ศัทธา หรือ งมงาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 13 เมษายน 2012.

  1. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +289
    อันนี้ก็เหมือนกันกระจัดกระจายหลายกระทู้ จริงๆมันก็เรื่องเดียวกัน อนุโมทนาในความหวังดีแต่พิจารณาดีๆว่า จริงๆแล้วมันมีจุดเริ่มต้นตรงไหนกันแน่ก็พอครับ ทางหลุดพ้นมีจริง ผู้หลุดพ้นมีจริง ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ ดังนั้นผู้ยังไม่หลุดพ้นก็มีทางที่ทำให้ไม่หลุดพ้นก็มี มันไม่ได้แบ่งอย่างเป็นระเบียบ เพราะจริงๆมันไม่ได้มีความเป็นระเบียบใดมากำหนด มันอยู่ที่จิตใจจะพิจารณาไหมเท่านั้น คนที่ทำเพราะความงมงายเพราะยังไม่เคยรู้ความจริงว่า ค่าที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหน เงินหนึ่งสลึงค์หรือเงินหนึ่งล้าน ค่ามันต่างกันที่ตัวเลข มีค่าหนึ่งที่อาจไม่ต่างกันเลย คือ ค่าความตั้งใจ ที่จะได้มาและให้ไป เพราะแต่ละคนเกิดมาแตกต่างกันจริงๆ ก็ยอมรับ เรื่องที่โพสต์ไว้นั้น จริงๆมันก็เป็นจริงแหละนะแต่ที่มันไม่เป็นจริงคือ คนเราหากรู้ว่าจะต้องทำก็จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมด้วย ไม่ใช่ว่าทำแบบเดิมคือซ้ำๆซากๆ แบบเดิม มันจึงเกิดปัญหา แต่ที่แย่คือ หากครอบครัวไม่เห็นด้วย คิดแต่ทางอกุศล ก็ยอมรับว่าเหนื่อยเอาการในการที่จะทำเพิ่มเติม แต่หากครอบครัวยอมรับเข้าใจว่า การให้คือการเสียสละ คือการช่วยเหลือผู้อื่น อาจเป็นเพราะเราไม่เคยช่วยเหลือใครเราจึงต้องลำบาก วันนี้หากมีโอกาสจงรีบทำแล้วเร่งเก็บเร่งหาเพื่อจะไม่ลำบาก ไม่ใช่ทำไปแล้วมานั่งรอบุญรอโชค ทำบุญสิบบาทจะเอาบ้านหลังโตๆ รถราคาเป็นล้าน เป็นต้น ถ้าจะแก้ไขนะ ผมว่า แก้กันตาเหลือกเลยแหละงานนี้ ไม่รู้ว่ามันผิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่
     
  2. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,653
    ค่าพลัง:
    +1,211
    ทำแบบสมดุลย์ดีกว่าไหมครับ รวมมาหมดเลยปัจจัยที่มีที่เกิด แล้วพิจารณาว่ามีเท่าไรใช้อย่างอื่นเท่าใด มองให้กลม คือกาลามานะครับ อย่ามองแต่กาย อย่ามองแต่จิต หรือศัรทธา หรืออะไรต่างๆ เพียงไม่กี่ข้อแล้วนำมา วิจารณ์ ใช้คำว่าวิจัย คือมีจัยกลาง แล้วจะได้แง่มุมมากกว่าการมองภาพแบนๆ ใช่หรือไม่ครับ
    การเสพย์สุรา กับสาระ นี่ต่างกันตรงไหน ดื่มสุรา หรือเสพย์ คำว่าเสพย์นี้อย่างไรเสพย์ สิ่งใดควรไม่ควรดีกว่าใช่หรือไม่ขอรับ แต่ทางที่ดีที่สุดคือทำให้ดีที่สุดเท่านั้นเองหรือไม่ครับ
    และการทำให้สมดุลย์ของแต่ละคนในทางโลกไม่เหมือนกันครับมีน้อยกินน้อย และ ยังมีร่างกายอยู่เหมือนคนอื่นเขาได้เหมือนเขาใช่ไหมครับยังดำเนินชีวิตได้ในโลกเหมือนเขา
    ขอให้ท่านเจริญในธรรมครับ
     
  3. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,145
    ค่าพลัง:
    +1,960
    สาธุครับขอบคุณครับ
    จริงครับผมสังเกตุตัวผมแล้วเป็นตามที่พี่บอกจริงแต่ผมนึกไม่ออกเลยนะเนี่ย
     
  4. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    อธิเดชศิษย์รัก..อาจารย์เป็นห่วงเอ็งจริงๆๆๆๆๆ:mad::'(
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คุณ เก่ง ครับ ไม่ทราบคุณมีลูกหรือยังครับ ปัญหาในครอบครัวนั้น

