เพิ่งกินเหล้ามา จะสวดมนต์ได้ไหมครับ

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย TanaDream, 15 เมษายน 2012.

  1. TanaDream

    TanaDream Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +36
    บางครั้งก็เที่ยวกลับดึกๆครับ บางครั้งก็ตีสี่พอดี คิดว่าเป็นเวลาที่น่าจะเหมาะกับการสวดมนต์

    ผู้รู้ช่วยชี้แจงด้วยนะครับว่าเหมาะสมหรือไม่ ขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญครับ
     
  2. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    ผมว่าพิจารณาเองได้นะครับ

    ขออนุโมทนาบุญแด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่านด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. MA-A-U

    MA-A-U Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +82
    เวรกรรม เวรกรรม
     
  4. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    ได้ครับ แต่คุณจะมีสติ สมบูรณ์ พอที่จะสวดมนต์ และระลึก คุณพระรัตนไตร ได้ดีพอรึเปล่า
    เท่านั้นเองครับ ลองพิจารณา ดูก็แล้วกัน
     
  5. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    รักษาศีลให้ได้ก่อน แล้วค่อยทำภาวนา
     
  6. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    สร่างเมาก็ไปนิพพานได้


    ศีลขาดตอนกินแน่นอน....



    แต่....หากกล่าวตามจริง ดื่มสุรา ไม่ใช่ อนันตริยะกรรมจะได้ปิดสวรรค์ ปิดมรรคผลนิพพาน แต่เป็นเหตุให้ประมาทขาดสติได้ พวกเมาแล้วส่างบันลุธรรมเลยก็มี

    กรณีที่ถาม หากมีสติเกิด นึกจะภาวนา เพราะดืมไม่มาก มีสติ ตั้งนะโมได้ สวดอิติปิโส ฯ จบ ก็สวดได้ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน มีสติพอบุญเกิดได้ทั้งนั้น


    ท่านสันตติมหาอำมาตย์


    สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ.พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ครั้งนั้นเกิดมี ข้าศึกศัตรูมาประชิดชายแดนของของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระองค์จึงส่งสันตติมหาอำมาตย์ยกกองทัพไปปราบ เขาสามารถปราบข้าศึกได้โดยเรียบร้อยแล้วยกกองทัพกลับมา

    พระราชาทรงพอพระหฤทัย ได้พระราชทานราชสมบัติให้เขาครอบครอง ๗ วัน และได้พระราชทาน ราชสมบัติให้เขาครอบครอง ๗ วัน และได้พระราชทานนางหญิงนักร้องนักเต้นรำงามเลิศนางหนึ่งให้บำเรอเขา สันตติมหาอำมาตย์พร้อมทั้งบริวารฉลองความสำเร็จด้วยการกิน การดื่ม การเต้นรำอย่างสนุกสนาน เขาเมาสุราตลอด 6วัน ในเช้าวันที่ ๗ เขาประดับร่างกายด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง แล้วขึ้นคอเชือกประเสริฐไปสู่ท่าน้ำ เพื่ออาบน้ำในแม่น้ำในแม่น้ำพร้อมทั้งบริวารอันยิ่งใหญ่ ขณะนั้นพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระภิกษุสงฆ์จำนวนมากเสด็จบิณฑบาตอยู่ระหว่าง ประตูเมืองสารวัตถี เขาเห็นพระองค์แล้วก้มศีรษะถวายบังคม

    พระศาสดาทรงยิ้มรับเขา พระอานันทะเห็นเช่นนั้นจึงกราบทูลถามว่า "พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ทรงยิ้มด้วยเหตุอันใด” พระองค์ทรงตรัสว่า “อานันทะ เธอจงดู สันตติมหาอำมาตย์ผู้ประดับด้วยเครื่องอลังการงามสง่านั่นสิ วันนี้เขาจะมาหาเรา จะบรรลุอะระหันต์ในขณะที่พระคาถาบทเดียว แล้วนั่งบนอากาศสูง ๗ ชั่วต้นตาลปรินิพพาน” มหาชนทั้งหลายได้ฟังพระศาสดาตรัสกับพระเถระ แล้ว พวกมิจฉาทิฐิพากันกล่าวว่า

