การฝึกสติมากๆ จะสามารถระลึกรู้ กำหนดจิตขณะฝันได้หรือไม่ (การควบคุมสติเวลาฝัน)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ped2011, 15 เมษายน 2012.

  1. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    [FONT=&quot]รู้สึกเหนื่อยมากเวลาฝัน บางครั้งอยากกำหนดตัวเองไม่ให้ฝัน หรืออยากรู้ตัวตลอดเวลา ว่านี่เรากำลังฝัน [FONT=&quot]จึงอยากทราบว่า ถ้าฝึกสติจนชำนาญจะสามารถควบคุม หรือระลึกมีสติตอนฝันได้หรือไม่ อยากมีสติขณะฝันครับ [/FONT][/FONT]​
     
  2. momoru

    momoru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +246
    การที่จะรู้ได้ว่าฝันอยู่รึป่าว เราต้องมีสติพอสมควรครับ แต่ปกติแล้วเวลารู้ตัวว่าฝันก็มักจะตื่นเพราะว่ามีสติมากเกินไป ลองฝึกสมาธิดูจะช่วยให้เรามีสติแล้วไม่ตื่นขึ้นมาครับ
     
  3. พยัคฆ์ร้าย

    พยัคฆ์ร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,411
    ค่าพลัง:
    +161
    เคยได้ยินมาว่าจะมีการฝันได้ แต่พอเราตื่นมาไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจเพราะมันไร้สาีระ
    (จิตมันฟุ้งไป) แต่ผมก็ยังชอบเก็บเอามาคิดเวลาวันร้ายอะไรยังงี้ :boo::boo:
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    สติตามรู้ครับ....จริงๆแล้วคือ ฝันรู้อยู่ว่าฝันอย่างนี้หละครับ....อันนี้คือหน้าที่ของสติ...เพราะความฝันคือความคิดตอนที่เรานอน มันก็เป็นวิถีจิตเดียวกันกับในระหว่างวันที่สติตามรู้ความคิด.....กล่าวง่ายๆก็คือ ฝันไปก่อนแล้วสติไปรู้ อย่างนี้หละครับ....อันนี้คือวิถีของสติ.....

    ถ้าจะให้ไม่ฝันเลยอันนี้เป็นขั้นที่เลยจากสติขึ้นมาในขั้นของสมาธิ ที่เรียกว่า ฌาน ครับ....ถ้าผ่านทุติยฌาน สมาธิละเอียดละการรับรู้ความคิด เมื่อละการรับรู้ความคิด ก็ละการรับรู้ความฝัน อย่างนี้หละครับ....
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    บางคนไม่ต้องฝึก เวลาขณะฝัน ก็ควบคุมสติเวลาฝัน ได้ครับ

    ไม่จำเป็นเสมอไป

    แล้วคนฝึก สมาธิ เวลาฝัน ก็มีส่วนช่วยให้ควบคุมสติ เวลาฝันได้ ช่วยได้ครับ

    อยู่ที่ว่า ตอนฝันนั้น สติ มีมาก หรือ น้อย

    บางคน ตอนฝัน มีสติ สมบูรณ์ ก็ กำหนดสิ่งต่างๆในฝันได้

    บางคน ตอนฝัน สติ น้อย เบลอๆ ก็กำหนดอะไรไม่ได้ หรือบางที ตื่นมา ก็ลืมไปหมด

    อยู่ที่ตัวบุคคลว่าต้องการแบบไหน

    จขกท ควร สำรวจตัวเอง ว่า ฝัน นั้น เกิดจากเหตุอะไร แล้วแก้ไขให้ตรงตัว แก้ให้ตรง จุด ดีกว่าครับ

    เช่น กินเยอะ รับประทานอาหารเยอะ จน ธาตุกำเริบ หรือไม่ เป็นตัวอย่าง

    จะแก้ ก็ต้อง ไป แก้ที่ สาเหตุ ว่าสาเหตุที่ฝัน เกิดจากอะไร แก้ให้ตรงจุด แก้เหตุที่เกิด นะคับ


