วันนี้ พรุ่งนี้

    หลายคนตายไปแล้วคำสอนที่ผิดๆก็ยังอยู่ ทำให้คนอ่านเข้าใจผิดหมดสิทธิ์ที่จะได้แก้ไขคำสอนผิดๆนั้น
    เป็นกรรมหนัก น่าสงสารมาก

    หากวันหน้าคุณได้รู้สิ่งใหม่ที่ขัดกับสิ่งที่นำเสนอในวันนี้ ก็อาจไม่มีสิทธิ์กลับมาแก้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามีคนเตือน ก็พิจารณาดูให้ดีๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 เมษายน 2012
  15. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คำกล่าวนี้เป็นสิ่งดีครับ แต่ว่าใครที่รู้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิดล่ะครับ

    เพราะต่างคนก็ว่าที่ตนรู้นั้นถูกต้องทั้งนั้น มีคนเตือนผม และ ผมก็เตือนเขา

    ก็เตือนกันไป เตือนกันมา หาข้อสรุปไม่เจอ นอกจากจะปฎิบัติด้วยตนเอง

    รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง ผมก็ปฎิบัติของผมเอง และ บอกกล่าวบ่อยครั้งว่า

    หากผู้ใดไม่เห็นประโยชน์ ก็ขอให้ข้ามไป แต่ก็มีคนเข้ามาตักเตือนผม

    และ ผมก็ตักเตือนเขา จนกลายเป็นปัญหาให้ถกเถียงกัน อย่างที่คุณเตือนผมอยู่

    ถ้าผมเตือนคุณ คุณจะฟังผมไหมครับ คำตอบอยู่แค่ตรงนี้ครับ

    สาธุครับ
     
  16. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ตอบปัญหา จะทำบุญอย่างไรให้ได้อานิสงส์มากๆ

    [​IMG]

    ผู้ถาม "ลูกเป็นคนยากจน มีเงินน้อย อยากจะได้อานิสงส์มากๆ จะทำบุญอย่างไรดีคะ?"

    หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
    "คืออานิสงส์จริงๆ ต้องทำบุญให้มากที่สุด เท่าที่จะพึงทำได้ สมมติว่าเรามีเงินอยู่ ๑๐ บาท จะไปมาที่นี่ เสียค่ารถ ๖ บาท กินก๋วยเตี๋ยวได้ครึ่งชามแล้ว หมดไป ๙ บาท เหลือ ๑ บาท เขียนที่หน้าซองเลยว่าเงินนี้ถวายสังฆทาน วิหารทานและธรรมทาน คนนี้อานิสงส์มากเหลือเกิน จำนวนเงินเขาไม่จำกัด เขาจำกัดกำลังใจ ถ้ากำลังใจมุ่งด้านดีนะ

    การทำบุญมากๆ คำว่า "ทำมาก" หมายความว่า ทำบ่อยๆ แต่คำว่า "บ่อย" ไม่ต้องทุกวันก็ได้นะ คำว่า "มาก" หมายความว่า ทำเต็มกำลังที่พึงทำ ไม่ใช่ขนเงินมามาก เวลาทำบุญต้องดูก่อนว่า ค่าใช้จ่ายเรามีความจำเป็นเพียงไร เงินที่มีความจำเป็นอย่านำมาทำบุญ มันจะเดือดร้อนภายหลัง และให้เหลือส่วนนั้นไว้บ้าง แล้วแบ่งทำบุญพอสมควร

    และประการที่ ๒ การทำบุญ ถ้าใช้วัตถุมาก แต่กำลังใจน้อย ก็มีอานิสงส์น้อย ถ้าหากใช้วัตถุน้อย กำลังใจมีมาก ก็มีอานิสงส์มาก อย่างถวายสังฆทาน ที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทนำมานี่ ลงทุนไม่มาก แต่อานิสงส์มหาศาล

    ความจริง ถ้าจะพูดถึงอานิสงส์กันจริงๆล่ะก็ รู้สึกว่าจะมากกว่าจัดงานที่บ้านหรือที่วัดตั้งเยอะแยะ ทั้งนี้เพราะว่าอะไร เพราะว่าถวายสังฆทาน เราทำกันแบบเงียบๆ ไม่มีกังวล

    การบำเพ็ญกุศลแต่ละคราว ถ้ามีกังวลมาก อานิสงส์มันก็น้อย เพราะว่าจิตที่เราเข้าสู่กุศลมันห่วงงานอื่นมากกว่า ไม่ตั้งจิตโดยเฉพาะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถวายสังฆทานในหมู่สงฆ์ ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ตามพระวินัย ท่านเรียกกันว่า คณะสงฆ์ ถ้าต่ำกว่านั้นเป็นคณะบุคคล ถ้าบุคคลเดียวเป็นปาฏิปุคคลิกทาน โดยเฉพาะ ทีนี้การถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์เป็นหมู่นี้ มีอานิสงส์มาก