    “ท่านทั้งหลาย จงดูสะมะณะโคตะมะพูด...ซิ ก็วันนี้สันตติมหาอำมาตย์นั้นกำลังเมา ทั้งยังประดับประดาร่างกายจนเลิศหรู ฟังพระคาถาของพระองค์แล้วจะปรินิพพาน !!! วันนี้พวกเราจงคอยจับผิดสะมะณะโคตะมะด้วยคำมุสา !!” ส่วนพวกสัมมาทิฐิพากันพูดว่า “น่าอัศจรรย์จริง...พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีอานุภาพมาก วันนี้พวกเราทั้งหลายจะได้เห็นลีลาของพระพุทธเจ้า และลีลาของสันตติมหาอำมาตย์ !” ขณะนั้นสันตติมหาอำมาตย์อาบน้ำที่ท่าน้ำแล้วขึ้นสู่อุทยาน สนุกสนานกับการกินการดื่ม การเต้นรำกับบริวารต่อไป

    หญิงบำเรอผู้มีเรือนร่างอรชรอ่อนแอ้นก็เต้นรำขับกล่อมเขา ด้วยความเหน็ดเหนื่อยกับการเต้นรำบำเรอมาตลอด ๗ วัน และเพราะการควบคุมอาหารเพื่อรักษาทรวดทรงให้งามระหง ก็เป็นลมล้มลง อ้าปากค้าง ตาเหลือก สิ้นใจตาย สันตติมหาอำมาตย์ตกใจร้องขึ้นว่า “ท่านทั้งหลาย นางเป็นอะไรนั่น !” คนทั้งหลายกล่าวว่า “นางตายแล้วนาย !” เขาเศร้าโศกเสียใจอย่างแรง ที่เมาสุรามาตลอด ๗ วันก็สร่างเมา ดุจหยดน้ำบนกระเบื้องร้อน เขาคิดว่า “คนอื่นนอกจากพระตถาคะตะเสีย ไม่มีใครที่จะทำความเศร้าโศกของเราให้ดับได้” เขาจึงเข้าเฝ้าพระศาสดาในเวลาเย็นพร้อมทั้งบริวาร ถวายบังคมพระองค์แล้วนั่งทูลเล่าให้พระองค์ทรงสดับและทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความโศกปานนี้เกิดแก่ข้าพระองค์ ขอพระองค์จงทรงเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด” พระศาสดาตรัสว่า “อย่าโศกไปเลยสันตติ... เธอมาหาเรานี้เป็นการมาดีแล้ว เราสามารถดับความเศร้าโศกของเธอได้แน่นอน” พระองค์ทรงตรัสว่า....
    “ดูก่อนสันตติ... ตลอดวัฏฏะสังสาระอันยาวนานที่เธอเวียนว่ายตายเกิด แล้วเธอได้พบหญิงนางนั้น หล่อนก็ตายด้วยอาการอย่างนั้น น้ำตาที่หลั่งไหลเพราะร้องให้ถึงนางชาติแล้วชาติเล่า รวมๆกันแล้วมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ (ทั้งโลก) น้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่ได้มากกว่าน้ำตาของเธอเลย ควรหรือยังที่เธอจะเบื่อหน่าย ควรหรือยังที่เธอจะคลายกำหนัด ควรหรือยังที่จะพ้นไปเสียจากสังขารทั้งปวง?”
    “สันตติเอย วัฏฏะสังสาระอันยาวนาน หาที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ย่อมท่องเที่ยวเวียนเกิดเวียนตายอยู่ หาที่สุดเบื้องต้นไม่ปรากฏ....” พระองค์ทรงตรัสพระคาถาว่า.....

