วันมาฆบูชาเทวดามาร่วมโมทนาสวดมนต์ข้ามคืน ปี2555

ดวงกลมๆที่เห็นมากๆนี้ ท่านครูบาอาจารย์บอกว่านี่คือ ดวงของเทพเทวดา เขามาร่วมอนุโมทนาร่วมบุญกับพวกเราที่ได้ทำบุญสวดมนต์ ที่เห็นดวงแต่ละดวงมีสีและขนาดต่างกัน เพราะว่าบารมีของแต่ละคนที่ทำไว้ตอนเป็นมนุษย์ไม่เท่ากัน ที่เอามาให้ชมกันนี้สำนักปฏิบัติธรรมที่ อ.โขงเจียม

 

ตอบคุณ Narka ในทางสังคมทางโลก ด้านวิทยาศาสตร์ คุณพูดถูก เพราะวิทยาศาสตร์ต้องมีหลักฐานจากการทดลองปฏิบัติจริงๆ คนทั้งหลายจึงจะเชื่อและยึดถือเป็นแนวทางการเรียนรู้ต่อๆกันไปตามความเป็นจริง ส่วนในทางธรรม จะไม่มีคำตอบให้กับผู้ที่ไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่มีหลักฐานการพิสูจน์เป็นแน่นอน ฉะนั้นแล้วจึงไม่ควรเชื่อในเรื่องลึกลับ ไร้หลักฐานยืนยันจากทางสังคม จากนักวิชาการหรือผู้ที่สังคมยอมรับในการตัดสินใจ อย่างเช่น นักนิยมพระเครื่อง (เชียน) ในวงการซื้อขาย จะต้องพูดไปในทิศทางเดียวกัน แท้หรือเก๊ ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่มีความเชื่อถือจากบุคคลผู้ไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เฉกเช่นเดียวกันผู้ที่เจริญด้วยวัตถุและปัญญา(ชั้นนอก)ในโลกที่พัฒนาแล้ว ก็จะไม่เชื่อเรื่องดังกล่าว ทีนี้ทำยังไงถึงจะให้คนที่เชื่อและคนที่ไม่เชื่อ พูดไปในทิศทางเดียวกัน ผมขอหารือคุณ narka และขอเชิญชวนพิสูจน์ เรื่องดังกล่าว (หากพวกเราเป็นนักปฏิบัติธรรม) เชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผมตัวแทนของฝ่ายที่ เชื่อ คุณคือฝ่ายของคนที่ไม่เชื่อ เรามาร่วมกันศึกษา พิสูจน์ อย่างมีหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวกับ การหักเหของแสง เรื่องของละอองน้ำ ละอองฝุ่น หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณว่า มันต้องเป็นอันนี้ๆ แน่นอน ก็ขอให้คุณ narka ใช้อุปกรณ์ที่ดีและที่ทันสมัย จะกี่อย่างก็แล้วแต่ความสะดวก ไปร่วมพิสูจน์หลายๆที่ ผมจะพาไป ผมเองก็อยากจะให้มีคนพิสูจน์ และคนทั้งหลายจะได้เชื่อว่าแท้จริงคืออะไร จะได้เสนอผ่านสื่อต่างๆ ให้สังคมเขารับรู้เป็นความรู้ประดับไว้ คนทั้งหลายต่อไปจะได้ไม่งมงาย รูปที่ผมถ่ายจริงๆแล้วมีหลายงานมากที่มีดวงกลมๆ อย่างที่เห็นติดมาด้วย ส่วนมากจะเป็นงานทางศาสนา แต่งานทั่วไปก็มีแต่น้อย และผมใช้กล้องnikon 12ล้านพิกเซลราคาไม่ถึงหมื่น เรามาเป็นทีมพิสูจน์ด้วยกันนะครับ เอาให้กระจ่างที่สุดไปเลย

 

มีหลักทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์หลายทฤฎีเหมือนกันที่ถูกหักล้างไปในปัจจุบัน
(แล้วที่เชื่อกันมาก่อนหน้านี้ว่า "ถูกต้อง" ล่ะ)
แต่พุทธศาสตร์กลับไม่เคยมีทฤษฎีไหนมาหักล้างได้...
ซตพ...ด้วยตัวเองเท่านั้น

 

ส่วนสองภาพนี้ผมถ่ายในงานบวงสรวงบ้านเมืองของจังหวัดขอนแก่น ก่อนงานผ้าไหมหนึ่งวัน ที่พูดกันว่าละอองฝุ่น ละอองน้ำ ผมเคยทดลองถ่ายภาพที่แหล่งโบราณเมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ตอนฝนตกก็มีทั้งดวงและละอองน้ำฝนซึ่งความแตกต่างกันมาก ไม่เหมือนไม่ใกล้เคียงกันเลย ละอองน้ำเมื่อถ่ายภาพจะมัวขุ่นๆ แต่ดวงดังกล่าวจะโปร่งแสงคืออยู่ใกล้วัตถุชนิดอื่นซึ่งอยู่ด้านหลัง ก็จะมองเห็นวัตถุด้านหลัง ส่วนละอองฝุ่นเคยทดสอบ ก็จะเป็นจุดเล็กๆ เยอะตามฝุ่นที่ทดสอบ จุดที่เห็นนั้นเกิดจากการกระทบกับแสงแฟชต ในขณะที่ละอองฝุ่นมีพื้นผิวที่สะท้อนกับแสงได้ ผมทดลองมาหลายวิธีแล้ว ส่งที่มีและมองเห็น สัมผัสได้เวลาถ่ายภาพออกมาไม่มีดวงกลมๆ แต่สิ่งที่มองไม่เห็น กลับมีรัศมีเป็นวงกลม ผมอยากให้คนทั้งหลายเข้าใจเสียทีว่าดวงนั้นคืออะไร ขอให้คุณnarka ว่างไปพิสูจน์กับผมด้วยเถอะ จะพาไปทุกพื้นที่ที่ยังสงสัย(เหมือนกัน)นัดมา

 

อัพเดทกันต่อ สองภาพนี้จากวัดโนนจ่าหอม กิ่งอ.เหล่าเสือโก้ก (ยืมเขามาให้ชม)

 

แล้วยังไงเนี่ย คุณnarka ไปไหนซะแล้ว มาทำให้อยากแล้วก็จากไป มาคุยกันก่อน
มนุษย์เราเมื่อตายไปแล้ว ร่างกายหมดไม่มีก็เหลือแต่พลังงาน หรือที่เรียกกันว่าวิญญาณ พลังงานอันนี้ก็คล้ายคลื่นความถี่มีไฟฟ้าอยู่ในตัว จะดวงใหญ่หรือสีสันยังไงก็แล้วแต่บุญกุศลที่ได้ทำมาในตอนที่เป็นมนุษย์ ที่พูดกันว่าเทวดา ก็คือกลุ่มพลังงานอันนั้นแหละ เทวดาไม่มีตัวตน (มีแต่รังสีที่เข้าใจในทางวิทยาศาสตร์) เขาย่อมอาศัยในการทำบุญด้วยการอนุโมทนาเท่านั้นจึงจะได้บุญเพิ่ม ถ้าจะหาตัวตนเทวดาและถ่ายรูปนั้น ตอบได้เลยว่าไม่มีตัวตน (ขออภัยด้วยหากข้อมูลของกระผมไม่ใช่อธิบายที่ถูกต้อง) ได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ..สาธุ

 

ผมก็เคยถ่ายติดดวงใสใหญ่ชัดเจนครับ ร้านถ่ายรูปบอกเป็นแสงสะท้อนเข้าเลนส์ เชื่ออยู่หลายปี ไปโบราณสถานแห่งหนึ่งเขาติดรูปงานบรวงสรวงให้ดู เขาบรรยายว่าเป็นดวงวิญญาณเทพมาโมทนาเลยข้องใจมาตลอด เจอพระองค์หนึ่งท่านบอกว่าถ้าเป็นแสง เป็นฝุ่นก็ควรจะติดภาพแบบนี้ทุกภาพ เพราะฝุ่นและแสงมีอยู่ทั่วไปและตลอดเวลา จบครับ