    เรื่องนี้ก็มีตัวอย่าง คนที่มีทรัพย์น้อย ทรัพย์มาก อย่างท่านอินทกะเทพบุตรกับ ท่านอังกุระเทพบุตร ไงล่ะ ท่านอังกุระเทพบุตร ทำบุญนอกเขตพระพุทธศาสนา เวลานั้นพระพุทธศาสนาไม่มี ตั้งโรงทาน ๘๐ โรง ให้ทานถึง ๒ หมื่นปี เลี้ยงคนกำพร้า คนตกยาก คนเดินทาง พอตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเทวดาที่มีบุญน้อยที่สุดเพราะเขตของบุญเล็กไป คนไร้ศีลไร้ธรรม ใช่ไหม

    ตรงกันข้ามท่านอินทกะเทพบุตร เกิดเป็นคนจน พ่อตาย ตัดฟืนเลี้ยงแม่ ก็ไม่ได้ตัดขายมากมาย เอาแค่วันๆ พอกินพอใช้ไปวันๆ วันหนึ่งพระสงฆ์เดินผ่านไปที่นั้น ท่านมีโอกาสได้ถวายทาน ในฐานะที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน คนจนจะมีอะไรมากนักใช่ไหมล่ะ เพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น อาศัยคุณคือความกตัญญูรู้คุณอย่างหนึ่งแล้ว ก็ถวายสังฆทานหนึ่ง สองอย่างด้วยกัน ตายแล้วไปเป็นเทวดาที่มีบุญมากที่สุดในดาวดึงส์ นอกจากพระอินทร์แล้ว ไม่มีใครโตกว่า"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Dhamma Osoth

    Dhamma Osoth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +78
    [​IMG]

    "...การให้ทาน พระพุทธเจ้าบอกว่าต้องแบ่ง 4 ส่วน คือ

    1. ชำระหนี้เก่า
    2. เป็นเจ้าหนี้ใหม่
    3. ฝังไว้
    4. ทิ้งเหว


    ชำระหนี้เก่า คือบิดามารดาและผู้มีพระคุณ ต้องสงเคราะห์ท่านตามกำลัง
    เป็นเจ้าหนี้ใหม่ ลูกสาวลูกชายต้องสงเคราะห์ใช่ไหม
    ฝังไว้ สร้างความดีในส่วนกุศล
    ทิ้งเหว คือกิน

    ทั้ง 4 อย่างนี้ ใช้ 4 หารไม่ได้นะ ต้องดูความเหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห่วงให้มากคือทิ้งเหว ตัวนี้ถ้าน้อยเกินไปมันจะเดือดร้อนมันเบียดเบียนตัวเอง ต้องแบ่งส่วนให้เหมาะสม

    การทานพระพุทธเจ้าบอกว่า อย่าให้เบียดเบียนตัวเอง ถ้าเบียดเบียนตัวเอง อัตตกิลมถานุโยค เป็นการทรมานตัวและการให้ทานพระพุทธเจ้าให้ดูอีกว่า ควรให้หรือไม่ควรให้ ถ้าให้ในเขตของคนเลวอานิสงค์น้อย อาจจะไม่มีเลย รู้ว่าคนนี้ควรจะให้เราก็ให้ ถ้าไม่ควรให้เราก็ไม่ให้ ..."

    (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    พี่ x เปิดกรรมให้หน่อย แต่ไม่รู้ถามว่าไรอ่ะครับ สงเคราะห์หน่อยนะครับ
     
  19. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คุณ แจ๊กซ์ ครับ สิ่งที่ผมจะแนะนำนะครับ คือ การปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานครับ

    ปฎิบัติบ่อยๆครับ แล้วกรรมทุกอย่างจะเบาบางไปเองครับ

    บนโลกใบนี้ ไม่ว่าสิ่งไหนก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนครับ ได้มาอย่างก็ต้องเสียไปอย่างครับ

    ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่ต้องเสียบางสิ่งไปครับ การดูให้ผู้อื่นมากๆ

    มีผลกับผู้ที่ดูครับ เป็นการกระทำให้จิตถดถอยลงไปน่ะครับ

    สาธุครับ
     
  20. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    บาป และ บุญ ส่งผลทางด้านการนึกคิด หากเรานั้นไม่นึกคิดเสียแล้ว

    บาป และ บุญ ย่อมส่งผลได้ยากขึ้น มนุษย์ทั้งหลายทำสิ่งใดย่อมต้องนึกคิดก่อนเสมอ

    แม้แต่ความศัทธา หรือ ความเชื่อ ยังมีต้นเหตุมาจากการนึกคิดเลย

    การปฎิบัติธรรมภาวนา ทำให้จิตใจสงบนิ่ง ไม่นึกคิดสิ่งใด ตราบเมื่อมีการกระทบ

    จนเกิดการปรุงแต่ง จิตย่อมรู้เห็นได้ชัดเจน การใคร่ควรพินิจพิจารณาจึงเกิดขึ้น

    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...