    การฝันในทางพุทธศาสนาแบ่งไว้ 4 อย่าง
    1.กรรมนิมิต ผลกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อนให้ผล คือกรรมที่เราทำทุกอย่างไม่ว่าดีหรือชั่ว จะรวมอยู่ที่จิตของเรา เพราะว่าการกระทำมันออกมาจากที่ใจคิด (เจ้ากรรม) ส่วนนายเวรคือ เวรที่เป็นผลออกมาไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
    ในบางครั้งพอกรรมจะให้ผล ก็จะต้องออกมาจากดวงจิตให้รับรู้ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นบางครั้งบางขณะผลกรรมที่ทำนั้นก็แสดงออกมาให้เห็นทางความฝัน บางทีแสดงออกมาให้เห็นว่า เรากำลังจะได้รับผลกรรมอะไร ดีหรือร้าย
    2.จิตนิวรณ์ จิตของเราพะวงหรือคำนึงถึงสิ่งใดหรือฝังจิตฝังใจกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดมากเกินไป อะไรที่ฝังใจเรามานาน ๆ เช่น เจ็บช้ำน้ำใจหรือฝังใจในความสุข เหล่านี้เป็นจิตที่เกิดขึ้นเองโดยอาศัยความฝังใจหรือมีความโลภ โกรธ หลง เป็นมูลเหตุ เช่น ชอบเลขก็ฝันเป็นตัวเลข พอหลับก็ฝันเลยฟุ้งซ่าน
    3.เทพสังหรณ์ เทพเจ้า เทวาอารักษ์ ทั้งที่เป็นมิตรและศัตรูกับเรามาดลจิตดลใจ หรือมาในขณะที่เราเคลิ้ม ๆ หรือเราเรียกว่า “อุปจาระ” หรืออาจจะเป็นความปรารถนาดีของเทวดาทั้งหลายก็ได้ มาบอกเหตุมักจะเกิดขึ้นตอนใกล้ ๆ ฟ้าสาง ช่วงที่อาหารย่อยหมดแล้ว การฝังจิตฝังใจก็ไม่มีเป็นช่วงที่หลับแล้ว ครึ่งหลับครึ่งตื่น เป็นช่วงเทวดาบอกเหตุถ้าเทพสังหรณ์จะการฝันตอนใกล้ฟ้าสาง
    4.ธาตุกำเริบ คนที่กินอาหารมากผิดปกติ ผิดความต้องการของร่างกาย ผิดกาล ผิดเวลา หรือทานอาหารเปรี้ยวจัด รสจัด ร้อนจัด เย็นจัด กินน้อยไปหรือกินมากไป ร่างกายจึงเกิดปฏิกิริยา พอหลับก็เริ่มฝัน ( กินมาก ถ่ายมาก นอนมาก ฝันมาก

    http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99


    ที่มาอื่นๆ กดเบา ๆ http://www.google.co.th/#hl=en&scli....,cf.osb&fp=890dec1870373a17&biw=1920&bih=932
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2012
  6. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    ..ขอค้านคุณภานุเดชครับตรงนี้ คนที่มีสติมากๆ คุณจะนอนไม่ฝันเลยครับ บางครั้งสอง-สามเดือน จะฝันสักครั้ง..
    นั่นเพราะสติคุณแกร่ง เมื่อคุณตื่นในเวลากลางวัน สติคุณคุมการนึกคิดคุณได้ ไม่ส่งจิตออกนอกเลย..นี่อำนาจของสติตอนตื่นคุณจะเป็นหนึ่งเสมอ สติจะอยู่ในฐานที่มั่นหรือสติปัฏฐานของคุณโดยอัตตโนมัต ..เช่นกาย ลมหายใจ พุทธโธ เวลานอนคุณไม่มีข้อมูล ที่จะเก็บเอามาฝันหรอกครับ ยกเว้นอนุสัยธรรม นิมิต :cool:
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ก็ดีแล้วนินะครับ...สติมีกำลังมากก็เป็นสมาธิถูกแล้วนิครับ....สติ เขามีขอบเขตว่า ระลึกรู้ หน้าที่ของสติคือระลึกรู้สถาวะ ตามรู้ตามดูสภาวะ....ส่วนตั้งมั่นเป็นหนึ่งอย่างที่คุณบอก ก็คือ ความหมายของสมาธิ....สมาธิ แปลว่า ความตั้งมั่นแห่งจิต....สิ่งที่คุณพูด คือพูดอยู่ในขอบเขตของสมาธิ ซึ่งพัฒนามาจากสติแล้ว....ซึ่งมันก็เป็นความหมายเดียวกับที่ผมกล่าวไป...แล้วมันไปแตกต่างกันตรงใหน....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2012
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    เหมือนกันก็ได้ครับ..ไม่มีปัญหาครับ..:cool:
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ^-^