 

มาต่อกันที่ภาพของคุณ sikkha ในกระทู้เว็ปนี่แหละ ให้มองต่างมุม เราต้องเสนอแสดงและหาท่านผู้รู้ไปพิสูจน์และขยายความจริงให้ปรากฏคนทั้งโลก (โลกของธรรม)

 

ลองอ่านดู

Ghost Orbs

http://en.wikipedia.org/wiki/Orb_(optics)

 

ดูกันต่อครับ ถ่ายกลับหัว เพราะยื่นมือออกจากมุ้งที่นอน ถ่ายหลังจากนั่งสมาธิขณะนั้นรู้สึกว่าร้อนขึ้นลมไม่พัดผ่าน ก็เลยจับกล้องลองถ่ายดู อย่าคิดมากครับ จงเชื่อในสิ่งที่เข้าใจ ก็สบายใจ ไม่เบียดเบียนใครๆก็พอแล้ว

 

อมตะนิรันดร์กาลจริงๆ ไอ้ด่างดวงสลายปัญญานี่

ตรูถ่ายหมาข้างบ้านยังติด สงสัยมันจะเป็นเทวดามาเกิด อยู่บนสวรรค์ไม่มีเพ็ดดิกรีให้กิน

555

(||)(||)(||)(||)(||)

 

ผู้มีปัญญาในทางโลกสังคม(ชั้นนอก) และผู้มีปัญญาในธรรมที่แตกฉาน(ชั้นใน) ย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ต่างๆนาๆ ย่อมไม่ผิดที่จะพูดหรือวิจารณ์ในเรื่องราวที่ตนเองเรียนรู้ หรือรับรู้ และเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนจะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้ ออกความคิดเห็นก็ได้ ไม่สนใจไหลตามกระแสก็ได้ เป็นสิทธิ์ของผู้มีปัญญาโดยแท้จริง ผมเป็นผู้ตั้งกระทู้ย่อมไม่โกรธไม่ดีใจแก่ผู้มีความเห็นที่แตกต่าง และอโหสิกรรมแก่ทุกท่านที่ทำให้เกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้อง ขอให้ทุกๆคนเจริญและสำเร็จในทางที่เลือกเดินเถิด จงเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ

สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุก เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชชา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ

 

กล้องคุณมีปัญหาแล้วแหละ กล้องผมก็เคยเป็นครับ

 

ผมก็ว่างั้นแหละ ช่วยขำหน่อยครับ เอ้ก เอ็กๆ อ๊วกซะแล้ว คิดกันก่อนพูดครับ ศิษย์ของตถาคต ผู้มีปัญญาเป็นเลิศแล้ว ไม่ควรเชื่อคำบอกเล่าของบุคคลอื่นโดยง่าย ทุกสิ่งทุกอย่างอาจมีขึ้นจริง และอาจไม่มีจริง อย่าลังเลสงสัยในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์แก่จิตของท่านทั้งหลายเลย จงปล่อยวางเรื่องที่ถกเถียงกันไม่มีวันจบสิ้นเถิด สาธุ

 

ขอปิดกระทู้นี้ เพราะสภาพของจิตแต่ละคนยังมองต่างมุม แต่ก็มีเหตุผลที่ฟังขึ้น ก็แล้วแต่บุคคล เป็นความเชื่อส่วนตัว ไม่อาจห้ามและทักท้วงกับผู้ที่มีความเห็นผิด ขอให้ทุกสิ่งอยู่อย่างธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว ข้าพเจ้ากราบขอขมาในสิ่งที่ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าสิ่งนี้คือดวงเทวดา แต่ขอให้ทุกคนจงลืมและเลือกเสพสิ่งที่ดี และบันทึกไว้เป็นมงคลให้แก่ชีวิตตลอดไป เทอญ