    “กิเลสเครื่องกังวลใจในกาลก่อนเธอจงกำจัดให้เหือดแห้งไป กิเลสเครื่องกังวลใจจงอย่ามีแก่เธอในภายหลัง ถ้าเธอจะไม่ยึดถือขันธ์ในท่ามกลาง เธอจะเป็นผู้สงบเที่ยวไป”

    เมื่อจบพระคาถา สันตติมหาอำมาตย์ก็บรรลุอะระหันต์ ท่านพิจารณาดูอายุสังขารของตนเองทราบว่าหมดอายุแล้ว จึงกราบทูลลาพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงเห็นเป็นโอกาสที่จะกระทำความกระจ่างแจ้งแก่มหาชนพวกมิจฉาทิฐิ และสัมมาทิฐิ ที่มาประชุมกันแล้วได้ฟังบุพกรรมที่สันตติมหาอำมาตย์ทำแล้วจะเกิดบุญเป็นอันมาก จึงทรงตรัสว่า “ก่อนที่เธอจะปรินิพพาน จงเล่าบุพกรรมในอดีตชาติที่เธอทำแล้วแก่เราและมหาชนทั้งหลาย เมื่อจะเล่าจงอย่านั่งบนพื้นดินเล่า จงนั่งบนอากาศสูง ๗ ชั่วต้นตาลเล่าเถิด”
    เขากราบทูลว่า “ดี พระเจ้าข้า” ถวายบังคมพระศาสดา แล้วเหาะขึ้นสู่อากาศสูงชั่วต้นตาลหนึ่งก็ลงมาถวายบังคมพระศาสดาอีก แล้วเหาะขึ้นสู่อากาศในทำนองเดียวกันนี้ จนครั้งที่ ๗ เหาะขึ้นสู่อากาศนั่งบนบัลลังก์แก้ว ๗ ประการ สูง ๗ ชั่วต้นตาลตามลำดับ แล้วทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์ทรงสดับกรรมในอดีตชาติของข้าพระองค์ดังนี้เถิด….”
    อ่านต่อที่..Pranippan Board -> ��ҹ�ѹ���������ҵ��



    แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงสอน... กรรมชั่วแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรทำ
     
  7. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    แค่คิดจะสวดมนต์ก็เป็นกุศลแล้ว ขอให้เริ่มสวดเลยนะครับ

    อนุโมทนาด้วย..ครับ
     
  8. lkunl

    lkunl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +390
    คิดแล้วทำเลยครับ ถ้าตั้งใจจริง สวดเลยครับ