    นี่คุณเห็นไม การที่เราจะตอบกระทู้ เราก็ต้องใช้สตินะ....

    ..........................................................................................

    ทบทวนปริยัติกันใหม่อีกสักรอบนะครับ....เพี่อความเข้าใจและการใช้คำได้ถูกต้อง.....


    สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้ว แม้นานได้
    (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒, ข้อ ๓ ในพละ ๕, ข้อ ๙ ในนาถกรณธรรม ๑๐, ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗, ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗)


    สมาธิ ความมีใจตั้งมั่น, ความตั้งมั่นแห่งจิต, การทำให้ใจสงบแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน, การมีจิตกำหนดแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ
    มักใช้เป็นคำเรียกง่ายๆ สำหรับอธิจิตตสิกขา;
    ดู เอกัคคตา, อธิจิตตสิกขา
    (ข้อ ๒ ในไตรสิกขา, ข้อ ๔ ในพละ ๕, ข้อ ๖ ในโพชฌงค์ ๗)

    พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2012
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ถ้ารู้สึกเหนื่อยหลังจากฝัน..แสดงว่าพอมีกำลังสติบ้างแล้วหละครับ..เพียงแต่ว่าจะไปทันช่วงปลายๆเรื่อง..ถ้าฝึกสติเพิ่มนะครับ..ให้มีกำลังสติทางธรรมมากกว่านี้..จะทันตั้งแต่ช่วงกลางๆ และมาทันตั้งแต่เริ่มต้นครับ..
    ส่วนความฝันก็มีหลายๆสาเหตุ..ส่วนฝันที่จำเป็นต้องสร้างสติเพื่อที่จะให้ทันนั้น..จะเป็นความฝันที่ทดสอบระดับจิตของเราเอง..ว่าเราจะทำหรือไม่ทำในสิ่งนั้นๆ..คล้ายๆว่าเราจะผ่านจุดนี้หรือไม่ เนื่องจากเราฝึกสติตอนลืมตาเค้าตามเล่นงานเราไม่ได้..เค้าก็จะตามมาเล่นงานเราในฝันเนื่องจากกำลังสติเราจะน้อยกว่าตอนลืมตา.และจะเล่นหรือทดสอบเรา..ในเรื่องที่เราทำอกุศลได้ดีตอนลืมตาแต่เป็นจุดอ่อนในทางธรรมของเราครับ..
    อนุโมทนาสาธุ
     
  11. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    สาธูครับ อนุโมทนาครับ:cool:
     
  12. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากปฎิบัติจนมีสมาธิที่ดี การฝันนั้นมักไม่เกิดขึ้น นอกจากการบันดาลของผู้ที่มีกรรมร่วมกันมา

    จริงๆแล้วจิตจะหลับประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขณะนั้นจะไม่มีการฝันแต่อย่างใด