    จะมีผลรุนแรงเมื่อมีความรับผิดชอบที่มากกว่าเพียงแค่คนสองคนครับ

    หากทำบุญด้วยจำนวนที่ไม่ก่อความลำบากแก่ครอบครัว ปัญหาย่อมไม่เกิด

    แต่หากกระทำจนมากเกินไป ปัญหาย่อมเกิดขึ้น และ มีมากมายที่เป็นเช่นนี้อยู่

    มีมากมายในสังคมยุคนี้ การปฎิบัติธรรมภาวนา และ การทำบุญ

    หากนำมาซึ่งการทะเลาะถกเถียงภายในครอบครัว เป็นสิ่งที่สมควรไหมครับ

    กระทู้ที่ผมตั้งขึ้นมานี้ ไม่ได้ห้ามไม่ให้ทำบุญ แต่ทำเท่าที่พอเหมาะ พอควร

    สาธุครับ
     
  6. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ควรเจริญสติให้มากครับ นี่เป็นหนทางสู่ความหลุดพ้นครับ

    สาธุครับ
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การดื่มสุรา หรือ เสพสุรา ก็เป็นการผิดศีลครับ ไม่ใช่สิ่งที่ควรนำมากล่าวด้วยครับ

    หากอ่านจนจบ ก็จะเข้าใจในความหมายที่ผมสื่ออยู่ครับ

    ผมได้กล่าวถึงความสมดุลย์แล้วครับ การทำบุญต้องทำตามความพอดีครับ

    ไม่ใช่ได้มา 100 บาท แต่ทำบุญ 70 บาท ปัญหาย่อมเกิดแน่นอนครับ

    ยิ่งมีลูกที่กำลังจะเติบโตด้วยแล้ว ปัญหาทะเลาะถกเถียงยิ่งรุนแรงครับ

    สาธุครับ
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ความเป็นจริงบนโลกมีให้เห็นอยู่เป็นธรรมดา แต่เมื่อได้พบเห็นแล้วก็ต้องยอมรับ

    หากไม่ยอมรับในความเป็นจริงบนโลก ก็จะทำให้เกิดความลุ่มหลงได้ง่าย

    ผู้ที่ไม่ยอมรับด้วยประการทั้งปวง ด้วยยึดถือในตนเองเป็นที่ตั้ง ย่อมเห็นคาดเคลื่อนไปจากความจริง

    ความศัทธาเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่ความงมงายนำมาซึ่งความสูญเสีย

    สาธุครับ
     
  9. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    ไอ้ส้นตีน..ที่มึงพูดมานี่นะ ตัวมึงทั้งนั้นเลยยย.. กูละอายเขาจริงๆที่ได้มึงเป็นศิษย์แบบโมเม..ไอ้ซื่อบื้อไอ้ดอกกะทือ กูไม่รู้จะด่ามึงยังไงสติมึงถึงจะกลับมาแบบไม่อวดรู้ เสือกรู้ไปทุกเรื่องทั้งที่ไม่รู้จริง..ไอ้ฟายยยยยเอ้ยส์..!:mad::'(
     
  10. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    " ...อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี<WBR>
    แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
    ...
    จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย
    ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน...<WBR> "

    ....หลวงวิจิตรวาทการ....
     
  11. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    ไอ้ อนันนต์ บุญนาค ..!:mad: มึงนี่ดีจนหาที่ติไม่ได้เลยจริงๆ:mad:
     
  12. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +1,459
    หากมองย้อนหลังพระพุทธองค์กับพระนางพิมพา
    เมื่อครั้งเป็นพระเวสสันดรกับพระนางมัทรี
    พระองค์ทรงให้ทานแม้กระทั่งพระโอรส
    พระเวสสันดรกับพระนางมัทรีก็ไม่เห็นทรงทะเลาะเบาะแว้งกัน
    ทรงเห็นพ้องกันตลอด
    หรือแม้กระทั่งพระเวสสันดรทรงให้ทานตัวพระนางมัทรีเอง
    ตัวพระนางมัทรีก็ไม่เห็นจะขัดขืนไม่ยอมตามปรารถนาของพระเวสสันดร
    ก็ทรงเห็นพ้องกันตลอดเช่นกัน

    นี่แค่ทำบุญไม่ถึงร้อย
    จะเจียดไปทำบุญบ้างก็ทะเลาะถกเถียง
    ต่อไปก็จะไม่เป็นคู่เวรคู่กรรมกันไปหรอกเหรอ