    มีเรื่องให้อ่านจาก http://www.luangpordu.com/?cid=453621

    หลวงปู่ดู่เป็นผู้ที่มีอุบายธรรมลึกซึ้ง สามารถขัดเกลาจิตใจคนอย่างค่อยเป็นค่อยไป มิได้เร่งรัดเอาผล เช่นครั้งหนึ่งมีนักเลงเหล้าติดตามเพื่อนซึ่งเป็น ลูก ศิษย์มากราบนมัสการท่าน สนทนากันได้สักพักหนึ่ง เพื่อนที่เป็นลูกศิษย์ ก็ชักชวนเพื่อนนักเลงเหล้าให้สมาทานศีล ๕ พร้อมกับฝึกหัดปฏิบัติสมาธิภาวนา นักเลงเหล้าผู้นั้นก็แย้งว่า “จะมาให้ผมสมาทานศีลและปฏิบัติได้ยังไง ก็ผมยังกินเหล้าเมายาอยู่นี่ครับ ” หลวงปู่ดู่ท่านก็ตอบว่า เอ็งจะกินก็กินไปซิ ข้าไม่ว่า แต่ให้เอ็งปฏิบัติให้ข้าวันละ ๕ นาที ก็พอ นักเลงเหล้าผู้นั้นเห็นว่านั่งสมาธิแค่วันละ๕ นาที ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร จึงได้ตอบปากรับคำจากหลวงพ่อ ด้วยความที่เป็นคนนิสัยทำอะไรทำจริง ซื่อสัตย์ต่อตัวเองทำให้เขาสามารถปฏิบัติได้สม่ำเสมอเรื่อยมามิได้ขาดแม้แต่วันเดียวบางครั้งถึงขนาดงดไปกินเหล้ากับเพื่อนๆ เพราะได้เวลาปฏิบัติจิตของเขาเริ่มเสพคุ้นกับความสุขสงบจากการที่จิตเป็นสมาธิ ไม่ช้าไม่นานเขาก็สามารถเลิกเหล้าได้โดยไม่รู้ตัวด้วยอุบายธรรมที่น้อมนำมาจากหลวงปู่ ต่อมาเขาได้มีโอกาสมานมัสการท่านอีกครั้ง ที่นี้หลวงปู่ดู่ท่านให้โอวาทว่า ที่แกปฏิบัติอยู่ ให้รู้ว่าไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวแกเอง คำพูด
    ของหลวงปู่ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้น ศรัทธาและความเพียร ต่อการปฏิบัติก็มีมากขึ้นตามลำดับ ถัดจากนั้นไม่กี่ปี เขาผู้ที่อดีตเคยเป็นนักเลงเหล้าก็ละเพศฆราวาสเข้าสู่เพศบรรพชิตตั้งใจปฏิบัติธรรมเรื่อยมา
    อีกครั้งหนึ่งมีชาวบ้านหาปลามานมัสการท่าน และก่อนกลับท่านก็ให้เขาสมาทานศีล ๕ เขาเกิดตะขิดตะขวงใจกราบเรียนท่านว่า “ผมไม่กล้าสมาทานศีล ๕ เพราะรู้ว่าประเดี๋ยวก็ต้องไปจับปลา จับกุ้ง มันเป็นอาชีพของผมครับ ” หลวงปู่ตอบเขาด้วยความเมตตาว่า “แกจะรู้เหรอว่า แกจะตายเมื่อไหร่ ไม่แน่ว่าแกเดินออกไปจากกุฏิข้าแล้ว อาจถูกงูกัดตายเสียกลางทางก่อนไปจับปลา จับกุ้ง ก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อตอนนี้แกยังไม่ได้ทำบาปกรรมอะไร ยังไงๆ ก็ให้มีศีลไว้ก่อน ถึงจะ
    มีศีลขาดก็ยังดีกว่าไม่มี ศีล ”
     
  9. RYO

    RYO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +456
    สาธุ โมทนาครับ....
     
  10. ชัยวัฒน์98

    ชัยวัฒน์98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +909
    ถ้ายังสวดมนต์ได้ถูกต้อง ก็แสดงว่ายังมีสติดีอยู่ สวดเลยครับ แต่ศีลอาจไม่บริบูรณ์ เหมือนตอนปกติ นะครับ
     
  11. Unlimited Indy

    Unlimited Indy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,228
    ค่าพลัง:
    +803
    มีสติเวลาสวดมนต์ ตั้งจิตใจให้แน่วแน่ ช่วงเวลาตีสี่ก็เงียบสงบมากครับ ส่วนกินเหล้า ถ้าจะสวดมนต์ ก็ควรละไว้ก็เป็นการดีนครับ
    ขอให้เจริญในธรรม
     
  12. LloydVernet

    LloydVernet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2009
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +108
    ต้องไปอ่านในเรื่องของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ผมจำไมไ่ด้ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ รึเปล่าหว่า กระทู้ในนี้แหล่ะครับแต่ผมจำไม่ได้ ไม่ได้อ่านมานานแล้ว
    ท่านสอนลูกศิษย์ขี้เหล้า ให้สวดมนต์ ให้ท่องศีลห้า ประมาณว่าเอ็งจะกินข้าก็ไม่ว่า แต่เอ็งต้องสวดมนต์และท่องศีลห้าให้ข้าทุกวัน เมามึนหนักมากแค่ไหนเอ็งก็ต้องทำ

    แล้วศิษย์คนนั้นก็รับปาก ในอานุภาพที่เขาท่องในที่สุดเขาก็เลิกไปกินเหล้าไปเองด้วยอานิสงค์ของศีลที่เขาท่อง ตัดอบายมุขทุกอย่างได้ด้วยใจตัวเอง

    บารมีธรรมครูบาอาจารย์ลึกซึ้งมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...