    แต่หากว่าจิตตื่นแล้ว แต่กายยังหลับอยู่ การฝันจึงจะเกิดขึ้น

    แต่หากเราภาวนาจนเป็นนิสัยแล้ว เมื่อจิตตื่นขึ้น ก็จะภาวนาเอง การฝันจึงไม่เกิดขึ้น

    สาธุครับ
     
  13. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    พอจะมีใครได้สนทนา กับพระสงฆ์ระดับเกจิเรื่องการฝันของท่านบ้างไหมครับ ท่านฝันหรือไม่ และวิธีปฏิบัติของท่าน ขออนุโมทนาล่วงหน้าในการมาให้ความรู้ครับ
     
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ^-^

    วิธีการที่ผมบอกไปนั่นหละครับ เอามาจากครูบาอาจารย์ วิธีการปฏิบัติเอามาจากพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่ว่าใครก็ปฏิบัติกันแบบนี้...เพราะถ้าให้ผมคิดเอง ผมไม่มีปัญญาคิดได้หลอกครับ....

    ถ้าคุณคิดว่าไม่แน่ใจ ในกัลญาณมิตรทั้งหลายที่นี่ ผมว่าคุณน่าจะไปศึกษาเองดีกว่านะครับ หรือ ไปสอบถามเกจิอาจารย์ที่คุณศรัทธาด้วยตัวคุณเอง....เพราะมาถามแล้วไม่แน่ใจก็เสียเวลาเปล่าๆ...อีกอย่างคุณศึกษาแล้วนำไปปฏิบัติเองเห็นเองก็แน่ชัดเอง....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2012
  15. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    ตอบว่าได้

    ครั้งหนึ่งเคยฝันไปว่า ไปยืนอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง มีผู้หญิงมาแขวนคอ
    ก็แหงนมองไป จากนั้นร่างผู้หญิงนั้น ค่อยๆเปลี่ยนแปรสภาพไป
    ในฝันจึงตั้งสติ กำหนดเอาร่างอสุภะนั้น มากำหนดเป็นกรรมฐาน ความกลัวไม่มีเกิดขึ้นเลย
    ก็ยืนเพ่งจ้องดูอย่างนั้นล่ะ เกิดอาการของสมาธิ มีปิติเกิดขึ้น ระหว่างในฝันนั้นเลย

    นี้โดยส่วนตน

    แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยฝันอะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2012
  16. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    และมีอยู่อีกครั้งหนึ่ง เคยฝันไปว่า รู้สึกมีอะไรมาทับร่าง ขยับเยือนไม่ได้เลย เหมือนอำนาจอะไรบางอย่าง

    ในความรู้สึก ระหว่างที่หลับไปนั้น ก็เลยกำหนดสมาธิในฝันนั้นเลย สมาธิมันเป็นพลังงาน

    เกิดอาการแผ่ซ่าน ทำให้หลุดจาก อาการที่มีอะไรๆมาทับร่างนั่นล่ะ กับความรู้สึกที่หลับไปนั้น

    เกิดอัตตา อุทานในฝันไปอีกว่า "ให้มันมาทั้งโครตเลย"

    บางสิ่งบางอย่าง กับความฝัน ต้องเข้าใจก่อนว่า ความฝันมีหลากปัจจัย
    เมื่อออกมาอยู่กับความจริง ให้พิจารณาไปว่าสิ่งนั้นดีไม่ดียังไง
    เอามาสอนตน เช่นสิ่งนั้นไม่ดีเลย ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ต้องเริ่มต้นใหม่
    แล้วสอนตนว่านั่นเพราะสติเรายังไม่มั่นคง จึงล่วงละเมิดกับสิ่งที่ดีงาม

    หรือเช่น ดีแล้วหนอ ที่เราไม่ล่วงละเมิด ทำนองนั้น นี้จะเป็นสาระกว่า
    คือเอาความฝัน มาสอนให้อยู่กับความจริง

    นั่นแหละ สติในฝัน มันเกิดขึ้นได้ หากฝึกในชีวิตจริงให้ยิ่งขึ้นไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...