    พิจารณาพระเวสสันดรกับพระนางมัทรีสิครับ
    คู่บารมีท่านสร้างกันมาแบบนี้
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    พระวจนะ" คหบดี อริยสาวกนั้น ใช้โภคทรัพย์ ที่ตนหามาได้ด้วยความเพียร เป็นเครื่องลุกขึ้น รวบรวมมาด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็นโภคทรัพย์ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม เพื่อกระทำกรรมในหน้าที่ 4ประการ สี่ประการอย่างไรเล่า คหบดี สี่ประการในกรณีนี้คือ 1) อริยสาวกนั้น ใช้โภคทรัพย์อันตนหามาได้โดยชอบธรรม ในการเลี้ยงตนให้เป็นสุขอิ่มหนำ บริหารตนให้อยู่เป็นสุขโดยถุกต้อง ในการเลี้ยงมารดาและบิดาให้เป็นสุขอิ่มหนำ บริหารท่านทั้งสองให้อยู่เป็นสุขโดยถูกต้อง ในการเลี้ยงบุตร ภรรยา ทาสและกรรมกรชายหญิง ให้เป็นสุขอิ่มหนำ บริหารให้อยู่กันอย่างเป็นสุขโดยถูกต้อง ในการเลี้ยงมิตร อำมาตย์ให้เป็นสุขอิ่มหนำ บริหารให้อยู่เป็นสุขโดยถูกต้องนี้เป็นการบริโภคทรัพย์ฐานที่หนึ่ง อันอริยสาวกนั้นถึงแล้ว บรรลุแล้ว บริโภคแล้วโดยชอบด้วยเหตุผล(อายตนโส) คหบดี ข้ออื่นยังมีอีก.........2)อริยสาวกนั้นใช้โภคทรัพย์อันตนหามาได้โดยชอบธรรม ในการปิดกั้นอันตรายทั้งหลาย ทำตนให้สวัสดี จากอันตรายทั้งหลาย ที่เกิดจากไฟ จากน้ำ จากพระราชา จากโจร หรือจากทายาทที่ไม่เป็นที่รักนั้นนั้น นี้เป็นการบริโภคทรัพย์ฐานที่สอง อันอริยสาวกนั้นถึงแล้วบรรลุแล้ว บริโภคแล้วโดยชอบด้วยเหตุผล คหบดี ข้ออื่นยังมีอีก.3) อริยสาวกนั้น ใช้โภคทรัพย์อันตนหามาได้โดยชอบธรรม ในการทำพลีกรรม ห้าประการ คือ ญาติพลี(สงเคราะห์ญาติ) อติถิพลี(สงเคราะห์แขก) ปุพเปตพลี(สงเคราะห์ผู้ล่วงลับไปแล้ว) ราชพลี(ช่วยชาติ) เทวดาพลี(บูชาเทวดา) นี้เป็นการบริโภคทรัพย์ฐานที่สามอันอริยสาวกนั้นถึงแล้วบรรลุแล้ว บริโภคแล้วโดยชอบด้วยเหตุผล คหบดี ข้ออื่นยังมีอีก.........4)อริยสาวกนั้น ใช้โภคทรัพย์ อันตนหามาได้โดยชอบธรรม(ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น) ในการตั้งไว้ซึ่งทักษิณา อุทิสแก่สมณพราห์มทั้งหลายผู้งดเว้นแล้วจากความประมาทมัวเมา ผู้ตั้งมั่นใน ขันติและโสรัจจะ ผู้ฝึกฝนทำความสงบ ทำความดับเย็นแก่ ตนเอง อันเป็นทักษิณาทานที่มีผลเลิศในเบื้องบน เป็นฝ่ายดี มีสุขเป็นผลตอบแทน เป็นไปพร้อมเพื่อสวรรค์ นี้เป็นการบริโภคทรัพย์ฐานที่สี่อันอริยสาวกนั้นถึงแล้ว บรรลุแล้ว บริโภคแล้วโดยชอบด้วยเหตุผล คหบดี อริยสาวกนั้น ย่อมใช้โภคทรัพย์ที่ตนหามาได้ด้วยความเพียรเป็นเครื่องลุกขึ้น รวบรวมมาด้วยกำลังแขน มีตัวชุ่มด้วยเหงื่อ เป็นโภคทรัพย์ประกอบด้วยธรรม ได้มาโดยธรรม เพื่อกระทำกรรมในหน้าที่ สี่ประการ เหล่านี้ .........คหบดี โภคทรัพย์ทั้งหลายของบุคคลใด ถึงความหมดสิ้นไป โดยเว้นจากกรรม ในหน้าที่ สี่ประการดังกล่าวแล้วนี้ โภคทรัพย์เหล่านั้น เป็นโภคะอันบุคคลไม่ถึงแล้วโดยฐานะ ไม่บรรลุแล้ว ไม่บริโภคโดยชอบด้วยเหตุผล..........คหบดี โภคทรัพยืทั้งหลาย ของบุคคลใด ถึงความหมดสิ้นไป โดยกรรมในหน้าที่ สี่ประการดังกล่าวแล้วนี้ โภคทรัพยืเหล่านั้น เรากล่าวว่าเป็น โภคะอันบุคคลนั้นถึงแล้วโดยฐานะ บรรลุแล้ว บริโภคแล้วโดยชอบด้วยเหตุผล--จตุกุก.21/88-89-61...:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...